Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Red Bicycle ที่ กันยายน 15, 2015, 11:51:43

หัวข้อ: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Red Bicycle ที่ กันยายน 15, 2015, 11:51:43
 :) แต่ละท่าน เคยมีรถยนต์คันไหน ที่ได้เคยครอบครอง

    แล้วรู้สึกว่ามันใช่   Perfect  เหมาะ เป๊ะ  ถูกใจ รู้สึกรัก ผูกพันธ์ เป็นความทรงจำที่ประทับใจ ที่สุดครับ

    ทั้ง  รูปร่าง ภายนอก ภายใน วัสดุที่ใช้ การขับขี่ ช่วงล่าง ประโยชน์ใช้สอย ความภูมิใจที่ครอบครอง
    ความประหยัดน้ำมัน  ระบบความปลอดภัย Options  ความถูกใจของคนในบ้าน ครับ
    รวมทั้งอาลัยอาวรณ์มากเมื่อต้องพลัดพรากจากกันไป

 :) และขออีกข้อครับ และมีรถคันไหนที่ซื้อมาแล้ว คนที่บ้านบ่นมากที่สุดครับ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Nonlamer ที่ กันยายน 15, 2015, 12:02:03
สองคันนี้ครับ สะดวก รวดเร็ว ไม่ติด ส่งถึงในตัวอาคารที่หมาย แอร์เย็น ปลอดภัย ราคาถูก มีคนขับให้ ไม่ต้องหาที่จอด ไม่ต้องกลัวหาย ไม่ต้องดูแลรักษาเอง เสียก็มีคนซ่อมให้ อะไหล่ไม่ต้องหา

ข้อเสีย เบียดมากกก คนแน่น ใครๆก็อยากใช้ หลับนานไม่ได้ เด๋วเลยที่หมาย

ถ้าเป็นคันที่วิ่งบนถนนแล้วน่าจะตอบโจทย์ให้ถึงกับรู้สึกว่า Perfect นี่ยังไม่เจอครับ อาจจะมีขายแต่ไม่มีปัญญาซื้อและไม่คิดจะครอบครอง ส่วนตัวขอแค่รถที่ใช้แล้วสบายใจสบายกายพอแล้วไม่ต้องเลิศ

คันที่โดนบ่นมากที่สุด Mazda 323 ครับ อะไหล่แพง ปัญหาจุกจิกกวนใจ ราคาขายต่อแย่ พอเก่าแล้วเครื่องสั่นมากแบบเข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรคติดไฟแดงตลอดทาง 3 โลจากที่ทำงานถึงบ้านแล้วลงจากรถขาชาเดินไม่ได้ เบรคแย่ เลยกลายเป็นที่บ้านสั่งห้ามยุ่งกับ Mazda ถาวรครับ ตอนนี้คบจ้าวตลาดทั้ง T และ H ครับ และมี N อีกคันที่ไม่ใช่จ้าวตลาด

(http://www.chaoprayanews.com/wp-content/uploads/2009/12/mrtbts1.jpg)
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: DriveOnly ที่ กันยายน 15, 2015, 12:15:35
ไม่เคยขับ อ่านแต่ตัวหนังสือ น่าจะเป็นรถ plug in hybrid ทางฝั่งยุโรป เรียบ หรู ประหยัด แรง ครบเลย

แก้ไขเพิ่มเติม* ถ้าเป็นรถของตัวเองคงต้องแบ่งเป็นช่วงเวลานั้นๆ
2003 เป็น accord v6 g7 เพราะแรง ขับทางไกลมัน
2015 เป็น w205 c300amg แรงประหยัด มีหลังคาแก้ว เครื่องเสียงดี ไฟหน้าฉลาด ก็ถือว่า perfect มากๆ เพราะถือว่าครบกับความต้องการของผม
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: adis ที่ กันยายน 15, 2015, 12:30:44
สำหรับผมก็มีสองคันครับ ใช้อยู่ปัจจุบันนี้แร่ะ
คันแรก suzuki new grand vitara ( ไม่ค่อยจะมีคนใช้กันเท่าไหร่ 555 )
คันนี้ที่ซื้อมาใช้เพราะจำเป็นต้องเข้าป่าไปบ้านญาติภรรยาครับ รถเก๋งเข้าไม่ได้ท้องติดครับ
ก่อนตัดสินใจเลือกเจ้านี่ก็หาข้อมูลเยอะและทดลองขับ suv มาทุกยี่ห้อ มาถูกใจเพราะการทรงตัวมีนดีมาก ๆ
ช่วงล่างออกจะกระด้างไปหน่อยแต่มันก็ถึก และทน  รูปลักษณ์โดนใจครับ ภายในก็หรู เรียบ ๆ ดี ถูกใจทั้งผมและภรรยามาก ๆ
โดยเฉพาะภรรยาแรก ๆ เค้าไม่ชอบนะ แต่พอให้เค้าไปทดลองขับ เค้าชอบมากครับ แล้วมันก็ตอบสนองการใช้งานได้สมใจจริง ๆ  ราคาก็รับได้ครับ มันไม่แพงด้วย

อีกคันก็ freed ครับ จริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจเลือก freed เลย คิดว่าจะหารถเล็ก ๆ eco car มาใช้แทน city
แต่ eco car ก็ไม่ถูกใจภรรยา ไปลองขับ brio ครับ ลองเสร็จภรรยาจอง freed 
ก็เป็นรถที่ถูกใจมากเช่นกัน ถึงจะอืดบ้าง แต่เราก็ไม่ได้ต้องการรถแรง ๆ ครับ ที่ชอบเป็นพิเศษก็คือภายในห้องโดยสาร
เดินทางไกลแล้วรู้สึกสบาย อบอุ่นดีครับ 
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Monn ที่ กันยายน 15, 2015, 12:38:02
มี 3 ช่วงชีวิต

ช่วงเรียน ใช้รถแม่ แต่เป็นรถที่เลือกให้แม่ - CIVIC EF ครับ ชอบที่สุดใน 3 โลก สวย และขับดีมาก ทำให้ไม่ปันใจจาก honda เลยเป็นสิบปี คันนี้วิ่งน้อย แต่ตอนนั้น ดูแลรถไม่เป็น ไปเช็คแล้วมันเริ่มเป็นสนิมด้านหลัง เลยปล่อยไป เสียดายที่สุด ชอบมากที่สุด

ช่วงทำงานมาเกือบ 10 ปี - ACCORD G7 ครับ ไฝ่ฝันแต่เด็ก ชอบ accord แต่รถล้านกว่า เริ่มทำงานเงินเดือน 9000 ฝันยังไม่กล้า แต่ทำงานไป เริ่มดีขึ้น วันที่ต้องซื้อรถใหม่ ไม่ลังเลจิ้มที่ accord จำได้วันที่รับรถ ขึ้นไปนั่ง น้ำตาจะไหล "เราทำสำเร็จแล้วนะ" เป็นเจ้าของ accord แล้ว นั่งลูบพวงมาลัยเกือบ 5 นาที เซลส์งง ตอนขับกลับบ้าน รู้สึกเลย ภูมิใจที่สุด แล้วยังขับดีมากๆ รักเลย

คันล่าสุด ทำงานมา 20 ปี - BMW F30 320i  BM เป็นยี่ห้อในใจมาตลอด ตอนที่แม่ยอมซื้อเป็นรถแม่ E34 แทบกรี๊ด ได้ขับน้อยมาก แต่รู้สึกใช่ทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัย แต่รถเกือบ 3 ล้าน คิดยังไงก็ไม่คิดว่าจะไหว จนวันนี้ สามารถซื้อได้ เป็นรถคันแรกที่ขับแบบไม่ทำอะไรเลย มานาน 2 ปี เพราะทุกอย่างลงตัวหมด ไม่ต้อง upgrade ใดๆ ก็สามารถไปถึง 180 สบายๆ แน่นอน ภูมิใจมากกว่าที่เราสามารถเป็นเจ้าของมันได้ คนรอบข้าง ครอบครัว ก็ชอบคันนี้ที่สุด ที่สำคัญ ที่บ้านภูมิใจไปกับเราด้วย เพราะทุกคนรู้ว่า ผมชอบ BMW มากแค่ไหน คันนี้คงใช้ยาวละครับ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: CHANOM ที่ กันยายน 15, 2015, 13:05:44
ณ ตอนนี้นะคะ  C220cdi W203 ของคุณแม่ค่ะ

เป็นความภูมิใจของคุณพ่อคุณแม่ เพราะเป็น Benz คันแรกในชีวิต
รูปร่างยังดูสวยจนถึงทุกวันนี้ ส่วนตัวเรามองว่าดูคลาสสิคกว่า W204 ค่ะ

เครื่องยนต์อาจจะอืดช่วงต้น แต่ถ้ากดก็มา เคยเหยียบ 180 อยู่หลายครั้ง
แถมยังไม่ค่อยจุกจิกอีก ถ้าเทียบกับ Benz อีกคันที่เข้าศูนย์เป็นว่าเล่น

ปกติที่บ้านเราจะเปลี่ยนรถทุกสิบปี แต่คันนี้ เราขอคุณแม่ว่า
เมื่อถึงเวลาเปลี่ยน เราขอรถคันนี้นะ อย่าขาย
เราจะเอาไปทำข้างในใหม่ เก็บงานด้านนอกนิดนึง ให้คุณพ่อคุณแม่ได้เก็บรถไว้เป็นความทรงจำค่ะ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: boykung ที่ กันยายน 15, 2015, 13:17:41
Mitsubishi Spacewagon ครับ

เป็นรถที่ปัจจุบันก็ยังดูสวยอยู่เลยทั้งๆที่ผ่านมา 12ปีแล้ว

ประโยชน์ใช้สอยภายในไร้ที่ติ ยังหารถมาแทนไม่ได้จนถึงปัจจุบัน

เครื่อง เกียร์ ธรรมดา ไม่ได้ดีเด่ แต่ก็ถือว่าเหลือๆ ช่วงล่างแค่เปลี่ยน Kayaba SR + H&R ก็จบลงตัว

กินน้ำมันรับได้กับขนาดตัวรถ ทางไกลได้ 10+โล/ลิตรให้เห็นที่ความเร็ว 140 ในเมืองก็ 6-9โล/ลิตร

ถึงขายไปแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงอยู่นะ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Turin ที่ กันยายน 15, 2015, 13:27:18
ปกติแล้วผมจะชอบแต่รถแปลกๆไม่ค่อยเป็นรถตลาด แต่มีช่วงหนึ่งของชีวิตที่ต้องเดินทางที่"ปลอดภัย" เล่นมากไม่ได้ เลยต้องใช้รถตลาด ซึ่งกลายเป็นรถคันที่ชอบมากที่สุดคันหนึ่งเลย ... คันนั้นคือ accord g7 (ซึ่ง upgrade ช่วงล่างและเบรคไปพอควร) เป็นรถที่ดีมาก ไม่จุกจิก ฟีลที่พวงมาลัย ที่ก้นเวลาเข้าโค้ง เบรคที่ดูดเท้า (น่าจะเป็นผลของจาน 300 + ebc yellowstuff) กว้างขวางนั่งสบายแต่คล่องตัว เสียดายอย่างเดียวว่าน่าจะเล่นตัว 3.0 เพราะตัว 2.4 ไม่"สะใจ" คาดว่าถ้าซื้อตัว 3.0 คงไม่ขายออกไปง่ายๆแน่
หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: Activehybrid ที่ กันยายน 15, 2015, 13:32:10
ไม่มี

-คันแรกกินน้ำมัน ช่วงล่างย้วย พวงมาลัยทื่อๆ ขับแล้วเสียว
-คันที่สองระบบไฟฟ้ารวนสารพัด ปั๊มน้ำ2ปีมีปั๊มน้ำใหม่3ตัว ช่วงล่างไปไวมาก
-คันที่สามซ่อมบ่อย ฯลฯ
-คันล่าสุดเกียร์พัง เมื่อเดือนที่แล้ว ฯลฯ

อยากเจอเนื้อคู่เหมือนกัน ไม่รู้เมื่อไร
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: raygun ที่ กันยายน 15, 2015, 13:37:46
.
.
.
ผมก็ชอบ CLA 250 ที่ใช้อยู่ตอนนี้สุดตั้งแต่เคยใช้มาครับ

ผมชอบ MB มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วตอนเด็กชอบวาดรูปรถตลอด
วาดแต่ MB นี่แหละ แล้วรูปที่เคยวาดไว้เมื่อ ตอนเด็กๆหน้าตามันเหมือน CLA มากครับ
ขนาดแม่ผมยังบอกเลยว่าเหมือนรูปที่ผมวาด

แล้วมันมีทุกอย่างเหมือนที่อยากได้ อย่างที่เมื่อก่อน MB ไม่เคยทำให้มาก่อน
อย่างเช่น เป็นรถเล็ก ที่เครื่องแรงประมาณนึง กระจกประตูเฟรมเลส
มีพาโนรามิครูฟ ไฟท้ายสวย เบาะนั่งแบบที่อยากได้เลย (ตอนเด็กๆผมชอบเบาะพรีลูดมาก)
โดยรวมมันเป็นเหมือนรถในฝันตอนเด็กๆเลย ได้มาขับก็โอเคเลยครับ  :-X
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: localgame ที่ กันยายน 15, 2015, 13:45:37
รถที่ชอบมีหลายรุ่นแตกต่างกันไปในข้อดี

รถที่ไม่ชอบที่สุด Toyota Commuter รถบ้าอะไรกระโดดเป็นม้า นั่งแถวหลังนี่หลับไม่ลง ตกหลุมทีหัวเด้งไปชนหลังคา ใครได้ขับรถคันนี้จะมีอารมณ์พลุกพล่าน ร้อยละ70ชอบจี้ตูดชาวบ้าน ปาดไปมาซ้ายขวา สียอดฮิตคือรถคันนี้ คือขาวและเทา
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: the kit ที่ กันยายน 15, 2015, 13:47:40
Subaru 1800 GFT-5 Coupe
ไฟเหลี่ยม โฉมสวย 5 เกียร์ กระจกไร้ขอบ เรือนไมล์อลังการ อั้นที่ 180 ยางอะไหล่บนหัวเครื่อง
กะทะเหล็กขอบ 13 ยาง 175/65 เบอร์เดียวกับ Taxi สมัยนั้น
เครื่อง boxer ตุ๊บตับๆ อัตราทดเกียร์ห่าง เกียร์ 4 ลากสุดเกือบ 180 ลง 5 มีแตะสอง
ใส่ไม่กลัวรุ่น ทั้งที่ยางเกรดแค่ S ไม่ใช่ V สูงสุดเท่าที่มีในตอนนั้น
อยู่ด้วยกันนานมาก ไม่เคยจุกจิก แม้ว่าจะไล่กัดเขาไปทั่ว แน่ๆ E-car 1.5EFI มีโดน
ใช้แบบโหดๆ จนถึง แสนหก จึงปลดประจำการ สุดยอดจริงๆ Fuji Heavy Industry

Isuzu TFR 2.5 90HP มังกรทอง
หน้าสวย เบรคดี ราคาตอนนั้น 315,000 บ. เครื่องดังแต่ทนโคตร เดิมๆ วิ่งได้แค่ 140
จับยัด Turbo Z ร้านดังแถวรามอินทรา ไม่มี inter ทำปั้มหน่อย ท่อตรงออกหน้าเพลา 2.2"
ล้อแท้ Lorinser RSK2 17 ยาง Yoko AVS 225/45-17 ช็อคอัพ Monroe กระบอกเหลือง
นิ่มหนึบๆ วิ่งทะลุเกจ์ ยันหมุด (เกจ์มีแค่ 180 รอบเครื่อง 4300-4400 รอบ!!)
นี่ก็อยู่กันถึงประมาณเกือบ สองแสน จึงปลดระวาง ขาดทุนไป 50,000 บ.!!

