Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: hayabusa ที่ เมษายน 22, 2015, 15:35:08
-
นั่งจับเข่าคุนกับแฟนสองต่อสอง ได้ข้อยุติกันแล้ว คือต้องเป็นรถใหม่เท่านั้น
หลังจากที่คุยและได้ตัวเลือกที่คัดแล้วคัดอีก จนได้ 2 ตัวเลือกที่กล่าวมาข้างต้นครับ
1. new c200 ค่าตัว 2.59m ได้ส่วนลด 70 k
2. accord hybrid ค่าตัว 1.899m ได้ส่วนลด 40 k สีขาวเพิ่ม 12k
พื้นฐานครอบครัวฐานะปานกลาง ทำงานบริษัทเอกชน ไม่ได้ขับคันนี้ไปทำงาน อายุ 30 มีภรรยา กับ ลูกสาว 1 คน ช่วยพิจารณาให้ทีครับ อยากขับเบนซ์แต่กลัวซ่อมแพงครับ แหะๆ วันนี้แว่ปไปดู accord hybrid มาแล้วโอเคทุกอย่าง ติอย่างเดียวฝากระโปรงท้ายแคบจัง
-
ผมเชียร์c200ครับ ไม่คาใจดี ถ้าออก accord ไปแล้วอาจเสียดาย
พอเจอbenz ก็จะมองตามแล้วคิดว่า ถ้าขับคันนั้นมันจะเปนยังไงน้า
ผมว่าw205ตัวนี้ภายในนี่นำชาวบ้านโด่งเลย ภายนอกก็สวยเด่นดีครับ
เอาแบบไม่คาใจดีกว่าครับ
-
ค่าบำรุงรักษาผมคงตอบไม่ได้ แต่ว่า ถ้าดูความคุ้มค่า Accord Hybrid น่าจะตอบโจทย์กว่า เพราะ c200 น่าจะเล็กกว่า
แต่ถ้าอยากได้เบนซ์แล้วไม่เกินกำลัง เอา C200 ไปเลยครับ ใช้ยาว ๆ เลือก Accord Hybrid ก็จะคาใจซะเปล่า ๆ
-
;D ถามตัวเองเลยครับของคุณ จขกท. ถ้าอยากได้ Benz ไป Benz เลยครับ. ไม่งั้นมีค้างแน่ครับ
แต่ถ้าไม่ได้ต้องเอา Benz เอากว้างขว้างสะดวกสบาย ก็เอา Accord hybrid ครับ
-
เมื่อปีที่แล้วผมก้เทียบc200 edition cกับcamry hybridครับ สุดท้ายผมเลือกc200 แต่ตอนนี้ก้มีคิดนะว่าถ้าตอนนี้ขับcamryก้จะนั่งสบายกว่านี้ เช็คระยะถูกกว่านี้ จากที่ใช้c200มา เช็คระยะหมื่นโลแรกก้โดนไป9000กว่าๆแล้วครับ ครอบครัวผมนั่ง4คน ใช้c200บอกเลยว่าแคบไปครับ
-
ผมแนะนำไป C200 ดีกว่าครับ อาจไม่สบายเท่า accord แต่ ภาพลักษณ์ดูดีกว่า
-
แล้วแต่ชอบ แต่อย่าลืมว่ารถคนละ segment
-
ค่าบำรุงรักษาของเบนซ์ย่อมต้องแพงกว่าเป็นธรรมดาครับ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งละเกือบ 1 หมื่นบาท แต่ถ้าเป็นฮ้อนด้าก็สามพันบาทแต่ว่าอย่าลืมนะครับว่าถ้าใช้ยาวๆ แอคคอร์ดไฮบริดมีค่าบำรุงรักษาระบบไฮบริดที่น่าจะสูงอยู่และราคาขายต่อเบนซ์ค่อนข้างจะได้เปรียบ ยิ่งเป็นตัว C200 เครื่องธรรมดามือสองยิ่งมีภาษีดีกว่าครับ สรุปแล้วแต่ชอบครับ C200 ภายในแคบหน่อยแต่ท้ายใหญ่กว่า แอคคอร์ทไฮบริดภายในกว้างกว่าแต่ท้ายเล็กหน่อยลองคิดถึงการใช้งานปกติของคุณสิครับว่าเน้นที่นั่งภายในหรือขนาดท้ายรถมากกว่ากัน หรือถ้าต้องการทั้งสองอย่าง ทั้งสองคันนี้อาจจะยังไม่ใช่คำตอบครับ
-
มีกัน3คน C200 โลดครับ
-
C200ไปเลยครับ ซื้อศูนย์ประกัน3ปีไม่จำกัดระยะทาง เห็นบางคนบอกว่ามีจ่ายเพิ่มแล้วเอาประกันต่อถึง5ปีด้วย ใช้เยอะๆนี่คุ้มเลย สบายใจไป5ปีละหลังจากนั้นถ้าใช้ต่อก็เข้าอู่นอกเอาช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลย และตัวรถยังใหม่อยู่พึ่งเปลี่ยนโฉมได้ไม่นาน
-
ถ้าอยากได้ Benz ก็จัดไปครับ ผมก็เคยเป็น
ที่บ้าน ซื้อ W211 คันละ 3.6 ล้าน รถ 5 ปี เหลือ 1 ล้านกว่าบาท
เจอเสีย หลังหมดประกัน คอมแอร์ กล่อง SAM แผงสวิทแอร์ (หมดไปเกือบ แสน)
ตอนนี้ก็ขายไม่ลง ต้องใช้ต่อไป แต่ใช้น้อยลง ถ้าใช้แบบทั้งวัน พังเร็ว โทรมเร็วกว่า รถญี่ปุ่น
แล้วไปออกรถญี่ปุ่นมาใช้เสริมแทน
แต่ถ้ายังไม่อยากได้ถึงขนาดนั้น ก็เลือกเป็น D-segment รุ่น top ดีกว่า
Benz พอหมดประกัน 3 ปี และ ถ้าคุณ เจอ รถคุณมีปัญหาหลังหมดประกัน
กล่องอะไรก็แล้วแต่ที่อยู่บนรถเสีย ราคามันจะมากกว่า 20,000 บาทขึ้น แต่โดยเฉลี่ยเกือบแสน
แล้วเปอร์เซนต์ ที่รถ Benz ชอบเสีย มีสูงกว่า รถญี่ปุ่นมาก เพราะ ออกแบบซับซ้อนกว่า
อุปกรณ์พลาสติก และ พวก โมดุล กล่อง แต่ละชิ้น แพงๆ ทั้งนั้น
เช่น แผงพลาสติก ชิ้นเล็กๆ ใต้คอพวงมาลัยแตก อยู่ในประกัน ไม่เคลม ต้องเบิกมาเปลี่ยน ลดแล้ว 3000 กว่าบาท
ผมมี EPC กับ Price list ไทย อยู่ เปิดดูราคาแล้วนึกว่า ถ้าหมดประกัน แล้วมีของเสียชิ้นใหญ่ คงแย่เลย
อย่างไรก็ตาม ถ้าค่าซ่อมไม่ใช่ปัญหา รถอะ น่าใช้อยู่แล้ว จะไปเลือก Honda ทำไม ??
