Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Red Bicycle ที่ มีนาคม 01, 2016, 09:17:24
-
:) :) :) เพราะเป็นรถทีมีบุคลิกที่น่าจะขับมันส์ๆหน่อย แต่เวลานักทดสอบรถ
ทดสอบมามักจะวิจารย์ว่าเครื่องยนต์กำลังน้อยไปอยู่เรื่อยเลย
ผมก็เลยสงสัยว่าทำไม ค่ายรถยนต์เขาถึงใส่เครื่องให้แค่นั้นนะครับ
ปล. ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้ทดลองขับเลยขับ ได้แค่อ่านจากบททดสอบครับ
-
ผมมีใช้อยู่ ผมว่า มันขับสนุกแล้วนะ ยิ่งในโค้งนี่สนุกมากๆ แรงขนาดคุณกดในโค้งได้เร็วกว่ารถบ้านๆ เยอะอยู่นะ ตัวแทบจะหลุดจากเบาะอยู่แล้ว อย่างนี้เรียกว่าไม่แรงเหรอครับ ถ้าจะเอาแรงแบบวิ่ง 250 กม/ชม รถพวกนี้มันทำไม่ได้อยู่แล้ว แต่มันใช้งานได้เต็มพิกัดที่เครื่องมันทำได้ ผมก็ว่าดีมากๆแล้วนะ เอาแค่เกียร์ของ mx5 ผมว่า ดีมากๆเลย ลองไปขับดูก่อน แล้วคุณจะเปลี่ยนความคิด
-
MX5 เขาไม่ได้ทำมาเพื่อแรงแต่แรกอยู่แล้วครับ เน้นคล่องตัว ขับสนุก ประหยัดน้ำมัน และเพื่อทำราคาด้วย
ส่วน 86 กับ BRZ ก็คงคล้ายๆ กัน แต่ถ้าอยากแรง ก็สามารถเอาไปโมต่อได้ครับ เห็นว่า BRZ จะมีตัว STi 280-300 แรงม้า แต่ก็เงียบหายไปซะแล้ว...
-
เป็นระดับ entry-level ไม่ได้เน้นแรงม้ามากมาย เน้นการขับขี่ ที่สมดุล ขับสนุก ราคาไม่แพง
-
เครื่องไม่แรง อาจจะไม่ได้หมายถึง ไปได้ช้ากว่า เครื่องที่แรงกว่า เสมอไป จริงอยู่ ถ้าวัดกันที่ highway ยาวๆ อาจจะสู้ พวกเครื่องใหญ่ ม้าเยอะไม่ไหว แต่เมื่อไหร่ ที่ มันอยู่ ในขอบเขตพลังของมันในสภาพจราจร แบบครึ่งๆกลางๆ ไม่แน่นไม่โล่ง รวมถึง ถนนแบบ ตจว.แคบๆ รถพวกนี้ คล่องตัว มั่นคง หนึบแน่น ดังนั้น มันจะมุด ไปมุดมา จน รถใหญ่เครื่องใหญ่ ขี้เกียจตาม เผลอแป๊บเดียว ไปถึง จุดหมาย ก่อนใครเพื่อน
-
คิดว่าเค้าทำมาให้พอดีๆ แบบแรงสมตัวแล้วมั้งครับ
นึกถึงว่าถ้า mx5 แรงกว่านี้ก็ดี แต่ผมว่าเท่านี้ก็สนุกพอตัว
-
ถ้าจะมองว่า mx5 ไม่แรงนั้นไม่แปลกเพราะแนวคิดรถคันนี้คือรถเน้นสมดุลย์การขับขี่แบบเปิดประทุนรื่นรมย์สบายอุรา ถ้าเครื่องมันแรงเกินไปก็จะหลุดกรอบความคิดนี้ของมาสด้าไป :-X แต่ถ้าจะบอกว่า 86/BRZไม่แรงนี่ผมว่าไม่น่าจะถูกนะครับ เครื่อง2000CCไม่มีเทอโบได้แรงม้า200ตัวทั้งที่ยังไม่ใช่ตัวแรงของรุ่น(ที่แผนจะเกิดเป็นหมันไปแล้วต้องมาทำเอาเอง) รถเดิมๆก็ทำเวลาควอเตอร์ไมล์ก็ได้ 15 วินาทีเอง :)
-
ไม่เคยมีโอกาสได้ลองทั้งหมด แต่เท่าที่ทราบมันน่าจะขับสนุกสมตัวมัน
-
รถสปอร์ตในความเข้าใจของผม ก็คือรถที่มีจุดขายเรื่องช่วงล่าง และการบังคับควบคุมครับ
-
.
