Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: NaNaNa ที่ กันยายน 24, 2015, 14:29:24
-
ระหว่าง แก๊สโซฮอล์ 91 กับ E20 อันไหนคุ้มกว่า ตามนี้เลยครับ
อันไหนประหยัดกว่ากันครับ
ขับชานเมืองรถไม่ค่อยติดมาก
ไปกลับที่ทำงานไม่เกิน 30 กม.
-
ราคาตอนนี่ผมว่า 95 โซ คุ้มสุดนะครับห่างจาก e20 91โซ นิดเดียว
-
E20 ครับ
มองอีกมุม หากไม่ไกล้ ไม่ไกลแบบนี้
และถ้าเกิดไม่มีผู้โดยสาร แว้นซ์ รถเครื่องไปน่าจะดีกว่ามั้ยครับ เร็วและประหยัดเงิน,เวลา
-
ตามทฤษฎีน่าจะเป็น 91
แต่จากการใช้งานจริง e20 ครับ
เทียบจากรถคันเก่า jazz10
-
เทียบจากรถผม GSH95 ราคาต่อกิโลเมตรถูกสุด โดยเฉพาะเวลารถติด
E20 จะดีกว่า GSH95 ตอนวิ่งไป ตจว. แบบวิ่งยาวๆ จริงๆ 2-300 โล ความเร็วไม่สูง 100-110
หากกด หากซิ่ง หากรถติด E20 ซดหายฮวบๆ ไม่รู้ทำไม
ตอนนี้ผมเติม GSH95 เป็นหลัก E20 ไว้ตอนฉุกเฉิน หา GSH95 ไม่ทัน ส่วน 91 ไม่เติมเพราะส่วนต่างไม่คุ้มแน่ๆ
-
ผมเชื่อว่า ความคุ้มของรถแต่ละคันน่าจะไม่เท่ากัน คงไม่สามารถเอาอะไรมาวัดได้(นอกจากปิ่นโต !!)
ผมขอออกความเห็นจากการใช้งานส่วนตัวละกัน
สมัยที่ผมขับ Civic FD ตัวไฟท้ายเหลี่ยมที่เติม E20 ได้มาจากโรงงาน ลองวิ่งจับระยะทางเวลาวิ่งออกต่างจังหวัดในช่วงที่เป็นทางเรียบๆ วิ่งประมาณ 110 นั่งคนเดียว
E10 95 ได้ประมาณ 17-18 กิโล/ลิตร
E10 91 ได้ประมาณ 16 กิโล/ลิตร
E20 ได้ประมาณ 16 กิโล/ลิตร เช่นกัน ตัวเลขเป็นแค่การประมาณจากน้ำมันที่เติมไปกับระยะทางที่ได้คร่าวๆ
ถ้าหารออกมากิโล/ลิตรแล้ว ผมให้ E20 คุ้มกว่านะ โดยเฉพาะช่วงที่ราคาน้ำมันถูกด้วยแล้ว
แต่ส่วนตัวผมคงเลือกเติม 91 เป็นอย่างสุดท้าย เพราะรถยี่ห้อ H ที่ใช้มา 2 คันก่อนหน้าเจอ 91 แล้วเครื่องสั่นตลอด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำมันหรือเพราะเครื่องไม่ค่อยรองรับก็ไม่รู้
มีคันใหม่ที่พึ่งได้มาที่เติม 91 แล้วอาการไม่ออก..
-
E20ก็พอครับ
ตอนแรกผมก็เติมE20 หลังๆมาน้ำมันถูก ส่วนต่างน้อยลง เลือก E10 95
-
ส่วนต่าง แค่ 1.4บาท
แต่เติมที 40-50 ลิตร (หลายบาทอยู่นะ)
E20 ครับ
ช่วยชาติ ช่วยเกษตรกร ช่วยลดมลพิษ
-
จขกท. ไม่ลองเติมแล้วขับดูจริงๆเลยล่ะครับ?