-
ไม่ได้ขับคันนี้ไปทำงาน อายุ 30 มีภรรยา กับ ลูกสาว 1 คน
แนะนำไม่ยากครับ รถเบนซ์ขับดีกว่าอยู่แล้ว แต่มาติดตรงที่ว่าไม่ได้ขับไปทำงานนี่แหละครับ คือผมมีประสบการณ์ตรงกับการซื้อรถมาแล้วไม่ใช้ส่วนใหญ่จอด มันทำให้ไม่คุ้มค่าครับ แล้วมันก็จะเก่าไปเองโดยปริยาย ส่วนเรื่องราคาขายต่ออย่าไปคิดเลยครับ ยังไงๆก็ขาดทุนย่อยยับ ตีเข้าเต้นท์ยังไงๆก็โดนฟันเป็นล้าน ราคามันตกหมดแหละครับ นอกซะจากว่าจะโพสท์ขายเอง แต่พอโพสท์ขายเองก็ไม่มีอะไรมาบอกได้ว่าจะขายเมื่อไหร่บางทีเราต้องการเงินเร็วหน่อย ส่วนเรื่องซ่อมก็อย่าไปกังวลขับเบนซ์ทั้งทีครับ
ฉะนั้นผมขอแนะนำว่าเอาเบนซ์ไปเลยครับ ชีวิตนี้ขับเบนซ์สักที แล้วก็ต้องขับมันทุกวันด้วยครับ ใช้เอาให้คุ้มครับ
-
accord ก็เพียงพอแล้วครับ นำเงินส่วนต่างไปลงทุนให้งอกเงย แล้วเก็บเงินซื้อตอนมีเหลือๆไม่กังวลค่าซ่อมดีกว่าครับ
ภาพลักษณ์บางทีมาพร้อมค่าใช้จ่ายมากมายนะครับ ค่าซ่อม ค่าอะไหล่นี่โหดอยู่ครับ e200 กระจกข้างเคยโดนขโมยรู้สึกจะ 30k
ที่เขี่ยบุหรี่ในรถอยู่ๆก็ปิดไม่เข้าเปลี่ยนใหม่ก็ 6k
สะดุดตาคนโบกรถด้วยขับรถยุโรปจะให้ค่าที่จอดน้อยก็อายอีก ขับ accord สบายใจ สบายค่าน้ำมัน
-
นี่เป็นปัญหาระดับชาติของท่านที่ขยับรถญี่ปุ่นมาเล่นรถยุโรปคันแรก.....กลัวซ่อมแพง
ถ้าซื้อ Benz แล้วไม่เดือดร้อนก็จัดไปครับ
แต่ถ้าไม่เลือก Benz ผมอยากให้ไปซื้อ Accord 2.4 ดีกว่าเพราะท่านไม่ได้ขับรถไปทำงานจะเอา Hybrid ไปประหยัดน้ำมันคงไม่คุ้มค่า เพราะไหนจะค่าตัวที่แพงขึ้น ค่าเสื่อมและราคาที่ตกกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป....ผมมองว่า Hybrid ถ้าขับน้อยข้ามไปเหอะ
-
เชื่อเมียครับ ได้ดีทุกคน ;D
ถ้าถามความเห็นผม เนื่องจากบอกว่าฐานนะปานกลาง (รายได้รวมน่าจะระดับ 1-2M ต่อปี) หาพวกรถญี่ปุ่นระบบธรรมดาน่าจะดีกว่า ถ้า Hybrid คนต้องขับเป็นระยะทางเยอะกว่าจะคุ้มทุน
และเนื่องจากคุณบอกว่าขับไม่บ่อยทำให้แบตมีการใช้งานน้อยอาจจะทำให้แบตเสื่อมเร็วกว่าปกติ (แบต Li-polymer น่าเสื่อมเร็วถ้าไม่ได้ใช้งานบ่อย) ผมแนะนำว่าเอาเป็นตัวธรรมดาน่าจะดีกว่าครับ
-
ถ้าเป็นผม ถ้าแต่งต่อให้เหมือน c300 ผมเอา c 200 ครับ ถ้าขับเดิม G9 hybrid ครับเป็นรถที่ลงตัวครับ
-
ถ้างบถึง 2.59 จริงๆนะครับ
เล่น ACCORD 2.4 ตัวเริ่ม 1.5x อัตราเร่งการขับ ไม่เป็นรองเลยครับ
ภาพในก็ดูดีคนละแบบ ที่สำคัญค่าบำรุงถูกกว่ามากครับ
ขนาดผมขับ 2.0 ยังรู้สึกสบายๆ ประหยัดดีด้วยครับ
แถมเหลืออีกล้าน ไปลงทุนตราสาร ต่างๆ กินดอกเนียนๆเลยครับ
-
เชียร์ Accord ครับ
ขับด้อยกว่านิดหน่อย
แต่ข้อดีด้านอื่นมาชดเชยกันได้ครับ
-
ผมตอบในฐานะคนปานกลางเหมือนกัน ชีวิตเราไม่ได้มีแค่รถครับ
-
เอาตามที่ใจชอบ รวมถึงดูพฤติกรรมการใช้รถด้วยจะเลือกง่ายขึ้นอีกครับ
ส่วนตัวผมเคยมีคำถามแบบจขกท.ครับ แต่เป็น C180 กับ Accord Hybrid
แล้วผมก็จบที่ Accord Hybrid ครับ
-
ถ้าทุกอย่างโอเคแต่ฝาท้ายแคบก็เอาตัวธรรมดาดิครับ ทำไมต้องไฮบริดในเมื่อตัวเลือกอีกตัวก็ไม่ใช่
แต่ใจไปเยอรมันแล้วถ้าเงินในกระเป๋าไปถึงก็จัดเลยครับ ตัดสินใจรอบนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าครั้งต่อไปควรจะเลือกรถประมาณไหน ต่อไปอาจจะยุโรปเท่านั้นหรือไม่ก็ไม่คิดจะใช้มันอีกแล้วแบบบ้านผม
-
เงินเหลือ c200 ครับ
อยากประหยัด แนะนำ Accord 2.4 EL
ผมว่าคุ้มสุดแล้ว ค่าตัวไม่แรงมาก แถม เครื่อง earth dream ประหยัดอยู่แล้วคับ
ถ้าไม่ได้วิ่งเยอะเว่อ ไม่ต้อง hybrid ก็ได้
-
ผมเคยเจอปัญหานี้มาก่อน
ระหว่าง Accord 2.4(ตอนนั้นยังไม่มี Hybrid) กะรถยุโรป 320i A250 CLA250 116i
ตัดสินใจครั้งแรกเป็น Accord จบเลย หมดความตื่นเต้น หมดความสนใจรถไปพักนึง
ตัดสินใจรอบสุดท้ายเป็น 116i ตื่นเต้นยันวันรับรถ ขับครั้งแรก แต่จอดตรงค่าประกันปีแรก 57,XXX แพงใช้ได้
พอขับมันก็ขับดีกว่า Accord แต่ต้องวิ่งเกิน 150 ไปแล้ว ถ้าปกติไม่เคยขับเกิน 140 รถญีปุ่นก็พอ
ภายในกระชับขับสนุก ก็ฟินทุกครั้งที่ขับเร็ว อัตตราเร่งทันใจชอบ (แต่เทียบกับ Accord Hybrid ก็เหลือๆแล้วนะผมว่า) แต่พอรถติด 2-3 ชม โคตรอึดอัดเลยครับ
เวลาขับไปจอดไหนก็ต้องระวังมากกว่ารถญีปุ่น
