Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ttcz25 ที่ มิถุนายน 21, 2015, 19:25:25
-
ขอถามท่านที่รู้ข้อมูลเหล่านี้หรือเคยศึกษาข้อมูลต่างๆมานะครับ
รถที่ขายในไทย(ประกอบใน) ควรอ้างอิงผลทดสอบการชน(Crash test)จากสำนักทดสอบองค์กรไหนดีครับ
เรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัย หลายรุ่นมี6airbagsเหมือนรถคันทดสอบแล้ว แต่ไม่รู้ว่ารถในไทย โครงสร้างตัวถังรถจะแตกต่างกับรถที่ใช้ทดสอบรึเปล่า
ปล. โครงสร้างตัวถังรถหมายถึงว่า พวกโครงสร้างความปลอดภัยของตัวถังและคานกันกระแทกต่างๆ มีรูปแบบเหมือนกันและใช้เหล็กประเภทเดียวกันหรือไม่
องค์กรทดสอบอย่าง ANCAP JNCAP EURONCAP มีอันไหนที่ใช้อ้างอิงผลทดสอบรถในไทยได้บ้างมั้ย
แล้ว ASEANNCAP ใช้อ้างอิงผลทดสอบรถในไทยได้มากที่สุดรึเปล่า? (และผมก็ไม่ทราบว่ารถทุกยี่ห้อ โครงสร้างตัวถังเหมือนกันในASEANทุกประเทศมั้ย)
-
ผมเชื่อถือ euro ncap ที่ได้ทำการวิจัยมาก่อนและให้การยอมรับกว้างขวางกว่า ส่วนเรื่องโครงสร้าง ผมเชื่อว่าใช้โครงสร้างเดียวกัน แต่จะมีระบบช่วยเหลือความปลอดภัยเข้ามาแต่งต่างกันไป-
-
AseanNCAP มีการนำรถที่ผลิตที่ไทยไปทำการทดสอบด้วย แต่เกณฑ์การให้คะแนนจะง่ายกว่าฝั่งยุโรปหน่อยน่ะครับ
เพราะฝั่งนั้นจะดูระบบsafetyพวกเตือนนู่นนี่นั่นเยอะแยะมากมาย การให้คะแนนจะดูยากกว่าของAseanNCAPครับ
-
ASEANNCAP ครับ เพราะมีการใช้รถสเปกไทย ร่วมในการทดสอบด้วยครับ
ส่วนเกณฑ์อะไรหยิบย่อยนั้น ผมไม่วีเรียส เพราะต่างพื้นที่ย่อมมีสเปกไม่เหมือนกัน เกณฑืการให้คะแนนเลยอาจต่างกันบ้าง แต่โดยรวมก็อยู่บนพื้นฐานหลักการเดียวกันของสถาบัน NCAP ครับผม
-
ผมว่าสำหรับไทยเป็น ASEAN NCAP ครับเพราะมีการนำรถจากไทยไปทดสอบ ถ้าไม่เสปคก็ใก้เคียงที่สุด
-
ไม่ทราบว่า Asean Ncap นี่ทดสอบกันที่ไหนครับ
-
ไม่ทราบว่า Asean Ncap นี่ทดสอบกันที่ไหนครับ
มาเลย์ฯครับ
-
รถไทยๆ หลายๆคันถุงลมไม่เท่ารถเทสต์ของ euro ดังนั้น
ต้องดู 2 แหล่งประกอบกันครับ
-
ถ้ารถยุโรปเอาตาม EuroNcap ได้เลยครับ รถประกอบนอกกับประกอบในอุปกรณ์safety ส่วนใหญ่เหมือนกันหมด
-
จริงๆอยากให้ใช้ EuroNcap
-
รถยุโรปนำเข้า ดูจาก Euroncap ได้นะครับ แต่อย่าคาดหวังว่ารถญี่ปุ่นที่ขายที่ยุโรปจะเหมือนบ้านเรา ถ้าใครเคยไปจับจะรู้ว่าคุณภาพต่างกันเยอะ
ถ้าของไทย ดูของ Asen ได้ครับ แต่เหมือนปล่อยแต้มกว่าของ Euro จะเอามาเทียบกันตรง ๆ ไม่ได้
-
ถ้ารถยุโรปเอาตาม EuroNcap ได้เลยครับ รถประกอบนอกกับประกอบในอุปกรณ์safety ส่วนใหญ่เหมือนกันหมด
