Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: mamaman ที่ มีนาคม 12, 2015, 11:10:45

หัวข้อ: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 12, 2015, 11:10:45
คิดว่า ชนชั้นกลางจะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ

มองดู ราคารถยนต์บ้านเรา ในรุ่นที่ ไม่ได้ สิทธิ ทาง ภาษี เทียบกับ ต้นทุนของมันแล้ว ช่างท้อแท้ ห่อเหี่ยวใจครับ
เมื่อตอนผมทำงานใหม่ ๆ 10 ปีก่อน ลองเก็บเงิน ซื้อรถ เงินสด นี่ มันเก็บไม่ถึงซักที
สุดท้ายก็ต้อง กู้ จนได้

ในขณะรถยนต์แพงขึ้นๆ ทุก ๆ ปี พร้อมภาษี มหาโหด
คนได้ประโยชน์

OEM ได้กำไรเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับ รายได้ที่รัฐบาลเอาไป

ไม่แปลก ที่ กะบะ ข่นส่ง และ cab เป็นรถขายดี  ( ผมหมายถึงป้ายเขียวนะครับ )
ไม่แปลก ที่ ตลาดรถยนต์ บ้านเรามันต้องทำ Eco car ออกมา กระตุ้น ยอดขาย ( ดึงกำลังซื้อจากกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กระตุ้นตลาดรถที่ตกต่ำ ด้วยการลดภาษี ทำให้รถราคาถูกลง )
ไม่แปลกที่ ดาวน์รถเพียงแค่ไม่กี่บาทก็ออกไปผ่อน รถให้โดนยึดได้
ไม่แปลก ที่ ต่างจังหวัด และในประเทศ  มีระบบ ข่นส่ง มาลชน ห่วยๆ  จน จำเป็น ต้องออกรถมาขับเอง

รยนต์ บ้านเรา มันไม่ใช่แค่ รถยนต์ จริงๆ นั่นเหลาะ
ทอง มีค่า ด้วยราคาของมัน
รถยนต์ ก็เลยพลอยดูมีค่า ด้วยราคาของมัน โดย นโยบาย จากรัฐบาล

ถึงเวลาแล้วยัง ที่ ภาษี สรรพสามิต รถยนต์ ทุกระดับ ควรเปลี่ยนแปลง


ตอนนี้ ผมเปลี่ยน วิธีจาก เคยอยากขับ SUV
เปลี่ยนมาเป็น กะบะ cab และ เก๋งเก่าๆ จะลากไปยาวๆ จนกว่าจะพังกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: whoami ที่ มีนาคม 12, 2015, 11:25:38
ถ้ารถยนต์ขายได้ในราคาถูก ก็จะมีคนบางจำพวกออกมาแขวะเพราะไม่พอใจ

ที่คนรายได้น้อยมีรถได้ เพราะกลัวจะแย่งถนนเค้าใช้ครับ

ดูอย่างโครงการรถคันแรก คนไม่เห็นด้วยเพียบ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มีนาคม 12, 2015, 11:30:21
 ค่าแรงก็มีส่วน   อย่างค่าแรงขึ้น หรือปรับเงินประจำปีบริษัทรถยนต์อย่างโตโยต้าก็ผักภาระมาที่ราคารถและราคาเช็คระยะที่ศูนย์บริการ พร้อมกับลดต้นทุนด้วยราคาชิ้นส่วนที่ถูกลง  
อย่างรถอิโคคาร์ไม่ใช่เรื่องของบริษัทรถยนต์แต่เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ไปส่งเสริมเรื่องแบบนี้ทำให้ค่ายรถพยายามหารถเพื่อมาเข้าโครงการอีโคคาร์               รถอิโคคาร์ราคาที่ถูกลงได้ไม่ใช่เพราะขนาดเล็ก  แต่เป็นเพราะมาตรฐานชิ้นส่วนมันทำให้ถูกลง   การลด Process  ชิ้นส่วนทำให้ราคาถูก   รวมถึงการเชร์การใช้ชิ้นส่วนนำเข้าจากเพื่อนบ้านมาเป็นจำนวนมากในราคาถูก ทำให้รถราคาถูกลงไปในสภาพที่แข่งขันได้ในด้านราคา        ไม่เกียวกับรถเล็กแล้วราคาถูก


ส่วนปิคอัพราคามันไม่ได้ถูกนะครับ  ภาษีเท่านี้แต่ราคารถรุ่นเริ่มต้นกระบะตอนเดียว ราคาบางรุ่นเกินกว่าราคา 5 แสนกว่าบาทไปแล้ว แพงกว่าอิโคคาร์ตัวท๊อปอีก    ปิคอัพ 4x4  ตัวบนสุดราคาก็หลักล้านไปหลายยี่ห้อแล้วด้วย

ส่วนตัวผม ผมก็ใช้รถ Fortuner 2.7 4x4   ตอนแรกซื้อมาก็ตั้งใจใช้ 20 ปี หรือ 5 แสนกิโลเมตร    ถ้าจะให้เปลี่ยนไปใช้ PPV SUV   ตัวใหม่ของ TOYOTA  2.8 4X4  ราคามันจะอยู่ราว ๆ  1.5 ล้านบาท      พุดตรง  ๆ ครับเสียดายเงินถ้าจะต้องไปเป็นหนี้อีกทั้งที่รถคันเดิมยังดีอยู่   ราคารถแพงกว่าเดิมมากหลายแสนบาท ขณะที่รถเก่าก็ถูกกว่าเดิมมาก   บ้านผมไม่เคยซื้อป้ายแดงมาก่อนเพิ่งซื้อคันนี้เป็นคันแรก  และคงใช้ยาวเหมือนกัน     ถ้าคนมีกำลังก็ซื้อไป    
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: off_033 ที่ มีนาคม 12, 2015, 11:33:55
รถยนต์เป็นของฟุ่มเฟือยครับ  ถึงมันจะสำคัญมากในปัจจุบันก็เถอะ

ตอนนี้ก็มี eco car ให้เลือก  ถ้ารายได้จำกัด

ถ้าอยากลดภาษีรถยนต์เค้าก็ต้องไปเพิ่มภาษีอย่างอื่น ท่านรับได้มั้ยครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: TheZero ที่ มีนาคม 12, 2015, 11:37:39
เรื่องภาษีรถ เห็นบ่นกันตลอด  แต่ก็ออกรถใหม่กันประจำ บ.ที่ผมทำงาน ตอนนี้ผมต้องไปจอดรถ ข้างนอก แล้ว เพราะรถเต็ม
ถามว่าที่รถแพง นี้เกี่ยวกับภาษีไหม ตอบใช่ครับ แต่รถที่ผลิตในประเทศ ผมก็เห็นขายแพงเหมือนเดิม ทั้งๆๆ ที่ได้ลดภาษี แต่ บริษัท ผู้ผลิตก็บวกค่าการตลาดในการตั้งราคา เพราะคิดว่าตั้งมายังไงก็ขายได้ เช่นเจ้าตลาดทั้งสองเจ้า

ไม่แปลก ที่ กะบะ ข่นส่ง และ cab เป็นรถขายดี ====== รถกระบะ ไม่ถูกนะครับ 4 ประตู 9แสน - ล้านเลย
ตลาดรถยนต์ บ้านเรามันต้องทำ Eco car ออกมา กระตุ้น ยอดขาย ========== คุณคงเข้าใจผิด อันนี้ เพราะโครงการ eco car ลดภาษี
ดาวน์รถเพียงแค่ไม่กี่บาทก็ออกไปผ่อน รถให้โดนยึดได้ ============ เรื่องนี้เพราะไม่มีวินัยการเงิน ออกรถเกินตัว ผมเห็นที่โดนยึดกันก็ น้องทีเพิ่มจบ เริ่มทำงานทั้งนั้น
ไม่แปลก ที่ ต่างจังหวัด และในประเทศ  มีระบบ ข่นส่ง มาลชน ห่วยๆ  จน จำเป็น ต้องออกรถมาขับเอง  =========== อันนี้เรื่องจริง  ไม่รู้ภาษีที่เก็บไป เอาไปไว้ไหน!
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: wa330 ที่ มีนาคม 12, 2015, 11:53:31
ชนชั้นกลางสู้ไม่ไหวก็ต้องค่อยๆถอยลงคับ
จากมีรถยนต์ขายกลายเป็นมอไซค์
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 12, 2015, 12:11:06
เรื่องภาษีรถ เห็นบ่นกันตลอด  แต่ก็ออกรถใหม่กันประจำ บ.ที่ผมทำงาน ตอนนี้ผมต้องไปจอดรถ ข้างนอก แล้ว เพราะรถเต็ม
ถามว่าที่รถแพง นี้เกี่ยวกับภาษีไหม ตอบใช่ครับ แต่รถที่ผลิตในประเทศ ผมก็เห็นขายแพงเหมือนเดิม ทั้งๆๆ ที่ได้ลดภาษี แต่ บริษัท ผู้ผลิตก็บวกค่าการตลาดในการตั้งราคา เพราะคิดว่าตั้งมายังไงก็ขายได้ เช่นเจ้าตลาดทั้งสองเจ้า

ไม่แปลก ที่ กะบะ ข่นส่ง และ cab เป็นรถขายดี ====== รถกระบะ ไม่ถูกนะครับ 4 ประตู 9แสน - ล้านเลย
ตลาดรถยนต์ บ้านเรามันต้องทำ Eco car ออกมา กระตุ้น ยอดขาย ========== คุณคงเข้าใจผิด อันนี้ เพราะโครงการ eco car ลดภาษี
ดาวน์รถเพียงแค่ไม่กี่บาทก็ออกไปผ่อน รถให้โดนยึดได้ ============ เรื่องนี้เพราะไม่มีวินัยการเงิน ออกรถเกินตัว ผมเห็นที่โดนยึดกันก็ น้องทีเพิ่มจบ เริ่มทำงานทั้งนั้น
ไม่แปลก ที่ ต่างจังหวัด และในประเทศ  มีระบบ ข่นส่ง มาลชน ห่วยๆ  จน จำเป็น ต้องออกรถมาขับเอง  =========== อันนี้เรื่องจริง  ไม่รู้ภาษีที่เก็บไป เอาไปไว้ไหน!

แฮะ ๆ ผมหมายถึงกะบะ ขนส่ง และ cab ที่ป้ายเขียวครับผม
ส่วน Eco car นี่ ขายดีเพราะมันถูก ถูกเพราะ ลดภาษีไงครับผม เพราะไม่ลดราคารถลง คนรายได้น้อย ไม่มีทางไปออก B หรือ C ได้เลย
เรื่อง ออกรถเกินตัว  นี่ ไฟแนนซ? ส่วนนึงผมคิดว่า ปล่อยง่ายเกินไปนะครับ มีที่ไหน ดาวน์ 30000 รายได้ต่อเดือน 12000 ผ่อนรถเดือนละ 8000


หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ มีนาคม 12, 2015, 12:42:29
ถ้ารถยนต์ขายได้ในราคาถูก ก็จะมีคนบางจำพวกออกมาแขวะเพราะไม่พอใจ

ที่คนรายได้น้อยมีรถได้ เพราะกลัวจะแย่งถนนเค้าใช้ครับ

ดูอย่างโครงการรถคันแรก คนไม่เห็นด้วยเพียบ

ผมคนนึงแหละครับ ที่ด่าโครงการนี้ คุณรู้มั้ยส่วนนึง(แต่มีเยอะ)คนที่ซื้อรถในโครงการนี้คือ"ซื้อรถแล้วได้เงินคืนมาด้วย ไม่เอาก็โง่แล้ว" ผลน่ะเหรอหนี้เสียจากรถยนต์บานเบิก แถมด้วยการผลิตคนขับมือใหม่ลงถนนในปริมาณมากๆปัญหาจราจรอื่นๆตามมาอีกเพียบ อีกทั้งเงินที่หมดไปกับโครงการนี้มากกว่าโครงการซื้อรถเมล์ใหม่ของ ขสมก. ซะอีก อันนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อซักที ทั้งที่มีความจำเป็นกว่าโครงการรถคันแรกตั้งเยอะ มันเป็นโครงการที่ไรัประโยชน์มากพอๆกับโครงการแจกแท็ปเล็ตเด็กประถมน่ะแหละ

ปล. บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นแฟนพันธ์แท้รถสาธารณะ เวลาอยู่ในกรุงเทพผมใช้บริการรถเมล์ประจำถ้าไม่ต้องเอาของไปด้วยเยอะแยะและรถเมล์มันผ่านจุดที่จะไป ขึ้นรถแล้วก็หลับเลยถ้านั่งไกล บอกกระเป๋าไว้เรียบร้อยถ้ากลัวหลับเพลิน สบายกว่าขับรถไปเองอีก
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SETTHASART ที่ มีนาคม 12, 2015, 12:43:06
กระทู้น้ำดี
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 12, 2015, 13:02:50
ประเทศนี้เค้า เน้น over-protectionism ครับ  ปกป้องกันหัวทิ่มสำหรับอุตสาหกรรม 40 กว่าปีอันนี้  ให้ผู้บริโภคโดนเอาเปรียบกันต่อไป ไม่ต้องมีการแข่งขันเยอะ 

มันเข้าข่าย infant-industry argument อย่างชัดเจนครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มีนาคม 12, 2015, 13:12:03
ประเทศนี้เค้า เน้น over-protectionism ครับ  ปกป้องกันหัวทิ่มสำหรับอุตสาหกรรม 40 กว่าปีอันนี้  ให้ผู้บริโภคโดนเอาเปรียบกันต่อไป ไม่ต้องมีการแข่งขันเยอะ 

มันเข้าข่าย infant-industry argument อย่างชัดเจนครับ
   ถ้าไม่ปกป้องไว้แล้วเค้าถอนหรือลดการลงทุนไปทำไงครับ          ผุ้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้น แต่โรงงานยังอยู่ กับผู้บริโคจ่ายถูกลงแต่ปิดโรงงานลอยแพคนงานไทยอีกเป็นแสนคนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน               
ทุกอย่างมันมีดีและเสีย 2 ด้านกันเสมอ     การส่งเสริมรถคันแรกส่วนนึงค่ายรถให้รัฐบาลเป็นตัวกระตุ้นด้วย  ไม่งั้นฉันจะย้ายฐานออกไปนะ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: anglo_vj ที่ มีนาคม 12, 2015, 13:26:10
ถ้าจะมีแนวทางลดค่าแบกรับภาษี สำหรับผู้มีรายได้น้อยปริ่มๆ-ปานกลาง

ผมขอเสนอให้ลดดอกเบี้ย+ภาษี สำหรับรถมือสองด้วยไปเลยครับ ผมว่าตอบโจทย์ได้เหมือนกัน

สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายด้วย เพราะคนที่เล่นรถมือสอง จะต้องมีค่าซ่อมบำรุงรักษาต่างๆ ที่มาเร็วกว่า และมากกว่ารถป้ายแดงแน่นอน

แต่เนื่องด้วยเหตุผลของราคาที่ถูกกว่าป้ายแดง หรืออาจจะเท่ากัน แต่ได้พิกัดรถที่ดีกว่า ซึ่งเหมาะสมกับคนที่ต้องการใช้รถคันเดียวทั้งครอบครัว จึงจำเป็นต้องเลือก

ยกตัวอย่างเช่น ครอบครัว 3 คน + พ่อ แม่ (ในหลายๆ โอกาส) รวมเป็น 5 จะให้ใช้ Eco Car คงจะไม่ไหว ต้องขยับไป B Seg. ประกอบกับป้ายแดง ดาวน์เยอะไม่ไหว ผ่อนหนักก็ไม่ไหว คำตอบจึงตกมาอยู่ที่รถมือสองแทน

เป็นการส่งเสริมตลาด ส่งเสริมการลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน และลดการใช้พลังงานด้วย

ที่สำคัญและอยากให้พัฒนาที่สุด คือระบบขนส่งสาธารณะ โดยส่วนตัว ถ้าระบบมันดี มีคุณภาพ กระจายทั่วถึง ผมคนนึงแหละที่ไม่คิดจะซื้อรถแน่นอน

ปล.ที่ไม่ยอมทำให้มันดี เพราะกลัวยอดภาษีตกหรือเปล่าน้าาาาา...
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 12, 2015, 13:27:31
ประเทศนี้เค้า เน้น over-protectionism ครับ  ปกป้องกันหัวทิ่มสำหรับอุตสาหกรรม 40 กว่าปีอันนี้  ให้ผู้บริโภคโดนเอาเปรียบกันต่อไป ไม่ต้องมีการแข่งขันเยอะ  

มันเข้าข่าย infant-industry argument อย่างชัดเจนครับ
  ถ้าไม่ปกป้องไว้แล้วเค้าถอนหรือลดการลงทุนไปทำไงครับ          ผุ้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้น แต่โรงงานยังอยู่ กับผู้บริโคจ่ายถูกลงแต่ปิดโรงงานลอยแพคนงานไทยอีกเป็นแสนคนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน              
ทุกอย่างมันมีดีและเสีย 2 ด้านกันเสมอ     การส่งเสริมรถคันแรกส่วนนึงค่ายรถให้รัฐบาลเป็นตัวกระตุ้นด้วย  ไม่งั้นฉันจะย้ายฐานออกไปนะ

ปกป้องฮะ แต่ไม่ over-protectionism แบบที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ จนผู้ผลิตเคยชินไม่ต้องดิ้นรนพัฒนา สินค้า คุณภาพ เทคโนมาก  ปกป้องน้อยลง  ตลาดมี dynamic  ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น  เพื่อการอยู่รอด รักษา competitiveness ให้ได้ ผู้ผลิตต้องดิ้นรนมากกว่านี้  

คุณมัวแต่ พึ่ง cost advantage อย่างเดียวเหมือนที่ทำมาตลอด 40 ปี หรอกนะครับ มันทำไม่ได้ตลอดไปหรอกนะครับ  ถ้าไม่พยายามขยับ upsteam มากขึ้น

Free market economy/ economic liberalisation drives for long-run competitiveness.  

