Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: wa330 ที่ เมษายน 02, 2015, 22:24:55
-
กิจของสงฆ์สมัยนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ มาเลือกไว้ก่อนจะได้บอกโยมที่มาถวายถูกว่าชอบรุ่นไหน :D
แต่ก่อนเจอแถวสะพานเหล็ก คลองถม พันทิพย ยืนเลือกหนัง ;D
(http://f.ptcdn.info/971/029/000/1427965109-1728215530-o.jpg)
-
มาดูรถคงไม่เท่าไหร่ อาจจะชอบรถ
แต่อีกอย่างนี่สิ ! ไม่มีทางที่ท่านจะเห็นแต่รถแน่ๆ
-
เคยคุยกับนักเรียนที่เป็นพระ เขาบอกว่าสามารถขับขี่รถได้ หากเหตุจำเป็นในภารกิจจริงๆ แล้วไม่มีสารถีให้ แต่ในกรณีนี้ ไม่ทราบครับ
-
เจอเหมือนกันครับเมื่อวานนี้
ผมว่าก็ดูไม่เหมาะนัก
-
หรือว่าท่านมาเพราะมีเหตุผลความจำเป็นของท่านจริงๆ แต่สถานที่แบบนี้ดูยังไงก็ไม่เหมาะสมครับ
-
มาดูพริ้ตตี้ต่างหาก 555
-
ควอเตอร์ไมล์มั้ยหล่ะโยมม
-
ทำไมผมเฉยๆแหะ
-
ควอเตอร์ไมล์มั้ยหล่ะโยมม
เลื่อนมาเห็นอันนี้ฮา จนพระถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ;D ;D
-
ถึงจะไม่ผิดศีล แต่มองว่าไม่ควร ผมว่าสถานที่เหล่านี้เป็น อวโคจรครับ
และกลายเป็นความผิดแบบโลกวัชชะ คือ โลกติเตียน
-
ถึงจะไม่ผิดศีล แต่มองว่าไม่ควร ผมว่าสถานที่เหล่านี้เป็น อวโคจรครับ
และกลายเป็นความผิดแบบโลกวัชชะ คือ โลกติเตียน
+1
ไม่มีหน่วยงานทางศาสนาเลยหรือที่จะเรียกความผิดเหล่านี้ไปตักเตือน?
-
สมัยพุทธกาล ถ้ามีรถยนต์ ไอโฟน ก็คงกำหนดศิลไปแล้ว
แต่เมื่อไม่มีศิลบังคับ ก็ต้องมีกฎสังคม หรือโลกติเตือน
ติเตือนกันสบายเลยครับ ผมเห็นด้วยถ้าไม่บริจาคเงินให้พระสงฆ์ ต้นสาเหตุกิเลสทั้งปวง
-
คิดมากไปปะ ;D
ท่านไม่ได้ถือกล้องไล่ถ่าย นม ซะหน่อย
ถ้าญาติโยมจะถวาย นิมนต์ ท่านมาดูรถจะเสียหายอะไร ;D
-
อาจจะไปเจิมรถแบบเรียลไทม์ก็ได้ ;D ;D ;D
-
ที่แน่ๆคือดูฟรีครับ
-
ยิ่งมีคนตอบกระทู้เยอะ ยิ่งไม่เหมาะสมครับ จริงดั่งคำว่า ชาวโลกติเตียน
-
เรื่องแค่นี้จิ๊บๆครับ
ปีที่ผ่านมา เลวร้ายกว่านี้ล้านเท่า
-
ท่านมาหาข้อมูลคับ เวลาไปเทศจะได้อัพเดท ทันสมัยหน่อย
-
ผมไม่อยากจะลบหลู่น่ะ แต่มันก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์ แม้จะไม่มีบัญญัติในสถานที่อโคจร แต่สมัยพุทธกาลไม่มีงานมอเตอร์โชว์นี่ ไม่ค่อยงามเลย
-
รถที่ใช้กันตามวัดก็รถหรูทั้งนั้น ผมเห็นจนชินตา
ร้ายกว่านั้น ยังเอาไปแต่งอีกนี้สิ แต่งโหดด้วย ตอนแรกยังนึกว่ารถข้างนอก แต่ด้วยความที่ว่านั่งนานเลยรู้ว่าเป็นรถที่วัด
ผมเองก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ผมมองว่ามันเกินพอดี และเกินงามไป
-
นานมาแล้ว ไปกราบพระอุปัชฌาย์ที่วัดบ้านเกิด