.
.
มันไม่ได้เอาไว้ขับเร็วอะครับ เอาไว้เล่นโค้งหนุกๆ
แต่สำหรับคนชอบขับรถเร็ว อาจจะไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่
-
รถสปอร์ตในความเข้าใจของผม ก็คือรถที่มีจุดขายเรื่องช่วงล่าง และการบังคับควบคุมครับ
ความเห็นคล้ายผมครับ
Sport car = เน้น handling
Muscle car = เน้น Power
Hyper car = Performance
-
เห็นแค่แรงม้าแล้วอย่าเพิ่งสรุปว่าไม่แรงครับ ม้าแค่นี้กับขนาดรถและน้ำหนักที่มีมามันมีความสมดุลย์ที่สามารถทำให้ขับสนุกได้ สามารถขับเป็น daily use ก็ได้หรือจะมุดจะซิ่งก็ได้ที่สำคัญสามารถเข้าถึงได้ง่าย ถ้ายังแรงไม่พอก็สามารถต่อยอดได้อีก ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเค้าก็ไม่ใช่ขาโหดแบบซุปเปอร์คาร์
-
รถขับสนุกไม่จำเป็นต้องแรงเสมอไป
อย่าง 86/brz ที่ญี่ปุ่นมีตัวเริ่มต้น กระจังหน้าดำ ล้อกระทะ ข้างในไม่มีอะไรเลย ขายทีมแข่งนำไปต่อยอดต่อ
-
เน้นขับสนุก ไม่ได้เน้นแรง
-
:) :) :) เพราะเป็นรถทีมีบุคลิกที่น่าจะขับมันส์ๆหน่อย แต่เวลานักทดสอบรถ
ทดสอบมามักจะวิจารย์ว่าเครื่องยนต์กำลังน้อยไปอยู่เรื่อยเลย
ผมก็เลยสงสัยว่าทำไม ค่ายรถยนต์เขาถึงใส่เครื่องให้แค่นั้นนะครับ
ปล. ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้ทดลองขับเลยขับ ได้แค่อ่านจากบททดสอบครับ
ก็เพราะการวางตำแหน่งทางการตลาดของรถพวกนี้ต้องขายในราคาที่ถูก(ที่เมืองนอก) ราคารถพวกนี้วิ่งอยู่ที่ประมาณ 25,000 USD ซึ่งถือว่าเป็นรถที่มีราคาค่อนข้างถูก จับคนที่มีงบน้อย เด็ก มือใหม่สปอร์ตคันแรก หรือคนที่มีอายุมากที่ไม่ได้ต้องการขับรถเร็วๆแล้ว จึงใส่เครื่องแรงไม่ได้ เพราะจะทำให้ต้นทุนสูง เพราะหากทำเครื่องให้แรงขึ้น ต้นทุนของตัวเครื่องยนต์เอง + เบรค, ช่วงล่าง, ระบบส่งกำลัง, การออกแบบความแข็งแรงของตัวถัง ต้องโดนอัพเกรดหมด ทำให้ราคาสูง จนหากราคาสูงจนไปชนกับรถสปอร์ตจากยุโรป เช่น BMW (M) 2, 3, 4, Z, Benz SLK, Porche Boxster Cayman 35,000-60,000+ USD) ก็สู้ศักดิ์ศรีแบรนด์เค้าไม่ได้อีก
แต่ถ้าเป็นผู้ผลิตก็จะตอบประมาณว่า: เราไม่ได้ทำรถออกมาให้แรง แต่เราทำรถออกมาให้ขับสนุก ,เราทำรถให้มีความสมดุลย์ เครื่องแรงเพียงพอเหมาะสมกับแช้ซซี ควบคุมง่าย, เราเน้นรถที่เบา จึงไม่ต้องการแรงม้ามากๆ Back to Basic
... It is more fun to drive slow car fast than to drive fast car slow...
something like that...
