Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: H3T ที่ มีนาคม 23, 2015, 20:34:03
-
จาก พรบ.ขนส่งทางบก ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2557 เรื่องการปรับเปลี่ยนน้ำหนักบรรทุกรถยนต์ส่วนบุคคล จากเดิม ไม่เกิน 1600 กก. เป็นไม่เกิน 2200 กก.
เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 23 มี.ค. 2558 เป็นต้นไป ก็คือ วันนี้นี่เอง
อธิบายง่ายๆ จะมีผลให้รถ 4 ล้อบรรทุกส่วนบุคคล ( ป้ายเขียว ) มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 2200 กก.
ยกตัวอย่าง
- Mazda BT50 pro freestye cab 3.2 4x4 น้ำหนักเกิน 1600 กก. ก่อนหน้านี้ จึงไม่สามารถจดทะเบียนป้ายเขียวจำหน่ายได้ครับ
- Ranger ไม่มีรุ่น open cab 4x4 ออกมาจำหน่าย
- หลังจากนี้จะได้เห็นรถ 4 ล้อบรรทุกเล็กออกมาจำหน่ายมากขึ้น ( ไม่ติดเวลา )
ไม่แน่ใจว่า รถ Pick up Gen ใหม่ที่ทยอยเปิดตัวในปีนี้ ถือโอกาสเลือกช่วงเวลานี้ในการเปิดตัวรุ่นแค็ป , แค็ป 4x4 ก็เป็นได้ครับ
-
เห็นด้วยที่แก้ พรบ นี้เสียที
คนไทยจะได้ใช้รถให้ถูกประเภทมากขึ้น
รถบรรทุก 4 ล้อ ข่วงรถสั้น วงเลี้ยวแคบ คล่องตัวและใช้พื้นที่น้อยกว่ารถกระบะ โดยที่มี พื้นที่บรรทุกมากกว่า แต่เพราะแคชชีหนาทำให้น้ำหนักเกินกฎหมาย ต้องจดทะเบียนเป็นรถบรรทุกติดเวลา คนจับก็ต้องใช้ใบอนุญาตขนส่ง ผู้คนเลยหันมาใช้กระบะช่วงยาวกันแทน
-
กำลังเป็นประเด็นอยู่กระทู้ด้านล่างนี้พอดีเลยครับ ;D ;D ;D
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,43513.0.html (http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,43513.0.html)
-
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล
-
เท่าที่ดูข้อมูล จากแหล่งอื่นมานะครับ (ต่อไปมีเด็ดกว่านี้ครับ เกี่ยวกับเรื่อง การขอใบอนุญาตขับขี่ และต่อใบอนุญาตขับขี่ อันนี้ขาโหดจริง ;D ;D ;D)
ผู้ที่จะซื้อรถยนต์อเนกประสงค์ รถตู้จะต้องมีที่จอดชัดเจน ประเดิมเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
1.มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและต้องมีความจำเป็นที่จะใช้รถยนต์เพื่อการส่วนตัว
2.ไม่มีประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับการนำรถยนต์ส่วนบุคคลไปใช้ทำการขนส่งเพื่อสินจ้าง
หรือให้บุคคลอื่นใช้รถคนของตนเองทำการกระทำความผิดดังกล่าวในระยะเวลาสามปีก่อนที่จะขอยื่นจดทะเบียน
3. มีสถานที่จอดรถของตัวเอง โดยมีพื้นที่ขนาดไม่น้อยกว่า 35 ตารางเมตร ต่อ 1 คัน และมีความเหมาะสมต่อการใช้เป็นที่จอดจริง
4. ได้รับความเห็นชอบให้จดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล จากอธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย
(http://www.autodeft.com/_uploads/images/2015/ETC/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%201.png)
กรมการขนส่ง บังคับใช้กับผู้ที่จะขอซื้อรถยนต์ประเภทรถยนต์ที่เกิน 7 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 12 ที่นั่ง หรือที่มีที่นั่งเกิน 12 ที่นั่ง ที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กก.
