Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: yourturle ที่ พฤศจิกายน 18, 2015, 12:42:33
-
ช่วงนี้ราคาน้ำมันลดลง จึงเป็นขาขึ้นของรถ turbo ที่จะวางจำหน่าย และขายได้ง่ายขึ้น
กว่าช่วงที่น้ำมันลิตรละ 30-40บาท ให้เป็นข้ออ้างของลูกค้าที่จะไม่ซื้อ เพราะน้ำมันแพง...
-
จริง trend downsizing นี้ผมว่า ประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องเดิมนะครับ แถมแรงกว่าด้วย
อย่างแย่ ก็แรงกว่าเดิม แต่กินน้ำมันพอๆ กับเครื่องเดิม
-
มันไม่ใช่แค่ Turbo นะครับ ออกมาเผาน้ำมันเล่นนะครับ
เครื่องมันเล็กลง
ประหยัด แต่แรงด้วย ครับ
-
การจะเอาเครื่องยนต์หรือผลิตภัณฑ์ ใดๆออกขายเค้าวางแผนกันไว้ล่วงหน้า 4-5 ปีแล้วละครับ ได้พูดกันวันนี้พรุ่งนี้วางขาย
กว่าจะทดสอบ ออกแบบต่างๆได้ ต้องใช้เวลาครับ เทคโนโลยีกับเวลาที่เหมาะสมก็มานัดละครับ
ส่วนราคาน้ำมัน เป็นแค่ช่วงจังหวะ ที่ราคาลงพอดีครับ
-
เครื่องเล็กติดเทอร์โบ มารองรับน้ำมันแพงครับ เพราะกินน้ำมันน้อยกว่าเครื่องขนาดใหญ่กว่าที่มีกำลังเท่ากัน
-
ถึงจุดเปลี่ยนทางเทคโนโลยีมากกว่านะครับ ยุคก่อนหน้าจากคาบูเรเตอร์มาเป็นหัวฉีดพละกำลังและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมาก ส่วนต่อจากนี้ก็เป็นยุคที่ความจุลดลงเพิ่มแรงม้าด้วยเทอโบแล้ว สังเกตุดูแนวทางนี้มีมานานในรถยุโรปมาเกินสิบปีแล้วในรถบ้านๆเพิ่งจะเพิ่งเริ่มนี่เอง :)
-
เป็นเรื่องของกฎหมายของประเทศต่างๆที่พยายามผลักดันการปล่อยมลพิษของรถยนต์ให้น้อยลงครับ ประเทศไทยไม่ได้เข้มงวดมากในเรื่องนี้แต่แน่นอนว่าได้อานิสงส์มาด้วยอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะมันกลายเป็นกระแสของทั้งโลกแล้วครับ
-
ปีหน้า CC เท่าเดิมโดย มาเจอภาษีแรงขึ้น
ก็ ต้องเอาเครื่อง CCต่ำลง ม้าเพิ่ม ขึ้นมาแทน
แต่ ก็ทดแทนด่้วยความคงทนของ เครื่องที่ลดลง
ต้องลองดูกันว่าจะเป็นไง
-
ไม่เกี่ยวนัก...เทียบกับรถผมคันเล็ก saab 93ss 2.0T วิ่งทางไกล 90-120 เท้านิ่ง ๆนี่ กินน้ำมัน 16-17โล/ลิตร ประหยัดยังกับเครื่อง 1.6 เลยนะครับ
แต่วิ่งในเมือง 10-12 นี่เก่งแล้ว แต่ถ้ากด บ่อย ๆ เหลือ 9 โล/ลิตร....
