Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Life is a Highway ที่ มีนาคม 05, 2016, 20:18:07
-
มาดูรถสวยๆในวันหยุด Alfa Romeo Giulia ใหม่ เวอร์ชั่น Luxury
เมื่อ10กว่าปีก่อน ปังกับรุ่น156 และกลายเป็นรถงามในตำนานไปแล้ว รุ่นต่อมาคือ159 ซึ่งไม่แน่ใจว่าแป้กหรือไม่ แต่เห็นใน007ฉากไล่ล่า DBS
และภาระความหวังต่อไปก็มาฝากกับGiulia หรือจูเลีย ซึ่งเป็นชื่อเดิมเก่าแก่ที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนได้เปิดตัวแต่เวอร์ชั่นรุ่นท็อปตัวแรง ใช้เครื่องยนต์Ferrari2.9ลิตรV6 510hp ตกแต่งสปอร์ตดุดัน ใช้ชื่อต่อท้ายQV
https://youtu.be/PYJK78bCNFc (https://youtu.be/PYJK78bCNFc)
ล่าสุดในงาน 2016 Geneva Motor Show ก็ได้เปิดตัวเวอร์ชั่นปกติ ดูสวยงามหรูหราสปอร์ต ผสมผสานลงตัวมาก ซึ่งลายไม้ เบาะสีเบจ อลูมิเนียม อะไรอยู่ครบให้เลือกหมด <<ดีตรงนี้
คหสต. คิดว่าสวยกว่า C- Class , 3-Series , IS ขออภัยผู้ใช้รุ่นดังกล่าว
มิติและนน. แข่งกันใหญ่อีกแล้ว
ฐานล้อ 2,820 mm (111.0 in)
ยาว 4,639 mm (182.6 in)
กว้าง 1,873 mm (73.7 in) (ไม่รวมกระจกมองข้าง)
สูง 1,426 mm (56.1 in)
Kerb weight 1,524 kg (3,360 lb
Engine
2.9 L F154 V6 twin turbo petrol
2.0 L I4 turbo petrol
3.0 L V6 twin turbo-diesel
2.2 L I4 turbo-diesel
Transmission
6-speed manual
8-speed automatic
Engine/Transmission Displacement Max. power output
(CE)[7] Peak torque
(CE)[7] Top speed 0100 km/h
(060 mph) Combined consumption
(CE)[7] CO2 emissions
(CE)[7] Regions
Petrol engine range
2.9 L 90° V6 24v Twin turbo [8] 2,891 cc (176.4 cu in)[7] 510 PS (503 hp; 375 kW) at 6,500 rpm[27] 600 N·m (440 lb·ft) at 2,5005,000 rpm[27] 307 km/h (191 mph)[27] 3.9 s[20]
(3.8 s)[34] 8.5 L/100 km (33 mpg-imp; 28 mpg-US)[27] 198[27] Europe, North America
2.0 L I4 Turbo[23] 280 PS (276 hp; 206 kW)[23] 250 km/h (155 mph)[23] (< 5.5 s [35])[23] Europe, North America
2.0 L I4 Turbo AT8 200 PS (197 hp; 147 kW) at 5,000 rpm 330 N·m (240 lb·ft) at 1,750 rpm 230 km/h (143 mph) 6.6 s[36] Europe
Diesel engine range
3.0 L V6 Multijet II Twin turbo[24] 2,987 cc (182.3 cu in) 340 PS (335 hp; 250 kW)[24] Europe
2.2 L I4 Multijet II[24] 2,184 cc (133.3 cu in) 210 PS (207 hp; 154 kW)[24] Europe
2.2 L I4 Multijet II[24] 2,184 cc (133.3 cu in) 180 PS (178 hp; 132 kW)[24] 450 N·m (330 lb·ft) at 1750 rpm 6.8s Europe