หรือรถบรรทุกที่มีน้ำหนักบรรทุกรวมเกิน 2,200 กก. ตามวงเล็บ 3 ในข้อ 4
ซึ่งจากข้อบังคับใหม่ล่าสุดดังกล่าว ทำให้รถยนต์ประเภทรถยนต์อเนกประสงค์ แบบ 7 ที่นั่งขนาดกลาง-ขนาดใหญ่หลายรุ่น
ตลอดรถยนต์ประเภทรถตู้ และรถกระบะบางรุ่น ต้องมีการขออนุมัติจากกรมการขนส่ง
(http://www.autodeft.com/_uploads/images/2015/ETC/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%202.png)
(http://www.autodeft.com/_uploads/images/2015/ETC/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%204.png)
ทั้งนี้ตามระเบียบข้อบังคับใหม่ล่าสุดนี้ ทางกรมการขนส่ง กำหนดให้ ผู้ที่จะขออนุญาตดังกล่าว ต้องมีการเตรียมหลักฐานดังต่อไปนี้ ได้แก่
1.หลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาย้อนหลัง 2 ปี
2.หลักฐานฐานะทางการเงินที่มั่นคง เช่น บัญชีเงินฝากธนาคาร หรือ สถาบันการเงิน
3.หนังสือชี้แจงความจำเป็นในการขอใช้งาน
4.ภาพถ่ายตัวรถ พร้อมรายละเอียดทางเทคนิคเกี่ยวกับน้ำหนักและสัดส่วนตัวรถจากผู้ผลิต
5. หลักฐานแสดงที่จอดรถ ได้แก่ ภาพสถานที่จอดรถ และ ทางเข้า-ออก ที่จอดรถ อย่างละ 2 รูป ตลอดจนแผนผังการเข้า-ออก
และขนาดพื้นที่โดยละเอียด และท้ายสุดหลักฐานหรือการเป็นเจ้าของสถานที่ดังกล่าว
โดยตามกฎดังกล่าว หลักฐานทั้งหมดจะถูกตรวจสอบ โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน
ในการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ หากหลักฐานไม่ครบในระยะเวลาดังกล่าว จะถือว่าคำขอดังกล่าวตกไป
โดยหากคำขอไม่ผ่านการอนุมัติ จะมีหนังสือไม่รับจดทะเบียนส่งถึงผู้ยื่นขอตามสิทธิดังกล่าว แต่หากผ่านการอนุมัติ จะอนุญาตให้ดำเนินการต่อไป
-
ของเดิม 1,600 kg. เพิ่มเป็นแค่ 2,200 kg. เอง
ไม่เพิ่มเผื่อเป็น 2,600 kg. ไปเลย จะได้รองรับรถในอนาคต เพื่อการติดตั้งระบบไฮบริด หรือ ถัง cng หรือ แบ๊ตเตอร์รี่รถไฟฟ้า
-
ใครทีชีอรถตู้ตอนนี้ต้องทำใจครับอย่างคอมมิวเตอร์และเออแวน งานนี้ลำบากหน่อยครับ
-
จริงๆกระบะแค็ปยกสูง 4x2 ธรรมดา ส่วนใหญ่ปัจจุบันแทบทุกรุ่น
ก็เกิน 1,600 kg. ทั้งนั้นครับ เวลาเอาไปชั่งน้ำหนักจริง
แต่ทางการเค้าก็รู้ครับว่ากฏหมายมันโบราณไปแล้ว
เลยอะลุ่มอะหล่วยให้ผลิตขายออกมากันได้
ค่ายที่ไม่ทำ แค็ป 4x4 ออกมาเอาจุดนี้มาเป็นข้ออ้างมากกว่า
เพราะ เวลาคนเอาไปติดหลังคา แล้วไปชั่งน้ำหนักแจ้งขนส่ง
ออกมารุ่นแค็ปยกสูง 4x2 น้ำหนัก 1,7xx ขึ้นทั้งนั้น ซึ่งหลังคาไฟเบอร์
หลังคาเหล็กมันไม่ได้หนักขนาดนั้นครับ อย่างเก่งก็ไม่ถึง 100kg. แน่นอน
แต่...ก็ดีครับ เวลาคนที่ใส่หลังคาไปแจ้งขนส่งเองจะได้ไม่ต้องเสียใต้โต๊ะ
เหมือนอย่างทุกวันนี้....
