Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: jztang ที่ กันยายน 07, 2015, 16:11:43
-
ปกติแล้ว ที่บ้านใช้รถเป็นชีวิตประจำวัน ใช้งานทั่วๆไป ไม่ได้เอาไปลุยที่ไหน ออก ตจว. เรื่อยๆ จังหวัดใกล้บ้าง ไกลบ้าง แล้วแต่โอกาส
จึงมองเป็นตัว 4X2 ทั้งสามยี่ห้อ
1. EV 2.2AT 1,269,000 บาท
2. FTN 2.4V AT 1,369,000 บาท
3. PJS 2.4GT AT 1,250,000 บาท *(ไม่ได้เรียงลำดับความต้องการ)
ปกติจะเป็นคนขับรถเอง เลยสนใจเรื่องช่วงล่างและระบบความปลอดภัยของรถเป็นส่วนใหญ่
ส่วน option ภายใน PJS จัดเต็มมาในรุ่นนี้ ให้มาในราคาถูกกว่า EV, FTN ซึ่งผมให้ความสนใจ แต่ติดเรื่องการกินน้ำมันหนักและคุณภาพวัสดุที่เปราะกว่ายี่ห้ออื่น(ความเชื่อเดิม)
PJS และ FTN ได้ paddle shift, Navi, กล้องถอยหลัง ในราคาต่างกันแสนต้น ส่วนEVไม่ได้ Navi, Paddleshift แต่ได้เซนเซอร์ถอยหลังแทน *ผมไปเพิ่มกล้องมองหลังเสียบกับจอเองได้มั้ยครับ
สรุปคือไม่ซีเรียสเรื่องoptionภายในต่างๆ ถ้ามีก็ดี ถ้าไม่มีก็อยากติดเพิ่มบางอย่าง แต่อยากได้ความปลอดภัยกับช่วงล่างที่ไว้ใจมากกว่า
ต่างค่ายต่างมีข้อดีข้อเสีย เลือกไม่ถูกเลยครับ ;D ;D ;D
-
ถ้าใช้ยาวๆ ไป ฟอร์ ครับ
-
PJS 2.4GT ครับ
-
เน้นช่วงล่าง เป็นผมตัด FTN ไปครับ
ค่อยมาวัดตัวที่เหลือ
-
PJS ครับ
-
ถ้าวัดกันที่เหตุผล ปาเจโร่กินนิ่ม อีก2ค่ายแบบไม่ต้องเคี้ยวเลยครับ แต่ถ้าใช้อารมณ์ ต้องดูเป็นข้อๆไปครับ
-
คุณจะเหลือตัวเลือก2ตัวครับ
ยอมรับว่าใครเลือกรถกลุ่มนี้ ปวดหัวทุกคน ตัวเลือกดีๆทั้งนั้น
ผมปวดหัวกับ เอเวอเรสกับปาปอตมาตั้งนาน เราค่อยมาเลือกอีกที
สำหรับผมรถกลุ่มนี้ เชื่อผมเถอะครับ บริโภคใกล้เคียงกันหมดแหละ
ไม่เกินกันหรอก ที่ว่ากินนะเพราะเราเอาตัวขับ4ไปเทียบขับ2ในกลุ่มครับ
หาสิ่งที่ตัวเองต้องการ แล้วจะเจอรถที่ใช่ ผมยังไม่เอาฟร์อด เพราะทำบุญกับเค้ามาน้อย
มิตซูคบหามานาน แม้บางทีน่าเบื่อเรื่องดีลเลอร์ แต่ศูนย์ใหญ่ตามเรื่องดีผมชอบ
ผมไม่ได้เอารถมาเน้นลุยหนักๆ มีบ้างแค่ระดับกลางๆ ลุยโคลนเล็กน้อย
น้ำท่วมปานกลาง ปีนเขาบ้างครั้งคราว ปี1-2ครั้ง นอกนั้นในเมือง
ผมว่า ปาปอต เหมาะกับผมสุดละ ที่สำคัญ มิตซูออกให้หมดที่ผมอยากได้
ในราคาที่ต่ำกว่าเพื่อน ผมสบายใจที่จะจ่ายเงินขนาดนี้ แต่ได้ของที่ผมอยากมีครบมากกว่า
-
