Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Vanz ที่ สิงหาคม 03, 2015, 00:06:28
-
ลองนั่งคำนวณดู ผิดถูกก็ขออภัยด้วยน่ะครับ ;)
ไม่รู้ว่าคิดราคาขายถูกไหม ลองมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันดูครับ
ฟอร์ด Everest 3.2 Titanium+ 4x4 AT 1,599,000 บาท
ภาษีสรรสามิต เดิม
ภาษีสรรสามิต = 20% ของราคารถยนต์
ภาษีมหาดไทย = 10% ภาษีสรรสามิต
ราคาขาย = 1.07*(ราคารถยนต์ + ภาษีสรรสามิต + ภาษีมหาดไทย)
ราคารถยนต์ (ต้นทุน+กำไร) = 1,243,255 บาท
ภาษีสรรสามิต ใหม่
อ้างอิงจาก Ranger 3.2 4X4 AT ปล่อย CO2 = 256 kg/km
เพรานั้น
ภาษีสรรสามิต = 30% ของราคารถยนต์
ภาษีมหาดไทย = 10% ภาษีสรรสามิต
ราคาขาย =1,769,276 บาท
สรุป
ฟอร์ด Everest 3.2 Titanium + 4x4 AT
ราคาปัจจุบัน (ภาษี 2558) = 1,599,000 บาท
ราคาใหม่ (ภาษี 2559) = 1,769,276 บาท
ส่วนต่าง (จ่ายเพิ่ม) = 170,276 บาท
ปล. แก้ไขตัวเลขราคา
-
คำนวน fortuner กะ pajero sport mu x ใหม่ ด้วยสิครับ
-
ผมว่าราคาอาจจะไม่ถึง 1.7 ก็ได้ครับอยู่ที่ ford ด้วยจะแก้เกมราคายังไงถ้าราคาโดดไปแบบนี้ แล้ว ftn ถูกกว่า ขายยากครับ
-
ถามเซลบอกว่าราคาเพิ่มสองแสนกว่า เพราะราคา159เป็นราคาพิเศษครับไม่รู้จริงนึเปล่า
เพราะเคยถามไว้ว่า300คัรแรกได้อะไรเซลบอกได้ราคาพิเศษ
-
สมมติ 3.2 รีด CO2 ลงเหลือไม่เกิน 200 ล่ะครับ
ราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่
-
สมมติ 3.2 รีด CO2 ลงเหลือไม่เกิน 200 ล่ะครับ
ราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่
น่าจะ 1แสนต้นๆหรือเกือบๆ แสน ครับ เพราะ ภาษี จะลดลงเหลือ 25%
-
อนาคตคงจะโดน suv ตีตลาดแน่ๆ เพราะดูแล้วน่าจะปล่อย co2 ได้น้อยกว่า 150 ถ้าเซทเครื่องดีๆ ราคาไม่น่าเพิ่มมาก , cx5,crv, xtrail คงได้รับความนิยมมากขึ้นกว่า ppv ถ้าไม่ปรับให้ค่า co2 ให้เสียภาษีต่ำสุด
-
ทำไมผมคำนวณตามสูตรได้ต้นทุนรถต่างกับ จขกท. นิดหน่อยครับ (ฝากลองดูนะครับว่าคิดถูกไหม)
ให้ต้นทุน + กำไร = A
1,599,000 = 1.07*( A + 0.2A +(0.2)(0.1)A)
A = 1,224,912
ภาษีใหม่ 30%
ราคาขาย = 1.07* (1,224,912 + (0.3)(1,224,912) + (0.3)(0.1)(1,224,912))
= 1,743,172 บาท
เพิ่มมา = 144,172 บาท
ส่วนราคารถปี 2559 ถ้าใช้สมการแบบนี้
ราคาขายปี 2559 = ราคาขายปี 2558 * 1.275/1.22 (ของเดิม 20% เปลี่ยนเป็น 25%)
ราคาขายปี 2559 = ราคาขายปี 2558 * 1.33/1.22 (ของเดิม 20% เปลี่ยนเป็น 30%)