-
ใครทีชีอรถตู้ตอนนี้ต้องทำใจครับอย่างคอมมิวเตอร์และเออแวน งานนี้ลำบากหน่อยครับ
รบกวนช่วยอธิบายความลำบากให้ฟังหน่อยครับ เพราะซื้อมาหลายคันแล้วก็ปกติ แล้วก็มีโครงการจะซื้อเพิ่มเรื่อย ๆครับ เลยอยากรู้ว่ามันจะลำบากตรงไหนบ้าง
-
ใครทีชีอรถตู้ตอนนี้ต้องทำใจครับอย่างคอมมิวเตอร์และเออแวน งานนี้ลำบากหน่อยครับ
รบกวนช่วยอธิบายความลำบากให้ฟังหน่อยครับ เพราะซื้อมาหลายคันแล้วก็ปกติ แล้วก็มีโครงการจะซื้อเพิ่มเรื่อย ๆครับ เลยอยากรู้ว่ามันจะลำบากตรงไหนบ้าง
เขาทำมากันพวกจดป้ายขาวแล้วเอาไปวิ่งคิวหนะครับ
-
เท่าที่ดูข้อมูล จากแหล่งอื่นมานะครับ (ต่อไปมีเด็ดกว่านี้ครับ เกี่ยวกับเรื่อง การขอใบอนุญาตขับขี่ และต่อใบอนุญาตขับขี่ อันนี้ขาโหดจริง ;D ;D ;D)
ผู้ที่จะซื้อรถยนต์อเนกประสงค์ รถตู้จะต้องมีที่จอดชัดเจน ประเดิมเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
1.มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและต้องมีความจำเป็นที่จะใช้รถยนต์เพื่อการส่วนตัว
2.ไม่มีประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับการนำรถยนต์ส่วนบุคคลไปใช้ทำการขนส่งเพื่อสินจ้าง
หรือให้บุคคลอื่นใช้รถคนของตนเองทำการกระทำความผิดดังกล่าวในระยะเวลาสามปีก่อนที่จะขอยื่นจดทะเบียน
3. มีสถานที่จอดรถของตัวเอง โดยมีพื้นที่ขนาดไม่น้อยกว่า 35 ตารางเมตร ต่อ 1 คัน และมีความเหมาะสมต่อการใช้เป็นที่จอดจริง
4. ได้รับความเห็นชอบให้จดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล จากอธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย
(http://www.autodeft.com/_uploads/images/2015/ETC/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%201.png)
กรมการขนส่ง บังคับใช้กับผู้ที่จะขอซื้อรถยนต์ประเภทรถยนต์ที่เกิน 7 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 12 ที่นั่ง หรือที่มีที่นั่งเกิน 12 ที่นั่ง ที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กก.
