Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ttcz25 ที่ มิถุนายน 19, 2015, 04:55:19
-
ขอแตกกระทู้จากpreview อัตราสิ้นเปลืองMazda2 1.5 Skyactiv-D ของคุณJ!MMY
เรื่องของค่าความเร็วที่gpsอ่าน เทียบกับเข็มความเร็วรถ เห็นคนตอบcommentในกระทู้ที่ผ่านๆมาเรื่องนี้กันเยอะ
ผมเลยลองคำนวณดู โดยเทียบจาก Mazda2อ่านค่าgps97.5km/h ให้แปลงเป็นอ่านค่าgps93km/h แบบToyota Hilux Revo
Mazda2ดีเซล
0-100 ได้11.45วินาที gpsอ่าน97.5km/h
เมื่อแปลงเป็น gpsอ่านได้93km/h จะได้อัตราเร่ง0-100 เป็น10.92วินาที
สรุปคือต่างกันประมาณ0.5วินาที
และอัตราสิ้นเปลืองก็จะได้ค่าออกมาดีกว่านี้ด้วยถ้าไมล์อ่านค่าเท่าRevo
ต้องขอชมทีมงานHeadlightmagที่มีข้อมูลการทดสอบละเอียดมีมาตรฐานแบบนี้
-
คือผมสงสัยครับ ว่า ในตารางรวบรวมตัวเลขอัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง
ได้ปรับความเพี้ยนของมาตรวัดให้เท่ากันหรือเปล่าครับ
สมมตินะครับ อย่างเช่น รถ A มาตรวัด 100 >> GPS ได้ 96.0
รถ B มาตรวัด 100 >> GPS ได้ 92.0
ก็คำนวณโดยตัดค่าความเพี้ยนออกไปอ่ะครับ เพราะไม่อย่างนั้น รถที่มาตรวัดเพี้ยนมากกว่า ก็จะได้เปรียบในเรื่องอัตราเร่งหรืออัตราสิ้นเปลือง น่ะครับ
ขอบคุณมากครับ
-
เอาไว้แค่เป็นบรรทัดฐานก็พอ
ก็เหมือนอัตราเร่ง 0-100 นั่นแหล่ะ เร็วกว่ากันแค่เสี้ยววินาที
จะมีซักกี่ครั้งที่จะซัด 0-100 เพื่อให้ได้ตัวเลขแบบพี่จิมมี่ทำ
อัตราเร่ง 80-120 นี่สิ มีโอกาสได้่ใช้มากกว่า
*อัตราสิ้นเปลืองไตรตั้นตัวเก่า ที่คุณจิมมี่ทดสอบไว้
มีคันนึงจับเลข กม. ได้ 97 กว่า ทำให้ได้อัตราสิ้นเปลือง 13.xx
ซึ่งส่วนมากหลายๆคัน วิ่งเส้นทางเดียวกันเขาพากันได้ 93.x
ตัวเลขแค่นี้ก็ส่งผลเหมือนกัน
สุดท้ายพฤติกรรมการขับแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
ผมแค่จะสื่อว่า ตัวเลขที่คุณจิมมี่ทำก็เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้รู้ว่าแรงแค่ไหน ประหยัดแค่ไหน
ตัว gps เองนั่นแหล่ะ ก็มีความคลาดเคลื่อน เพราะเป็นแค่เครื่อง gps ธรรมดา
ไม่ใช่ gps ระดับที่ใช้ในงานสำรวจแบบที่พวกผมใช้อยู่
และใช้ gps ทดสอบในเวลากลางคืนสัญญาณไม่เสถียรเท่ากลางวันอยู่แล้ว
gps อยู่ในรถ กว่าจะผ่านชั้นกระจก หรือชั้นฟิล์ม แค่นี้ lost มันก็ย่อมมี
อย่าไปซีเรียส ;D ;D ;D
-