ท่านให้ข้อคิดว่า คนที่เคยบวชเรียน เมื่อลาสิกขาไปแล้ว
ควรมองพระด้วยความเมตตา เหมือนตอนที่ตนเองครองสมณเพศ ก็ได้รับความเมตตาจากญาติโยม
พระก็มีความทุกข์ เหมือนญาติโยม มีรัก โลภ โกรธ หลง เช่นเดียวกับ เราๆ ท่านๆ เพี่ยงแต่แสดงออกไม่ได้
แม้พระ ก็หนีไม่พ้นอนิจลักษณะ
เป็นเพื่อนร่วมวัฏสงสาร เวียนว่ายตายเกิดร่วมกับญาติโยมนั่นเอง
ที่สำคัญ พระ คือ ลูกชาวบ้าน
ชาวบ้านเป็นอย่างไร พระก็เป็นเช่นนั้น
ค่านิยมของสังคมเป็นอย่างไร พระก็หลีกไม่พ้น ที่จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของค่านิยมนั้น
พึงระลึกไว้เสมอว่า นั่น สมมติสงฆ์
มนุษย์เราสมมติขึ้น เป็นพระ เป็นสามเณร
กิริยาใดๆ ที่ไม่งาม ไม่น่ารัก ไม่น่าชื่นชม อาจกระทำไปด้วยความเขลา ด้วยความหลงผิด
ได้โปรดมองท่านเหล่านั้น ด้วยความเมตตา
เหมือนเป็นลูก เป็นหลาน เป็นญาติมิตร
ไม่พิพากษาท่าน จิตเราจะเป็นกุศล
หลุดพ้นจากกับดัก คือ กิเลส อันทำให้จิตเศร้าหมองในที่สุด
-
.
.
.
ไม่ควรมาอยู่ในที่แบบนั้นด้วยประการทั้งปวง เสื่อมครับ
กิจของสงฆ์มีอย่างอื่นให้ทำให้ศึกษาอีกมาก ถ้าไม่พร้อมก็สึกออกมาเถอะ
-
ผมไม่อยากจะลบหลู่น่ะ แต่มันก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์ แม้จะไม่มีบัญญัติในสถานที่อโคจร แต่สมัยพุทธกาลไม่มีงานมอเตอร์โชว์นี่ ไม่ค่อยงามเลย
สมัยนั้นอาจจะมีเกวียนโชว์
-
ถึงเวลาปรับปรุงวงการสงฆ์ครั้งใหญ่
-
เสื่อมลงเรื่อยๆ ครับ กรรม
-
ผู้บวชครองจีวร มีสองประเภทครับ
สมมุติสงฆ์ กับ อารยะบุคคล(โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์)
อารยะบุคคล ฆาราวาสก็เป็นได้ครับ ;)
-
ไม่เหมานะผมว่า
-
ภาพนิ่งมันบอกอะไรยังไม่ได้ มีกี่กรณีแล้วล่ะที่ภาพนิ่งเผยออกมาก็พูดกันไปไกล แต่เรื่องจริงไม่มีอะไรในกอไผ่ ไม่จำกันบ้าง
ถ้ามีเป็นคลิปมาให้ดูว่าท่านไปยืนจ้องพริตตี้สิ ไอ้แบบนี้สิชัดเจน ถ้าพระท่านไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดขนาดนั้น เราไปตำหนิพระบาปมันจะติดตัว
กิจของสงฆ์ คำนี้เห็นพูดกันจัง ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปอะไรๆมันก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อก่อนกระเทย เกย์เป็นที่น่ารังเกียจ เดี๋ยวนี้แต่งงานกันเป็นเรื่องปกติ
ถ้างั้น พระใบ้หวย พระดูดวง พระสักยันต์ พระออกทีวี พระเล่นมุก ก็ล้วนแต่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ทั้งนั้น
กิจของสงฆ์คือจะต้องศึกษาธรรม เผยแผ่ธรรมะ รับกิจนิมนต์ ธุดงค์เข้าป่า ปลีกวิเวก แค่นั้นใช่มั้ย
