Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: yourturle ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2016, 12:42:14
-
ถ้ามีงบ 1.7-1.9M คงมองที่ Premium Car มากกว่า เพราะ รถญี่ปุ่นเริ่มแพงเวอร์+ออฟชั่นที่มาก
เกินกว่าที่ต้องการ เพื่อ อัพราคาให้ ลูกค้ายอมรับในราคาที่สูงขึ้น ว่าเป็นการแลกเปลี่ยน ความไฮ-เทคโน
ส่วนผมคง เลือก Premium car 2.0-2.5M ด้วยการจัดFinance เพิ่มในส่วนต่าง ครับ
(ต้องการแง่คิด และ เงื่อนไขคือมีความพร้อมในรายได้ ที่จะจัดFinance)
-
ถ้างบ 2 ล้านผมคงเอา Volvo v40 ดีเซลครับ เทียบกับ Camry HV ผมว่านอกจากขนาด Volvo ดูดีกว่าเยอะ
-
เหมือนว่ารถญี่ปุ่น ราคาเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ยุโรป premium กำลังพยายามลดราคาลง
คหสต.ผมที่ค่อนข้างชอบรถใหญ่ ถ้างบจขกท.เป็นตัวตั้ง คือประมาณ 1.9 ล้านนั้น
ผมยังคงเลือก D-seg อยู่ดี และคงเป็น Accord ครับ เพราะถ้างบไล่ๆกันจะได้ 3-series หรือ c-class
แต่ๆ ถ้าใจรักเพิ่มเงินเพื่อเป็น premium จริงๆ ผมจะโดดไปที่ 5-series หรือ E-class เลยครับ
-
รู้สึกเลือกยากขึ้นระหว่าง D-Segment ป้ายแดง กับ Premium มือสอง
อย่าง BMW Series 3 ปีใหม่ๆ BSI ยังเหลือ ราคาเท่ากับ D-Seg ป้ายแดงเลย :D
-
ผมเคยคิดว่า D-Seg รถญี่ปุ่น น่าจะถดถอยเพราะ Premium ของรถยุโรป แต่ถ้าคนเราอยากได้ความกว้างขวางสบาย ยังไง D-Seg รถญี่ปุ่นก็น่าจะยังขายได้มากกว่า
แต่สิ่งที่ทำลายยอดขาย D-Seg รถญี่ปุ่น น่าจะเป็นกลุ่ม PPV มากกว่า ได้ทั้งความขว้างกวางในราคาเดียวกัน แถมด้วยคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นเกือบจะเหนือกว่า D-Seg แล้ว เหลือแค่ความสูงโย่งที่บางคนอาจไม่ชอบ
-
เป็นอีกคนครับ คิดว่าเพิ่มเงินอีกหน่อย ยังไงก็ต้องผ่อนอยู่ดีครับ
-
ถ้าหมายถึง D-Seg ญี่ปุ่น กับ B หรือ C Seg ของ Premium (เข้าใจว่า จขกท หมายถึงราคาที่ใกล้เคียงกันนะครับ)
ผมยังเลือก D-Segment เพราะความสบายในการนั่งเป็นหลักครับ 8) 8)
-