Opel Omega Van B 2.0
ออกมารุ่นเดียวกับ volvo 850van แต่ที่เลือกตัวนี้ เพราะ โฉมสวย และขับหลัง
เกาะถนนสุดๆ เหนือกว่า C W202 ที่ใช้ ภายในกว้าง เบรคดี เครื่องยนต์เยี่ยม แม้ว่าจะอืดไปหน่อย
ตาม style เครื่องเล็ก (2.0L) แต่ นน.ตัวเยอะ (น่าจะ 2.4ตัน) อัตราทดเฟืองท้ายต่ำ
วิ่งลอยตัวแล้วประหยัด น้ำมันมาก วิ่ง 140 กม./ชม. จะอยู่ประมาณ 13-14 กม./ลิตร รอบเครื่องต่ำ
ประมาณสองพันปลาย  ทางตรงต้องให้ชาวบ้านเขาไปก่อน ในโค้งแล้วเจอกัน ชอบมากช่วง ลำปาง-เชียงใหม่,
เชียงใหม่-เชียงราย  ล้อเดิมติดรถให้มาดีทีเดียว Ronell นน.เบา แต่แข็งแรง
คือ ตัวรถดีทุกอย่าง เสียเรื่องศูนย์ กับ รออะไหล่พระนคร
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pan Paitoonpong ที่ กันยายน 15, 2015, 13:58:30
ผมไม่มีรถที่ Perfect ในทุกด้าน มีแต่รถที่เราใช้แล้วรู้สึกว่ามันมีจุดที่ผมชอบ และถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผล
มันก็จะเป็นในเรื่องของความผูกพันธ์ ซึ่งไม่สามารถใช้เหตุผลในการสนับสนุนได้ ..คำว่า Perfect
แปลว่าไร้ที่ติ และนิสัยของผมมันทำให้ผมต้องหาจุดติรถให้เจอให้ได้เสมอ ดังนั้นจึงไม่มีคำว่า Perfect
มีแต่ Perfectly-fit คือลงตัวกับเรา..แต่ไม่ใช่ว่าไร้ที่ติ

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/pan01/dsc08822.jpg)

อย่างคันนี้ เป็นรถคันแรกที่อยู่ใต้ความดูแลของผมโดยพ่อผมมอบต่อมาให้ รถเป็นรถฑูตสวมป้ายฟ้า อ02-0151
พ่อเอามาในปี 1989 รถมาถึงเมืองไทยเดือนธันวาคมปี 89 วันขึ้นทะเบียนป้ายคือ 19 ธันวาคม 1989
รถคันนี้กลายเป็นแม่พิมพ์ในการสร้างประสบการณ์ด้านรถยนต์ให้กับผมหลายอย่าง เช่นเรื่องช่วงล่างซึ่ง
รถหนัก 1.37 ตันคันนี้สามารถทรงตัวได้ดีแม้ใช้ความเร็วสูงๆ W124 ที่ใช้ 6 สูบแค็มเดี่ยวให้เสียงที่เพราะ
พอประมาณ แรงพอประมาณ และน้ำหนักตกหน้าก็จะเบากว่าพวก 6 เรียงทวินแค็มใหม่ๆอยู่ 60 ก.ก.

ดูในรูป กระจกมุมขวาบน จะเห็นสติกเกอร์พันทิพโต๊ะรัชดา ใช่เลย ผมเล่นเว็บรถครั้งแรกก็ตอนใช้คันนี้อยู่
สิงสู่อยู่รัชดาในชื่อ V.Putin ตั้งแต่ยุคที่ยังมีมีตติ้งพวกชาวรัชดา มีสมาชิกอย่างคุณ Azzy อัศวิน อานามนารถ
ที่ตอนนี้เล่นกับงานออกแบบรถจนประสบความสำเร็จไปแล้ว, มีคุณ Junky Celica, คุณ noklek ขับ NV
คุณ n_nupy สุดสวย, คุณ pk126 ที่ตอบเรื่องเบนซ์สั้นๆห้วนๆแต่ก็กลายมาเป็นเพื่อนกัน, คุณเสือย้อย
, คุณ hiter, คุณ Pom_Gambino, พี่เอ้อ และอื่นๆอีกหลายคนในยุคที่พันทิพยังทะเลาะกันน้อยกว่า
บอร์ดเว็บเราตอนนี้เสียอีก

นอกเรื่องแล้ววุ้ย

พ่อให้ผมใช้คันนี้เพราะสมัยนักศึกษาผมเรียนที่ MUIC แล้วพ่อมองว่าที่นั่นมีแต่ลูกคนรวย เขาก็อยากให้ใช้
รถที่ขับไปเรียนแล้วไม่ฟู่ฟ่าเกินแต่ก็ไม่น้อยหน้าใคร ดังนั้นถ้าความผูกพันธ์มันวัดตามกิโล W124 คันนี้คือ
รถที่ผมผูกพันธ์มากที่สุด เพราะขับไปกว่า 200,000 กิโลเมตรในรถคันนี้ คันอื่นๆที่ตามมายังไม่มีใครเทียบ

รถช่วงล่างดี ขับทางไกลไม่เหนื่อย แต่ขับบนเขาจะไม่สนุกเลยเพราะเกียร์มันโง่ตามเทคโนโลยี ต้องเล่น
เกียร์ช่วยประจำ จีบสาวมหาลัยคนแรกก็พานั่งรถคันนี้ อุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งแรกก็รถคันนี้ แถมยังไปทำ
อะไรเกรียนๆไว้ที่มหาลัยเยอะมาก เอาไปซิ่ง ไปดริฟท์เล่นจนเกือบมิดหน้าหอพยาบาล เดือดร้อนจน
ทางมหาลัยต้องทำลูกระนาดเพิ่ม 3-4 เท่าตัว (ดังนั้นเวลาพวกคุณรุมด่าพวกนักซิ่งเกรียนๆ บางทีผมก็ไม่อยาก
ไปผสมวงด่าด้วย เพราะด่าแล้วก็เข้าตัว) เมาแล้วขับครั้งแรกก็รถคันนี้ ตั้งแต่วันก่อนเข้าเรียน ผมไปเมากับเพื่อน
ที่ RCA แล้วขับรถกลับมานอนคอนโดธูป 3 ดอกที่ท้ายมหาลัย ไม่มีใครท้วงเลยแต่ผมอัด 220-230 ตลอดทาง
และเกือบหลุดโค้งด้วย นั่นคือจุดที่ทำให้ผมเลิกขับเวลาเมาอย่างเด็ดขาด

รถคันนี้หลายอย่างรื้อง่ายมาก (ยกเว้นตู้แอร์ที่ผมไม่ขอยุ่ง) สายไมล์เสื่อม เข็มความเร็วกระตุก ก็เปลี่ยนเองที่บ้านได้
หลอดไฟดวงไหนขาด เปิดเปลี่ยนได้เองเกือบทุกหลอด ไม่ต้องมานั่งถอดแง้มกันชนเพื่อเปลี่ยนหลอดไฟแบบ
รถสมัยนี้ ตั้งไฟหน้าเอง เปลี่ยนนู่นนี่เอง ..คือวันที่รถมาอยู่กับผมมันก็อายุ 11 ปีแล้ว สิ่งต่างๆก็จะพัง บางทีวิ่งๆไป
ก็ดับเองเฉยเลย บางช่วงเจอบ่อยมากจนไม่กลัวรถดับ (ผมถึงกล้าเขียนในบทความเรื่องคันเร่งว่า คันเร่งค้างอย่าดับเครื่อง)
บางทีจู่ๆสตาร์ท ก็ไม่ติด ปรากฏว่าเป็นรูกุญแจเสื่อม บางทีแอร์เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง ..แต่บางปัญหาก็ทำให้รู้ข้อดีของมัน
คือเคยเป็นรถขับนำขบวนรับน้องตอนปี 3 แล้วระหว่างทางพัดลมไฟฟ้าเกิดเสีย ทำให้ผมรู้ว่าเครื่องขับหลังมีพัดลมเครื่อง
แบบโบราณมันมีดียังไง ต่อให้พัดลมไฟฟ้าสองตัวเสียไป แต่พัดลมเครื่องยังอยู่ มันก็พอให้ผมสามารถวิ่งไปถึงปากช่อง
และกลับมากรุงเทพได้ เปิดแอร์วิ่งได้ ความร้อนไม่ขึ้น มีแค่ตอนรถติดอยู่กับที่เท่านั้นแหละที่ต้องปิดแอร์หรือดับเครื่อง

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/pan01/dscn3930.jpg)

นอกจากนี้โรคชอบภายในสีครีมของผม มันก็มาจากรถคันนี้ด้วยส่วนหนึ่ง พอผมเกิดมาบนโลก รถคันแรกที่นั่งกลับบ้าน
ก็คือ 300D W123 ภายในสีครีม คันต่อมาก็ 190E ที่เป็นรถฑูตพวงมาลัยขวาล็อตแรกๆ ภายในสีครีม คัน W124
นี่ก็สีครีมอีก ผมเลยชอบรถที่ภายในโทนแบบนี้ ตั้งแต่เล็กจนแก่ สีภายในที่ผมชอบที่สุดคือ แดชบอร์ดดำ พวงมาลัยดำ
แดชบอร์ดล่างกับเบาะสีครีม ลายไม้Zebranoหรือ Walnut ที่เป็นสีน้ำตาลออกเข้ม ดังนั้นอย่าแปลกใจที่ทุกวันนี้
เห็นรถใหม่ๆภายในดำๆแซมสีเงินหรือคาร์บอนปลอมแล้วผมจะออกอาการเบื่อ

ท้ายสุด ..ตอนนั้นผมทำงานแบงก์ เงินเดือนหมื่นห้าครับ
ไม่พอยาไส้ นับประสาอะไรกับการดูแลรถสองคัน ปัญหาในรถเบนซ์มันเริ่มพอกพูนตามอายุรถ
ค่าน้ำมันก็ไม่พอ เพราะ 6 สูบ KE-Jet นี่มันเจ๊ดสมชื่อ วิ่งในเมืองเจอ 6 โลลิตรได้เป็นปกติ
ทางไกลวิ่ง 120-130 เห็นแต่เลข 8 กับ 9 ผมเลยต้องเลือกว่าจะขายคันไหนไปสักคัน
ระหว่างเบนซ์กับรถสองประตูตาเหล่ขึ้นสนิมอีกคัน

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/pan01/2011_09_13_NX_SR/FFSR001.jpg)

กลายเป็นว่าไอ่เบื๊อกข้างบนนี่แหละครับได้อยู่ต่อ ผมขายเบนซ์ไปเดือน พ.ค. 2008
ได้เงินมา 250,000 บาท ก็เก็บเอาไว้ก่อน ช่วงนั้นผมก็หารถมาแทนที่เบนซ์ไป แต่ก็ใช้ NX สีน้ำเงินนั้น
ไปพลาง

ไอ้คันน้ำเงินนี่ ผมไม่มีอะไรจะชมมันจริงๆนอกจากแค่ว่ามันเป็นเกียร์ธรรมดา ทำให้ขับสนุก รถคันนี้พ่อซื้อให้คุณแม่
เป็นของขวัญวาเลนไทน์และของขวัญวันเกิด เพราะแม่เกิดหลังวาเลนไทน์ 2 วัน ซื้อมาก็ปี 1992 จดทะเบียนได้ป้ายขาว
วันที่ 4 มีนาคม 1992 ตอนแรกมาเป็นสีน้ำเงินไมก้าม่วงๆ สีเหมือนกับ Civic EG ที่ขายปีนั้นมาก ตอนแรกได้รถมา
ผมเห่อมาก ขึ้นไปนอนเล่นในรถจนลมแดดจับเป็นไข้ เปิดนู่นเปิดนี่เล่น ชอบดูหน้าปัดดิจิตอลของมัน ชีวิตในวัยเด็ก
ของผมจะอยู่กับมันมากกว่าเบนซ์ เพราะเบนซ์นั้นพ่อใช้ ส่วนแม่จะขับ NX ผมเรียนประถมที่สวนสุนันทา แม่ก็เป็นอาจารย์
อยู่ที่นั่นก็เลยไปและกลับกับแม่ประจำ แต่ตอนหลังๆแม่ชอบพาเพื่อนกลับบ้าน ทำให้ผมต้องไปนั่งหลัง..ซึ่งนรกมาก
ผมเลยยื่นคำขาดว่าถ้าจะใช้รถคันนี้ต่อ ห้ามพาเพื่อนกลับบ้าน พ่อเลยซื้อ Vento ให้แม่ไป ส่วน NX นั้นก็ส่งไปให้พี่สาวผม
ซึ่งเป็นแพทย์จุฬาจบปี 2539 ไปใช้ ไอ้หมอถูกส่งไปเป็นรอง ผอ. ที่โรงพยาบาลในอยุธยาบ้าง ที่อ.สามโก้ บ้าง
พ่อก็ให้ NX เกียร์ธรรมดานี่แหละไปใช้  จนยนตรกิจออกแคมเปญผ่อน 5 ปีดอก 0% ให้กับ Vento ในปี 97
พ่อเลยออก Vento อีกคันให้พี่สาว ส่วน NX จอดตากแดดกับกองซากต้นไม้ที่สนามหน้าบ้านเลยครับ ไม่มีใครอยากขับมัน
พ่อก็มีทั้งเบนซ์กับ Land Cruiser VX80 แล้ว ส่วนแม่เขาก็มี Vento อยู่แล้ว ไอ้เจ้านี่จอดเหมือนคนรอวันตาย หลังคาปูด
ฝาท้ายสนิมกิน บางครั้งจอดจนยางฟีบเลยก็มี

พอผมได้ใบขับขี่ แม่ยอมให้ขับรถได้ ผมขับเบนซ์อยู่สักพัก ก็มองๆไอ้เจ้านี่แล้วสงสาร เลยลองสตาร์ทแล้วหัดขับ
ช่วงแรกดับเกือบตลอด แต่ไม่กี่วันก็ชิน พอผมลากรอบได้ กะจังหวะคลัตช์และสับเกียร์เป็น ผมงี้แทบทิ้งเบนซ์เลยครับ
เพราะเบนซ์มันหนักแน่น นิ่ง แต่มันไม่สนุก ไอ้นี่ตีนต้นออกไวกว่า ช่วงล่างมันลอยๆ ต้องฝึกคุมมัน ผมเริ่มออมเงิน
สมัยเรียนนี่ยังไม่รับจ๊อบอะไรนะ พ่อให้ค่าน้ำมันเดือนละ 3,500 แม่ให้ค่าอาหารเดือนละ 3,000 มันก็จะออมอะไรไม่ได้มาก
ของแต่งชิ้นแรกที่ซื้อคือกรอง K&N จากนั้นก็เริ่มไปทำเฮดเดอร์ ทำท่อกับพี่ยงวัดด่าน พอเอาไปวิ่ง 188 แล้วหน้าทิ่ม
ก็มาคุยกับเพื่อน ซึ่งก็คือไอ้จอร์จที่ทำอู่ Gettuned อยู่ทุกวันนี้ ว่าจะทำยังไงบ้าง ไอ้จอร์จไปศึกษาเรื่อง Wiring มา
แล้วก็ถอด Apexi RSM รุ่นปุ่มกลมจากรถพี่ชายมัน แอบเอามาใส่ NX ผม แล้วเราก็วิ่งไปบนโทลล์เวย์ ทำความเร็วได้
204 ก.ม./ช.ม. แล้วก็นั่งวี๊ดว๊ายดีใจกันสองคนอยู่บนรถ รู้สึกเหมือนปีนเขาเอเวอเรสต์สำเร็จ นี่คือความเกรียนของผม
เมื่อ 13 ปีก่อน

ปี 2004 เดือนกันยาผมวางเครื่องใหม่ แต่ด้วยความที่ยังเป็นนักศึกษา และพ่อให้ทุนในการวาง ผมเลยไม่เอาเทอร์โบ
วางเป็น SR20DE ธรรมดา ตอนแรกพ่อก็บ่นว่าจะไปวางมันทำไมให้เสีย 4-5 หมื่นบาท ผมก็ตัดพ้อพ่อไปว่า
ที่พี่สาวผมอยู่เฉยๆได้รถป้ายแดง 2 คัน (Vento และ Civic) แล้วทำไมแค่วางเครื่องรถผม 4-5 หมื่นถึงมีปัญหาจัง

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่พูดแบบนั้น แต่พ่อกลับคิดว่าผมพูดถูก และปล่อยเงินมาให้วาง ผมรู้สึกผิด
แต่เพิ่งมาได้โอกาสขอโทษพ่อตอนปี 2008 ..รู้สึกเสียใจเหมือนกัน แต่พอวางเครื่องเสร็จ ผมเอามาให้พ่อขับ
ปรากฎว่าพ่อชอบมาก เบิ้ลๆเครื่องเล่น เอาไปขับเล่นในบางที พ่อบอกว่าเวลาตบคันเร่งแล้วมันทันใจดี NX เลยได้
อยู่ และอยู่จนกระทั่งเบนซ์ถูกขายไป ผมก็ใช้มันขับไปทำงานอยู่พักใหญ่ๆจนได้ Tiida มา

์NX นี่เป็นตัวอย่างของรถที่ผมผูกพันธ์ แต่ไม่มีเหตุผลดีๆในการผูกพันธ์มากไปกว่าความรู้สึก..ช่วงล่างเหรอ
ผมขับ EG 3 Door มาแล้ว ยังไง Honda ก็เกาะกว่าครับ ฟีลลิ่งพวงมาลัย Honda ก็ไวถนัดมือกว่า
ถ้ารุ่นน้องยุคใหม่ๆมา เวลาจะเล่น NX ผมจะถามก่อนว่าแน่ใจนะ ของแต่งน้อยมาก หายากชิบหาย แพงด้วย
มันถูกแค่ราคารถกับค่าช่วงล่าง ถ้างบมีพอเล่น Honda ดีกว่า ผมก็ยังยืนยันแบบนั้นอยู่ แต่ที่เล่น NX นี่
เพราะขายมันไม่ลงครับ ยิ่งพอประเคนเงินแต่งมัน ทำเครื่องมัน ลงไปน่าจะแสนกว่าๆแล้วตอนนี้แล้วพอมารู้ว่า
รถตัวเองขายได้แค่ 7-8หมื่นบาท มันช้ำใจครับ ผมเลยเก็บไว้ ไม่ขายต่อ เก็บจนกว่ามันจะวิ่งไม่ได้
ผมค่อยผ่าตัวถัง เอาอะไหล่แจกจ่ายให้กับคนอื่นที่ยังต้องขับ NX ต่อไป