สรุปถ้าเป็นโอกาสที่อยากลองสักครั้งในชีวิต ตามความฝ้นก็โอเครครับ ลองเถอะ จะได้รู้ว่าลองแล้ว
แต่ถ้าซื้อตันใหม่คงรถญีปุ่นแล้วครับ ต่อให้ราคาใกล้กัน เพราะว่ามันใช้ได้ไม่ต้องระวัง ค่าอะไหล่ ไม่แพง เสียยาก ไม่ต้องดูแลเยอะมากกกครับ
จากโจทย์ จขกท. Accord Hybrid กับ C200 มีหัวข้อให้คะแนนประมาณนี้
- ความกว้างของภายในจำเป็นไหม (ใช้:Acc , ไม่ใช้ :C)
- ความหรูหราจำเป็นไหม (ใช้:C , ไม่ใช้ :Acc)
- ค่าใช้จ่ายในการดูแลเป็นห่วงไหม (ใช้:Acc , ไม่ใช้ :C)
- เป็นความฝันไหม (ใช้:C , ไม่ใช้ :Acc)
- เน้นประหยัดค่าน้ำมันไหม (ใช้:Acc , ไม่ใช้ :C)
- ความแรงพอๆกัน
ลองเอาไว้พิจารณาครับ จากประสบการณ์ของผม
-
วันนี้ไม่เป็นอันทำงานเลยครับ นั่งเหม่อทั้งวัน เลยขอตัวกลับบ้านก่อน
อ่านความเห็นในนี้ ทั้งเล่าประสบการณ์ของตัวเอง ทั้งแนะนำ ให้ข้อคิด
ผมชื่นใจมากๆครับ ขอบคุณมากๆครับ
-
ถ้าเป็นผม ผ่อนและ maintenance ไหวใน 5ปี(ซื้อประกันเพิ่ม) แบบเคลมหนักในประกันได้ ผมเลือก Benz ทันที ขายต่อช่างมัน ใช้คุ้มค่าก็มีความสุขแล้ว คันต่อไปจะตัดสินใจง่ายขึ้นว่าจะเลือแบบไหนแล้วไม่พลาดแน่นอน
-
ลองไปเทียบดูรีวิวอัตราเร่ง/อัตราสิ้นเปลือง ของHLMก่อนครับ
น่าจะได้คำตอบ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเค้าทำ New C200 รึยังนะครับ
สรุปโจทย์คือ ซื้อคันนี้ไว้เที่ยวสุดสัปดาห์ มีรถอยู่แล้วอย่างน้อย1คัน นั่ง3คน ฐานะกลางๆ และยังกลัวๆเรื่องซ่อม
เป็นผมไปAccordครับแต่เป็นตัวท๊อปไม่ไฮบริด (ส่วนตัวไม่ชอบCVTและมอเตอร์ไฟฟฟ้าครับ 55)
ปล.ทำไมไม่ใช้รถทำงานเอามาเที่ยวหละครับ ไม่ก็เทริน
-
โจทย์คล้ายๆผมเมื่อตอน accord ออกมาใหม่ๆแต่ผมเทียบกับ F30 ในตอนนั้น สรุปสุดท้ายผมออก accord 2.4tech แต่ปรากฎตั้งแต่ใช้มันคาใจตลอดเวลาว่าทำไมไม่ออก F30 สุดท้าย ทนคาใจอยู่ได้ปีครึ่ง ตัดสินใจขายขาดทุน มาออก F30 จนถึงวันนี้ออก f30 มาได้ 4 เดือน ไม่มีอะไรค้างคา เหมือนได้ทำตามใจคิด แต่ทั้งนี้ อยู่บนพื้นฐานว่าเงินไม่ใช่ปัญหานะครับ
-
ชอบขับรถ ขับเร็ว ด้วยมั้ยครับ ลองBenz BM บ้างจะติดใจครับ
-
เคยมีปัญหาแนวนี้เหมือนกันครับ แต่เป็นกับ F30 ซึ่งผลสุดท้ายจบด้วย accord hybrid
แต่เวลาขับรถผ่านเจอ F30 มันก็ยังคิดถึงนะครับ แบบคาใจอยากได้
แต่มันก็เป็นแรงผลักดันให้เราตั้งใจทำงานต่อไปครับ
เหตุผลที่เลือก accord มาเพราะคิดว่าตอนนี้การเงินยังไม่พร้อมครับ แล้วก็ใช้รถเยอะด้วย
เลยอดทนไว้ก่อน
ปล. แต่ออก X3 Lci HL มาหลังจากออก acoord มา 6 เดือน
พอเอาเข้าจริงเสียดายเงินเหมือนกันนะครับ เพราะรถแทบไม่ได้ใช้เลยวิ่งอาทิตย์ละ 1-2 วัน สั้นๆ เวลาลุยๆก็เอา fortuner ไปแทน
แบบเสียดายรถครับกลัวพัง แถมเป็นรถที่แพงที่สุดด้วย เลยไม่ค่อยกล้าใช้
-
โจทย์เดียวกับผมเลยครับ Accord Hybrid vs C300 Hybrid ตอนแรกผมคิดว่าแค่ Accord ก็เพียงพอแล้ว ก็เลยไปลอง Accord มาชอบทุกอย่างยกเว้นจอ เห็นและปวดใจ มันเหมือนกับจอจีนแดงที่ผมเคยไปซื้อร้านประดับยนต์มาใส่ Altis สมัยก่อนเลย แต่ก็เป็นข้อเสียที่ยอมรับได้
ระบบ Hybrid Accord ก็ดูจะใช้งานได้ดี ตรงที่ความเร็วระดับ 100 กม/ชม ก็ยังสามารถดึงไฟจากแบตมาขับเคลื่อนได้ ทำให้อัตราบริโภคน้ำมันดูประหยัดมากๆ 20.xx km/L (จากการทดสอบของพี่ Jimmy) แต่ด้วยราคา ที่เกือบแตะ 2 ล้าน คนจ่ายเงินมองว่า รถญี่ปุ่นมันไม่น่าจะแพงขนาดนี้ จนกระทั่งไปดู C Class ลูบๆ คล่ำๆ คนจ่ายเงินก็บอกว่า เพิ่มอีกล้านนิดๆ ไปออก C Class Hybrid ดีกว่า สุดท้ายจอง C300 Hybrid ไปโดยที่ยังไม่ได้ลองเลย แต่ก็แอบกังวลกับระบบ Hybrid ตัวนี้เหมือนกัน
ในความคิดส่วนตัวผมว่าถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา ซื้อ C Class เลยครับ เพราะในชีวิตผม ซื้อของที่ถูกกว่าสิ่งที่อยากได้ตอนแรก พอซื้อมากิเลศมันก็ยังไม่หาย สุดท้ายก็ต้องควักเงินไปซื้อไอ้สิ่งที่อยากได้มาอยู่ดี
ขอฝาก quote ไว้ข้อนึงครับ "กิเลศ ระงับได้ด้วยการซื้อ" ;D
-
เอาตามที่ใจชอบ รวมถึงดูพฤติกรรมการใช้รถด้วยจะเลือกง่ายขึ้นอีกครับ
ส่วนตัวผมเคยมีคำถามแบบจขกท.ครับ แต่เป็น C180 กับ Accord Hybrid
แล้วผมก็จบที่ Accord Hybrid ครับ
เหมือนผมเลยครับ แต่ของผมเป็น Camry HV อยากทราบว่าหลังจากนั้นยังแอบคิดถึง C180 อยู่ไหมครับ จะเหมือนกันไหม!