ผมเชื่อถือ euro ncap ที่ได้ทำการวิจัยมาก่อนและให้การยอมรับกว้างขวางกว่า ส่วนเรื่องโครงสร้าง ผมเชื่อว่าใช้โครงสร้างเดียวกัน แต่จะมีระบบช่วยเหลือความปลอดภัยเข้ามาแต่งต่างกันไป-
ขอบคุณนะครับ คือผมเกิดความไม่มั่นใจว่าโครงสร้างความปลอดภัยของตัวถังของรถที่ขายในไทย กับที่ขายในประเทศที่ทดสอบcrash testจะเหมือนกันมั้ย
ผมได้ไปไล่อ่านกระทู้เก่าๆ ไปเจอสมาชิกท่านนึงกล่าวไว้ว่า partชิ้นส่วนตัวถัง ของรถประกอบขายในไทยกับส่งออกเป็นเป็นpartคนละรหัสกัน
และไปเจอหลายๆท่านกล่าวว่า คานกระแทกหน้า,หลัง ของรถที่ขายในไทยบางรุ่น มีรูปทรงและขนาดต่างกับตัวที่ขายในต่างประเทศน่ะครับ :'(
-
รถยุโรปนำเข้า ดูจาก Euroncap ได้นะครับ แต่อย่าคาดหวังว่ารถญี่ปุ่นที่ขายที่ยุโรปจะเหมือนบ้านเรา ถ้าใครเคยไปจับจะรู้ว่าคุณภาพต่างกันเยอะ
ถ้าของไทย ดูของ Asean ได้ครับ แต่เหมือนปล่อยแต้มกว่าของ Euro จะเอามาเทียบกันตรง ๆ ไม่ได้
ขอบคุณครับ ถ้ารถยุโรปนำเข้าก็คงดูจากEuroncapล่ะครับ แต่ไม่รู้ว่ารถยุโรปที่ประกอบในประเทศจะปลอดภัยเท่านั้นรึเปล่า :-\
-
ถ้ารถยุโรปเอาตาม EuroNcap ได้เลยครับ รถประกอบนอกกับประกอบในอุปกรณ์safety ส่วนใหญ่เหมือนกันหมด
ผมเชื่อถือ euro ncap ที่ได้ทำการวิจัยมาก่อนและให้การยอมรับกว้างขวางกว่า ส่วนเรื่องโครงสร้าง ผมเชื่อว่าใช้โครงสร้างเดียวกัน แต่จะมีระบบช่วยเหลือความปลอดภัยเข้ามาแต่งต่างกันไป-
ขอบคุณนะครับ คือผมเกิดความไม่มั่นใจว่าโครงสร้างความปลอดภัยของตัวถังของรถที่ขายในไทย กับที่ขายในประเทศที่ทดสอบcrash testจะเหมือนกันมั้ย
ผมได้ไปไล่อ่านกระทู้เก่าๆ ไปเจอสมาชิกท่านนึงกล่าวไว้ว่า partชิ้นส่วนตัวถัง ของรถประกอบขายในไทยกับส่งออกเป็นเป็นpartคนละรหัสกัน
และไปเจอหลายๆท่านกล่าวว่า คานกระแทกหน้า,หลัง ของรถที่ขายในไทยบางรุ่น มีรูปทรงและขนาดต่างกับตัวที่ขายในต่างประเทศน่ะครับ :'(
อย่ากังวลไปครับ รถยุโรปแบรนพรีเมี่ยมบ้านเราคันละหลายล้านไม่ค่อยลดต้นทุนด้านความปลอดภัยลงหรอกครับ อาจจะมีบ้างแต่ไม่ได้น่าเกลียดจนเกินไป เช่น ลดairbagลง2ลูกบ้างหรือ4ลูกบ้าง แต่ถึงขั้นถอดคานกันกระแทกอะไรแบบนี้ไม่น่ามี แต่ที่เหมือนมีประเด็นคือ nissan marchในไทยไม่มีคานเหล็กกันกระแทกด้านหน้ารถ แต่nissan micra หรือmarchที่ยุโรปมันมี เลยทำให้ดูเหมือนรถบ้านเราความปลอดภัยมันน้อยกว่า ผิดถูกขออภัยนะครับ แย้งได้เลย
แต่พวกcrash testพวกนี้ส่วนมากให้เชื่อที่80%ครับ ดูเป็นguidelineคร่าวๆพอเพราะรถหลายยี่ห้อมันไม่มีแสตนดาด
