Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: หมับเข้าให้ ที่ มิถุนายน 09, 2015, 12:41:06
-
รถยุโรป อเมกัน ญี่ปุ่น เป็นเหมือนกันหมด
บางคันสภาพดีทุกอย่าง พอเจอไฟหน้าเหลืองปุ๊บ กลายเป็นรถดูเก่าไปเลย
เทคโนโลยีพัฒนาไปมาก ทั้ง Bi Xenon , LED , Laser headlight แต่ทำไมเลนส์พลาสติกไม่พัฒนาตาม
หรือถ้ามันพัฒนาไม่ได้ ก็น่าจะขายอะไหล่แค่ตัวเลนส์บ้างนะ จะได้ไม่ต้องเบิกทั้งโคม เปลืองเงิน
พี่ ๆ ดูแลโคมไฟหน้ากันยังไงหรอครับ
ปล. ผมเคยไปขัดมา ใสอยู่ไม่กี่เดือน ตอนนี้เหลืองกว่าเดิมอีก
-
เปลี่ยนโคมใหม่ครับ
-
อย่าตากแดด อย่าให้ถูกน้ำยาเคลือบเงา
รถผมไม่เคยเหลืองนะ
-
เมื่อก่อนมันก็ไม่เหลืองนะครับ เพราะมันเป็นกระจก อิอิ
เดี๋ยวนี้มันเป็นพลาสติกซึ่งมันก็มีอายุการใช้งานของมันครับ ถ้าตากแดด โดนน้ำยา Hardcoat มันก็จะหมดอายุแล้วเหลืองสิครับ
ถ้ารถเก่าแล้ว พอเหลืองก็ไปขัด แล้ว wrap พลาสติคใส่เคลือบสิครับ น่าจะอยู่ได้ 2-3 ปี ค่อยลอกแล้ว wrap ใหม่ครับ
-
เหลืองแล้วรถดูเก๊าเก่า
รถบางคันเก๊าเก่า แต่โคมใหม่ ไฉไลมากๆ
-
เปลี่ยนเป็นโคมกระจกรุ่นโบราณเลยครับ ไม่เหลืองหมอง
แต่กระจกมันขึ้นรูปให้สวยงามไม่ได้
คงจะใช้เวลานานครับกว่าจะพัฒนาให้พลาสติกที่ใช้ทำเลนส์ไม่เสื่อมเร็ว
ตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้พลาสติกเสื่อมเร็วขึ้น มี
1. แสง โดยเฉพาะแสงยูวี
2. ความชื้น
3. ออกซิเจน
4. อุณหภูมิ
ตอนนี้ก็ลดการเสื่อมโดยเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ครับ
ซึ่งอุณหภูมิต่ำ และแสงมีความยาวคลื่น (wavelength) ยาว
พลาสติกจะได้หมองช้าลง แต่ยังไงใช้ไปนานๆ ก็หมองอยู่ดี
-
เมื่อก่อนมันก็ไม่เหลืองนะครับ เพราะมันเป็นกระจก อิอิ
เดี๋ยวนี้มันเป็นพลาสติกซึ่งมันก็มีอายุการใช้งานของมันครับ ถ้าตากแดด โดนน้ำยา Hardcoat มันก็จะหมดอายุแล้วเหลืองสิครับ
ถ้ารถเก่าแล้ว พอเหลืองก็ไปขัด แล้ว wrap พลาสติคใส่เคลือบสิครับ น่าจะอยู่ได้ 2-3 ปี ค่อยลอกแล้ว wrap ใหม่ครับ
wrap ใส ช่วยได้จริงหรอครับ
-
นี่ล่าสุดแคมรี่เริ่มเหลืองข้าง R ละ เหลืองด้านบน ๆ น่าจะเพราะโดนแดด
ขนาดรถจอดในร่มตลอด จะตากแดดก็แค่ตอนขับกลางวัน กลางคืนก็ไม่ค่อยได้ใช้ น้ำยาก็ไม่ได้ใช้
เซ็งเลยครับ
-
เปลี่ยนเป็นโคมกระจกรุ่นโบราณเลยครับ ไม่เหลืองหมอง
แต่กระจกมันขึ้นรูปให้สวยงามไม่ได้
คงจะใช้เวลานานครับกว่าจะพัฒนาให้พลาสติกที่ใช้ทำเลนส์ไม่เสื่อมเร็ว
ตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้พลาสติกเสื่อมเร็วขึ้น มี
1. แสง โดยเฉพาะแสงยูวี
2. ความชื้น
3. ออกซิเจน
4. อุณหภูมิ
ตอนนี้ก็ลดการเสื่อมโดยเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ครับ
ซึ่งอุณหภูมิต่ำ และแสงมีความยาวคลื่น (wavelength) ยาว
พลาสติกจะได้หมองช้าลง แต่ยังไงใช้ไปนานๆ ก็หมองอยู่ดี