-
C-Class ครับ จะได้ไม่คาใจ ลูก 1 ไม่ใช่ปัญหาครับ
-
ก่อนตัดสินใจ คุณเคยคิดเรื่องประกันภัยหรือเปล่าครับ แอคคอร์ดประกัน 3 หมื่น เบนซ์ 5 หมื่น ต่อปีนะครับ
-
c class เหอะ ถ้าญี่ปุ่นสักล้านต้น ผมจะเชียร์ญี่ปุ่น (และ acc ผมดูยังงัยก็ไม่สวยหน้ามันโบราณ หลังพอได้)
พี่ชายผมเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้สุดท้ายแกเลือกญี่ปุ่นที่ถูกกว่าโดยที่ไม่ชอบจริงเพียงแค่คุ้มราคา ในขณะที่ผมซื้อยุโรปแพงแต่ใช้ยาว สรุปสุดท้ายแกซื้อๆ ขายๆ รถไป3รอบ กว่าจะมายุโรปที่แกรักจริงๆ ส่วนผมได้ใช้ยุโรปที่รักมา10 กว่าปีแล้วปีนี้ก็จะให้เค้าพักเพื่อเปลี่ยนเป็นc class แบบคุณเหมือนกัน ผมว่าโมเดลนี้อยู่ได้นานโดยเฉพาะภายในล้ำไปหลายป
-
เคยมีคำถามแบบเดียวกับ จขกท. ครับแต่ของผมเป็น Camry HV กับ 320i ทีแรกก็คิดว่ายังไงก็จะไป 320i
เพราะอยากได้ภูมิฐานนิดนึง + กับ ณ เวลานั้น กลัวว่าขับรถใหญ่แล้วจะชน
แต่ผมเสียดายเรื่องความกว้าง ของ D-Seg รถญี่ปุ่นมากๆ จนสุดท้าย ผมมองว่าค่อยๆหัดไปเด๋วก็ชิน แล้วเอาเงินส่วนต่างไปซ่อมระบบ HV แล้วได้รถที่นั่งสบายๆ
ไปได้หลายๆคน แล้วคนนั่งหลังไม่บ่น ก็เลยตัดสินใจซื้อครับ
ทุกวันนี้เวลาผมเดินทางต่างจังหวัด (ที่บ้านมี Fortuner) ยังไม่มีใครจะเอา Fortuner ไปเลยครับ ถ้าไปหลายๆคน เลือกเอา Camry ไปซะหมด
เพราะความกว้างภายในล้วนๆเลยครับ (ที่บ้านคนอายุ 60+ เยอะครับ) อยากให้ จขกท. ลองดูครับ ว่ารถคันนี้ถึงไม่ใช้บ่อย
แต่เวลาซื้อไปแล้ว ใช้ในกรณีไหนมากกว่ากัน
สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ดีหลังจากซื้อมา แค่ตัวรถมันใหญ่หาที่จอดลำบากแค่นั้น (ส่วนมากก็แค่ใน กทม.) ถึงวันนี้ผมยังไม่เสียดายที่ซื้อรถญี่ปุ่น D-Seg ครับ
-
เคยมีคำถามแบบเดียวกับ จขกท. ครับแต่ของผมเป็น Camry HV กับ 320i ทีแรกก็คิดว่ายังไงก็จะไป 320i
แต่ผมเสียดายเรื่องความกว้าง ของ D-Seg รถญี่ปุ่นมากๆ จนสุดท้าย ผมมองว่าเอาเงินส่วนต่างไปซ่อมระบบ HV แล้วได้รถที่นั่งสบายๆ
ไปได้หลายๆคน แล้วคนนั่งหลังไม่บ่น ก็เลยตัดสินใจซื้อครับ
ทุกวันนี้เวลาผมเดินทางต่างจังหวัด (ที่บ้านมี Fortuner) ยังไม่มีใครจะเอา Fortuner ไปเลยครับ ถ้าไปหลายๆคน เลือกเอา Camry ไปซะหมด
เพราะความกว้างภายในล้วนๆเลยครับ (ที่บ้านคนอายุ 60+ เยอะครับ) อยากให้ จขกท. ลองดูครับ ว่ารถคันนี้ถึงไม่ใช้บ่อย
แต่เวลาซื้อไปแล้ว ใช้ในกรณีไหนมากกว่ากัน
สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ดีหลังจากซื้อมา แค่ตัวรถมันใหญ่หาที่จอดลำบากแค่นั้น (ส่วนมากก็แค่ใน กทม.) ถึงวันนี้ผมยังไม่เสียดายที่ซื้อรถญี่ปุ่น D-Seg ครับ
โอยย...เหมือนผมเลยครับ ที่บ้านมีฟอร์จูนอยู่แล้ว 1 คัน ซึ่งคันนี้ผมจับดมแก๊ส lpg ไปเรียบร้อย คันนี้เลยกะเอาไว้ขับไปทำงานโดยเฉพาะ เพราะอาทิตย์นึงผมใช้รถเยอะครับ บางวัน 300 กว่าโล แต่ไม่ทุกวัน
ในใจผมเลยอยากได้รถที่ซีดานที่ประหยัดน้ำมัน โดยที่ไม่ต้องไปติดแก๊สครับ พูดถึงรถคันใหม่ที่จะซื้อใช้ไม่บ่อยแต่ใช้ทีก็หลายร้อยกิโลเลยล่ะครับ เพราะที่บ้านผมเป็นพวกชอบเที่ยว เที่ยวกระจุย อาทิตย์นึงผมทำงาน 4 วัน อีก 3 วันก็เที่ยวแล้วครับ แหะๆ
-
ก่อนตัดสินใจ คุณเคยคิดเรื่องประกันภัยหรือเปล่าครับ แอคคอร์ดประกัน 3 หมื่น เบนซ์ 5 หมื่น ต่อปีนะครับ
ซื้อรถระดับแบบนี้ คงไม่ใช่ประเด็นหลักมาคิดนะครับ แล้วราคานี้แค่ปีแรก เผลอๆ เบนซ์ฟรีประกันปีแรกด้วย ส่วนปีต่อๆ ไป อย่าง F30 ผมก็ต่อ 4 ต้น ถึง 3 ปลายๆ กัน accord ก็ 2 ปลายๆ ต่างกันหมื่นกว่าๆ มันคงไม่เครียดมากนะครับ
ส่วนรถ จขกท ไปลองเถอะครับ หากคุณรับขนาดของ c class ได้ บอกได้คำเดียว มันจบ ผมโดนมาแล้ว ตอนออก G8 เพราะกลัวแบบนี้แหละ ทำทุกอย่าง ให้ขับดีขึ้น มันก็ไม่โดน จนต้องไปถอย F30 มาจนได้ และจากนี้จะทำตามอารมณ์แล้วหละครับ เพราะถ้ามันคาใจ ให้ตายก็ไม่สบายใจ ต้องเปลี่ยนไปมาอยู่ดี จนสุดท้าย ก็จบที่อยากได้ครับ
-
ลองไปเทียบดูรีวิวอัตราเร่ง/อัตราสิ้นเปลือง ของHLMก่อนครับ