-
มาตรฐานการทดสอบการชน เป็นเรื่องของความปลอดภัยน่าจะใกล้เคียงกัน ยึดหลักคล้ายๆกัน
จะมีคำอธิบายของแต่ละการทดสอบให้ทราบว่าทดสอบอย่างไร และประเมินผลให้คะแนนอย่างไร
ให้มาพิจารณาด้วย
ที่น่าจะเป็นส่วนสำคัญสุด คือต้องเป็นตัวรถจากฐานการผลิตเดียวกันกับคันที่จำหน่ายในบ้านเรา
ซึ่งจะตัดเรื่องการใช้ชิ้นส่วนที่แตกต่างกันกับต้นแบบ จะได้เป็นผลทดสอบจริงๆของรถที่จำหน่ายในบ้านเรา
ดังนั้น ASEAN NCAP, ANCAP ที่นำรถผลิตในไทยโดยตรงไปทดสอบก็จะน่าเช์ื่อถือที่สุด
ส่วนรถนำเข้าจากที่ผลิตในประเทศยุโรป EURO NCAP ก็ใช้วัดได้เลย
แต่รถที่มาตั้งฐานผลิตในไทย แต่ยังไม่เคยมีการนำไปทดสอบจริง ก็คงต้องอ้างอิงจากการทดสอบที่อื่น
แต่พึงระลึกเสมอไว้ว่าไม่ได้เป็นผลการทดสอบจากรถที่ผลิตจริงๆในบ้านเรา
และอย่าลืมสังเกตุถึงอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ติดตั้งในรถทดสอบนั้นมักจะครบเต็ม
แตกต่างจากที่รถจำหน่ายจริงในบ้านเรา
-
คำถามคืออะไร
1.ความน่าเชื่อถือ ของ องค์กร --- สององค์การไม่ต่างกันครับ
2.ความน่าเชื่อถือของรถที่เราจะซื้อมาใช้ -- รถผลิตบ้านเรากับรถผลิตต่างที่เอามาอ้างอิงกันไม่ได้
จะเห็นว่า Euro แทบไม่มีรถที่ผลิตจากภูมิภาคเราไปทดสอบเลย มีแค่รุ่นเดียวกัน แต่ผลิตต่างโรงงาน
แต่ Asian NCAP มีแต่รถในภูมิภาคเราที่ทดสอบ
-
ถ้ารถยุโรปเอาตาม EuroNcap ได้เลยครับ รถประกอบนอกกับประกอบในอุปกรณ์safety ส่วนใหญ่เหมือนกันหมด
ผมเชื่อถือ euro ncap ที่ได้ทำการวิจัยมาก่อนและให้การยอมรับกว้างขวางกว่า ส่วนเรื่องโครงสร้าง ผมเชื่อว่าใช้โครงสร้างเดียวกัน แต่จะมีระบบช่วยเหลือความปลอดภัยเข้ามาแต่งต่างกันไป-
ขอบคุณนะครับ คือผมเกิดความไม่มั่นใจว่าโครงสร้างความปลอดภัยของตัวถังของรถที่ขายในไทย กับที่ขายในประเทศที่ทดสอบcrash testจะเหมือนกันมั้ย
ผมได้ไปไล่อ่านกระทู้เก่าๆ ไปเจอสมาชิกท่านนึงกล่าวไว้ว่า partชิ้นส่วนตัวถัง ของรถประกอบขายในไทยกับส่งออกเป็นเป็นpartคนละรหัสกัน
และไปเจอหลายๆท่านกล่าวว่า คานกระแทกหน้า,หลัง ของรถที่ขายในไทยบางรุ่น มีรูปทรงและขนาดต่างกับตัวที่ขายในต่างประเทศน่ะครับ :'(
ก็ตามนั้นแหละครับ แต่ต้องแยกโครงสร้าง(แชสสี)กับตัวถัง(เปลือกนอก) ก่อนนะครับ
แชสสี ผมมั่นใจว่าทั่วโลกน่าจะเหมือนกัน แต่บอดี้ แต่ละที่เกรดอาจต่างกัน
เพราะฉะนั้น แค่ความแข็งแรงของห้องโดยสาร รถที่ไทยก็ไม่น่าจะแพ้ที่อื่น
