Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ~สาวก_BMW_~ ที่ มกราคม 23, 2016, 06:47:47
-
อยากทราบเป็นข้อมูลนะครับ เพราะปัจจุบันเทคโนโลยี downsinzing กำลังมาเรื่อยๆ ผมเลยสงสัยว่าเครื่องที่มี cc เยอะๆเดิมมันมีข้อดีอะไรบ้าง แล้วเครื่องเล็กๆยัดโบมันจะมาทดแทนได้ 100% รึเปล่าครับ พวกรถเมกันจะมี cc เยอะมากๆ แต่ถ้าเป็นฝั่งยุโรปส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเล็กๆยัดโบคู่มา ถ้าหากวิ่งข้ามเมืองยาวๆใช้ความเร็ว 180 คงที่ cc ที่มากกว่ามีผลมั้ยครับ หากพี่ๆมีความรู้อะไรเพิ่มเติมแชร์ให้ผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
-
ง่ายๆ ครับ ถ้าผลิตจากยี่ห้อเดียวกัน เทคโนโลยีเดียวกันจะแรงกว่า cc ต่ำและปล่อย co2 มากกว่า ที่ยุโรปเครื่องเล็กเน้นเทอร์โบเพราะเค้าเคร่งเรื่อง co2 มากครับ การใช้เครื่องเทอร์โบจะทำให้แรงเท่าเครื่องใหญ่แต่ปล่อย co2 น้อยกว่าได้
-
ลด cc ใช้เทอร์โบเพื่อทำให้รถยังแรงเท่าๆเดิมแต่ปล่อย CO2 น้อยลงครับ ส่วน cc เยอะดีกว่ายังไงเสียงน่ะครับอย่างแรงเลย เพราะกว่ากันเยอะ
อยู่รถ supercar ถึงยังมีทำเครื่อง na อยู่ไงครับ สำหรับผมๆยังชอบรถที่เป็น na มากกว่าตรงเวลาขับมุดๆมันทันใจกว่าครับกดมาเลยไม่รอ
เทอร์โบ boost ขนาดพวก 528i 525d ยังอาการออกเลยผมว่ามันช้าไปหน่อยต้องนู่นอะครับ GTR ถึงจะไม่มีอาการนี้ แต่ก้เข้าใจครับมันเป็นสิ่งที่
จะต้องเปลี่ยนกันหมดอนาคตรถที่เป็นเทอรโบคงอยู่ในตลาดเกิน 80% ครับ
-
ตามความคิดผมนะ cc เยอะจะได้ทอร์คเยอะกว่า มีแรงดึงที่ยาวดีกว่า (รถ cc น้อยก็ดึงได้ แต่แป๊บบเดียวก็แผ่ว) ขับทางไกลแช่ๆสบายกว่าทั้งคนและเครื่อง เครื่องเล็กใส่เทอร์โบแค่มาทดแทนเครื่องที่ใหญ่เกินความจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน ส่วนที่อเมริกาใช้รถ cc เยอะเพราะภูมิประเทศกว้างใหญ่ เวลาขับข้ามรัฐทีเหมือนขับจากเชียงใหม่ไปภูเก็ต ขืนใช้ eco car เหมือนบ้านเรามีหวัง ขาแข็งหลังเดาะแน่เลย แต่ถ้าในเมืองหลวงรถเยอะรถติดคงมีบ้างละครับ ส่วนที่ยุโรป ประเทศเขาไม่ใหญ่โตขนาดอเมริกา พื้นที่ถนนเล็กๆเยอะ ใช้รถคันเล็กสะดวกกว่า การเพิ่มเทอร์โบทำให้ได้แรงม้าแรงบิดเพิ่ม แต่ก็คงไม่ได้หวังใช้วิ่งทางยาวๆไกลๆแบบแช่ๆ ทุกวันนี้รถที่นิยมคือรถเล็ก ประหยัดเชื้อเพลิงกันครับ
-
cc เยอะ มันได้แรงบิดในช่วงต้นดีครับ คือดีกว่ารถติดเทอร์โบแต่เทอร์โบยังไม่ทำงาน
ข้อเสียของ cc เยอะคือกินน้ำมัน
นอกนั้นผมว่าเหมือนกัน ส่วนแรงที่ได้จากเทอร์โบ มันก็เท่ากับรถcc ใหญ่ถ้ามันอยู่ในช่วงที่ทำงานแล้ว