รถในจะแข่งขันไม่ได้เพราะอะไร? เพราะไม่เคยได้ดิ้นรนทำสินค้าให้มีคุณภาพทัดเทียมสู้ได้กับของนอกได้ไงล่ะครับ   เมื่อมีเสรีในตลาดรถยนต์มากขึ้น ผู้บริโภคมีตัวเลือกมาขึ้น การแข่งขันก็จะสูงขึ้น  อุตสาหรกรรมใน เพื่อจะอยู่รอด  competitive wด้ ต้องดิ้นรนปรับตัว พัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นมากๆจากที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไงละครับ 

 
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: H3T ที่ มีนาคม 12, 2015, 13:31:47
 โครงสร้างภาษีที่ช่วยจริงๆ ผมเห็นว่ามีนะครับ
  รถกระบะป้ายเขียวไงครับ ( แต่นอกเหนือจากนี้ถือว่าเก็บสูงครับ รถคันนึงต้องจ่ายภาษี 2 ใน 3 ส่วนของราคารถเลยทีเดียว )
 
  ภาษีรถกระบะป้ายเขียวในประเทศเรา  เก็บภาษีสรรพสามิตแค่ 3% เมื่อเอามาคำนวณภาษีรวม จะจ่ายที่ 5 - 7 หมื่นบาท คิดเป็น 10% โดยประมาณ

 ในเมื่อโครงสร้างทำให้ราคาขายกระบะป้ายเขียวราคาจับต้องง่ายกว่าสี่ประตู และยังสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ แน่นอนทำไมส่วนแบ่งยอดขายส่วนใหญ่จึงเป็นป้ายเขียว

  จริงๆผมอยากให้ช่วยภาษี กระบะ 4 ประตูตัวเตี้ยอีกรุ่นนึง อาจจะเก็บมากกว่าป้ายเขียวแต่ไม่ถึงพิกัดป้ายดำ
  เช่น 7-8% ก็ได้
  ผมมองว่า รถกระบะ 4 ประตูตัวเตี้ย เหมาะกับจะเป็นรถคันเดียวของบ้านของคนส่วนใหญ่ในประเทศ
  1. สมาชิกในครอบครัวนั้งหลายคน ดีกว่าแค็ป ปลอดภัยกว่า ซึ่งก็ทราบกันดีว่า แค็ปไม่ได้ออกแบบให้คนนั่ง แต่คนใช้ในบ้านเราเอาไว้นั่งจริงๆ
  2. พอมีพื้นที่กระบะที่ใช้ทำมาหากินได้
  3. ตัวเตี้ย ประหยัดน้ำมันกว่า ช่วงล่างนุ่มนวลกว่า ทรงตัวดีกว่า ประหยัดค่าเปลี่ยนยางกว่า

 ผมว่า รถกระบะที่ยกสูงแต่ขับสอง มันเป็นแฟชั่นที่เพิ่งนิยมช่วงสิบปีหลังมานี่เอง กลายเป็นว่า กระบะตัวเตี้ยดูเป็นรุ่นต่ำต้อยตามชื่อจริงๆ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: fishfinger ที่ มีนาคม 12, 2015, 13:43:55
ปัญหาคือถ้าพัฒนาระบบขนส่งมวลชนดีๆ ภาษีแบบนี้ก็โอเคอยู่
ประเทศเล็กๆในยุโรปที่เงินน้อยยังดีกว่าไทยเลย

ระบบขนส่งไม่ดี บีบให้คนไปซื้อรถยนต์และมอไซด์มากขึ้น
ใครได้ประโยชน์ละ ?? กินกันอิ่มเลยนะ ;D
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: thesun ที่ มีนาคม 12, 2015, 13:52:52
รถใหม่แพงก็ไปซื้อมือสองมาใช้งาน เดี่ยวรถป้ายแดงจอดเต็มโชว์รูมขายไม่ออกก็ลดราคาลงมาเองตามกลไก
ที่สำคัญคืออย่ายึดติดป้ายแดงรุ่นโน้นรุ่นนี้ออกใหม่ระบบโน่นนี่นั้น ถามตัวเองว่าซื้อรถมาใช้เพื่อจุดประสงค์อะไร

เงินอยู่ในกระเป๋าเรา ไม่ซื้อแพง ไม่เป็นหนี้ ก็ไม่ต้องเดือดร้อน
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดราม่า ที่ มีนาคม 12, 2015, 13:56:45
ผมคนนึงแหละครับ ที่ด่าโครงการนี้ คุณรู้มั้ยส่วนนึง(แต่มีเยอะ)คนที่ซื้อรถในโครงการนี้คือ"ซื้อรถแล้วได้เงินคืนมาด้วย ไม่เอาก็โง่แล้ว" ผลน่ะเหรอหนี้เสียจากรถยนต์บานเบิก แถมด้วยการผลิตคนขับมือใหม่ลงถนนในปริมาณมากๆปัญหาจราจรอื่นๆตามมาอีกเพียบ อีกทั้งเงินที่หมดไปกับโครงการนี้มากกว่าโครงการซื้อรถเมล์ใหม่ของ ขสมก. ซะอีก อันนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อซักที ทั้งที่มีความจำเป็นกว่าโครงการรถคันแรกตั้งเยอะ มันเป็นโครงการที่ไรัประโยชน์มากพอๆกับโครงการแจกแท็ปเล็ตเด็กประถมน่ะแหละ

ปล. บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นแฟนพันธ์แท้รถสาธารณะ เวลาอยู่ในกรุงเทพผมใช้บริการรถเมล์ประจำถ้าไม่ต้องเอาของไปด้วยเยอะแยะและรถเมล์มันผ่านจุดที่จะไป ขึ้นรถแล้วก็หลับเลยถ้านั่งไกล บอกกระเป๋าไว้เรียบร้อยถ้ากลัวหลับเพลิน สบายกว่าขับรถไปเองอีก

เห็นด้วยกับ คห.นี้ครับ

เพื่อนผมหลายคนที่เงินเดือนข้าราชการเหมือนกันแล้วไม่มีรายได้ทางอื่น ออกรถกันเต็มเลย
คิดกันประมาณว่า กู้มาดาวน์ แล้วทนผ่อนเอา เดี๋ยวเงินเดือนก็ขึ้น เดี๋ยวก็ได้เงินคืนภาษีมาปิดเงินกู้แล้ว กู้สหกรณ์ดอกไม่เยอะ ฯลฯ

บางคน วันรับรถยังขับไม่เป็นเลยครับ เจิมไปอารมณ์แบบ HR-V สีบรอนซ์ในตำนานก็หลายคัน
สุดท้ายเจอโปรฯ ซ้ำๆ ลดเยอะ+ดอกถูก+ไมเนอร์เพิ่มออพชั่น เหมือนก่อนหน้านี้เอาเงินผ่อนจ่ายดอกเพื่อรับเงินปันผลเป็นก้อนก็มิปาน

อ้าว เข้าเรื่อง ลืม,

โครงสร้างภาษี ผมเห็นว่าปรับปกป้องอุตสาหกรรมไว้ก็ดี แต่ควรจะทำต่อเมื่อมีการสนับสนุนผู้ลงทุนภายในประเทศ
ลักษณะเดียวกับที่มาเลย์ทำกับโปรตอน แล้วส่งเสริมรถยนต์แห่งชาติไปเลย ให้รถเมืองนอกราคาเพิ่ม เริ่มทำจาก C&D สุดท้ายเดี๋ยวก็ได้ R&D

และอีกเรื่อง ควรจะพิจารณาการจัดการปัญหารถมือสอง รถเก่า และรถมลพิษสูงล้นตลาดให้มากกว่านี้ครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ มีนาคม 12, 2015, 14:21:11
รถยนต์เป็นของฟุ่มเฟือยครับ  ถึงมันจะสำคัญมากในปัจจุบันก็เถอะ

ตอนนี้ก็มี eco car ให้เลือก  ถ้ารายได้จำกัด

ถ้าอยากลดภาษีรถยนต์เค้าก็ต้องไปเพิ่มภาษีอย่างอื่น ท่านรับได้มั้ยครับ

ผมรับได้ถ้ามันคู่ควรแต่ก่อนอื่นต้องไปไล่เก็บภาษีกับพวกเลี่ยงภาษีต่างๆก่อนให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่านี้ ตามด้วยเอาคนเข้าระบบภาษีให้มากกว่านี้หลายๆคนหลายๆอาชีพรายได้สูงมากๆแต่แทบไม่ได้จ่ายภาษีเลย (ผมมนุษย์เงินเดือน โดนเต็มเม็ดเต็มหน่วย) จากนั้นก็ไล่ดูพวกเงินบริจาคตามวัดใหญ่ๆ แล้วต่อด้วยเล่นภาษีมรดกและพื้นที่รกร้าง ไม่ใช่เก็บภาษีบ้านและที่ดินอย่างที่เป็นข่าวนะ

แต่ผมว่าแค่เก็บจากพวกเลี่ยงภาษีได้ก็เกินพอแล้วหล่ะ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: localgame ที่ มีนาคม 12, 2015, 14:46:48
มองดู ราคารถยนต์บ้านเรา ในรุ่นที่ ไม่ได้ สิทธิ ทาง ภาษี เทียบกับ ต้นทุนของมันแล้ว ช่างท้อแท้ ห่อเหี่ยวใจครับ
เมื่อตอนผมทำงานใหม่ ๆ 10 ปีก่อน ลองเก็บเงิน ซื้อรถ เงินสด นี่ มันเก็บไม่ถึงซักที
สุดท้ายก็ต้อง กู้ จนได้

รถยนตร์เป็นของฟุ่มเฟือยครับ ซื้อแต่พอใช้ งบไม่ถึงก็เล่นมือสองไป รวมค่าซ่อมยังไงก็ถูกกว่ารถใหม่ เค้าตั้งภาษีสูงๆไว้กันไม่ให้ใช้อะไรกับสิ่งที่ฟุ่มเฟือย รถสาธารณะมีโอกาสใช้ได้ก็ใช้บ้าง 

ถ้ารถยนต์ขายได้ในราคาถูก ก็จะมีคนบางจำพวกออกมาแขวะเพราะไม่พอใจ

ที่คนรายได้น้อยมีรถได้ เพราะกลัวจะแย่งถนนเค้าใช้ครับ

ดูอย่างโครงการรถคันแรก คนไม่เห็นด้วยเพียบ

แล้วคุณคิดว่าเงินที่นำมาจ่ายให้โครงการนี้ซื้อรถถ้าเอาไปสร้างขนส่งสาธารณะมันจะได้อะไรบ้าง ลองคิดมุมกลับกันบ้างครับ เงินแสนกว่าล้าน สร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปพัทยา ชลบุรีได้แล้ว หรือ

สั่งรถเมล์ใหม่ได้เป็นหมื่นคัน หรือเพิ่มได้ทุกจังหวัดในประเทศไทย ลองคิดดูงบเท่านี้ทำอะไรได้หลายอย่างมาก สุดท้ายกลับเอามาซื้อรถ ให้มันติดในถนนมากขึ้น
ประเทศนี้เค้า เน้น over-protectionism ครับ  ปกป้องกันหัวทิ่มสำหรับอุตสาหกรรม 40 กว่าปีอันนี้  ให้ผู้บริโภคโดนเอาเปรียบกันต่อไป ไม่ต้องมีการแข่งขันเยอะ 

มันเข้าข่าย infant-industry argument อย่างชัดเจนครับ
   ถ้าไม่ปกป้องไว้แล้วเค้าถอนหรือลดการลงทุนไปทำไงครับ          ผุ้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้น แต่โรงงานยังอยู่ กับผู้บริโคจ่ายถูกลงแต่ปิดโรงงานลอยแพคนงานไทยอีกเป็นแสนคนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน               
ทุกอย่างมันมีดีและเสีย 2 ด้านกันเสมอ     การส่งเสริมรถคันแรกส่วนนึงค่ายรถให้รัฐบาลเป็นตัวกระตุ้นด้วย  ไม่งั้นฉันจะย้ายฐานออกไปนะ

ปกป้องฮะ แต่ไม่ over-protectionism แบบที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ จนผู้ผลิตเคยชินไม่ต้องดิ้นรนพัฒนา สินค้า คุณภาพ เทคโนมาก  ปกป้องน้อยลง  ตลาดมี dynamic  ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น  เพื่อการอยู่รอด รักษา competitiveness ให้ได้ ผู้ผลิตต้องดิ้นรนมากกว่านี้   

คุณมัวแต่ พึ่ง cost advantage อย่างเดียวเหมือนที่ทำมาตลอด 40 ปี หรอกนะครับ มันทำไม่ได้ตลอดไปหรอกนะครับ  ถ้าไม่พยายามขยับ upsteam มากขึ้น

Free market economy/ economic liberalisation drives for long-run competitiveness.   

รถในจะแข่งขันไม่ได้เพราะอะไร? เพราะไม่เคยได้ดิ้นรนทำสินค้าให้มีคุณภาพทัดเทียมสู้ได้กับของนอกได้ไงล่ะครับ   เมื่อมีเสรีในตลาดรถยนต์มากขึ้น ผู้บริโภคมีตัวเลือกมาขึ้น การแข่งขันก็จะสูงขึ้น  อุตสาหรกรรมใน เพื่อจะอยู่รอด  competitive wด้ ต้องดิ้นรนปรับตัว พัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นมากๆจากที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไงละครับ 

 

ถ้าเปิดเป็นfree market economy แล้วรถหรูราคาถูกลงเพื่อให้กลุ่มคนชั้นกลางหันมาซื้อ สุดท้ายแรงงานรากหญ้าไม่มีงานทำ แรกๆคงมีบริษัทถอนทุน ประเทศเราไม่ใช้ประเทศผู้ผลิตอีกต่อไป

supplierเล็กตายกันเป็นแถบ แรงงานตกงาน เศรษฐกิจปั่นป่วนแบบนี้หรอครับ ประเทศเรายังไม่เจริญขนาดเปิดเป็นfree marketได้ครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 12, 2015, 15:06:11
สำหรับผม
โครงการ Eco car แท้จริงแล้วมันสะท้อน ความเป็นจริงของตลาดรถบ้านเราได้อย่างดี

รายได้เราต่ำ ไม่เหมาะกับ รถยนต์ที่บวกภาษี

ในความคิดผม เรื่องประหยัดน้ำมัน รักโลก เป็นเพียง ตัวเสริม

B-segment แพงขึ้นทุกวัน
ชาว รากหญ้า ไม่ได้อยากได้กะบะ ป้ายเขียว
Eco car จึงกำเนิดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อ   ( หาเรื่อง ทำรถ ราคาถูกโดย ลดภาษี แค่นั้นเอง )
พอรถกลับมาสู่ ราคา ที่คนหลายคนเอื้อมถึง
ก็เห็นดังปรากฏการณ์

อันนี้ ความเห็นส่วนตัวครับ
หากย้อนไปดูเป้าหมาย Eco car ที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภค แล้ว
นั่นคือได้รถราคาถูก ประหยัด จากการยกเว้นภาษี และ ผู้ผลิต ยังคงมีต้นทนเท่าเดิม แต่มียอดขาย จากชาว รากหญ้าเพิ่มขึ้นที่มีอยู่ในประเทศนี้อย่างมหาศาลนั่นเอง ( สิ่งแวด ล้อม เป็นเพียงข้ออ้าง ในกลไกภาษี )
อยู่ ๆ คุณจะมา ลดภาษี ที่ตั้งมา เป็นหลาย สิบปีไม่ได้
โครงการ eco car จึงกำเนิด
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 12, 2015, 15:08:17
มองดู ราคารถยนต์บ้านเรา ในรุ่นที่ ไม่ได้ สิทธิ ทาง ภาษี เทียบกับ ต้นทุนของมันแล้ว ช่างท้อแท้ ห่อเหี่ยวใจครับ
เมื่อตอนผมทำงานใหม่ ๆ 10 ปีก่อน ลองเก็บเงิน ซื้อรถ เงินสด นี่ มันเก็บไม่ถึงซักที
สุดท้ายก็ต้อง กู้ จนได้