-
น้ำมันขาลงแบบนี้ซัดโซฮอลแบบไม่ต้องคิดมากเลยครับให้รถมันซดของดีๆบ้างก่อนที่ราคามันจะกลับมาแพงเหมือนเดิมครับ
-
ส่วนต่าง แค่ 1.4บาท
แต่เติมที 40-50 ลิตร (หลายบาทอยู่นะ)
E20 ครับ
ช่วยชาติ ช่วยเกษตรกร ช่วยลดมลพิษ
เหตุผลเดียวกับผมเลยครับ
ราคาน้ำมันจะขึ้นจะลง ส่วนต่างราคากับน้ำมันชนิดอื่น จะมากจะน้อย ผมไม่สนใจครับ
-
E20 ครับ
-
อันไหนคุ้มกว่าผมไม่ค่อยทราบเท่าไร แต่ที่รู้แน่ๆ คือ E20 ออกตัวและเร่งแซงได้ดีกว่า 91E10 ครับ
ส่วนเรื่องเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ E20 จะดังกว่า 91E10 อยู่นิดหน่อย
แต่ถ้าเติมปั๊มบางจากเป็นประจำ จะเห็นได้ชัดว่า E20 คุ้มกว่า เนื่องจากได้คะแนนสองเท่า สะสมเป็นส่วนลดค่าน้ำมันได้เยอะกว่า อิอิ
-
ถ้าบรรทุกไม่เยอะ (เช่น นั่ง 2 คน) E20 จะน่าใช้กว่าเพราะราคาถูก
แต่ถ้ารถหนักแถมขับเร็ว เติม 91 ดีกว่าครับ
คำตอบผมไม่อ้างหลักการหรือทฤษฎีอะไรทั้งสิ้น ตอบตามประสบการณ์ครับ
-
ปกติเติมแต่ E20 กับโซฮอล 95 ครับ เพราะทุกวันนี้ส่วนต่างราคาระหว่าง 91 กับ 95 น้อยเกิ๊นนนนนน แต่วันก่อนลอง E20 ของ Esso แล้วติดใจ คงจะหันมาใช้สักระยะละครับ สบายกระเป๋าแถมแรงดึงใช้ได้เลย
-
คิดเป็นตัวเงินต่อ กิโลเมตร น่าจะ พอๆ กันนะครับ
แต่เวลาเติมเต็มถัง จะให้ความรู้สึกดีที่จ่ายน้อยกว่า เมื่อเติม E20
วอิ่งชานเมือง ยังไงก็ประหยัดครับ
-
E20 คับ
-
โซฮอล ครับ โดยส่วนตัว รถผม เทส เติม อย่างละ 5 ถังติดกัน เเล้วหารค่าเฉลี่ย
e20 เฉลี่ย1ถังวิ่งได้ 450 กิโลเมตร
โซฮอล 91 เเละ 95 เฉลี่ย1ถังวิ่งได้ 480 กิโลเมตร
-
ส่วนตัวใช้ แล้วทั้ง E20 กับ E10 91 ไม่ค่อยเห็นความแตกต่างระหว่างการซดน้ำมันนะครับ
หรืออาจเป็นเพราะขับแต่ในเมือง ดังนั้นหากคำนวนราคาต่อลิตร E20 คุ้มกว่าครับ
แต่หลังๆ ราคาน้ำมันถูกลง เลยเติมแต่ E10 95 บางจาก รู้สึกความต่างอย่างเห็นได้ชัด :D :D :D
ลองเทียบกะ ปอ หรือ เสือ แล้ว บางจาก รู้สึกว่าเครื่องเดินเรียบและกำลังอัด ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
-
ตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรเลยครับ ถ้าไม่ใช่ eco car ก็เติม e20 เลยครับ
ถ้ารถคุณรองรับ e20 นะครับ ดูดีๆ
ไม่งั้นหาว่าไม่เตือน
-
เมื่อก่อนตอนน้ำมันราคาแพงหน่อย ดูรีวิวรถพี่จิมมี่ พี่จิมมี่เคยบอกว่า ถึงจะดูเหมือน 95 วิ่งได้ไกลสุด แต่ถ้าคิดออกมาแล้ว e20 ประหยัดกว่า แต่ถ้าเป็นราคาน้ำมันสมัยนี้ผมว่าก็คงน่าจะเป็น 91 ครับที่ประหยัดกว่าถ้าเทียบกับ e20 นะ