คนเงินน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัดอย่างผมคงเลือกรถญี่ปุ่นล่ะครับคือถึงจะแพงขึ้นแต่ค่าบำรุงรักษาก็ยังถูกเมื่อเทียบกับรถยุโรป เพราะสำหรับผมรถก็แค่มีไว้สำหรับพาไปทึ่ไหนต่อไหนเท่าแค่อุปกรณ์ความปลอดภัยครบก็ได้แล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุหนัักๆมันก็คงรอดยากเหมืิอนกัน ถ้าอยากปลอดภัยมากเมื่อเกิดการชนก็คงต้องซื้อรถเกรดเดอร์ขับแล้วล่ะครับ 555
-
ส่วนตัวคิดว่า ppv ยังคุ้มกว่า D-segment อาจทำให้ยังไม่ตัดสินใจไปรถ PREMIUM CAR
-
ถ้าเงินถึงแล้วขับเอง ก็ไปC seg premiumครับ
แต่เงินถึงนี่หมายถึงในกรณีหมดประกันแล้วมีเหลือไว้เสียค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่สิ้นเปลืองไว้ด้วย
รถคันนึงไม่ได้ซืั้อแล้วจบเลย มีค่าจิปาถะในระยะยาวอีก ซึ่งค่าบำรุงD ญี่ปุ่นจะถูกกว่า
-
ผมว่าอยู่ที่งบนะถ้าล้านต้นๆคงDญี่ปุ่น
แต่ถ้าล้านปลายคงไปรถยุโรปเลย
-
ถึงแม้ว่าจะขยับขึ้นไปเล่นรถยุโรปได้ แต่ต้องมาดูเรื่องค่าบำรุง ดูแล อีกด้วยนะ
-
ตัดสินใจไปรถยุโรปง่ายขึ้นจริงครับ สำหรับคนที่เลือกตัวท็อปญี่ปุ่น
-
ไม่ใช่แค่เรื่องเงินครับ รำคาญขี้เกียจซ่อมครับ จุกจิกกว่ากันอย่างมีนัยยะ
-
อีก 6-7แสนก้ยังมีระยะห่างเยอะอยุ่นะครับแต่ถามว่าทำให้คนคิดมั้ย แน่นอนล่ะครับ แต่เวลาเข้าศูนย์ d seg ราคาแบบรถเล็กนะครับ
ถ้ารถยุโรปจะโหดร้าย
-
ถ้าให้เลือก D-segment Top กับ series 3 หรือ c ตัวต่ำ
ผมเลือก D-segment แบบไม่ลังเล ส่วนตัวชอบรถคันใหญ่หน่อยด้วยครับ
หรือ ถ้า c หรือ 3 top อาจจะคิดใหม่ แต่ก็น่าจะยังไป D-top
ถ้าจะเล่น premium จะไป e หรือ 5 เลยครับ
-
กลางปีก่อน
มีงบ 2 ล้าน ซื้อสด ตัวเลือก camry 2.5HV premium กับ 320i
ไปลองแล้ว ซื้อ camry mc แบบไม่ลังเล
-
จากงบ D-Seg ญี่ปุ่นตัว Top มันก็ต้องบวกอีกพอประมาณ เพื่อจะได้แค่ตัวล่างของ C-seg Premium ซึ่งผมว่าไม่คุ้มที่ขยับมาเล่น สู้ซื้อทั้งทีเอาตัว TOP ดีกว่า ยอมเก็บเงินต่ออีกหน่อย
-
ที่ราคาเท่ากัน แต่ขนาดรถไม่เท่ากัน คนที่มอง D-Segment ญี่ปุ่น ยังไงก็เลือกญี่ปุ่น ถึงแม้ราคาจะขยับเข้าใกล้ยุโรป
-
มีส่วนมากเลยครับ ตอนนี้พรีเมี่ยมคาร์เกลื่อนจริงๆ
-
.
.
.