รถแบบนี้เวลาต้องการอัตราเร่งมันได้ดังใจ...ประเด็นหลังนี่มากกว่าครับ
-
มันแค่ถึงเวลาในช่วงเทคโนโลยีของมัน ไม่เกี่ยวกับค่าน้ำมันหรอก
คิดว่าแค่บริษัทรถเห็นค่าน้ำมันแล้วสามารถเปิดตัวรถใหม่โดยไม่ต้องวางแผนอะไรเลยหรอ บริษัทขายรถนะครับไม่ใช่ขายหมูกระทะได้เปิดกันง่ายๆ
-
เป็นเรื่องของภาษี CO2 ที่จะใช้ปีหน้าแบบเต็มๆเลยครับ ซึ่งทั่วโลกมีมานานพอสมควรแล้ว ในไทยก็โดนผลักเข้ามาก็ช่วงปีนี้ครับ
-
ผมมองว่า ตลาดมันมีแต่รถซ้ำๆ เช่น เบนซิล 1.5 ก็มีกันเต็ม ตลาดต้องการความหลากหลายมากกว่า เพื่อหาจุดยืนในตลาด เช่น เก๋งดีเซล เก๋ง Turbo Hybrid SUV
-
เป็นเรื่องของภาษี CO2 ที่จะใช้ปีหน้าแบบเต็มๆเลยครับ ซึ่งทั่วโลกมีมานานพอสมควรแล้ว ในไทยก็โดนผลักเข้ามาก็ช่วงปีนี้ครับ
เห็นด้วยครับเรื่องของภาษีนี่ล่ะครับเต็มๆ
-
หลักๆคงเป็นภาษีมากกว่า ที่ทั่วโลกไปในแนวนี้
ต่อไปเราคงเห็น เครื่อง แบบ ecoboost กันเยอะขึ้น
1.0L แรงเท่า 1.6L 1.6L แรงเท่า 25L
ต่อไป ecocar คงเป็น twinturbo 0.5l แรงเท่า 1.2L อะไรทำนองนี้
-
ผมว่าเป็นขาขึ้นจริง อาจเป็นจุดเปลี่ยนเลยที่เดียวแหละ แต่ไม่เกี่ยวกับประเด็นราคาน้ำมันหรอกครับ
เป็นประเด็นของโครงสร้างภาษีเรื่องความจุกระบอกสูบและการปล่อยมลภาวะครับ
-
ไม่ใช่แน่นอนครับ น่าจะมาจากโครงสร้างภาษีจากหลายๆประเทศทั่วโลกมากกว่า
-
เป็นเรื่องของภาษี CO2 ที่จะใช้ปีหน้าแบบเต็มๆเลยครับ ซึ่งทั่วโลกมีมานานพอสมควรแล้ว ในไทยก็โดนผลักเข้ามาก็ช่วงปีนี้ครับ
เห็นด้วยครับเรื่องของภาษีนี่ล่ะครับเต็มๆ
เห็นด้วยครับ เทรนดาวไซซิ่งก็มานานแล้ว ไหนจะภาษีอีก
ดีแล้วครับ ผู้บริโภคจะได้มีตัวเลือกเยอะๆ
-
ต่างประเทศมีมานานมาก
-
ตอบง่ายๆว่า เพราะ ถึงเวลาของมันแล้ว สำหรับใช้กับรถบ้านใช้งานทั่วไป
เทคโนโลยี่รถยนต์อะไรก็ตามที่คิดค้นขึ้นใหม่ๆนั้น ไม่ใช่ว่าจะนำมาใช้ได้ทันที กว่จะนำมาใช้ทั่วไปต้องประกอบไปด้วยหลายปัจจัย
1. ราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ(โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับต่อรายได้ประชากร) ออกมาใหม่ๆยังราคาแพงก็ใช้เฉพาะในรถแข่งรถซิ่ง ต่อมาก็รถที่ใช้ประจำวันแต่เป็นpremium car แล้วสุดท้ายก็มายังรถบ้านทั่วไป
2. ประสิทธิภาพ เมื่อสามารถผลิตคิดค้นจนได้ประสิทธิภาพที่ดี ใช้งานได้ดีจริงคุ้มค่าเมื่อเปรียบกับในอดีต
/ ด้านพละกำลัง รวมไปถึงทำให้เครื่องยนต์เล็กลงแต่กำลังเท่าเดิมหรือมากยิ่งขึ้น
/ ด้านประหยัดเชื้อเพลิงประหยัดพลังงานขึ้น เพราะต้นทุนพลังงานสูงขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะนี้ก็หลักๆมาถึงสองทางที่เพิ่มกำลังและประหยัดพลังงานว่าจะไปทางใดเด่นกว่า Turbo กับ Hybrid
-
มันไม่ใช่แค่ Turbo นะครับ ออกมาเผาน้ำมันเล่นนะครับ
เครื่องมันเล็กลง
ประหยัด แต่แรงด้วย ครับ
+1