ยังไม่เคยได้ลอง new for กับ new pa. แต่ new ev ขับดีครับ วัสดุผ่าน เหลือแต่เครื่องที่ผมติว่า 2.2 มันขาดไป
-
ถัากังวลเรื่องวัสดุว่าจะแตกหรือเปราะไหม ผมใช้ มิตซู 3 คัน 1 คัน 10 ปี อีกคัน 5ปี อีกคันจะสามปี ยังไม่เห็นมีอะไรเปราะแตกเพราะอายุหรือการใช้งานในชีวิตประจำวันเลยครับ ผมว่าถ้าเลือกมิตซู ข้อนี้ผมว่าไม่น่าห่วง ไม่อวยนะครับ 3 ตัวเลือกนี้ ผมเอา for ผมชอบเครื่องพี่โตมากกว่า และเบาะหลังที่นั่งได้ดีกว่า ผมขับรถส่วนใหญ่ไม่เกิน 110 ครับ
-
ผมว่าทั้งสามคันดีหมดนะครับ ดังนั้นเวลาจะเลือกต้องไปลองนั่งลองขับจริงจังบนถนนพร้อมกับดูความต้องการของตัวเองครับ ประมาณ ผู้โดยสารกี่คน ต้องการช่วงล่างแบบไหน(ถ้าต้องการเดิมๆ ไม่เปลี่ยนอะไร) น้ำหนักพวงมาลัย คันเร่ง เบรค พื้นที่วางขา พื้นที่วางแขน ทัศนะวิสัย โอเคกับมันหรือเปล่า เบาะแถว 2 แถว 3 ใครนั่ง แฮปปี้กันมั้ย ใช้บ่อยหรือไม่ สุดท้าย ศูนย์บริการจ้าวไหนไกลตัวเราเกินไปหรือไม่ อัตราบริโภคน้ำมันซีเรียสแค่ไหน (ดูตัวเลขเป็นแนวทางได้ใน HLM คับ จำไม่ได้ว่ามาหมดหรือยัง)
-
ต่างกันที่ทดลองขับครับ ต้องไปลองก่อนตัดสินใจ
-
ผมตัด FTN ทิ้งไปก่อน ก็เล่นแพงกว่าเป็นแสน
ทีนี้มา 2.2 EV ภายในสวยกว่า แต่ก็อืดกว่า ความประหยัด
ยังไม่รู้ ชอบขับเร็ว เลือก PJS ศูนย์ก้น่าจะไว้ใจได้กว่าเล็กน้อยด้วย
8)
-
ถ้าเน้นตัว TOP ที่คุ้มค่า มีทุกอย่างที่คุณต้องการ
ขอได้ทุกอย่างที่คุณฝันหา ไป PJS 4WD ครับ
ปล.ลองนั่ง Fortuner ใหม่แล้วอึดอัดกว่า Fortuner เดิมที่ใช้อยู่อย่างชัดเจน เพดานใกล้หัวมากกว่าเดิม
ทำให้รัก Fortuner เดิมที่มีอยู่มากมายครับ อิอิ (ปลอบใจตัวเองมานาน :P :P)
-
EV 2.2AT 1,269,000 บาท มีถุงลม 6 ใบ ครับ
-
อาจจะไม่เกี่ยวกับตัวรถทั้ง 3 คันน่ะครับ
แต่ขอ share ในมุมมองคนที่อยู่ในฐานะ บ.คู่ค้าของทั้ง โตต้า, มิตซู และฟอร์ด น่ะครับ
กับประสบการณ์ที่สัมผัสมา
ผมเรียงจากมากไปหาน้อย ดังนี้
TOYOTA > MITSUBISHI>FORD
ก็เลยพอเดาออกว่าทำไมรถบางคันดู simple แต่เสถียร
กับอีกบางคัน คิดเยอะ ทำเยอะ แต่ รวนๆ งงๆ
ปล. บ. ผมก็ไม่ได้ประเสร็ฐอะไร แค่รู้เขารู้เรา
-
เรื่องกินน้ำมันผมว่าไม่ต่างกันมาก ผมว่าเล่นปาตัวท็อป จบยาวเลยครับ
-
โจทย์หลักคือโฟกัสไปที่ ช่วงล่างและความปลอดภัย ออฟชั่นอื่นๆเฉยๆ
จบที่ EV 2.2 ครับ ถุงลมมา6ใบพร้อมช่วงล่างที่ดูจะมั่นที่สุดในคลาส