เห็นด้วยครับ จะได้ไม่ต้องมาโต้เถียงกันอีก
ในเรื่องความประหยัดก็มีคอลัมน์ที่คิดเป็น บาท/km. เพื่อเทียบกันระหว่างเบนซิลและดีเซล
-
ความเห็นส่วนตัวผม ผมว่าสมควรเทียบครับ เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องจริงๆๆ ครับ
เพราะคุณ J!MMY เป็นคนเดียวที่ขับเทส (ตัดตัวแปรเรื่องคนขับ)
ส่วนเรื่อง gps มันคงมีเรื่อง เมฆ หรือ ฟิลม์ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่เราคอนโทรลไม่ได้
เห็นจากวิธีการเทส วัดความดันลมยาง ชนิดน้ำมัน น้ำหนักบรรทุก แต่ถ้าไม่สนใจเรื่องไมล์อ่อนเนี่ย มันคงแปลกๆๆครับ
ไมล์อ่อนส่งผลต่อความประหยัดน้ำมัน (หรือเปล่าครับ เพราะเลขไมล์วัดจากอะไรครับ ความเร็ว หรือรอบการวิ่งของล้อครับ) กับอัตราเร่ง ซึ่งผมว่าหลายๆคนดู ค่านี้เปรียบเทียบกันบ่อยนะครับ
-
คือผมสงสัยครับ ว่า ในตารางรวบรวมตัวเลขอัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง
ได้ปรับความเพี้ยนของมาตรวัดให้เท่ากันหรือเปล่าครับ
สมมตินะครับ อย่างเช่น รถ A มาตรวัด 100 >> GPS ได้ 96.0
รถ B มาตรวัด 100 >> GPS ได้ 92.0
ก็คำนวณโดยตัดค่าความเพี้ยนออกไปอ่ะครับ เพราะไม่อย่างนั้น รถที่มาตรวัดเพี้ยนมากกว่า ก็จะได้เปรียบในเรื่องอัตราเร่งหรืออัตราสิ้นเปลือง น่ะครับ
ขอบคุณมากครับ
น่าสนใจ และเห็นด้วยครับ
อาจจะไม่ต้องคำนวนใหม่ แต่เพิ่มอีกช่องเป็นค่าความเพี้นของเข็มไมล์ จะได้ดูข้อมูลประกอบรอบด้านมากขึ้น
-
ถ้าเรื่องนี้มันถกกันยาว
แต่ตาม HLM ไม่ต้องการทำเวลาที่ดีที่สุด แต่ต้องการ condition ที่คนทั่วไปเขาเหยียบจากจุดหยุดนิ่ง เลยเปิดแอร์ มีคนนั่ง
ถ้าตามเมืองนอกก็ใช้กล่อง GPS จับเลย 0-100 แต่นั่นก็จะไม่สนเรื่องความ lag ของคันเร่งก่อนที่รถจะออกตัว
ยังไม่นับถึงเรื่อง Traction control หรือถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาออกตัวที่กี่รอบ
เพราะฉนั้นมันจะยาวน่ะครับ แต่ส่วนตัวชอบแบบเมืองนอก ใช้ GPS box จับ 0-100 เลย
-
ขอแชร์ประสบการณ์ เรื่องไมล์เพี้ยนกับระยะทางที่วิ่งได้ครับ