รถยนตร์เป็นของฟุ่มเฟือยครับ ซื้อแต่พอใช้ งบไม่ถึงก็เล่นมือสองไป รวมค่าซ่อมยังไงก็ถูกกว่ารถใหม่ เค้าตั้งภาษีสูงๆไว้กันไม่ให้ใช้อะไรกับสิ่งที่ฟุ่มเฟือย รถสาธารณะมีโอกาสใช้ได้ก็ใช้บ้าง 

ถ้ารถยนต์ขายได้ในราคาถูก ก็จะมีคนบางจำพวกออกมาแขวะเพราะไม่พอใจ

ที่คนรายได้น้อยมีรถได้ เพราะกลัวจะแย่งถนนเค้าใช้ครับ

ดูอย่างโครงการรถคันแรก คนไม่เห็นด้วยเพียบ

แล้วคุณคิดว่าเงินที่นำมาจ่ายให้โครงการนี้ซื้อรถถ้าเอาไปสร้างขนส่งสาธารณะมันจะได้อะไรบ้าง ลองคิดมุมกลับกันบ้างครับ เงินแสนกว่าล้าน สร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปพัทยา ชลบุรีได้แล้ว หรือ

สั่งรถเมล์ใหม่ได้เป็นหมื่นคัน หรือเพิ่มได้ทุกจังหวัดในประเทศไทย ลองคิดดูงบเท่านี้ทำอะไรได้หลายอย่างมาก สุดท้ายกลับเอามาซื้อรถ ให้มันติดในถนนมากขึ้น
ประเทศนี้เค้า เน้น over-protectionism ครับ  ปกป้องกันหัวทิ่มสำหรับอุตสาหกรรม 40 กว่าปีอันนี้  ให้ผู้บริโภคโดนเอาเปรียบกันต่อไป ไม่ต้องมีการแข่งขันเยอะ 

มันเข้าข่าย infant-industry argument อย่างชัดเจนครับ
   ถ้าไม่ปกป้องไว้แล้วเค้าถอนหรือลดการลงทุนไปทำไงครับ          ผุ้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้น แต่โรงงานยังอยู่ กับผู้บริโคจ่ายถูกลงแต่ปิดโรงงานลอยแพคนงานไทยอีกเป็นแสนคนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน               
ทุกอย่างมันมีดีและเสีย 2 ด้านกันเสมอ     การส่งเสริมรถคันแรกส่วนนึงค่ายรถให้รัฐบาลเป็นตัวกระตุ้นด้วย  ไม่งั้นฉันจะย้ายฐานออกไปนะ

ปกป้องฮะ แต่ไม่ over-protectionism แบบที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ จนผู้ผลิตเคยชินไม่ต้องดิ้นรนพัฒนา สินค้า คุณภาพ เทคโนมาก  ปกป้องน้อยลง  ตลาดมี dynamic  ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น  เพื่อการอยู่รอด รักษา competitiveness ให้ได้ ผู้ผลิตต้องดิ้นรนมากกว่านี้   

คุณมัวแต่ พึ่ง cost advantage อย่างเดียวเหมือนที่ทำมาตลอด 40 ปี หรอกนะครับ มันทำไม่ได้ตลอดไปหรอกนะครับ  ถ้าไม่พยายามขยับ upsteam มากขึ้น

Free market economy/ economic liberalisation drives for long-run competitiveness.   

รถในจะแข่งขันไม่ได้เพราะอะไร? เพราะไม่เคยได้ดิ้นรนทำสินค้าให้มีคุณภาพทัดเทียมสู้ได้กับของนอกได้ไงล่ะครับ   เมื่อมีเสรีในตลาดรถยนต์มากขึ้น ผู้บริโภคมีตัวเลือกมาขึ้น การแข่งขันก็จะสูงขึ้น  อุตสาหรกรรมใน เพื่อจะอยู่รอด  competitive wด้ ต้องดิ้นรนปรับตัว พัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นมากๆจากที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไงละครับ 

 

ถ้าเปิดเป็นfree market economy แล้วรถหรูราคาถูกลงเพื่อให้กลุ่มคนชั้นกลางหันมาซื้อ สุดท้ายแรงงานรากหญ้าไม่มีงานทำ แรกๆคงมีบริษัทถอนทุน ประเทศเราไม่ใช้ประเทศผู้ผลิตอีกต่อไป

supplierเล็กตายกันเป็นแถบ แรงงานตกงาน เศรษฐกิจปั่นป่วนแบบนี้หรอครับ ประเทศเรายังไม่เจริญขนาดเปิดเป็นfree marketได้ครับ


สาเหตุที่ จะแข่งขันไม่ได้ ก็เพราะ คุณเน้นแต่จะพึ่ง low cost advantage + protectionism ตลอดกาลและตลอดไปไงล่ะครับ   low cost advantage ไม่sustainable เพราะ ถึงจุดนึง คุณโดน คู่แข่ง undercut จุดนี้ได้ ซึ้่งกำลังโดนอยู่ทุกวันนี้   การคลั่งปกป้องอย่างหัวทิ่มเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้เกิดการชูแต่ low cost advantage อย่างเดียว ไม่ได้กระตุ้นให้ผู้ผลิต พยายามขยับขึ้น upstream ใน value chain เพื่อสร้างจุดแข็งใหม่  

protectionism ได้ครับ แต่ไม่ใช่ over-protectionism ตลอดกาลและตลอดไป  เพราะที่กำลัง เสีย competitive advantage มันก็มาจากลัทธิปกป้องสุดโต่ง แบบที่หลายๆคนอวยกัน    
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: h22a ที่ มีนาคม 12, 2015, 15:10:33
ถ้ารถยนต์ขายได้ในราคาถูก ก็จะมีคนบางจำพวกออกมาแขวะเพราะไม่พอใจ

ที่คนรายได้น้อยมีรถได้ เพราะกลัวจะแย่งถนนเค้าใช้ครับ

ดูอย่างโครงการรถคันแรก คนไม่เห็นด้วยเพียบ

 ;)
โดนใจครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มีนาคม 12, 2015, 15:31:35
: Ivy Modernist   คุณจะให้แข่งขันได้เหมือนประเทศอื่นต้องดูด้วยว่าเราจะแข่งแบบไหน
เพราะประเทศเราผลิตรถอะไร   ถ้าไม่ทำรถราคาถูกจะให้เราทำรถราคาแพงแล้วขายในราคาที่เหมาะสมหรือส่งออกรถราคาแพงในราคาที่เหมาะสมงั้นหรือ      
บ้านเราถูกวางจากบริษัทรถยนต์ให้ผลิตปิคอัพกับอีโคคาร์ รวมถึงเก่ง B C  บางค่าย    คุรจะให้ไต่ระดับไปถึงขั้นไหนที่เรียกว่าแข่งขันได้    เพราะรถราคาแพงบ้านเราอย่าง BM Benz  เขาเน้นประกอบขายในประเทศมากว่าส่งออก        ขณะที่รถ Mass  Juke Livina  Innova  หรืออื่น ๆ ตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านแล้วส่งเข้ามาขายในไทยได้กำไรมากกว่า ถูกกว่าที่จะผลิตในไทย         ส่วนรถที่ส่งออกได้อย่างเช่น Crown Landcruiser Alphard  Pajero GDI ญี่ปุ่นก็จะต้องผลิตเองเพื่อคงสภาพการจ้างงานและเป็นบริษัทแม่ในญี่ปุ่นเอาไว้  
คำตอบมันก็มีแล้วว่าเรายังไม่พร้อมที่จะแข่งในระดับสูงขึ้น หรือแข่งในระดับต่ำลงไปกว่านี้


คำตอบของบริษัทรถยนต์มี........แต่ในการปรับตัวที่คุณต้องการให้เป็นมันไม่ใช่แบบที่คุณคิด     คือเค้าไม่แข่ง   ถ้าไม่ได้รับการยกเว้นภาษีหรือมีเหตุจูงใจให้ผลิต  เขาก็เอาของประเทศเพื่อนบ้านนำเข้ามาแทน  เพราะได้รับการยกเว้นภาษี  ไม่ลงทุนทำในไทยต่อ  คุณคิดว่าเขาจะปรับไลน์ผลิต  หรือปรับสภาพยกระดับในไทยงั้นหรือ    สู้ย้ายไปเมืองนอกอย่างเวียดนามได้รับการส่งเสริมการลงทุนดีกว่า  ค่าแรงก็ถูกกว่า แล้วเอามาขายบ้านเราต้นทุนก็ยังถูกกว่าที่จะมาพัฒนา      ค่ายรถยนต์เป็นของต่างชาติแล้วเขาก็วางจุดยุทธศาตร์คือมีโรงงานรอบ ๆ อาเซียนและจีนนี้ทั้งนั้นเพื่อแข่งขันได้    ตรงไหนดีราคาถูกทำกำไรได้มากเขาก็ยึดเอาอันนั้น        ไม่ต้องไปหวังว่าเขาจะยกระดับเพื่อมาแข่งอะไรกับใครหรอก
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nimnim_thailand ที่ มีนาคม 12, 2015, 15:46:35
เชื่อเถอะครับ รถไม่ได้แพงหรอก
ภาพในปัจจุบัน บนท้องถนน มันสะท้อนออกมาแล้ว ว่ารถยนต์ ไม่ได้เป็นสินค้าแพงในความรู้สึกของคนในสังคม

มันถูกพอๆกับไอโฟนเลยก็ว่าได้

หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ มีนาคม 12, 2015, 16:13:04
รถใหม่แพงก็ไปซื้อมือสองมาใช้งาน เดี่ยวรถป้ายแดงจอดเต็มโชว์รูมขายไม่ออกก็ลดราคาลงมาเองตามกลไก
ที่สำคัญคืออย่ายึดติดป้ายแดงรุ่นโน้นรุ่นนี้ออกใหม่ระบบโน่นนี่นั้น ถามตัวเองว่าซื้อรถมาใช้เพื่อจุดประสงค์อะไร

เงินอยู่ในกระเป๋าเรา ไม่ซื้อแพง ไม่เป็นหนี้ ก็ไม่ต้องเดือดร้อน


เห็นด้วยเลยครับ

ผมคนนึงแหละครับ ที่ด่าโครงการนี้ คุณรู้มั้ยส่วนนึง(แต่มีเยอะ)คนที่ซื้อรถในโครงการนี้คือ"ซื้อรถแล้วได้เงินคืนมาด้วย ไม่เอาก็โง่แล้ว" ผลน่ะเหรอหนี้เสียจากรถยนต์บานเบิก แถมด้วยการผลิตคนขับมือใหม่ลงถนนในปริมาณมากๆปัญหาจราจรอื่นๆตามมาอีกเพียบ อีกทั้งเงินที่หมดไปกับโครงการนี้มากกว่าโครงการซื้อรถเมล์ใหม่ของ ขสมก. ซะอีก อันนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อซักที ทั้งที่มีความจำเป็นกว่าโครงการรถคันแรกตั้งเยอะ มันเป็นโครงการที่ไรัประโยชน์มากพอๆกับโครงการแจกแท็ปเล็ตเด็กประถมน่ะแหละ

ปล. บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นแฟนพันธ์แท้รถสาธารณะ เวลาอยู่ในกรุงเทพผมใช้บริการรถเมล์ประจำถ้าไม่ต้องเอาของไปด้วยเยอะแยะและรถเมล์มันผ่านจุดที่จะไป ขึ้นรถแล้วก็หลับเลยถ้านั่งไกล บอกกระเป๋าไว้เรียบร้อยถ้ากลัวหลับเพลิน สบายกว่าขับรถไปเองอีก

เห็นด้วยกับ คห.นี้ครับ

เพื่อนผมหลายคนที่เงินเดือนข้าราชการเหมือนกันแล้วไม่มีรายได้ทางอื่น ออกรถกันเต็มเลย
คิดกันประมาณว่า กู้มาดาวน์ แล้วทนผ่อนเอา เดี๋ยวเงินเดือนก็ขึ้น เดี๋ยวก็ได้เงินคืนภาษีมาปิดเงินกู้แล้ว กู้สหกรณ์ดอกไม่เยอะ ฯลฯ

บางคน วันรับรถยังขับไม่เป็นเลยครับ เจิมไปอารมณ์แบบ HR-V สีบรอนซ์ในตำนานก็หลายคัน
สุดท้ายเจอโปรฯ ซ้ำๆ ลดเยอะ+ดอกถูก+ไมเนอร์เพิ่มออพชั่น เหมือนก่อนหน้านี้เอาเงินผ่อนจ่ายดอกเพื่อรับเงินปันผลเป็นก้อนก็มิปาน

อ้าว เข้าเรื่อง ลืม,

โครงสร้างภาษี ผมเห็นว่าปรับปกป้องอุตสาหกรรมไว้ก็ดี แต่ควรจะทำต่อเมื่อมีการสนับสนุนผู้ลงทุนภายในประเทศ
ลักษณะเดียวกับที่มาเลย์ทำกับโปรตอน แล้วส่งเสริมรถยนต์แห่งชาติไปเลย ให้รถเมืองนอกราคาเพิ่ม เริ่มทำจาก C&D สุดท้ายเดี๋ยวก็ได้ R&D

และอีกเรื่อง ควรจะพิจารณาการจัดการปัญหารถมือสอง รถเก่า และรถมลพิษสูงล้นตลาดให้มากกว่านี้ครับ

โดนใจจริงๆ

ผมเคยเจอคนรวยคนนึง ออก Mirage กับ City CNG มาเพื่อเอาเงินภาษีรัฐบาลโดยเฉพาะ หาชื่อคนอื่นมาสวมแทน

หน้าเกลียดมาก  >:(

และผมสนับสนุนให้เอารถเก่ามลพิษสูงๆ ออก

จริงๆ ถ้ารถใครราคาไม่เกินหลัก 3 หมื่น (จริงๆ สัก 5 หมื่น)

มันก็ไม่ควรขายต่อแล้วครับ

จอดแล้วเอาอะไหล่มาขายดีกว่า
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 12, 2015, 16:20:36
: Ivy Modernist   คุณจะให้แข่งขันได้เหมือนประเทศอื่นต้องดูด้วยว่าเราจะแข่งแบบไหน
เพราะประเทศเราผลิตรถอะไร   ถ้าไม่ทำรถราคาถูกจะให้เราทำรถราคาแพงแล้วขายในราคาที่เหมาะสมหรือส่งออกรถราคาแพงในราคาที่เหมาะสมงั้นหรือ      
บ้านเราถูกวางจากบริษัทรถยนต์ให้ผลิตปิคอัพกับอีโคคาร์ รวมถึงเก่ง B C  บางค่าย    คุรจะให้ไต่ระดับไปถึงขั้นไหนที่เรียกว่าแข่งขันได้    เพราะรถราคาแพงบ้านเราอย่าง BM Benz  เขาเน้นประกอบขายในประเทศมากว่าส่งออก        ขณะที่รถ Mass  Juke Livina  Innova  หรืออื่น ๆ ตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านแล้วส่งเข้ามาขายในไทยได้กำไรมากกว่า ถูกกว่าที่จะผลิตในไทย         ส่วนรถที่ส่งออกได้อย่างเช่น Crown Landcruiser Alphard  Pajero GDI ญี่ปุ่นก็จะต้องผลิตเองเพื่อคงสภาพการจ้างงานและเป็นบริษัทแม่ในญี่ปุ่นเอาไว้  
คำตอบมันก็มีแล้วว่าเรายังไม่พร้อมที่จะแข่งในระดับสูงขึ้น หรือแข่งในระดับต่ำลงไปกว่านี้


คำตอบของบริษัทรถยนต์มี........แต่ในการปรับตัวที่คุณต้องการให้เป็นมันไม่ใช่แบบที่คุณคิด     คือเค้าไม่แข่ง   ถ้าไม่ได้รับการยกเว้นภาษีหรือมีเหตุจูงใจให้ผลิต  เขาก็เอาของประเทศเพื่อนบ้านนำเข้ามาแทน  เพราะได้รับการยกเว้นภาษี  ไม่ลงทุนทำในไทยต่อ  คุณคิดว่าเขาจะปรับไลน์ผลิต  หรือปรับสภาพยกระดับในไทยงั้นหรือ    สู้ย้ายไปเมืองนอกอย่างเวียดนามได้รับการส่งเสริมการลงทุนดีกว่า  ค่าแรงก็ถูกกว่า แล้วเอามาขายบ้านเราต้นทุนก็ยังถูกกว่าที่จะมาพัฒนา      ค่ายรถยนต์เป็นของต่างชาติแล้วเขาก็วางจุดยุทธศาตร์คือมีโรงงานรอบ ๆ อาเซียนและจีนนี้ทั้งนั้นเพื่อแข่งขันได้    ตรงไหนดีราคาถูกทำกำไรได้มากเขาก็ยึดเอาอันนั้น        ไม่ต้องไปหวังว่าเขาจะยกระดับเพื่อมาแข่งอะไรกับใครหรอก