ทุกวันนี้ ประเก็นมันแล่บอยู่ ผมรอช่างประจำตัวว่างตั้งแต่เดือนเมษาแล้วตอนนี้ยังไม่ได้ทำ ไม่ใช่ว่าช่างเขาลีลา
แต่ผมบอกว่าไม่รีบ ผมให้คิวคนอื่นที่ต้องทำรถไปแข่งจริงๆจังเขาได้ไปก่อน เดี๋ยวก็คงได้ทำ
คลัตช์ตอนนี้เป็นทองแดง ขับยากๆ โดดๆ ช่วงล่างแข็งๆดีดๆ พวงมาลัยมีระยะฟรี และไม่ไวนัก
เวลาวิ่ง 210 น่ากลัวเยี่ยวแตกยิ่งกว่าขับ AMG GT ที่ 270 แต่ผมตั้งใจทำให้ทุกอย่างมันดูยากๆ
เข้าใจยากๆแบบนั้น ผมมีรถสักคันไว้คอยเตือนให้รู้จักความยากของการขับรถด้วยฝีมือมากกว่าระบบอิเล็กทรอนิกส์

เวลาผมอยากขับรถเล่นกลางคืน ผมไม่ขับคันอื่นนอกจาก NX นี่ล่ะ ผมตั้งใจทำให้เสียงท่อตอนกดเงียบ
และเสียงเครื่องดังกว่าท่อ ขับชิดกำแพงทางด่วนแล้วกดคันเร่งฟังเสียงเครื่องเล่นๆ แต่พอยุคนี้รถซิ่งถูกมอง
ว่าเป็นศัตรูสังคม ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจอดมันไว้บ้าน เครื่องก็พังอยู่แล้ว แกก็พักไปละกันวะไอ่เบื๊อก

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/01_PanNew/Fart_LegacyFarewell/IMG_3147.jpg)

สำหรับคำถามว่ารถคันไหนที่ซื้อมาแล้วที่บ้านบ่นมากที่สุด ก็คงเป็น Legacy Turbo คันนี้

ที่บ่น ไม่ใช่ว่ารถแย่ ผมพาทั้งพ่อทั้งแม่นั่ง ทุกคนชอบมันมากกว่า NX ทั้งนั้นเพราะภายในนั่งสบายน้อยกว่าเบนซ์ไม่มาก
ช่วงล่าง STi กระบอกแดงจาก GC พอมาใส่ BC5 คันนี้มันก็ไม่แข็งมากนัก แต่ที่พ่อกับแม่บ่นกันเพราะวันที่ซื้อมา
เดือนมิ.ย. 2010 นั้น ผมมี Tiida กับ NX อยู่แล้ว เลยโดนด่าว่าจะมีรถไปทำไมตั้ง 3 คัน และโดนบังคับให้ขาย
1 คันออกไป ผมก็ดื้อตาใสใช้มันอยู่ 19 เดือนจนขายออกไปให้คุณโจ้สุรชัย เพื่อนของเพื่อนในกลุ่ม Old Legacy

รถคันนี้สอนให้ผมรู้ว่า อย่าเหมารวมว่ารถญี่ปุ่นจะใช้สบายใช้ง่ายซ่อมถูกไปหมดเพราะถ้านับเวลาในการอยู่อู่ในระยะ 1 ปี
มันเข้าอู่บ่อยกว่าเบนซ์สมัยผมเรียนอีก และกินเงินค่าซ่อมไม่แพ้กันเลย รถคันนี้เป็นรถมือสอง สายไฟหลายจุดเสื่อม
ทำให้รถมีอาการผีเข้าผีออก บางทีกดคันเร่งแล้วถอนรถก็ดับเอง ไปเจอว่าสายไฟแถวหม้อน้ำมันเปื่อยและไปแตะกับตัวถัง
ทำให้ฟิวส์ขาด หรือบางทีวิ่งๆอยู่ ท่อน้ำใต้อินเตอร์รั่ว หรือบางทีรั่วจากท่อเหล็กที่เป็นสนิมกับตามด ผมอยู่กับมัน 19 เดือน
แต่เจอกับปัญหาน้ำรั่วแล้วโอเวอร์ฮีท 2 ครั้ง ซึ่งนับว่าบ่อยกว่าทุกคันที่เคยใช้มา สายไฟ Subaru ยังไม่ได้เป็นมิตร
แบบพวกสายไฟ Toyota/Nissan นะครับ รื้อออกมาทียังกับ moy+ผีเสื้อสมุทร จนป่านนี้เจ้าของคนใหม่ทำยังไม่จบเลยครับ

แต่ถ้าไม่นับเรื่องที่มันเสียบ่อยๆ ก็โอเค ผมรู้สึกชอบรถคันนี้เวลาซัดหนักๆแล้วมั่นใจดี ขนาดใส่ยาง Dunlop LM703
ยังขับได้มั่นใจระดับหนึ่ง พอเปลี่ยนเป็น Advan AD07 นี่ยิ่งทำอะไรห่ามๆได้สบายมาก วิ่งทางไกลความเร็วสูงๆ
บอกได้เลยว่านิ่งกว่าเบนซ์ เข้าโค้งออกโค้งก็คมและไว้ใจได้กว่า NX พวงมาลัยก็ไวในระดับที่เกือบดี วิ่งไฮเวย์เจ๋ง
วิ่งทางโค้งก็เจ๋ง ยิ่งพอใส่บุชประกบแร็คยูรีเธน ยิ่งถ่ายความรู้สึกมาถึงมือได้ดีมาก การเป็นรถเกียร์ธรรมดาก็ถือว่าถูกจริตผมมาก
มันเป็นรถที่ทำให้ผมรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วเป็นคนชอบรถขับสี่เกียร์ธรรมดามีโบแบบนี้แหละ

เสียดายส่วนหนึ่งที่รถคันนี้มันมาตอนที่ผมคิดว่าตัวเองรวยแล้ว แต่ยังดันไม่รวยจริง กล่าวคือมีเงินเดือน 24,000-28,000 บาท
แต่อยากได้รถซิ่งขับสี่ ไปเห็น Legacy คันนี้ขายอยู่ 230,000 เลยไปต่อเหลือ 210,000 กู้สินเชื่อของธนาคารมา 190,000
แล้วที่เหลือก็เอาเงินเก็บโปะเอา พอได้รถมาก็ซื้อล้อก้าน V ทำท่อ ติดมิเตอร์ เปลี่ยนจากเกียร์ 3.9 เป็น 4.44 แค่นี้เงินเก็บก็หมดลง
ประกอบกับช่วงที่ได้มานั้นเป็นช่วงที่ NX ทำฝาสูบกับแคมใหม่ใส่กล่องเสร็จพอดี ผมแก้ปัญหาสภาพคล่องด้วยการใช้บัตร
กดเงินสดกับสินเชื่อต่างๆเข้าสู้

ท้ายสุด แม่ผมประกาศจะสร้างบ้านอีกหลังบนที่ดินข้างหลังบ้านเดิม ผมขัดขืนไม่ได้ จึงต้องเอารถมาจอดนอกบ้าน
แล้วก็มาเจอกับช่วงน้ำท่วม 2011 ที่ทำความเสียหายไว้กับบ้านผมมาก (Legacy รอดเพราะน้องเขยเอาไปจอดให้ที่ Lotus พระราม4)
พอผ่านน้ำท่วมเสร็จ ผมไม่มีอะไรเลยนอกจากหนี้สิน บ้านใหม่ที่สร้างก็มีแต่ห้องเปล่าๆ ไม่มีอย่างอื่นเลย ผมจึงตัดใจขายมันไป
ซื้อรถมา 210,000 และลงเงินทั้งซ่อมทั้งทำไปจนน่าจะมีราว 260,000 แต่ตอนขาย ผมขายได้แค่ 185,000 บาท
และถ้าไม่ขายชีวิตผมก็เดี้ยงแน่ๆ ก็เลยขายไป และภาระหนี้นับจากวันนั้นยังเป็นลูกโซ่มาถึงตอนนี้ ผมนั่งผ่อนกรรมเก่าอยู่
เดือนละ 15,000 บาททุกเดือนซึ่งน่าจะใช้หมดภายในปีหน้า

ถือว่าซวยด้วยตัวเองล้วนๆ แต่มันก็ทำให้ผมมีข้อคิดในใจ เวลาเจอพวกน้องๆปรึกษาเรื่องแต่งรถ ทำรถ ผมจะให้ความสำคัญ
กับการไม่เป็นหนี้เอามากๆ เพราะเจ็บด้วยตัวเองมาแล้ว


วันนี้เล่ายาว ต้องขอบคุณที่ตั้งกระทู้มาก

ผมเครียดหลายเรื่อง ไม่รู้จะระบายยังไง ก็เลยร่ายเพลินไปหน่อย ถ้ากินที่คนอื่นก็ขอโทษแล้วกันครับ แต่นั่งตอบคำถาม
ในเพจทุกวันมา 8 เดือนเจอแต่คำถามเดิมๆเรื่องเดิมๆเลยรู้สึกเก็บกด อยากพูดถึงสิ่งอื่นอย่างอื่นบ้าง













หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Eddy5659 ที่ กันยายน 15, 2015, 14:02:53
525D F10 ครับ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ กันยายน 15, 2015, 14:27:44
อ่านหัวข้อแล้ว นึกถึง E46 318i M43TU ขึ้นมาเลยครับ

สวย
ดูแลง่าย ซ่อมเองได้
อะไหล่ไม่แพง
ติดแก๊ซทน
ช่วงล่างกำลังดี
ขับหลัง
แอร์เย็น
แอร์แบคครบ ๆ
ระบบไฟไม่โหดมาก
อัตราเร่งรับได้
อัตราสิ้นเปลืองดี
ตัวถังแข็งแรง

ถ้าไม่ติดเรื่องขับหน้ากับอัตราทดเกียร์อืดๆของ New Beetle 2.0 ผมจะยกให้มันเป็นที่หนึ่งในใจเลย
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: time traveler ที่ กันยายน 15, 2015, 14:41:54
s280 w140,e class, acv 30, acv 40 hybrid, alphard 2th gen,ฺ BMW f25 ถ้าตอบแบบว่า เอาที่พี่(ผม)สะบายใจระกันอิอิ ตอบ acv 40 hybrid คร้าบ กลางๆหมดไปได้ทุกที ลุยน้ำพี่ยังไปได้เลย  อะไหล่ซ่อมยังไงก็สบายใจ  แต่ไม่เห็นจะซ่อมเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ty ESC ที่ กันยายน 15, 2015, 14:42:21
มันคงอยู่ที่โจทนย์ของแต่ละคนด้วยครับว่ามันตอบได้ชัดมั้ย


โดยส่วนตัวขับรถมาเกือบยี่สิบปี ผ่านมายี่สิบคันพอดีที่ใช้ครอบครอง

ชอบที่สุดคือ Space wagon ตอบโจทย์ผมได้ดี

กว้าง ขนของได้ เยอะ สะดวก ขึ้นลงสบาย โล่ง
เครื่องไม่แรงขนาดไปแข่งกับใครแต่ก็ไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยเวลาต้องการพลัง ช่วงล่างขับได้ถึงสองร้อยได้ไม่แย่
สามารถใช้ขับในเมืองได้ไปห้างไปโรงแรม รับแขกสนามบิน ขับไปเที่ยวได้ ทำกิจกรรมได้ ขี่จักรยาน พาหมาหาหมอ ซื้อเฟอนิเจอ ซื้อต้นไม้ ซื้ออ่าง ท่อร้อยสายไฟ ส่งของบริษัท
คือทำได้ทุกโจทย์ของชีวิตผมแบบครบถ้วยไม่เคยทำให้ผิดหวัง

ซ่อมง่าย ซ่อมบำรุงกลางๆถือว่าถูกเมื่อเทียบกับรถยุโรปในบ้าน ไม่จุกจิก มีแค่อุปกรณ์ภายใน เสื่อมเร็วก๊อกแก๊ก กินน้ำมันมากแต่รับได้ ทุกจุดของปัญหาแก้ได้เองง่ายๆไม่กลัวเสียพังที่ไหนและไม่เคยพังเลย

ขาดนิดเดียวถ้าจะดีกว่านี้คือถ้ามันยกสูงขึ้นอีกนิดเป็น ครอสโอเว่อ มันจะเฟอเฟคมาก
ตลอดเวลาที่ใช้รู้สึกมีความสุขในการใช้มันมาก จนขายไปยังได้ราคาดีขาดทุนน้อยที่สุดในบรรดารถที่ขายออกไปในบ้าน
ซื้อมาราคาถูกที่สุดแต่ขายไปได้ราคาสูงกว่ารถยุโรป คันอื่นๆอีกทั้งๆที่ใช้เยอะมากสุดๆ

เคยตั้งคำถามตัวเองว่าถ้าเลือกได้ให้มีรถคันนึงใช้ได้แค่คันเดียวตลอดชีวิตจะใช้รถอะไร

เท่าที่เป็นคำตอบในใจมาตลอดสิบปี ก็เป็นสเปซวากอนคันนี้
หรือถ้าจะให้ซื้อใหม่ในวันนี้ แล้วต้องใช้ไปอีกยี่สิบปี คงซื้อ ซูบารุเอาทแบค ครบทุกโจทย์ของชีวิต ทนซ่อมไหวในระยะยาวๆ ไม่กระเป๋าฉีกเหมือนรถยุโรป
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: earrt ที่ กันยายน 15, 2015, 15:15:47
Accord VTI-S (CBU) 1995 ครับ
ส่วนตัวเคยใช้ VTI-L (CKD) 1996 เกียร์ธรรมดา
รถทนมากเรียกได้ว่า 15++ ที่ผมใช้มา มีแอร์เสีย กับ พัดลมหม้อน้ำเสีย 2 อย่างเท่านั้น  ***(ปั้มABSเสียแน่นอนทุกคัน)***
ที่เหลือแค่เติมน้ำมัน แล้วขับอย่างเดียว
1.ใหญ่ นั้งสบายทั้งด้านหน้า ด้านหลัง
2.แข็ง เพราะชนไป 1 ครั้ง ตอนลงมาดู นึกว่าจะยุบมากกว่านี้(ดีกว่าคาด)
3.แรง คงเพราะเป็น 2.2 VTEC SOHC MT ช่วง 4000-6000 RPM ขับสนุกมาก ปลาย 215 ทุกอย่าง STD
4.ประหยัด 10 โลลิตร+แม้ขับในเมือง และวิ่งมากว่า  150,000 Km (ไมลขาด ไม่รู้จริงๆว่าวิ่งไปเท่าไหร่)

ผมขายไป เพราะราคามันหลักหมื่นแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรเสียขึ้นมา คงไม่คุ้มค่าซ่อม

ปัจจุบันใช้ FD 2.0 แต่ยังคิดว่าสู้ไม่ได้ครับ ไม่มั่นใจเท่า Accord 1995 ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน  :-\
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ กันยายน 15, 2015, 15:57:55
Accord Tech ตัวธรรมดาไม่ไฮบริด
สวยเรียบๆ ออพชั่นเยอะมาก เติมe85ได้ ขับง่ายคล่องตัว นั่งสบาย ซ่อมไม่แพงเมื่อเทียบกับรถยุโรป
สำหรับผมข้อเสียมีแค่ ปรับปรุงอัตราเร่งให้พอๆกับ Camry 2.5G
เก็บเสียงให้ดีขึ้นอีกนิด พวงมาลัยหนืดขึ้นที่ความเร็วสูงอีกหน่อย แค่นั้น
อันที่จริงเอาข้อดีของ D-Segment 3ยี่ห้อหลักในไทยมายำรวมกัน จะได้รถที่สมบูรณ์แบบเลย
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: raygun ที่ กันยายน 15, 2015, 16:07:59
ผมไม่มีรถที่ Perfect ในทุกด้าน มีแต่รถที่เราใช้แล้วรู้สึกว่ามันมีจุดที่ผมชอบ และถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผล
มันก็จะเป็นในเรื่องของความผูกพันธ์ ซึ่งไม่สามารถใช้เหตุผลในการสนับสนุนได้ ..คำว่า Perfect
แปลว่าไร้ที่ติ และนิสัยของผมมันทำให้ผมต้องหาจุดติรถให้เจอให้ได้เสมอ ดังนั้นจึงไม่มีคำว่า Perfect
มีแต่ Perfectly-fit คือลงตัวกับเรา..แต่ไม่ใช่ว่าไร้ที่ติ

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/pan01/dsc08822.jpg)

อย่างคันนี้ เป็นรถคันแรกที่อยู่ใต้ความดูแลของผมโดยพ่อผมมอบต่อมาให้ รถเป็นรถฑูตสวมป้ายฟ้า อ02-0151
พ่อเอามาในปี 1989 รถมาถึงเมืองไทยเดือนธันวาคมปี 89 วันขึ้นทะเบียนป้ายคือ 19 ธันวาคม 1989
รถคันนี้กลายเป็นแม่พิมพ์ในการสร้างประสบการณ์ด้านรถยนต์ให้กับผมหลายอย่าง เช่นเรื่องช่วงล่างซึ่ง
รถหนัก 1.37 ตันคันนี้สามารถทรงตัวได้ดีแม้ใช้ความเร็วสูงๆ W124 ที่ใช้ 6 สูบแค็มเดี่ยวให้เสียงที่เพราะ
พอประมาณ แรงพอประมาณ และน้ำหนักตกหน้าก็จะเบากว่าพวก 6 เรียงทวินแค็มใหม่ๆอยู่ 60 ก.ก.