น่าจะได้คำตอบ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเค้าทำ New C200 รึยังนะครับ
สรุปโจทย์คือ ซื้อคันนี้ไว้เที่ยวสุดสัปดาห์ มีรถอยู่แล้วอย่างน้อย1คัน นั่ง3คน ฐานะกลางๆ และยังกลัวๆเรื่องซ่อม
เป็นผมไปAccordครับแต่เป็นตัวท๊อปไม่ไฮบริด (ส่วนตัวไม่ชอบCVTและมอเตอร์ไฟฟฟ้าครับ 55)
ปล.ทำไมไม่ใช้รถทำงานเอามาเที่ยวหละครับ ไม่ก็เทริน
รถที่ใช้ขับทำงานอยู่เป็นรถฟอร์จูนเนอร์ครับ บ่อยครั้งที่ต้องมีออกไปตรวจงานที่ต่างจังหวัด เส้นทางบางรแห่งรถเก๋งอาจเดินทางลำบาก เลยเก็บเอาคันนี้ไว้ทำงานโดยเฉพาะครับ แฮ่
-
ก่อนตัดสินใจ คุณเคยคิดเรื่องประกันภัยหรือเปล่าครับ แอคคอร์ดประกัน 3 หมื่น เบนซ์ 5 หมื่น ต่อปีนะครับ
เรื่องนี้ผมทราบมาก่อนแล้วครับ แฟนผมเป็นตัวแทนประกันภัยอยู่พอดี เลยไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ครับ
-
ถ้า c class เป็นรถในฝันก็ซื้อครับ ไม่ต้องอ่านต่อ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องลองคิดดูว่ามันคุ้มไหมกับข้อดีของ c class เทียบกับราคาอีก 6-7 แสน ยังไม่นับค่าดูแลรักษาอื่นๆ
การควบคุมรถและประสิทธิภาพของรถ หลายท่านบอกว่าถ้าขับถึง 140 จึงเริ่มเห็นความแตกต่าง คุณได้ขับเร็วแบบนั้นบ่อยไหมและคุณจะรู้สึกถึงความแตกต่างหรือไม่ ทางเดียวที่จะรู้ได้คือคุณควรไปลองรถตามสภาพใช้งานจริงถ้าเป็นไปได้ อย่าฟังผู้อื่นมากว่าคันนี้ดีกว่าคันนี้ต่างๆนาๆเพราะบางท่านอาจไม่เคยสัมผัสแต่แค่ฟังคนอื่นเล่ามาอีกที
ถ้าคุณให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์คุณอาจต้องคิดว่าคุณจะแสดงภาพลักษณ์ให้ใครเห็น ปัจจุบัน c class เกลื่อนเมือง สำหรับตาสีตาสาตราดาวชนะยี่ห้ออื่นแน่นอน แต่ถ้าคนระดับผู้บริหารหรือสูงกว่าที่ติดต่อธุรกิจผมว่าเขาคงมองว่าไม่ต่างกันมากเพราะมันแค่รถใหญ่กับรถเล็กราคาต่างกันไม่ถึงล้าน ถ้าอยากให้แตกต่างคงต้องเป็น class สูงกว่านี้ราคาสักสามล้านปลายครับ
สุดท้ายการที่คุณบอกว่าคุณฐานะปานกลางและเสียดายค่าซ่อมเหมือนบอกกลายๆว่าคุณไม่ได้มีเหลือกินเหลือใช้มากพอ คุณควรใช้ความคุ้มค่าและการใช้งานตัดสินใจมากกว่าใช้อารมณ์และความอยากครับ
-
การเลือกรถของแต่ละท่านอาจ
จะมีเหตุผลไม่เหมือนกันแต่ส่วนตัวผม มีหลักตามนี้ครับ
1.ตั้งงบประมาณ
2.ดูรถที่ชอบในงบประมาณที่ตั้งไว้
3.อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
ตัวอย่าง
1.ซื้อG9. โดยที่ไม่ไปดูCamry,Teana
2.จองw205. โดยที่ไม่มองF30เลย ไม่เคยลองขับด้วย
ทั้งๆที่ใช้BMอยู่
ฉนั้นแล้ว ผมคงแนะนำให้ถามใจตัวเองดูครับ
ในชีวิตเรา เหตุผลใช้ไม่ได้กับทุกๆเรื่องนะครับ...
-
accord 2.4 ประกันชั้น 1 ประมาณ 2 หมื่นบาทนะครับ ทำมาแล้วสองปีทั้ง ธนชาติและวิริยะก็ราคานี้
เป็นรถที่ใช้ดีนั่งสบาย กว้าง แอร์เย็น ทน ไม่จุกจิก เช๊ค 0 ราคาถูกมาก รวม นมค ประมาณ 3-4 พันบาท อะไหล่ถูก ค่าซ่อมถูก ใช้แล้ว happy เงินเหลือเยอะดี รถนิ่งขับโอเคนะครับ ถ้าไม่เกิน 140
ท้ังสองคันพอ 5 ปีราคามันจะเหลือครึ่งเดียว ยิ่งซื้อแพงมากก็ยิ่งเจ็บมาก ยังไม่รวม ค่าเช๊คระยะ หรือค่าอะไหล่ตอนหมดประกันที่ benz หนักกว่า accord แน่ครับ คิดว่า แพงกว่าเท่านึงเลย แล้วพวก benz รุ่นใหม่ๆ ผมคิดว่ามันเปราะมาก แถมเซ็นเซอร์ยุ่บยับ ใช้ไปเกิน 5 ปี เริ่มเก่า เซ็นเซอร์เริ่มสกปรกและรวน เดี๋ยวไอ้นั่นเตือน ไอ้นี่ดัง หนักมากๆ ไฟโชว์วิ่งไม่ได้เลย ยกรถอย่างเดียว
ก่อนซื้อลองเช๊คพวกราคาอะไหล่ ค่าเช๊คระยะ ประกัน แล้วลองมองหลายๆด้านก่อนว่าภาพลักษณ์ที่ได้มาคุ้มกับรายจ่ายที่เพิ่มมาหรือเปล่า ลำพังตัวราคารถที่เพิ่มมามันไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้รายจ่ายต่อเนื่องนี่ละ ลองชั่งใจดู
ยิ่งขับน้อยหรือขับออก ตจว ใช้ความเร็วสูงบ่อยผมไม่กล้าเล่นระบบไฮบริดเลย ไม่คุ้มค่าดูแลรักษาหลังหมดประกัน มันเหมาะแค่ใช้ในเมืองเท่านั้น และต้องวิ่งเยอะเป็นแสนกิโลกว่าจะคุ้มทุน
-
ถ้าใช้รถเยอะๆ mb Bm อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก
ถ้าเอาaccord 2.0 ก็เพียงพอเเล้วครับ
-