แต่ในชีวิตจริง การใช้งานจริง รถพวกนี้ก็มักจะได้รับการบ่นและวิจารณ์ว่ามันช้าเกินไป ตามที่ท่านเจ้าของกระทู้เจอมา
-
ทั้งสองรุ่นเขาตั้งใจให้เน้นความสนุกจากการขับขี่มากกว่าเครื่องแรงๆ ผมก็ไม่เคยขับแต่จะว่าไปตัวเลขมันก็น้อยไปจริงๆ MX-5 น่ะนะ
ส่วน 86/BRZ 2.0L NA 200 แรงม้าผมว่ามันแรงแล้วนะ ในระดับที่พอเหมาะกับการเป็นสปอร์ตตัวเล็กแต่ขับดี
-
เน้นขับสนุก ไม่ได้เน้นแรง
+1 ใช่ครับ เขาเน้นแบบนั้น ไม่งั้นคงติดเทอร์โบมาจากโรงงานแล้วล่ะ
-
ทำมาเพื่อให้ขับสนุก แล้ว ทุกคนต้องขับได้ครับ ขืนทำมาแรงเกินบางทีมันเอาไม่อยู่อะครับ
ประมานว่า พ่อบ้าน แม่บ้าน ปู่ ย่า ตา ยาย ต้องขับใช้งานในชีวิตประจำวันได้อ่ะครับ
ทั้งขับไปทำงาน ส่งลูก จ่ายกับช้าว 5555
-
ผมว่าแรงนะ ถ้าดูข้อมูล อัตราเร่ง 0-100 กับ 80-120 จะพบว่าพอๆกับ Camry Hybrid นั่นเเหละครับ
ซึ่งถ้าเทียบรถบ้านทั่วไปก็ถือว่าแรงมากแล้วล่ะ
แต่ด้วยรูปทรงของรถ+ราคาขาย ทำให้คนคาดหวังว่าจะแรงเหมือนๆรถสปอร์ทแท้
แต่ถึงไม่แรงเท่ารถสปอร์ทแท้ทั้งหลาย ก็ได้ช่วงล่าง การบังคับควบคุมที่ดีกว่ารถบ้าน หรือ D-seg ทั่วๆไป (ตามราคาที่จ่ายไปแพงกว่า)
-
ถ้าทำมาแรง แล้วราคาก็แรงตาม ยอดขายคงไม่แรงแน่
-
เท่าที่พอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับ86และBRZ ต้นกำเนิดคือสานต่อจากAE86 ในตำนาน เค้าวางตำแหน่งรถประมาณว่ามันคือรถสปอร์ตนะ ขับสนุก เครื่องยนต์ดี ช่วงล่างดี แต่ยังไม่สุด คุณต้องเอาไปทำเพิ่มเอง ก่อนการเปิดตัวของรถคันนี้เขาได้ส่งBlueprint ให้สำนักแต่งต่างๆออกแบบชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะและอุปกรณ์เสริม ซึ่งเป็นคอนเซ็ปหลักของโปรเจ็คนี้เลย ที่เปิดตัวมาราคาไม่แรงเพราะอยากให้ลูกค้าซื้อไปแต่งเพิ่มกันเอง ที่ญี่ปุ่น86/BRZตัวโล้นนี่พวกสำนักแต่งชอบซื้อไปทำโชว์ ตัวโล้นนี่ประเภทแบบว่าในรถนี่ไม่มีอะไรเลยแม้กระทั่งแอร์ กันชนหน้ายังเป็นสีดำเลย
ส่วนMX-5คอนเซปคือ สุนทรียภาพของการขับขี่ รถไม่แรงไม่ใช่ว่าจะขับไม่สนุก เห็นคะแนนในเว็บเมืองนอกนี่ให้อันดับต้นๆเลย มันเป็นRoadster แบบขนานแท้ ไม่จำเป็นต้องแรงคุณก็สนุกกับมันได้
-
:) :) :) เพราะเป็นรถทีมีบุคลิกที่น่าจะขับมันส์ๆหน่อย แต่เวลานักทดสอบรถ
ทดสอบมามักจะวิจารย์ว่าเครื่องยนต์กำลังน้อยไปอยู่เรื่อยเลย