2.2 L I4 Multijet II[24] 2,184 cc (133.3 cu in) 150 PS (148 hp; 110 kW)[24] 380 N·m (280 lb·ft) at 1500 rpm 221 km/h (137 mph) 8.0 s
*อัพเดตเพิ่มเสปคพาวเวอร์เทรน จากwiki ครับ ก๊อปแบบลวกๆบนแฟ๊บเล็ต
ว่าแต่สวยๆแบบนี้จะเข้าไทยมั้ยเนี่ย
(http://content.worldcarfans.co/2016/3/1/large/494206942364785450.jpg)
(http://content.worldcarfans.co/2016/3/1/large/1029101993720363785.jpg)
(http://content.worldcarfans.co/2016/3/1/large/1418625219753602379.jpg)
(http://content.worldcarfans.co/2016/3/1/large/16424829201765400450.jpg)
(http://content.worldcarfans.co/2016/3/1/large/2219187371568555496.jpg)
(http://cdn-7.motor1.com/p/static/img/mglr/600000/610000/614000/614600/614611/00.jpg)
(http://cdn-0.motor1.com/p/static/img/mglr/600000/610000/614000/614600/614610/00.jpg)
(http://content.worldcarfans.co/2016/3/1/large/13479683001262223062.jpg)
(http://content.worldcarfans.co/2016/3/1/large/20454679591103241638.jpg)
(http://content.worldcarfans.co/2016/3/1/large/19232793992035702526.jpg)
(http://content.worldcarfans.co/2016/3/1/large/10409711851086454014.jpg)
(http://content.worldcarfans.co/2016/3/1/large/5586456641668997196.jpg)
-
เป๊ะปังมาก สวยมีเสน่ห์
สีทองนี่แบบ shut up and take my money เลยครับ
-
ม่ายค่อยชอบแนวนี้
-
ขอบคุณครับ
ไม่รู้เครื่องแรงแค่ไหน เพราะไม่ได้บอกแรงม้า แรงบิด
ตัวรถ ภายนอกผมว่าคล้ายๆ C-Class W205 เลย
แต่ภายในโดนมากๆ ดูวัสดุคุณภาพสูง น่าสัมผัสจริงๆ เบาดูหนาแน่นนุ่มมากๆ
-
รถอิตาเลี่ยน ถ้าไม่รัก ก็ เกลียดเลย
สำหรับผม รักมาก แต่ปัจจัยไม่ถึง จ บ . . .
-
สวยครับ อารมณ์คล้าย W205
-
ผทว่ามันไม่สวยอ่ะ ดูธรรมดา ไม่มีสไตล์ของตัวเองที่ชัดเจนอ่ะครับ
มันไม่ปิ้งเหมือน 156 ในสมัยโน้น ที่มองปุ๊บ โคตรหลงรักเลย
อันนี้มองแล้วเฉยๆ สัดส่วนยังแปลกๆ ไม่ลงตัว
-
ภายนอกถ้าดูป็นจุดๆผมว่าสวยนะ แต่พอรวมๆแล้วสวยแบบแปลกๆอะ ส่วนภายในเหมือนเอาหลายๆรุ่นมายำรวมกัน แถมบางจุด look cheap ไปนิด
-
Alfa มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยหรือเปล่า
-
ปิดยี่ห้อ ผมว่านี่มันไม่ใช่ alfa เลย
หมดสเน่ห์ของ alfa ที่ทำกันมานาน มันไม่มีกลิ่นอายของรถอิตาลีแบรนนี้แล้ว
เหมือน c class มกากว่า
-
เหมือนเอาครึ่งคันหน้าจากseries3 กับครึ่งคันหลังของมาเซราติมารวมกัน
แต่มันรวมกันได้ลงตัวมากสปอตและหรูสุดๆ
ปล.มิติรถกว้างกว่าaccord g9อีก!!
