Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Tig ที่ กรกฎาคม 30, 2015, 20:43:35
-
มีโครงการจะดูรถยุโรป มองว่าเครื่อง diesel มันประหยัดน้ำมันดี ราคาเชื้อเพลิงก็ถูกกว่า แต่ราคาค่าตัวที่แพงกว่าเครื่องเบนซิน ก็ต้องใช้รถให้คุ้ม ใช้นาน ปัญหาก็คือว่า
1. Dieselยุโรป ทน อึด เทียบเท่าเครื่องรถกะบะ diesel ทั่วไปหรือเปล่าครับ
2. ทำไม เครื่อง diesel ถึงทนทานกว่าครับ?
ปล. Diesel ยุโรป ที่มองๆไว้ น่าจะเป็นค่ายธงฟ้า แต่ขอทางเลือกอื่นด้วยครับ .....ขอบคุณครับ
-
1. พอกันแหละครับ ไม่ต่างถ้านับเฉพาะเครื่องนะครับ
2. หรอคับ ดีเซลทนกว่าเบนซินหรอคับ ผมว่าไม่นะครับ พอๆกันนะผมว่า ถ้าดูแลดีก้ใช้กันเปนล้านโลอยุ่ละคับ แต่ถ้าขับอย่างเดียว ไม่นานก้เน่าเลยคับ
-
1 เคยได้ยินปัญหาเรื่องเครื่อง OM651 ของ MB กันเป็นจำนวนมากเมื่อ 3 ปีก่อน รู้สึกเป็นปัญหากับหัวฉีด Piezo อะไรซักอย่าง
เรื่องนี้เกิดที่ยุโรปนะครับ ในไทยไม่มั่นใจว่าจะเป็นมั้ย
แต่ถ้าให้เดา เครื่องดีเซลกระบะบ้านเรามีแนวโน้มทนกว่านิดนึง ด้วยลักษณะของการใช้งานของรถที่ผู้ผลิตน่าจะเซ็ตปรับมาเพื่อความทนทานสูง
2 รอพี่ๆคนอื่นมาตอบ แต่สำหรับผม คิดว่ามันน่าจะพอกันแล้วในสมัยนี้
รถยุโรป ถ้าไม่ตราดาวก็ใบพัดละมั้งครับสำหรับประเทศไทย ยี่ห้ออืนก็ไม่ค่อยแพร่หลาย อ้อ ไม่แน่ใจว่า Skoda มีรุ่นดีเซลมั้ย ถ้ามีก็น่าสนพอสมควร
-
กระบะวีโก้ที่โรงงานผมใช้
ปัจจุบันวิ่งไป 3 แสนแล้ว
บรรทุกเกิน 2.5 ตันตลอดๆ
เครื่องดีเซล แรงอัดเยอะกว่าเบนซิล ดังนั้น ลูกสูบ ฝาสูบและเสื้อสูบย่อมใช้เนื้อเหล็กที่แข็งกว่า
ทนไม่ทนเอามาเปรียบกันไม่ได้ เพราะการใช้งานเขา ทำมาให้จำเพาะครับ
ส่วนเรื่องเครื่องญี่ปุ่นและยุโรป ผมไม่รู้ครับว่าไหนทนกว่ากัน
พ่อผมใช้เบ๊นซ์ดีเซลมาตั้งแต่แกวัยรุ่น ผมว่ามันก็ทนพอๆกันนะ
-
ไม่ครับ
รถยุโรปที่ว่าทนๆอย่างดีเซลของบีเอ็มก็ยังมีชิ้นส่วนที่อายุไม่มากหลายชิ้น
ของเบนซ์นี่ไม่ต้องให้เล่าครับ คันไหนสองแสนโลแล้วยังดีๆนี่หายากมากๆ
-
เหมือนกับที่คุณ kiwiwi ว่ามาครับ เพราะโดยพื้นฐานเครื่องยนต์ดีเซลทำงานที่อัตราส่วนกำลังอัดสูงกว่าเบนซิน ฉะนั้นเขาก็จำเป็นต้องออกแบบให้ part ต่างๆ และวัสดุที่ใช้ให้มีความแข็งแรงทนทานมากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและดูแลรักษาซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญด้วย