เคยมีคำถามแบบเดียวกับ จขกท. ครับแต่ของผมเป็น Camry HV กับ 320i ทีแรกก็คิดว่ายังไงก็จะไป 320i
แต่ผมเสียดายเรื่องความกว้าง ของ D-Seg รถญี่ปุ่นมากๆ จนสุดท้าย ผมมองว่าเอาเงินส่วนต่างไปซ่อมระบบ HV แล้วได้รถที่นั่งสบายๆ
ไปได้หลายๆคน แล้วคนนั่งหลังไม่บ่น ก็เลยตัดสินใจซื้อครับ
ทุกวันนี้เวลาผมเดินทางต่างจังหวัด (ที่บ้านมี Fortuner) ยังไม่มีใครจะเอา Fortuner ไปเลยครับ ถ้าไปหลายๆคน เลือกเอา Camry ไปซะหมด
เพราะความกว้างภายในล้วนๆเลยครับ (ที่บ้านคนอายุ 60+ เยอะครับ) อยากให้ จขกท. ลองดูครับ ว่ารถคันนี้ถึงไม่ใช้บ่อย
แต่เวลาซื้อไปแล้ว ใช้ในกรณีไหนมากกว่ากัน
สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ดีหลังจากซื้อมา แค่ตัวรถมันใหญ่หาที่จอดลำบากแค่นั้น (ส่วนมากก็แค่ใน กทม.) ถึงวันนี้ผมยังไม่เสียดายที่ซื้อรถญี่ปุ่น D-Seg ครับ
โอยย...เหมือนผมเลยครับ ที่บ้านมีฟอร์จูนอยู่แล้ว 1 คัน ซึ่งคันนี้ผมจับดมแก๊ส lpg ไปเรียบร้อย คันนี้เลยกะเอาไว้ขับไปทำงานโดยเฉพาะ เพราะอาทิตย์นึงผมใช้รถเยอะครับ บางวัน 300 กว่าโล แต่ไม่ทุกวัน
ในใจผมเลยอยากได้รถที่ซีดานที่ประหยัดน้ำมัน โดยที่ไม่ต้องไปติดแก๊สครับ พูดถึงรถคันใหม่ที่จะซื้อใช้ไม่บ่อยแต่ใช้ทีก็หลายร้อยกิโลเลยล่ะครับ เพราะที่บ้านผมเป็นพวกชอบเที่ยว เที่ยวกระจุย อาทิตย์นึงผมทำงาน 4 วัน อีก 3 วันก็เที่ยวแล้วครับ แหะๆ
ผมอยากให้ลองมองในเรื่องของการใช้งาน เห็น จขกท. บอกว่าจะใช้เที่ยวหลายร้อยกิโล
เคยได้ลองนั่งพวก C-Class , E-Class ถ้าเน้นเที่ยวไกลๆ ยาวๆ ผมแนะนำรถกว้าง
(ไม่ได้อวยรถญี่ปุ่นนะครับ) ไม่ต้องถึงกับเบาะนั่งนุ่มสบาย ช่วงล่างซับแรงสะเทือนได้มาก
เอาเป็นยืดเส้นยืดสาย คลายเมื่อยระหว่างเดินทาง ไม่แข็งจนเกินไป
นั่นก็น่าจะดีสำหรับการเดินทางแล้วล่ะครับ
ส่วนเรื่องของการขับขี่ ผมว่ามันจะเห็นผลต่างจริงๆตอนทำเวลา - ความเร็วจริงๆอ่ะครับ ไปกันหลายๆคน เชื่อว่า
จขกท. ซิ่งมากคนนั่งหลังมีเวียนหัว คลื่นไส้แน่ๆครับ
-
ถ้าราคา7แสนที่เพิ่มมาไม่ใช่ปัญหาจัดC200 w205ตัวนี่เถอะครับBodyนี่อยู่ยาวๆอีก7ปี ไม่งั้นออกaccordจะเสียดายทีหลังเวลาเห็นC200วิ่งผ่านก็เป็นได้น่ะครับ ถึงเวลานั้นอยากเปลี่ยนขึ้นมามันไม่ใช่เพิ่มแค่7แสนแบบตอนแรกแล้วน่ะครับต้องมี1M++ครับ
-
นั่งจับเข่าคุนกับแฟนสองต่อสอง ได้ข้อยุติกันแล้ว คือต้องเป็นรถใหม่เท่านั้น
หลังจากที่คุยและได้ตัวเลือกที่คัดแล้วคัดอีก จนได้ 2 ตัวเลือกที่กล่าวมาข้างต้นครับ
1. new c200 ค่าตัว 2.59m ได้ส่วนลด 70 k
2. accord hybrid ค่าตัว 1.899m ได้ส่วนลด 40 k สีขาวเพิ่ม 12k
พื้นฐานครอบครัวฐานะปานกลาง ทำงานบริษัทเอกชน ไม่ได้ขับคันนี้ไปทำงาน อายุ 30 มีภรรยา กับ ลูกสาว 1 คน ช่วยพิจารณาให้ทีครับ อยากขับเบนซ์แต่กลัวซ่อมแพงครับ แหะๆ วันนี้แว่ปไปดู accord hybrid มาแล้วโอเคทุกอย่าง ติอย่างเดียวฝากระโปรงท้ายแคบจัง
ตามที่ จขกท บอกมาตามเหตุผลก็ accord ตามอารมณ์ก็ mb ครับ ง่ายๆ เชื่อว่าถ้าซื้อตามเหตุผลต้องเสียดาย mb แน่นอน แต่ถ้าซื้อตามอารมณ์ต้องขยันหาเงินมาเป็นคชจ.ด้านบำรุงรักษาที่แพงกว่าพอสมควร รถยุโรปทำเศรษฐีใหม่จุกมาหลายรายแล้วครับ
-
ถ้ายังมีติดใจเรื่องการเงิน ไปที่รถญี่ปุ่นน่าจะสบายใจกว่านะครับ การเงินดีขึ้น ก็มีให้ซื้อใหม่เรื่อยๆครับ
-
ถ้าคิดติดใจเรื่องเงินแปลว่าคุณยังซื้อไม่ไหวครับ อย่าทำอะไรเกินตัวเลย
-
ถ้ามีรายได้ครอบครัวรวมเกิน 300,000 ไป C Class ได้ครับ
แต่ถ้าไม่ถึงผมว่า Accord ดีกว่า แล้วเอาเงินส่วนต่างไปลงทุนครับ
อีกอย่าง ถ้ารถไม่ได้ใช้ทุกวัน รถยุโรปพังเร็วกว่ารถญี่ปุ่นนะครับ จุกจิกกว่า ค่าซ่อมก็แพงกว่า
และถ้าส่วนใหญ่ใช้รถในกรุงเทพ ไม่ค่อยได้ออกต่างจังหวัด ผมว่า Accord 2.0 พอครับ
-
;D ;D ;D ;D
ผมใช้รถมาหลายคันหลายระดับแล้วครับ
ตีใจอยู่แค่สองวันทุกคันเลยครับ
วันที่รับรถวันแรก
กับวันที่ขายมันออกไปได้เสียที
สัจธรรม
:'( :'( :'( :'(
-
Accord ครับ เงินเหลือแบบไม่กังวลเมื่อไหร่ ค่อยไป MB
ผมก็เป็นแบบ จขกท.เลย แต่เป็นกับ BMW...