ผมหมายถึง domestic market

tariff รถนำเข้าลดลง เกิดตัวเลือกในตลาดมากขึ้น เพื่อให้รถตลาดในแข่งขันได้ คุณต้อง ทำคุณภาพ สเปคให้เทียบเท่ากับ ตัวรถรุ่นเดียวกันที่คุณทำส่งไปขายนอก  margin แน่นอนว่าลดลง ราคารถประกอบใน สมเหตุสมผลมากขึ้น และแน่นอนว่ายังราคาไม่แรงเท่าของนอกที่ยังโดนภาษีนำเข้าอยู่บ้าง  ผมสงสัยงว่าตรงไหนที่รถประกอบในจะขายไม่ออก สู้ของนอกที่ยังแพงกว่าไม่ได้  demand จะดีขึ้นด้วยซ้ำ consumer ก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน     
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ มีนาคม 12, 2015, 16:29:16
ผมว่าทุกวันนี้ Eco car ภาษีเหมาะสมแล้วครับ

12-17% ไม่แพง ไม่ถูก

ส่วนกระบะ ผมเห็นด้วยที่สนับสนุน cab กับแบบธรรมดา เพราะเป็นรถทำมาหากินจริงๆ และค้าขายก็ได้

อีกส่วนที่อยากให้สนับสนุน คือ กระบะ 4 ประตู ผมว่าควรเสียภาษีรายปี ถูกกว่านี้

ผมว่ามันโหดร้ายมาก เสียแพงกว่ารถ Benz BMW บางคันอีก ;)

อีกอย่าง ที่ผมอยากให้มี คือ รัฐบาลน่าจะสนับสนุนกระบะ Eco car บ้าง พวกแบบ กระบะมี cab แบบ NV หรือกระบะเล็กๆ ขนของ

ผมเองยังอยากได้ กระบะ cab เล็กๆ ขนของได้นิดๆ มากกว่า Eco car เลยครับ

แต่ที่ขายอยู่มันเป็นเกียร์ธรรมดาและไม่น่าขับเลย เช่น Suzuki Carry และรถจีน

ถ้าไม่เป็นแบบ NV ก็ขอแบบ Suzuki Alto van รุ่นล่างก็ได้ครับ ให้ภาษีพิเศษ สัก 3-5% คนจะได้ซื้อได้
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ มีนาคม 12, 2015, 16:32:03
รอดู รถไฟฟ้าครบ 10 สาย
แล้วกลับมาดูยอดขายรถยนต์ใหม่นะครับ
กำลังซื้อยิ่งจะหายไปกว่านี้เสียอีก

เพราะ นอกจากจะมีรถไฟฟ้าค่อนข้างครบทั่วกรุงแล้ว
อาจจะตามมาด้วยนโยบาย ห้ามรถวิ่งในบางเส้นทาง ถ้าจะเข้ามาวิ่งต้องจ่ายค่าเข้า
หรือ กม.ควบคุมอาคารใหม่ ให้บ้านต้องมีที่จอดรถ คอนโดต้องมีที่จอดรถ100%
อาจจะรวมไปถึง ใครซื้อรถต้องมีที่จอดรถมายืนยัน
อะไรทำนองนี้
แล้วทีนี้กำลังซื้อจะกระจายไปอยู่ที่ต่างจังหวัด มาดูกันว่า ยอดขายยังจะเหมือนเดิมได้รึป่าว
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: raygun ที่ มีนาคม 12, 2015, 16:51:29
ถ้ารถยนต์ขายได้ในราคาถูก ก็จะมีคนบางจำพวกออกมาแขวะเพราะไม่พอใจ

ที่คนรายได้น้อยมีรถได้ เพราะกลัวจะแย่งถนนเค้าใช้ครับ

ดูอย่างโครงการรถคันแรก คนไม่เห็นด้วยเพียบ

ผมคนนึงแหละครับ ที่ด่าโครงการนี้ คุณรู้มั้ยส่วนนึง(แต่มีเยอะ)คนที่ซื้อรถในโครงการนี้คือ"ซื้อรถแล้วได้เงินคืนมาด้วย ไม่เอาก็โง่แล้ว" ผลน่ะเหรอหนี้เสียจากรถยนต์บานเบิก แถมด้วยการผลิตคนขับมือใหม่ลงถนนในปริมาณมากๆปัญหาจราจรอื่นๆตามมาอีกเพียบ อีกทั้งเงินที่หมดไปกับโครงการนี้มากกว่าโครงการซื้อรถเมล์ใหม่ของ ขสมก. ซะอีก อันนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อซักที ทั้งที่มีความจำเป็นกว่าโครงการรถคันแรกตั้งเยอะ มันเป็นโครงการที่ไรัประโยชน์มากพอๆกับโครงการแจกแท็ปเล็ตเด็กประถมน่ะแหละ

ปล. บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นแฟนพันธ์แท้รถสาธารณะ เวลาอยู่ในกรุงเทพผมใช้บริการรถเมล์ประจำถ้าไม่ต้องเอาของไปด้วยเยอะแยะและรถเมล์มันผ่านจุดที่จะไป ขึ้นรถแล้วก็หลับเลยถ้านั่งไกล บอกกระเป๋าไว้เรียบร้อยถ้ากลัวหลับเพลิน สบายกว่าขับรถไปเองอีก


คนรอบๆตัวผมมีหลายคนเลยที่ด่าโครงการนี้ แต่ก็ซื้อกับเค้าด้วย
คือไม่เห็นด้วยแต่ตัวเองก็ซื้อ คืออะไร?

แล้วเบื้องหลังของโครงการนี้มันคือนโยบายในการช่วยเหลือบริษัทรถ
ต่างๆจากเหคุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา เพื่อให้บริษัทพวกนี้ยังคงลงทุน
ในประเทศเราต่อไป ด้วยอีกทางนึง

แต่จุดประสงค์หลักจริงๆก็คือให้ประชาชนได้มีรถยนต์เป็นของตัวเอง
คุณอย่ามองแค่กรุงเทพคือประเทศไทย ไม่ใช่ทั้งประเทศจะสามารถสร้างระบบ
ขนส่งมวลชนแบบดีๆขึ้นมาได้ เอาแค่กรุงเทพ ทุกวันนี้ยังบอกกันว่าห่วยเลย
แล้วจังหวัดอื่นๆล่ะ?  คนไม่รู้เรื่องชอบมองแค่ว่าทำไมไม่เอาเงินส่วนนี้
มาพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะนโยบายนี้จริงๆ
คือเค้าจะเน้นช่วยคนต่างจังหวัด

แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าถ้าออกนโยบายมาบอกว่าให้เฉพาะคนจังหวัดอื่นยกเว้นกรุงเทพ
เดี๋ยวก็จะยาวอีก
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: morphling14 ที่ มีนาคม 12, 2015, 17:26:35
อยากได้ที่จอดรถตามสถานีรถไฟฟ้านอกเมืองด้วยครับ   จอดปุ๊บขึ้นรถไฟฟ้า เข้าเมืองสบายตัวไม่ปวดหัวรถติด
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ มีนาคม 12, 2015, 17:36:51
อยากได้ที่จอดรถตามสถานีรถไฟฟ้านอกเมืองด้วยครับ   จอดปุ๊บขึ้นรถไฟฟ้า เข้าเมืองสบายตัวไม่ปวดหัวรถติด


จริงเลยครับ

จอดรถฟรีด้วยจะดีมาก หรือแบบรายเดือนไม่แพงครับ :)
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Anvers30 ที่ มีนาคม 12, 2015, 17:56:11
ถ้ารถยนต์ขายได้ในราคาถูก ก็จะมีคนบางจำพวกออกมาแขวะเพราะไม่พอใจ

ที่คนรายได้น้อยมีรถได้ เพราะกลัวจะแย่งถนนเค้าใช้ครับ

ดูอย่างโครงการรถคันแรก คนไม่เห็นด้วยเพียบ

ผมคนนึงแหละครับ ที่ด่าโครงการนี้ คุณรู้มั้ยส่วนนึง(แต่มีเยอะ)คนที่ซื้อรถในโครงการนี้คือ"ซื้อรถแล้วได้เงินคืนมาด้วย ไม่เอาก็โง่แล้ว" ผลน่ะเหรอหนี้เสียจากรถยนต์บานเบิก แถมด้วยการผลิตคนขับมือใหม่ลงถนนในปริมาณมากๆปัญหาจราจรอื่นๆตามมาอีกเพียบ อีกทั้งเงินที่หมดไปกับโครงการนี้มากกว่าโครงการซื้อรถเมล์ใหม่ของ ขสมก. ซะอีก อันนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อซักที ทั้งที่มีความจำเป็นกว่าโครงการรถคันแรกตั้งเยอะ มันเป็นโครงการที่ไรัประโยชน์มากพอๆกับโครงการแจกแท็ปเล็ตเด็กประถมน่ะแหละ

ปล. บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นแฟนพันธ์แท้รถสาธารณะ เวลาอยู่ในกรุงเทพผมใช้บริการรถเมล์ประจำถ้าไม่ต้องเอาของไปด้วยเยอะแยะและรถเมล์มันผ่านจุดที่จะไป ขึ้นรถแล้วก็หลับเลยถ้านั่งไกล บอกกระเป๋าไว้เรียบร้อยถ้ากลัวหลับเพลิน สบายกว่าขับรถไปเองอีก


คนรอบๆตัวผมมีหลายคนเลยที่ด่าโครงการนี้ แต่ก็ซื้อกับเค้าด้วย
คือไม่เห็นด้วยแต่ตัวเองก็ซื้อ คืออะไร?

แล้วเบื้องหลังของโครงการนี้มันคือนโยบายในการช่วยเหลือบริษัทรถ
ต่างๆจากเหคุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา เพื่อให้บริษัทพวกนี้ยังคงลงทุน
ในประเทศเราต่อไป ด้วยอีกทางนึง

แต่จุดประสงค์หลักจริงๆก็คือให้ประชาชนได้มีรถยนต์เป็นของตัวเอง
คุณอย่ามองแค่กรุงเทพคือประเทศไทย ไม่ใช่ทั้งประเทศจะสามารถสร้างระบบ
ขนส่งมวลชนแบบดีๆขึ้นมาได้ เอาแค่กรุงเทพ ทุกวันนี้ยังบอกกันว่าห่วยเลย
แล้วจังหวัดอื่นๆล่ะ?  คนไม่รู้เรื่องชอบมองแค่ว่าทำไมไม่เอาเงินส่วนนี้
มาพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะนโยบายนี้จริงๆ
คือเค้าจะเน้นช่วยคนต่างจังหวัด

แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าถ้าออกนโยบายมาบอกว่าให้เฉพาะคนจังหวัดอื่นยกเว้นกรุงเทพ
เดี๋ยวก็จะยาวอีก

เห็นด้วยกับพี่ raygun ครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: localgame ที่ มีนาคม 12, 2015, 18:03:22
: Ivy Modernist   คุณจะให้แข่งขันได้เหมือนประเทศอื่นต้องดูด้วยว่าเราจะแข่งแบบไหน
เพราะประเทศเราผลิตรถอะไร   ถ้าไม่ทำรถราคาถูกจะให้เราทำรถราคาแพงแล้วขายในราคาที่เหมาะสมหรือส่งออกรถราคาแพงในราคาที่เหมาะสมงั้นหรือ      
บ้านเราถูกวางจากบริษัทรถยนต์ให้ผลิตปิคอัพกับอีโคคาร์ รวมถึงเก่ง B C  บางค่าย    คุรจะให้ไต่ระดับไปถึงขั้นไหนที่เรียกว่าแข่งขันได้    เพราะรถราคาแพงบ้านเราอย่าง BM Benz  เขาเน้นประกอบขายในประเทศมากว่าส่งออก        ขณะที่รถ Mass  Juke Livina  Innova  หรืออื่น ๆ ตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านแล้วส่งเข้ามาขายในไทยได้กำไรมากกว่า ถูกกว่าที่จะผลิตในไทย         ส่วนรถที่ส่งออกได้อย่างเช่น Crown Landcruiser Alphard  Pajero GDI ญี่ปุ่นก็จะต้องผลิตเองเพื่อคงสภาพการจ้างงานและเป็นบริษัทแม่ในญี่ปุ่นเอาไว้  
คำตอบมันก็มีแล้วว่าเรายังไม่พร้อมที่จะแข่งในระดับสูงขึ้น หรือแข่งในระดับต่ำลงไปกว่านี้


คำตอบของบริษัทรถยนต์มี........แต่ในการปรับตัวที่คุณต้องการให้เป็นมันไม่ใช่แบบที่คุณคิด     คือเค้าไม่แข่ง   ถ้าไม่ได้รับการยกเว้นภาษีหรือมีเหตุจูงใจให้ผลิต  เขาก็เอาของประเทศเพื่อนบ้านนำเข้ามาแทน  เพราะได้รับการยกเว้นภาษี  ไม่ลงทุนทำในไทยต่อ  คุณคิดว่าเขาจะปรับไลน์ผลิต  หรือปรับสภาพยกระดับในไทยงั้นหรือ    สู้ย้ายไปเมืองนอกอย่างเวียดนามได้รับการส่งเสริมการลงทุนดีกว่า  ค่าแรงก็ถูกกว่า แล้วเอามาขายบ้านเราต้นทุนก็ยังถูกกว่าที่จะมาพัฒนา      ค่ายรถยนต์เป็นของต่างชาติแล้วเขาก็วางจุดยุทธศาตร์คือมีโรงงานรอบ ๆ อาเซียนและจีนนี้ทั้งนั้นเพื่อแข่งขันได้    ตรงไหนดีราคาถูกทำกำไรได้มากเขาก็ยึดเอาอันนั้น        ไม่ต้องไปหวังว่าเขาจะยกระดับเพื่อมาแข่งอะไรกับใครหรอก

ผมหมายถึง domestic market

tariff รถนำเข้าลดลง เกิดตัวเลือกในตลาดมากขึ้น เพื่อให้รถตลาดในแข่งขันได้ คุณต้อง ทำคุณภาพ สเปคให้เทียบเท่ากับ ตัวรถรุ่นเดียวกันที่คุณทำส่งไปขายนอก  margin แน่นอนว่าลดลง ราคารถประกอบใน สมเหตุสมผลมากขึ้น และแน่นอนว่ายังราคาไม่แรงเท่าของนอกที่ยังโดนภาษีนำเข้าอยู่บ้าง  ผมสงสัยงว่าตรงไหนที่รถประกอบในจะขายไม่ออก สู้ของนอกที่ยังแพงกว่าไม่ได้  demand จะดีขึ้นด้วยซ้ำ consumer ก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน     
ปัจจุบันรถตลาดก็ราคาเท่าเมืองนอกอยู่แล้ว เชคราคาfocus ที่ไทยกับอังกฤษดูพอๆกัน ออพชั่นก็ใกล้เคียง hondaก็เริ่มอัดออพชั่นมาเยอะพอๆกับfordแล้ว จะลดภาษีนำเข้าเพื่ออะไรอีกหละครับ ให้e-classมาแข่งราคากับcamryหรอครับ แบบ2ล้านกว่าๆแบบนี้มันสนับสนุนคนชั้นกลางค่อนไปทางสูง กับคนชั้นสูงแล้ว แก้กฏหมายเพื่อคนส่วนน้อยทำไมหละครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Rock795 ที่ มีนาคม 12, 2015, 18:07:12
ถ้ารถยนต์ขายได้ในราคาถูก ก็จะมีคนบางจำพวกออกมาแขวะเพราะไม่พอใจ

ที่คนรายได้น้อยมีรถได้ เพราะกลัวจะแย่งถนนเค้าใช้ครับ

ดูอย่างโครงการรถคันแรก คนไม่เห็นด้วยเพียบ

ผมคนนึงแหละครับ ที่ด่าโครงการนี้ คุณรู้มั้ยส่วนนึง(แต่มีเยอะ)คนที่ซื้อรถในโครงการนี้คือ"ซื้อรถแล้วได้เงินคืนมาด้วย ไม่เอาก็โง่แล้ว" ผลน่ะเหรอหนี้เสียจากรถยนต์บานเบิก แถมด้วยการผลิตคนขับมือใหม่ลงถนนในปริมาณมากๆปัญหาจราจรอื่นๆตามมาอีกเพียบ อีกทั้งเงินที่หมดไปกับโครงการนี้มากกว่าโครงการซื้อรถเมล์ใหม่ของ ขสมก. ซะอีก อันนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อซักที ทั้งที่มีความจำเป็นกว่าโครงการรถคันแรกตั้งเยอะ มันเป็นโครงการที่ไรัประโยชน์มากพอๆกับโครงการแจกแท็ปเล็ตเด็กประถมน่ะแหละ

ปล. บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นแฟนพันธ์แท้รถสาธารณะ เวลาอยู่ในกรุงเทพผมใช้บริการรถเมล์ประจำถ้าไม่ต้องเอาของไปด้วยเยอะแยะและรถเมล์มันผ่านจุดที่จะไป ขึ้นรถแล้วก็หลับเลยถ้านั่งไกล บอกกระเป๋าไว้เรียบร้อยถ้ากลัวหลับเพลิน สบายกว่าขับรถไปเองอีก


คนรอบๆตัวผมมีหลายคนเลยที่ด่าโครงการนี้ แต่ก็ซื้อกับเค้าด้วย
คือไม่เห็นด้วยแต่ตัวเองก็ซื้อ คืออะไร?