LED แสงเหลืองน้อยลง อมฟ้ามากขึ้น ความยาวคลื่นต้องสั้นลงรึเปล่าครับ โคมบางทีก็มีอาการขึ้นเหมือนของ จขกท ซึ่งอาการนี้น่าจะเกิดจากความร้อนของตัวโคมนะครับ
-
เปลี่ยนเป็นโคมกระจกรุ่นโบราณเลยครับ ไม่เหลืองหมอง
แต่กระจกมันขึ้นรูปให้สวยงามไม่ได้
คงจะใช้เวลานานครับกว่าจะพัฒนาให้พลาสติกที่ใช้ทำเลนส์ไม่เสื่อมเร็ว
ตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้พลาสติกเสื่อมเร็วขึ้น มี
1. แสง โดยเฉพาะแสงยูวี
2. ความชื้น
3. ออกซิเจน
4. อุณหภูมิ
ตอนนี้ก็ลดการเสื่อมโดยเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ครับ
ซึ่งอุณหภูมิต่ำ และแสงมีความยาวคลื่น (wavelength) ยาว
พลาสติกจะได้หมองช้าลง แต่ยังไงใช้ไปนานๆ ก็หมองอยู่ดี
LED แสงเหลืองน้อยลง อมฟ้ามากขึ้น ความยาวคลื่นต้องสั้นลงรึเปล่าครับ โคมบางทีก็มีอาการขึ้นเหมือนของ จขกท ซึ่งอาการนี้น่าจะเกิดจากความร้อนของตัวโคมนะครับ
ถ้าเป็น LED Headlight PHILIPS USA ความสว่าง 4,500 ลูมีน (เห็นในเน็ต)
ตัวนี้เป็นยังไงบ้างครับ ถ้าเทียบกับ HID Retrofit
เพราะถ้าเทียบกัน LED น่าจะถนอมเลนส์ได้มากกว่า Xenon (รึเปล่า) เพราะมีพัดลมระบายความร้อนที่ขั้วหลอด
ถามเป็นความรู้ครับ
-
เปลี่ยนเป็นโคมกระจกรุ่นโบราณเลยครับ ไม่เหลืองหมอง
แต่กระจกมันขึ้นรูปให้สวยงามไม่ได้
คงจะใช้เวลานานครับกว่าจะพัฒนาให้พลาสติกที่ใช้ทำเลนส์ไม่เสื่อมเร็ว
ตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้พลาสติกเสื่อมเร็วขึ้น มี
1. แสง โดยเฉพาะแสงยูวี
2. ความชื้น
3. ออกซิเจน
4. อุณหภูมิ
ตอนนี้ก็ลดการเสื่อมโดยเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ครับ
ซึ่งอุณหภูมิต่ำ และแสงมีความยาวคลื่น (wavelength) ยาว
พลาสติกจะได้หมองช้าลง แต่ยังไงใช้ไปนานๆ ก็หมองอยู่ดี
LED แสงเหลืองน้อยลง อมฟ้ามากขึ้น ความยาวคลื่นต้องสั้นลงรึเปล่าครับ โคมบางทีก็มีอาการขึ้นเหมือนของ จขกท ซึ่งอาการนี้น่าจะเกิดจากความร้อนของตัวโคมนะครับ
ขออภัยที่ตอบไม่หมด
ใช่ครับ ถ้าดูเฉพาะสีของแสง LED ที่มีแสงสีอมฟ้า ความยาวคลื่น (460 nm) จะสั้นกว่าแสงออกเหลืองของหลอดไส้ (580 nm)
ถ้าดูความยาวคลื่นแล้วจะพบว่า LED ส่วนใหญ่ให้แสงที่ความยาวคลื่น 400-700 nm ซึ่งจะไม่มีการปล่อย UV ออกมาเลย
หากใช้ LED แสงสีขาวอมฟ้าจะให้ความยาวคลื่น 460 nm ตามที่กล่าวไปแล้ว
แต่ถ้าเป็นหลอดไส้ แสงจะออกขาวอมเหลือง ควรมีความยาวคลื่น ที่ 580 nm ตามทฤษฏี
แต่หลอดไส้ มีการปล่อยแสงช่วง UV (ความยาวคลื่นน้อยกว่า 400 nm) ออกมาด้วย
การใช้หลอดไส้ เลนส์พลาสติกจึงหมองเร็วกว่าการใช้หลอด LED
-
เห็นใช้ยาสีฟัน ขัดนะครับ ช่วยได้ระดับหนึ่งเลย ;D ;D ;D
www.youtube.com/watch?v=_59xbumRzec
-
เปลี่ยนเป็นโคมกระจกรุ่นโบราณเลยครับ ไม่เหลืองหมอง