ส่วนเรื่องประเทศนิยม เป็นเรื่องของรสนิยมมากกว่า อเมริกาเป็นชาติที่ใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองอยู่แล้ว มันเป็นนิสัย เทียบกับต้นทุน
หน้าหนาวอเมริกา เปิดฮีตเตอร์ ถอดเสื้อผ้านอน
ยุโรป เปิดฮีตเตอร์ห่มผ้านอน
ผมได้ยินมาประมาณนี้ เป็นเรื่องบอกเล่าที่อาจจะผิดก็ได้ครับสำหรับค่านิยม
-
cc เยอะ มันได้แรงบิดในช่วงต้นดีครับ คือดีกว่ารถติดเทอร์โบแต่เทอร์โบยังไม่ทำงาน
ข้อเสียของ cc เยอะคือกินน้ำมัน
นอกนั้นผมว่าเหมือนกัน ส่วนแรงที่ได้จากเทอร์โบ มันก็เท่ากับรถcc ใหญ่ถ้ามันอยู่ในช่วงที่ทำงานแล้ว
ส่วนเรื่องประเทศนิยม เป็นเรื่องของรสนิยมมากกว่า อเมริกาเป็นชาติที่ใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองอยู่แล้ว มันเป็นนิสัย เทียบกับต้นทุน
หน้าหนาวอเมริกา เปิดฮีตเตอร์ ถอดเสื้อผ้านอน
ยุโรป เปิดฮีตเตอร์ห่มผ้านอน
ผมได้ยินมาประมาณนี้ เป็นเรื่องบอกเล่าที่อาจจะผิดก็ได้ครับสำหรับค่านิยม
คล้ายๆคนไทยนะครับ เปิดแอร์ห่มผ้านอน
-
ตามที่เข้าใจนะครับ หลักๆเลยคือแรงบิดที่สูงในรอบต่ำ ขับแล้วไม่ต้องปั๊มคันเร่งมาก เวลาขับทางไกลถ้าได้เกียร์ดีๆ ประหยัดกว่าเครื่องเล็กนิดหน่อย และขับสบายกว่าเพราะไม่ต้องเค้นกำลังเครื่องมากครับ
-
ความนุ่มนวลครับ
4 สูบยังไงก็นิ่งเท่าพวก 6 สูบ 8 สูบไม่ได้ ถ้ารถเหมือนกันนะครับ
รถ 4 สูบเวลาติดเครื่องยังมีการสั่นสะเทือนเข้ามาให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่พวกเครื่องใหญ่ๆนี่นิ่งเลยครับ
-
การตอบสนองคันเร่งที่ดีกว่าครับ ภาวะเรียกแรงบิดที่ดี มีให้ใช้ตลอด ไม่ต้องรอรอบ รอแลค หรือบูสติดก็พีคแล้วเหี่ยว สังเกตว่าเครื่องดาวไซสมันต้องใช้เกียรเยอะๆช่วยทดให้อยู่ในรอบที่แรงบิดมาดี
การคาดเดาภาวะกำลังที่ดีในทุกสภาวะ ช่วยควบคุมรถได้ดีกว่า คันเร่งขับง่ายคุมง่าย เรียกกำลังได้ต่อเนื่องยาวนาน เสียงหวานๆ มันมีสเน่ห์
ในรถทั่วๆไปใช้รถบ้านๆอาจไม่เห็นความต่าง
แต่ในรถแข่ง รถแรงๆ แรงบิดที่ควบคุมไม่ได้อันตรายและมันไม่ต่อเนื่องนะ
เข้าโค้งจังหวะติดบูสแรงบิดมา คุมยาก จังหวะจะออกโค้ง ดันอยู่ช่วงบูสไม่ติดต้องรอรอบ
เทอโบแลค มันอาจจะแป้บเดียวแต่เชื่อว่าเวลาอยากเรียกแรงแล้วมันไม่มา วิเดียวก็ยาวนานน่าหงุดหวิดแล้ว
-
เห็นผลตอนมีโหลดมากๆเช่น รถปาเจโร่ของผม2.5. ขับ4ล้อได้ ปกติขับ2ล้อ บนทางภูเขาจะปกติดีเร่งได้ตามใจ100-140km/hr วันหนึ่งฝนตกถนนลื่นเลยเข้าเกียรขับ4 full time รถวิ่งไม่แรงเหมือนเดิมเร่งได้ช้าลงวิ่งได้ประมาณ110บนเขาเท่านั้น. แต่พอถนนแห้งปรับกลับมาเป็น2ล้อก็ปกติ