โดยคิดกำไรเท่าเดิม
ผิดถูกยังไงฝากชี้แนะด้วยครับ
-
ภาษีสรรพสามิตคิดจากราคาหน้าโรงงาน ไม่ใช่ราคาขายถอด VAT นะครับ
ไม่ค่อยมีใครรู้ราคาหน้าโรงงานหรอกครับ
แล้วภาษีจริงๆคิดซับซ้อนกว่าที่เห็นมาก ไม่ใช่เอา % คูณตรงๆครับ
ผมลองคิดคร่าวๆ ภาษีที่ฟอร์ดต้องจ่ายเพิ่ม คงราวๆ 180,000 บาท
บังเอิญใกล้เคียงกับที่คุณ Vanz คิดพอดี
-
ภาษีสรรพสามิตคิดจากราคาหน้าโรงงาน ไม่ใช่ราคาขายถอด VAT นะครับ
ไม่ค่อยมีใครรู้ราคาหน้าโรงงานหรอกครับ
แล้วภาษีจริงๆคิดซับซ้อนกว่าที่เห็นมาก ไม่ใช่เอา % คูณตรงๆครับ
ผมลองคิดคร่าวๆ ภาษีที่ฟอร์ดต้องจ่ายเพิ่ม คงราวๆ 180,000 บาท
บังเอิญใกล้เคียงกับที่คุณ Vanz คิดพอดี
ถ้าภาษีสรรพสามิต คิดราคาจากหน้าโรงงาน (ต้นทุน) สมการจะเปลี่ยนไปครับ คือ
ราคาปี 59 = ราคาปี 58 * (1.33A + กำไร) / (1.22A + กำไร) *** A = ราคาหน้าโรงงาน
ถ้าคิดกำไร = 10%,
ราคาขายปี 59 = 1,599,000 * 1.43/1.32
= 1,732,250 บาท
ถ้าคิดกำไร = 20%,
ราคาขายปี 59 = 1,599,000 * 1.53/1.42
= 1,722,866 บาท
ถ้าคิดกำไร = 30% ***,
ราคาขายปี 59 = 1,599,000 * 1.63/1.52
= 1,714,717 บาท
ซึ่งส่วนตัวมองว่ารถยนต์คันนึงกำไรควรไม่น้อยกว่า 30% ครับ
ดังนั้นราคาขาย เพิ่มขึ้นจากเดิม = 115,717 บาท (ในกรณีคิดกำไรที่ 30 % ของราคาหน้าโรงงาน, ซึ่งถ้าคิดแบบนี้ต้นทุนรถคันนี้จะประมาณ 1,051,974 กำไรประมาณคันละ 440k)
ปล. ถ้ากำไรยิ่งเป็น % ที่สูงขึ้น จะยิ่งมีราคาปี 2559 ที่ถูกลงครับ เพราะต้นทุนการคิดภาษีต่ำลง
-
ภาษีสรรพามิตคิดซับซ้อนกว่านั้นครับ ถ้าจำไม่ผิด สูตร จะเป็น
ภาษีสรรพามิต = ราคาหน้าโรงงาน*อัตราภาษี/(1-(1.1*อัตราภาษี))
ส่วนภาษีมหาดไทยคิดตรงๆ
ดังนั้น สมมุติว่า Ford เดิม บวก กำไร 30% จาก ราคาต้นทุน แล้วบวก Vat เป็น 1,599,000 จะได้
Ex work =896,636
Excise tax =229,907
Internal tax = 22,991
Total cost = 1,149,533
Profit 30% = 344,590
Vat 7% = 104,607
Sale price = 1,599,000
ถ้าคำนวนอีกครั้งโดยคิด ภาษี สรรพามิต+มหาดไทย ที่เพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 30% จะได้ = 401,479+40,148 ได้ส่วนต่างเท่ากับ 188,729
แต่โดยส่วนตัวคิดว่า กำไรมาตราฐานเกิน 30% แน่นอน ดังนั้น ต้นทุนหน้าโรงงานก็จะน้อยลงและ ผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มจะน้อยกว่า ตัวเลขข้างต้นด้วย
-
ขอถามครับ:เป็นไปได้ไหมครับที่ รัฐ ..