หรือรถบรรทุกที่มีน้ำหนักบรรทุกรวมเกิน 2,200 กก. ตามวงเล็บ 3 ในข้อ 4
ซึ่งจากข้อบังคับใหม่ล่าสุดดังกล่าว ทำให้รถยนต์ประเภทรถยนต์อเนกประสงค์ แบบ 7 ที่นั่งขนาดกลาง-ขนาดใหญ่หลายรุ่น
ตลอดรถยนต์ประเภทรถตู้ และรถกระบะบางรุ่น ต้องมีการขออนุมัติจากกรมการขนส่ง
(http://www.autodeft.com/_uploads/images/2015/ETC/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%202.png)
(http://www.autodeft.com/_uploads/images/2015/ETC/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%204.png)
ทั้งนี้ตามระเบียบข้อบังคับใหม่ล่าสุดนี้ ทางกรมการขนส่ง กำหนดให้ ผู้ที่จะขออนุญาตดังกล่าว ต้องมีการเตรียมหลักฐานดังต่อไปนี้ ได้แก่
1.หลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาย้อนหลัง 2 ปี
2.หลักฐานฐานะทางการเงินที่มั่นคง เช่น บัญชีเงินฝากธนาคาร หรือ สถาบันการเงิน
3.หนังสือชี้แจงความจำเป็นในการขอใช้งาน
4.ภาพถ่ายตัวรถ พร้อมรายละเอียดทางเทคนิคเกี่ยวกับน้ำหนักและสัดส่วนตัวรถจากผู้ผลิต
5. หลักฐานแสดงที่จอดรถ ได้แก่ ภาพสถานที่จอดรถ และ ทางเข้า-ออก ที่จอดรถ อย่างละ 2 รูป ตลอดจนแผนผังการเข้า-ออก
และขนาดพื้นที่โดยละเอียด และท้ายสุดหลักฐานหรือการเป็นเจ้าของสถานที่ดังกล่าว
โดยตามกฎดังกล่าว หลักฐานทั้งหมดจะถูกตรวจสอบ โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน
ในการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ หากหลักฐานไม่ครบในระยะเวลาดังกล่าว จะถือว่าคำขอดังกล่าวตกไป
โดยหากคำขอไม่ผ่านการอนุมัติ จะมีหนังสือไม่รับจดทะเบียนส่งถึงผู้ยื่นขอตามสิทธิดังกล่าว แต่หากผ่านการอนุมัติ จะอนุญาตให้ดำเนินการต่อไป
บังคับเฉพาะ 4(3)
รถที่มี 7<ที่นั่ง<=12 และ น้ำหนัก>2200
รถที่มี ที่นั่ง>12 และ น้ำหนัก>2200
รถบรรทุก น้ำหนัก>2200
commuter 3.0 at หนัก 2130 mt หนัก 2120 cng ไม่ทราบแต่น่าจะเกิน 2200
unvan 2.5 หนัก 2180 cng หนัก 2400
H 1 หนัก 2250
รถที่จะโดนบังคับก็คือรถตู้ cng และ H 1 ที่เหลือน่าจะรอดหมด
ปล.น้ำหนักทั้งหมดนำมาจาก brochure ของแต่ละรุ่นครับ
-
เรื่องที่จอดรถจริงๆแล้วกฎหมายบังคับว่าต้องมีที่จอดไม่ว่ารถชนิดไหนๆแต่บ้านเราก็ไม่เคยบังคับใช้กันจริงจังเพราะรัฐกลัวขาดรายได้จากการขายรถที่รถลง บ้านเราก็แบบนี้ละครับ เขียนอย่างทำอย่างตลอด มาเข้มงวดเฉพาะรถใหญ่
-
จริงๆแล้ว แก้ใน พรบ.รถยนต์เลยนะครับ (บังคับใช้ ม.ค. 58)
พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2557 และพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2557 (12 ม.ค. 58)
อ่านเจตนารมย์ตอนท้าย บบอกว่า ด้วยเทคโนโลยีการผลิตรถในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก (นั่นก็คือกดน้ำหนักต่ำกว่า1600 กิโล ไม่ได้นั่นเอง อิอิ)