ผมก็เลยสงสัยว่าทำไม ค่ายรถยนต์เขาถึงใส่เครื่องให้แค่นั้นนะครับ
ปล. ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้ทดลองขับเลยขับ ได้แค่อ่านจากบททดสอบครับ
ก็เพราะการวางตำแหน่งทางการตลาดของรถพวกนี้ต้องขายในราคาที่ถูก(ที่เมืองนอก) ราคารถพวกนี้วิ่งอยู่ที่ประมาณ 25,000 USD ซึ่งถือว่าเป็นรถที่มีราคาค่อนข้างถูก จับคนที่มีงบน้อย เด็ก มือใหม่สปอร์ตคันแรก หรือคนที่มีอายุมากที่ไม่ได้ต้องการขับรถเร็วๆแล้ว จึงใส่เครื่องแรงไม่ได้ เพราะจะทำให้ต้นทุนสูง เพราะหากทำเครื่องให้แรงขึ้น ต้นทุนของตัวเครื่องยนต์เอง + เบรค, ช่วงล่าง, ระบบส่งกำลัง, การออกแบบความแข็งแรงของตัวถัง ต้องโดนอัพเกรดหมด ทำให้ราคาสูง จนหากราคาสูงจนไปชนกับรถสปอร์ตจากยุโรป เช่น BMW (M) 2, 3, 4, Z, Benz SLK, Porche Boxster Cayman 35,000-60,000+ USD) ก็สู้ศักดิ์ศรีแบรนด์เค้าไม่ได้อีก
แต่ถ้าเป็นผู้ผลิตก็จะตอบประมาณว่า: เราไม่ได้ทำรถออกมาให้แรง แต่เราทำรถออกมาให้ขับสนุก ,เราทำรถให้มีความสมดุลย์ เครื่องแรงเพียงพอเหมาะสมกับแช้ซซี ควบคุมง่าย, เราเน้นรถที่เบา จึงไม่ต้องการแรงม้ามากๆ Back to Basic
... It is more fun to drive slow car fast than to drive fast car slow...
something like that...
แต่ในชีวิตจริง การใช้งานจริง รถพวกนี้ก็มักจะได้รับการบ่นและวิจารณ์ว่ามันช้าเกินไป ตามที่ท่านเจ้าของกระทู้เจอมา
ชอบครับ ... It is more fun to drive slow car fast than to drive fast car slow... จริงมากๆ
ขอยืมไปใช้บ้างนะครับ
-
ขายตลาดกว้างๆ ต้องการรถสปอรต2D ขับสนุก เร็วพอเวลาที่อยากกด ราคาไม่แรง หรือมีไว้ขับเท่ห
ที่เหลือแล้วแต่ลูกค้า แต่ละท่านต้องการ MODIFY ต่อเองได้ ดีกว่าจัดหนักตั้งแต่แรก บางท่านอาจไม่ชอบอีก
-
เน้นขับหล่อๆเท่ๆครับ อยากแรงก็โมต่อได้สบาย
-
ผมขับMx5 ขับโหมดปกติในเมืองก็โออยู่ พอกด sport เริ่มใช้ในเมืองยากล่ะ กระชากทุกเม็ด แค่ทุกวันนี้ u-turn กดแรงเกินไป ดริฟคา u turn ตลอดแรงบิดต้นเยอะอยู่น่ะครับ
ถ้าแรงกว่านี้ คงได้แค่เอาไปแข่ง หรือใช้ตอนรถน้อยๆ
ผมว่าเราไม่ค่อยเห็น supercar บนถนน เพราะมันใช้ในเมืองยากมั๊ง
-
:) :) :) เพราะเป็นรถทีมีบุคลิกที่น่าจะขับมันส์ๆหน่อย แต่เวลานักทดสอบรถ