แต่กระจกมันขึ้นรูปให้สวยงามไม่ได้
คงจะใช้เวลานานครับกว่าจะพัฒนาให้พลาสติกที่ใช้ทำเลนส์ไม่เสื่อมเร็ว
ตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้พลาสติกเสื่อมเร็วขึ้น มี
1. แสง โดยเฉพาะแสงยูวี
2. ความชื้น
3. ออกซิเจน
4. อุณหภูมิ
ตอนนี้ก็ลดการเสื่อมโดยเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ครับ
ซึ่งอุณหภูมิต่ำ และแสงมีความยาวคลื่น (wavelength) ยาว
พลาสติกจะได้หมองช้าลง แต่ยังไงใช้ไปนานๆ ก็หมองอยู่ดี
LED แสงเหลืองน้อยลง อมฟ้ามากขึ้น ความยาวคลื่นต้องสั้นลงรึเปล่าครับ โคมบางทีก็มีอาการขึ้นเหมือนของ จขกท ซึ่งอาการนี้น่าจะเกิดจากความร้อนของตัวโคมนะครับ
ถ้าเป็น LED Headlight PHILIPS USA ความสว่าง 4,500 ลูมีน (เห็นในเน็ต)
ตัวนี้เป็นยังไงบ้างครับ ถ้าเทียบกับ HID Retrofit
เพราะถ้าเทียบกัน LED น่าจะถนอมเลนส์ได้มากกว่า Xenon (รึเปล่า) เพราะมีพัดลมระบายความร้อนที่ขั้วหลอด
ถามเป็นความรู้ครับ
ตามทฤษฎี
ใช่ครับ LED จะถนอมโคมกว่า Xenon
แต่จะมีปัญหาใหม่ตามมาคือ มอเตอร์พัดลมระบายความร้อนของหลอด LED จะพังก่อนโคมจะหมอง
-
เปลี่ยนเป็นโคมกระจกรุ่นโบราณเลยครับ ไม่เหลืองหมอง
แต่กระจกมันขึ้นรูปให้สวยงามไม่ได้
คงจะใช้เวลานานครับกว่าจะพัฒนาให้พลาสติกที่ใช้ทำเลนส์ไม่เสื่อมเร็ว
ตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้พลาสติกเสื่อมเร็วขึ้น มี
1. แสง โดยเฉพาะแสงยูวี
2. ความชื้น
3. ออกซิเจน
4. อุณหภูมิ
ตอนนี้ก็ลดการเสื่อมโดยเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ครับ
ซึ่งอุณหภูมิต่ำ และแสงมีความยาวคลื่น (wavelength) ยาว
พลาสติกจะได้หมองช้าลง แต่ยังไงใช้ไปนานๆ ก็หมองอยู่ดี
LED แสงเหลืองน้อยลง อมฟ้ามากขึ้น ความยาวคลื่นต้องสั้นลงรึเปล่าครับ โคมบางทีก็มีอาการขึ้นเหมือนของ จขกท ซึ่งอาการนี้น่าจะเกิดจากความร้อนของตัวโคมนะครับ
ถ้าเป็น LED Headlight PHILIPS USA ความสว่าง 4,500 ลูมีน (เห็นในเน็ต)
ตัวนี้เป็นยังไงบ้างครับ ถ้าเทียบกับ HID Retrofit
เพราะถ้าเทียบกัน LED น่าจะถนอมเลนส์ได้มากกว่า Xenon (รึเปล่า) เพราะมีพัดลมระบายความร้อนที่ขั้วหลอด
ถามเป็นความรู้ครับ
ตามทฤษฎี
ใช่ครับ LED จะถนอมโคมกว่า Xenon
แต่จะมีปัญหาใหม่ตามมาคือ มอเตอร์พัดลมระบายความร้อนของหลอด LED จะพังก่อนโคมจะหมอง
;D ;D ;D
-
เรื่องหลอดก็เรื่องนึงครับ
แต่ที่ทำให้เหลืองจริงๆคือ แสงแดด ต่างหากครับ ก็คงจะต้องพัฒนาพลาสติกให้ทนต่อ UV และ IR ครับ
ส่วนยาสีฟันได้แค่ไม่กี่วัน ไม่คุ้มเหนื่อยครับ
-
ขัดแล้วเค้าเคลือบน้ำยาด้วยไหมครับ :D
-
มีใครเคยเอาครีมกันแดดมาเช็ดโคมบ้างมั้ยครับ กัน UV แน่นอน 555
สงสารรถมาก ช่วงนี้รู้สึกแดดแรงกว่าเมื่อก่อน
-
โคมไฟซีนอนข้างนึงเป็นหมื่น อย่างคัมรี่ข้างล่ะ 25000 บาท ถ้ามันเหลืองก็ไม่กล้าเปลี่ยนละครับ แพงมาก