เรื่องเทียบกับเครื่องยนต์กระบะดีเซลที่บ้านเราผมว่ามันก็เทียบยากนะครับ เพราะเครื่องดีเซลที่ต่างประเทศต้องผ่านมาตรฐานมลพิษที่สูงกว่าบ้านเรามาก เพราะฉะนั้นเครื่องยนต์เหล่านี้ก็จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีที่สูงกว่าของบ้านเรา ซึ่งระบบ/อุปกรณ์เหล่านี้พอต้องดูแลซ่อมบำรุง หรือเสียขึ้นมาก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ก็อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ามันไม่ทนทานเท่าไหร่ได้
-
ถ้าวัดที่เครื่องอย่างเดียวไม่นับอุปกรณ์อื่นอย่างเช่นพวกระบบไฟ เทอโบ หัวฉีด พวกนี้ ผมว่าพอๆกันครับ อารมณ์ประมาณว่าอายุไขของเครื่องขับจนโอเวอฮอลแต่ถ้านับทุกอย่างที่ทำงานร่วมกับระบบเครื่องแล้วรถยุโรปทนสู้รถญี่ปุ่นไม่ได้หรอกครับ
-
สมาชิกใหม่ครับ อ่านมา2ปี แต่สมัครยากมาก เพิ่งสำเร็จวันนี้ ดีใจจริงๆ
ได้มีโอกาสแสดงความเห็นบ้าง ผมถนัดเรื่องเครื่องดีเซลครับ
ก่อนจะถึงยุคคอมมอนเรล ไม่มีระบบไฟฟ้ามาเกี่ยวเท่าไร ดีเซลไม่จุกจิกเลย มีแค่น้ำมันกับอากาศ ถ่ายของเหลวตรงเวลาวิ่งได้เป็นล้าน กม
ถึงยุคคอมมอนเรลก็มีบ้างเรื่องระบบไฟ และ ECU แต่ประหยัดน้ำมันได้มาก
บางท่านใช้แต่รถญี่ปุ่น ก็พอใจในความทนทานแล้ว
หากได้สัมผัสรถยุโรปซึ่งมีเทคโนโลยีไปไกลกว่ามาก จะทึ่งในความทนทานและประหยัด
-
ลืม ครับ
เครื่องดีเซล ยุโรป ที่ว่า เหนือกว่าญี่ปุ่น ทั้งความทนทานและประหยัดเชื้อเพลิง
ต้องเทียบที่มาตรฐานเดียวกันด้วย เช่น Euro2 ต้องเหมือนกัน
หาก เอา Euro2 ญี่ปุ่น เทียบกับ Euro3 ยุโรป Euro2ซึ่งซับซ้อนน้อยญี่ปุ่นก็จะทนกว่ายุโรปแน่นอน(แต่ความประหยัดแพ้ยุโรปอยู่ดี)
-
เห็นตามข้างบนนะ มาจากเวบทรัคหรือเปล่าน่ะ
-
ทำกิจการขนส่งครับ แต่รถส่วนตัว ก็ใช้เก๋งD Sgmt และ SUVเก๊ๆ
กำลังหา SUVเก๊ๆ ใหม่ FTN เสียดายไม่มีDiff Lock PJS ก็น่าสนแต่เครื่อง2.4เอง
ควรจะมีตัวTOPให้เลือกที่กำลังเครื่องสูงหน่อย ไม่ใช่ให้กระบะดันรางโชว์พลัง ไล่จี้ตูดแล้วหนีไม่ออก
-
เคยใช้ เบนซ์ ดีเซลรุ่น. W124 (โลงจำปา) เครื่อง om601 พึ่งขายไปเพราะพี่ที่ทำงานที่นับถือขอซื้อ บอกได้เลย อึดมาก
วิ่งไป 2แสน กว่าโลไม่มี ซ่อมหนัก เคยทำท่อส่งน้ำมันเข้าสูบสองแตก วันอาทิตย์หาช่างไม่ได้เลยตัดสินใจใช้คีมบีบปิดท่อไม่ให้
น้ำมันรั่ว. แล้ววิ่งแค่สามสูบปิดแอร์จากถนนพระราม2 ข้ามสะพานพระราม9กลับพัทยาได้อย่างไม่ต้องจอดพัก
เคยไปที่เยอรมัน-อิตาลี่นานมาแล้ว อยู่เป็นปีก็ใช้รถเก๋งเปอร์โย406 ดีเซลที่ทำงานเช่ารายปี ขับกันแบบไม่ถนอมก็ไม่มีปัญหา