ฟอร์จูนเนอร์เครื่อง3000 น่าจะไม่เป็นเพราะเขาออกแบบมาเป็นfull time แบบปรับเป็นขับสองไม่ได้น่าจะไม่มีอาการแบบนี้. เครื่องเล็กจะเห็นผลตอนรับภาระหนักๆเช่นบรรทุกมากๆ. ขับ4ล้อ
-
อีกปประเด็นคือต้นทุนเรื่ งซ่อมบำรุงด้วยครับ
เครื่องเทอโบเทคโนโลยีสูงๆ ซ่อมยาก เสียกบาวทางยกอย่างเดียว
ในอเมริก่เลยไม่นิยมครับ
และส่วนตัวผมว่าทนสู้ NA ไม่ได้ด้วย
-
N/A เทียบกับ TURBO
N/A ccเยอะควบคุมคันเร่งได้เป็นธรรมชาติกว่า
คันเร่งให้ความLINEAR ทุกรอบความเร็ว
แต่เครื่องใหญ่จะต้องมีน้ำหนักมาก กินน้ำมันและมลพิษเยอะ
(ถ้า N/A ccน้อย แรงบิดก็จะน้อย
แต่จะได้เปรียบตรงเครื่องยนต์เบากว่า
เหมาะกับรถบอดี้เบาๆ ขับสนุก ไม่เทอะทะ
การควบคุมทำได้รวดเร็ว แต่ถ้าขับที่ TOP SPEED
ถ้า AERO DYNAMIC ไม่ดีจริงๆจะปลิวครับ)
รถเทอร์โบ
ตอนจะเร่งถ้ายังไม่ไปถึงรอบมันก็ไม่ค่อยไป
พอไปถึงรอบที่เทอร์โบทำงาน
ถ้าเทอร์โบเล็ก ก็ติดบูสเร็ว แต่ไม่แรงมาก
ถ้าเทอร์โบใหญ่ ก็ติดบูสช้าแต่ติดแล้วหลังติดเบาะ
พอติดบูสแล้วแรงก็มา แต่ก็กินน้ำมันเยอะตาม
อุปกรณ์และข้อต่อต่างๆจะเยอะกว่า N/A ต้องดูแลเพิ่มขึ้น
ตอนจะเบรก ถ้า SHIFT DOWN รอบฟาด(เกิน)ไปติดบูสก็กลายเป็นมีแรงเพิ่ม
ต้องควบคุมรอบเครื่องให้ชัดเจน ต้องทำช่วงล่างและเบรกให้ครอบคลุมแรงที่เพิ่มมากขึ้น
(แรงที่เพิ่มมากขึ้น แต่ต้องเอาให้อยู่ในเวลาที่เท่าเดิมหรือน้อยลง)
-
ข้อดีของเครื่อง CC เยอะ
- แรงบิดรอบต่ำดีมากออกตัวกดรอบนิดเดียวแรงบิดไหลมาเทมา
- เสียงเครื่องเพราะกว่า 4 สูบมาก แค่ V6 หรือ 6 สูบแถวเรียง เสียงก็หวานกว่าแล้ว เจอ V8 ยื่งแจ๋ว
- ห้องเครื่องดูสวยกว่า
ข้อเสีย
- กินน้ำมันโคตรๆ
- CO2 ปล่อยเยอะอยู่แล้ว
- เครื่อง CC เยอะ เครื่องใหญ่ตัวรถหนัก กินน้ำมันเพิ่มอีก
ผมว่าต่อไปคง Down size กันหมดละ เทคโนโลยีต่างๆ เช่น Turbo และ ECU ที่ฉลาดๆ ข่วยได้เยอะมาก ขนาดรถสัญชาติอเมริกันที่บ้าเครื่อง CC เยอะ ยัง Down size กันเลย
-
Feeling ไม่เหมือนกัน การคุมความเร็วและคังเร่ง NA น่ารักกว่ามากกว่า แรงบิดจาก NA มันน่าพิศมัยกว่าด้วยสิ
-
แต่ผมก็ยังชอบเครื่องที่ CC มากอยู่ดี เพราะยังไม่เคยใช้ เครื่อง CC น้อย+โบ
อนาคตคงได้ลองเพราะกำลังมาให้เลือกมากขึ้น
CC มาก เร่งได้เร็ว แรง วิ่งทางระยะไกล ทนทานกว่า ไม่เหนื่อยทั้งคนและรถ
-
รถหลายๆรุ่นยังใช้เครื่อง CC มหาศาลอยู่นะครับ
-