-
ด้านนอกก้สวยใช้ได้
แต่ด้านในนี่รักเลย :-*
-
ปกติไม่ชอบรถสีทองนะ แต่นี่คือมันใช่อ่ะ :-*
-
อยู่เมืองไทย คงได้แต่มอง
-
ส่วนตัวนะครับ ภายนอกอะสวยเเล้ว
ขอวิจารตรงๆคือ ภายในไม่ผ่านครับ หากตะมามาเเนวไม้ วอลโว่ยุคใหม่ๆสวยจบกว่า
ช่องแอร์ซ้ายขวาเหมือน C300 (เเต่ดูเเย่กว่าเพราะเป็นพลาสติคล้วน) ช่องแอร์กลางเหมือน BMW ลายไม้ตรงเบรคมือเหมือนวอลโว่ เอามายำรวมกัน
จากที่ดู วัสดุดูกิ๊กก๊อกมาก พลาสติคล้วนๆเหมือน C Class ตัวก่อน (ปุ่มตรงปรับกระจกหรือปุ่มเเถวพวงมาลัยนี่ใช่เลย) เทียบกับเบ๊นซ์ยุคใหม่ที่มาเเนวหรู อวกาศ หรือเทียบกับ วอลโวสวยๆลายไม้เเนวสวีดิช ไม่ติดเลย
พูดถึงช่องเเอกลมๆ นอกจากเบ๊นซ์เเล้วก็มี Audi A3 ยังทำมาสวยกว่า alfa เลยครับ
ทั้งการวาง position ลำโพง ยังเป็นเเบบเก่า การจัดวางปุ่มกดตรงกลางคอนโซลก็ไม่ผ่านดูรก วัสดุเป็นพลาสติค อย่าง c300 หรือวอลโว่ยุคใหม่ๆ ปุ่มเคลือบโครเมี่ยมล้วนนะครับ
ส่วนบีเอมอันนั้นเค้ามาเเนวสปอต ดำทะมึนอยู่เเล้ว ปุ่มเเละตรงที่มือจับได้ของบีเอมจะเป็นยางเพื่อเเลดูสปอตครับ
สรุป ภายนอกผ่าน ภายในเหมือนเอาไม้กับพลาสติคมายัดรวมกัน ไม่ผ่านครับ
ไม่รู้ว่าผมคาดหวังกับ Alfa Romeo มากกินไปหรือไม่ เเต่สิ่งที่ผมคาดหวังกับ Jaguar XE ตัวจริงออกมาเป้นไปตามที่หวังครับ (เเต่ไม่กล้าซื้อเพราะราคาไทยเว่อกว่า 3 เเละ C300ไปมาก ทั้งๆที่เซกเม้นเดียวกัน) คือยอมรับว่าสวยมากๆ ในเเบบของมันจริงๆ พอมาเจอ alfa-romeo รุ่นนี้มันไม่ใช่อะ ขออภัย จขกทนะครับ
-
ภายใน C Class ดู Classy ดูหรูหรามีสไตล์กว่าพอสมควรเลยครับ
ส่วน Jaguar XE นี่ผมว่าเค้าไม่เน้นหรูนะ ภายในมันอารมณ์ของ F Type มาเต็มมากๆ แต่ก็ดี แนวทางชัดเจนว่าไปสปอร์ตเต็มตัวเลย
ภายในรถอิตาลีส่วนตัวผมว่ามันไม่หรูเท่าฝั่งอังกฤษมาแต่ไหนแต่ไรละนะ ดูภายใน Aston , Bentley นี่สง่ากว่า Maserati มาตั้งนานละ
รถอิตาลี่ ผมว่าควรออกแบบให้มันมีเอกลักษณ์มากกว่านี้อีกหน่อย ทำเป็น Classic ย้อนยุคไปเลยก็ได้ (อย่าง Disco Volante นี่สวยมาก)
-
รถอิตาลี่มันคืองานศิลป์ที่วิ่งบนถนนได้ครับ :-*
ภายใน C Class ดู Classy ดูหรูหรามีสไตล์กว่าพอสมควรเลยครับ
ส่วน Jaguar XE นี่ผมว่าเค้าไม่เน้นหรูนะ ภายในมันอารมณ์ของ F Type มาเต็มมากๆ แต่ก็ดี แนวทางชัดเจนว่าไปสปอร์ตเต็มตัวเลย
ภายในรถอิตาลีส่วนตัวผมว่ามันไม่หรูเท่าฝั่งอังกฤษมาแต่ไหนแต่ไรละนะ ดูภายใน Aston , Bentley นี่สง่ากว่า Maserati มาตั้งนานละ
รถอิตาลี่ ผมว่าควรออกแบบให้มันมีเอกลักษณ์มากกว่านี้อีกหน่อย ทำเป็น Classic ย้อนยุคไปเลยก็ได้ (อย่าง Disco Volante นี่สวยมาก)
ผมว่ากลิ่นอายจาก Disco Volante เยอะอยู่นะ
แต่จะให้ข้นกว่านี้คงไม่ไหว Disco Volante ที่เป็นรถอลูมิเนียมประกอบมือ ราคาระดับ Veyron
ถ้าทำให้คลาสสิคเข้าใกล้เจ้านั่นมากไป คงมีแต่กลุ่มอืนดี้ที่จะซื้อ (ไม่ก็ต้นทุนแพงมาก ที่จะยัดอุปกรณ์ต่างๆ ลงไปโดยไม่เสียความคลาสสิค)
ลุง Clarkson เคยเปรียบเจ้า Disco Volante เป็น Baby Jesus
Alfa 4C เป็น Angel Gabriel
แล้วเจ้านี่ควรเป็นอะไรดี
-
สีทองสวยมากกก
-
มันออกแนวหรูไปแล้วครับ อิตาลีมันต้องดิบกว่านี้ครับ
-
คอรถอิตาเลี่ยนขอวิจารณ์หน่อยครับ
ในความเห็นผม Alfa Romeo คันนี้ยังมีกลิ่นอายของรถอิตาเลี่ยนอยู่ครบถ้วน..