ผมใช้ฟอร์ตัวเก่า ก่อนเป็นโปรเจกเตอร์ โคมไฟข้างล่ะ 2200 บาท ถูกมากยังไม่กล้าเปลี่ยนเลย ใช้น้ำยามาขัดเองไม่กี่เดือนก็เหลืองล่ะ ขนาดจอดในร่มน่ะ
-
เมื่อก่อนมันก็ไม่เหลืองนะครับ เพราะมันเป็นกระจก อิอิ
เดี๋ยวนี้มันเป็นพลาสติกซึ่งมันก็มีอายุการใช้งานของมันครับ ถ้าตากแดด โดนน้ำยา Hardcoat มันก็จะหมดอายุแล้วเหลืองสิครับ
ถ้ารถเก่าแล้ว พอเหลืองก็ไปขัด แล้ว wrap พลาสติคใส่เคลือบสิครับ น่าจะอยู่ได้ 2-3 ปี ค่อยลอกแล้ว wrap ใหม่ครับ
wrap ใส ช่วยได้จริงหรอครับ
จริงแล้ว เลนส์มันเหลืองเพราะ Hardcoat ที่เคลือบมันเสื่อมสภาพทำให้แสงแดด สัมผัสเลนส์โดยตรงครับ
ผมมองว่า wrap มันกันให้ Hardcoat ลอกหรือเสื่อมสภาพเร็วเกินไปนะครับ
เวลาไฟเหลือง แล้วเราขัดไฟ คือการขัดคราบที่เกาะที่ผิวโคมไฟนะครับ พอขัดออกไฟมันก็จะใส แต่สักพักมันก็ไปเกาะที่เลนส์อีกเพราะ
สารเคลือบไม่มีแล้ว เกาะที่ผิวเลนส์ง่ายขึ้นครับ
-
มีใครเคยเอาครีมกันแดดมาเช็ดโคมบ้างมั้ยครับ กัน UV แน่นอน 555
สงสารรถมาก ช่วงนี้รู้สึกแดดแรงกว่าเมื่อก่อน
ช่วงนี้เป็นปรากฎการณ์ El Nino ครับ ในหนังสือเขาบอกว่าอากาศที่ยุโรปจะอุ่นขึ้น .... แต่สำหรับบ้านเราร้อนนรกแตก .... ที่โรงงานผมแอร์เพิ่งบึ้มไปอีกตัว ไปซื้ออะไหล่แอร์จนผมสนิทกับแมวที่ร้านเขาเลี้ยงไว้แล้ว
-
ผมก็เคยคิดนะ อาจจะเพราะโดนน้ำยาอะไรก็เป็นไปได้
แต่บางคันมันก็ไม่เป็นนะ ผมก็แปลกใจ
ผมว่าถ้ามันแย่จริงๆคงต้องเปลี่ยนโคมเลยล่ะ
-
ทุบให้แตกแล้วเคลมประกันสิครับรับลองใสปิ้งเงาวับๆๆๆ (ขำๆนะครับ)
-
ด้วยวัสดุเป็นพลาสติก ผมว่าได้เท่านี้ กับสภาพอากาศบ้านเราถือว่าดีแล้วครับ
ขนาดที่ญี่ปุ่นเองยังเหลืองเลย
-
แคมรี่เปลี่ยนแต่เลนซ์พลาสติคด้านนอกได้ครับ ราคาถ้าจำไม่ผิด ข้างละเจ็ดพันบาท
-
แคมรี่เปลี่ยนแต่เลนซ์พลาสติคด้านนอกได้ครับ ราคาถ้าจำไม่ผิด ข้างละเจ็ดพันบาท
โห้ เฉพาะเลนส์ข้างล่ะ 7 พัน ผมว่านี้มันราคาไฟทั้งโคมตอนที่โตโยซื้อมาประกอบรถเลยนะครับนั้น แบบ HID ด้วย
-
บางยี่ห้อนอกจากจะเหลืองแล้วยังเลี้ยงปลาได้อีกด้วย (น้ำเข้า)
-
รถแพงแพงคันเป็นล้านหรือหลายล้านโคมไฟเหลืองกันทั้งนั้นเลย เสียราศรีหมด จะเปลี่ยนก็ไม่ไหวแพงจัด
-
ไม่จำเป็นต้อง เปลี่ยนเเพงๆเลยครับ มันเหลืองที่ผิวนอกนำไปขัดก็หาย
เเต่ที่หลายท่านบ่นว่าขัดเเล้วเดี๊ยวก็เหลืองอีก เพราะ ผิวชั้นนอกที่เคลือบ สารกันuv เเละเคมี ต่างๆ มันหลุดออกไปหมดเเล้วตอนขัด ถ้าไม่เคลือบผิวใหม่ไม่เกินเดือนก็เหลืองเเล้วครับ
ดังนั้น ต้องเคลือบทับหลังจากขัดเเสร็จครับ ถ้าร้านที่ดีพอเค้าจะมีน้ำยาเคลือบทับผิวไฟหน้าครับ ซึ่งรับประกัน 1ปีไม่มีกลับมาเหลืองเเน่นอน
-
ไม่จำเป็นต้อง เปลี่ยนเเพงๆเลยครับ มันเหลืองที่ผิวนอกนำไปขัดก็หาย