ใจกว้างกันหน่อยสิครับ มอเตอร์โชว์มันงานระดับประเทศนะครับ พระดูจานดาวเทียมดูเคเบิลเล่นอินเตอร์เน็ทได้ กับอีแค่นี้มันเรื่องจิ้บๆเลย ;D
-
ลูกศิษย์จะซื้อ ถวายท่าน เลยพาท่านมาลองนั่งก็เป็นได้
เห็นภาพเดียว แล้ววิจารณ์กันยังงี้ ผมว่า ก็ไม่เหมาะหรอกครับ
ตอนผมบวช ขนาดวัดเคร่งๆ ก็ไม่ได้จะต้องรักษาศีลครบ สองร้อยกว่าข้อตลอด พระท่านยังบอกเลยว่า ขืนเอาตามนั้นเป๊ะๆ แค่หายใจก็ผิดแล้ว สำคัญที่เจตนาเป็นหลัก
-
ผมเลิกใช้เงินทำบุญแล้วครับ หันไปทางผู้ด้อยโอกาสและโรงเรียนแล้วครับ
เจอกับตัวเองมาเยอะเรื่องพระ อาศัยผ้าเหลืองหากิน....เสื่อม >:( >:(
-
ไม่ใช่กิจของสงฆ์
การที่เห็นอะไรไม่เหมาะไม่ควร แล้วมาติเตียนกัน ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เป็นการปกป้องศาสนาครับ
-
ผมเฉยๆ
เพราะ ไม่มีศาสนาครับ
-
นานมาแล้ว ไปกราบพระอุปัชฌาย์ที่วัดบ้านเกิด
ท่านให้ข้อคิดว่า คนที่เคยบวชเรียน เมื่อลาสิกขาไปแล้ว
ควรมองพระด้วยความเมตตา เหมือนตอนที่ตนเองครองสมณเพศ ก็ได้รับความเมตตาจากญาติโยม
พระก็มีความทุกข์ เหมือนญาติโยม มีรัก โลภ โกรธ หลง เช่นเดียวกับ เราๆ ท่านๆ เพี่ยงแต่แสดงออกไม่ได้
แม้พระ ก็หนีไม่พ้นอนิจลักษณะ
เป็นเพื่อนร่วมวัฏสงสาร เวียนว่ายตายเกิดร่วมกับญาติโยมนั่นเอง
ที่สำคัญ พระ คือ ลูกชาวบ้าน
ชาวบ้านเป็นอย่างไร พระก็เป็นเช่นนั้น
ค่านิยมของสังคมเป็นอย่างไร พระก็หลีกไม่พ้น ที่จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของค่านิยมนั้น
พึงระลึกไว้เสมอว่า นั่น สมมติสงฆ์
มนุษย์เราสมมติขึ้น เป็นพระ เป็นสามเณร
กิริยาใดๆ ที่ไม่งาม ไม่น่ารัก ไม่น่าชื่นชม อาจกระทำไปด้วยความเขลา ด้วยความหลงผิด
ได้โปรดมองท่านเหล่านั้น ด้วยความเมตตา
เหมือนเป็นลูก เป็นหลาน เป็นญาติมิตร
ไม่พิพากษาท่าน จิตเราจะเป็นกุศล
หลุดพ้นจากกับดัก คือ กิเลส อันทำให้จิตเศร้าหมองในที่สุด
เยี่ยมครับ
-
อาจจะไปเจิมรถแบบเรียลไทม์ก็ได้ ;D ;D ;D
log in เข้ามาฮา comment ท่านเลยนะ
** ต่อต้านการเดินมอเตอร์โชว์ ของพระสงฆ์**
-
จะมีเจตนาหรือไม่ ผมว่ายังไงก็ไม่เหมาะสมครับ
ถ้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นปกติ กิเลสตัณหานั้นต้องมีบ้าง สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
หลายๆสิ่งจำเป็นกับการดำเนินชีวิตประจำวันกับมนุษย์ในยุคสมัยปัจจุบันนี้ นั้นมันช่างขาดไม่ได้
ก็ขอเชิญสึกออกมาเป็นคนปกติและทำมาหากินสุจริต เหมือนเราๆท่านๆทั้งหลายกันดีกว่าครับ
-
มันไม่สมควรอย่างยิ่งครับ
ไม่ใช่กิจของสงฆ์ มาทำไม มอเตอร์โชว์มีแต่กิเลสเรื่องรถเอย เรื่อง Pretty อีก มันเป็นที่อโคจรของพระสงฆ์ ผมว่ามันไม่สมควรอย่างยิ่งครับ