http://www.dlt.go.th/th/attachments/plan48-51/4711_image1960.pdf (http://www.dlt.go.th/th/attachments/plan48-51/4711_image1960.pdf)
ประกาศกรมขนส่งทางบก 23 มี.ค.58 อันนี้ ออกตามมาทีหลัง เป็นรูปแบบรายละเอียดยิบย่อย
ซึ่งสเตปต่อไป คงจะไปแก้กม.สรรพสามิตรถยนต์ (ที่คุยกันไว้ว่าจะออกมาใช้ในปี 59)
-
หลายๆอย่างในบ้านเรา ผมว่ามันเป็นบ้านเป้นเมืองมากขึ้นนะครับ ส่วนคนที่บ่น ว่า ด่า อาจคงเพราะ ทำจนติดนิสัย
กฏหมายมีอยู่มานานแล้ว แต่ ทางราชการปล่อยหย่อนยานเกินไป จนคนทั่วไปได้ใจ จะจอดก็จอด จะปาดก็ปาด
10-20ปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกชอบการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างๆอย่างนี้ครับ
ปล...ใครมาเชียงใหม่ เช็คป้ายภาษี สำเนารถ และรัดเข็มขัดนิรภัย ให้ดี ...ตั้งด่านจับทั้งวันทั้งคัน ทั้งในเมืองและรอบนอกครับ วันหนึ่งเป็น10ๆด่าน
-
จาก พรบ.ขนส่งทางบก ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2557 เรื่องการปรับเปลี่ยนน้ำหนักบรรทุกรถยนต์ส่วนบุคคล จากเดิม ไม่เกิน 1600 กก. เป็นไม่เกิน 2200 กก.
เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 23 มี.ค. 2558 เป็นต้นไป ก็คือ วันนี้นี่เอง
อธิบายง่ายๆ จะมีผลให้รถ 4 ล้อบรรทุกส่วนบุคคล ( ป้ายเขียว ) มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 2200 กก.
ยกตัวอย่าง
- Mazda BT50 pro freestye cab 3.2 4x4 น้ำหนักเกิน 1600 กก. ก่อนหน้านี้ จึงไม่สามารถจดทะเบียนป้ายเขียวจำหน่ายได้ครับ
- Ranger ไม่มีรุ่น open cab 4x4 ออกมาจำหน่าย
- หลังจากนี้จะได้เห็นรถ 4 ล้อบรรทุกเล็กออกมาจำหน่ายมากขึ้น ( ไม่ติดเวลา )
ไม่แน่ใจว่า รถ Pick up Gen ใหม่ที่ทยอยเปิดตัวในปีนี้ ถือโอกาสเลือกช่วงเวลานี้ในการเปิดตัวรุ่นแค็ป , แค็ป 4x4 ก็เป็นได้ครับ
ขอโทษนะครับ ผมเข้าใจว่ารถกระบะที่น้ำหนักเกิน 1600 กก. จะสามารถจดทะเบียนป้ายเขียว หรือป้ายดำได้ (ถ้ากฎหมายเก่าน้ำหนักเกินต้องไปจดป้ายใหญ่แบบรถสิบล้อ)
แต่เรื่องติดเวลามันเป็นเรื่องของ พรบ. จราจรทางบกหรือเปล่าครับ แปลว่าแก้กฎหมายเรื่องป้ายทะเบียนแต่ไม่ได้แก้เรื่องการติดเวลาเดินรถ
รบกวนเช็คว่าที่ผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ครับ ขอบคุณครับ
-
ที่ไม่เปลี่ยน หรือเปลี่ยนช้า นี่เพราะแต่ก่อน Toyota Vigo น้ำหนักยังไม่เกินไง แต่ตอนนี้ตัวใหม่จะออกละ ก้าวสู่ยุคปิคอัพ 2 ตัน
ก็้ปลี่ยนกฏมันสักหน่อย
-
ที่ไม่เปลี่ยน หรือเปลี่ยนช้า นี่เพราะแต่ก่อน Toyota Vigo น้ำหนักยังไม่เกินไง แต่ตอนนี้ตัวใหม่จะออกละ ก้าวสู่ยุคปิคอัพ 2 ตัน
ก็้ปลี่ยนกฏมันสักหน่อย
อย่าเอาเรื่องจริงมาพูดสิครับ 555
ถ้าไปพูดแบบนี้ในเว็บต้องห้าม โดยสาวกเจ้าตลาดรุมกระหน่ำแน่ๆ 555
-
@ คุณ fairlady
ถ้ารถบรรทุกส่วนบุคคลจะจดทะเบียนป้ายเขียวได้ เดิมจะต้องมีน้ำหนักตัวรถไม่เกิน 1600 กก.