เเต่ที่หลายท่านบ่นว่าขัดเเล้วเดี๊ยวก็เหลืองอีก เพราะ ผิวชั้นนอกที่เคลือบ สารกันuv เเละเคมี ต่างๆ มันหลุดออกไปหมดเเล้วตอนขัด ถ้าไม่เคลือบผิวใหม่ไม่เกินเดือนก็เหลืองเเล้วครับ
ดังนั้น ต้องเคลือบทับหลังจากขัดเเสร็จครับ ถ้าร้านที่ดีพอเค้าจะมีน้ำยาเคลือบทับผิวไฟหน้าครับ ซึ่งรับประกัน 1ปีไม่มีกลับมาเหลืองเเน่นอน
เคยเจอร้านนึงใช้คำว่าขัดเคลือบเต็มระบบ คู่ละ 4,000 ++ รับทำเฉพาะรถที่หาไฟหน้าใหม่ยาก หรือแพงมากเท่านั้น พวก Benz Lexus
ถ้าไฟหน้ารุ่นเก่า ๆ ธรรมดาเค้าไม่แนะนำให้ทำเพราะหามือสองญี่ปุ่นง่ายกว่า
ตอนแรกก็สงสัยว่ามันแพงอะไร สงสัยคงแพงเพราะน้ำยาขัดและเคลือบนี่เอง
-
เปลี่ยนเป็นโคมกระจกรุ่นโบราณเลยครับ ไม่เหลืองหมอง
แต่กระจกมันขึ้นรูปให้สวยงามไม่ได้
คงจะใช้เวลานานครับกว่าจะพัฒนาให้พลาสติกที่ใช้ทำเลนส์ไม่เสื่อมเร็ว
ตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้พลาสติกเสื่อมเร็วขึ้น มี
1. แสง โดยเฉพาะแสงยูวี
2. ความชื้น
3. ออกซิเจน
4. อุณหภูมิ
ตอนนี้ก็ลดการเสื่อมโดยเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ครับ
ซึ่งอุณหภูมิต่ำ และแสงมีความยาวคลื่น (wavelength) ยาว
พลาสติกจะได้หมองช้าลง แต่ยังไงใช้ไปนานๆ ก็หมองอยู่ดี
LED แสงเหลืองน้อยลง อมฟ้ามากขึ้น ความยาวคลื่นต้องสั้นลงรึเปล่าครับ โคมบางทีก็มีอาการขึ้นเหมือนของ จขกท ซึ่งอาการนี้น่าจะเกิดจากความร้อนของตัวโคมนะครับ
ขออภัยที่ตอบไม่หมด
ใช่ครับ ถ้าดูเฉพาะสีของแสง LED ที่มีแสงสีอมฟ้า ความยาวคลื่น (460 nm) จะสั้นกว่าแสงออกเหลืองของหลอดไส้ (580 nm)
ถ้าดูความยาวคลื่นแล้วจะพบว่า LED ส่วนใหญ่ให้แสงที่ความยาวคลื่น 400-700 nm ซึ่งจะไม่มีการปล่อย UV ออกมาเลย
หากใช้ LED แสงสีขาวอมฟ้าจะให้ความยาวคลื่น 460 nm ตามที่กล่าวไปแล้ว
แต่ถ้าเป็นหลอดไส้ แสงจะออกขาวอมเหลือง ควรมีความยาวคลื่น ที่ 580 nm ตามทฤษฏี
แต่หลอดไส้ มีการปล่อยแสงช่วง UV (ความยาวคลื่นน้อยกว่า 400 nm) ออกมาด้วย
การใช้หลอดไส้ เลนส์พลาสติกจึงหมองเร็วกว่าการใช้หลอด LED
หลอด ยกตัวอย่าง philips นั้นทำมาจาก quartz แสดงว่าการเสื่อมสภาพของโคมที่ใช้ led กับ หลอด philips จะเสื่อมสภาพด้วยอัตราที่เท่ากัน ถูกมั้ยครับ
-
ถ้าเหลืองก็ขัดให้ขาวใสแว้บแล้วให้ร้านพ่นสีเค้าพ่นเคลียร์ใสๆทับไปเลย
หากใช้แค่น้ำยาเคลือบสีมันไม่ทน ล้างรถ โดนแดด โดนฝน แป้บเดียวมันก็สลายไปหมดแล้ว
-
เปลี่ยนเป็นโคมกระจกรุ่นโบราณเลยครับ ไม่เหลืองหมอง
แต่กระจกมันขึ้นรูปให้สวยงามไม่ได้
คงจะใช้เวลานานครับกว่าจะพัฒนาให้พลาสติกที่ใช้ทำเลนส์ไม่เสื่อมเร็ว
ตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้พลาสติกเสื่อมเร็วขึ้น มี
1. แสง โดยเฉพาะแสงยูวี
2. ความชื้น
3. ออกซิเจน
4. อุณหภูมิ
ตอนนี้ก็ลดการเสื่อมโดยเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ครับ