ดูในรูป กระจกมุมขวาบน จะเห็นสติกเกอร์พันทิพโต๊ะรัชดา ใช่เลย ผมเล่นเว็บรถครั้งแรกก็ตอนใช้คันนี้อยู่
สิงสู่อยู่รัชดาในชื่อ V.Putin ตั้งแต่ยุคที่ยังมีมีตติ้งพวกชาวรัชดา มีสมาชิกอย่างคุณ Azzy อัศวิน อานามนารถ
ที่ตอนนี้เล่นกับงานออกแบบรถจนประสบความสำเร็จไปแล้ว, มีคุณ Junky Celica, คุณ noklek ขับ NV
คุณ n_nupy สุดสวย, คุณ pk126 ที่ตอบเรื่องเบนซ์สั้นๆห้วนๆแต่ก็กลายมาเป็นเพื่อนกัน, คุณเสือย้อย
, คุณ hiter, คุณ Pom_Gambino, พี่เอ้อ และอื่นๆอีกหลายคนในยุคที่พันทิพยังทะเลาะกันน้อยกว่า
บอร์ดเว็บเราตอนนี้เสียอีก

นอกเรื่องแล้ววุ้ย

พ่อให้ผมใช้คันนี้เพราะสมัยนักศึกษาผมเรียนที่ MUIC แล้วพ่อมองว่าที่นั่นมีแต่ลูกคนรวย เขาก็อยากให้ใช้
รถที่ขับไปเรียนแล้วไม่ฟู่ฟ่าเกินแต่ก็ไม่น้อยหน้าใคร ดังนั้นถ้าความผูกพันธ์มันวัดตามกิโล W124 คันนี้คือ
รถที่ผมผูกพันธ์มากที่สุด เพราะขับไปกว่า 200,000 กิโลเมตรในรถคันนี้ คันอื่นๆที่ตามมายังไม่มีใครเทียบ

รถช่วงล่างดี ขับทางไกลไม่เหนื่อย แต่ขับบนเขาจะไม่สนุกเลยเพราะเกียร์มันโง่ตามเทคโนโลยี ต้องเล่น
เกียร์ช่วยประจำ จีบสาวมหาลัยคนแรกก็พานั่งรถคันนี้ อุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งแรกก็รถคันนี้ แถมยังไปทำ
อะไรเกรียนๆไว้ที่มหาลัยเยอะมาก เอาไปซิ่ง ไปดริฟท์เล่นจนเกือบมิดหน้าหอพยาบาล เดือดร้อนจน
ทางมหาลัยต้องทำลูกระนาดเพิ่ม 3-4 เท่าตัว (ดังนั้นเวลาพวกคุณรุมด่าพวกนักซิ่งเกรียนๆ บางทีผมก็ไม่อยาก
ไปผสมวงด่าด้วย เพราะด่าแล้วก็เข้าตัว) เมาแล้วขับครั้งแรกก็รถคันนี้ ตั้งแต่วันก่อนเข้าเรียน ผมไปเมากับเพื่อน
ที่ RCA แล้วขับรถกลับมานอนคอนโดธูป 3 ดอกที่ท้ายมหาลัย ไม่มีใครท้วงเลยแต่ผมอัด 220-230 ตลอดทาง
และเกือบหลุดโค้งด้วย นั่นคือจุดที่ทำให้ผมเลิกขับเวลาเมาอย่างเด็ดขาด

รถคันนี้หลายอย่างรื้อง่ายมาก (ยกเว้นตู้แอร์ที่ผมไม่ขอยุ่ง) สายไมล์เสื่อม เข็มความเร็วกระตุก ก็เปลี่ยนเองที่บ้านได้
หลอดไฟดวงไหนขาด เปิดเปลี่ยนได้เองเกือบทุกหลอด ไม่ต้องมานั่งถอดแง้มกันชนเพื่อเปลี่ยนหลอดไฟแบบ
รถสมัยนี้ ตั้งไฟหน้าเอง เปลี่ยนนู่นนี่เอง ..คือวันที่รถมาอยู่กับผมมันก็อายุ 11 ปีแล้ว สิ่งต่างๆก็จะพัง บางทีวิ่งๆไป
ก็ดับเองเฉยเลย บางช่วงเจอบ่อยมากจนไม่กลัวรถดับ (ผมถึงกล้าเขียนในบทความเรื่องคันเร่งว่า คันเร่งค้างอย่าดับเครื่อง)
บางทีจู่ๆสตาร์ท ก็ไม่ติด ปรากฏว่าเป็นรูกุญแจเสื่อม บางทีแอร์เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง ..แต่บางปัญหาก็ทำให้รู้ข้อดีของมัน
คือเคยเป็นรถขับนำขบวนรับน้องตอนปี 3 แล้วระหว่างทางพัดลมไฟฟ้าเกิดเสีย ทำให้ผมรู้ว่าเครื่องขับหลังมีพัดลมเครื่อง
แบบโบราณมันมีดียังไง ต่อให้พัดลมไฟฟ้าสองตัวเสียไป แต่พัดลมเครื่องยังอยู่ มันก็พอให้ผมสามารถวิ่งไปถึงปากช่อง
และกลับมากรุงเทพได้ เปิดแอร์วิ่งได้ ความร้อนไม่ขึ้น มีแค่ตอนรถติดอยู่กับที่เท่านั้นแหละที่ต้องปิดแอร์หรือดับเครื่อง

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/pan01/dscn3930.jpg)

นอกจากนี้โรคชอบภายในสีครีมของผม มันก็มาจากรถคันนี้ด้วยส่วนหนึ่ง พอผมเกิดมาบนโลก รถคันแรกที่นั่งกลับบ้าน
ก็คือ 300D W123 ภายในสีครีม คันต่อมาก็ 190E ที่เป็นรถฑูตพวงมาลัยขวาล็อตแรกๆ ภายในสีครีม คัน W124
นี่ก็สีครีมอีก ผมเลยชอบรถที่ภายในโทนแบบนี้ ตั้งแต่เล็กจนแก่ สีภายในที่ผมชอบที่สุดคือ แดชบอร์ดดำ พวงมาลัยดำ
แดชบอร์ดล่างกับเบาะสีครีม ลายไม้Zebranoหรือ Walnut ที่เป็นสีน้ำตาลออกเข้ม ดังนั้นอย่าแปลกใจที่ทุกวันนี้
เห็นรถใหม่ๆภายในดำๆแซมสีเงินหรือคาร์บอนปลอมแล้วผมจะออกอาการเบื่อ

ท้ายสุด ..ตอนนั้นผมทำงานแบงก์ เงินเดือนหมื่นห้าครับ
ไม่พอยาไส้ นับประสาอะไรกับการดูแลรถสองคัน ปัญหาในรถเบนซ์มันเริ่มพอกพูนตามอายุรถ
ค่าน้ำมันก็ไม่พอ เพราะ 6 สูบ KE-Jet นี่มันเจ๊ดสมชื่อ วิ่งในเมืองเจอ 6 โลลิตรได้เป็นปกติ
ทางไกลวิ่ง 120-130 เห็นแต่เลข 8 กับ 9 ผมเลยต้องเลือกว่าจะขายคันไหนไปสักคัน
ระหว่างเบนซ์กับรถสองประตูตาเหล่ขึ้นสนิมอีกคัน

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/pan01/2011_09_13_NX_SR/FFSR001.jpg)

กลายเป็นว่าไอ่เบื๊อกข้างบนนี่แหละครับได้อยู่ต่อ ผมขายเบนซ์ไปเดือน พ.ค. 2008
ได้เงินมา 250,000 บาท ก็เก็บเอาไว้ก่อน ช่วงนั้นผมก็หารถมาแทนที่เบนซ์ไป แต่ก็ใช้ NX สีน้ำเงินนั้น
ไปพลาง

ไอ้คันน้ำเงินนี่ ผมไม่มีอะไรจะชมมันจริงๆนอกจากแค่ว่ามันเป็นเกียร์ธรรมดา ทำให้ขับสนุก รถคันนี้พ่อซื้อให้คุณแม่
เป็นของขวัญวาเลนไทน์และของขวัญวันเกิด เพราะแม่เกิดหลังวาเลนไทน์ 2 วัน ซื้อมาก็ปี 1992 จดทะเบียนได้ป้ายขาว
วันที่ 4 มีนาคม 1992 ตอนแรกมาเป็นสีน้ำเงินไมก้าม่วงๆ สีเหมือนกับ Civic EG ที่ขายปีนั้นมาก ตอนแรกได้รถมา
ผมเห่อมาก ขึ้นไปนอนเล่นในรถจนลมแดดจับเป็นไข้ เปิดนู่นเปิดนี่เล่น ชอบดูหน้าปัดดิจิตอลของมัน ชีวิตในวัยเด็ก
ของผมจะอยู่กับมันมากกว่าเบนซ์ เพราะเบนซ์นั้นพ่อใช้ ส่วนแม่จะขับ NX ผมเรียนประถมที่สวนสุนันทา แม่ก็เป็นอาจารย์
อยู่ที่นั่นก็เลยไปและกลับกับแม่ประจำ แต่ตอนหลังๆแม่ชอบพาเพื่อนกลับบ้าน ทำให้ผมต้องไปนั่งหลัง..ซึ่งนรกมาก
ผมเลยยื่นคำขาดว่าถ้าจะใช้รถคันนี้ต่อ ห้ามพาเพื่อนกลับบ้าน พ่อเลยซื้อ Vento ให้แม่ไป ส่วน NX นั้นก็ส่งไปให้พี่สาวผม
ซึ่งเป็นแพทย์จุฬาจบปี 2539 ไปใช้ ไอ้หมอถูกส่งไปเป็นรอง ผอ. ที่โรงพยาบาลในอยุธยาบ้าง ที่อ.สามโก้ บ้าง
พ่อก็ให้ NX เกียร์ธรรมดานี่แหละไปใช้  จนยนตรกิจออกแคมเปญผ่อน 5 ปีดอก 0% ให้กับ Vento ในปี 97
พ่อเลยออก Vento อีกคันให้พี่สาว ส่วน NX จอดตากแดดกับกองซากต้นไม้ที่สนามหน้าบ้านเลยครับ ไม่มีใครอยากขับมัน
พ่อก็มีทั้งเบนซ์กับ Land Cruiser VX80 แล้ว ส่วนแม่เขาก็มี Vento อยู่แล้ว ไอ้เจ้านี่จอดเหมือนคนรอวันตาย หลังคาปูด
ฝาท้ายสนิมกิน บางครั้งจอดจนยางฟีบเลยก็มี

พอผมได้ใบขับขี่ แม่ยอมให้ขับรถได้ ผมขับเบนซ์อยู่สักพัก ก็มองๆไอ้เจ้านี่แล้วสงสาร เลยลองสตาร์ทแล้วหัดขับ
ช่วงแรกดับเกือบตลอด แต่ไม่กี่วันก็ชิน พอผมลากรอบได้ กะจังหวะคลัตช์และสับเกียร์เป็น ผมงี้แทบทิ้งเบนซ์เลยครับ
เพราะเบนซ์มันหนักแน่น นิ่ง แต่มันไม่สนุก ไอ้นี่ตีนต้นออกไวกว่า ช่วงล่างมันลอยๆ ต้องฝึกคุมมัน ผมเริ่มออมเงิน
สมัยเรียนนี่ยังไม่รับจ๊อบอะไรนะ พ่อให้ค่าน้ำมันเดือนละ 3,500 แม่ให้ค่าอาหารเดือนละ 3,000 มันก็จะออมอะไรไม่ได้มาก
ของแต่งชิ้นแรกที่ซื้อคือกรอง K&N จากนั้นก็เริ่มไปทำเฮดเดอร์ ทำท่อกับพี่ยงวัดด่าน พอเอาไปวิ่ง 188 แล้วหน้าทิ่ม
ก็มาคุยกับเพื่อน ซึ่งก็คือไอ้จอร์จที่ทำอู่ Gettuned อยู่ทุกวันนี้ ว่าจะทำยังไงบ้าง ไอ้จอร์จไปศึกษาเรื่อง Wiring มา
แล้วก็ถอด Apexi RSM รุ่นปุ่มกลมจากรถพี่ชายมัน แอบเอามาใส่ NX ผม แล้วเราก็วิ่งไปบนโทลล์เวย์ ทำความเร็วได้
204 ก.ม./ช.ม. แล้วก็นั่งวี๊ดว๊ายดีใจกันสองคนอยู่บนรถ รู้สึกเหมือนปีนเขาเอเวอเรสต์สำเร็จ นี่คือความเกรียนของผม
เมื่อ 13 ปีก่อน

ปี 2004 เดือนกันยาผมวางเครื่องใหม่ แต่ด้วยความที่ยังเป็นนักศึกษา และพ่อให้ทุนในการวาง ผมเลยไม่เอาเทอร์โบ
วางเป็น SR20DE ธรรมดา ตอนแรกพ่อก็บ่นว่าจะไปวางมันทำไมให้เสีย 4-5 หมื่นบาท ผมก็ตัดพ้อพ่อไปว่า
ที่พี่สาวผมอยู่เฉยๆได้รถป้ายแดง 2 คัน (Vento และ Civic) แล้วทำไมแค่วางเครื่องรถผม 4-5 หมื่นถึงมีปัญหาจัง

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่พูดแบบนั้น แต่พ่อกลับคิดว่าผมพูดถูก และปล่อยเงินมาให้วาง ผมรู้สึกผิด
แต่เพิ่งมาได้โอกาสขอโทษพ่อตอนปี 2008 ..รู้สึกเสียใจเหมือนกัน แต่พอวางเครื่องเสร็จ ผมเอามาให้พ่อขับ
ปรากฎว่าพ่อชอบมาก เบิ้ลๆเครื่องเล่น เอาไปขับเล่นในบางที พ่อบอกว่าเวลาตบคันเร่งแล้วมันทันใจดี NX เลยได้
อยู่ และอยู่จนกระทั่งเบนซ์ถูกขายไป ผมก็ใช้มันขับไปทำงานอยู่พักใหญ่ๆจนได้ Tiida มา

์NX นี่เป็นตัวอย่างของรถที่ผมผูกพันธ์ แต่ไม่มีเหตุผลดีๆในการผูกพันธ์มากไปกว่าความรู้สึก..ช่วงล่างเหรอ
ผมขับ EG 3 Door มาแล้ว ยังไง Honda ก็เกาะกว่าครับ ฟีลลิ่งพวงมาลัย Honda ก็ไวถนัดมือกว่า
ถ้ารุ่นน้องยุคใหม่ๆมา เวลาจะเล่น NX ผมจะถามก่อนว่าแน่ใจนะ ของแต่งน้อยมาก หายากชิบหาย แพงด้วย
มันถูกแค่ราคารถกับค่าช่วงล่าง ถ้างบมีพอเล่น Honda ดีกว่า ผมก็ยังยืนยันแบบนั้นอยู่ แต่ที่เล่น NX นี่
เพราะขายมันไม่ลงครับ ยิ่งพอประเคนเงินแต่งมัน ทำเครื่องมัน ลงไปน่าจะแสนกว่าๆแล้วตอนนี้แล้วพอมารู้ว่า
รถตัวเองขายได้แค่ 7-8หมื่นบาท มันช้ำใจครับ ผมเลยเก็บไว้ ไม่ขายต่อ เก็บจนกว่ามันจะวิ่งไม่ได้
ผมค่อยผ่าตัวถัง เอาอะไหล่แจกจ่ายให้กับคนอื่นที่ยังต้องขับ NX ต่อไป

ทุกวันนี้ ประเก็นมันแล่บอยู่ ผมรอช่างประจำตัวว่างตั้งแต่เดือนเมษาแล้วตอนนี้ยังไม่ได้ทำ ไม่ใช่ว่าช่างเขาลีลา
แต่ผมบอกว่าไม่รีบ ผมให้คิวคนอื่นที่ต้องทำรถไปแข่งจริงๆจังเขาได้ไปก่อน เดี๋ยวก็คงได้ทำ
คลัตช์ตอนนี้เป็นทองแดง ขับยากๆ โดดๆ ช่วงล่างแข็งๆดีดๆ พวงมาลัยมีระยะฟรี และไม่ไวนัก
เวลาวิ่ง 210 น่ากลัวเยี่ยวแตกยิ่งกว่าขับ AMG GT ที่ 270 แต่ผมตั้งใจทำให้ทุกอย่างมันดูยากๆ
เข้าใจยากๆแบบนั้น ผมมีรถสักคันไว้คอยเตือนให้รู้จักความยากของการขับรถด้วยฝีมือมากกว่าระบบอิเล็กทรอนิกส์