FTN 7ใบ แต่ช่วงล่างมั่นไม่เท่า ส่วนPJS ถุงลมแค่2ใบ
ปล.ถ้าผมจำไม่ผิด EVมีจอสัมผัสทุกรุ่น งั้นก็แสดงว่าสามารถติดกล้องมองหลังเป็นอุปกรณ์เสริมได้ครับ ติดต่อเซลได้เลยสบายมาก
-
ปวดหัวระหว่าง EV กับ PJS เมือวานได้รอง EV กับ FTN ลอง EV เสร็จไปลองF ต่อเลย F ห่วยมากทั้งช่วงล่างเบาะได้ไปลองแล้วถ้ามองแค่ตัวรถไม่นับ 0 FT ห่วยสุด EV น่าใช้แต่ PJS ยังไม่ได้ลอง EV นิ่งเงียบอารมณ์รู้สึกว่าเงีบกว่าเอกเทรลอีกก่อนหน้านี้ไปลองเอกเทรลมาถ้าPJSทำช่วงล่างได้แบบFTR ก็คงต้องขอลาไปหา EV ดีกว่า เป็นความเห็นส่วนตัวไม่ใช้ติ่งค่ายไดๆทั้งสิ้นฟังคนอืนมากก็เขวผมว่าไปลองเองดีที่สุด
ส่วนตัวจอง PJS ตัวขับ4ไว้รับรถตุลาแต่จะไปลองขับก่อนเซลล์บอกไม่พอใจคืนเงินจองได้ก็เลยจองไว้ ตอนนี้ได้ลอง EV แล้วติดใจแต่ตัวท๊อปเซลล์บอกรับจองในราคา 1.85ล้านรับรถกลางปีหน้าถ้าไปลองPJSแล้วช่วงล่างดีกว่าFTNตัว2.8แต่เป็นรองEV ก็คงตกลงเอาPJS ประหยัดเงินไปได้อีก 2แสนเอาไว้เติมน้ำมัน สุดท้ายต้องไปดูไปทดลองขับเองเลยชอบแบบไหนคันไหนขับสบายคันไหนซื้อแล้วสบายใจเราก็จัดไปเลยครับ
-
ปวดหัวระหว่าง EV กับ PJS เมือวานได้รอง EV กับ FTN ลอง EV เสร็จไปลองF ต่อเลย F ห่วยมากทั้งช่วงล่างเบาะได้ไปลองแล้วถ้ามองแค่ตัวรถไม่นับ 0 FT ห่วยสุด EV น่าใช้แต่ PJS ยังไม่ได้ลอง EV นิ่งเงียบอารมณ์รู้สึกว่าเงีบกว่าเอกเทรลอีกก่อนหน้านี้ไปลองเอกเทรลมาถ้าPJSทำช่วงล่างได้แบบFTR ก็คงต้องขอลาไปหา EV ดีกว่า เป็นความเห็นส่วนตัวไม่ใช้ติ่งค่ายไดๆทั้งสิ้นฟังคนอืนมากก็เขวผมว่าไปลองเองดีที่สุด
ส่วนตัวจอง PJS ตัวขับ4ไว้รับรถตุลาแต่จะไปลองขับก่อนเซลล์บอกไม่พอใจคืนเงินจองได้ก็เลยจองไว้ ตอนนี้ได้ลอง EV แล้วติดใจแต่ตัวท๊อปเซลล์บอกรับจองในราคา 1.85ล้านรับรถกลางปีหน้าถ้าไปลองPJSแล้วช่วงล่างดีกว่าFTNตัว2.8แต่เป็นรองEV ก็คงตกลงเอาPJS ประหยัดเงินไปได้อีก 2แสนเอาไว้เติมน้ำมัน สุดท้ายต้องไปดูไปทดลองขับเองเลยชอบแบบไหนคันไหนขับสบายคันไหนซื้อแล้วสบายใจเราก็จัดไปเลยครับ
EV ตัว TOP ราคาขึ้นไปโหดจังครับผม ถ้าราคานี้ความน่าซื้อหายไปเลยครับผม
-
EV 1.85M แม่เจ้า คนซื้อนี่ไม่รวยธรรมดา ต้องรวยมากๆเรย
-
EV 1.85M แม่เจ้า คนซื้อนี่ไม่รวยธรรมดา ต้องรวยมากๆเรย
แต่ผมได้ยินแว่วๆ มาว่า ..