ไม่ต่างจากเมื่อตอนที่เห็น 164 มาขายในเมืองไทย โดย อิตัลสยาม เมื่อประมาณปี 2534 โดยคุณปรีชา พรประภา ที่ตอนนี้หันไปนำเข้าอุปกรณ์รถยนต์และน้ำมันเครื่องแทน
บางคนอาจสงสัยว่าคำว่ากลิ่นอายของรถอิตาเลี่ยนคืออะไร ...ผมเองก็อธิบายไม่ถูก
แต่แปลความได้คล้ายกับความเห็นด้านบน ก็คือ "งานศิลปะที่เคลื่อนที่ได้"
จุดเด่นของรถอิตาเลี่ยนคือ ดีไซน์ การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ดูมีความแปลก แต่ก็แฝงไปด้วยความเรียบง่าย ถ้าพูดกันในแง่ของเส้นสาย รถอิตาเลี่ยน จะดูอ่อนโยนกว่าทางฝั่ง เยรมัน และ สวีเดน ที่เส้นสายจะดูแข็ง และหนักแน่นกว่า
แต่ด้วยเนื่องจากปัจจจุบัน เทคโนโลยี และการสื่อสารมันเข้าถึงกันหมด ความแตกต่างในจุดนี้เลยอาจจะไม่ชัดเจนเท่าเมื่อก่อน รถรุ่นใหม่ๆ มันเลยดูมนๆ ไปเหมือนกันซะหมด
พูดถึงข้อดีใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย ... ข้อเสียของรถอิตาลีที่สำคัญที่สุดคือ "ชุ่ย" ใช่ครับ สะกดไม่ผิด
ถ้าจะเปรียบเหมือนเด็กนักเรียนก็เป็นเด็กนักเรียนที่เรียนเก่งแค่บางวิชา แต่สอบตกอย่างไม่น่าให้อภัยในวิชาอื่น
ทำให้คะแนนโดยรวมไปรั้งท้าย....สะท้อนจากยอดขายในระดับโลกอย่างที่เห็น
การดีไซน์แม้ดูดี โฉบเฉี่ยว แต่มักจะทำให้ดูใช้ยากในหลายๆ จุด เช่นหัวเกียร์ที่ไปบังแอร์ใน 156
และการเก็บงาน การประกอบ วัสดุที่ใช้ มักจะตามหลัง เยรมัน ไป 1-2 step เสมอ
อย่างเช่นใน Giulia คันนี้ จุดที่สังเกตุได้ง่ายที่สุด สายไฟที่มัดกันแบบสุกเอาเผากิน ในห้องเครื่อง คือมัดแบบช่างข้างถนนมัด และระโยงระยางจากขวาไปซ้าย ดูรก ไม่เรียบร้อย
ดีไซน์ภายในดูโฉบ แต่ไม่ค่อยสมดุล ...ที่ผมเห็นอีกอย่างในคันนี้คือ ที่จับเปิดประตูด้านใน ฝั่งคนขับในรูปด้านบน ดูลึกเข้าไปชิดกับช่องแอร์ กลมๆ มากก โดยเฉพาะปุ่มเปิดล๊อกประตู ใช้งานจริงคงลำบากพิลึก
อันนี้คือคุณลักษณะของรถในเครือเฟียตชัดเจน
อีกอย่างคือคุณภาพของพลาสติกภายใน ที่มองด้วยสายตาแล้ว ดูเรียบด้าน ไม่เรียบร้อยบางจุด คุณภาพยังไม่น่าจะดีไปกว่า ของทางเยรมัน
สุดท้ายผมแปะรูป alfa romeo รุ่นเก่าให้ดูลองเทียบกันดูครับ จะเห็นว่า อย่างน้อยๆ ท้ายอ้วนๆ และ เส้นหน้าเสา C มันก็เป็นกลิ่นอายมาจากรุ่นเก่าๆ :-*
-
156 ยังหล่อไม่หายเลย
-
สวยสไตล์อิตาเลี่ยนจริงๆ แต่ภายในผมยังชอบแนว ฝั่ง เยอรมัน อังกฤษอยู่
-
เป๊ะปังมาก สวยมีเสน่ห์
สีทองนี่แบบ shut up and take my money เลยครับ
ครับ
วลีนี้ โดนใจใช่เลย