ถ้าเกินก็จดทะเบียนได้ครับ แต่จะไปอยู่ในอีกหมวด คือ รถบรรทุกส่วนบุคคลที่น้ำหนักเกิน 1600 กก. ซึ่งเรียกว่าป้ายติดเวลานั่นเอง ทำให้กระบะบางรุ่นจึงไม่สามารถออกมาขายได้ครับ
ประเด็นต่อมา ใบขับขี่ของคนขับรถบรรทุกส่วนบุคคลน้ำหนักเกิน 1600 กก. ต้องใช้อีกประเภท ยิ่งลำบากตามมาอีก
ส่วน พรบ.จราจร ไม่ได้เปลี่ยนแปลงครับ รถป้ายติดเวลาก็ยังติดเวลาเข้าในเขตเมืองเหมือนเดิม นี่ก็เป็นเหตุทำให้รถบรรทุก 4 ล้อเล็กไม่เป็นที่นิยมครับ
รถกระบะ 4 ประตู จะจดทะเบียนเป็นรถนั่งกึ่งบรรทุก ป้ายดำ ไม่มีเงื่อนไขน้ำหนักครับ
-
เห็นด้วยที่แก้ พรบ นี้เสียที
คนไทยจะได้ใช้รถให้ถูกประเภทมากขึ้น
รถบรรทุก 4 ล้อ ข่วงรถสั้น วงเลี้ยวแคบ คล่องตัวและใช้พื้นที่น้อยกว่ารถกระบะ โดยที่มี พื้นที่บรรทุกมากกว่า แต่เพราะแคชชีหนาทำให้น้ำหนักเกินกฎหมาย ต้องจดทะเบียนเป็นรถบรรทุกติดเวลา คนจับก็ต้องใช้ใบอนุญาตขนส่ง ผู้คนเลยหันมาใช้กระบะช่วงยาวกันแทน
เห็นด้วยอย่างยิ่ง
-
@ คุณ fairlady
ถ้ารถบรรทุกส่วนบุคคลจะจดทะเบียนป้ายเขียวได้ เดิมจะต้องมีน้ำหนักตัวรถไม่เกิน 1600 กก.
ถ้าเกินก็จดทะเบียนได้ครับ แต่จะไปอยู่ในอีกหมวด คือ รถบรรทุกส่วนบุคคลที่น้ำหนักเกิน 1600 กก. ซึ่งเรียกว่าป้ายติดเวลานั่นเอง ทำให้กระบะบางรุ่นจึงไม่สามารถออกมาขายได้ครับ
ประเด็นต่อมา ใบขับขี่ของคนขับรถบรรทุกส่วนบุคคลน้ำหนักเกิน 1600 กก. ต้องใช้อีกประเภท ยิ่งลำบากตามมาอีก
ส่วน พรบ.จราจร ไม่ได้เปลี่ยนแปลงครับ รถป้ายติดเวลาก็ยังติดเวลาเข้าในเขตเมืองเหมือนเดิม นี่ก็เป็นเหตุทำให้รถบรรทุก 4 ล้อเล็กไม่เป็นที่นิยมครับ
รถกระบะ 4 ประตู จะจดทะเบียนเป็นรถนั่งกึ่งบรรทุก ป้ายดำ ไม่มีเงื่อนไขน้ำหนักครับ
ขอบคุณครับ การเปลี่ยนกฎนี้เป็นการปลดล็อคเงื่อนไขของรถกระบะตัวหนักๆ แต่ว่ารถ6ล้อเล็กก็ยังคงติดเวลาเช่นเดิม