มีเเผนขยายการปรับภาษีตามการปล่อยมลพิษไปก่อน เเต่ยังไม่ประกาศ
ด้วยยอดขายรถไม่ดีอยู่เเล้วเเละเกรงว่าจะเสียบรรยากาศ การจำหน่ายรถยนต์ช่วงไตรมาศ 3 เเละ 4
เราในฐานะผู้บริโภคก็ กดดัน ต้องรีบเเล้ว ต้องรีบเเล้ว ....อาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้
พนง ขายก็ขู่ตลอดเลยครับ ....
-
ขอถามครับ:เป็นไปได้ไหมครับที่ รัฐ ..
มีเเผนขยายการปรับภาษีตามการปล่อยมลพิษไปก่อน เเต่ยังไม่ประกาศ
ด้วยยอดขายรถไม่ดีอยู่เเล้วเเละเกรงว่าจะเสียบรรยากาศ การจำหน่ายรถยนต์ช่วงไตรมาศ 3 เเละ 4
เราในฐานะผู้บริโภคก็ กดดัน ต้องรีบเเล้ว ต้องรีบเเล้ว ....อาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้
พนง ขายก็ขู่ตลอดเลยครับ ....
ปีหน้าก็จะมีคนไม่พร้อมอีกหล่ะครับ เค้าประกาศว่าจะใช้ภาษีนี้มาหลายปีแล้วนะครับ ทำไมไม่เตรียมตัว ไม่ใช่เพิ่งประกาศวันสองวันนี้ แล้วภาษีนี้ก็เป็นตามมาตรฐานโลกซะที แล้วรถก็มีไม่กี่รุ่นจะตัดสินใจพลาดเลยเหรอครับ
-
ขอถามครับ:เป็นไปได้ไหมครับที่ รัฐ ..
มีเเผนขยายการปรับภาษีตามการปล่อยมลพิษไปก่อน เเต่ยังไม่ประกาศ
ด้วยยอดขายรถไม่ดีอยู่เเล้วเเละเกรงว่าจะเสียบรรยากาศ การจำหน่ายรถยนต์ช่วงไตรมาศ 3 เเละ 4
เราในฐานะผู้บริโภคก็ กดดัน ต้องรีบเเล้ว ต้องรีบเเล้ว ....อาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้
พนง ขายก็ขู่ตลอดเลยครับ ....
ปีหน้าก็จะมีคนไม่พร้อมอีกหล่ะครับ เค้าประกาศว่าจะใช้ภาษีนี้มาหลายปีแล้วนะครับ ทำไมไม่เตรียมตัว ไม่ใช่เพิ่งประกาศวันสองวันนี้ แล้วภาษีนี้ก็เป็นตามมาตรฐานโลกซะที แล้วรถก็มีไม่กี่รุ่นจะตัดสินใจพลาดเลยเหรอครับ
ขอบคุณครับ
ยังรอคำตอบครับ
เห็นด้วยกับนโยบายรัฐ
เเต่ที่ตัดสินใจยากเพราะ รถสมัยนี้มันดีๆทั้งนั้นเลย
มันเบียดข้ามรุ่น เเข่งเเม้เเต่ค่ายเดียวกัน ข้ามsegment
ตั้งใจใว้ใช้นานๆเเต่ราคา ก็สูงมากสำหรับผม
เศรษฐกิจก็ข่าวไม่ดีมากกว่าข่าวดี ...