ของผมโจยท์นี้นี่เลือกง่ายมาก
เพราะผมไม่ชอบรถคันใหญ่ๆ มันไม่คล่องตัว
มุดก็ไม่มันส์ หาที่จอดก็ยาก แถมดูแก่
D-seg ต่อให้มันออฟชั่นเท่านี้แล้วเหลือคันละ 9 แสน ผมก็ยังไม่เอาเลย
-
รายได้ บางครอบครัว ต่อให้ ถูกรางวัลเป็นรถ Benz , BMW ยังไม่มีปัญญาใช้เลยนะครับ ต้องขายต่อไปเอาเงินไปซื้อรถญี่ปุ่นใช้
-
เชื่อว่าโจทย์นี้ หากคนชอบขับรถ ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก
คงไป ยุโรป กันหมด
แต่ถ้าคนมีครอบครัวด้วยคงคิดอีกอย่างนึง
-
สำหรับผม ผมชอบขนาดเป็นสำคัญครับ ผมมีความสุขที่ลูกๆนั่งแล้วสบาย เลยเลือก แคมรี่ไฮบริด ครับ
-
ทำใจกับ การโขกสับตอนบริการไม่ได้ แค่ญี่ปุ่นก็ว่าแพงแล้วนะ
-
ดูจากสภาพที่เป็นอยู่คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นครับ คนขยับไปเล่นแบรนด์พรีเมี่ยมแทน
ผมอาจจะแปลกสักหน่อยที่เลือกที่จะมอง C-Seg แทน ตอนนี้ก็รอดู civic ใหม่ที่ใช้พื้นฐาน accord ว่าจะนั่งสบายในระดับที่พอใจหรือเปล่า แต่ถ้านั่งแล้วไม่ชอบก็คงจะหามือสอง D-Seg หรือกัดฟันซื้อมือ 1 (ไม่เอาไฮบริดครับผม)
-
ปัญหาอีกจุดหลักที่คนยังไม่กล้าไปฝั่งยุโรปแม้ราคาจะไล่ๆกันแต่สิ่งที่ต่างกันแบบสิ้นเชิงที่เจอบ่อยคือ ค่าเมนทีแนนซ์นี่หละ ex.ถ่ายนมค.ทีละไม่ต่ำห้าพัน น้ำมันเกียร์หลักหมื่น ค่าแรงที่คิดเป็นหน่วยต่อจุดที่ทำเช่นแต่ตั้งเบรคมือ 10หน่วย+vat ปาไปเกือบ 800 แค่ขันน๊อต2ตัวไม่เกิน3นาทีทั้งๆที่ค่ายญี่ปุ่นตั้งฟรีหรือไม่กี่สิบบาท เปิดบิลแต่ละงานหลักหมื่นตลอด ต้องคอยพกยาดม ยาแดงไปตลอด
ลองถามคนที่เคยใช้ยาวๆดูครับ 10 ปีจ่ายไปเท่าไรค่าดูแล 40-60%ของราคารถตอนออกใหม่ กันทั้งนั้น
-
เห็นราคารถยุโรป สมัยนี้แล้ว ตกใจ เมื่อเทียบราคากับภาพลักษณ์
ทำไมราคาถูกเยี่ยงนี้
ในทางกลับกัน
รถญี่ปุ่น กลับแพงขึ้น แพงขึ้น
ตัวอย่าง เช่น เอาสัก 25 ปี ที่ผ่านมา
Accord,Camry ราคา 6-8 แสน ตอนนี้ 1.5-2 ล้าน
E-Class,5-Serie ราคา 2-3 ล้าน ตอนนี้ ราคาก็ประมาณเนี้ย เกินก็ไม่กี่แสน
-
สำหรับผมถ้าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ผมยังหาเหตุผลในการซื้อรถญี่ปุ่นบ้านๆ(ที่ไม่ใช่พรีเมี่ยมแบรนด์แบบ lexus)ไม่เจอครับ ถ้าจะมีก็มีแค่ข้อเดียวคือเอาไว้ใช้จีบสาวแค่นั้น(จะลองใจเธอดูสิว่าเป็นพวกเห็นแก่เงินกับวัตถุนอกกายรึเปล่า)
บอกได้เลยว่าถ้า D-Seg ญี่ปุ่นขยับราคามาถึง 2 ล้านเมื่อไหร่ก็รอเวลาตายได้เลย คนมันขยับไปเล่นรถยุโรปกันหมดแหละครับ
-