รถอิตาลี่มันคืองานศิลป์ที่วิ่งบนถนนได้ครับ :-*
ภายใน C Class ดู Classy ดูหรูหรามีสไตล์กว่าพอสมควรเลยครับ
ส่วน Jaguar XE นี่ผมว่าเค้าไม่เน้นหรูนะ ภายในมันอารมณ์ของ F Type มาเต็มมากๆ แต่ก็ดี แนวทางชัดเจนว่าไปสปอร์ตเต็มตัวเลย
ภายในรถอิตาลีส่วนตัวผมว่ามันไม่หรูเท่าฝั่งอังกฤษมาแต่ไหนแต่ไรละนะ ดูภายใน Aston , Bentley นี่สง่ากว่า Maserati มาตั้งนานละ
รถอิตาลี่ ผมว่าควรออกแบบให้มันมีเอกลักษณ์มากกว่านี้อีกหน่อย ทำเป็น Classic ย้อนยุคไปเลยก็ได้ (อย่าง Disco Volante นี่สวยมาก)
ผมว่ากลิ่นอายจาก Disco Volante เยอะอยู่นะ
แต่จะให้ข้นกว่านี้คงไม่ไหว Disco Volante ที่เป็นรถอลูมิเนียมประกอบมือ ราคาระดับ Veyron
ถ้าทำให้คลาสสิคเข้าใกล้เจ้านั่นมากไป คงมีแต่กลุ่มอืนดี้ที่จะซื้อ (ไม่ก็ต้นทุนแพงมาก ที่จะยัดอุปกรณ์ต่างๆ ลงไปโดยไม่เสียความคลาสสิค)
ลุง Clarkson เคยเปรียบเจ้า Disco Volante เป็น Baby Jesus
Alfa 4C เป็น Angel Gabriel
แล้วเจ้านี่ควรเป็นอะไรดี
คอรถอิตาเลี่ยนขอวิจารณ์หน่อยครับ
ในความเห็นผม Alfa Romeo คันนี้ยังมีกลิ่นอายของรถอิตาเลี่ยนอยู่ครบถ้วน..
ไม่ต่างจากเมื่อตอนที่เห็น 164 มาขายในเมืองไทย โดย อิตัลสยาม เมื่อประมาณปี 2534 โดยคุณปรีชา พรประภา ที่ตอนนี้หันไปนำเข้าอุปกรณ์รถยนต์และน้ำมันเครื่องแทน
บางคนอาจสงสัยว่าคำว่ากลิ่นอายของรถอิตาเลี่ยนคืออะไร ...ผมเองก็อธิบายไม่ถูก
แต่แปลความได้คล้ายกับความเห็นด้านบน ก็คือ "งานศิลปะที่เคลื่อนที่ได้"
จุดเด่นของรถอิตาเลี่ยนคือ ดีไซน์ การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ดูมีความแปลก แต่ก็แฝงไปด้วยความเรียบง่าย ถ้าพูดกันในแง่ของเส้นสาย รถอิตาเลี่ยน จะดูอ่อนโยนกว่าทางฝั่ง เยรมัน และ สวีเดน ที่เส้นสายจะดูแข็ง และหนักแน่นกว่า
แต่ด้วยเนื่องจากปัจจจุบัน เทคโนโลยี และการสื่อสารมันเข้าถึงกันหมด ความแตกต่างในจุดนี้เลยอาจจะไม่ชัดเจนเท่าเมื่อก่อน รถรุ่นใหม่ๆ มันเลยดูมนๆ ไปเหมือนกันซะหมด
พูดถึงข้อดีใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย ... ข้อเสียของรถอิตาลีที่สำคัญที่สุดคือ "ชุ่ย" ใช่ครับ สะกดไม่ผิด
ถ้าจะเปรียบเหมือนเด็กนักเรียนก็เป็นเด็กนักเรียนที่เรียนเก่งแค่บางวิชา แต่สอบตกอย่างไม่น่าให้อภัยในวิชาอื่น
ทำให้คะแนนโดยรวมไปรั้งท้าย....สะท้อนจากยอดขายในระดับโลกอย่างที่เห็น
การดีไซน์แม้ดูดี โฉบเฉี่ยว แต่มักจะทำให้ดูใช้ยากในหลายๆ จุด เช่นหัวเกียร์ที่ไปบังแอร์ใน 156