ซึ่งอุณหภูมิต่ำ และแสงมีความยาวคลื่น (wavelength) ยาว
พลาสติกจะได้หมองช้าลง แต่ยังไงใช้ไปนานๆ ก็หมองอยู่ดี
LED แสงเหลืองน้อยลง อมฟ้ามากขึ้น ความยาวคลื่นต้องสั้นลงรึเปล่าครับ โคมบางทีก็มีอาการขึ้นเหมือนของ จขกท ซึ่งอาการนี้น่าจะเกิดจากความร้อนของตัวโคมนะครับ
ขออภัยที่ตอบไม่หมด
ใช่ครับ ถ้าดูเฉพาะสีของแสง LED ที่มีแสงสีอมฟ้า ความยาวคลื่น (460 nm) จะสั้นกว่าแสงออกเหลืองของหลอดไส้ (580 nm)
ถ้าดูความยาวคลื่นแล้วจะพบว่า LED ส่วนใหญ่ให้แสงที่ความยาวคลื่น 400-700 nm ซึ่งจะไม่มีการปล่อย UV ออกมาเลย
หากใช้ LED แสงสีขาวอมฟ้าจะให้ความยาวคลื่น 460 nm ตามที่กล่าวไปแล้ว
แต่ถ้าเป็นหลอดไส้ แสงจะออกขาวอมเหลือง ควรมีความยาวคลื่น ที่ 580 nm ตามทฤษฏี
แต่หลอดไส้ มีการปล่อยแสงช่วง UV (ความยาวคลื่นน้อยกว่า 400 nm) ออกมาด้วย
การใช้หลอดไส้ เลนส์พลาสติกจึงหมองเร็วกว่าการใช้หลอด LED
หลอด ยกตัวอย่าง philips นั้นทำมาจาก quartz แสดงว่าการเสื่อมสภาพของโคมที่ใช้ led กับ หลอด philips จะเสื่อมสภาพด้วยอัตราที่เท่ากัน ถูกมั้ยครับ
เอาตามความจริงวิทยาศาสตร์นะครับ ผมไม่ค่อยเชื่อโฆษณา เพราะเชื่อโฆษณาหรือพ่อค้าเยอะแล้วเจ็บปวดมากกว่ายิ้ม
ปกติหลอดต่างๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรม หรือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเคมี ที่ใช้หลอดความร้อนสูง หลอดพลังงานสูงๆ
จะใช้ QUARTZ ทำหลอด เพื่อคุณสมบัติ ใส แข็งแรง ทนความร้อน ไม่เปราะง่าย ถ้าใช้แก้วธรรมดา หลอดจะแตกเร็ว
ส่วนคุณสมบัติด้านแสง
QUARTZ ให้ UV ผ่านได้ 90% ที่ความยาวคลื่น 250 nm ขึ้นไปถึง 1000 nm
ถ้าความยาวคลื่น 200 nm - 250 nm (ช่วง UV-C) QUARTZ จะให้ UV ผ่านได้ 40-90 % นั่นคือ QUARTZ จะดูดกลืนแสง UV ได้ที่ช่วง 200-250 nm เพียง 10-60% เท่านั้น
ดังนั้น QUARTZ จะกัน UV ได้เพียง 10-60 % ที่ช่วง 200-250 nm
แต่แสงจากหลอด xenon จะมีความยาวคลื่น 300 - 1000 nm
ดังนั้นหลอดไส้หรือซีนอนที่ใช้ QUARTZ ทำ จะกัน UV ที่ปล่อยมาจากหลอดไม่ได้
(ถ้าจะกันได้ ต้องนำไปผสมกับวัสดุอื่นซึ่งยังไม่ใช่ราคาปัจจุบัน หรือถ้าราคาพอจับต้องได้ คงอัดโฆษณาจนหูคนฟังชาแล้ว)
ตอบคำถามครับ
หลอด Xenon ที่ใช้ quartz ผลิต ทำให้สภาพโคมพลาสติกเสื่อมเร็วกว่า LED ครับ
ผมอธิบายพอเข้าใจไหมครับ
-
เปลี่ยนเป็นโคมกระจกรุ่นโบราณเลยครับ ไม่เหลืองหมอง
แต่กระจกมันขึ้นรูปให้สวยงามไม่ได้
คงจะใช้เวลานานครับกว่าจะพัฒนาให้พลาสติกที่ใช้ทำเลนส์ไม่เสื่อมเร็ว
ตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้พลาสติกเสื่อมเร็วขึ้น มี
1. แสง โดยเฉพาะแสงยูวี
2. ความชื้น
3. ออกซิเจน
4. อุณหภูมิ
ตอนนี้ก็ลดการเสื่อมโดยเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ครับ