เวลาผมอยากขับรถเล่นกลางคืน ผมไม่ขับคันอื่นนอกจาก NX นี่ล่ะ ผมตั้งใจทำให้เสียงท่อตอนกดเงียบ
และเสียงเครื่องดังกว่าท่อ ขับชิดกำแพงทางด่วนแล้วกดคันเร่งฟังเสียงเครื่องเล่นๆ แต่พอยุคนี้รถซิ่งถูกมอง
ว่าเป็นศัตรูสังคม ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจอดมันไว้บ้าน เครื่องก็พังอยู่แล้ว แกก็พักไปละกันวะไอ่เบื๊อก

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/01_PanNew/Fart_LegacyFarewell/IMG_3147.jpg)

สำหรับคำถามว่ารถคันไหนที่ซื้อมาแล้วที่บ้านบ่นมากที่สุด ก็คงเป็น Legacy Turbo คันนี้

ที่บ่น ไม่ใช่ว่ารถแย่ ผมพาทั้งพ่อทั้งแม่นั่ง ทุกคนชอบมันมากกว่า NX ทั้งนั้นเพราะภายในนั่งสบายน้อยกว่าเบนซ์ไม่มาก
ช่วงล่าง STi กระบอกแดงจาก GC พอมาใส่ BC5 คันนี้มันก็ไม่แข็งมากนัก แต่ที่พ่อกับแม่บ่นกันเพราะวันที่ซื้อมา
เดือนมิ.ย. 2010 นั้น ผมมี Tiida กับ NX อยู่แล้ว เลยโดนด่าว่าจะมีรถไปทำไมตั้ง 3 คัน และโดนบังคับให้ขาย
1 คันออกไป ผมก็ดื้อตาใสใช้มันอยู่ 19 เดือนจนขายออกไปให้คุณโจ้สุรชัย เพื่อนของเพื่อนในกลุ่ม Old Legacy

รถคันนี้สอนให้ผมรู้ว่า อย่าเหมารวมว่ารถญี่ปุ่นจะใช้สบายใช้ง่ายซ่อมถูกไปหมดเพราะถ้านับเวลาในการอยู่อู่ในระยะ 1 ปี
มันเข้าอู่บ่อยกว่าเบนซ์สมัยผมเรียนอีก และกินเงินค่าซ่อมไม่แพ้กันเลย รถคันนี้เป็นรถมือสอง สายไฟหลายจุดเสื่อม
ทำให้รถมีอาการผีเข้าผีออก บางทีกดคันเร่งแล้วถอนรถก็ดับเอง ไปเจอว่าสายไฟแถวหม้อน้ำมันเปื่อยและไปแตะกับตัวถัง
ทำให้ฟิวส์ขาด หรือบางทีวิ่งๆอยู่ ท่อน้ำใต้อินเตอร์รั่ว หรือบางทีรั่วจากท่อเหล็กที่เป็นสนิมกับตามด ผมอยู่กับมัน 19 เดือน
แต่เจอกับปัญหาน้ำรั่วแล้วโอเวอร์ฮีท 2 ครั้ง ซึ่งนับว่าบ่อยกว่าทุกคันที่เคยใช้มา สายไฟ Subaru ยังไม่ได้เป็นมิตร
แบบพวกสายไฟ Toyota/Nissan นะครับ รื้อออกมาทียังกับ moy+ผีเสื้อสมุทร จนป่านนี้เจ้าของคนใหม่ทำยังไม่จบเลยครับ

แต่ถ้าไม่นับเรื่องที่มันเสียบ่อยๆ ก็โอเค ผมรู้สึกชอบรถคันนี้เวลาซัดหนักๆแล้วมั่นใจดี ขนาดใส่ยาง Dunlop LM703
ยังขับได้มั่นใจระดับหนึ่ง พอเปลี่ยนเป็น Advan AD07 นี่ยิ่งทำอะไรห่ามๆได้สบายมาก วิ่งทางไกลความเร็วสูงๆ
บอกได้เลยว่านิ่งกว่าเบนซ์ เข้าโค้งออกโค้งก็คมและไว้ใจได้กว่า NX พวงมาลัยก็ไวในระดับที่เกือบดี วิ่งไฮเวย์เจ๋ง
วิ่งทางโค้งก็เจ๋ง ยิ่งพอใส่บุชประกบแร็คยูรีเธน ยิ่งถ่ายความรู้สึกมาถึงมือได้ดีมาก การเป็นรถเกียร์ธรรมดาก็ถือว่าถูกจริตผมมาก
มันเป็นรถที่ทำให้ผมรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วเป็นคนชอบรถขับสี่เกียร์ธรรมดามีโบแบบนี้แหละ

เสียดายส่วนหนึ่งที่รถคันนี้มันมาตอนที่ผมคิดว่าตัวเองรวยแล้ว แต่ยังดันไม่รวยจริง กล่าวคือมีเงินเดือน 24,000-28,000 บาท
แต่อยากได้รถซิ่งขับสี่ ไปเห็น Legacy คันนี้ขายอยู่ 230,000 เลยไปต่อเหลือ 210,000 กู้สินเชื่อของธนาคารมา 190,000
แล้วที่เหลือก็เอาเงินเก็บโปะเอา พอได้รถมาก็ซื้อล้อก้าน V ทำท่อ ติดมิเตอร์ เปลี่ยนจากเกียร์ 3.9 เป็น 4.44 แค่นี้เงินเก็บก็หมดลง
ประกอบกับช่วงที่ได้มานั้นเป็นช่วงที่ NX ทำฝาสูบกับแคมใหม่ใส่กล่องเสร็จพอดี ผมแก้ปัญหาสภาพคล่องด้วยการใช้บัตร
กดเงินสดกับสินเชื่อต่างๆเข้าสู้

ท้ายสุด แม่ผมประกาศจะสร้างบ้านอีกหลังบนที่ดินข้างหลังบ้านเดิม ผมขัดขืนไม่ได้ จึงต้องเอารถมาจอดนอกบ้าน
แล้วก็มาเจอกับช่วงน้ำท่วม 2011 ที่ทำความเสียหายไว้กับบ้านผมมาก (Legacy รอดเพราะน้องเขยเอาไปจอดให้ที่ Lotus พระราม4)
พอผ่านน้ำท่วมเสร็จ ผมไม่มีอะไรเลยนอกจากหนี้สิน บ้านใหม่ที่สร้างก็มีแต่ห้องเปล่าๆ ไม่มีอย่างอื่นเลย ผมจึงตัดใจขายมันไป
ซื้อรถมา 210,000 และลงเงินทั้งซ่อมทั้งทำไปจนน่าจะมีราว 260,000 แต่ตอนขาย ผมขายได้แค่ 185,000 บาท
และถ้าไม่ขายชีวิตผมก็เดี้ยงแน่ๆ ก็เลยขายไป และภาระหนี้นับจากวันนั้นยังเป็นลูกโซ่มาถึงตอนนี้ ผมนั่งผ่อนกรรมเก่าอยู่
เดือนละ 15,000 บาททุกเดือนซึ่งน่าจะใช้หมดภายในปีหน้า

ถือว่าซวยด้วยตัวเองล้วนๆ แต่มันก็ทำให้ผมมีข้อคิดในใจ เวลาเจอพวกน้องๆปรึกษาเรื่องแต่งรถ ทำรถ ผมจะให้ความสำคัญ
กับการไม่เป็นหนี้เอามากๆ เพราะเจ็บด้วยตัวเองมาแล้ว


วันนี้เล่ายาว ต้องขอบคุณที่ตั้งกระทู้มาก

ผมเครียดหลายเรื่อง ไม่รู้จะระบายยังไง ก็เลยร่ายเพลินไปหน่อย ถ้ากินที่คนอื่นก็ขอโทษแล้วกันครับ แต่นั่งตอบคำถาม
ในเพจทุกวันมา 8 เดือนเจอแต่คำถามเดิมๆเรื่องเดิมๆเลยรู้สึกเก็บกด อยากพูดถึงสิ่งอื่นอย่างอื่นบ้าง


ผมนั่งอ่านเพลินมากเลยอะ เป็นความบันเทิงสำหรับว้นทำงานที่น่าเบื่อวันนี้เลย

หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: หมับเข้าให้ ที่ กันยายน 15, 2015, 16:14:38
ผมชอบ Accord 96 VTi-S วาง H22A ที่สุดแล้ว

บอดี้ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก จนเกินไป

เครื่องมันไม่ได้แรง เพราะวาง H22A เกียร์ออโต้ แต่ถ้า Kickdown จังหวะดี ๆ ไปลงจังหวะเทคเปิดนี่ รถใหม่ ๆ พวก 2.0 ไม่มีใครตามทัน

ภายใน ผมเป็นคนชอบรถภายในสีครีมมาก ตอนเด็ก ๆ นั่งรถญาติ VTi-S ปี 94 ภายในสีครีมมีซันรูฟ ชอบมาก

จนเมื่อห้าปีที่แล้ว ได้ทำตามความฝัน ไปใส่ซันรูฟมา เพราะตัวนอกปี 96 ไม่มีซันรูฟ

ผมว่ารุ่นนี้ช่วงล่างใช้ได้เลย ยิ่งไปใส่โช๊ค New SR กับสปริงเดิม เวลามุด จั๊มป์คอสะพาน นิ่งมาก

ทุกวันนี้ขับรถรุ่นใหม่ ๆ มาหลาย ๆ คัน พบว่าบางจังหวะยังสู้แอคคอร์ดผมไม่ได้
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: AkE ที่ กันยายน 15, 2015, 16:44:57
ถ้านาทีนี้ G9 HV ครับ แรงประหยัด พวงมาลัยเบาสบายขับแล้วมันตอบการใช้งานได้ครบ ราคาโอเคถ้าเทียบกับสมรรถนะครับ สำหรับผมรถยุโรปจะโดนหักคะแนนไปเยอะเพราะราคาครับ คือโดยรวมดีกว่าอยู่แล้วแต่หลายๆครั้งมันไม่มากพอที่จะต้องเพิ่มเงิน 3-5 เท่าในการซื้อมาใช้ครับ อย่าง 525d ขับมันช่วงล่างใช่พวงมาลัยดีแต่การเก็บเสียงล้อ+ลมยังต้องดีกว่านี้ครับ รถที่แพงกว่ารถไซส์ๆเดียวกันหลายเท่าแล้วดีกว่าประมาณนี้ผมว่ายังน้อยไปครับ อีกอย่างคันนี้ผม failกับ diesel ด้วยตอนนั้นอยากแรง+ประหยัดแต่พอใช้จริงๆน่าเบื่อครับรถเหยียบได้แต่ครึ่งคันเร่ง ถ้าตอนนั้นเป็น 528i คงดีถ้าเอารถที่ขับแล้วชอบที่สุดเอาแบบอารมณ์ล้วน panamera ครับแต่ไม่ได้ขับบ่อยๆ จริงๆ cayenne ก้โอเคไม่แพ้แต่ผมไม่ชอบรถสูง ทั้ง 2 ผมตัดออกถ้านับโดยรวมเพราะราคาที่แพงเกินจำเป็นไปครับ ส่วนรถที่ไม่โอเคที่สุดถ้านับเฉพาะรถที่ๆบ้านมีอยู่หรือขายไปแล้วเท่าที่ผมขับทันคือ G8 2.4 ครับพ่อผมชอบแต่ผมไม่ชอบเลย มีงอแงมากกว่า G6 G7 G9 ด้วย แถมช่วงล่างก้ไม่นิ่งย้วยและ feature สุดท้ายเด็ดสุดคือกินน้ำมันไปครับ ผมไม่โอเคกับรุ่นนี้เท่าไหร่ มันไม่ได้แย่มากหรอกแต่ผมว่ามันไม่โอเคที่สุดเท่าที่ผมเคยใช้แบบประจำ แต่ถ้าเป็นรถคนอื่นที่ขับมาแต่ได้ขับบ่อยๆประมาณเดือนละ 8-10 วันง่ายๆคือมันเป็นรถบริษัทอะครับ คือ PJS 2.5VG คันนี้สภาพดีคนขับดูแลได้โอเคเลยแต่ผมขับแล้วแบบเอ่อ เนี่ยนะรถที่ขายได้เดือนละ 500-700 คันขนาดตอนจะตกรุ่นยังยอดดีขับไปไหนก้เจอผมมีเรื่องหลักๆคือแบบ พวงมาลัยผมนึกว่าเล่นฟิตเนส ขับคันนี้นานๆสงสัยไม่ต้องออกกำลังกายละ แล้วจะทดเยอะไปไหนหมุนกันลืมอะครับคือหนักอยู่แล้วไม่ต้องทดเยอะก้ได้ขับในเมืองนี่ไม่ต้องพูดถึงผมเคยเอาคันนี้ไปใช้แล้วดันต้องไป All season place โอ้โหครั้งแรกและสุดท้ายละกัน ช่วงล่างไม่นิ่มไม่แข็งใช้ได้แต่ไม่ได้นิ่งกับเกาะอย่างที่คนซื้อเค้าหวังไว้ว่าจะดีกว่า fortuner ตัวเก่าเท่าไหร่เลย การเก็บเสียงลมกับล้อพอๆกับคู่แข่งแต่เสียงจากเครื่องยนต์เนี่ยสิครับผมไม่อยากเชื่อว่ารถหลังปี 2000 ยังมีรถที่เสียงเครื่องเข้าห้องโดยสารดังสนั่นขนาดนี้ 110+ นี่ต้องเริ่มตะโกนคุยละคับผมลองเทสแบบขับยาวๆหมดนะครับ ขับแล้วไม่น่าเชื่อว่ารถราคาล้านกว่า ขับ ranger wt นิ่งกว่าเงียบกว่าเป็น 10 เท่า คันเร่งช้ามาก กดไปแล้วเหมือนรออะไรซักอย่างเครื่องแรงแต่เจอคันเร่งแบบนี้หมดกัน ข้อติสุดท้ายก่อนจะมีข้อดีบ้างคือ กินน้ำมันมากครับจะในเมืองก้กินนอกเมืองทางไกล 110-130 ก้ยังไม่ได้ประหยัดเลยถ้าเหยียบ 140-160 ไม่ต้องพูดถึงครับเหมือนถังรั่ว ข้อดีคืออัตราเร่งในรอบปลายไหลกว่าคู่แข่ง วงเลี้ยวไม่กว้างแต่หมุนเยอะจนจำไม่ได้ว่า center อยู่ตรงไหน 555 มี paddle shift มาให้และเบาะไฟฟ้า 8 ทิศคู่หน้าแล้วก้ไม่จุกจิกมากพอได้อยู่ครับ แต่มันเป็นรถคันเดียวที่ผมเคยพูดกะเพื่อนถ้าเอาคันนี้ไปผมไม่ขับนะ ทั้งหมดตามประสบการณ์ที่ผมลองจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Teera ที่ กันยายน 15, 2015, 17:10:43
Civic EK ครับ อยูกันตั้งแต่ป้ายแดง จนเอาไปวาง B16A
Impreza GC 5 ปีที่อยู่ด้วย มันสุดยอดจริงๆ

ตอนนี้ V40. ถ้ามันออกตัว กะโค้งเหมือน Im คงดี
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Gopz ที่ กันยายน 15, 2015, 17:30:16
เอาตรง ๆ ครับ ชื้อรถมา 7 คันแล้วไม่ถูกใจซักคัน แต่ก็พอจับทางตัวเองได้ว่าชอบแนวรถไหนครับ  :D
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: -nu- ที่ กันยายน 15, 2015, 17:42:55
โจทย์คือ "รถของท่าน" ผมตีความว่าหมายถึงเฉพาะที่เป็นเจ้าของเอง
ผมเองเพิ่งมีรถเป็นของตัวเองได้ไม่นาน
ออกคันแรก  Jazz GE ตอนปี 54 หลังซินามีที่ญี่ปุ่น
     คันที่ 2  Golf GTI ออกตอนปี 56
     คันที่ 3  Lexus NX300h  เพิ่งใช้มาได้เดือนกว่า

ณ วันทีออก ในสถานะรถใหม่ป้ายแดง Golf GTI ชนะขาดเลยครับ


หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ กันยายน 15, 2015, 17:58:57
ทีแรกว่า จะเล่าบ้าง ... แต่เจอของคุณแพน มาเป็น สตอรี่เลย .. ของผมนี่เล็กๆไปเลย ... ขออ่านอย่างเดียวละกันครับ ...