-
ไม่มีใครตอบได้หรอกครับ ที่ตอบได้ก็ใช้ความรู้สึกกันทั้งนั้น ไม่ได้วัดโดยใช้เครื่องมือที่มีมาตรฐานเชื่อถือได้
*** ทางทฤษฎี *** gasoline ล้วน ๆ 1 ลิตร ที่ไม่มีสารปรุงแต่งใด ๆ ให้พลังงานมากกว่า ethanol 1 เป็นอัตราส่วน 100:65 ดังนั้นค่าพลังงานระหว่าง e0 : e10 : e20 คือ 100 :96.5 : 93 แปลว่าเราควรเติม e20 เมื่อ e20 ถูกกว่า e10 มากกว่า 3.5% นั่นเอง (จริง ๆ ไม่ใช่ 3.5 ครับ เพราะต้องเอา 96.5 เทียบกับ 93 ไม่ใช่ 100 เทียบ 96.5)
แต่มันไม่ได้ง่ายแบบนี้ครับ เพราะ gasoline ที่เราใช้กัน ไม่ใช่ gasoline ล้วน ๆ มันต้องมีสารปรุงแต่งอีก ซึ่งเราไม่รู้ว่าแต่ละเจ้า น้ำมันแต่ละสูตร เค้าใส่อะไรลงไปมากน้อยเท่าไหร่บ้าง และสารที่ใส่ไปมีหรือไม่มีผลกับพลังงาน นอกจากนี้ในอเมริกา น้ำมันตัวเดียวกันในคนละฤดู ก็ให้พลังงานไม่เท่ากันอีก (จำไม่ได้ว่าทำไม) ไม่รู้ว่าที่ไทยเป็นแบบนั้นมั้ย นี่แค่ตัวน้ำมันอย่างเดียวเราก็งมอัตราสิ้นเปลืองกันไม่ถูกแล้วครับ ส่วนที่ผมบอกว่าผมไม่เชื่อคนที่ใช้ความรู้สึก หรือไปวัดกันตามท้องถนนด้วยวิธีที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ เพราะมีปัจจัยหลายอย่างมากที่ส่งผลกระทบต่ออัตราการกินน้ำมัน เช่น อุณหภูมิ ลมต้านหรือลมหนุน เปิดหรือปิดแอร์ ถ้าเปิด เปิดอุณหภูมิเท่าไหร่ แอร์ทำงานหนักแค่ไหน น้ำหนักบรรทุก สไตล์การเหยียบ ฯลฯ ที่แม้จะใช้คนเดียวกันขับบนเส้นทางเดิม ๆ ก็ยังควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะลมและอุณหภูมิ มีผลมาก ๆ ครับ
ขอแถมเรื่อง octane 91 vs 95 ครับ สรุปคือ ถ้ารถเติม 91 ได้ การเติม 95 คือการเสียเปล่าครับ เพราะทั้ง 2 ตัวให้ค่าพลังงานเท่ากัน ถ้าไม่นับสารปรุงแต่งอื่น ๆ
ค่า octane คือตัวชี้วัดความสามารถของน้ำมันในการทนต่ออุณหภูมิและความดันก่อนจะเผาไหม้ การที่ทนได้เยอะ แปลว่าเครื่องยนต์จะจุดระเบิดได้อย่างแม่นยำ ถ้า octane ต่ำกว่าที่เครื่องยนต์กำหนด น้ำมันและอากาศจะเผาไหม้ที่อุณหภูมิและความดันต่ำกว่าปกติ ก่อนหัวเทียนจะจุดไฟ ผลคือเครื่อง knock ครับ ไม่ใช่ได้พลังงานต่ำลง ดังนั้น การใช้น้ำมันที่สามารถทนต่อความดันสูง ๆ ได้มากกว่า spec ที่เครื่องยนต์กำหนด จะไม่มีประโยชน์ เพราะค่าความสิ้นเปลืองก็อ้างอิงกับพลังงานที่น้ำมันจ่ายออกมาเหมือนเดิม ดังนั้นมันไม่ได้ช่วยเรื่องความประหยัดครับ