และการเก็บงาน การประกอบ วัสดุที่ใช้ มักจะตามหลัง เยรมัน ไป 1-2 step เสมอ
อย่างเช่นใน Giulia คันนี้ จุดที่สังเกตุได้ง่ายที่สุด สายไฟที่มัดกันแบบสุกเอาเผากิน ในห้องเครื่อง คือมัดแบบช่างข้างถนนมัด และระโยงระยางจากขวาไปซ้าย ดูรก ไม่เรียบร้อย
ดีไซน์ภายในดูโฉบ แต่ไม่ค่อยสมดุล ...ที่ผมเห็นอีกอย่างในคันนี้คือ ที่จับเปิดประตูด้านใน ฝั่งคนขับในรูปด้านบน ดูลึกเข้าไปชิดกับช่องแอร์ กลมๆ มากก โดยเฉพาะปุ่มเปิดล๊อกประตู ใช้งานจริงคงลำบากพิลึก
อันนี้คือคุณลักษณะของรถในเครือเฟียตชัดเจน
อีกอย่างคือคุณภาพของพลาสติกภายใน ที่มองด้วยสายตาแล้ว ดูเรียบด้าน ไม่เรียบร้อยบางจุด คุณภาพยังไม่น่าจะดีไปกว่า ของทางเยรมัน
สุดท้ายผมแปะรูป alfa romeo รุ่นเก่าให้ดูลองเทียบกันดูครับ จะเห็นว่า อย่างน้อยๆ ท้ายอ้วนๆ และ เส้นหน้าเสา C มันก็เป็นกลิ่นอายมาจากรุ่นเก่าๆ :-*
ครับ
รถอิตาเลียนคืองานศิลป์วิ่งได้ มันexotic
ถึงเส้นสายไม่คมเฉี่ยว แบบรถตะวันออกยุคใหม่
หรือเส้นสายไม่เข้มแข็ง แบบรถตะวันตกค่ายอื่น
แต่รถอิตาเลี่ยนมีเส้นสายเรียบง่าย ชดช้อยย้อยยอด มีเสน่ห์บอกไม่ถูก
ถามว่ามันสวยที่สุดมั้ย.. ตอบไม่ ดูอย่าง156 จริงๆมันก็ไม่ได้สวยมากอะไร แต่มันสวยทรงเสน่ห์เฉพาะตัว เห็นทีไรต้องเหลียว
-
ว่ากันตามตรง
ปิดยี่ห้อตอบตามที่เห็นมันก็เฉยๆ
พอเปิดยี่ห้อมาฟังดูน่าสนใจขึ้น
พอฟัฃสเปคเครื่องเฟอรารี่ก็ดูน่าเสี่ยง
แต่เอาเข้าจริงๆ ลองไปดูที่อิตาลีเลย
รถอย่างอัลฟ่า พอวิ่งเต็มถนนมันก็ไม่ได้สวยอะไรมากมายทุกรุ่นขนาดบอกว่าเปนงานศิลป์
คงเหมือนอารมย์เดินในโรมที่ทุกหัวมุมคือประวัคิศาตร ดูมากๆก็เลี่ยน
บางรุ่นที่สวยๆจริงๆก็มี
บางรุ่นแค่แปลกตาก็เยอะ
ภายในลองไปจับจริงๆก็จะรู้ว่ามีอะไรประหลาดๆ
ถ้าจะเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าศิลปะ หรืออะไรก็แล้วแต่
ผมว่าสเน่ห์ของอัลฟ่ามันคงอยู่ตรงนี้
ความมีสีสัน กล้าทำอะไรแปลกๆ ดีบ้างแป้กบ้าง
คันที่ดีก็แอบมีดีไม่สุด แต่ก็ยังทำให้คนแอบเหลียวแอบมองได้
แต่ถ้าให้เลือกมาขับหรือเห็นบ่อยๆก็ไม่เอา
เหมือนเห็นสาวแสบๆความมั่นใจตัวเองสูงแต่งตัวแรงๆ
มองเอาน้ำลายหกก็ได้แต่ไม่กล้าจีบ บอกตรงๆกลัวเจ็บ
(เคยเกือบไปกับ156selespeed หลงจนตาบอดเลยแหละ)
-
เป๊ะปังมาก สวยมีเสน่ห์
สีทองนี่แบบ shut up and take my money เลยครับ
ครับ
วลีนี้ โดนใจใช่เลย
รถอิตาลี่มันคืองานศิลป์ที่วิ่งบนถนนได้ครับ :-*
ภายใน C Class ดู Classy ดูหรูหรามีสไตล์กว่าพอสมควรเลยครับ