ส่วนตัวผมยังหลงไหลเครื่อง n/a ครับ แต่เทคโนโลยีเหมือนจะตัน ค่ายรถเริ่มมาจับโบซะเยอะแล้ว
-
ระหว่างขับ Ford Mustang V8 กับเครื่องซีซีต่ำ อารมณ์การขับผิดกันเยอะ เสียงเครื่องยนต์ด้วย
ระหว่างขับ TOYOTA Fortuner 2.7 เบนซินกับ Fortuner V6 4.0 ลิตรรุ่นส่งออก กินน้ำมันพอกันแต่อารมณ์ในการขับขี่ผิดกันมาก
ขับปิคอัพเบนซินที่เครื่องไม่เกิน 4.0 ลิตร กับขับปิคอัพ TOYOTA Tundra เครื่องเบนซิน 5700 ฟิลลิ่งต่างกันขนาดไหน
เครื่องเบนซินที่ใหญ่กว่า การขับขี่มันได้อะไรที่แตกต่างกันอยุ่แล้วแม้ความแรงจะเท่ากัน การกินน้ำมันเท่ากัน
-
ผมว่าเครื่องยนต์ down sized มันน่าจะคล้ายรถโมดิฟายด์จากโรงงานนะครับ แต่ทำให้เสถียรขึ้นโดยมีจุดหมายแค่เที่ยบเท่าหรือดีกว่านิดหน่อยเมื่อเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ที่มี ซีซี มากกว่าโดยต้องคึนึงถึงค่ามลพิษทางอากาศและประหยัดน้ำมันด้วย มันก็เลยใช้งานได้ทนทานกว่ารถที่โมโดยเน้นความแรงเป็นหลักอย่างรถแข่งครับ
-
การตอบสนองของคันเร่งรถเครื่อง cc สูงแต่ไม่มีระบบอัดอากาศยังไงก็ดีกว่าครับ
-
เครื่องใหญ่ที่มากกว่าสี่สูบ มันไม่ต้องรอบูส เสียงก็หวานมากๆครับ
ซึ่งตอนนี้โบก็เอามาแทนได้บางคันใส่มา3ตัวเลย แต่สำหรับเสียงยังไงก็ยากครับ ความเร้าใจมันต่างกันเยอะจริงๆ
-
เครื่องเล็กบวกเทอโบ กับเครื่องใหญ่ cc เยอะ ที่แรงม้าเท่าๆกัน
เครื่องใหญ่กว่าน้ำหนักมากกว่า ช่วงออกตัวจะเสียเปรียบ
และที่แรงม้าพอๆกัน เครื่องเทอโบจะมีทอร์คมากกว่า na ครับ ยิ่งทำให้แรงต่างกันมากๆ
แต่พอความเร็วสูงๆ na ใหญ่ๆจะค่อยๆไล่รถเทอโบได้ครับ
-
รถที่ไม่มี turbo คิดว่าต้นทุนน่าจะถูกกว่า เพราะไม่มี turbo ให้เป็นการเพิ่มต้นทุน รวมทั้งเหตุผลด้านวิศวกรรมที่ไม่ซับซ้อน
-
แล้วถ้าเป็นเครื่องเทอโบเหมือนกันแรงม้าเหมือนกันแต่ความจุต่างกันล่ะ? อย่างเช่น 2000ccเทอโบ 136แรงม้ากับ 1600ccเทอโบ136แรงม้าเหมือนกันจะเป็นยังไง? :-X
-
แต่ที่แน่ๆ เครื่อง cc สูง ชิ้นส่วนจะมีขนาดใหญ่กว่าเครื่อง cc ต่ำ หมายถึงมีแนวโน้มจะทนทานมากกว่า
-
หลักการออกแบบเครื่องยนต์คือทำให้แรงที่สุดด้วยวัสดุมาตรฐานพื้นๆทั่วไป
ถ้าทำให้มันแรงได้เท่าที่ต้องการ และเงื่อนไขด้านไอเสียที่กำหนด โดยที่เครื่องยิ่งเล็กมันก็ยิ่งดี
สมัยก่อนวัสดุศาสตร์ยังไม่ก้าวไกลอย่างปัจจุบันอีกทั้งข้อกำหนดด้านไอเสียก็ยังอ่อน
ก็เล่นกันง่ายๆทำลูกโตชักยาว เทคโนโลยีโบราณก็แรงแล้ว
รถทั้งคันลดน้ำหนักตรงใหนก็ไม่ยากเท่าเครื่องยนต์ เพราะฉนั้นเครื่องยิ่งเล็กยิ่งเบา แต่แรงได้เท่าที่ต้องการก็ยิ่งดีครับ