ตอนนี้ผมเลิกทำบูญด้วยเงินแล้ว เอาไปบริจาค ศูนย์รับเลี่ยงเด็กกำพร้า โรงพยาบาล หรือว่างๆผมก็ซื้อของใช้ไปบริจาค สถานดูแลเด็กอ่อน ดีกว่า มีประโยชน์กว่า ให้พระไปซื้อมือถือ โน๊ตบุค แต่ที่จริงตามพระวินัยเค้าก็ไม่ใช้พกเงินใช้เงิน หรือจะใช้อะไรก็ถวายผ่าน ญาติโยม ที่ดูแลอยู่
ทุกวันนี้ บวชเพื่อ? ทำงานหาเงินไม่ได้? , ไม่มีทางไป? หรืออยากจะหลุดพ้นกิเลส
-
สมัยต้นรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงจัดระเบียบการปกครองสงฆ์ ให้สอดคล้องกับการปกครองแผ่นดิน
มีการตรากฎหมายลักษณะการปกครองสงฆ์ขึ้นเพื่อชำระสะสางพระศาสนา กำจัดพระอลัชชีออกจากพระศาสนา
และจัดตั้งหน่วยงานราชการขึ้นมาแผนกหนึ่ง มีหน้าที่ดูแลวัตรปฏิบัติและสอดส่องพฤติการณ์ของพระสงฆ์องค์เจ้า
หน่วยงานราชการแผนกนี้เรียกว่า สังฆการีและธรรมการ
หน้าที่ของสังฆการี คือ มีอำนาจสืบสวนลงโทษและจับพระสึกได้
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงแต่งตั้งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นไกรสรวิชิต เป็นผู้กำกับกรมสังฆการีและธรรมการ
พระที่ถูกลงโทษจับสึก มีทั้งพระที่เป็นอลัชชีจริงๆ และพระดีๆ แต่ประสบเคราะห์กรรมเพราะเหตุผลทางการเมือง
ยุคนั้นปรากฏว่า มีพระหนีเข้าป่าเป็นจำนวนมาก
ครั้งหนึ่งพระภิกษุและสามเณรที่มาเรียนพระปริยัติธรรม ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง
ขณะที่รออาจารย์มาสอน ก็ตั้งวงเตะตะกร้อกัน เจ้าหน้าที่วังห้ามปรามแต่ก็ไม่ยอมหยุด
มหาดเล็กกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงรับสั่งว่า
"เจ้ากูจะเล่นเตะตะกร้อบ้างนั้น ก็ช่างเจ้ากูเถิด"
-
อาจจะไปเจิมรถแบบเรียลไทม์ก็ได้ ;D ;D ;D
;D ;D ;D ;D ;D
-
นี่ยังน้อย ผมเจอประจำshopping มือถือ คอมพิวเตอร์ ซีดี...เถื่อน! กันให้ว่อน
เจริญพรอน.
-
;D ;D1.มองในมุม ไม่ว่า จะมีลูกศิษ พามาเลือก หรือ ทางวัดจำเป็นต้องซื้อรถมาใช้ ในกิจกรรมของภายในวัด
ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นกิจ ของพระ ที่ต้องมาเดินเลือกเดิน ดู ครับ เพราะ พระต้องละเเล้ว ทาง สมบัติ วัตถุ ต่างๆ ถ้าจะซื้อจริง สามารถ ไหว้วานไห้ กรรมการวัด หรือมัคทายกเป็นธุระดำเนินเเทนได้
2. เเต่ถ้ามองในมุมว่ามาดูเพราะชอบรถ ผิดหนักครับ นักบวชต้องละเเล้วซึ่งกิเลสความชอบในเรื่องทรัพย์สมบัติครับ ถ้ายังตัดไมไ่ด้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องครับ
-
เราไม่รู้จิตใจ เหตผลคนอื่น อย่าไปว่าเค้าเลยครับ
เดินดูรถ มันก็ไม่ได้มีข้อห้ามอะไร ไม่ได้เที่ยว ผญ หรือ ดูหนังนะครับ
ถ้าเค้าไปดู เพื่อจะเลือกให้เจ้าอาวาสที่ป่วยล่ะ?