ป.ล.บ้านคุณแพนโดนน้ำท่วมด้วยหรอ อยู่โซนไหนครับ .... ผมอยู่ปทุม ยับเหมือนกัน ..... (คิดถึงเรื่องน้ำท่วมแล้วขึ้น) ...
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ กันยายน 15, 2015, 18:07:50
ผมว่า perfect สุดคือ เหมาะกับการใช้งานของเราที่สุด

แรกๆขับ vigo ก็ว่ามันดี เพราะ ถึกทน ไม่กลัวหลุมบ่อ ขับไกลๆ สุงๆ มองทางเห็นดีมาก ด้วยความที่รถใหญ่ เบาะใหญ่ ก็นั่งสบาย ขับไปไหนบนถนน คนก็เกรงใจเวลาหันหัวออก

มาขับ jazz ge เล็กกระทัดรัด เหมาะกับในเมืองมาก แต่ ช่วงล่างเดิมๆนี่น่าเอาไปโยนทิ้งมาก

yaris ตัวแรก ใสแมก ช่วงล่างใหม่ ขับแบบ บู้ๆ ในเมือง ช่วงต้องวิ่งทำเวลา ได้อย่างไม่อึดอัด

หลังๆมานี้ขับ crv ขับสบายทั้งใน และ นอกเมือง ไม่ต้องกลัวหลุ่มบ่อ แต่คิดว่ามันอืดไปนิด ขนาดเครื่อง 2.4 แล้วนะ แถมยัง เสียงดังเข้ามาในห้องโดยการอีกต่างหาก และ เริ่มรุ้สึกว่า มันคันใหญ่ไปนิดสำหรับขับในเมือง

ตอนนี้เริ่มแก่เลยให้ความสำคัญกับ ความเงียบ ภายในห้องโดยสาร และ ช่วงล่าง ค่อนข้างมากกว่าตอนแรกๆ แต่ ความแรง ยังต้องมีอยู่เหมือนเดิม อิอิ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bubball ที่ กันยายน 15, 2015, 19:08:22
คำตอบของคนในนี้ส่วนใหญ่ก็คงจะเป็นรถที่ตนเองขับอยู่นั่นแระครับ เพราะว่าทุกๆคนล้วนติดตามข่าวสารและชื่นชอบในเรื่องรถยนต์
เพราะงั้นเวลาเลือกซื้อรถคงจะจุจิกและคิดนานกว่าคนที่ไม่ได้คิดตามข่าวสารรถยนต์แน่นอน

Perfect สำหรับผม(ผมคนเดียวนะ)คือ HR-V EL (ต้อง EL เท่านั้นนะ)
ทุกๆอย่างที่ให้มาสำหรับผมคือมันจบ ยกเว้นช่วงล่างที่กากมาก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะผมขับรถไม่เร็วและค่อนไปทางช้า
ผมจบด้านออกแบบมา เพราะงั้นการออกแบบของรถที่ผมจะซื้อต้องสวยงามทั้งภายนอกและภายใน
ทุกอย่างคือมันจบจริงๆสำหรับผม ทุกวันนี้ออกมาเกือบจะครบ 1 ปีแล้วยังสามารถยืนมองได้นานๆโดยไม่มีเบื่อเลย
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pan Paitoonpong ที่ กันยายน 15, 2015, 19:16:37
ทีแรกว่า จะเล่าบ้าง ... แต่เจอของคุณแพน มาเป็น สตอรี่เลย .. ของผมนี่เล็กๆไปเลย ... ขออ่านอย่างเดียวละกันครับ ...

ป.ล.บ้านคุณแพนโดนน้ำท่วมด้วยหรอ อยู่โซนไหนครับ .... ผมอยู่ปทุม ยับเหมือนกัน ..... (คิดถึงเรื่องน้ำท่วมแล้วขึ้น) ...
[/quote

อันนี้เวอร์ชั่นย่อแล้วครับ ถ้าเอาของเต็มๆมีมากกว่านี้ แต่พวกที่หารูปได้จะมีไม่มากครับ รถสมัยก่อนที่บ้านมี
300D, 190E, 520 E12, Subaru Leone, Corolla KE70, Corolla Liftback, Sunny Coupe FF, 525i E34, Vento 2 คัน, Civic ES 2 คัน, Swift และ CR-V เกือบครบทุก Gen ผมยกเฉพาะคันที่รับใช้ผมเป็นหลักจริงๆส่วนคันอื่นคือรถพ่อ รถแม่ รถพี่

ผมอยู่โซนพงษ์เพชร ฝั่งกทม.ครับ ยิ่งไปทางม.ธุรกิจฯ ท่วมพุงครับ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Weetting ที่ กันยายน 15, 2015, 19:19:45
เท่าที่ขับมาแล้วชอบมาก

คงเป็น Ford Focus Mk2  TDCi  Remap   ของพี่เท่าเคารพ ได้ลองสั้นๆกดไป 160  แต่พอแล้วไม่ใช่รถตัวเองกลัวพัง 

เป็นดีเซลที่บ้ามาก ลากไปได้ถึง 270 (เป็นคนนั่ง)     ช่วงล่างตึงตังกำลังดีไม่นิ่มเกินไป มันเหมาะกับการที่ใช้ในเมืองได้  ออกนอกเมืองยิ่งสนุก เก็บเสียงได้ดี

ถ้าเทียบกับ Mk3  มันเกาะถนนกว่า ขับสนุกกว่า   พวงมาลัยส่วนตัวชอบมากกว่า     

ด้วยอัตราเร่งด้วย ความปลอดภัย  ความประหยัด  Option ที่กำลังดี   

ป.ล.  ไม่เคยลองดีเซล ค่ายยุโรป พวก BMW   AUDI  เลย 



หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kudos ที่ กันยายน 15, 2015, 20:24:12
รถที่ชอบส่วนตัวนะครับ Mazda astina ไฟ pop ครับ ไม่มีเหตุผลมาบรรยายมากครับ รถ 20 กว่าปีที่แล้วที่ขับแล้วสนุกครับ

ปอลิง คุณแพน ที่บ้านผมน้ำท่วมสูงประมาณเกือบ 1.6 m ตอนนั่งเรือโฟมมาดูที่บ้านภาพที่เห็นบ้านตัวเองรู้สึกหดหู่มาก ต้นไม้ทุกต้นในสวน สภาพภายในภายนอกบ้าน แต่พอมองคนที่หนักกว่าเราแล้วก็คิดว่ายังมีลมหายใจอยู่นิ สู้ใหม่ได้ สำหรับ หนี้สิน ปัญหาเค้ามีไว้ให้แก้ไขครับ เป็นบทเรียนราคาแพงในชีวิตที่จะสอนไม่ให้พลาดซ้ำอีก สู้ๆครับ ;)
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Tan Int ที่ กันยายน 15, 2015, 21:17:41

รถคันที่ผมภาคภูมิใจ พอใจ ผูกพันที่สุด Corolla AE101 1.6GXi ครับ
คันนั้นเป็นรถที่สเป็กแปลกมากๆไม่รู้เจ้าของสลับเอาของคันอื่นใส่หรือมันเป็นงั้นอยู่แล้ว
รุ่น 1.6GXi ท็อป ไฟท้ายส้มแดง ไมล์สุดที่ 180 พวงมาลัย 4 ก้าน แอร์ออโต้(?)
เหตุผลที่ประทับใจ ผูกพันเพราะเป็นรถเก๋งคันแรกในบ้าน ตอนนั้นไปตามหารถที่เชียงราย ผมนั่งๆนอนๆในรถคันนี้เล่นแล้วอยู่ๆ แม่ก็ขับออกไปเลย
วันนั้นคือทั้งงงทั้งดีใจ 5555 รถคันนั้นไม่เคยมีปัญหา ไปไหนไปกัน มีซ่อมบ้างนิดๆหน่อยๆ ตามสภาพ และสุดท้ายก็โดนยึดไป

อีกคันที่ผูกพันมากก็ Altis CNG ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าต้องจัดมันให้เป็นรถในความทรงจำไปอีกคัน
รถไม่ได้ดีไปกว่าใคร ราคาก็แพง สิ่งที่ได้กลับมาผมว่าไม่ค่อยคุ้มราคาเลย แต่เป็นรถที่ดี ทนทาน ใช้ง่าย พาผมไปทุกที่ที่อยากไปได้สบายๆ
ใครจะว่ารถหวงออปชั่น คอนโซลพลาสติกกะละมังหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ผมรักคันนี้มาก (ตอนนี้ขายให้ญาติไปแล้ว แต่รถก็วิ่งเล่นแถวบ้านผมนั่นแหละ)
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: wesborland ที่ กันยายน 15, 2015, 21:39:08
Accord G7

ชอบที่มันมีไฟมุ้งมิ้งทั่วทั้งคัน มีไฟเล็กๆสองคอนโซลเกียร์ กดรีโมตค้างแล้วกระจกเลื่อนลงเวลาจอดรถตากแดด
กระจกมี jam protection

อาจจะดูธรรมดาๆ แต่มันเจ๋งตรงที่ไม่มีในโบรชัวร์  :-*
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Mizuihisachi ที่ กันยายน 15, 2015, 21:45:49
ไม่มีครับ เพราะถ้าทุกอย่าง perfect ก็จะไม่มีการพัฒนา

มีแต่รถที่ดีที่สุด ณ. ช่วงเวลานั้นๆครับ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Alcatraz ที่ กันยายน 15, 2015, 22:00:15
ในความคิดผมคือ Porsche 911 carrera s ผมว่ามันเข้าใกล้กับคำว่า รถยนตร์ มากที่สุด
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: iKrit ที่ กันยายน 15, 2015, 23:32:58
Perfect ที่สุด"ของบ้านผม" ซึ่งนั่นก็คือ........

Nissan Cefiro A31 (1992)

เป็นรถที่ผมรักและชอบมันมว๊ากกกกกกก เป็นรถที่ให้ความประทับมาตลอด ไม่ว่าจะตอนที่มันฟิตปั๋งหรือตอนที่มันป่วย
มันทำให้ทุกคนในบ้านผูกพันกันมาก
มันเป็นรถที่นั่งสบาย ช่วงล่างนิ่ง เสียงเครื่อง RB20DE ที่ไพเราะ (แถมซดน้ำมัน) ระบบอำนวยความสะดวกครบครัน และสุดไฮเทคในสมัยของมัน โดยเฉพาะระบบโซน่าหาปลา XD
มันเป็นครูสอนขับรถให้กับผมในช่วงแรกๆ และทุกครั้งที่ผมได้ขับมัน ผมจะดีใจมาก ถึงขั้นไม่ยอมขับคันไหนนอกจากคันนี้เลย
มันคือทุกๆ อย่างในความทรงจำที่ดีของผม
มัน Perfect ที่สุดสำหรับผมแล้ว
แต่...มันก็ถึงอายุขัยของมันที่ต้องปล่อยให้มันพักอยู่ที่ลานจอดรถของบ้านอีกหลัง
คุณป๋าปล่อยให้มันผุพังไปตามกาลเวลาเรื่อยๆ โดยไม่หวนกลับมาซ่อมมันอีก
ทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆ เสื่อมสลายผุพังไปอย่างช้าๆ
แต่เมื่อได้เปิดประตูออกมาก็จะได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของมันที่คอยเรียกความทรงจำดีๆ กลับมาทุกครั้ง
ขอบคุณนะ Ceffy :)

ปัจจุบันผมใช้ Jazz GE (2009) และ Camry 2.0G Extremo ACV40 (2008) ก็ยังคิดถึงเจ้า Ceffy ทุกที :'(
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ponggu52 ที่ กันยายน 16, 2015, 00:43:22
     ผมเพิ่งเรียนจบ ป. เอก ได้ทำงานที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในตัวอำเภอ ทางไม่ค่อยดี ขับรถไม่ค่อยเบรค ชอบรูดหลุ่มบ่อยๆ จึงจิ้มไปที่กระบะครับ
     เข้าทำงานครั้งแรก ใช้ d-max 3.0 ปี 2006 อืม ไม่ชอบช่วงล่างมากครับ นุ่ม ยวบเกินไป ขับแล้วรู้สึกเหนื่อยมากครับ ยิ่งทางที่ไม่เรียบ ตามชนบท หรือเส้นอุดรไปขอนแก่น จะเป็นรอยต่อของถนนคอนกรีต ขับแล้วเหนื่อย ปวดหลังมากครับ
     หลังจากนั้น พอมีเงินออกเอง ลองหลายค่ายครับ แต่ชอบบีทีมากสุด เพราะดูขับมัน คล่องแคล่ว ช่วงล่างนุ่มแน่น แต่ตัวที่ผมจะเลือก เกือบ 8 แสน ไม่มี air bag คู่ มีแค่ abs (ถ้าจำไม่ผิด) ก็เลยไม่เลือก หวยออกไปที่รุ่นพี่ ranger xlt
     หลังจากใช้งานไป 2 ปี ชอบครับ ไม่มีปัญหาใดๆ มากวนใจเลย ช่วงล่างแน่นมาก ขับ 140 กม./ชม. มือเดียวเอาอยู่ครับ ขับแล้วมั่นใจมาก แต่ออกจะแข็ง ตึงตังไป และผมไม่มีปัญหากับศูนย์ใดๆ บริการปานกลางครับ

ปล. ขอโทษที่บ่นไปเรื่อยครับ พึ่งทำงานได้ไม่นาน ไม่ได้มีเรื่องเล่าอย่างพี่ๆ ข้างบน แต่ผมเข้ามาเว็บนี่ทุกวันครับ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Quadrifoglio Verde ที่ กันยายน 16, 2015, 03:49:52
รถผมถึงจะไม่ perfect แล้วในสายตาคนปัจจุบัน...

แต่ย้อนกลับไปสามสิบกว่าปีที่แล้ว ที่มันถูกประกอบขึ้นมาในโรงงาน กรรณสูต เยนเนอรัล เอสแซมบลี อันโด่งดังในเรื่องของการหากินกับอะไหล่ลูกค้า จนบริษัทเจ๊ง แล้วมันถูกขายเป็นรถใช้หนี้บริษัทกรรณสูตให้แบงค์กรุงเทพ และส่งต่อมาพ่อผม จนถึงผม มันมีค่าสำหรับผมนัก

จำได้ว่าตอนที่พ่อประมูลมันมาจากแบงค์กรุงเทพใหม่ๆ สมัยนั้น fiat 131 twincam เป็นรถที่ขึ้นชื่อในเรื่องการ ขับง่าย นั่งสบาย ขับสนุก เกาะถนน และมีเครื่องยนต์ที่ แรง ประหยัด(รถผม TOHC 1600, ปัจจุบันในเมือง 8 km/l, นอกเมือง 11.8 km/l) จนหนังสือรถสมัยนั้นมักเอาไปทดสอบเทียบกับ alfa romeo giulietta หรือแม้กระทั่ง bmw e21 ซึ่งผมจำได้ว่าสมรรถนะไม่ต่างกันมาก แต่ 131 ถูกกว่า.

สายตาที่ผมเห็นรถคันนี้ครั้งแรกในชีวิตตอนอายุประมาณ 6 ขวบ นั่นคือสิ่งที่ perfect ที่สุดในสายตาผมตอนนั้น ด้วยทรง 3 box design(เป็นคนชอบรถ ทรงเหลี่ยม) , ไฟท้ายที่นูนลอยออกมาจากตัวถัง และมีไฟส่องป้ายทะเบียนเป็นก้อนเดียวกับไฟท้าย , มี skirt สีเทาเข้ม ตัดกับตัวรถสีขาว  คล้ายคลึงกับรถพรีเมี่ยมในสมัยนั้น (benz)

ยิ่งทำให้ผมชอบมันติดตา

...กาลเวลาผ่านไป บันทึกเรื่องราวของครอบครัวผมผ่าน รถคันนี้เพียงคันเดียว! 

ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่พ่อผมยังต้องใช้รถคันนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่มันเก่า โรยราลงทุกวัน แต่พ่อก็ต้องใช้มันทำมาหากิน ด้วยความยากลำบาก เพื่อส่งลูกๆ เรียน เนื่องจากครอบครัวเราผ่านช่วง ต้มยำกุ้ง crisis มาด้วยความยากลำบาก

...ไม่ว่าพ่อจะแก่ตัวลงแล้วขับมันด้วยความยากลำบากแค่ไหน (รถคันนี้ พวงมาลัยไม่ power เกี่ยร์ ธรรมดา ครัช โคตรรรแข็ง) พ่อผมก็ยังทนขับมันเพื่อหาเงินมาให้ผมได้เรียนหนังสือจนจบ...