แล้วเบื้องหลังของโครงการนี้มันคือนโยบายในการช่วยเหลือบริษัทรถ
ต่างๆจากเหคุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา เพื่อให้บริษัทพวกนี้ยังคงลงทุน
ในประเทศเราต่อไป ด้วยอีกทางนึง

แต่จุดประสงค์หลักจริงๆก็คือให้ประชาชนได้มีรถยนต์เป็นของตัวเอง
คุณอย่ามองแค่กรุงเทพคือประเทศไทย ไม่ใช่ทั้งประเทศจะสามารถสร้างระบบ
ขนส่งมวลชนแบบดีๆขึ้นมาได้ เอาแค่กรุงเทพ ทุกวันนี้ยังบอกกันว่าห่วยเลย
แล้วจังหวัดอื่นๆล่ะ?  คนไม่รู้เรื่องชอบมองแค่ว่าทำไมไม่เอาเงินส่วนนี้
มาพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะนโยบายนี้จริงๆ
คือเค้าจะเน้นช่วยคนต่างจังหวัด

แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าถ้าออกนโยบายมาบอกว่าให้เฉพาะคนจังหวัดอื่นยกเว้นกรุงเทพ
เดี๋ยวก็จะยาวอีก
"นโยบายช่วยคนต่างจังหวัด" แล้วที่คนต่างจังหวัดโดนยิดรถกันเป็นว่าเล่นเป็นหนี้กันบานเป็นเพราะอะไรครับ?
ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภที่เห็นโครงการ.......
ส่วนถนนหนทางก็มีเท่าเดิมรถก็เพิ่มขึ้นทุกวันๆจะติดจะอะไรก็ช่างมัน
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Volta ที่ มีนาคม 12, 2015, 18:40:04
ผมมองว่า ถึงลดภาษีลง รถราคาถูกลง แต่ถึงยังไงอนาคตค่ายรถยนต์ก็ต้องปรับราคาขึ้นอยู่ดี ไม่มีทางที่ราคาจะถูกได้นานหรอกครับ

ตอนนี้ที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องเงินเฝ้อมากกว่า ของราคาแพงขึ้นทุกอย่าง มันเลยส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่กันทั้งระบบเลยครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tierak ที่ มีนาคม 12, 2015, 19:02:17
รอดู รถไฟฟ้าครบ 10 สาย
แล้วกลับมาดูยอดขายรถยนต์ใหม่นะครับ
กำลังซื้อยิ่งจะหายไปกว่านี้เสียอีก

เพราะ นอกจากจะมีรถไฟฟ้าค่อนข้างครบทั่วกรุงแล้ว
อาจจะตามมาด้วยนโยบาย ห้ามรถวิ่งในบางเส้นทาง ถ้าจะเข้ามาวิ่งต้องจ่ายค่าเข้า
หรือ กม.ควบคุมอาคารใหม่ ให้บ้านต้องมีที่จอดรถ คอนโดต้องมีที่จอดรถ100%
อาจจะรวมไปถึง ใครซื้อรถต้องมีที่จอดรถมายืนยัน
อะไรทำนองนี้
แล้วทีนี้กำลังซื้อจะกระจายไปอยู่ที่ต่างจังหวัด มาดูกันว่า ยอดขายยังจะเหมือนเดิมได้รึป่าว

10 สายอาจจะไม่ค่อยเท่าจะให้ดีถ้ามีรถไฟความเร็วจะสูงหรือจะกลางก็แล้วแต่ คงมีหลายคนยอมกลับบ้านไปนอนจังหวัดไกล้เคียง เช่น ปากช่อง หรือโคราช หรือนครสวรรค์ แล้วนั่งรถไฟชั่วโมงกว่าๆมาทำงาน
อีกอย่าง จะเป็นการกระขายตัวเมืองออกเวรเวณรอบนอกไม่ต้องกระจุกตัวแต่ในกรุงเทพเหมือนทุกวันนี้
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tierak ที่ มีนาคม 12, 2015, 19:10:13
ถ้ารถยนต์ขายได้ในราคาถูก ก็จะมีคนบางจำพวกออกมาแขวะเพราะไม่พอใจ

ที่คนรายได้น้อยมีรถได้ เพราะกลัวจะแย่งถนนเค้าใช้ครับ

ดูอย่างโครงการรถคันแรก คนไม่เห็นด้วยเพียบ

ผมคนนึงแหละครับ ที่ด่าโครงการนี้ คุณรู้มั้ยส่วนนึง(แต่มีเยอะ)คนที่ซื้อรถในโครงการนี้คือ"ซื้อรถแล้วได้เงินคืนมาด้วย ไม่เอาก็โง่แล้ว" ผลน่ะเหรอหนี้เสียจากรถยนต์บานเบิก แถมด้วยการผลิตคนขับมือใหม่ลงถนนในปริมาณมากๆปัญหาจราจรอื่นๆตามมาอีกเพียบ อีกทั้งเงินที่หมดไปกับโครงการนี้มากกว่าโครงการซื้อรถเมล์ใหม่ของ ขสมก. ซะอีก อันนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อซักที ทั้งที่มีความจำเป็นกว่าโครงการรถคันแรกตั้งเยอะ มันเป็นโครงการที่ไรัประโยชน์มากพอๆกับโครงการแจกแท็ปเล็ตเด็กประถมน่ะแหละ

ปล. บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นแฟนพันธ์แท้รถสาธารณะ เวลาอยู่ในกรุงเทพผมใช้บริการรถเมล์ประจำถ้าไม่ต้องเอาของไปด้วยเยอะแยะและรถเมล์มันผ่านจุดที่จะไป ขึ้นรถแล้วก็หลับเลยถ้านั่งไกล บอกกระเป๋าไว้เรียบร้อยถ้ากลัวหลับเพลิน สบายกว่าขับรถไปเองอีก


คนรอบๆตัวผมมีหลายคนเลยที่ด่าโครงการนี้ แต่ก็ซื้อกับเค้าด้วย
คือไม่เห็นด้วยแต่ตัวเองก็ซื้อ คืออะไร?

แล้วเบื้องหลังของโครงการนี้มันคือนโยบายในการช่วยเหลือบริษัทรถ
ต่างๆจากเหคุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา เพื่อให้บริษัทพวกนี้ยังคงลงทุน
ในประเทศเราต่อไป ด้วยอีกทางนึง

แต่จุดประสงค์หลักจริงๆก็คือให้ประชาชนได้มีรถยนต์เป็นของตัวเอง
คุณอย่ามองแค่กรุงเทพคือประเทศไทย ไม่ใช่ทั้งประเทศจะสามารถสร้างระบบ
ขนส่งมวลชนแบบดีๆขึ้นมาได้ เอาแค่กรุงเทพ ทุกวันนี้ยังบอกกันว่าห่วยเลย
แล้วจังหวัดอื่นๆล่ะ?  คนไม่รู้เรื่องชอบมองแค่ว่าทำไมไม่เอาเงินส่วนนี้
มาพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะนโยบายนี้จริงๆ
คือเค้าจะเน้นช่วยคนต่างจังหวัด

แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าถ้าออกนโยบายมาบอกว่าให้เฉพาะคนจังหวัดอื่นยกเว้นกรุงเทพ
เดี๋ยวก็จะยาวอีก
"นโยบายช่วยคนต่างจังหวัด" แล้วที่คนต่างจังหวัดโดนยิดรถกันเป็นว่าเล่นเป็นหนี้กันบานเป็นเพราะอะไรครับ?
ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภที่เห็นโครงการ.......
ส่วนถนนหนทางก็มีเท่าเดิมรถก็เพิ่มขึ้นทุกวันๆจะติดจะอะไรก็ช่างมัน
ผมไม่มีข้อมูลเชิงลึกนะครับว่าต่างจังหวัดกับเมืองกรุงหนี้เสียของรถยนต์นี่ที่ไหนเยอะกว่ากัน แต่ผมไม่ค่อยเห็นรถต่างจังหวัดถูกยึดเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Rock795 ที่ มีนาคม 12, 2015, 19:35:22
ถ้ารถยนต์ขายได้ในราคาถูก ก็จะมีคนบางจำพวกออกมาแขวะเพราะไม่พอใจ

ที่คนรายได้น้อยมีรถได้ เพราะกลัวจะแย่งถนนเค้าใช้ครับ

ดูอย่างโครงการรถคันแรก คนไม่เห็นด้วยเพียบ

ผมคนนึงแหละครับ ที่ด่าโครงการนี้ คุณรู้มั้ยส่วนนึง(แต่มีเยอะ)คนที่ซื้อรถในโครงการนี้คือ"ซื้อรถแล้วได้เงินคืนมาด้วย ไม่เอาก็โง่แล้ว" ผลน่ะเหรอหนี้เสียจากรถยนต์บานเบิก แถมด้วยการผลิตคนขับมือใหม่ลงถนนในปริมาณมากๆปัญหาจราจรอื่นๆตามมาอีกเพียบ อีกทั้งเงินที่หมดไปกับโครงการนี้มากกว่าโครงการซื้อรถเมล์ใหม่ของ ขสมก. ซะอีก อันนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อซักที ทั้งที่มีความจำเป็นกว่าโครงการรถคันแรกตั้งเยอะ มันเป็นโครงการที่ไรัประโยชน์มากพอๆกับโครงการแจกแท็ปเล็ตเด็กประถมน่ะแหละ

ปล. บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นแฟนพันธ์แท้รถสาธารณะ เวลาอยู่ในกรุงเทพผมใช้บริการรถเมล์ประจำถ้าไม่ต้องเอาของไปด้วยเยอะแยะและรถเมล์มันผ่านจุดที่จะไป ขึ้นรถแล้วก็หลับเลยถ้านั่งไกล บอกกระเป๋าไว้เรียบร้อยถ้ากลัวหลับเพลิน สบายกว่าขับรถไปเองอีก


คนรอบๆตัวผมมีหลายคนเลยที่ด่าโครงการนี้ แต่ก็ซื้อกับเค้าด้วย
คือไม่เห็นด้วยแต่ตัวเองก็ซื้อ คืออะไร?

แล้วเบื้องหลังของโครงการนี้มันคือนโยบายในการช่วยเหลือบริษัทรถ
ต่างๆจากเหคุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา เพื่อให้บริษัทพวกนี้ยังคงลงทุน
ในประเทศเราต่อไป ด้วยอีกทางนึง

แต่จุดประสงค์หลักจริงๆก็คือให้ประชาชนได้มีรถยนต์เป็นของตัวเอง
คุณอย่ามองแค่กรุงเทพคือประเทศไทย ไม่ใช่ทั้งประเทศจะสามารถสร้างระบบ
ขนส่งมวลชนแบบดีๆขึ้นมาได้ เอาแค่กรุงเทพ ทุกวันนี้ยังบอกกันว่าห่วยเลย
แล้วจังหวัดอื่นๆล่ะ?  คนไม่รู้เรื่องชอบมองแค่ว่าทำไมไม่เอาเงินส่วนนี้
มาพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะนโยบายนี้จริงๆ
คือเค้าจะเน้นช่วยคนต่างจังหวัด

แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าถ้าออกนโยบายมาบอกว่าให้เฉพาะคนจังหวัดอื่นยกเว้นกรุงเทพ
เดี๋ยวก็จะยาวอีก
"นโยบายช่วยคนต่างจังหวัด" แล้วที่คนต่างจังหวัดโดนยิดรถกันเป็นว่าเล่นเป็นหนี้กันบานเป็นเพราะอะไรครับ?
ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภที่เห็นโครงการ.......
ส่วนถนนหนทางก็มีเท่าเดิมรถก็เพิ่มขึ้นทุกวันๆจะติดจะอะไรก็ช่างมัน
ผมไม่มีข้อมูลเชิงลึกนะครับว่าต่างจังหวัดกับเมืองกรุงหนี้เสียของรถยนต์นี่ที่ไหนเยอะกว่ากัน แต่ผมไม่ค่อยเห็นรถต่างจังหวัดถูกยึดเท่าไหร่
ที่ผมกำลังจะพูดนี้หมายถึงคนต่างจังหวัดครับไม่ใช่รถต่างจังหวัด
คนต่างจังหวัดที่มาทำงานในกรุงเทพก็มีไม่ใช่น้อย
อย่างลูกน้องผมที่มาจากต่างจังหวัดแล้วออกรถในกรุงเทพจดทะเบียนในกรุงอย่างนี้เรียกว่ารถต่างจังหวัดรึเปล่าครับ?
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Puitam ที่ มีนาคม 12, 2015, 19:50:40
รบกวนเรียนถามเพื่อเปนข้อมูล  ตัวเลขของพวกที่ซื้อรถแล้วถูกยึดไปหาดูได้ที่ไหนครับ

อยากหาข้อมูลมาดูเพื่อวิเคราะห์กันจริงๆ  มีการยืนยันทางสถิติได้อ่ะครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: cadherin ที่ มีนาคม 12, 2015, 20:07:17
นี่ขนาด​บ่นกันว่าภาษี​รถแพง​ รถยังเยอะขนาดนี้
ถ้าพูดถึง​ ECO​ Car​ ว่าไม่ดีทั้งหมดคงไม่ถูกต้​อง​

หลาย​คนซื้อเพราะจำเป็น​ บ้านผมถอยมาสองคันเพราะรถคันเก่า​มีปัญหาบ่อย​ ซื้อสด​ ไม่ได้มีปัญหาอะไร​ ภาษี​ก็ได้คืน​

อย่าบอกคนรวยเอาชื่อคนอื่นซื้อ​เลยครับ​ ใครก็ซื้อ​ได้​​ แต่ไม่ใช่ว่าจะผ่อนไหวทุกคน

ที่มีปัญหาเพราะคนที่ซื้อไม่ประมาณ​ตน​ คิดว่าไหว​ แต่สุดท้ายต้องปล่อยให้ยึด

ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากวินัยการเงินของคนไทยส่วนหนึ่งไม่ดี
คิดว่ามีเงินเดือน​ เลยกู้​ เลยผ่อน​ พอตกงานก็งานเข้าสิครับ

บ้านผมมีตึกให้เช่า​ คนเช่าสองรายแรก​ กิจการดี​ ก็เห็น​บ่นว่า
งานน้อย​ แต่ขยัน​ ออเดอร์​เพียบ​ อยู่​มาหลายปี​ ค่าเช่าจ่ายตามกำหนด

อีกสองรายที่เห็น​ เปิดร้านใหญ่ ตอนแรกคิดว่าทำได้​ ลงทุนเยอะ​ แต่ไม่สู้​ ไม่ปรับตัว​ พอธุรกิจไม่ไหว​ ท้อ​ ปิดร้าน​ อยู่​บ้านเฉยๆ​ ทุนก็หมดไปเรื่อยๆ
สุดท้ายอยู่​ไม่ครบสัญญา​เช่า​ ออกก่อนกำหนด​
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ มีนาคม 12, 2015, 20:16:45
ผมว่าทางเลือกที่คุณทำได้ คือ ใช้ Eco car เลยครับ

รถไม่ได้เล็กแล้วเดียวนี้

ทั้ง Almera และ sedan หลายๆ รุ่น

ราคาก็ 5-6 แสนไม่แพงเกินไป :)
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: OHMMY ที่ มีนาคม 12, 2015, 22:16:00
ปัญหาเกิดจากความคิดของคนไทยเองนั่นล่ะครับ ตั้งสติแล้วพิจรณาโทษตัวเองบ้าง ค่านิยมแบบนี้คนกำหนดโครงสร้างภาษีเป็นคนสร้างให้หรือไม่
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: toonze ที่ มีนาคม 12, 2015, 22:31:13
ถ้ารถยนต์ขายได้ในราคาถูก ก็จะมีคนบางจำพวกออกมาแขวะเพราะไม่พอใจ

ที่คนรายได้น้อยมีรถได้ เพราะกลัวจะแย่งถนนเค้าใช้ครับ

ดูอย่างโครงการรถคันแรก คนไม่เห็นด้วยเพียบ

 ;)
โดนใจครับ

โดนจริงๆๆครับ รถชนมากขึ้นทุกวัน ไม่มีวินัยในการขับรถ บ้างคันขับรถยนเหมือนขับมอไซร์
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tierak ที่ มีนาคม 12, 2015, 22:44:03
ถ้ารถยนต์ขายได้ในราคาถูก ก็จะมีคนบางจำพวกออกมาแขวะเพราะไม่พอใจ

ที่คนรายได้น้อยมีรถได้ เพราะกลัวจะแย่งถนนเค้าใช้ครับ

ดูอย่างโครงการรถคันแรก คนไม่เห็นด้วยเพียบ

ผมคนนึงแหละครับ ที่ด่าโครงการนี้ คุณรู้มั้ยส่วนนึง(แต่มีเยอะ)คนที่ซื้อรถในโครงการนี้คือ"ซื้อรถแล้วได้เงินคืนมาด้วย ไม่เอาก็โง่แล้ว" ผลน่ะเหรอหนี้เสียจากรถยนต์บานเบิก แถมด้วยการผลิตคนขับมือใหม่ลงถนนในปริมาณมากๆปัญหาจราจรอื่นๆตามมาอีกเพียบ อีกทั้งเงินที่หมดไปกับโครงการนี้มากกว่าโครงการซื้อรถเมล์ใหม่ของ ขสมก. ซะอีก อันนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อซักที ทั้งที่มีความจำเป็นกว่าโครงการรถคันแรกตั้งเยอะ มันเป็นโครงการที่ไรัประโยชน์มากพอๆกับโครงการแจกแท็ปเล็ตเด็กประถมน่ะแหละ

ปล. บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นแฟนพันธ์แท้รถสาธารณะ เวลาอยู่ในกรุงเทพผมใช้บริการรถเมล์ประจำถ้าไม่ต้องเอาของไปด้วยเยอะแยะและรถเมล์มันผ่านจุดที่จะไป ขึ้นรถแล้วก็หลับเลยถ้านั่งไกล บอกกระเป๋าไว้เรียบร้อยถ้ากลัวหลับเพลิน สบายกว่าขับรถไปเองอีก


คนรอบๆตัวผมมีหลายคนเลยที่ด่าโครงการนี้ แต่ก็ซื้อกับเค้าด้วย
คือไม่เห็นด้วยแต่ตัวเองก็ซื้อ คืออะไร?