ส่วน Jaguar XE นี่ผมว่าเค้าไม่เน้นหรูนะ ภายในมันอารมณ์ของ F Type มาเต็มมากๆ แต่ก็ดี แนวทางชัดเจนว่าไปสปอร์ตเต็มตัวเลย
ภายในรถอิตาลีส่วนตัวผมว่ามันไม่หรูเท่าฝั่งอังกฤษมาแต่ไหนแต่ไรละนะ ดูภายใน Aston , Bentley นี่สง่ากว่า Maserati มาตั้งนานละ
รถอิตาลี่ ผมว่าควรออกแบบให้มันมีเอกลักษณ์มากกว่านี้อีกหน่อย ทำเป็น Classic ย้อนยุคไปเลยก็ได้ (อย่าง Disco Volante นี่สวยมาก)
ผมว่ากลิ่นอายจาก Disco Volante เยอะอยู่นะ
แต่จะให้ข้นกว่านี้คงไม่ไหว Disco Volante ที่เป็นรถอลูมิเนียมประกอบมือ ราคาระดับ Veyron
ถ้าทำให้คลาสสิคเข้าใกล้เจ้านั่นมากไป คงมีแต่กลุ่มอืนดี้ที่จะซื้อ (ไม่ก็ต้นทุนแพงมาก ที่จะยัดอุปกรณ์ต่างๆ ลงไปโดยไม่เสียความคลาสสิค)
ลุง Clarkson เคยเปรียบเจ้า Disco Volante เป็น Baby Jesus
Alfa 4C เป็น Angel Gabriel
แล้วเจ้านี่ควรเป็นอะไรดี
คอรถอิตาเลี่ยนขอวิจารณ์หน่อยครับ
ในความเห็นผม Alfa Romeo คันนี้ยังมีกลิ่นอายของรถอิตาเลี่ยนอยู่ครบถ้วน..
ไม่ต่างจากเมื่อตอนที่เห็น 164 มาขายในเมืองไทย โดย อิตัลสยาม เมื่อประมาณปี 2534 โดยคุณปรีชา พรประภา ที่ตอนนี้หันไปนำเข้าอุปกรณ์รถยนต์และน้ำมันเครื่องแทน
บางคนอาจสงสัยว่าคำว่ากลิ่นอายของรถอิตาเลี่ยนคืออะไร ...ผมเองก็อธิบายไม่ถูก
แต่แปลความได้คล้ายกับความเห็นด้านบน ก็คือ "งานศิลปะที่เคลื่อนที่ได้"
จุดเด่นของรถอิตาเลี่ยนคือ ดีไซน์ การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ดูมีความแปลก แต่ก็แฝงไปด้วยความเรียบง่าย ถ้าพูดกันในแง่ของเส้นสาย รถอิตาเลี่ยน จะดูอ่อนโยนกว่าทางฝั่ง เยรมัน และ สวีเดน ที่เส้นสายจะดูแข็ง และหนักแน่นกว่า
แต่ด้วยเนื่องจากปัจจจุบัน เทคโนโลยี และการสื่อสารมันเข้าถึงกันหมด ความแตกต่างในจุดนี้เลยอาจจะไม่ชัดเจนเท่าเมื่อก่อน รถรุ่นใหม่ๆ มันเลยดูมนๆ ไปเหมือนกันซะหมด
พูดถึงข้อดีใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย ... ข้อเสียของรถอิตาลีที่สำคัญที่สุดคือ "ชุ่ย" ใช่ครับ สะกดไม่ผิด
ถ้าจะเปรียบเหมือนเด็กนักเรียนก็เป็นเด็กนักเรียนที่เรียนเก่งแค่บางวิชา แต่สอบตกอย่างไม่น่าให้อภัยในวิชาอื่น
ทำให้คะแนนโดยรวมไปรั้งท้าย....สะท้อนจากยอดขายในระดับโลกอย่างที่เห็น
การดีไซน์แม้ดูดี โฉบเฉี่ยว แต่มักจะทำให้ดูใช้ยากในหลายๆ จุด เช่นหัวเกียร์ที่ไปบังแอร์ใน 156
และการเก็บงาน การประกอบ วัสดุที่ใช้ มักจะตามหลัง เยรมัน ไป 1-2 step เสมอ