ทดสอบมามักจะวิจารย์ว่าเครื่องยนต์กำลังน้อยไปอยู่เรื่อยเลย
ผมก็เลยสงสัยว่าทำไม ค่ายรถยนต์เขาถึงใส่เครื่องให้แค่นั้นนะครับ
ปล. ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้ทดลองขับเลยขับ ได้แค่อ่านจากบททดสอบครับ
ก็เพราะการวางตำแหน่งทางการตลาดของรถพวกนี้ต้องขายในราคาที่ถูก(ที่เมืองนอก) ราคารถพวกนี้วิ่งอยู่ที่ประมาณ 25,000 USD ซึ่งถือว่าเป็นรถที่มีราคาค่อนข้างถูก จับคนที่มีงบน้อย เด็ก มือใหม่สปอร์ตคันแรก หรือคนที่มีอายุมากที่ไม่ได้ต้องการขับรถเร็วๆแล้ว จึงใส่เครื่องแรงไม่ได้ เพราะจะทำให้ต้นทุนสูง เพราะหากทำเครื่องให้แรงขึ้น ต้นทุนของตัวเครื่องยนต์เอง + เบรค, ช่วงล่าง, ระบบส่งกำลัง, การออกแบบความแข็งแรงของตัวถัง ต้องโดนอัพเกรดหมด ทำให้ราคาสูง จนหากราคาสูงจนไปชนกับรถสปอร์ตจากยุโรป เช่น BMW (M) 2, 3, 4, Z, Benz SLK, Porche Boxster Cayman 35,000-60,000+ USD) ก็สู้ศักดิ์ศรีแบรนด์เค้าไม่ได้อีก
แต่ถ้าเป็นผู้ผลิตก็จะตอบประมาณว่า: เราไม่ได้ทำรถออกมาให้แรง แต่เราทำรถออกมาให้ขับสนุก ,เราทำรถให้มีความสมดุลย์ เครื่องแรงเพียงพอเหมาะสมกับแช้ซซี ควบคุมง่าย, เราเน้นรถที่เบา จึงไม่ต้องการแรงม้ามากๆ Back to Basic
... It is more fun to drive slow car fast than to drive fast car slow...
something like that...
แต่ในชีวิตจริง การใช้งานจริง รถพวกนี้ก็มักจะได้รับการบ่นและวิจารณ์ว่ามันช้าเกินไป ตามที่ท่านเจ้าของกระทู้เจอมา
ชอบครับ ... It is more fun to drive slow car fast than to drive fast car slow... จริงมากๆ
ขอยืมไปใช้บ้างนะครับ
แฮ่ะๆๆๆ ผมไม่ได้คิดเองหรอกครับ :P มันเป็นคำพูดประจำ webboard ของรถพวกนี้ที่เมืองนอกครับ...
-
ลง bolt-on supercharger kit แล้วแก้ปัญหาเรื่องไม่แรงได้
-
มันสร้างมาเพื่อให้คนเอาไปโมต่อเองครับ ชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้น หรือจะมองว่า 86 สร้างมาเพื่อ Fun to drive again ก็ต้องคนอายุเยอะหน่อย กลุ่มนี้อาจจะอยากได้รถขับสนุก ใช้ง่าย แต่ไม่ต้องแรง
ผมเคยขับ 86 สั้นๆนะ ผมชอบมันถึงมันจะไม่แรง รอบต้นๆ (Mazda3 Focus แรงกว่าอีกมั้ง) แต่การขอบคุมมันชวนถวิลหาจริงๆ ถ้าจะติคงเป็นน้ำหนักครัช ผมว่ามันโหวงๆ อยากได้น้ำหนักที่ดีกว่านี้