Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ttcz25 ที่ เมษายน 22, 2015, 04:10:49
-
สงสัยว่าทำไมรถSedanถึงไม่มีที่ปัดน้ำฝนหลัง แต่รถพวกHatchback,Wagon,SUV ถึงมีที่ปัดน้ำฝนหลังมาให้เป็นมาตรฐาน
เป็นเพราะความจำเป็นในการใช้งานต่างกัน หรือว่าเพราะเหตุผลใดที่ทำให้Sedanไม่ต้องใช้ ขอบคุณครับ
-
แฮชแบ็คท้ายรถมันตัดครับ พอฝนตกหรือถนนเปียก น้ำหรือโคลนจะกระเด็นโนกระจกเต็มๆๆเลย
ทำให้กระจกเลอะกว่าซีดานครับ ซีดานมีท้าย พอน้ำกระเด็นก็จะโดนจุดท้ายก่อน กะเด็นไปโดนกระจกไม่มากเท่าแฮชแบ็ค
แฮชแบ็คเลยจำเป็นกว่าครับ
ผมเข้าใจงี้มาตลอดเลยนะ
-
รถท้ายตัด ถ้าไม่มีใบปัดด้านหลังนี่ เวลาฝนตกแทบจะไม่ต้องมองกระจกหลังครับ เพราะรถท้ายตัดลมจะวนครับ ฝุ่นจะเกาะกระจกหลังจนมองอะไรไม่เห็นครับ
ส่วนรถ Sedan ลามันจะไปวนตรงด้านท้ายแทน ดังนั้นคุณจะเห็นว่าแถวกันชนหลังจะเลอะฝุ่นมากกว่าแถวกระจกหลังครับ
-
ซีดานบางรุ่นก็มีที่ปัดน้ำฝนหลังครับ เช่น มิตซู การ์แล้น หรือพวกซูบารุ อิมเพลสซ่ารุ่นเก่าๆ ผมก็งงเหมือนกันว่ามันจะมีไว้เพื่อ? 555+
ส่วนรถประเภทท้ายตัด ส่วนตัวผมว่าควรจะมีใบปัดน้ำฝนไว้นะครับ เหมือนหลายๆท่านว่า ผมมันตีวนท้ายรถ ทำให้ฝั่นเกาะง่ายครับ อย่างรถแฟนผมใช้บริโอ้ ออกมาแรกๆไม่มีที่ปัดน้ำฝนหลัง ถ้าปล่อยให้เลาะนี่ถอยยากมากๆครับ มัวไปหมด
-
เวลาที่รถวิ่งไปข้างหน้า อากาศส่วนหนึ่งจะหมุนวนอยู่ท้ายรถครับ
อากาศตัวนั้นถ้ามีเศษฝุ่นละออง หรือโคลน ก็จะติดอยู่บริเวณนั้น เพราะลมมันพัดน้อยกว่า
ถ้าเป็นรถยนต์ท้ายลาด หรือ ซีดาน อากาศส่วนใหญ่จะไหลผ่านกระจกบังลมหลังไป ไปหมุนวนอยู่ตรงมุมฝากระโปรงกับไฟท้ายและกันชนแทน
สังเกตได้ว่าตรงนั้นจะมีฝุ่นเกาะเยอะกว่าด้านบน
รถท้ายตัด Hatchback ทั้งหลายแหล่ กระจกบังลมหลังตั้ง เป็นแนวเดียวกับฝากระโปรงท้าย จึงได้รับอิทธิพลตรงนี้ด้วย เลยเลอะง่าย
และลมที่ไม่ผ่านกระจกจากด้านบน (ส่วนใหญ่ข้ามหลังคากะสปอยเลอร์ละจากไปเลย) จะไม่ช่วยเป่าน้ำที่ติดอยู่ ออกไป มีแต่โคลนและฝุ่นที่ตีขึ้นมาจากด้านล่าง
ส่วนรถ Fastback หรือ Liftback มีกระจกบังลมหลังที่ลาด แต่เนื่องจากอยู่ใกล้ท้ายมาก โอกาศที่ฝุ่นและโคลน จะพัดย้อนกลับขึ้นมาก็มีสูง จึงต้องติดตั้งครับ
รถ Sedan สมัยก่อน บางรุ่นมี ลองสังเกตดูว่า กระจกบังลมค่อนข้างตั้งชัน ลมจึงพัดตึ้งเลยข้ามหลังคาไป บริเวณที่หักเป็นรูปตัว L นั้น จึง ไม่มีลมพัด โอกาสที่ลมด้านล่าง
จะหมุนย้อนขึ้นมา จึงมีสูง จึงต้องติดตั้ง (ไม่แน่ใจว่าเป็นรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่ต้องใช้ในเขตที่มีฝนตก ดินโคลน หรือหิมะตกหนักหรือเปล่า)
-
ผมก็ชอบซีดานที่มีปัดหลังนะครับ แต่ส่วนมากจะไม่มี ชอบเวลาเจอฝน/หมอกลง ปัดทีเดียวเห็นชัดเลย ถ้าเปิดไล่ฝ้ากว่าจะเห็นชัดก็กินเวลาไปพอควร อีกเหตุผลคงลดต้นทุนมาใช้ไล่ฝ้าแทน ดูไม่เกะกะตา ไม่ต้องห่วงเรื่องรั่วด้วย แต่ผมยังอยากได้ในซีดานอยู่ดีครับ ;D
