Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Abzolute ที่ ตุลาคม 16, 2015, 11:17:10
-
ราคาไม่รวมภาษีไม่รวมอะไรเลยอ่ะครับ ขอบคุณครับ
-
หน้าโรงงานไม่มีใครรู้นอกจากดีเลอร์และการตลาดขอ OEM. รู้เค้าก็บอกไม่ได้
อยากรู้ ราคา คร่าวๆ
เอาราคารถ หาร VAT ออกก่อน จากนั้น หาร TAX จะได้ราคา ของ ดีลเลอร์
เช่น Eco Car เฟสหนึ่ง VAT 7 % TAX 17 %
500,000 / 1.07 = 467,289
467,289 / 1.17 = 399,392
ราคานี้ เป็นราคา กำไรของ ดีลเลอร์แล้ว
สมมุติ ดีเลอร์กำไร 20 %
399,392 /1.2 = 332,826 บาท
สมมุติ OEM กำไร 20 %
332,826 /1.2 = 277,355
ส่วน OEM ได้กำรจากรถหนึ่งคันเป็นเงินเท่าไหร่
ผมบอกได้อย่าวเดียว
กำไรขึ้นอยู่กับยอดขาย ในกรณี mass production
ต้องขายให้ได้ตามเป้าที่วางแผน ถึงจะได้กำไร
ให้ผมเดา ว่า OEM ไหน ได้กำไรต่อคันมากสุด ก็น่าจะ Toyota หรือ Mitsubishi
มีรถหลายๆ รุ่น ลงทุนเป็นพัฒนาเป็นพันล้าน แต่ขายได้เดือนละ สิบคันอันนี้เรียกหายนะ
มีรถอีกหลายๆรุ่น ขายได้ตามเป้า ยอดขายไปได้ แต่ ดันทำราคามาผิด ยิ่งขายยิ่งขาดทุนก็มี สุดท้ายต้องรีบยกเลิก
มีรถหลายๆ รุ่น ลากขาย 10 ปี เพราะไม่มีเงินทุนพัฒนา แต่ก็ได้กำไร พอไปรอดเรื่อยๆ
-
เก้าแสนบาทนี่ประมาณห้าแสนบาท จากกระทู้
เป็น เก้าหมื่นนี่ประมาณห้าแสน
หรือเก้าแสนประมาณห้าล้าน
งงกับตัวเลข
ถ้า เก้าหมื่น ขายห้าแสน บอกได้ว่าประมาณนั้น
-
ราวๆ80-85% ของราคารถ ถอด VAT ถอดภาษีสรรพสามิตร
-
ผมเดาว่า เจ้าของกระทู้ อาจจะอยากทราบคร่าวๆว่า
ผู้ผลิต กำไรคันละเท่าไหร่ หรือกี่ % ใช่มั๊ยครับ
คงได้แต่คำตอบจากการคาดคะเนคร่าวๆ ตามพี่ๆข้างบนนั่นแหละครับ
-
เก้าแสนบาทนี่ประมาณห้าแสนบาท จากกระทู้
เป็น เก้าหมื่นนี่ประมาณห้าแสน
หรือเก้าแสนประมาณห้าล้าน
งงกับตัวเลข
ถ้า เก้าหมื่น ขายห้าแสน บอกได้ว่าประมาณนั้น
เราว่าคำถามของ จขกท ก็ชัดเจนอยู่นะ ไม่น่างงอะไร
คือ เขาอยากทราบว่าราคารถหน้าโรงงานเท่าไร เช่น ถ้าราคาที่ขายตามโชว์รูม 9 แสน ราคาหน้าโรงงานน่าจะซัก 5 แสนมั้ย?? (นี่คือคำถามเขา)
-
จากคำถามของ จขกท.. ขอตอบว่า "ไม่ได้ครับ"
เพราะมันถูกกว่านั้นเยอะครับ
-
ราคาต้นทุนตัวรถไม่เยอะครับ มาเยอะกับต้นทุนค่าแรง
-
ต้นทุน ไม่เยอะครับ เนื่องจากของสั่งผลิตมาก
ส่วนค่าแรงก็เยอะแต่ไม่เยอะมาก
ที่ทำให้รถแพง เพราะ ค่าการตลาดครับ ผมว่าลงทุนไปไม่น้อยเลยนะครับในแต่ละรุ่น
เหมือนในเวปเรา กระทู้ของท่าน MOONO ONE จะเคยเอามาลง แต่ผมหาไม่เจอ