(ส่วนที่สภาพรถที่ชนในเมืองไทยแต่ละคันนั้น ก็ต้องดูความเร็วตอนชน ซึ่งeuroNCAP เค้าเทสกันที่60-70 แต่ไทยเราชนกันที่ความเร็วเกือบจะคูณสองของการทดสอบ จะยับก็ไม่น่าแปลก)
และจริงๆ คานหน้า-หลัง มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในห้องโดยสารซะทีเดียว(ไม่ได้บอกไม่เกี่ยวครับ แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลัก) ตัวสำคัญคือคานในประตูมากกว่าครับ
(เพราะงั้นจุดนี้ค่ายรถจึงเอามาใช้รถต้นทุน โดยการถอดคานหน้า-หลังออก)
-
ถ้าคานหน้า-หลัง มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย(หรือมีผลน้อยมากจนไม่ต้องใส่ก็ได้) รถที่ขายต่างประเทศจะใส่มาทำซากอะไรให้มันหนักและเปลืองต้นทุนครับ แต่ที่เค้าใส่เพราะเค้าคิดแล้วครับว่าความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นมันคุ้มค่ากับน้ำหนักและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นครับ
-
คานด้านหน้าและหลังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในห้องโดยสารสิครับ คานด้านหน้าและหลังจะเป็นด่านที่สองที่รับแรงปะทะจากรถหรือสิ่งของที่พุ่งเข้ามาชนรองจากเปลือกนอก คานกันกระแทกจะรับแรงปะทะที่พุ่งเข้ามาหาและเกิดการยุบตัวลงเพื่อกระจายแรงปะทะเท่าที่ตัวมันจะทำได้ก่อนที่จะพังยับเยินส่งหน้าที่กระจายแรงปะทะต่อให้โครงรถและห้องโดยสารตามด้วยเหล็กที่ใช้ทำจุดยึดต่างๆในโครงรถเพื่อลดแรงลงให้น้อยที่สุดก่อนถึงตัวคนในรถและคงสภาพห้องโดยสารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ :)
-
คิดตามหลักเหตุผลแล้วสำคัญคนละแบบกันค่ะ
โครงสร้าง+คานด้านหน้า ก็สำคัญตอนชนด้านหน้า
โครงสร้างเสา+คานในประตู ก็สำคัญเมื่อเกิดการชนด้านข้าง
รถในประเทศที่ไม่มีการทดสอบการชนมีแนวโน้มจะลดความปลอดภัยในส่วนที่มองไม่เห็นมากกว่าค่ะ ไม่ว่ารถระดับไหนก็ตาม
-
ลองดูการทดสอบของกันชนด้านหน้าและหลังในนี้นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=6fQKIJwMx84 รถทุกคันในนี้มีคานกันกระแทกในกันชนทั้งด้านหน้าและหลังทุกคัน คุณจะพบว่ายิ่งความเร็วในการชนเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ความเสียหายยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ในช่วงท้ายของการทดสอบท้ายรถแต่ละคันเสียหายค่อนข้างมากทั้งที่มีคานกันกระแทกในกันชนรองรับอยู่ยังเสียหายขนาดนี้ ถ้าขนาดของคนที่เล็กลงหรือไม่มีเลยความเสียหายยิ่งเพิ่มมากขึ้น แรงปะทะที่จะส่งไปหาคนโดนสารในรถย่อมมากกว่ารถที่มีคานกันกระแทกในกันชนหลังตามมาตรฐานออกแบบตั้งแต่ต้น