สุดท้ายจนผมเรียนแพทย์จบ  ทั้งร่างกายพ่อ(คุณพ่อเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง) และ รถคันนี้อ่อนล้าเต็มที  ผ่านการซ่อมใช้ ๆ กับช่างข้างถนน แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก  สีก็ลอก กันชนซีด เบาะขาด ไดนาโมก็ใช้ของบิวท์ที่มีอายุการใช้งานแสนสั้น

...พ่อก็มาบอกผมว่า จบแล้วมีง่านทำมีเงินเดือน และต้องเดินทางไปใช้ทุนที่ต่างจังหวัดไกลๆ...หารถที่ขับสบายๆ ใหม่ๆ มาใช้งานเถอะลูก ส่วน 131 คันเก่า  พ่อก็คงซ่อมใช้ไปเรื่อยๆ หากไม่ไหวก็จะทิ้ง ให้ไปเป็นอะไหล่ของช่างคนรู้จัก หรือให้ไปปลูกสะระแหน่ข้างทาง

.......แต่ผมไม่รีรอเลย...ที่จะบอกพ่อว่า  ผมรักรถคันนี้มาก อยากอยู่กับมัน อยากเก็บมันไว้เป็นความทรงจำที่ดีสำหรับสิ่งที่พ่ออดทนทำมาเพื่อครอบครัวของเรา


ผมจึงสร้างมันขึ้นมาใหม่ ให้มันใหม่ เหมือนเดิม ....เหมือนเมื่อสามสิบปีก่อนที่เราเจอกัน  ผมจึงให้ช่าง เก็บรายละเอียด พรม ฝ้า กระจกของเดิมทั้งหมด  ผมสรรหาช่างเฟียต ที่เป็นช่างกรรณสูตเดิมแท้ๆ จนสุดท้ายปัจจุบัน ซ่อมกับช่างที่อายุมากกว่า 60 ปีไปแล้ว เพราะผมอยากให้....ให้เหมือนกับว่า วันๆ นั้นยังอยู่กับเราตลอดไป  :D


นี่แหละครับคือรถที่ผมคิดว่ามัน "perfect" ทีสุดละสำหรับผม โดยที่ไม่ต้องไปหาเงินมาเป็นหลายๆ ล้าน เพราะยังไงสิ่งที่รถผมมี มันมีค่ามากกว่ามูลค่าทางกายภาพไปไกลแล้ว... และผมก็มีความสุขที่ได้เจอ ได้ขับมันทุกๆ วัน
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: pat.patz.maru ที่ กันยายน 16, 2015, 04:20:54

สิงสู่อยู่รัชดาในชื่อ V.Putin ตั้งแต่ยุคที่ยังมีมีตติ้งพวกชาวรัชดา



ในที่สุดก็ได้เจอคุณV.Putinแห่งbenzuserเสียที  :-*
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ กันยายน 16, 2015, 09:46:43
Lexus เพราะเขา pursuit perfection ครับ

หลับนานไม่ได้ เด๋วเลยที่หมาย

ลองหาแอพ location alarm ดูครับ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: por ที่ กันยายน 16, 2015, 10:01:15
อ่านหัวข้อแล้ว นึกถึง E46 318i M43TU ขึ้นมาเลยครับ

สวย
ดูแลง่าย ซ่อมเองได้
อะไหล่ไม่แพง
ติดแก๊ซทน
ช่วงล่างกำลังดี
ขับหลัง
แอร์เย็น
แอร์แบคครบ ๆ
ระบบไฟไม่โหดมาก
อัตราเร่งรับได้
อัตราสิ้นเปลืองดี
ตัวถังแข็งแรง

ถ้าไม่ติดเรื่องขับหน้ากับอัตราทดเกียร์อืดๆของ New Beetle 2.0 ผมจะยกให้มันเป็นที่หนึ่งในใจเลย

เห็นด้วยครับ ใช้มาตั้งแต่เรียนอยู่ปี 3  อยู่กันมา 14 ปีแล้วครับ ไม่เคยคิดเลยว่าจะใช้รถคันเดียวได้นานขนาดนี้เหมือนกัน ก่อนที่จะซื้อคันนี้ผมใช้ VW Golf Mk 3 ครับ แต่มีอุบัติเหตุทำให้ต้องเปลี่ยนรถ จำได้ว่าไปดูรถมาหลายคันทั้ง Alfa 156 Selespeed, Mini r53, Mercedes-Benz C200 Kompressor แต่ก็มาจบที่ e46 คันนี้ครับ ได้ลองขับแล้วชอบที่สุดถึงจะเป็นเครื่อง M43 ที่ใครๆก็ว่าอืดแต่ผมว่าก็โอเคนะครับ


ที่อยู่กันมาผมว่า e46 เป็นรถที่แทบจะไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ ของแต่งเยอะดี ตั้งจะใช้ไปเรื่อยๆครับ เอาไว้ครบ 30 ปีค่อยว่ากันอีกที อาจเป็นเพราะว่าที่บ้านคุณแม่ผมชอบ BMW มานานแล้วด้วยเพราะใช้มาตั้งแต่ยุค 2002, 520 e12, 320 e21, 318 e30, 520i e28, 523i e39 (มีเว้นไปใช้ volvo 760 กับ mercedes benz w124 300e อยู่พักนึงแล้วก็กลับมา BMW อยู่ดี)
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nuntapon.s ที่ กันยายน 16, 2015, 11:07:05
(http://i1075.photobucket.com/albums/w432/nuntapons/IMG_20150909_141221_719.jpg) (http://s1075.photobucket.com/user/nuntapons/media/IMG_20150909_141221_719.jpg.html)

ไม่มีperfectที่สุด มีแต่รักที่สูดดดดด
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Entropy ที่ กันยายน 16, 2015, 13:04:28
ในทุกๆด้าน ผมนึกไม่ออกเลยครับ
ทุกวันนี้ขับ f10 เก็บเงินทำงานซื้อเอง..มันก็ดี
แต่รถที่ผมกลับคิดถึงมันที่สุดเวลาที่เห็น และอยากกลับไปขับอีก กลับเป็นโตโยต้า โคโรน่า หน้ายิ้ม เป็นเกียร์กระปุก นึกถึงช่วงเวลา ที่กำลังจะตบเกียร์4 ไป เกียร์5 จัง เป็นรถที่ผมว่าผมน่ะเข้าใจมันที่สุดละ
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ กันยายน 16, 2015, 15:34:41
มี 3 ช่วงชีวิต

ช่วงเรียน ใช้รถแม่ แต่เป็นรถที่เลือกให้แม่ - CIVIC EF ครับ ชอบที่สุดใน 3 โลก สวย และขับดีมาก ทำให้ไม่ปันใจจาก honda เลยเป็นสิบปี คันนี้วิ่งน้อย แต่ตอนนั้น ดูแลรถไม่เป็น ไปเช็คแล้วมันเริ่มเป็นสนิมด้านหลัง เลยปล่อยไป เสียดายที่สุด ชอบมากที่สุด

ช่วงทำงานมาเกือบ 10 ปี - ACCORD G7 ครับ ไฝ่ฝันแต่เด็ก ชอบ accord แต่รถล้านกว่า เริ่มทำงานเงินเดือน 9000 ฝันยังไม่กล้า แต่ทำงานไป เริ่มดีขึ้น วันที่ต้องซื้อรถใหม่ ไม่ลังเลจิ้มที่ accord จำได้วันที่รับรถ ขึ้นไปนั่ง น้ำตาจะไหล "เราทำสำเร็จแล้วนะ" เป็นเจ้าของ accord แล้ว นั่งลูบพวงมาลัยเกือบ 5 นาที เซลส์งง ตอนขับกลับบ้าน รู้สึกเลย ภูมิใจที่สุด แล้วยังขับดีมากๆ รักเลย

คันล่าสุด ทำงานมา 20 ปี - BMW F30 320i  BM เป็นยี่ห้อในใจมาตลอด ตอนที่แม่ยอมซื้อเป็นรถแม่ E34 แทบกรี๊ด ได้ขับน้อยมาก แต่รู้สึกใช่ทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัย แต่รถเกือบ 3 ล้าน คิดยังไงก็ไม่คิดว่าจะไหว จนวันนี้ สามารถซื้อได้ เป็นรถคันแรกที่ขับแบบไม่ทำอะไรเลย มานาน 2 ปี เพราะทุกอย่างลงตัวหมด ไม่ต้อง upgrade ใดๆ ก็สามารถไปถึง 180 สบายๆ แน่นอน ภูมิใจมากกว่าที่เราสามารถเป็นเจ้าของมันได้ คนรอบข้าง ครอบครัว ก็ชอบคันนี้ที่สุด ที่สำคัญ ที่บ้านภูมิใจไปกับเราด้วย เพราะทุกคนรู้ว่า ผมชอบ BMW มากแค่ไหน คันนี้คงใช้ยาวละครับ

สุดยอดครับ ทำตามฝันจนสำเร็จ

คุณแพน ผมก็ได้รับมรดกเป็น W124 จากคุณพ่อเหมือนกัน เป็นรถที่ผมชอบมากๆ หนัก แน่น แต่บังคับง่ายมาก สุดท้ายก็ต้องขายทิ้ง เนื่องจากอายุมากขึ้น รถเริ่มงอแง และกินน้ำมันมาก
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Headman ที่ กันยายน 16, 2015, 23:17:20
ไม่ได้เข้ามาเสียนานเลย.... ;)

อาจจะ ไม่ใช่รถที่ดีที่สุดในความคิดของคนอืน หรือแม้กระทั้ง รถยี่ห้อนี้ อาจจะเป็นรถที่ใครได้ยินชื่อแล้วก็ หยี กันทุกคนแน่ๆ เลยครับ แต่สำหรับผมแล้ว....
คันนี้ ดีที่สุดแล้วครับ

เหตุผล
งานประกอบเทียบกับความใส่ใจในการผลิต....ดีกว่ารถปัจจุบันแบบชัดเจนมาก ถึงแม้จะมีอายุมากใกล้จะเท่าเจ้าของอยู่แล้ว เป็นน้องกันแค่ 2 ปีเท่านั้นเอง

บ้านผม ไม่เคยมีรถเก๋ง มาก่อนเลย ฉนั้น การจะซื้อมาแล้วได้ฟิลการนั่งแบบรถเก๋งจริงๆ นั้น....หายากครับ.....เพราะรถสมัยนี้ ให้ตายยังไง นั่งหลังก็อึดอัดครับ เพราะที่นั่ง ไม่ได้เป็น Theater Seat และไม่กว้าง หรือถ้าจะเป็นรถที่กว้าง ก็จะไม่ยาว Leg room มีไม่เยอะพอ......เบาะรถสมัยนี้โดยเฉพาะเจ้าตลาด....เบาะบางมากครับ นั่งแล้วมันไม่รู้สึกหนานุ่มครับ.......ไม่ชอบเลย

รถเก๋ง ที่ทำขึ้นมากันในยุคนี้ มีดีไซน์ ที่ส่วนใหญ่มันไปในทางเดียวกันหมด.....มันทรงคล้ายๆ กันไปหมด...ไม่รู้ทำไม.....ไม่เช้าใจเลย....ที่สำคัญ รถสมัยนี้ ไม่มีแบบที่เป็นกระจกรอบคันด้วยครับ และ รถเก๋ง ในสมัยนี้ เกือบทุกยี่ห้อ ต้องแย่งกันนั่งหน้า เพื่อให้สบายกว่าคนนั่งหลัง...แต่ถ้าเป็นคันนี้ ต้องแย่งกนนั่งหลังครับ...หลังสบายกว่าหน้า มากแบบชัดเจนมาก....

Aerodynamic ของรถ ที่ไม่ได้มค่า CD ที่ต่ำจะเหลือเชื่อ....แต่ เป็นรถที่ยิ่งวิ่งเร็วขึ้นเท่าไหร่....ยิ่งรู้สึกรถไหลลื่นอาการ และวิ่งไปข้างหน้าต่อได้เหมือนกับเขากำลังแหหวกอากาศไป ไม่ใช่รถที่ต้านอากาศ กล่าวอีกอย่างคือ รถใช้พลังวิ่งที่ความเร็วสูงน้อยลง ทำให้รถคันใหญ่ระดับ Camry แต่ใช้เครื่องยนต์ที่ค่อยข้างโบราณ สามารถทะยานสู่ความเร็วระดับ 200 ได้โดยไม่นานมากนัก...และสามารถวิ่งไหลไปกับการจราจรในปัจจุบันได้อย่างไม่เหนื่อยแรงเครื่องเลยแม้แต่น้อย

ความไม่งก ของวัสดุที่ให้มา ถึงแม้ว่า Dealer ในประเทศไทยจะห่วยแตกไปเสียหน่อย แต่ก็......ประตูของรถ เป็นประตูที่มียางขอบประตู 2 ชั้น และมีเสียงปิดประตูที่แน่น ให้เสียงดีมาก ไม่หลวมโพรกเหมือนเจ้าจลาดในปีเดียวกัน....กระจกบ้านหน้าและหลังเปิดลงได้สุด ซึ่ง สมัยนี้น้อยคันมากที่จะเปิดกระจกด้านหลังลงได้สุด....เวลาขับไปรับลมไปเย็นสบาย และทิศทางลมที่วิ่งเข้าหาหน้าผู้โดยสารที่ความเร็วกว่า 100 กม ชม ไม่ทำให้ผมผู้โดยสารตอนหลังผิดทรงเลยแม้แต่นิดเดียว พรมเก็บเสียงและ ขอบประตูที่ออกแบบมาให้เก็บเสี่ยงได้เป็นอย่างดี แม้จะวิ่งที่ความเร็ว 140 แล้ว ก็ไม่รู้สึกเสียวหรือว่าอย่างไร มีเพียงเสียงลมเบาๆ ไหยผ่านตัวรถให้พอได้ยินบ้างเท่านั้น

ระบบไฟฟ้ารอบคัน ที่ทันสมัยพอสมควร และเชื่อถือได้ รวมถึงระบบเตือนต่างๆ ที่ทำงานได้สมตัวกับอายุของรถ......รถมีจอ Information เล็กๆ ที่บอกอาการผิดปกติของรถได้ เช่น Right Front Door Open , Bonnet Open, Tailgate Open, Warning Beake pressure, Engine oil level ซึ่งรถสมัยนี้หลายๆ คัน ยังบอกเป็นสัญลักษณ์ว่าประตูปิดไม่สนิท แต่บอกไม่ได้ว่าบานไหนที่ไม่สนิทกันแน่อยู่เลย ตรงนี้ล่ะ ทำให้ รถคันนี้ พิเศษ และผมชอบมากๆ ครับ นี่ยังไม่รวม Trip Computer ที่สามารถบอกได้ว่าน้ำมันในถังเหลือเท่าไหร่ และวิ่งได้อีกไกลแค่ไหน...มีเหมือนรถในสมัยนี้เลยไม่ผิด แต่คันที่ผมกำลังพูดถึง....มีมาแล้ว เมื่อราวๆ 25 ปีที่แล้วครับ OoO

เครื่องยนต์ 16 วาว 135 แรงม้า ดูไม่เยอะ แต่พอใช้งานได้ ประกอบกับเกียร์ออโต้ แบบ 4 จังหวะ ของ ZF รุ่น 4HP18 ทนทาน ซ่อมง่ายครับ

ระบบปรัชญา Avanguard ที่แบรนหรูได้ก๊อปไปเป็นของตัวเอง.....แท้ที่จริงแล้วมันมีอยู่ในรถคันนี้หมดแล้ว ตั้งแต่เมื่อ 25 ปีที่แล้วโน่นน่ะครับ..

ช่วงล่างที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร สามารถซ่อมเองได้ อะไหล่เพียบ ไว้ใจได้ และเหมาะสมกับสภาพถนนที่ "ย้ำแย่" ของบ้านเราเป็นอย่างดี หลุมบ่อ โดดลงไปได้เลย....คอสะพาน เบรคทำไม....ลุยไปได้เลย ช่วงล่าง นิ่ง แน่น นุ่ม หนึบ และอาจจะโดนนิดๆ
Hydroneumatic Suspension อันลือชื่อของยี่ห้อนี้ ที่มีมาตั้งแต่ปี 1950 จนถึงปี 2015 ที่ผ่านมา ได้เลิกผลิตช่วงล่างแบบนี้แล้ว.....ทางบริษัทผู้ผลิตบอกว่าต้นทุนแพง....แต่ การเลิกผลิตนั้น ไม่ได้เลิกไปเสียทั้งหมด แต่ยังคงผลิตให้รถยนต์หรู ชื่อย่อ RR ซึ่งราคาก็เป็นที่ทราบกันอยู่.......รถคันที่ผมกำลังพูดอยู่นี้ มีระบบช่วงล่างแบบเดียวกับ RR เลยครับ..แต่ราคาน่ะหรอ.....ตอนนี้ น่าจะซื้อขายกันไม่เกิน 150000 แล้วนะ......