ค่าการตลาดโตโยต้า หมดเป็น ร้อยล้านเลยนะครับ หลายร้อยล้านด้วย
ผมว่าตัวนี้แหละมีส่วนทำให้รถแพง
-
ต้นทุน ไม่เยอะครับ เนื่องจากของสั่งผลิตมาก
ส่วนค่าแรงก็เยอะแต่ไม่เยอะมาก
ที่ทำให้รถแพง เพราะ ค่าการตลาดครับ ผมว่าลงทุนไปไม่น้อยเลยนะครับในแต่ละรุ่น
เหมือนในเวปเรา กระทู้ของท่าน MOONO ONE จะเคยเอามาลง แต่ผมหาไม่เจอ
ค่าการตลาดโตโยต้า หมดเป็น ร้อยล้านเลยนะครับ หลายร้อยล้านด้วย
ผมว่าตัวนี้แหละมีส่วนทำให้รถแพง
แค่นึกถึงเฉพาะพรีเซนเตอร์ของค่ายนี้ก็ไม่อยากจะคิดถึงค่าตัวแล้วครับ
ตอนนี้ก็มีทั้ง Huge Jackman, Adam Leviene, One Direction, Katy Perry
เมื่อก่อนก็มี Orlando Bloom, Britney Spears, Brad Pitt, Nay Mar, C. Ronaldo ;D
-
ไปดูราคารถที่อเมริกาครับ ในเว็บมีบอกราคาเท่าไหร่ลบไป15%ของรุ่นต่ำสุด
Option เป็นตัวทำกำไร ถ้าดูรุ่นท็อปลบไป30-50%ของส่วนต่างจากรุ่นต่ำสุดครับ
-
เดาว่ากำไร 3.5 เท่าจากต้นทุนจริงครับ
-
แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็ไม่เท่ากันครับ ต้องถามว่านับเฉพาะ ตัวกำไลขั้นต้นรึเปล่า เพราะมันมีต้นทุนดำเนินการด้วย ผมกำลังดูงบบริษัทรถอยู่แต่สัก 5-7 วันเดี๋ยวมาตอบเท่าที่รู้ครับ
เลื่อนนะจ๊ะงานเยอะแงะไม่ทัน ไว้ใครสนใจจริง Pm มาถามความคืบหน้าได้ครับ
-
เคยทำเคลมรถที่อยู่ในโรงงาน ตัดจ่ายที่40%ของราคาขายน่ะครับ
ราคาต้นทุนเขาไม่ให้มา
-
ต้นทุน ไม่เยอะครับ เนื่องจากของสั่งผลิตมาก
ส่วนค่าแรงก็เยอะแต่ไม่เยอะมาก
ที่ทำให้รถแพง เพราะ ค่าการตลาดครับ ผมว่าลงทุนไปไม่น้อยเลยนะครับในแต่ละรุ่น
เหมือนในเวปเรา กระทู้ของท่าน MOONO ONE จะเคยเอามาลง แต่ผมหาไม่เจอ
ค่าการตลาดโตโยต้า หมดเป็น ร้อยล้านเลยนะครับ หลายร้อยล้านด้วย
ผมว่าตัวนี้แหละมีส่วนทำให้รถแพง
หลักร้อยล้านลง TVC อย่างเดียวก็หมดละครับ คิดว่าน่าจะหมื่นล้านถึงแสนล้าน
-
เดาว่ากำไร 3.5 เท่าจากต้นทุนจริงครับ
ในสินค้าอื่นๆ อาจจะใช้ กำไร 3.5 เท่า
แต่ไม่ใช้กับสินค้ารถยนต์ ครับ
ภาษีซะเยอะ กำไร น้อยๆ มาก สินค้าที่บางท่านขาย กำไรต่อหน่วยได้ % มากกว่ารถยนตร์มากครับ
รถยนต์ตลาด กำไรต่อคันได้น้อย แต่ต้องขายได้มากๆ ครับ
-
ต้นทุน ไม่เยอะครับ เนื่องจากของสั่งผลิตมาก
ส่วนค่าแรงก็เยอะแต่ไม่เยอะมาก
ที่ทำให้รถแพง เพราะ ค่าการตลาดครับ ผมว่าลงทุนไปไม่น้อยเลยนะครับในแต่ละรุ่น
เหมือนในเวปเรา กระทู้ของท่าน MOONO ONE จะเคยเอามาลง แต่ผมหาไม่เจอ
ค่าการตลาดโตโยต้า หมดเป็น ร้อยล้านเลยนะครับ หลายร้อยล้านด้วย
ผมว่าตัวนี้แหละมีส่วนทำให้รถแพง