คานกันกระแทกในกันชนหน้าและหลังไม่ได้ช่วยเรื่องความปลอดภัยอย่างเดียวแต่มันยังช่วยให้เราลดค่าใช้จ่ายเวลาที่โดนชนด้วย ในการเฉี่ยวชนที่ความเร็วไม่สูงมาก คานกันกระแทกในกันชนจะยับยั้งความเสียหายให้หยุดที่แค่คานกันกระแทก อย่างมากกว่าเปลี่ยนคันกันกระแทกชิ้นใหม่ ไม่ใช่ว่านิดๆหน่อยๆก็ถึงขนาดไฟหน้า/หลังแตกกระจุยหมดหมดหรือถึงขั้นหม้อน้ำแตกต้องพึ่งเครื่องดึงตัวถัง รถที่ไม่มีอะไรมาซับแรงปะทะเลยชนปุ๊บถึงโครงรถหลักทันทียังไงก็อันตรายกว่าและเสียหายมากกว่า มีเอกสารมากมายที่บ่งชี้ว่าอุบัติเหตุการเฉี่ยวชนที่ความเร็วต่ำและสูงที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นที่ด้านหน้าและหลังมากกว่าการโดนชนจากด้านข้าง ลองค้นดูในกูเกิ้ลก็จะเจออย่างอันนี้ http://papers.sae.org/2004-01-1319/
-
ถ้าคุณบอกว่าคานหน้าและหลังไม่สำคัญ คานตรงประตูด้านข้างสำคัญกว่า
งั้นผมถามว่า รถชนจากทางด้านหน้า หรือมีรถมาชนเราทางด้านหลัง คานนิรภัยด้านข้างจะช่วยซับแรงกระแทกตรงส่วนไหนหรอครับ
ถ้าบอกว่าโครงรถ มันผิดนะครับ เพราะคานด้านข้างจะช่วยแค่ตรงประตูไม่สามารถช่วยโครงรถได้เลยครับ โครงรถคือเหล็กกล้าที่ส่วนมากทุกยี่ห้อจะเป็นเหล็กชิ้นเดียว ไร้รอยต่อ ทอเต็มผืน เอ้ย...ผิดตัว มันรับแรงกระแทกเข้ามากรณีผ่านคานหน้ากับหลังมาแล้ว ดังนั้นถ้าไม่มีคานหน้าหรือหลัง แรงกระแทกจะมาได้มากขึ้นและไวขึ้นเนื่องจากไม่มีด่านหน้ารับแรงก่อนโครงมันอีกนะครับ
-
เราอยู่ใน ASEAN ก็มี NCAP ของตัวเองให้แล้วครับ
-
ขออภัยครับที่อธิบายไม่ละเอียด หรืออาจจะไม่ตรงจุดพอ
หน้ารถมีเครื่อง หลังรถ มีที่เก็บสัมภาระท้าย
แปลว่ามันไม่ได้ติดกับที่ผู้โดยสารนั่งโดยตรง หรือพูดอีกง่ายๆคือ ชนข้าง มันถึงตัวเราเลย แต่ชนหน้า-หลัง มันยังมีพื้นที่เหลือ
มันจึงเป็นจุดที่ถูกลดต้นทุนครับ นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะสื่อ
และ ที่ผมพูดเหมือนว่า รถไทยแข็งพอๆกับรถนอกนั้น อาจจะพูดผิดไปนิด
ผมอยากจะสื่อว่า สมมติ ถ้าต้องการเทียบ march กับ jazz ว่าอันไหนผลปลอดภัยกว่า สามารถไปดู euroNCAP ได้เลย ว่า jazz ยุโรป หรือ march ยุโรป ผลทดสอบดีกว่า ถ้าผล jazz ยุโรป ดีกว่า march ยุโรป แปลว่า jazz ไทยมีแนวโน้มจะดีกว่า march ไทย
.
.
แต่ไม่ได้แปลว่า jazz ไทยจะมีผลดีเท่า jazz ยุโรป
ปล ถ้าจะบอกว่าเค้าจะใส่มาทำซากอะไรถ้ามันไม่ช่วย
แล้วทำไมรถเมืองไทยไม่มีคานหน้า-หลังล่ะครับ...
และไม่ใช่ไม่อยากได้ครับ ไอ้คานเนี่ย อยาก แต่เค้าไม่ใส่มาให้...