ด้วยความใจเร็ว เเละข้อมูลไม่ครบพอ
เคยพลาดมาเเล้วครับ
ผมต้องปล่อยจองรถไปเสียไป 50K
ก็เลยไม่อยากใจร้อน อยากได้คำตอบครับ
-
เห็นกระทู้แบบนี้จะนึกถึงคนเดียว คือคุณ H3T
ผมไม่สันทัดเรื่องตัวเลขพวกนี้ เคยได้ให้คุณ H3T สอนวิธีคิดให้คร่าวๆ ถ้าจำไม่ผิด หากรถมีความจุเกิน 3,000 ซี.ซี.
จะโดนคิดสรรพสามิตเป็น 50% หมด (หรือเปล่า)
ถ้าไม่เกิน 3,000 ซี.ซี. ค่อยมาคิดตาม Co2
-
เห็นกระทู้แบบนี้จะนึกถึงคนเดียว คือคุณ H3T
ผมไม่สันทัดเรื่องตัวเลขพวกนี้ เคยได้ให้คุณ H3T สอนวิธีคิดให้คร่าวๆ ถ้าจำไม่ผิด หากรถมีความจุเกิน 3,000 ซี.ซี.
จะโดนคิดสรรพสามิตเป็น 50% หมด (หรือเปล่า)
ถ้าไม่เกิน 3,000 ซี.ซี. ค่อยมาคิดตาม Co2
คุณแพนครับ 3000 CC นั้นถูกต้องสำหรับ รถยนต์นั่งทั่วไป ครับ แต่หัวข้อเรื่ีองในกรณีนี้ เป็น PPV ซึ่ง Pick up ทุกประเภท รวมถึง PPV จะ ถูกจำกัดที่ 3,250cc ถึงจะไม่โดน 50% ไม่อย่างนั้น Ford (และ Mitsubishi ในอดีต)คงไม่กล้า ทำ 3,200 CC ในไทยแน่นอนครับ
-
เกือบสองแสนเลยหรอครับ
แบบนี้คงไม่ไหว 1.599 ขอสู้
เกือบล้านแปดไม่เอาจริงๆ
-
เข้ามาอ่านเสพความรู้ตกใจเลย
ปีนี้ผมไม่พร้อมจริงๆ พึ่งเจ๊งไป 555
ปีหน้าสูงนักใช่ไหม ไม่ง้อก็ได้ 8)
ใช้มันคันเก่าจนกว่าจะพังกันไปข้าง :P
-
บริษัทรถเขาจะปรับราคาใหม่ตามภาษีที่เพิ่มขึ้นเลยเหรอครับ ผมว่าไม่น่าจะใช่นะ คงจะคุมราคาไว้ เพิ่มขึ้นนิดหน่อยยอมเข้าเนื้อได้กำไรน้อยลง
-
ภาษีสรรพามิตคิดซับซ้อนกว่านั้นครับ ถ้าจำไม่ผิด สูตร จะเป็น
ภาษีสรรพามิต = ราคาหน้าโรงงาน*อัตราภาษี/(1-(1.1*อัตราภาษี))
ส่วนภาษีมหาดไทยคิดตรงๆ
ดังนั้น สมมุติว่า Ford เดิม บวก กำไร 30% จาก ราคาต้นทุน แล้วบวก Vat เป็น 1,599,000 จะได้
Ex work =896,636
Excise tax =229,907
Internal tax = 22,991
Total cost = 1,149,533
Profit 30% = 344,590
Vat 7% = 104,607
Sale price = 1,599,000
ถ้าคำนวนอีกครั้งโดยคิด ภาษี สรรพามิต+มหาดไทย ที่เพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 30% จะได้ = 401,479+40,148 ได้ส่วนต่างเท่ากับ 188,729
แต่โดยส่วนตัวคิดว่า กำไรมาตราฐานเกิน 30% แน่นอน ดังนั้น ต้นทุนหน้าโรงงานก็จะน้อยลงและ ผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มจะน้อยกว่า ตัวเลขข้างต้นด้วย