ราคาใหม่ มันจะมาพร้อมกับ Option เพิ่มเติม สเปคส่งนอกเลยทีเดียว
ทั้ง Adaptive Cruise Control, Forward Collision Alert, Lane Departure Warning
เผลอๆ ได้ ภายในสีดำ และ GPS เพิ่มเข้ามาอีก .....
ปล. รอดูกันเอาเองนะครับ ว่าจริงหรือไม่จริง ;) ;) ;) ;)
-
เป็นผมเอา Everest 2.2 ครับเพราะผมให้คะแนนจาก innovative ของรถไปไกลกว่าอีก 2 เจ้าเยอะแถมหน้าตาดีกว่าด้วยครับ อีก 2 เจ้า
ยิ่งโดยเฉพาะเจ้าที่รุ่นทอปเค้าลดแถมประกันด้วย ผมว่ามันหยั่งกับรถรุ่นเดิมเลย อยากลองขับมากจะดูว่าดีกว่ารุ่นเดิมบ้างมั้ย เสียงเครื่องดังสนั่น
เมืองกับคันเร่งที่แสนช้าจะยังอยู่ไหม ส่วน fortunerตัว 1.369 เป็นตัวที่คุ้มสุดครับของ fortuner ตอนนี้ก้ใช้ได้นะครับอืดหน่อยแต่ก้คงไม่ต่าง
กับ 2.2 ของ Everest มาก EV รุ่นทอป ถ้าไปถึง 1.85 จริงให้ออปชั่นเพิ่มก้จริงแต่ก้คงไม่ขายอะไรเยอะสมใจ AAT เค้าล่ะครับ 1.85 นี่ราคา
ผมเฉยๆแต่รอถึงกลางปีหน้าซื้อรถบ้านนะครับไม่ใช่ Supercar
-
ผมจอง PJS GT Top ไปแล้ว
ใน 3 ตัวนี้ รายละเอียด EVE นี่ผมรู้ มาไม่ค่อยมาก แต่รู้ว่าระบบความปลอดภัยค่อนข้างเต็ม
ส่วน FTN กับ PJS นี่รู้ค่อนข้างมาก เพราะศึกษามาพอควร
เพราะผมจอง PJS Top ไปแล้วเอามาเปรียบกับ FTN 2.4V ขับสอง
จริงๆ มันเปรียบกันไม่ได้เพราะ มันต้องเอาตัว Top เปรียบกัน (ถึงเอาตัว Top เปรียบกัน options ก็ห่างกันไกล)
แต่ผมเอาราคา 1.4ล. มาเป็นตัวเปรียบเทียบ
ว่าด้วยตัวขับสอง FTN นี่ราคาไม่ได้จบแค่ 1.369ล. นะ ต้องมี ค่า ป.1 ประมาณ 28,000
คือ FTN 2.4V นี่ซื้อจริงจะจบใกล้ๆ 1.4ล. ส่วนค่าจดทะเบียนโดนเพิ่มอีกทุกยี่ห้อ
ส่วนต่างกับยี่ห้ออื่น ประมาณ 1.5แสน นี่มากพอไหม ลองคิดดูเอาเอง
พอถึงเวลาขายต่อ เข้าใจว่า FTN น่าจะดีกว่า แต่ก็ต้องเอา 1.5 แสนมาคิดด้วย
FTN ให้ถุงลมมา 7 ใบ แต่ PJS ให้มาแค่ 2 ใบ สำหรับรุ่นขับ 2
และที่ต้องคิดเพิ่ม ในสิ่งที่ FTN ไม่มี คือ
1.ดิสค์เบรคหลัง
2.เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า
3.จอกลางเพดาน
4.มีระบบเบรคอัตโนมัติเมื่อใกล้คันหน้ามาก
5.cruise control
สิ่งที่ไม่มีนี่คิดเป็นตัวเงินน่าจะหลายตังค์อยู่และติดตั้งเพิ่มเติมเอง ก็ไม่น่าจะได้ดีเท่าโรงงาน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เงินคุณ เงินครอบครัวคุณ คุณต้องตัดสินใจเอาเอง
คือ สำหรับ คห.ต่างๆ นี่อ่านได้ แต่เขาไม่ได้มาอยู่ในจุดที่คิดจะซื้อจริง เพราะฉนั้นมันจึงต่างกัน...