รถผมมาสด้า 2 รุ่นที่แล้วปี 2012 เห็นทางเว็บบอกว่าไมล์รุ่นนี้มันตรง เริ่มแรกไม่ได้วัดว่าไมล์เพี้ยนมากน้อยแค่ไหนเพราะยังไม่มีเครื่องมือครับ555 ยางติดรถเดิม 185 55 R15 แต่ต่อมาผมเปลี่ยนยางใหม่ หน้ากว้างขึ้นเป็น 195 55 R 15 และต่อมาได้ซื้อกล้องติดรถ HP ที่มีตัว GPS ก็เลยลองวัดดูปรากฏว่าไมล์รถผมชี้ที่ 100 GPS ขึ้น 102 เพี้ยนไป 2 ผมข้องใจก็เลยไปลองวัดระยะทางที่ได้กับหลักกิโลเมตรของทางหลวง โดยนำรถไปจอดให้ล้อหน้าตรงกับหลักกิโลเมตรแรก และกดทริป A เป็น 0 แล้วขับรถวิ่งไปจนถึงหลักกิโลเมตรที่ 2 มองดูที่ไมล์รถทริป A ระยะทางก็ยังไม่ถึง 1 กิโลเมตร ต้องขับเลยไปประมาณ 20 เมตร จึงครบ 1 กิโลเมตรครับ
สรุป ค่าที่เพี้ยนไปนี่มันมีหน่วยเป็น 10 เมตร ต่อ 1 ผมเข้าใจถูกไหมครับ
-
จริงๆถ้าทำได้อยากให้ยึด GPS เป็นอุปกรณ์หลัก เพราะเข็มไมล์รถเพี้ยนไม่เท่ากัน
ถ้า GPS จะเพี้ยน ก็จะได้เพี้ยนเท่ากันทุกคันที่นำมาทดสอบครับ ซึ่งจะทำให้เปรียบเทียบกันได้
ถึงแม้ตัวเลขจะต่างกันแค่เสี้ยววินาที แต่ก็ถือว่ามีความหมายมาก เพราะที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ระยะเวลา 1 วินาที รถวิ่งได้ระยะทางถึง 22 เมตร
ยิ่งถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเร่งแซงบนถนนเลนสวนกัน 2 เลน ตามต่างจังหวัด เวลาแค่ 1 วินาทีถือว่ามีความหมายและนานมาก คนที่ขับบนถนน 4 เลนทุกวันในเมืองคงไม่มีวันเข้าใจ
และยิ่งถ้าต้องเก็บเป็นฐานข้อมูลไว้เปรีบยเทียบ ยิ่งต้องมีอุปกรณ์มาตรฐานช่วยครับ
-
คือผมสงสัยครับ ว่า ในตารางรวบรวมตัวเลขอัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง
ได้ปรับความเพี้ยนของมาตรวัดให้เท่ากันหรือเปล่าครับ
สมมตินะครับ อย่างเช่น รถ A มาตรวัด 100 >> GPS ได้ 96.0
รถ B มาตรวัด 100 >> GPS ได้ 92.0
ก็คำนวณโดยตัดค่าความเพี้ยนออกไปอ่ะครับ เพราะไม่อย่างนั้น รถที่มาตรวัดเพี้ยนมากกว่า ก็จะได้เปรียบในเรื่องอัตราเร่งหรืออัตราสิ้นเปลือง น่ะครับ
ขอบคุณมากครับ
น่าสนใจ และเห็นด้วยครับ
อาจจะไม่ต้องคำนวนใหม่ แต่เพิ่มอีกช่องเป็นค่าความเพี้ยนของเข็มไมล์ จะได้ดูข้อมูลประกอบรอบด้านมากขึ้น
ตอบคุณtheresth ทางเว็บไม่ได้ปรับตามgpsครับ ใช้ดูตามเข็มมาตรวัด แต่ช่วงหลังๆจะมีบอกในบทความตลอดครับว่าgpsอ่านค่าได้เท่าไหร่
ตอบคุณEddy3585 ถ้าเพิ่มอีกช่องเป็นค่าความเพี้ยนของเข็มไมล์ ก็คิดว่าดีเหมือนกันครับ ไม่ต้องมาคำนวณใหม่
-
จริงๆถ้าทำได้อยากให้ยึด GPS เป็นอุปกรณ์หลัก เพราะเข็มไมล์รถเพี้ยนไม่เท่ากัน
ถ้า GPS จะเพี้ยน ก็จะได้เพี้ยนเท่ากันทุกคันที่นำมาทดสอบครับ ซึ่งจะทำให้เปรียบเทียบกันได้