ขอบคุณที่ช่วยแนะนำให้ถูกต้องครับ
เพราะถ้าคิดแบบที่กล่าวมาจะทำให้ในส่วนของภาษีเพิ่มจากเดิม 25.641% โดยประมาณ มาเป็น 44.776% เลยทีเดียว
ภาษีบ้านเรานี่เข้าขั้นโหด อำมหิตเลยครับ พอเอามาคิดจริงๆๆแล้ว
-
ผมเชื่อว่า ราคาปีหน้า ไม่น่าจะเพิ่มมากขนาดนั้นครับ
ค่ายรถคงเตรียมเรื่องนี้ไว้หมดแล้ว
เพราะถ้าPPVราคากระโดดไปที่1.7-1.8ล้าน รับรอบขายไม่ออกแน่ 1.6ล้านยังขายกันเหนื่อยเลย (ไม่นับEVที่เพิ่งเปิดตัว รถส่งมอบน้อยมาก ไม่พอขาย)
-
ขอบคุณที่ช่วยแนะนำให้ถูกต้องครับ
เพราะถ้าคิดแบบที่กล่าวมาจะทำให้ในส่วนของภาษีเพิ่มจากเดิม 25.641% โดยประมาณ มาเป็น 44.776% เลยทีเดียว
ภาษีบ้านเรานี่เข้าขั้นโหด อำมหิตเลยครับ พอเอามาคิดจริงๆๆแล้ว
แต่ถ้ารวมภาษีมหาดไทยเข้าไปด้วย ม้ันจะเป็น เพิ่มจาก 28.21% เป็น 49.25% เลยนะครับ ยังไม่รวม Vat ที่ทวีเพิ่มเข้าไปอีก
ลองดู ว่าถ้าจะนำเข้าเอง รถแรงๆ เกิน 3,000 CC หรือตามภาษีปัจจุบันที่แรงม้าเกิน 220 HP จะ โดน ภาษีนำเข้า 80% สรรพสามิต 50% มหาดไทย 10%ของสรรพสามิต Vat 7% จากราคา CIF 100 บาท กลายเป็น 428 บาท โดยไม่รวมค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด
ดังนั้น เป็นเหตุผลว่า รถอย่าง A45amg ถึงแพงมากเพราะแรงม้าเกิน 220HP แต่ถ้าปีหน้า จาก 50% จะเหลือ 35% จาก CIF 100 บาท จะกลายเป็น 313 บาท จะดูสิว่า Mercedes Benz จะทำราคาได้เท่าไร
-
ผมเชื่อว่า ราคาปีหน้า ไม่น่าจะเพิ่มมากขนาดนั้นครับ
ค่ายรถคงเตรียมเรื่องนี้ไว้หมดแล้ว
เพราะถ้าPPVราคากระโดดไปที่1.7-1.8ล้าน รับรอบขายไม่ออกแน่ 1.6ล้านยังขายกันเหนื่อยเลย (ไม่นับEVที่เพิ่งเปิดตัว รถส่งมอบน้อยมาก ไม่พอขาย)
แต่คนในบอกว่าปรับขึ้นเกือบ 2 แสนครับ everest 3.2+
-
วิธีคำนวนภาษีตามที่คุณ intania68 ลงเอาไว้ ถูกค้องครับ ราคาหน้าโรงงานคือตัวตั้งของการคำนวณ
เพียงแต่ถามว่า หัวข้อกระทู้คำนวณราคาของ Everest 3.2 ในปีหน้า มันมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องครับ ซึ่งถ้านับเฉพาะเรื่องการปรับพิกัดการคำนวณภาษีสรรพสามิตใหม่ ยังไงก็ขึ้นครับ เพียงแต่จะมากน้อยเท่าไหร่บอกตรงๆว่า ไม่มีข้อมูลการยื่นภาษีสรรพสามิตมาสู่สาธารณะแน่นอนครับ ( จะมีให้ทราบๆกันก็ตอนคืนภาษีรถคันแรก )