คือ ที่ผมเลือก PJS GT Top เพราะ
1. ที่บ้านช่วยกันเลือก
2. ราคาห่างกับตัว Top ยี่ห้ออื่นประมาณ 2 แสน
3. Options ค่อนข้างเยอะ และไม่น่าจะล้าสมัยสำหรับ 10ปี
4. ศูนย์บริการใกล้ๆ บ้านผมไว้ใจได้
5. ราคาขายต่อ ถ้ามองตัวก่อนปัจจุบัน เมื่อเทียบกับยี่ห้อหลัก ไม่แตกต่าง เมื่อเทียบกับราคาขาย
ในตอนนั้นๆ
ลองตัดสินใจดูครับ 3 ตัวนี้เลือกยังไงก็ไม่ผิดหวัง
-
3 ชม.ครับ ที่ห้าง ประชาสัมพันธ์ประกาศมากกว่า 10 รอบ ยามโมโหแทนผมมาก ยามมาขอโทษว่าดูไม่ทัน ปรกติยามจะมาเดินรอบอกพวกจอดปิดให้ปลดเกียร์และเบรค
สรุป มนุษย์ป้าและลูกสาวกลับมา ยามเตือนไปว่าคุณทำคนอื่นเดือดร้อนนะครับ 2 แม่ลูกเปิดฉากด่ายามแล้วชี้มาด่าผม บอกว่าก็พวกมึงจอดกันเต็มกูไม่มีที่จอด!!!!!!
ยามบอกจอดได้แต่ต้องปลดเบรคกับเกียร์ มันด่ายามว่านี่รถแพง เกียร์ออโต้ทำโง่ๆแบบนั้นไม่ได้เดี๋ยวรถพัง!!!!!
แล้วขับรถฉุนเฉียวออกไปทิ้งผมกับยามยืนงงๆว่า ตกลงกูผิดเหรอ?
-
3 ชม.ครับ ที่ห้าง ประชาสัมพันธ์ประกาศมากกว่า 10 รอบ ยามโมโหแทนผมมาก ยามมาขอโทษว่าดูไม่ทัน ปรกติยามจะมาเดินรอบอกพวกจอดปิดให้ปลดเกียร์และเบรค
สรุป มนุษย์ป้าและลูกสาวกลับมา ยามเตือนไปว่าคุณทำคนอื่นเดือดร้อนนะครับ 2 แม่ลูกเปิดฉากด่ายามแล้วชี้มาด่าผม บอกว่าก็พวกมึงจอดกันเต็มกูไม่มีที่จอด!!!!!!
ยามบอกจอดได้แต่ต้องปลดเบรคกับเกียร์ มันด่ายามว่านี่รถแพง เกียร์ออโต้ทำโง่ๆแบบนั้นไม่ได้เดี๋ยวรถพัง!!!!!
แล้วขับรถฉุนเฉียวออกไปทิ้งผมกับยามยืนงงๆว่า ตกลงกูผิดเหรอ?