แล้วเบื้องหลังของโครงการนี้มันคือนโยบายในการช่วยเหลือบริษัทรถ
ต่างๆจากเหคุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา เพื่อให้บริษัทพวกนี้ยังคงลงทุน
ในประเทศเราต่อไป ด้วยอีกทางนึง

แต่จุดประสงค์หลักจริงๆก็คือให้ประชาชนได้มีรถยนต์เป็นของตัวเอง
คุณอย่ามองแค่กรุงเทพคือประเทศไทย ไม่ใช่ทั้งประเทศจะสามารถสร้างระบบ
ขนส่งมวลชนแบบดีๆขึ้นมาได้ เอาแค่กรุงเทพ ทุกวันนี้ยังบอกกันว่าห่วยเลย
แล้วจังหวัดอื่นๆล่ะ?  คนไม่รู้เรื่องชอบมองแค่ว่าทำไมไม่เอาเงินส่วนนี้
มาพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะนโยบายนี้จริงๆ
คือเค้าจะเน้นช่วยคนต่างจังหวัด

แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าถ้าออกนโยบายมาบอกว่าให้เฉพาะคนจังหวัดอื่นยกเว้นกรุงเทพ
เดี๋ยวก็จะยาวอีก
"นโยบายช่วยคนต่างจังหวัด" แล้วที่คนต่างจังหวัดโดนยิดรถกันเป็นว่าเล่นเป็นหนี้กันบานเป็นเพราะอะไรครับ?
ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภที่เห็นโครงการ.......
ส่วนถนนหนทางก็มีเท่าเดิมรถก็เพิ่มขึ้นทุกวันๆจะติดจะอะไรก็ช่างมัน
ผมไม่มีข้อมูลเชิงลึกนะครับว่าต่างจังหวัดกับเมืองกรุงหนี้เสียของรถยนต์นี่ที่ไหนเยอะกว่ากัน แต่ผมไม่ค่อยเห็นรถต่างจังหวัดถูกยึดเท่าไหร่
ที่ผมกำลังจะพูดนี้หมายถึงคนต่างจังหวัดครับไม่ใช่รถต่างจังหวัด
คนต่างจังหวัดที่มาทำงานในกรุงเทพก็มีไม่ใช่น้อย
อย่างลูกน้องผมที่มาจากต่างจังหวัดแล้วออกรถในกรุงเทพจดทะเบียนในกรุงอย่างนี้เรียกว่ารถต่างจังหวัดรึเปล่าครับ?

อ๋อ ถ้าผมตีความผิดก็ขออภัยครับ แต่บริบทของกระทู้ก่อนผมตีความระหว่างคนที่อยู่ต่างจังหวัด กับกรุงเทพ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: wa330 ที่ มีนาคม 12, 2015, 23:17:52
ข่าวดี ล่าสุดได้ข่าวเรื่องจะเก็บภาษีที่ซุกหัวนอนถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 13, 2015, 10:26:44
: Ivy Modernist   คุณจะให้แข่งขันได้เหมือนประเทศอื่นต้องดูด้วยว่าเราจะแข่งแบบไหน
เพราะประเทศเราผลิตรถอะไร   ถ้าไม่ทำรถราคาถูกจะให้เราทำรถราคาแพงแล้วขายในราคาที่เหมาะสมหรือส่งออกรถราคาแพงในราคาที่เหมาะสมงั้นหรือ      
บ้านเราถูกวางจากบริษัทรถยนต์ให้ผลิตปิคอัพกับอีโคคาร์ รวมถึงเก่ง B C  บางค่าย    คุรจะให้ไต่ระดับไปถึงขั้นไหนที่เรียกว่าแข่งขันได้    เพราะรถราคาแพงบ้านเราอย่าง BM Benz  เขาเน้นประกอบขายในประเทศมากว่าส่งออก        ขณะที่รถ Mass  Juke Livina  Innova  หรืออื่น ๆ ตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านแล้วส่งเข้ามาขายในไทยได้กำไรมากกว่า ถูกกว่าที่จะผลิตในไทย         ส่วนรถที่ส่งออกได้อย่างเช่น Crown Landcruiser Alphard  Pajero GDI ญี่ปุ่นก็จะต้องผลิตเองเพื่อคงสภาพการจ้างงานและเป็นบริษัทแม่ในญี่ปุ่นเอาไว้  
คำตอบมันก็มีแล้วว่าเรายังไม่พร้อมที่จะแข่งในระดับสูงขึ้น หรือแข่งในระดับต่ำลงไปกว่านี้


คำตอบของบริษัทรถยนต์มี........แต่ในการปรับตัวที่คุณต้องการให้เป็นมันไม่ใช่แบบที่คุณคิด     คือเค้าไม่แข่ง   ถ้าไม่ได้รับการยกเว้นภาษีหรือมีเหตุจูงใจให้ผลิต  เขาก็เอาของประเทศเพื่อนบ้านนำเข้ามาแทน  เพราะได้รับการยกเว้นภาษี  ไม่ลงทุนทำในไทยต่อ  คุณคิดว่าเขาจะปรับไลน์ผลิต  หรือปรับสภาพยกระดับในไทยงั้นหรือ    สู้ย้ายไปเมืองนอกอย่างเวียดนามได้รับการส่งเสริมการลงทุนดีกว่า  ค่าแรงก็ถูกกว่า แล้วเอามาขายบ้านเราต้นทุนก็ยังถูกกว่าที่จะมาพัฒนา      ค่ายรถยนต์เป็นของต่างชาติแล้วเขาก็วางจุดยุทธศาตร์คือมีโรงงานรอบ ๆ อาเซียนและจีนนี้ทั้งนั้นเพื่อแข่งขันได้    ตรงไหนดีราคาถูกทำกำไรได้มากเขาก็ยึดเอาอันนั้น        ไม่ต้องไปหวังว่าเขาจะยกระดับเพื่อมาแข่งอะไรกับใครหรอก

ผมหมายถึง domestic market

tariff รถนำเข้าลดลง เกิดตัวเลือกในตลาดมากขึ้น เพื่อให้รถตลาดในแข่งขันได้ คุณต้อง ทำคุณภาพ สเปคให้เทียบเท่ากับ ตัวรถรุ่นเดียวกันที่คุณทำส่งไปขายนอก  margin แน่นอนว่าลดลง ราคารถประกอบใน สมเหตุสมผลมากขึ้น และแน่นอนว่ายังราคาไม่แรงเท่าของนอกที่ยังโดนภาษีนำเข้าอยู่บ้าง  ผมสงสัยงว่าตรงไหนที่รถประกอบในจะขายไม่ออก สู้ของนอกที่ยังแพงกว่าไม่ได้  demand จะดีขึ้นด้วยซ้ำ consumer ก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน     
ปัจจุบันรถตลาดก็ราคาเท่าเมืองนอกอยู่แล้ว เชคราคาfocus ที่ไทยกับอังกฤษดูพอๆกัน ออพชั่นก็ใกล้เคียง hondaก็เริ่มอัดออพชั่นมาเยอะพอๆกับfordแล้ว จะลดภาษีนำเข้าเพื่ออะไรอีกหละครับ ให้e-classมาแข่งราคากับcamryหรอครับ แบบ2ล้านกว่าๆแบบนี้มันสนับสนุนคนชั้นกลางค่อนไปทางสูง กับคนชั้นสูงแล้ว แก้กฏหมายเพื่อคนส่วนน้อยทำไมหละครับ

เห็นอ้างอิงถึง Fiesta ผมเลยจัดข้อมูล fiesta ที่ขายในโลกที่หนึ่งมาเทียบกับโลกที่สามอย่างไทยแลนด์นะครับ 

http://www.ford.com/cars/fiesta/pricing/ (http://www.ford.com/cars/fiesta/pricing/)

รุ่น ST ใน Murica ราคาเริ่มหกแสนนิดหน่อย   เงินจำนวนเดียวกันคุณถอยได้รุ่นไหนในไทยแลนด์ครับ

http://www.ford.co.uk/ConfigureyourCar/Fiesta/Titanium (http://www.ford.co.uk/ConfigureyourCar/Fiesta/Titanium)

ราคาในอังกิดอาจแรงขึ้นมาอีกหน่อย แต่ เงินจำนวนแปดแสนห้า  คุณจะได้รุ่น ST มาใช้ คำถามเดิมเงินเท่ากันในไทย คุณซื้อรุ่นไหนได้  ถ้าไม่ใช่พวกรถเครื่องแทรคเตอร์
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ มีนาคม 13, 2015, 19:36:54
ไม่เอาก็โง่แล้ว มันกำลังฮิตหรอครับ

555+
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: localgame ที่ มีนาคม 14, 2015, 00:25:14
: Ivy Modernist   คุณจะให้แข่งขันได้เหมือนประเทศอื่นต้องดูด้วยว่าเราจะแข่งแบบไหน
เพราะประเทศเราผลิตรถอะไร   ถ้าไม่ทำรถราคาถูกจะให้เราทำรถราคาแพงแล้วขายในราคาที่เหมาะสมหรือส่งออกรถราคาแพงในราคาที่เหมาะสมงั้นหรือ      
บ้านเราถูกวางจากบริษัทรถยนต์ให้ผลิตปิคอัพกับอีโคคาร์ รวมถึงเก่ง B C  บางค่าย    คุรจะให้ไต่ระดับไปถึงขั้นไหนที่เรียกว่าแข่งขันได้    เพราะรถราคาแพงบ้านเราอย่าง BM Benz  เขาเน้นประกอบขายในประเทศมากว่าส่งออก        ขณะที่รถ Mass  Juke Livina  Innova  หรืออื่น ๆ ตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านแล้วส่งเข้ามาขายในไทยได้กำไรมากกว่า ถูกกว่าที่จะผลิตในไทย         ส่วนรถที่ส่งออกได้อย่างเช่น Crown Landcruiser Alphard  Pajero GDI ญี่ปุ่นก็จะต้องผลิตเองเพื่อคงสภาพการจ้างงานและเป็นบริษัทแม่ในญี่ปุ่นเอาไว้  
คำตอบมันก็มีแล้วว่าเรายังไม่พร้อมที่จะแข่งในระดับสูงขึ้น หรือแข่งในระดับต่ำลงไปกว่านี้


คำตอบของบริษัทรถยนต์มี........แต่ในการปรับตัวที่คุณต้องการให้เป็นมันไม่ใช่แบบที่คุณคิด     คือเค้าไม่แข่ง   ถ้าไม่ได้รับการยกเว้นภาษีหรือมีเหตุจูงใจให้ผลิต  เขาก็เอาของประเทศเพื่อนบ้านนำเข้ามาแทน  เพราะได้รับการยกเว้นภาษี  ไม่ลงทุนทำในไทยต่อ  คุณคิดว่าเขาจะปรับไลน์ผลิต  หรือปรับสภาพยกระดับในไทยงั้นหรือ    สู้ย้ายไปเมืองนอกอย่างเวียดนามได้รับการส่งเสริมการลงทุนดีกว่า  ค่าแรงก็ถูกกว่า แล้วเอามาขายบ้านเราต้นทุนก็ยังถูกกว่าที่จะมาพัฒนา      ค่ายรถยนต์เป็นของต่างชาติแล้วเขาก็วางจุดยุทธศาตร์คือมีโรงงานรอบ ๆ อาเซียนและจีนนี้ทั้งนั้นเพื่อแข่งขันได้    ตรงไหนดีราคาถูกทำกำไรได้มากเขาก็ยึดเอาอันนั้น        ไม่ต้องไปหวังว่าเขาจะยกระดับเพื่อมาแข่งอะไรกับใครหรอก

ผมหมายถึง domestic market

tariff รถนำเข้าลดลง เกิดตัวเลือกในตลาดมากขึ้น เพื่อให้รถตลาดในแข่งขันได้ คุณต้อง ทำคุณภาพ สเปคให้เทียบเท่ากับ ตัวรถรุ่นเดียวกันที่คุณทำส่งไปขายนอก  margin แน่นอนว่าลดลง ราคารถประกอบใน สมเหตุสมผลมากขึ้น และแน่นอนว่ายังราคาไม่แรงเท่าของนอกที่ยังโดนภาษีนำเข้าอยู่บ้าง  ผมสงสัยงว่าตรงไหนที่รถประกอบในจะขายไม่ออก สู้ของนอกที่ยังแพงกว่าไม่ได้  demand จะดีขึ้นด้วยซ้ำ consumer ก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน     
ปัจจุบันรถตลาดก็ราคาเท่าเมืองนอกอยู่แล้ว เชคราคาfocus ที่ไทยกับอังกฤษดูพอๆกัน ออพชั่นก็ใกล้เคียง hondaก็เริ่มอัดออพชั่นมาเยอะพอๆกับfordแล้ว จะลดภาษีนำเข้าเพื่ออะไรอีกหละครับ ให้e-classมาแข่งราคากับcamryหรอครับ แบบ2ล้านกว่าๆแบบนี้มันสนับสนุนคนชั้นกลางค่อนไปทางสูง กับคนชั้นสูงแล้ว แก้กฏหมายเพื่อคนส่วนน้อยทำไมหละครับ

เห็นอ้างอิงถึง Fiesta ผมเลยจัดข้อมูล fiesta ที่ขายในโลกที่หนึ่งมาเทียบกับโลกที่สามอย่างไทยแลนด์นะครับ 

http://www.ford.com/cars/fiesta/pricing/ (http://www.ford.com/cars/fiesta/pricing/)

รุ่น ST ใน Murica ราคาเริ่มหกแสนนิดหน่อย   เงินจำนวนเดียวกันคุณถอยได้รุ่นไหนในไทยแลนด์ครับ

http://www.ford.co.uk/ConfigureyourCar/Fiesta/Titanium (http://www.ford.co.uk/ConfigureyourCar/Fiesta/Titanium)

ราคาในอังกิดอาจแรงขึ้นมาอีกหน่อย แต่ เงินจำนวนแปดแสนห้า  คุณจะได้รุ่น ST มาใช้ คำถามเดิมเงินเท่ากันในไทย คุณซื้อรุ่นไหนได้  ถ้าไม่ใช่พวกรถเครื่องแทรคเตอร์

ผมเอาfocusมาเทียบครับ แต่ถึงจะเอาfiestaมาก็ไม่ต่างกันอยู่ดี ผมพยายามเอาราคาจากที่อังกฤษมาเทียบเพราะว่าเป็นพวงมาลัยขวาเหมือนกันและถ้านำเข้ามาจริงๆก็ต้องเอามาจากอังกฤษอยู่แล้ว ถ้ารัฐลดภาษีนำเข้า กลุ่มคนที่ได้ประโยชน์ก็เป็นกลุ่มคนชั้นกลางถึงระดับสูงตามที่บอก แถมเสียผลประโยชน์ทางภาษีด้วย นำมันสำหรับรถแรงใช้มากกว่า ต้องนำเข้าน้ำมันมากขึ้น รถในประเทศขายได้ลดลง ยอดimportเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจตกลง gdpลดลง ถึงคุณจะบอกว่าเราจะได้รถแรงออพชั่นเทพ ปัจจุบันออพชั่นความปลอดภัยก็เริ่มใกล้เคียงเมืองนอกแล้ว แรงม้าปัจจุบันก็เพียงพอแก่การใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่มีความจำเป็นต้องลดภาษีสำหรับรถแรง
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: dht_tubes ที่ มีนาคม 14, 2015, 10:18:21
ผมว่าไม่ว่าภาษีจะกี่ % เรทไหน เรียกชื่อว่าอย่างไร