ส่วนกว่าจะเป็นราคาขายก็ประกอบไปด้วย
1. ราคาหน้าโรงงาน ( บวกกำไรโรงงานมาต่อหนึ่ง )
2. ภาษีที่ต้องจ่าย
3. กำไร
4. ต้นทุนการบริหารจัดการจนถึง dealer
ถ้าส่วนใดมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ภาษี ซึ่งมีการเตรียมไว้ล่วงหน้า ทางผู้ผลิตสามารถวางแผนไว้แล้ว ก็สามารถออกได้หลายกรณี เช่น ต้นทุนภาษีขึ้น 100 บาท
1. บวกไปในราคาขาย 100 บาท
2. บวกไปในราคาขาย 100 บาท แต่เพิ่มออปชั่นให้ด้วย
3. บวกไปในราคาขายไม่ถึง 100 บาท
เท่าที่ผมพอได้ทราบมา Everest 3.2 ทาง Ford ไม่มีนโยบายจะลดมลพิษ Co2 ให้ต่ำกว่า 200 g/km ดังนั้นยังไงก็ต้องอยู่ในพิกัด 30% แน่นอน เพียงแต่จะไม่ใช่ขึ้นราคาขายอย่างเดียว แต่จะใส่ออปชั่นเพิ่มเข้ามาชดเชยบางส่วนแทน ( ในกรณีที่ 2 )
-
วิธีคำนวนภาษีตามที่คุณ intania68 ลงเอาไว้ ถูกค้องครับ ราคาหน้าโรงงานคือตัวตั้งของการคำนวณ
เพียงแต่ถามว่า หัวข้อกระทู้คำนวณราคาของ Everest 3.2 ในปีหน้า มันมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องครับ ซึ่งถ้านับเฉพาะเรื่องการปรับพิกัดการคำนวณภาษีสรรพสามิตใหม่ ยังไงก็ขึ้นครับ เพียงแต่จะมากน้อยเท่าไหร่บอกตรงๆว่า ไม่มีข้อมูลการยื่นภาษีสรรพสามิตมาสู่สาธารณะแน่นอนครับ ( จะมีให้ทราบๆกันก็ตอนคืนภาษีรถคันแรก )
ส่วนกว่าจะเป็นราคาขายก็ประกอบไปด้วย
1. ราคาหน้าโรงงาน ( บวกกำไรโรงงานมาต่อหนึ่ง )
2. ภาษีที่ต้องจ่าย
3. กำไร
4. ต้นทุนการบริหารจัดการจนถึง dealer
ถ้าส่วนใดมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ภาษี ซึ่งมีการเตรียมไว้ล่วงหน้า ทางผู้ผลิตสามารถวางแผนไว้แล้ว ก็สามารถออกได้หลายกรณี เช่น ต้นทุนภาษีขึ้น 100 บาท
1. บวกไปในราคาขาย 100 บาท
2. บวกไปในราคาขาย 100 บาท แต่เพิ่มออปชั่นให้ด้วย
3. บวกไปในราคาขายไม่ถึง 100 บาท
เท่าที่ผมพอได้ทราบมา Everest 3.2 ทาง Ford ไม่มีนโยบายจะลดมลพิษ Co2 ให้ต่ำกว่า 200 g/km ดังนั้นยังไงก็ต้องอยู่ในพิกัด 30% แน่นอน เพียงแต่จะไม่ใช่ขึ้นราคาขายอย่างเดียว แต่จะใส่ออปชั่นเพิ่มเข้ามาชดเชยบางส่วนแทน ( ในกรณีที่ 2 )
ยังเหลือออฟชั่นอะไรให้ใส่อีกหรอครับ
-