ผมเลยตั้งใจเก็บเงิน ถ้าเงินดาวน์พอ 50% ของราคารถเมื่อไหร่จะจัดเลยคับ
-
ตอนนี้ใช้รถบริษัทอยู่ครับ เพิ่งได้เปลี่ยน แต่เป็นแค่ C180 นะครับเพราะตำแหน่งไม่ได้ใหญ่โตอะไร รถที่บ้านมี Teana (ของภรรยา)
ถ้าเอารถญี่ปุ่นมาเทียบกับ Benz มันก็ Benz อยู่แล้วครับ Hybrid ไม่ใช่ option อะไรที่จะเอามาทำให้ดีขึ้นขึ้นขั้นกระโดดมาแทน Benz ได้เลยครับ Benz มันดีกว่าเห็นๆ แต่ถ้าไม่คิดอะไรมากผมว่า Teana รุ่นยอดนิยมนั่งข้างหลังก็สบายไม่แพ้กันเลยทีเดียว เว้นแต่ว่าบางวันอยากดูดีแบบเสี่ยบ้าง วันเสาร์ก็มีขับออกไปห้างบ้างอะไรบ้าง ก็ต้องยอมรับครับว่าขับ Benz มันรู้สึกดีจริงๆ แต่อย่างว่าครับถ้าผมไม่ใช่เจ้าของกิจการใหญ่โต ไปไหนต้องการให้ใครๆเรียกเสี่ย มีคนขายของให้ไว้ใจปล่อนเครดิตนานๆ ผมคงไม่ลงทุนซื้อมาใช้เอง เพราะค่าใช้จ่ายที่ตามมามันสูงกว่ารถญี่ปุ่นมาก ยิ่งถ้าสีเป็นรอยโดนขูดโดนขีดเข้าไปทีแทบร้องไห้กันเลยทีเดียว เวลาเอาเข้าศูนย์เค้าก็จัดเราเต็มที่ครับ เพราะเค้าคิดว่าเรามีเงิน (ก็ขับ Benz นี่) เช็คระยะเฉยๆ หมื่นต้นๆหรือเก้าพันปลายๆนี่ธรรมดามากๆ ใช้ไปต้องคอยภาวนาว่าอย่าเป็นไรนะ ขอเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอย่างเดียวด้วยเถอะ เพราะเวลาเปลี่ยนอะไรเราจะชอบคิดประมาณว่า เฮ้ยอะไรเนี่ยทำไม camry แค่ 1,500 แต่ทำไม benz ตั้ง 5,000 อะไรประมาณนั้น
เอาเป็นว่าจากประสบการณ์มนุษ์ยเงินเดือนวัยกลางคนอย่างผม ขอออกความเห็นว่า
อย่าไปเอามันมาเป็นของเราเลยครับ เป็นการลงทุนที่ศูนย์เปล่าสิ้นดี มีแต่ภาระและค่าใช้จ่ายที่ตามมาพร้อมกับมูลค่าที่ลดลง จริงอยู่ตอนซื้ออาจรู้สึกว่าเพิ่มอีกหน่อยได้ Benz แต่ มันไม่จบแค่นั้นครับ มาทางนี้แล้ว ต้องมีเงินให้ตลอด เพราะยังมีรายจ่ายตามมาอีกมากจนหมดอายุการใช้งาน เอาเป็นว่าตั้งแต่ประกันชั้นหนึ่งยันซ่อมบำรุงกันเลยทีเดียว เก็บเงินต้นไปลงทุนก่อนให้ดอกผลมันงอกเงย เพราะตอนนี้อายุก็ยังไม่เยอะ แล้วตอนนั้นค่อยดูอีกทีว่า เราพอเอาดอกเบี้ยหรือปันผลมาตอบสนองกิเลสตรงนี้ไหวรึเปล่าดีกว่าครับ ปลอดภัยกว่าครับ
แต่ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา คือมีเหลือฟือ มาทำงานกินเงินเดือนพอขำๆ ผมแนะนำให้ไป e class ดีกว่าครับ กว้างกว่านั่งสบายดูดีกว่าชัดเจน
-
ต่อให้มีเป็นร้อยๆคำแนะนำผมว่า จขกท. ก็ตัดสินใจไม่ได้หรอกครับ
เพราะต่างคนต่างความคิดย่อมมีความคิด ความอ่าน ความชอบ ความต้องการ ที่ต่างกัน
ผมว่า จขกท.ลองคิดดูดีๆ ดีกว่าครับว่าตัวเองชอบแบบไหน การใช้งานเป็นอย่างไร ซื้อตามที่ใจเราต้องการ
เลือกให้มันเหมาะสมกับเราทั้งด้านความชอบ การใช้งานแล้วจะได้ใช้มันอย่างมีความสุข ;)
ปล.สังเกตุมาตั้งแต่กท. STi ละท่าทางคุณภรรยาจะชอบMBเป็นพิเศษสงสัยงานนี้ได้จบกับMBแหงมๆ :D
-
เอาตามที่ใจชอบ รวมถึงดูพฤติกรรมการใช้รถด้วยจะเลือกง่ายขึ้นอีกครับ
ส่วนตัวผมเคยมีคำถามแบบจขกท.ครับ แต่เป็น C180 กับ Accord Hybrid
แล้วผมก็จบที่ Accord Hybrid ครับ
เหมือนผมเลยครับ แต่ของผมเป็น Camry HV อยากทราบว่าหลังจากนั้นยังแอบคิดถึง C180 อยู่ไหมครับ จะเหมือนกันไหม!