แต่ผมว่าที่เมืองไทยดีเซลยุโรูปอาจมีปัญหาที่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้เซ็ตมากับสภาพแวดล้อมบ้านเราเช่นอุณหภูมิ ความชื้นที่สูง
ทำให้เสียหายหรือรวนเร็วกว่าปกติ ครอบครัวผมพึ่งซื้อ mz2 ดีเซลมาใช้เพราะชอบความอึดนี่แหละ
-
เท่าที่ดูแล้ว เหมือนว่า เครื่องดีเซลกระบะ เครื่องใหญ่ แต่แรงไม่มาก เช่น 2.5-3.0 ลิตร 120-180 แรงม้า จะทนกว่าเครื่องดีเซลรถยุโรป ที่เป็นเครื่องบล็อกเล็กกว่า กำลังอัดสูงกว่าและรอบจัดกว่า เช่น 2.0 ลิตร 180-200 แรงม้า เครื่องดีเซล 1.5 ลิตรใน Mazda 2 ก็เช่นกันเพราะแรงม้าและแรงบิดมีมากกว่ากระบะเครื่อง 2.5 สมัยก่อนคอมมอนเรลอีก และยังมากกว่า Vigo 102 แรงม้าตัวแรกๆ ด้วย
แต่ตอนนี้เห็นรถกระบะรุ่นใหม่ๆ เริ่มใช้เครื่องดีเซลแบบลดขนาดเพิ่มกำลังอัดแบยรถยุโรป โดยเฉพาะ Ford Ranger เครื่อง 2.2 ลิตร 160 แรงม้า แรงกว่าเครื่อง 3.0 ในตัวเก่า กับ Mitsubishi Triton เครื่อง 2.4 ลิตร 181 แรงม้า แรงกว่าเครื่อง 3.2 ในตัวเก่า ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าความทนทานอาจลดลงน้อยกว่ากระบะตัวก่อนๆ
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
-
ทำกิจการขนส่งครับ แต่รถส่วนตัว ก็ใช้เก๋งD Sgmt และ SUVเก๊ๆ
กำลังหา SUVเก๊ๆ ใหม่ FTN เสียดายไม่มีDiff Lock PJS ก็น่าสนแต่เครื่อง2.4เอง
ควรจะมีตัวTOPให้เลือกที่กำลังเครื่องสูงหน่อย ไม่ใช่ให้กระบะดันรางโชว์พลัง ไล่จี้ตูดแล้วหนีไม่ออก
ฟอร์ด 3200 สิครับ อิอิ
-
ท่าน johnlee ผมเคยอยู่เป็นสมาชิก truckfanclub แต่เวปล่มไป ใช่เถ้าแก่ไร่อ้อย จอห์นหรือเปล่า
ตอนนั้นผมใช้ชื่อFM2K ถ้าท่านเดียวกัน ก็ดีใจมาเจอกันอีก
ตอนนี้ไม่มีเวป รถใหญ่ให้คุยกันเลย
เอาเก๋งมาเม้าท์ กันแทน
-
แต่ก่อนใช่เดี๋ยวนี้ไม่
ดูก้านสูบมังกรทองกับออนิวดีแม็ก
มังกรไม่โบยังใหญ่กว่าหนากว่า
-
ท่าน johnlee ผมเคยอยู่เป็นสมาชิก truckfanclub แต่เวปล่มไป ใช่เถ้าแก่ไร่อ้อย จอห์นหรือเปล่า
ตอนนั้นผมใช้ชื่อFM2K ถ้าท่านเดียวกัน ก็ดีใจมาเจอกันอีก
ตอนนี้ไม่มีเวป รถใหญ่ให้คุยกันเลย
เอาเก๋งมาเม้าท์ กันแทน
ใช่ครับ ผมไม่มีไร่อ้อย ไม่มีรถใหญ่อะไรเลยครับ ของพ่อตาทั้งนั้น
-
ความทนทานใกล้เคียงกัน แต่ความอึดยกให้ดีเซลรถยุโรป
เดี่ยวนี้เค้านิยมเครื่องยนต์เล็ก แรงม้าเยอะ กำลังอัดเยอะ พอใช้ไปนานๆ 1แสนกิโลขึ้นไป ไม่ค่อยแรงสักเท่าไรครับ