2.7 L turbo V6 EcoBoost ขอฝันแผบ :P
-
วิธีคำนวนภาษีตามที่คุณ intania68 ลงเอาไว้ ถูกค้องครับ ราคาหน้าโรงงานคือตัวตั้งของการคำนวณ
เพียงแต่ถามว่า หัวข้อกระทู้คำนวณราคาของ Everest 3.2 ในปีหน้า มันมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องครับ ซึ่งถ้านับเฉพาะเรื่องการปรับพิกัดการคำนวณภาษีสรรพสามิตใหม่ ยังไงก็ขึ้นครับ เพียงแต่จะมากน้อยเท่าไหร่บอกตรงๆว่า ไม่มีข้อมูลการยื่นภาษีสรรพสามิตมาสู่สาธารณะแน่นอนครับ ( จะมีให้ทราบๆกันก็ตอนคืนภาษีรถคันแรก )
ส่วนกว่าจะเป็นราคาขายก็ประกอบไปด้วย
1. ราคาหน้าโรงงาน ( บวกกำไรโรงงานมาต่อหนึ่ง )
2. ภาษีที่ต้องจ่าย
3. กำไร
4. ต้นทุนการบริหารจัดการจนถึง dealer
ถ้าส่วนใดมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ภาษี ซึ่งมีการเตรียมไว้ล่วงหน้า ทางผู้ผลิตสามารถวางแผนไว้แล้ว ก็สามารถออกได้หลายกรณี เช่น ต้นทุนภาษีขึ้น 100 บาท
1. บวกไปในราคาขาย 100 บาท
2. บวกไปในราคาขาย 100 บาท แต่เพิ่มออปชั่นให้ด้วย
3. บวกไปในราคาขายไม่ถึง 100 บาท
เท่าที่ผมพอได้ทราบมา Everest 3.2 ทาง Ford ไม่มีนโยบายจะลดมลพิษ Co2 ให้ต่ำกว่า 200 g/km ดังนั้นยังไงก็ต้องอยู่ในพิกัด 30% แน่นอน เพียงแต่จะไม่ใช่ขึ้นราคาขายอย่างเดียว แต่จะใส่ออปชั่นเพิ่มเข้ามาชดเชยบางส่วนแทน ( ในกรณีที่ 2 )
ยังเหลือออฟชั่นอะไรให้ใส่อีกหรอครับ
อ๊อปชั่นที่ขาดจากการไม่ได้ติดตั้งกล้องหน้า เรดาหน้ารถคับ
-adaptive cruise control
-lane keeping aid
-lane departure warning
-forward collision waring system
-auto high beam
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เยี่ยมเลย
-
แล้วสมมติว่าจองปีนี้ แต่เขาส่งรถไม่ได้ในปีนี้ ปีหน้า ก็โดนขึ้นราคาเหมือนเดิมใช่ไหมครับผม
ผมได้แต่หวังว่า บ.รถ จะหาทางแก้ไข ไม่ให้ขึ้นเยอะ แต่ผมก็หวังอีกว่า ถ้าขึ้นไปแพงรถขายไม่ออก ยังไงก็ต้องลดราคาสู้เหมือนเดิม
เพราะเหมือนอย่างการจะเปลี่ยนรุ่นใหม่ ยังลดกันเป็นแสน ผมว่า ก็น่าจะลดนะครับ
แฟนบอกว่า ขึ้นสองแสน ปีหน้า ก็ไม่มีปัญหา ซะงั้น 555
แต่ยังไงปีนี้ก็ยังไม่ซื้อครับ ขอรอให้รถแบบมีพร้อมๆ ไม่ต้องไปจองแล้วรอครับ :) กลัวว่า
กำลังเปลี่ยนใจ ผบ ให้มาชอบ Ford รุ่นนี้อยู่ครับ :)