มันขึ้นกับการใช้งานนะ
ราคาอาจจะใกล้กัน แต่ขนาดรถ คนละเรื่องเลย ถ้าเป็นรถครอบครัว ยังไงก็ต้องเลือกคันใหญ่ไว้ก่อน ถ้าใช้แค่เบาะคู่หน้า ก็อีกเรื่องนึง
-
สำหรับผม ผมคงเลือก รถญี่ปุ่นออพชั่นความปลอดภัยเต็ม มากกว่า รถ premium ออพชั่นโล้นถ้าพวก Eurocap ได้ดาวเท่ากัน
ปลอดภัยกว่าเพราะระบบช่วยเหลือ แถมได้รถใหญ่กว่า อันนี้สำหรับผมคือคุ้มสุด ส่วนภาพลักผมไม่ค่อยสน ผมสนความปลอดภัยมากกว่า
-
มองอีกมุม d seg ญี่ปุ่นตัวที่ขายดีคือตัวเริ่มต้น เครื่อง 2.0
ซึ่งราคาก็ยังต่างจาก compact premium เกือบล้าน ยังมีช่องว่างอีกเยอะครับ
แล้วมองอีกมุม d seg ตัวท็อปก็ยังต่างจากรถขนาดพอๆกันอย่าง Eclass หรือ s5 ตัวเริ่มต้นเกินล้านนะ
-
เห็นด้วยกับข้างบนครับ ต้องลองแบ่งช่วงราคารถดูครับ บวกกับลักษณะการใช้งาน ผมว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีเงินเหลือกินเหลือใช้
1.2 ล้าน Japanese d segment (low)
1.6 ล้าน PPV (top)
1.9 ล้าน Japanese d segemnt (top) + Volvo V40
2.4 ล้าน Euro b-c segment (low)
***รถใหม่นะครับ
-
ผมว่าคนที่ลังเลเรื่อง D ยุ่น C ยุโรปพรีเมี่ยม คงมองเรื่อง อิมเมจ เป็นหลัก ซึ่งก็ต้องไปสอดคล้องกับเงินในกระเป๋าแต่ละท่าน คงตอบแทนกันยาก เงื่อนไขต่างกันเยอะครับ เพราะถ้าคิดในแง่คุ้มเงิน คือจ่ายน้อยกว่าคือคุ้มกว่า มันก็ชัดๆอยู่แล้วว่าจะเลือกตัวไหน
ส่วนตัวผมว่า ด้วยความหนาแน่นของรถบนถนน ความคล่องตัวเป็นเรื่องที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ ซึ่งคงทำให้รถที่ขนาดใหญ่ น่าจะมีความนิยมลดลงด้วย เมื่อปริมาณขายน้อยลง ต้นทุนต่อหน่วยย่อมเพิ่ม จึงทำให้กดราคาไม่ลง แต่ก็ใช้ประโยชน์ได้ในอีกด้านคือ ทำราคาให้สูงขึ้นไป เพราะขายถูกลงกว่านี้ ส่วนตัวผมเชื่อว่ามันก็ไม่ขายดีขึ้นกว่านี้ เนื่องจากขนาด ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงซึ่งต้องสูงกว่ารถขนาด C & B segment แน่นอน
แล้วเปิดช่องว่างให้มีแกป เพื่อที่จะดันราคาของ C กับ B segment ขึ้นมาแทนที่โดยที่ผู้บริโภคจะรู้สึกได้น้อย มาเเบบน้ำซึมบ่อทรายไปเรื่อยๆ ขายดีก็ตอดขึ้นเรื่อยๆ ไมเนอร์ โน่นนิด นี่หน่อย ว่ากันไป
เหมือนเมื่อก่อน พี่โตมีโคโรน่า ที่ใหญ่กว่าอัลติสตอนนี้นิดเดียว แต่ราคาอยู่เกณฑ์ที่รับได้ แต่จะขายแพงก็เล็กไป เลยทำตัวใหม่ออกมาให้ใหญ่แล้วขายแพงไปเลย ตัดโคโรน่าทิ้งไป ประมาณนี้ครับ