ซึ่งอุณหภูมิต่ำ และแสงมีความยาวคลื่น (wavelength) ยาว
พลาสติกจะได้หมองช้าลง แต่ยังไงใช้ไปนานๆ ก็หมองอยู่ดี
LED แสงเหลืองน้อยลง อมฟ้ามากขึ้น ความยาวคลื่นต้องสั้นลงรึเปล่าครับ โคมบางทีก็มีอาการขึ้นเหมือนของ จขกท ซึ่งอาการนี้น่าจะเกิดจากความร้อนของตัวโคมนะครับ
ขออภัยที่ตอบไม่หมด
ใช่ครับ ถ้าดูเฉพาะสีของแสง LED ที่มีแสงสีอมฟ้า ความยาวคลื่น (460 nm) จะสั้นกว่าแสงออกเหลืองของหลอดไส้ (580 nm)
ถ้าดูความยาวคลื่นแล้วจะพบว่า LED ส่วนใหญ่ให้แสงที่ความยาวคลื่น 400-700 nm ซึ่งจะไม่มีการปล่อย UV ออกมาเลย
หากใช้ LED แสงสีขาวอมฟ้าจะให้ความยาวคลื่น 460 nm ตามที่กล่าวไปแล้ว
แต่ถ้าเป็นหลอดไส้ แสงจะออกขาวอมเหลือง ควรมีความยาวคลื่น ที่ 580 nm ตามทฤษฏี
แต่หลอดไส้ มีการปล่อยแสงช่วง UV (ความยาวคลื่นน้อยกว่า 400 nm) ออกมาด้วย
การใช้หลอดไส้ เลนส์พลาสติกจึงหมองเร็วกว่าการใช้หลอด LED
หลอด ยกตัวอย่าง philips นั้นทำมาจาก quartz แสดงว่าการเสื่อมสภาพของโคมที่ใช้ led กับ หลอด philips จะเสื่อมสภาพด้วยอัตราที่เท่ากัน ถูกมั้ยครับ
เอาตามความจริงวิทยาศาสตร์นะครับ ผมไม่ค่อยเชื่อโฆษณา เพราะเชื่อโฆษณาหรือพ่อค้าเยอะแล้วเจ็บปวดมากกว่ายิ้ม
ปกติหลอดต่างๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรม หรือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเคมี ที่ใช้หลอดความร้อนสูง หลอดพลังงานสูงๆ
จะใช้ QUARTZ ทำหลอด เพื่อคุณสมบัติ ใส แข็งแรง ทนความร้อน ไม่เปราะง่าย ถ้าใช้แก้วธรรมดา หลอดจะแตกเร็ว
ส่วนคุณสมบัติด้านแสง
QUARTZ ให้ UV ผ่านได้ 90% ที่ความยาวคลื่น 250 nm ขึ้นไปถึง 1000 nm
ถ้าความยาวคลื่น 200 nm - 250 nm (ช่วง UV-C) QUARTZ จะให้ UV ผ่านได้ 40-90 % นั่นคือ QUARTZ จะดูดกลืนแสง UV ได้ที่ช่วง 200-250 nm เพียง 10-60% เท่านั้น
ดังนั้น QUARTZ จะกัน UV ได้เพียง 10-60 % ที่ช่วง 200-250 nm
แต่แสงจากหลอด xenon จะมีความยาวคลื่น 300 - 1000 nm
ดังนั้นหลอดไส้หรือซีนอนที่ใช้ QUARTZ ทำ จะกัน UV ที่ปล่อยมาจากหลอดไม่ได้
(ถ้าจะกันได้ ต้องนำไปผสมกับวัสดุอื่นซึ่งยังไม่ใช่ราคาปัจจุบัน หรือถ้าราคาพอจับต้องได้ คงอัดโฆษณาจนหูคนฟังชาแล้ว)
ตอบคำถามครับ
หลอด Xenon ที่ใช้ quartz ผลิต ทำให้สภาพโคมพลาสติกเสื่อมเร็วกว่า LED ครับ
ผมอธิบายพอเข้าใจไหมครับ
ชัดเจน ขอบคุณครับ คำตอบแบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนหลายคนครับ
-
เปลี่ยนเป็นโคมกระจกรุ่นโบราณเลยครับ ไม่เหลืองหมอง
แต่กระจกมันขึ้นรูปให้สวยงามไม่ได้
คงจะใช้เวลานานครับกว่าจะพัฒนาให้พลาสติกที่ใช้ทำเลนส์ไม่เสื่อมเร็ว
ตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้พลาสติกเสื่อมเร็วขึ้น มี
1. แสง โดยเฉพาะแสงยูวี
2. ความชื้น
3. ออกซิเจน
4. อุณหภูมิ