ผิดกระทู้ครับ สงสัยจะตาลาย 55
-
ทีแรกก็คิดเข้าข้างตัวเองว่ากะจะซื้อใช้ไปยันลูกบวช แต่พอมีโฉมใหม่ออกมาก็เกิดกิเลสอยากเปลี่ยนบ้าง ถ้าไม่อยากเจ็บเยอะตอนขายเลือก FTN เจ็บน้อยสุดแล้วครับ
-
คล้ายๆกับที่บ้านผมเลย น้องเขยผมก็หา PPV ไว้ใช่เช่นกัน แต่ตัด FTN เพราะที่บ้านมีแต่โตโยต้า และเขาไม่ชอบหน้าตา
ตอนแรกชอบ PJRS และจองตัวรองท๊อปไป ผมเองก็เชียน้องเขยออก PJRS รอแค่ยื่นเรื่องทำไฟแนนซ์ แต่เจ้าตัวก็ให้ผมพาไปดูตัวจริง
เลยพาไปงาน BIG motor sale ดูจนหนำใจเช้ายันเย็น
สรุปคือถอนจอง PJRS และจอง EV 2.2 ไป ได้รถมาขับเรียบร้อย โดยเหตุผลของน้องเขยคือ ภายใน 100%
1. เล็ก และแคบ
2. วัสดุดูราคาถูก ไม่สวย
3. การประกอบแย่
ผมก็ถามเขาไปว่าแล้วทำไมเอา EV 2.2 ไม่เอา 3.2 ตัวกลาง ไม่กลัวอืดเหรอ PJRS 2.4 ก็น่าจะแรงดีนะ
มันก็ตอบว่า "ขับ 4 ไม่ได้ใช้แน่ๆ เลยตัด EV 3.2 ถึงเครื่อง 2.2 อืดไปนิด แต่ความแรงเครื่องดีเซลมันปรับได้ไม่ยาก ส่วน PJRS เกลียดภายในล้วนๆ และชอบภายใน EV แบบตัว 2.2 ก็สวยแล้ว ขับรถอยู่ในรถ เห็นภายในมันตลอด ถ้าไม่ชอบภายในมันจะมีความสุขในการใช้รถได้ยังไง ภายนอกอาจจะหล่อ แต่มีใครบ้ามานั่งดูภายนอกรถตัวเองนานกว่านั่งขับอยู่ภายในรถ" ก็จริงของเขานะครับ 555+
-
เรียนถามครับผม
ถ้าซื้อ Everest ไม่ว่ารุ่นใด กล้วเรื่องการบริการหลังการขายไหมครับผม
เอาเป็นว่า ถึงแม้จะมีรถหลายคันที่บ้านก็ตาม ถ้ารถคันที่เรารักจอดสัก 1 เดือน วิ่งไม่ได้จะรู้สึกกันยังไงครับ
หรือว่า จริงๆ แล้ว Ford ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นนั้นครับผม หรือว่า ถ้าจะเอา Everest จริงๆ ต้องทำใจเรื่องอะไรบ้างครับ
คือจะได้หาเหตุผลให้ ผบ. ที่บ้านเข้าใจครับผม
:)
-
เรียนถามครับผม
ถ้าซื้อ Everest ไม่ว่ารุ่นใด กล้วเรื่องการบริการหลังการขายไหมครับผม
เอาเป็นว่า ถึงแม้จะมีรถหลายคันที่บ้านก็ตาม ถ้ารถคันที่เรารักจอดสัก 1 เดือน วิ่งไม่ได้จะรู้สึกกันยังไงครับ
หรือว่า จริงๆ แล้ว Ford ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นนั้นครับผม หรือว่า ถ้าจะเอา Everest จริงๆ ต้องทำใจเรื่องอะไรบ้างครับ
คือจะได้หาเหตุผลให้ ผบ. ที่บ้านเข้าใจครับผม
:)
ถ้ารถไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมายหรือถึงขั้นหนัก สำหรับผม0บริการไม่มีอยู่ในหัวเลยครับในการเลือกซื้อรถ
ผมก็มีสวิฟอีโค่ใช้อยู่ บอกเลย0มันไม่ได้เลิศเลอแต่ก็ไม่ได้ห่วยแตกขนาดหนัก ส่วนการแก้ไขปัญหาต่างๆและวิธีการทำงานต่างๆโดยรวมแล้ว ผมว่ารับได้นะครับ
แต่ที่ผมกลัวมากที่สุดเลยคือ รถที่มีดีเฟ็คเยอะเกินเหตุและน่ากลัวจนเกินไป เช่นดับกลางอากาศไรงี้ ที่มันส่งผลถึงอันตรายต่อชีวิต หรือซื้อรถใหม่มาเข้า0เป็นว่าเล่น
แล้ว0ก็ห่วยแตก ปัดความรับผิดชอบบ้างหรือจงใจจะไม่รับผิดชอบ แก้ไขไม่ตรงจุดบ้าง ไม่มีความชำนาญบ้าง แบบนี้หล่ะน่ากลัวครับสำหรับเรื่อง0บริการ