ส่วนตัวผมมองแบบนี้แหละครับ และขอเดาว่าอีกซัก 5 ปี เราอาจจะโชคดีได้เห็น Vios city ตัวท๊อป ราคาล้านทอน (แต่คงอัดอะไรต่อมิอะไรมาเต็ม แล้วแต่เทรนด์ตอนนั้นอยากได้แบบไหน) แล้ว Ecocar ก็จะตัวท๊อป 7 แสนทอน ในที่สุด
แล้วก็จะเห็นรถยุโรปไซส์เล็กลงมาเล่นตลาดล้านกลางๆกันในอีกไม่นานเช่นกัน
ก็คิดแบบนี้นะครับ ถูกผิดขออภัยด้วย
-
อีก 6-7แสนก้ยังมีระยะห่างเยอะอยุ่นะครับแต่ถามว่าทำให้คนคิดมั้ย แน่นอนล่ะครับ แต่เวลาเข้าศูนย์ d seg ราคาแบบรถเล็กนะครับ
ถ้ารถยุโรปจะโหดร้าย
ใช่ครับ 6- 7 แสน ทำให้ผมคิดหนัก สุดท้าย ก็จบที่ D-Seg แม้ว่า ตอนนี้ ยังอยาก อยาก อยู่ก็ตาม ที่จบเพราะความใหญ่ กว่า ดูแลง่าย ถูกกว่า
-
ผมเคยไม่เคยเอารถยุโรปมาเป็นตัวเลือกเลย
สาเหตุหลักๆ คือค่ายรถยุโรปมักจะมีปัญหาจุกจิกอันเนื่องมาจากไม่ได้นำมาทดสอบวิ่งในบ้านเราอย่างจริงจัง ญี่ปุ่นหลายค่ายเอารถที่แม้ว่าจะขายดีในหลายประเทศ มาทดสอบวิ่ง เพราะความแตกต่างในเรื่องถนน อากาศ และความชื้นที่บ้านเรา ที่ถือว่าสุดขั้วมากเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ อีกอย่างคือราคาค่าซ่อมที่โหดเอาเรื่อง ขนาด D-Segment ญี่ปุ่นในปัจจุปันยังสูงขึ้นมากเลย แถมในปัจจุปันนอกจากเรื่องช่วงล่างที่รถยุโรปยังถือว่ายังมีช่องห่างอยู่บ้าง แต่ Option หลายๆ อย่างที่มีในรถยุโรปก็มีในรถญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน
ผมเลือก Camry HV 2015 Premier เพราะเบาะหลังนั่งสบาย คุณพ่อคุณแม่ชอบครับ
เห็นด้วยกับหลายๆ ท่านครับ การเลือกรถที่ใช้ต้องตั้งโจทย์ตัวเองให้ดีก่อน อย่าเอาแต่เรื่อง "ราคา" เป็นตัวตั้งอย่างเดียว
-
คำถามนี้ตอบง่ายกว่า จะเลือกอะไหรดีระหว่าง D-Seg กับ PPV/Crossover SUV ครับ
ว่าด้วยเรื่องขนาดรถนั้นหละ
เพื่อนผมขับรถคนเดียวบ้านมันพอซื้อ พวกรถฝั่งยุโรปสบายๆ กับเลือกแอคคอร์ด เพราะมันออกต่างจังหวัดบ่อย ถ้าเสียกลางทางยังพอหาซ่อมง่ายไม่ต้องขึ้นรถสไลด์กลับมา
แถมมันบอกว่าจะขายไปออกอัลติสด้วยซ้ำ แต่ไปนั่งแล้วไม่สบายตัว
-
คือถ้าผมมีเงินระดับนี้ก็อยากเลือกรถยุโรปเหมือนกันเพราะราคาเริ่มใกล้กัน แต่ว่าที่ไม่เคยเลือกหรือไม่เคยมองมือ 2 รถยุโรปเลยเพราะว่ากลัวค่าซ่อมครับ ถึงผมเป็นนหลงใกลรถแต่รถของผมอยากได้ที่ซ่อมถูก ๆ ไม่จุกจิกไปไหนก็ได้ตลอดเวลา ไม่ใช่เช้าโก้ เย็นแก้ 3 เดือนมีแย่ต้องซ่อม 1 อย่างแบบที่คุณวรพง สิงห์เขียวพงษ์บอก เลยขอเลือกรถญี่ปุ่นต่อไปแม้จะแพงหน่อยแต่สบายใจตอนใช้งานไม่จุกจิกเท่ายุโรปและซ่อมถูก ๆ มาก ๆ เมื่อถึงเวลาซ่อม