คิดถึงบรรยากาศภายในของ C นะครับ ละมุนละไมจริงๆ เห้นรถชาวบ้านเค้าก็ยังมองตลอด
แต่ก็ไม่ผิดหวังหรือค้างคาใจนะครับ position คันนี้ของบ้านเน้นเป็นรถง่ายๆสบายๆ วิ่งในเมืองเป็นหลัก Accord Hybrid ก็เลยลงตัวครับ
-
เลือก accord แต่ไม่ต้อง hybrid ดีกว่าครับ Benz c class ภาพลักษณ์ก็ไม่ได้ดีมากมายอะไร เพราะยังเป็นรุ่นล่างอยู่
รอให้รวยกว่านี้ แล้วโดดไป E class หรือ series 5 ไปเลย
-
ขอสวนกระแสนะครับ ให้ลองพิจารณาดูดีๆว่า ถ้าในเมื่อคุณจะซื้อมาแล้วไม่ค่อยได้วิ่ง จะเอาเงินไปจมทำไมครับ เงินเป็นล้าน ถ้าไม่ได้จำเป็นต้องใช้อะไรที่เสริมภาพลักษณ์ เอาเท่าที่จำเป็นแล้วนำเงินไปทำให้งอกเงย เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันไว้บ้าง เช่นตกงานกระทันหัน บ้านไฟไหม้ไม่มีประกัน หรือเจ็บป่วยรุนแรง หรือแม้กระทั่งเก็บออมไว้เป็นทุนการศึกษาลูกครับ
ถ้าความเห็นผมไปขัดใจก็ขออภัยครับ ส่วนตัวชอบรถ บ้ารถ แต่มีกฎว่า ถ้าจะซื้อรถ เงินที่จะใช้จ่ายค่ารถ (สด/ผ่อน) ควรไม่เป็นภาระต่อเดือนเกิน 10% ของรายได้ทั้งหมดครับ แล้วนำงบมาดูรุ่นที่อยู่ในข่ายอีกทีจะดีกว่าครับ
-
ตอนนี้ใช้รถบริษัทอยู่ครับ เพิ่งได้เปลี่ยน แต่เป็นแค่ C180 นะครับเพราะตำแหน่งไม่ได้ใหญ่โตอะไร รถที่บ้านมี Teana (ของภรรยา)
ถ้าเอารถญี่ปุ่นมาเทียบกับ Benz มันก็ Benz อยู่แล้วครับ Hybrid ไม่ใช่ option อะไรที่จะเอามาทำให้ดีขึ้นขึ้นขั้นกระโดดมาแทน Benz ได้เลยครับ Benz มันดีกว่าเห็นๆ แต่ถ้าไม่คิดอะไรมากผมว่า Teana รุ่นยอดนิยมนั่งข้างหลังก็สบายไม่แพ้กันเลยทีเดียว เว้นแต่ว่าบางวันอยากดูดีแบบเสี่ยบ้าง วันเสาร์ก็มีขับออกไปห้างบ้างอะไรบ้าง ก็ต้องยอมรับครับว่าขับ Benz มันรู้สึกดีจริงๆ แต่อย่างว่าครับถ้าผมไม่ใช่เจ้าของกิจการใหญ่โต ไปไหนต้องการให้ใครๆเรียกเสี่ย มีคนขายของให้ไว้ใจปล่อนเครดิตนานๆ ผมคงไม่ลงทุนซื้อมาใช้เอง เพราะค่าใช้จ่ายที่ตามมามันสูงกว่ารถญี่ปุ่นมาก ยิ่งถ้าสีเป็นรอยโดนขูดโดนขีดเข้าไปทีแทบร้องไห้กันเลยทีเดียว เวลาเอาเข้าศูนย์เค้าก็จัดเราเต็มที่ครับ เพราะเค้าคิดว่าเรามีเงิน (ก็ขับ Benz นี่) เช็คระยะเฉยๆ หมื่นต้นๆหรือเก้าพันปลายๆนี่ธรรมดามากๆ ใช้ไปต้องคอยภาวนาว่าอย่าเป็นไรนะ ขอเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอย่างเดียวด้วยเถอะ เพราะเวลาเปลี่ยนอะไรเราจะชอบคิดประมาณว่า เฮ้ยอะไรเนี่ยทำไม camry แค่ 1,500 แต่ทำไม benz ตั้ง 5,000 อะไรประมาณนั้น
เอาเป็นว่าจากประสบการณ์มนุษ์ยเงินเดือนวัยกลางคนอย่างผม ขอออกความเห็นว่า
อย่าไปเอามันมาเป็นของเราเลยครับ เป็นการลงทุนที่ศูนย์เปล่าสิ้นดี มีแต่ภาระและค่าใช้จ่ายที่ตามมาพร้อมกับมูลค่าที่ลดลง จริงอยู่ตอนซื้ออาจรู้สึกว่าเพิ่มอีกหน่อยได้ Benz แต่ มันไม่จบแค่นั้นครับ มาทางนี้แล้ว ต้องมีเงินให้ตลอด เพราะยังมีรายจ่ายตามมาอีกมากจนหมดอายุการใช้งาน เอาเป็นว่าตั้งแต่ประกันชั้นหนึ่งยันซ่อมบำรุงกันเลยทีเดียว เก็บเงินต้นไปลงทุนก่อนให้ดอกผลมันงอกเงย เพราะตอนนี้อายุก็ยังไม่เยอะ แล้วตอนนั้นค่อยดูอีกทีว่า เราพอเอาดอกเบี้ยหรือปันผลมาตอบสนองกิเลสตรงนี้ไหวรึเปล่าดีกว่าครับ ปลอดภัยกว่าครับ
แต่ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา คือมีเหลือฟือ มาทำงานกินเงินเดือนพอขำๆ ผมแนะนำให้ไป e class ดีกว่าครับ กว้างกว่านั่งสบายดูดีกว่าชัดเจน
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ แต่ "อารมณ์มักจะมาก่อนเหตุผลเสมอ" 5555 "รถ = ลด" จริงๆ แต่อยากไปให้ถึงดวงดาวครับ
-
ขอบคุณทุกๆความเห็นมากๆครับผมได้จอง accord 2.4 tech ไปเมื่อช่วงเย็นนี้เองครับ ได้อ่านคอมเม้นท์ในกระทู้นี้แล้ว ผมได้รู้ถึงความเป็นจริงของหลายๆด้าน ขอบคุณจากใจจริงครับ
-
C class kub สวยมากๆ
-
เลือกให้ตัวเองจิ้มไป c200
เลือกให้คนนั่งไปด้วยจิ้มไป accord
-
C class kub สวยมากๆ
เค้าบอกจอง 2.4Tech ไปแล้ว ยังจะมาทำให้ ลังเลอีก 5555
ยินดีด้วยครับ รถมีไว้ใช้พาไปไหนมาไหนเป็นพอครับ
-
ต่อให้มีเป็นร้อยๆคำแนะนำผมว่า จขกท. ก็ตัดสินใจไม่ได้หรอกครับ
เพราะต่างคนต่างความคิดย่อมมีความคิด ความอ่าน ความชอบ ความต้องการ ที่ต่างกัน
ผมว่า จขกท.ลองคิดดูดีๆ ดีกว่าครับว่าตัวเองชอบแบบไหน การใช้งานเป็นอย่างไร ซื้อตามที่ใจเราต้องการ
เลือกให้มันเหมาะสมกับเราทั้งด้านความชอบ การใช้งานแล้วจะได้ใช้มันอย่างมีความสุข ;)
ปล.สังเกตุมาตั้งแต่กท. STi ละท่าทางคุณภรรยาจะชอบMBเป็นพิเศษสงสัยงานนี้ได้จบกับMBแหงมๆ :D
แฟนชอบเบนซ์ครับแต่พอคิดเรื่องค่า maintenance ตลอดอายุการใช้งานแล้วถอยดีกว่าครับ แหะๆ อะไรที่ใช้เม็ดเงินน้อยๆ ชอบหมดอ่ะคร้าบแฟนผม
-
C class kub สวยมากๆ
เค้าบอกจอง 2.4Tech ไปแล้ว ยังจะมาทำให้ ลังเลอีก 5555
ยินดีด้วยครับ รถมีไว้ใช้พาไปไหนมาไหนเป็นพอครับ
555 ไม่เขวแล้วครับ พอจองปุ๊บ เริ่มเห็นทางสว่างปั๊บ เม็ดเงินที่เหลือค่อยๆลอยเข้าหน้าเยอะเลยครับ ;D นึกอะไรไม่ออก ชาว headlightmag ช่วยท่านได้
-
ยินดีด้วยครับ กับรถใหม่ หากเราชอบ (หรือคนข้างๆ เราชอบ) ทุกอย่างดีหมด อิอิ
-
ยินดีด้วยครับ กับรถใหม่ หากเราชอบ (หรือคนข้างๆ เราชอบ) ทุกอย่างดีหมด อิอิ
พูดอีกก็ถูกอีกครับ 555
ตรงกับชีวิตจริงใครหลายคนครับ