ปล.สวิฟผมไม่มีดีเฟ็คหรือปัญหาใดๆเลยทั้งสิ้น คงเป็น1ใน1000ที่รอดมาได้ ผมถามคนอื่นๆเค้าบายกับค่ายนี้แล้วครับ แต่สำหรับผมยังมีอยู่ในตัวเลือกอยู่
ส่วนฟอร์ดไม่เคยใช้เหมือนกัน เห็นรถเก๋งก็มีปัญหากันทั้งนั้นรวมถึงรถคนใกล้ตัว กระบะT6ก็เห็นในเฟสว่ามีปัญหาหลายคันเหมือนกัน(แต่ไม่ได้เจาะลึกถึงรายละเอียดนะครับ)
-
ผมเลือกแล้ว ตัวเลือกคือFord Everest วิธีเลือกของผมคือ ความสวยลงตัวภายนอกและภายในต้องถูกกับรสนิยมของตัวเราและครอบครัว
การพัฒนาของแต่ละบริษัทต่อผลิตภัณฑ์นั้น ก้าวหน้าทันยุคสมัยหรือไม่ และตัวผลิตภัณฑ์หรือรถลักษณะนี้เราสามารถใช้งานได้จริงแค่ไหน
อย่างผมปรกติขับแต่รถยนต์นั่งมาตลอด เคยทดลองใช้รถCRVมา2Gen แต่ไม่ประทับใจเลยเพราะสอบตกเรื่องสมรรถนะของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างจะกินจุ
และการทรงตัวที่ไม่ดี การเก็บเสียงก็รับไม่ได้ เป็นต้น
เคยลองเช่ารถPPVของเจ้าตลาดมาก็รับไม่ได้กับการทรงตัวและช่วงล่างเช่นกัน
ครั้งนี้การใช้ชีวิตเริ่มจะมีการท่องเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยขึ้นมาก และสภาพเส้นทางกับฤดูกาลมันเปลี่ยนไป อาจจะเกิดอุปสรรคที่ทำให้รถยนต์นั่งไม่สามารถพาเราไปกลับได้อย่างปลอดภัย
ผมจึงมองหารถแบบนี้อีกครั้งหนึ่ง จนในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนที่สำคัญมาก คือการทดลองขับ ถ้ารถสอบผ่านในจุดที่เราเน้นทุกข้อก็จะเลือกแบรนด์นั้น ผมไม่สนใจว่าจะต้องมีศูนย์บริการมากทุกๆอำเภอ
และไม่สนใจราคาขายต่อ อย่างไรก็ขาดทุนเหมือนกันหมด และข้อกังวลว่าจะเสียโน่นเสียนี่จนไม่มีรถใช้งาน บังเอิญผมมีสำรองและที่อยากจะให้คนที่กลัวๆกันนั้น รถที่มีปัญหามันใช่รุ่นที่เราจะซื้อหรือไม่
และมีแบรนด์ใดที่การันตีว่าของๆเขาจะไม่เสีย หรือจะเปลี่ยนคันใหม่ให้หากเสียภายในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง
สิ่งที่ผมตัดสินใจณขณะนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง รถคันนี้ให้ความรูสึกที่ดีมากในความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ทั้งตัวรถและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ความทันสมัยและความปลอดภัย รื่นรมย์ในการเดินทาง
การออกแบบภายในทำให้รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ แม้ว่าราคาอาจไม่แพงเหมือนรถPremium SUV แต่มันก็สวยมีคลาสในแบบที่ผมชอบมาก ไม่หวือหวาแต่เบื่อง่ายและดูว่าวัสดุคุณภาพต่ำ
การได้ซื้อประกันตัวรถเพิ่มเป็น5ปีและการบำรุงรักษาฟรีตลอด5ปีหรือ150000กม.ด้วยค่าใช้จ่ายรวมแล้วประมาณ47000บาท จะมีจ่ายเองไม่มากเช่นยาง แบตเตอรี่ ผ้าเบรค
เพียงแต่รุ่นที่ผมเลือกเป็นรุ่น3.2plusซึ่งอาจจะแตกต่างจากรุ่นที่เจ้าของกระทู้ถาม แต่ด้วยลักษณะการใช้งานที่วๆไปผมคิดว่ามันก็เพียงพอหรือเกินพอเสียด้วยซ้ำไปครับ
-
EV จบครับ :)
-
เรื่องช่วงล่าง ไปขับดูเถอะครับ จะได้รู้ว่าแบบไหนที่เหมาะกับการใช้งานของเรา ดีของคนอื่น อาจไม่เหมาะกับเราก็ได้ครับ