แค่นึกถึงเฉพาะพรีเซนเตอร์ของค่ายนี้ก็ไม่อยากจะคิดถึงค่าตัวแล้วครับ
ตอนนี้ก็มีทั้ง Huge Jackman, Adam Leviene, One Direction, Katy Perry
เมื่อก่อนก็มี Orlando Bloom, Britney Spears, Brad Pitt, Nay Mar, C. Ronaldo ;D
ผมทำงาน บ.โฆษณาอยู่ แต่ไม่ได้ทำของโตโยต้านะครับ
ปีนึงใช้เงินในเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน ทั้งๆที่โฆษณาไม่ได้มีอะไรมาก พรีเซนเตอร์ก็ไม่ได้นำเข้าด้วยครับ
(นี่แค่เฉาพะในส่วนของโฆษณา ทั้ง above the line และ below the line ไม่รวมการตลาดส่วนอื่น)
-
ต้นทุน ไม่เยอะครับ เนื่องจากของสั่งผลิตมาก
ส่วนค่าแรงก็เยอะแต่ไม่เยอะมาก
ที่ทำให้รถแพง เพราะ ค่าการตลาดครับ ผมว่าลงทุนไปไม่น้อยเลยนะครับในแต่ละรุ่น
เหมือนในเวปเรา กระทู้ของท่าน MOONO ONE จะเคยเอามาลง แต่ผมหาไม่เจอ
ค่าการตลาดโตโยต้า หมดเป็น ร้อยล้านเลยนะครับ หลายร้อยล้านด้วย
ผมว่าตัวนี้แหละมีส่วนทำให้รถแพง
หลักพันล้านนะครับ บางปี
-
ต้นทุน ไม่เยอะครับ เนื่องจากของสั่งผลิตมาก
ส่วนค่าแรงก็เยอะแต่ไม่เยอะมาก
ที่ทำให้รถแพง เพราะ ค่าการตลาดครับ ผมว่าลงทุนไปไม่น้อยเลยนะครับในแต่ละรุ่น
เหมือนในเวปเรา กระทู้ของท่าน MOONO ONE จะเคยเอามาลง แต่ผมหาไม่เจอ
ค่าการตลาดโตโยต้า หมดเป็น ร้อยล้านเลยนะครับ หลายร้อยล้านด้วย
ผมว่าตัวนี้แหละมีส่วนทำให้รถแพง
ต้นทุนเยอะครับ ผมขอค้าน แต่ไม่ใช่ ต้นทุนต่อคัน แต่เป็นเงินที่ลงทุนไปทั้งหมดตอนแรก
ทำรถหนึ่งคัน มันไม่ได้ โยน แบบ ไปให้ผู้ผลิตทำแล้วเอามาประกอบครับ
กว่าเป็นรถหนึ่งคัน ตั้งแต่ขึ้นตอนการร่างแบบครับ OEM เค้าไม่มาบอกเราหรอกครับ
ว่าเค้าต้องจ้าง ทีมงาน ทั้งหมดกี่ชีวิต
OEM ไม่ได้ จ่ายแค่ค่าชิ้นส่วนที่ต้องการ
มีค่าจ้าง วิศวกรออกแบบ พาร์ทเป็น 10000 ชิ้นครับ
Supplier อีก 1000 กว่าเจ้า
ค่า tooling ต่างที่ต้องใช้ในการผลิต คือ สิ่งที่ OEM ต้องจ่าย
ผมเรียกว่า เงินลงทุนพัฒนาผลิตภัทณ์ใหม่
อาจสูงถึง หลักหลายพันล้านครับ ที่ OEM ต้องจ่ายออกไปก่อนที่ จะซื้อ ชิ้นส่วนมาประกอบอีก
หากลงทุน พัฒนาไปพันล้าน แต่ขายรถได้กำไร คันละ 100,000 ( กำไร = ราคาขาย-ต้นทุนชิ้นส่วน)
ต้องขายรถให้ได้ 10,000 คันครับ จึงจะคุ้มทุนค่าพัฒนาและลงทุนในครั้งแรก
แล้วอะไร จะเกิดขึ้นหาก ขายรถได้แค่ เดือนละ 100 คัน
นั่นเป็นเหตุให้ รถหลายๆ รุ่น ต้องยืดอายุเพื่อ
-
ผมว่า จขกท อาจจะเอาไปลองคำนวณราคาที่บวกภาษีอัตราใหม่แน่ๆ
เพราะว่าถ้ารู้ราคาหน้าโรงงานก็คำนวณภาษีได้