อย่างเช่นใน Giulia คันนี้ จุดที่สังเกตุได้ง่ายที่สุด สายไฟที่มัดกันแบบสุกเอาเผากิน ในห้องเครื่อง คือมัดแบบช่างข้างถนนมัด และระโยงระยางจากขวาไปซ้าย ดูรก ไม่เรียบร้อย
ดีไซน์ภายในดูโฉบ แต่ไม่ค่อยสมดุล ...ที่ผมเห็นอีกอย่างในคันนี้คือ ที่จับเปิดประตูด้านใน ฝั่งคนขับในรูปด้านบน ดูลึกเข้าไปชิดกับช่องแอร์ กลมๆ มากก โดยเฉพาะปุ่มเปิดล๊อกประตู ใช้งานจริงคงลำบากพิลึก
อันนี้คือคุณลักษณะของรถในเครือเฟียตชัดเจน
อีกอย่างคือคุณภาพของพลาสติกภายใน ที่มองด้วยสายตาแล้ว ดูเรียบด้าน ไม่เรียบร้อยบางจุด คุณภาพยังไม่น่าจะดีไปกว่า ของทางเยรมัน
สุดท้ายผมแปะรูป alfa romeo รุ่นเก่าให้ดูลองเทียบกันดูครับ จะเห็นว่า อย่างน้อยๆ ท้ายอ้วนๆ และ เส้นหน้าเสา C มันก็เป็นกลิ่นอายมาจากรุ่นเก่าๆ :-*
ครับ
รถอิตาเลียนคืองานศิลป์วิ่งได้ มันexotic
ถึงเส้นสายไม่คมเฉี่ยว แบบรถตะวันออกยุคใหม่
หรือเส้นสายไม่เข้มแข็ง แบบรถตะวันตกค่ายอื่น
แต่รถอิตาเลี่ยนมีเส้นสายเรียบง่าย ชดช้อยย้อยยอด มีเสน่ห์บอกไม่ถูก
ถามว่ามันสวยที่สุดมั้ย.. ตอบไม่ ดูอย่าง156 จริงๆมันก็ไม่ได้สวยมากอะไร แต่มันสวยทรงเสน่ห์เฉพาะตัว เห็นทีไรต้องเหลียว
เริ่มจะเข้าใจขึ้นมานิดๆละครับ
แต่ไม่รู้สิ ผมว่ารถอิตาเลี่ยน หลายๆรุ่น ไม่ต้อง Exotic มันก็สวยนะ อย่าง Ghibli นี่ก็สวยแบบโค้งเว้า เรียบง่ายแต่ดูดี หรือถ้าผมชอบก็ Quattroporte ตัวก่อนหน้า แต่จริงๆผมชอบสุดๆก็ Grantourismo นี่ หล่อจริง หล่อมากๆ คือมันแปลก มันสวย มันมีสเน่ห์แบบบอกไม่ถูกอะครับ
คือเห็นรถอิตาเลี่ยน ผมคิดถึงรถที่ให้ความรู้สึก "พิเศษ" เมื่อเห็นมัน กับ Maserati Ghibli , Quattroporte , GT หรือ Alfa Romeo Disco Volante
นี่มันรู้สึกพิเศษนะ แต่คันนี้ผมรู้สึก "พิเศษ" กับมันน้อยกว่าพวกนั้นนิดๆ :(
-
ผมว่า มันก็ดูเป็นอิตาเลี่ยนอยู่นะครับ โดยเฉพาะ ห้องเครื่องนี้ ชัดมาก ;D
ไม่ใช่เยอรมัน หรือ ญี่ปุ่นแน่ๆ เอามาให้เดาแบบไม่มียี่ห้อ ก็เดาอิตาลีก่อนเลยครับ
แต่อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าตรงไหน
-
อยากรู้ว่ารุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ตัวนี้ราคาเท่าไร
2.9 L 90° V6 24v Twin turbo [8] 2,891 cc (176.4 cu in)[7] 510 PS (503 hp; 375 kW) at 6,500 rpm[27] 600 N·m (440 lb·ft) at 2,5005,000 rpm[27] 307 km/h (191 mph)[
-
แน่นอนครับ การออกแบบของอัลฟ่าราวกับงานศิลป์ :)
แต่การบำรุงรักษานี่ผมยอมแพ้
-
มองผ่านๆ ด้านข้างเหมือน BMW Series 3 E90 มากเลย