-
ซีดานบางรุ่นก็มีที่ปัดน้ำฝนหลังครับ เช่น มิตซู การ์แล้น หรือพวกซูบารุ อิมเพลสซ่ารุ่นเก่าๆ ผมก็งงเหมือนกันว่ามันจะมีไว้เพื่อ? 555+
ส่วนรถประเภทท้ายตัด ส่วนตัวผมว่าควรจะมีใบปัดน้ำฝนไว้นะครับ เหมือนหลายๆท่านว่า ผมมันตีวนท้ายรถ ทำให้ฝั่นเกาะง่ายครับ อย่างรถแฟนผมใช้บริโอ้ ออกมาแรกๆไม่มีที่ปัดน้ำฝนหลัง ถ้าปล่อยให้เลาะนี่ถอยยากมากๆครับ มัวไปหมด
อาจจะมาจากที่การแข่ง WRC ยังไงกระจกหลังก็เละ ก็เป็นได้ครับ
-
ตำแหน่งที่จะติดของซีดานมันยากเพราะกระจกกับฝาท้ายแยกจากกันไม่เหมือนแฮชแบค
-
ซีดานบางรุ่นก็มีที่ปัดน้ำฝนหลังครับ เช่น มิตซู การ์แล้น หรือพวกซูบารุ อิมเพลสซ่ารุ่นเก่าๆ ผมก็งงเหมือนกันว่ามันจะมีไว้เพื่อ? 555+
ส่วนรถประเภทท้ายตัด ส่วนตัวผมว่าควรจะมีใบปัดน้ำฝนไว้นะครับ เหมือนหลายๆท่านว่า ผมมันตีวนท้ายรถ ทำให้ฝั่นเกาะง่ายครับ อย่างรถแฟนผมใช้บริโอ้ ออกมาแรกๆไม่มีที่ปัดน้ำฝนหลัง ถ้าปล่อยให้เลาะนี่ถอยยากมากๆครับ มัวไปหมด
อาจจะมาจากที่การแข่ง WRC ยังไงกระจกหลังก็เละ ก็เป็นได้ครับ
ผมสงสัยนิดนึงครับ ปกติคนขับแรลลี่ มองข้างหลังด้วยเหรอครับ ผมว่ามองแค่ข้างหน้าแล้วให้ดีก็ไม่มีเวลามามองข้างหลังแล้วนะครับ
ผมชอบรถ HB ใช้มา 2 คัน สิบกว่าปี เอาจริงๆนะ ได้ใช้ปัดน้ำฝนหลังนับครั้งได้ ไม่เกิน 3 ครั้ง แถมเป็นภาะระต้องมาคอยเปลี่ยนยางปัดอีก กลัวมันขาด แล้วเผลอไปโดดสวิตเหล็กจะปัดกระจกเป็นรอย
สำหรับคนชอบ HB อย่างผม ใบปัดหลังไม่จำเป็นครับ
-
ซีดานบางรุ่นก็มีที่ปัดน้ำฝนหลังครับ เช่น มิตซู การ์แล้น หรือพวกซูบารุ อิมเพลสซ่ารุ่นเก่าๆ ผมก็งงเหมือนกันว่ามันจะมีไว้เพื่อ? 555+
ส่วนรถประเภทท้ายตัด ส่วนตัวผมว่าควรจะมีใบปัดน้ำฝนไว้นะครับ เหมือนหลายๆท่านว่า ผมมันตีวนท้ายรถ ทำให้ฝั่นเกาะง่ายครับ อย่างรถแฟนผมใช้บริโอ้ ออกมาแรกๆไม่มีที่ปัดน้ำฝนหลัง ถ้าปล่อยให้เลาะนี่ถอยยากมากๆครับ มัวไปหมด
อาจจะมาจากที่การแข่ง WRC ยังไงกระจกหลังก็เละ ก็เป็นได้ครับ
ผมสงสัยนิดนึงครับ ปกติคนขับแรลลี่ มองข้างหลังด้วยเหรอครับ ผมว่ามองแค่ข้างหน้าแล้วให้ดีก็ไม่มีเวลามามองข้างหลังแล้วนะครับ
ผมชอบรถ HB ใช้มา 2 คัน สิบกว่าปี เอาจริงๆนะ ได้ใช้ปัดน้ำฝนหลังนับครั้งได้ ไม่เกิน 3 ครั้ง แถมเป็นภาะระต้องมาคอยเปลี่ยนยางปัดอีก กลัวมันขาด แล้วเผลอไปโดดสวิตเหล็กจะปัดกระจกเป็นรอย
สำหรับคนชอบ HB อย่างผม ใบปัดหลังไม่จำเป็นครับ
555 คุณ mothsan ใช้ปัดน้ำฝนหลังแค่ 3 ครั้งเองเหรอครับ แต่ผมใช้บ่อยนะ พอวิ่งฝ่าฝนทีไรก็ได้ใช้ทุกที เพราะน้ำมันกระเซ็นเต็มกระจกหลังเลยครับ มองอะไรไม่เห็นเลย แถมยังต้องคอยปัดเป็นระยะๆ ด้วยครับ เพราะปัดไปแป๊บเดียว อีกเดี๋ยวก็น้ำกระเซ็นเต็มบานอีกเหมือนเดิม
-
แฮชแบ็ควิ่งลุยฝนลุยน้ำวันเดียวก็เลอะแล้วครับ
ซีดานวิ่งเดือนนึงยังสู้ไม่ได้เลยอย่างมากก็แค่คราบฝุ่น