-
นี่ยังน้อย ผมเจอประจำshopping มือถือ คอมพิวเตอร์ ซีดี...เถื่อน! กันให้ว่อน
เจริญพรอน.
โอ้ยผมฮา
พรอนแบบนี้มันดูไม่ดีนะครับ แต่จริง !!!
;D ;D ;D
-
เอาจริงๆพระบางคน(ไม่กี่คน)ทำให้ผมคิดว่าเอาเงินทำบุญไปซื้ออาหารบริจาคให้มูลนิธิสุนัขจรจัดยังเกิดประโยชกว่า
ประเทศไทยทั้งประเทศปีๆนึงใช้เงินทำบุญปีละเท่าไหร่ ละเงินส่วนนั้นไปอยู่ที่ใคร
เงินที่ทำบุญกับพระเกิดประโยชน์จริงๆหรือไม่
น่าคิดนะฮะ
-
นี่ยังน้อย ผมเจอประจำshopping มือถือ คอมพิวเตอร์ ซีดี...เถื่อน! กันให้ว่อน
เจริญพรอน.
เพื่อการปล่อยวางครับ
เน้นพวก momoka จะปล่อยวางได้เร็วขึ้น 555+
-
ไม่เหมะสมอย่างยิ่งครับ
-
ผมว่าก็ไม่ผิดนะจะมาดูรถแต่มันดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่ถ้าอย่างอื่นล่ะผิด ผมนี่ซึ้งในรถพระทำจริงๆ
-
นี่ยังน้อย ผมเจอประจำshopping มือถือ คอมพิวเตอร์ ซีดี...เถื่อน! กันให้ว่อน
เจริญพรอน.
ผมเห็นเณรยุคก่อนเดินพันทิปนี้หิ้วถุงดำๆกันให้ว่อน ไม่ต้องบอกก็รู้ ผมก็หิ้วบ่อย ;D
-
ก็หลากหลายความคิดนานาจิตังนะคับผมว่า แต่จริงๆแล้วสถานที่แบบนี้ไม่เหมาะสมสำหรับพระสงฆ์จริงๆนะคับเพราะเป็นสถานที่ของฆราวาสซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งล่อกิเลสมากมาย ถึงจะอ้างเหตุผลยังไงก็ฟังไม่ขึ้นหรอกคับเพราะท่านยังครองสมณะเพศอยู่ แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาผมพบเจอพระในที่อโฆจรหลายแห่งจนชินตานะคับ เช่นโลตัส บิ๊กซี ศูนย์การค้า ก็รู้สึกแปลกๆว่าท่านมาได้ยังไง เมื่อวานนี่ผมเจอกับตัวเลย ถึงกับงงเลย คือผมกดเงินหน้าตู้ atm เจอพระรูปหนึ่ง กดเงินจากตู้เฉยเลยคับแล้วเดินเอาไปให้ฆราวาสซึ่งน่าจะเป็นมัคทายก เพราะท่านอาจะรู้รหัสเพียงคนเดียว แต่มันดูแล้วก็รู้สึกแปลกๆคับ ผมว่าสังคมไทยคงชินกับภาพแบบนี้ไปแล้วคับ ซึ่งเราก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทยคับ
-
จากประสบการณ์ที่เคยบวชมา พระก็วัตถุนิยมไม่น้อยไปกว่าฆราวาสนักหรอกครับ ทุกวันนี้ผมไม่ค่อยทำบุญให้กับวัดนักไม่รู้จะเอาโบสถ์หลังใหญ่ๆกุฎิสวยๆไปทำไม ผมเน้นเด็กกำพร้าบ้านพักคนชราซะมากกว่าและที่ชอบที่สุดคือบริจาคเลือดเพราะคนที่จะใช้เลือดเรานี่จำเป็นจริงๆอาจถึงขั้นต่อชีวิตกันเลยทีเดียว
อ้อ...ผมเน้นทำดีกับคนรอบข้างโดยเฉพาะลูกเมีย คิดดี พูดดี ทำดี แค่นี้ก็สุขใจ
-
ศาสนา คือสิ่งสมมุติ อย่าเชื่อ หรือ งมง่ายจนเกินไป