ตอนนี้ก็ลดการเสื่อมโดยเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ครับ
ซึ่งอุณหภูมิต่ำ และแสงมีความยาวคลื่น (wavelength) ยาว
พลาสติกจะได้หมองช้าลง แต่ยังไงใช้ไปนานๆ ก็หมองอยู่ดี
LED แสงเหลืองน้อยลง อมฟ้ามากขึ้น ความยาวคลื่นต้องสั้นลงรึเปล่าครับ โคมบางทีก็มีอาการขึ้นเหมือนของ จขกท ซึ่งอาการนี้น่าจะเกิดจากความร้อนของตัวโคมนะครับ
ขออภัยที่ตอบไม่หมด
ใช่ครับ ถ้าดูเฉพาะสีของแสง LED ที่มีแสงสีอมฟ้า ความยาวคลื่น (460 nm) จะสั้นกว่าแสงออกเหลืองของหลอดไส้ (580 nm)
ถ้าดูความยาวคลื่นแล้วจะพบว่า LED ส่วนใหญ่ให้แสงที่ความยาวคลื่น 400-700 nm ซึ่งจะไม่มีการปล่อย UV ออกมาเลย
หากใช้ LED แสงสีขาวอมฟ้าจะให้ความยาวคลื่น 460 nm ตามที่กล่าวไปแล้ว
แต่ถ้าเป็นหลอดไส้ แสงจะออกขาวอมเหลือง ควรมีความยาวคลื่น ที่ 580 nm ตามทฤษฏี
แต่หลอดไส้ มีการปล่อยแสงช่วง UV (ความยาวคลื่นน้อยกว่า 400 nm) ออกมาด้วย
การใช้หลอดไส้ เลนส์พลาสติกจึงหมองเร็วกว่าการใช้หลอด LED
หลอด ยกตัวอย่าง philips นั้นทำมาจาก quartz แสดงว่าการเสื่อมสภาพของโคมที่ใช้ led กับ หลอด philips จะเสื่อมสภาพด้วยอัตราที่เท่ากัน ถูกมั้ยครับ
เอาตามความจริงวิทยาศาสตร์นะครับ ผมไม่ค่อยเชื่อโฆษณา เพราะเชื่อโฆษณาหรือพ่อค้าเยอะแล้วเจ็บปวดมากกว่ายิ้ม
ปกติหลอดต่างๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรม หรือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเคมี ที่ใช้หลอดความร้อนสูง หลอดพลังงานสูงๆ
จะใช้ QUARTZ ทำหลอด เพื่อคุณสมบัติ ใส แข็งแรง ทนความร้อน ไม่เปราะง่าย ถ้าใช้แก้วธรรมดา หลอดจะแตกเร็ว
ส่วนคุณสมบัติด้านแสง
QUARTZ ให้ UV ผ่านได้ 90% ที่ความยาวคลื่น 250 nm ขึ้นไปถึง 1000 nm
ถ้าความยาวคลื่น 200 nm - 250 nm (ช่วง UV-C) QUARTZ จะให้ UV ผ่านได้ 40-90 % นั่นคือ QUARTZ จะดูดกลืนแสง UV ได้ที่ช่วง 200-250 nm เพียง 10-60% เท่านั้น
ดังนั้น QUARTZ จะกัน UV ได้เพียง 10-60 % ที่ช่วง 200-250 nm
แต่แสงจากหลอด xenon จะมีความยาวคลื่น 300 - 1000 nm
ดังนั้นหลอดไส้หรือซีนอนที่ใช้ QUARTZ ทำ จะกัน UV ที่ปล่อยมาจากหลอดไม่ได้
(ถ้าจะกันได้ ต้องนำไปผสมกับวัสดุอื่นซึ่งยังไม่ใช่ราคาปัจจุบัน หรือถ้าราคาพอจับต้องได้ คงอัดโฆษณาจนหูคนฟังชาแล้ว)
ตอบคำถามครับ
หลอด Xenon ที่ใช้ quartz ผลิต ทำให้สภาพโคมพลาสติกเสื่อมเร็วกว่า LED ครับ
ผมอธิบายพอเข้าใจไหมครับ
ชัดเจน ขอบคุณครับ คำตอบแบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนหลายคนครับ
ขอบคุณทุกคนครับ
-
ถ้าเหลืองแล้วอยากแก้ไขผมเพิ่งเอาคันเก่าที่บ้านไปทำมาเค้าจะขัดแล็คเกอร์ที่เสื่อมสภาพออกหมดครับ
แล้วพ่นทับใหม่อบแสงยูวีให้แก้งโดยร้านที่ผมทำเป็นแบบเดียวกับโรงงานใช้ทำมาใสเหมือนใหม่ครับรับประกัน 2 ปี
เห็นบางที่ 5 ปีก็มี