ความพยายามของวิศวกร ที่จะสร้างไฟหน้าให้เรียว เล็ก แต่ส่องสว่างได้ดี ลำแสงกระจายสวย ไม่แยงตา และพุ่งเป็นเส้นตรง....ต่างจากรถสมัยนี้ ที่นึกอะไรไม่ออก เอาไฟ Projector ใส่ก็จบ....ตรงนี้ล่ะครับ ที่ผมหลงไหลเขาคันนี้มากๆ....เพราะว่า วิศวกรในสมัยนั้น พยายามที่สุด ที่จะสร้างเจ้าไฟหน้าที่มีเวทีกระจายแสงแบบผิดปกตินี้ขึ้นมา มันแสดงให้เห็นถึงความพยายามของคนสมัยก่อนที่จะสร้างอะไรที่มันล้ำหน้ากว่าคู่แข่งไปอีกขึ้นนึงครับ

นี่ยังไม่รวม กุญแจรีโมท แบบ Infrared ระบบ Immobilizer ที่ใช้ Code 4 ตัวในการติดเครื่องยนต์ แถมระบบ Immobilizer ไม่ได้ตัดการจ่ายไฟไปที่เครื่องยนต์ แต่เป็นการตัดระบบเชื้อเพลิงแทน....ท้ายรถแบบ Liftback หรือเรียกอีกอย่างว่าตัวถังแบบ Berlin ที่โด่งดัง เพราะมีทรงรถที่สายและดูเป็นเสน่ ท้ายที่ลาดลง ทำให้พื้นที่วางของหลังรถกว้างมาก แถมยังพับเบาะหลังได้อีก......เยอะมากเลย...กระจกรอบคัน 13 บาน...อันเป็นเอกลักษณ์ที่เดี่ญวนี้หาดูได้ยากมากๆ มีกระจกกันกลิ่มกั้นระหว่างผู้โดยสารกับห้องเก็บของ ช่วยกันไม่ให้แอร์ออกไปนอกรถ และเวลาจอดรถเปิดท้าย ไอเสียของรถยังไม่สามารถวนกลับเข้ามาทำร้านคนที่นั่งอยู่ในรถ

เวลาที่คุณตาคุณยายจะขึ้นรถ มันจะมีปัญหาเข้าไปนั่งลำบาก...เพราะรถเตี้ยเกินไป...ช่วงล่างแบบ ไฮดรอลิค ปรับระดับขึ้นให้สูง แล้วคนชราขึ้นไปนั่งได้แบบ ชิวๆ เลย...รวมไปถึงองศาของเบาะนั่ง...ที่ทำไว้สำหรับคนมีพุงนั่งโดยเฉพาะ......ประมาณว่า เสี่ยนั่งหลังกันเลยทีเดียว เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า พวงมาลัย เป็น Telescopic ด้วย...แหม่ รถเดียวนี้งกจริงๆ ให้มาแค่สูงต่ำ ซึ้งบางครั้ง....มันปรับไม่พอสำหรับคนทีขายาวอย่างผม

ใครๆ เขาก็บอกว่ารถยี่ห้อนี้ ซื้อมาก็นอนแต่อู่....แต่ตั้งแต่ผมใช้ชีวิจตอยู่กับเขาร่วม 1 ปีเต็มแล้ว..ใช้วิ่งประจำวันได้ อะไหล่มีให้เลือกสรรค์ไม่มาก แต่ก็มีมาอยู่เรื่อยๆ ระบบช่วงล่างและไฟฟ้าที่หลายคนกลัว.......มันไม่ยากเลยถ้าอ่านภาษาอังกฤษออก แค่นั้นก็สามารถซ่อมเข้าคันนี้ได้ทั้งคัน โดยไม่ต้องไปหาช่างเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผมไม่ได้ซ่อมรถมาประมาณ 3 เดือนแล้ว ทั้งๆ ที่รถก็ใช้เป็นประจำทุกวัน.....อีกทั้งคนขับเท้าค่อนข้างหนักพอสมควร

สำคัญที่สุดเลยคือ ผมใช้เวลาศึกษาเรื่องรถยี่ห้อนี้อยู่ เกือบ 2 ปี เต็ม ใช้เวลาหาเนื้อู่ผมซึ่งก็คือคันนี้ 6 เดือน ไปดูรถมาแล้วมากกว่า 10 คัน....

ผมรู้สึกมั่นใจ และภูมิใจทุกครั้ง ที่ขับอยู่บนถนนแล้ว มีแต่คนหันมอง....

คันที่ว่า คือคันนี้ไงครับ...

(http://imagizer.imageshack.us/v2/640x480q90/540/64KVCh.jpg)

 
หัวข้อ: Re: รถคันไหนของท่านที่คิดว่า Perfect ที่สุดในเกือบทุกๆด้านครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PoonnyTheBuam ที่ กันยายน 18, 2015, 00:19:50
เหมือนที่เพื่อนๆหลายคนบอก ไม่มีรถคันไหนที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกคับ
มีแต่ว่ามัน ok สำหรับเรา ตอยโจทย์เราในทุก Condition รึเปล่า

ผมชอบรถอยู่ 2 คัน....

"คันแรก" รถที่พ่อตาแม่ยายยกให้...1992 Nissan Bluebird U12 Attesa 2.0i super select

คันนี้ท่านยกให้เพราะที่บ้านรถหลายคัน ไม่มีที่จอด เลยจะขายรถเก่าทิ้ง
แต่หึหึ..ขายได้สามสี่หมื่นก็เยอะละ แยกอะไหล่ขายอาจจะได้มากกว่าด้วยซ้ำ
ผมเลยขอมา แกก็บ้าจี้ยกให้เราด้วย ตอนแรกคิดว่ารถเก่าๆคงไม่มีพิษสงอะไร แต่...ขอโทษ ตุณพ่อตาแกเล่นเอาไปทำตัวนอกซะครบ!!
ทั้งไฟท้าย กันชนหน้าหลัง เบาะ แผงคอนโซล เปลี่ยนเครื่องจาก CA20E  ไปเป็น SR20DE เหมือนหลุดออกมาจากแม็กกาซีนเรโทรของญี่ปุ่น

ครั้งแรกที่ได้นั่งลงไป สัมผัสได้ถึง Ergo-design (ไปดูคลิปโฆษณาสมัยโบราณที่พี่จิมมี่แชร์ไว้ใน Youtube) พอได้ขับออกมายิ่งหลงรัก รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
รถอะไรฟะ...อายุยี่สิบกว่าปีแต่อัตราเร่งดีมาก เกาะถนน นั่งสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน หรูหราไฟฟ้ารอบคันตามแบบรถไฮโซสมัยผมเป็นเด็ก อารมณ์แบบผู้ใหญ่สุขุมนุ่มลึก สุภาพ ไม่กระโชกโฮกฮาก แต่พร้อมมีเรื่องทันทีที่ถูกใครดูหมิ่นเกียรติศักดิ์ศรี (เอิ่ม..สงสัยผมดูหนังมากไป...)
ชอบและเอามาใช้งานอยู่ช่วงหนึ่งแต่เสียดายที่ตอนนี้เกียร์พัง อะไหล่หายากด้วย ผมเลยเก็บรักษาสภาพรอวันคืนชีพ พร้อมเครื่องเกียร์ใหม่

ตอนนี้ก็ไปเป็นสมาชิกในคลับรถรุ่นนี้แล้ว กำลังพยายามสะสมอะไหล่และของแต่งอยู่ เพื่อนๆก็บอกอาจจะต้องไปซื้อรถที่เขาปล่อยมาบางคัน เอาไว้ซ่อมกินตัวเพราะอะไหล่เริ่มหายากถึงหาไม่ได้ โดยเฉพาะอะไหล่บอดี้และช่วงล่าง (แน่สิ...อยากเล่นของแปลกดีนัก!!!) ก็รออะไหล่ต่อไปละกันนะ.....

"คันที่สอง" สุดรักสุดหวง อยู่กันมาตั้งแต่ใหม่ๆจนตอนนี้ 11 ปีใกล้ 500,000km ละคับ
2002 Nissan Sunny N16 Almera Young 1.8 เครื่อง QG18DE (รุ่นเสาอากาศไฟฟ้า เครื่องไม่มี EGR เฟืองท้ายอัตราทดใหม่)

เป็นรถที่ทนมือทนเท้ามาก เป็นรถคันที่สองของบ้าน (คันแรก....Corona 2.0GLi ST191....คันนั้นเป็นครู สอนวิชายานยนต์เก่งมาก 3วันจอดบ้าน 4วันจอดอู่!!)
ซื้อต่อมาจากฝรั่งชาวอังกฤษ แกซื้อตั้งแต่ป้ายแดง ใช้ได้สองปีวิ่งได้สามหมื่นกว่าโล แกกลับประเทศเลยขาย
ตอนป้ายแดงราคาเกือบเก้าแสน รถสองปีผมซื้อต่อมาราคาแค่ 480,000

สมัยก่อนต้องเติมเบนซิน95 ขนหน้าแข้งร่วงไปพอตัว ตอนหลังต้องพึ่ง LPG เอาไปติดตอนวิ่งได้ 65,000km

ตอนซื้อชอบมากเพราะผมว่ามันสวย ทุกวันนี้ยังพอดูได้ ไม่เก่ามากนัก (เสียอย่างเดียว ภายในแคบไปนิด ผมเป็น ผช ตัวโต เลยอึดอัดไปบ้าง)

ใช้งานตามปกติ วิ่งยาว 110-140 รถเดิมๆไม่แต่ง ส่วนใหญ่วิ่งขึ้นเขาเยอะ (ผมอยู่เชียงใหม่ วิ่งทางเขาในภาคเหนือเป็นส่วนใหญ่ ไปมาแล้วเกือบทุกเส้น ทางลาดยาง ตอนกรีต ลูกรัง ฝุ่น โคลน ไปหมด!!) อัตราเร่งดี ใช้งานได้สะดวกเพราะส่วนใหญ่ขับคนเดียว ขนของนิดหน่อย ใช้ดีไม่ค่อยเหนื่อย เชียงใหม่-กทม ประจำ วิ่งไปไกลสุดก็ เชียงใหม่-ภูเก็ต
ออกตัวพอทำใจได้ พอได้ความเร็วลอยตัวก็โอเค (รอบต้นใช้ได้ แต่รอบปลายแผ่ว) ถ้าขับปกติไม่อัดมากๆ ผมว่าใช้ได้นะ ขับละไม่เครียด

ช่วงล่างนิ่มนวลดี แต่บางคนอาจไม่ชอบเพราะมันย้วย ผมเลยเปลี่ยนช็อคอัพเป็น Monroe Reflex+สปริงเดิม หนึบขึ้นชัดเจน ยิ่งช่วงล่างหลังเป็นทอร์ชั่นบีม ใส่โค้งผมก็ไม่ค่อยกลัว เกาะใช้ได้ (ยิ่งได้ยางดีๆยิ่งเกาะ)

ออฟชั่นดูจะเป็นอะไรที่ขาดๆเกินๆ แต่ผมไม่มายด์นะ ได้เบาะหนัง Airbagคู่ ABS BA ก็ใช้ได้ละ ติดที่เดียว ช่องแอร์ปรับเป่าที่อื่นไม่ได้ เป่าหน้าอย่างเดียว

"แอร์เย็น เพลงเพราะ เบาะหนัง ติดตั้งแก๊ส" ครบ!!!

อัตราสิ้นเปลืองสมัยใช้น้ำมันผมไม่ได้ทำไว้ มาทำตอนใช้แก๊สนี่แหละ วิ่งผสมในเมืองนอกเมืองได้ประมาณ 8.5 km/l LPG
วิ่งเดินทางเฉลี่ย 100-130 ได้ 10.5-11.0 km/l LPG ตกโลละประมาณ 1.50 บาท

ทนทานมาก ตอนใหม่ๆก็เช้าศูนย์ตรวจเช็คเปลี่ยนของเหลวตามปกติ พอหมดระยะประกันก็มาเข้าอู่ข้างนอก
เปลี่ยนอะไหล่ตามอายุการใช้งาน บางอย่างเปลี่ยนก่อน บางอย่างเสียค่อยซ่อม อะไหล่แพร่หลาย ไม่ค่อยแพงทั้งอะไหล่บอดี้และเครื่อง
เกียร์ออโต้ 4 สปีด นี่ก็ทน กระตุกบ้างนิดหน่อย แต่ก็แปลก..บางคนในคลับใช้งานตามปกติทั้ง Sunny Almera และ Neo แสนกว่าๆสองแสนก็เกียร์พังละ เปลี่ยนกันเป็นว่าเล่น
(ผมว่าอยู่ที่คนดูแลรักษานะ ผมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40,000km ใช้ DexIII ธรรมดาลิตรร้อยกว่าบาท อย่างอื่นไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนี้เกือบห้าแสน เปลี่ยนเครื่องไปตัวนึงละแต่เกียร์เดิม ใช้งานได้ดีไม่งอแง ตอนนี้เพิ่งเริ่มมีปัญหาเข้าเกียร์ตอนเครื่องเย็นยาก พอน้ำมันเกียร์ร้อนก็วิ่งได้ปกติ อาการนี้ถ้าเกิดขึ้นแปลว่าเกียร์นีโอของคุณกำลังจะกลับบ้านเก่า)

ช่วงล่างก็ทน ไปมาทุกสภาพถนน รื้อเปลี่ยนลูกหมากไปรอบเดียว ยกชุดหมื่นกว่าตอนนี้ใช้ดีไม่มีกุกกัก บุชปีกนกที่มักมีปัญหา ศูนย์ให้เปลี่ยนยกทั้งปีกแต่ผมอัดบุชใหม่แต่ปีกเดิม ก็ยังใช้ดี แร็คไม่รั่วไม่ดัง ทนจิงๆ ลูกปืนล้อกะว่าจะเปลี่ยนเมื่อสี่แสนโลที่ผ่านมา แต่พบว่ายังใช้ได้ดีไม่มีแตก ไม่คลอน ปกติทุกอย่างทั้งๆที่บางครั้งเรามาเร็ว มีหลุมบ่ออะไรก็รูดไปตามนั้น เออแปลกดี....จะทนไปไหนเนี่ย!!!

ที่เป็นหนักๆงอแงๆจิงๆเห็นจะมีสองครั้ง ครั้งแรก....ตอนนั้นวิ่งจากเชียงใหม่เข้ากทม วิ่งมาตลอดทางก็ปกติดี แต่พอวิ่งอยู่บนโทลเวย์แถวๆเกษตร อยู่ๆเกจความร้อนขึ้น ก่อนหน้านี้รีบต้องทำเวลาเลยวิ่งอัดมาแถวสายเอเชีย 140++ เลยลดความเร็วลงแล้วประคองลงมาได้จนถึงแถวห้าแยกลาดพร้าว จอดรถดู ปรากฎว่ามีอากาศออกผ่านหม้อน้ำมาดันน้ำออกทางหม้อพักจนหมดเลย เลยรีบให้พรรคพวกมาลากไปดู ปรากฎว่าปะเก็นฝาสูบไหม้! เห็นชัดมากคือส่วนทีปะเก็นบางๆระหว่างสูบ 1-2 2-3 และ 3-4 สืบพยานในคดีทั้งหมดแล้วคิดว่าจำเลยน่าจะเป็นระบบแก๊สที่เราจูนมาบางเกินไป (บ้าจูนเอง แต่สนุกเกินไปมัวแต่คิดเรื่องประหยัดแต่ไม่ถนอมเครื่อง) พออัดมารอบสูงๆนานๆมันเลยไหม้ ยังดีที่ไม่เปนมาก ไม่ฝืนขับต่อ อัดน้ำดูแล้วฝาไม่โก่งไม่รั่ว และแค่เปลี่ยนปะเก็นไปเบาๆ

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า รถแก๊สอย่าจูนบางเกินไป ขับถนอมๆ อย่าอัดมาก อย่าแช่นาน จะได้ใช้ทนๆ!!!

เคสที่สอง...อันนี้หนักจิง ตอนนั้นวิ่งได้แสนกว่าๆเอง จะเปลี่ยนหัวเทียน ด้วยความขี้เกียจทำเองจึงไปเปลี่ยนที่ศูนย์แห่งหนึ่งในห้าง ปรากฎว่าซวย ช่างขันหัวเทียนเข้าไปแต่ปีนเกลียวโดยไม่รู้! (ไม่รู้ได้ไงฟะ!!!) พอวิ่งออกมาซักพักมีเสียงแต๊กๆๆๆๆเป็นจังหวะ (ตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงหัวฉีดแก๊ส) อีกไม่นาน...เท่านั้นแหละ ระเบิดเสียงดังปุ๊!!! ตามด้วยเครื่องดับ ยังดีที่เป็นตอนติดไฟแดง ไม่เป็นตอนวิ่งเร็วๆ เปิดฝากระโปรงมาพบว่า....ฝาครอบเครื่องที่เป็นพลาสติกสีแดง แตกออกครึ่งหนึ่ง แต่ที่บาดตามากคือ...คอยล์กับเศษหัวเทียนทะลุจากฝาสูบผ่านฝาครอบเครื่องขึ้นมา มาตุงอยู่ที่แผ่นฉนวนใต้ฝากระโปรง!!!!
OMG!!! กำลังอัดจากในห้องเผาไหม้ช่างมีพลังที่ร้ายกาจจิงๆ....T____T
สรุป ไปเอาเรื่องกับช่างไม่ได้....เครื่องเสียหายมาก ฝาพัง ลูก+ก้านของสูบสามแตก!! เลยต้องยอมยกเครื่องเซียงกงมาใส่แทน แต่เกียร์เดิม

แต่ก็แปลก....จากวั้นนั้นถึงวันนี้ ไม่มีปัญหางอแงอะไรอีกเลย ทนใช้วิ่งมาจากแสนกว่าๆจนตอนนี้เกือบห้าแสน มีเสื่อมลงตามอายุการใช้งานเช่น สายไฟเริ่มกรอบ ยางขอบกระจก สภาพเบาะหนัง บลาๆๆๆๆ
เสียดาย...ราคาวันนี้ซื้อขายกันที่ไม่ถึงแสน แต่ผมใช้คุ้มตั้งแต่ติดแก๊สละ ถอนทุนไปตั้งแต่เดือนแรกๆแล้ว ที่ผ่านมาถือว่ากำไร
ตอนนี้ก็จะไม่ขาย รถที่เคยใช้ทำมาหากิน ผ่านทุกข์สุขกันมามาก รักที่สุด แต่โปรเจ็คต่อไป....อยากทำเป็นของเล่นตัวแรง...SR20 NeoVVL

เล็งไว้...แต่จะได้ทำเมื่อไหร่ไม่รู้ 5555