ตราบใดที่ % กำไรของผู้ผลิต

ซึ่งบวกต้นทุน ทั้งที่มองเห็น และมองไม่เห็นเอาไว้ อย่างมากมายมหาศาล

โดยที่ไม่มีกลไกภาครัฐที่เห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองส่วนใหญ่ มากกว่าการที่มองแค่ตัวเลขภาษีที่ต้องการ ได้ตรงนั้นแค่นั้นพอ

แล้วส่วนระบบทุนนั้น จะบวก จะโขก จะเอาเปรียบไปอีกเท่าไหร่

มองข้าม หรือแกล้ง ทำเป็นมองไม่เห็นอยู่อย่างนี้

ต่อให้ภาษีเหลือ 0% ราคารถในบ้านเรา ก็ไม่มีทางสอดคล้องกับความเป็นจริงด้านต้นทุน

และความสัมพันธ์ต่อรายได้ของผู้บริโภคโดยรวม ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถทำมาหากินหรอกครับ

เป้ากำไรของผู้ผลิตขึ้นทุกปี ยอดโรงงานทำได้เพิ่มขึ้น หรือ ลดลง กำไรต่อปีก็ต้องได้ตามเป้า

ผู้บริหารประเทศเลือกที่จะเดินทางนี้ เปิดประเทศรับจ้างผลิต แต่ ไม่สามารถมีอำนาจต่อรองอะไรไปมากกว่า การรับจ้างอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

มันเหมือนคนงานโรงงานทอผ้า ที่ทำงานมา 10 ปี แต่ตัดเสื้อเป็นตัว ตัดกางเกงทั้งตัวไม่เป็น

เพราะตลอดเวลา ทำแต่เย็บขอบ หรือ ติดซิป ในโรงงานนั้น ด้วยความเต็มใจ หรือจำยอม ก็ตาม

แน่นอน เราต้องห่วงแรงงานเป็นแสนๆ ที่ทำงานเกี่ยวเนื่อง ทั้งทางตรง และอ้อม

แต่ .....แล้วภาคเกษตร ที่มีคนเป็นล้านๆ ต้องมองมั๊ย

เรื่องแบบนี้มันฝังรากลึกแล้ว คนที่ครอบทุกอย่างแล้วกอบโกย ไม่มีทางปล่อยหรอกครับ ตราบใดที่กลไกภาครัฐ ยังเอื้ออยู่อย่างที่เห็นทุกวันนี้

ผมไม่มีเจตนาจะก่อดราม่าใดๆนะครับ ผมออกความเห็นในมุมเรื่องบ้านเมือง และปากท้อง จากความรู้สึก และความเห็นส่วนตัว ที่ไม่ได้อิงจากความรู้ระดับสูงแต่อย่างใด

แต่มองจากสภาพที่เห็น และรับรู้ได้ มาตลอดเป็นสิบๆปี อ่านเจอกระทู้นี้เลยอยากออกความเห็นในอีกมุมมอง เท่านั้นเอง

พี่ๆ เพื่อนๆ อยากชี้แนะ ท้วงติง ยินดีครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มีนาคม 14, 2015, 10:49:38
       เวลาเขาทำตัวเลขออกมามันน่าสนใจนี่ครับ  อย่าง TOYOTA ประกาศยอดขายออกมาข้อมูลตัวเลขจะน่าเชื่อถือโดยที่หลายค่ายจะยึดเอาตัวเลขนี้ไปใช้แม้แต่ทางราชการเอง           สมมุติปีนี้ตลาดรวมอยู่ที่ 1.7 ล้านคัน
  โตโยต้าค่ายเดียวขายปิคอัพไป 1 แสนคันเฉพาะภายในประเทศ    ยอดปิคอัพส่งออกอีก 1 แสนคัน   ตีราคาคันล่ะ 7 แสนบาท  รวมเป็น 7 หมื่นล้านบาท     ยังไม่นับรถ SUV  Fortuner  อีกประมาณ 30000  คัน  ตีราคาคันล่ะ 1 ล้านบาท  รวมเป็นเงิน 3 หมื่นล้านบาท   อะไหล่ที่ส่งไปขายต่างประเทศอีก 1 แสนกว่าล้านบาท      จำนวนเงินมากมายขนาดนี้ในแต่ละปีมันไปเลี้ยงโรงงานผู้ผลิตอีกกว่า 300 ราย    ในผู้ผลิตอีก 300 ราย มีลูกจ้างโรงงานอีกไม่รู้จำนวนเท่าไหร่ ครอบครัวเขาอีกกี่ชีวิต    เฉพาะกลุ่มไทยซัมมิทกลุ่มเดียวมีคนนับหมื่นครอบครัวสำหรับโรงงานแห่งนี้      เพราะฉะนั้นเวลาเขาตีเป็นตัวเลขออกมาไม่แปลกที่ สมอ. กระทรวงแรงงงานหรือหลายฝ่ายต้องคงสภาพการจ้างงานในเมืองไทยเอาไว้    ผมเป็น 1 ในนั้นที่เป็นพนักงานบริษัท   เพราะมันปฏิเสธไม่ได้ว่ายักษ์ใหญ่หลายค่ายในบ้านเรามีอิทธิพลมากจริง ๆ   เป็นวงจรที่หล่อเลี้ยงบ้านเราอยู่ในขณะนี้เช่นกัน ให้มันดำเนินต่อไปได้                ใครทีบอกไม่กลัวอุตสาหกรรจะล่มสลาย      บ้านเราเมืองเกษตรแต่ต้องเข้าใจว่ามูลค่ายอดขายของบริษัทรถยนต์บริษัทเดียวปาเข้าไปเท่าไหร่แล้ว  ถ้าอุตสาหกรรมนี้อยู่ไม่ได้         วงจรอื่นๆ  ก็พังพินาศเหมือนกัน เป็นลูกโซ่ไปหมด     สินค้าเกษตรอย่างยางพาราที่ว่าแย่แล้วจะแย่หนักอีก
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: localgame ที่ มีนาคม 14, 2015, 13:41:04
ผมว่าไม่ว่าภาษีจะกี่ % เรทไหน เรียกชื่อว่าอย่างไร

ตราบใดที่ % กำไรของผู้ผลิต

ซึ่งบวกต้นทุน ทั้งที่มองเห็น และมองไม่เห็นเอาไว้ อย่างมากมายมหาศาล

โดยที่ไม่มีกลไกภาครัฐที่เห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองส่วนใหญ่ มากกว่าการที่มองแค่ตัวเลขภาษีที่ต้องการ ได้ตรงนั้นแค่นั้นพอ

แล้วส่วนระบบทุนนั้น จะบวก จะโขก จะเอาเปรียบไปอีกเท่าไหร่

มองข้าม หรือแกล้ง ทำเป็นมองไม่เห็นอยู่อย่างนี้

ต่อให้ภาษีเหลือ 0% ราคารถในบ้านเรา ก็ไม่มีทางสอดคล้องกับความเป็นจริงด้านต้นทุน

และความสัมพันธ์ต่อรายได้ของผู้บริโภคโดยรวม ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถทำมาหากินหรอกครับ

เป้ากำไรของผู้ผลิตขึ้นทุกปี ยอดโรงงานทำได้เพิ่มขึ้น หรือ ลดลง กำไรต่อปีก็ต้องได้ตามเป้า

ผู้บริหารประเทศเลือกที่จะเดินทางนี้ เปิดประเทศรับจ้างผลิต แต่ ไม่สามารถมีอำนาจต่อรองอะไรไปมากกว่า การรับจ้างอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

มันเหมือนคนงานโรงงานทอผ้า ที่ทำงานมา 10 ปี แต่ตัดเสื้อเป็นตัว ตัดกางเกงทั้งตัวไม่เป็น

เพราะตลอดเวลา ทำแต่เย็บขอบ หรือ ติดซิป ในโรงงานนั้น ด้วยความเต็มใจ หรือจำยอม ก็ตาม

แน่นอน เราต้องห่วงแรงงานเป็นแสนๆ ที่ทำงานเกี่ยวเนื่อง ทั้งทางตรง และอ้อม

แต่ .....แล้วภาคเกษตร ที่มีคนเป็นล้านๆ ต้องมองมั๊ย

เรื่องแบบนี้มันฝังรากลึกแล้ว คนที่ครอบทุกอย่างแล้วกอบโกย ไม่มีทางปล่อยหรอกครับ ตราบใดที่กลไกภาครัฐ ยังเอื้ออยู่อย่างที่เห็นทุกวันนี้

ผมไม่มีเจตนาจะก่อดราม่าใดๆนะครับ ผมออกความเห็นในมุมเรื่องบ้านเมือง และปากท้อง จากความรู้สึก และความเห็นส่วนตัว ที่ไม่ได้อิงจากความรู้ระดับสูงแต่อย่างใด

แต่มองจากสภาพที่เห็น และรับรู้ได้ มาตลอดเป็นสิบๆปี อ่านเจอกระทู้นี้เลยอยากออกความเห็นในอีกมุมมอง เท่านั้นเอง

พี่ๆ เพื่อนๆ อยากชี้แนะ ท้วงติง ยินดีครับ

ผมว่ายังมีหลายคนที่คิดว่าราคารถบ้านเรามันแพงกว่าที่อื่นอยู่เยอะเนื่องจากภาษีและการ+กำไรของผู้ผลิต ซึ่งในความเป็นจริงเมื่อเอารถที่ผลิตในบ้านเราไปเทียบกับราคา

ที่อังกฤษ รถรุ่นเดียวกันราคาในบ้านเรารวมส่วนลดสะบั้นหั่นแหลกของเจ้าตลาดรถ บ้านเราดันถูกกว่าซะงั้น ภาษีต่อปีก็จ่ายน้อย ค่าประกันก็ถูกกว่า

ไอที่บอกแพงๆมันรถหรูหรือรถนำเข้า รัฐมองเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย คนที่บอกจะให้ลดภาษีนำเข้าก็เพื่อตัวจะซื้อรถถูกลง อยากได้รุ่นแปลก ออพชั่นดี

ถามว่าดีมั้ยผมก็ว่าดี แต่การนำเข้าเยอะๆมันทำให้เศรษฐกิจมันตกลง สุดท้ายก็กลายเป็นคนไทยที่มีเงินในกระเป๋าลดลง และก็ออกมาบ่นกันอีกเศรษฐกิจไม่ดีๆๆๆๆๆๆ

เอาตรงๆเลยถ้าบริษัทรถทำธุรกิจลงทุนไปมันก็ต้องมีกำไรครับ ลงทุนเป็นพัน-หมื่นล้าน ถ้าไม่ได้กำไรจะทำ ทำไมครับ

ถ้าราคามันตั้งแพงไปเราก็มีหลายทางเลือก หลายยี่ห้อให้เลือก ไม่ใช่ฝังใจว่าต้องยี่ห้อนี้เท่านั้น มีรายได้น้อยจำเป็นต้องซื้อรถใหม่หรือเปล่า ก็เปล่า รถเก่าก็มีให้เลือก

ราคาอะไหล่บ้านเราก็พอๆกันที่อื่น ถ้าคนไม่ซื้อรถใหม่ผผู้ผลิตก็ลดราคาขายกันเองแหละครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 14, 2015, 13:43:49
ผมว่าไม่ว่าภาษีจะกี่ % เรทไหน เรียกชื่อว่าอย่างไร

ตราบใดที่ % กำไรของผู้ผลิต

ซึ่งบวกต้นทุน ทั้งที่มองเห็น และมองไม่เห็นเอาไว้ อย่างมากมายมหาศาล

โดยที่ไม่มีกลไกภาครัฐที่เห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองส่วนใหญ่ มากกว่าการที่มองแค่ตัวเลขภาษีที่ต้องการ ได้ตรงนั้นแค่นั้นพอ

แล้วส่วนระบบทุนนั้น จะบวก จะโขก จะเอาเปรียบไปอีกเท่าไหร่

มองข้าม หรือแกล้ง ทำเป็นมองไม่เห็นอยู่อย่างนี้

ต่อให้ภาษีเหลือ 0% ราคารถในบ้านเรา ก็ไม่มีทางสอดคล้องกับความเป็นจริงด้านต้นทุน

และความสัมพันธ์ต่อรายได้ของผู้บริโภคโดยรวม ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถทำมาหากินหรอกครับ

เป้ากำไรของผู้ผลิตขึ้นทุกปี ยอดโรงงานทำได้เพิ่มขึ้น หรือ ลดลง กำไรต่อปีก็ต้องได้ตามเป้า

ผู้บริหารประเทศเลือกที่จะเดินทางนี้ เปิดประเทศรับจ้างผลิต แต่ ไม่สามารถมีอำนาจต่อรองอะไรไปมากกว่า การรับจ้างอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

มันเหมือนคนงานโรงงานทอผ้า ที่ทำงานมา 10 ปี แต่ตัดเสื้อเป็นตัว ตัดกางเกงทั้งตัวไม่เป็น

เพราะตลอดเวลา ทำแต่เย็บขอบ หรือ ติดซิป ในโรงงานนั้น ด้วยความเต็มใจ หรือจำยอม ก็ตาม

แน่นอน เราต้องห่วงแรงงานเป็นแสนๆ ที่ทำงานเกี่ยวเนื่อง ทั้งทางตรง และอ้อม

แต่ .....แล้วภาคเกษตร ที่มีคนเป็นล้านๆ ต้องมองมั๊ย

เรื่องแบบนี้มันฝังรากลึกแล้ว คนที่ครอบทุกอย่างแล้วกอบโกย ไม่มีทางปล่อยหรอกครับ ตราบใดที่กลไกภาครัฐ ยังเอื้ออยู่อย่างที่เห็นทุกวันนี้

ผมไม่มีเจตนาจะก่อดราม่าใดๆนะครับ ผมออกความเห็นในมุมเรื่องบ้านเมือง และปากท้อง จากความรู้สึก และความเห็นส่วนตัว ที่ไม่ได้อิงจากความรู้ระดับสูงแต่อย่างใด

แต่มองจากสภาพที่เห็น และรับรู้ได้ มาตลอดเป็นสิบๆปี อ่านเจอกระทู้นี้เลยอยากออกความเห็นในอีกมุมมอง เท่านั้นเอง

พี่ๆ เพื่อนๆ อยากชี้แนะ ท้วงติง ยินดีครับ

ข้อนี้ผมไม่เห็นด้วยครับ
ผมมองว่า กลไก ภาษี ทำให้ ราคารถมันบิดเบือนครับ

ยกตัวตัวอย่างง่ายๆ รถกะบะ ขนส่งป้ายเขียว ที่ภาษีถูกมาก เป้นรถขายดีอันดับต้นๆ ของประเทศ ราคาถูกกว่า กะบะต่างประเทศที่เราส่งออกไปขายชัดเจน
นี่ คือ ข้อแตกต่าง และ การอุ้ม ชาวชนบท ที่ใช้ รถกะบะ
ในขณะที่ กะบะ 4 ประตู และ รถเก๋ง กลับโดนจริงๆ แล้ว ร
เช่นเดียวกับรถเก๋ง ที่โดนภาษี ท

ลองมองแค่นี้นะครับ Eco car ที่ ราคา 380000-550000

จำค่านิยมแต่ก่อนได้ไหมครับ
ขับเก๋งดูโก้
ขับกะบะดู...