ใช่ครับ GPSก็มีเพี้ยน แต่ก็จะได้เพี้ยนเท่ากันทุกคันที่นำมาทดสอบ ทำให้สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ครับ
เอาไว้แค่เป็นบรรทัดฐานก็พอ
ก็เหมือนอัตราเร่ง 0-100 นั่นแหล่ะ เร็วกว่ากันแค่เสี้ยววินาที
จะมีซักกี่ครั้งที่จะซัด 0-100 เพื่อให้ได้ตัวเลขแบบพี่จิมมี่ทำ
อัตราเร่ง 80-120 นี่สิ มีโอกาสได้่ใช้มากกว่า
เห็นด้วยครับว่า 80-120สำคัญกว่า0-100 แต่ว่าคำนวณแค่0-100เทียบให้ดูเล่นๆเฉยครับ :D
-
จริงๆถ้าทำได้อยากให้ยึด GPS เป็นอุปกรณ์หลัก เพราะเข็มไมล์รถเพี้ยนไม่เท่ากัน
ถ้า GPS จะเพี้ยน ก็จะได้เพี้ยนเท่ากันทุกคันที่นำมาทดสอบครับ ซึ่งจะทำให้เปรียบเทียบกันได้
ถึงแม้ตัวเลขจะต่างกันแค่เสี้ยววินาที แต่ก็ถือว่ามีความหมายมาก เพราะที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ระยะเวลา 1 วินาที รถวิ่งได้ระยะทางถึง 22 เมตร
ยิ่งถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเร่งแซงบนถนนเลนสวนกัน 2 เลน ตามต่างจังหวัด เวลาแค่ 1 วินาทีถือว่ามีความหมายและนานมาก คนที่ขับบนถนน 4 เลนทุกวันในเมืองคงไม่มีวันเข้าใจ
และยิ่งถ้าต้องเก็บเป็นฐานข้อมูลไว้เปรีบยเทียบ ยิ่งต้องมีอุปกรณ์มาตรฐานช่วยครับ
จริงครับ. 1 วิ สำคัญมากสำหรับแซงรถพ่วงบรรทุกอ้อย
-
เป็นข้อมูลที่น่าสนใจครับ ควรมีให้ดูในตารางก็ดีครับ
-
GPS navigator นั่นแระที่เพี้ยน ผมเป็นวิศวกร ทำ micro controller มา
GPS navigator consumer grade ที่ใช้มาแทบทุกตัวผมไม่เคยเชื่อเรื่องวัดความเร็วการเคลื่อนที่
ชิพกากส์ๆ ราคาถูก มันจำจะคำนวณ การเคลื่อนที่/วินาที ได้แม่นยำได้อย่างไร เอาตำแหน่ง
รถโดยอ้างอิงจากดาวเทียว คำนวณเทียบกับระยะทางที่เคลื่อนะที่ได้โดยต้องคำนวณ ตำแหน่งล่าสุดเทียบกับเวลา ของจุด A ไป เทียบกับ ตำแหน่งล่าสุดเทียบกับเวลาของจุด B ซึ่งถ้าจะละเอียดมากๆๆๆ ระยะห่างระหว่าง A & B ต้องน้อยมากๆๆๆๆ น้อยระดับ มิลลิเมตร หรือ ไมโคร ซึ่ง ชิพ ใน gps navigator consumer grade ไม่มีความสามารถขนาดนี้ ความเร็วที่แสดง ก็เพื่ออ้างอิง ประมาณระยะทางที่เหลือกี่กิโล จะถึงจุดหมายกี่โมง
โดยรวม ความเร็วบนหน้าปัด ที่วัดจากการหมุนของล้อ จากโรงงาน ในแต่ละคัน ซึ่งต่างรุ่นย่อยต่างความสูงของแก้มยาง ถ้าโรงงาน ปรับจูนใหเถูกต้องตามแก้มยาง เชื่อถือได้มากกว่า gps consumer grade แน่นอน