ทั้งที่ ราคาต้นทุน รถเก๋งถุกกว่ากะบะ cab เสียด้วยซ้ำครับ

ลดภาษี ไม่ได้ ทำให้ ค่สยรถยนต์เดือดร้อนครับ เพราะ ค่ายรถ ็ขายราคาไม่ต่างจากเดิม

ดุปรากฏการ รถ eco car ครับ นั่นละภาษี ต่ำแต่ก็ยังไม่เท่ากะบะ ขายดิบ ขายดีไหมครับ เพราะกำลังซื้อคนมากขึ้น

โดยส่วนตัว

รถภาษี รถยนต์ให้มาอยู่ในอัตราเดียวกันครับ
คนขับเก๋งไม่ใช่ คนมีอันจะกินเหมือนสมัยก่อน แต่มันจำเป้นสำหรับ การใช้ ชีวิตนะครับ
จะให้ออกแต่ กะบะ กับ eco car ก็ยินดีครับ

แต่กลายเป้นว่า หากอยากได้รถ
มันบิดเบือน มัน เลือกปฏิบัติเกินไปไหม

รัฐบาล

ทุกวันนี้ มีรถสองประเภท ที่ราคาเหมาะสม เพราะไม่ถูก บวกภาษี

1.กะบะ ป้ายเขียว
2.eco car


ใครทำงานวงการ รถยนต์จะรู้ครับว่ากำไร รถระบบ Mass มันมาจากยอดขาย

ผมจะบอกให้ก็ได้ว่า ค่ายรถยนตื ยังได้ กำไรน้อยกกว่า รัฐบาลที่เก็บภาษี 30-50 % อีกนะครับ

ก่อนจะด่า ค่ายรถยนต์ ว่าขายรถแพง ลองเอา ราคารถ - vat - tax ก่อนดูครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 14, 2015, 13:54:28

คุณ localgame
ผมอยากให้ลองเทียบ ราคา รถ กับประเทศ อื่น ที่ไม่ใช่อังกฤษ ดูบ้างครับ
อย่าลืม นะครับ อังกฤษ  รถนำเข้าแทบจะทั้งนั้น เพราะ ค่าแรงแพงผมเดาว่าแทบจะ ไม่มีโรงงานประกอบรถในประเทศตัวเองหรอกครับ
ถ้าจะเปรียบราคา รถจริง เอาราคา รถนำเข้าบ้านเรา เทียบกับรถประเทศ อังกฤษ  ครับ ถึงจะสมเหตุสมผล เหมาะกันมากกว่า

ลองเอาประเทศ ที่เค้าผลิตรถ ในประเทศตัวเองได้ครับ หรือ ค่าครองชีพใกล้เคียงกับเรา มาเปรียบเทียบดูดีกว่านะครับ
เช่น อเมริกา ออสเตเลีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน  รวมถึง ลาวดูครับ

อังกฤษ กับ สิงโปร นี่ผมขอนะครับ  รายได้ ค่าแรง เค้าต่างจากเราเยอะ อย่ามาเปรียบเทียบเลยครับ
 
ผมกำลัง พูดถึง รถที่ ผลิตในประเทศ ครับ ไม่ใช่รถนำเข้า ครับ รถนำเข้าผมเห็นด้วย ที่จะโดนภาษี แพง
แต่รถที่ผลิตในประเทศไม่สมควร อย่างยิ่งครับ มันควรจะเท่าๆกันครับ ไม่ว่าคนระดับไหน ยังไงคนรวยก็จ่าย ภาษีส่วนบุคคลมากกว่าอยู่แล้ว รถดีๆ ราคาก็แพง ตัวคูณภาษีก็ม่กอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: localgame ที่ มีนาคม 14, 2015, 20:57:00

คุณ localgame
ผมอยากให้ลองเทียบ ราคา รถ กับประเทศ อื่น ที่ไม่ใช่อังกฤษ ดูบ้างครับ
อย่าลืม นะครับ อังกฤษ  รถนำเข้าแทบจะทั้งนั้น เพราะ ค่าแรงแพงผมเดาว่าแทบจะ ไม่มีโรงงานประกอบรถในประเทศตัวเองหรอกครับ
ถ้าจะเปรียบราคา รถจริง เอาราคา รถนำเข้าบ้านเรา เทียบกับรถประเทศ อังกฤษ  ครับ ถึงจะสมเหตุสมผล เหมาะกันมากกว่า

ลองเอาประเทศ ที่เค้าผลิตรถ ในประเทศตัวเองได้ครับ หรือ ค่าครองชีพใกล้เคียงกับเรา มาเปรียบเทียบดูดีกว่านะครับ
เช่น อเมริกา ออสเตเลีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน  รวมถึง ลาวดูครับ

อังกฤษ กับ สิงโปร นี่ผมขอนะครับ  รายได้ ค่าแรง เค้าต่างจากเราเยอะ อย่ามาเปรียบเทียบเลยครับ
 
ผมกำลัง พูดถึง รถที่ ผลิตในประเทศ ครับ ไม่ใช่รถนำเข้า ครับ รถนำเข้าผมเห็นด้วย ที่จะโดนภาษี แพง
แต่รถที่ผลิตในประเทศไม่สมควร อย่างยิ่งครับ มันควรจะเท่าๆกันครับ ไม่ว่าคนระดับไหน ยังไงคนรวยก็จ่าย ภาษีส่วนบุคคลมากกว่าอยู่แล้ว รถดีๆ ราคาก็แพง ตัวคูณภาษีก็ม่กอยู่แล้ว

ผมขอเทียบFord Focusละกันนะครับ เพราะเป็นรถบ้านที่อัดออพชั่นมาเต็มกว่าเจ้าอื่นๆ ละก็เป็นรถอเมริกาก็เอาไปเทียบกับราคาที่นู่นกันเลย
(http://www.uppic.org/image-ED2F_55043A34.jpg)
(http://www.uppic.org/image-25C3_55043A34.jpg)

จากรูปราคารถบ้านเราราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่809,000 แต่รูปจากFord Focusที่USA มันเป็นเครื่อง2.0 เพราะฉะนั้นราคาที่ผมจะเอามาเทียบคือ 969,000

สำหรับตัวเริ่มต้นของรุ่น 2.0 ราคาบ้านเราจากเวปถ้าไปซื้อจริงๆช่วงนี้อาจะได้ส่วนลดหรือของแถมเช่น ประกัน ฟิลม์ พรม พร้อมจดทะเบียนบลาๆๆ ส่วนที่USAราคาคือ

23,670$ สำหรับตัวเริ่มต้นของเครื่อง2.0 ยังไม่รวมTAX ถ้ารวมTAXอีกประมาณ10% ราคาขายจะเป็น26,037$ อัตราแลกเปลี่ยนจากBOT Rate ประมาณ33บาทต่อ1$ เพราะ

ฉะนั้นราคาสุทธิจะได้เท่ากับ 859,221 บาท ส่วนต่างประมาณ1แสนอาจจะเป็นค่าภาษีสำหรับรถผลิตในประเทศ และที่USAอาจไม่ได้มีของแถมเยอะแบบบ้านเรา

ประกันก็ไม่มีให้ต้องจ่ายเอง (ค่าประกันประมาณ$1400ต่อปี) ภาษีรถยนต์ต่อปีบ้านเราก็ถูกกว่าบ้านเค้า รวมๆเข้าไปแล้วคิดไปคิดมาก็ใกล้เคียงบ้านเรา 
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 14, 2015, 22:41:23

ถ้าจะเทียบ ตัว top ก็ต้อง เอา ตัว top ครับ
หรือไม่เอาตัว low 2.0 เทียบ low 1.6 เราเลยก็ได้

เอา 2.0  Top มาเทียบกับ 1.6 กลางผมว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่
เหมือนเทียบรถคนละคลาส
เอา 1.6 ไปเทียบ 2.0  ไม่ได้นะครับเหมือนเอาต่ำไปเทียบสูง แล้วบอก สูง เท่าตัวต่ำ

ลองเอา Top เฟียสต้า เทีย top เฟีสต้าครับ  เครื่องเกือบ ๆ เท่ากัน พอวัดกันได้
หรือ Low เฟียส ต้า มาเทียบกันครับ
 แล้วจะเห็นว่าเค้ายังถูกกว่าเราเป็นแสนอยู่ดี ลองคำนวนเป็น % จะเห็นภาพ
อีกอย่างผมเข้าใจว่า ราคาหน้าเว็บ เค้าไม่มี TAX แล้วนะครับ ผมคิดว่านะจะรวม แค่ vat หรือเปล่า

รถประกอบบ้านเราได้รับ ยกเว้นนำเข้าภาษี 0 % จาก BOI นะครับดังนั้นจึงมีแค่ค่าขนส่ง ยิ่งนำเข้าน้อย ยิ่งทำราคาได้ต่ำแบบ Toyota
ยังสนับสนุนให้รถนำเข้า ยืนภาษีแพงอยู่เช่นเดิม แต่ อยากให้ยกเลิกสองมาตราฐาน สำหรับ รถประกอบในประเทศ



(http://image.ohozaa.com/i/92c/vw5pgr.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/ydAvcFE1sC63XHzT)
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: localgame ที่ มีนาคม 14, 2015, 23:59:58

ถ้าจะเทียบ ตัว top ก็ต้อง เอา ตัว top ครับ
หรือไม่เอาตัว low 2.0 เทียบ low 1.6 เราเลยก็ได้

เอา 2.0  Top มาเทียบกับ 1.6 กลางผมว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่
เหมือนเทียบรถคนละคลาส
เอา 1.6 ไปเทียบ 2.0  ไม่ได้นะครับเหมือนเอาต่ำไปเทียบสูง แล้วบอก สูง เท่าตัวต่ำ

ลองเอา Top เฟียสต้า เทีย top เฟีสต้าครับ  เครื่องเกือบ ๆ เท่ากัน พอวัดกันได้
หรือ Low เฟียส ต้า มาเทียบกันครับ
 แล้วจะเห็นว่าเค้ายังถูกกว่าเราเป็นแสนอยู่ดี ลองคำนวนเป็น % จะเห็นภาพ
อีกอย่างผมเข้าใจว่า ราคาหน้าเว็บ เค้าไม่มี TAX แล้วนะครับ ผมคิดว่านะจะรวม แค่ vat หรือเปล่า

รถประกอบบ้านเราได้รับ ยกเว้นนำเข้าภาษี 0 % จาก BOI นะครับดังนั้นจึงมีแค่ค่าขนส่ง ยิ่งนำเข้าน้อย ยิ่งทำราคาได้ต่ำแบบ Toyota
ยังสนับสนุนให้รถนำเข้า ยืนภาษีแพงอยู่เช่นเดิม แต่ อยากให้ยกเลิกสองมาตราฐาน สำหรับ รถประกอบในประเทศ



(http://image.ohozaa.com/i/92c/vw5pgr.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/ydAvcFE1sC63XHzT)

จากราคาที่คุณว่ามาผมทำตารางexcelให้ดูเลย ราคานี้อ้างอิงจากmotor expo 2014 บางคนได้ส่วนลด200,000สำหรับตัวท็อปสุด2.0 แต่ผมคิดแค่150,000 + ประกัน +

ของแถมสารพัดแทนละกัน เดวจะดูเยอะไป ข้อมูลต้องนี้อ้างอิงจากหลายๆเวป ถ้าไม่มั่นใจgoogleดูเอาครับ

(http://www.uppic.org/image-73FF_55046708.jpg)

จากตารางสรุปได้ว่ารถบ้านเราไม่ได้แพงกว่าขนาดนั้น แต่คนไทยชอบส่วนลด ถ้าต่อได้ถือว่าสำเร็จซื้อเลย ทั้งๆที่จริงๆราคาที่่ตั้งมาก็ตั้งเผื่อต่อแล้วนั่นแหละ  :D

ผมขอสรุปนะครับ ชนชั้นกลางไม่ได้แบกรับภาษีรถเยอะขนาดนั้น


หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 15, 2015, 11:50:28
localgame ขี้โกงอีกแล้วครับ

เอาราคา pro มาเทียบ กับ ราคา ปกติ
ซึ่งโปรโมชั่น นี้ ทุกคนไม่ได้ซื้อรถ ราคานี้นะครับ

ดังนั้น สำหรับ ผม 150,000 นั่นละครับ  ราคาที่แพงกว่า
อย่าลืมบวกประกัน รถ บ้านเราอีกนะครับ 30000 รวมแล้ว
รถบ้านเราก็ยังแพงกว่า หลักแสนครับ
อ้อ tax sale หรือ vat ของเอมริกา ก็ใช่ว่าจะ 10 % นะครับ มีต้้งแต่ 4 - 10 %

ที่แพงกว่านั่นละคือ ภาษี ครับ ที่จ่ายให้รัฐ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: localgame ที่ มีนาคม 15, 2015, 13:59:48
ค่าประกันอย่ารวมเลยครับ ผมเห็นทุกศูนย์ก็แถมกันตลอด เอาจริงๆยอดขายหลักกว่าครึ่งของรถก็มาจากยอดโปรโมชั่นนี่แหละ รถไหนขายได้น้อยก็ลดกันเยอะ มอเตอโชว์ มอเตอเอกโปก็ลด จะมีเพียงแต่รถออกใหม่เท่านั้นที่ไม่ค่อยแถมอะไร เราจะเหมารวมหมดว่ามันคือราคาเต็มไม่ได้ ทุกคนไม่ได้ซื้อตอนราคาเต็ม แต่ที่เมืองนอกราคามันไม่ได้ลดสะบั้นหั่นแหลกแบบเรา อยากได้อะไรเพิ่มต้องซื้อเอา แต่ว่าบ้านเค้าจ่ายเงินปุ๊ปรับกลับได้เลย รถมีสแตนบายตลอด เอาเป็นว่าผมสมมุติว่าคนซื้อราคาเต็มครึ่งนึง ตอนโปรโมชั้นครึ่งนึง ส่วนต่าง150,000 ผมเฉลี่ยหาร2กันไป เหลือ75,000 ความต่างเท่านี้ผมว่าไม่เยอะแล้วสำหรับรถc-Segment และผมว่ารัฐทำถูกแล้วที่ไม่สนับสนุนรถc-segment แต่ไปสนับสนุนรถอีโค่คา กับ กระบะดีเซล เอาตามตรงตอนนี้รถกระบะดีเซลกินน้ำมันพอๆกับรถc-segment แต่ใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า ไม่มีความจำเป็นต้องสนับสนุนรถc-segment เลยครับ
หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 15, 2015, 16:05:00
ราคา ต่างกัน ราว 100000 นี่ผมก็ว่าเยอะนะครับ



หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Puitam ที่ มีนาคม 15, 2015, 17:42:00

คุณ localgame
ผมอยากให้ลองเทียบ ราคา รถ กับประเทศ อื่น ที่ไม่ใช่อังกฤษ ดูบ้างครับ
อย่าลืม นะครับ อังกฤษ  รถนำเข้าแทบจะทั้งนั้น เพราะ ค่าแรงแพงผมเดาว่าแทบจะ ไม่มีโรงงานประกอบรถในประเทศตัวเองหรอกครับ
ถ้าจะเปรียบราคา รถจริง เอาราคา รถนำเข้าบ้านเรา เทียบกับรถประเทศ อังกฤษ  ครับ ถึงจะสมเหตุสมผล เหมาะกันมากกว่า

ลองเอาประเทศ ที่เค้าผลิตรถ ในประเทศตัวเองได้ครับ หรือ ค่าครองชีพใกล้เคียงกับเรา มาเปรียบเทียบดูดีกว่านะครับ
เช่น อเมริกา ออสเตเลีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน  รวมถึง ลาวดูครับ

อังกฤษ กับ สิงโปร นี่ผมขอนะครับ  รายได้ ค่าแรง เค้าต่างจากเราเยอะ อย่ามาเปรียบเทียบเลยครับ
 
ผมกำลัง พูดถึง รถที่ ผลิตในประเทศ ครับ ไม่ใช่รถนำเข้า ครับ รถนำเข้าผมเห็นด้วย ที่จะโดนภาษี แพง
แต่รถที่ผลิตในประเทศไม่สมควร อย่างยิ่งครับ มันควรจะเท่าๆกันครับ ไม่ว่าคนระดับไหน ยังไงคนรวยก็จ่าย ภาษีส่วนบุคคลมากกว่าอยู่แล้ว รถดีๆ ราคาก็แพง ตัวคูณภาษีก็ม่กอยู่แล้ว


เรียนคุณ มามาแมน ครับ

แต่ก่อนผมก็นั่งมโนเอาเองว่า  ตอนนี้อังกฤษไม่น่ามีโรงงานรถอะไรเลย  หลังการเจ๊งล่มสลายของ layland

แต่ๆๆๆ  ตอนนี้ไม่ใช่เช่นที่ผมมโน  เท่าที่ผมทราบมานะครับ  ในอังกฤษนี่โรงงานประกอบรถยนต์เพียบ

เยอะกว่าบ้านเราอีกนะครับ

นี่ยังไม่รวมพวกเครื่องจักรหนัก อย่างพวกรถแบคโฮ  ของ Laylandอีก

เอางี้เท่าที่ผมทราบ ก็มี

แบบmassเลยนะ Honda   Nissan  Toyota  Vauxhall  Ford

localbrandหรูๆก็   Aston Martin, Bentley, Daimler, Jaguar, Land Rover, Lotus, McLaren, Mini, Rolls-Roys

Morgan

london Taxis International ของ Geely

ดังนั้นข้อมูลที่ถูกต้องคือ  อังกฤษเปนผู้ผลิตรถรายใหญ่รายนึงของโลกเลยทีเดียวขอรับ


หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ มีนาคม 15, 2015, 18:14:29

ขอบคุณครับ Puitam ผมก็ไม่รู้มาก่อน ว่าจะเยอะขนาดนั้น


หัวข้อ: Re: คิดว่า ชนชั้นกลาง ลูกจ้าง จะแบกรับโครงสร้างภาษีรถแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Puitam ที่ มีนาคม 15, 2015, 20:29:33

ขอบคุณครับ Puitam ผมก็ไม่รู้มาก่อน ว่าจะเยอะขนาดนั้น




ด้วยความยินดีครับ  ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันครับ