Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Drgozy ที่ มีนาคม 12, 2016, 00:26:27
-
เนื่องจากผมอยากนำรถของผมไป เคลือบแก้ว แต่ก็มีบางคนชอบพูดว่า เอาตังที่เคลือบแก้วไปให้ร้านลง wax เองดีกว่า
ใสพอๆกัน ครั้งละไม่กี่บาท ดีกว่าเอาไปเคลือบแก้วอีก ..
มีความคิดเห็นยังไงมั้งครับ
-
ผมก็คิดแบบนั้น เป็นหมื่นๆนี่มันคุ้มหรอครับ 555+
-
หากมันสัก 3000 บาท คุ้ม
แต่เป็นหลายหมื่น
คนรับจ้างทำ รวย
-
ที่บ้านไม่เคลือบสักคันครับ เพราะไม่มีตัง ;D
-
นอนไม่หลับพอดีเลยแวะเข้ามาตอบดีกว่าเรื่องเคลือบแก้ว
จากที่ผมเคยรู้จักคนในสายงานนี้มาเยอะน่ะคับ
จะเล่าให้ฟังว่าธุรกิจเคลือบแก้วเป็นธุรกิจที่ได้กำไรสูงมากคับ
ประเด็นที่ 1 น้ำยาเคลือบแก้ว ส่วนใหญ่แล้วล้วนมีอายุไม่ถึง 2-3-4-5 ปี ตามที่เค้าคุยไว้
อายุของน้ำยาส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 6 เดือนแค่นั้นเอง หรือ อาจจะสั้นกว่านั้นขึ้นอยู่กับแชมพูที่ใช้ล้างรถว่าแรงแค่ไหน
แต่ เค้าจะใช้คำว่าต้องมา บำรุุงรักษาเคลือบแก้ว หรือ maintenance ทุก 6 เดือน
ในความเป็นจริงก็คือ เค้าลงน้ำยาให้ใหม่ทุก 6 เดือนนั้นแหละคับ
ถ้าถามว่า ถ้าเราไปเคลือบแก้ว แพ็คเกจ 3 ปี สมมุติ ราคา 30,000 บาท
เท่ากับครั้งแรกที่เราไปทำ ร้านมีต้นทุนน้ำยา + ค่าแรงช่าง ไม่ถีง 5000 บาทเท่านั้นเอง (ตัวน้ำยาประมาณ 2000)
ส่วนเวลาที่เหลืออีก 2 ปีครึ่ง เค้าก็เอาเงินอนาคตที่เราจ่ายให้เค้าไปตอนแรกนั้นแหละคับมาทำให้เรา
แต่ถามว่า ถ้าเราเคลือบแก้วแพ็คเกจ 3 ปี พ่านไป 1 ปี ร้านปิดหนีเราไป เราก็ทำอะไรไม่ได้น่ะคับ :-X :-X :-X
สังเกตมั้ยหล่ะคับว่าร้านที่รับทำเคลือบแก้วทำไมถึงมีแต่ใหญ่ๆกัน เพราะธุรกิจนี้คือการได้เงินจากลูกค้ามาหมุนก่อนไงคับ
ข้างบนนั้นนอกประเด็นน่ะคับ แค่อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ ;D
ส่วนคำตอบเรื่องเคลือบแก้ว
ถ้าเป็นตัวผมเอง ผมทำน่ะคับ
ฝุ่นเกาะรถน้อยกว่า รถไม่ค่อยเปื้อน อีกอย่างผมไม่มีเวลาว่างมารอที่ carcare ลงwaxด้วย
-
ผมเคยเอาw211ของแฟนไปเคลือบที่CTSครับก่อนทำก็จะต้องตรวจรอยรอบรถเก้บเท่าที่จะเก็บได้จากนั้นก้เคลือบแก้ว แต่รถผมแค่ลงแว๊กเฉยๆ จากที่เปรียบเทียบรถเคลือบแก้วกับลงwax เคลือบแก้วจะเงาแต่ไม่เงาเยิ้มๆแบบลงwax เคลือบแก้วจะอยู่ทนนานกว่า
ถามว่าดีไหม มีทั้งข้อดีและเสียนะ
ข้อดีคือ ป้องกันแสงอาทิตย์ ความร้อนUV ความร้อนในห้องเครื่อง ถ้ารถสีขาวจะกันพวกสีเพี้ยนได้ดี แล้วก็เวลาฝนตกเม็ดฝนจะไม่
เกาะรถวิ่งอยู่ก็เหมือนเม็ดฝนวิ่งผ่านใบไม้แบบนั้น ที่เห็นชัดรอยขีดข่วนจะไม่เกิดขึ้นเลย ผมลองเอากุญแจขูดดูมันไม่เข้าเนื้อจริงๆ
คือ ร่องรอย ขนแมวไรต่างๆมันจะมีตัวเคลือบแก้วป้องกันสีรถแท้ๆเราอยู่
ข้อเสีย อย่างที่ทุกคนบอกคือมันแพงครับ ไม่ได้ความเงาแบบเวอร์วังเหมือนกับลงwax ถ้าเคลือบแล้วไม่ลูบดินน้ำมัน แค่ล้างรถอย่างเดียวธรรมดาไม่นานก็จะเก่าเหมือนเดิม
ผมเลยลูบดินน้ำมันสองเดือนครั้ง ซื้อมาเอง สูตรน้ำแล้วรอไปเข้าอีกครั้ง ทำมา4เดือนรู้สึกว่า ประหยัดแรงและค่าwaxดี ไม่ต้องลงบ่อยๆ
-
ดีในระดับนึงครับ เคลือบแวกซ์ถูกกว่าแต่อยู่ไม่นานก็ต้องเคลือบบ่อยๆ เคลือบแก้วจะดีตรงที่ล้างเช็ดง่ายกว่าแต่ถ้าจะหวังกันรอยก็ต้องติดฟิล์มกันรอยจะดีกว่าครับ
-
ถ้ามีคนในนี้บอกว่าดี หรือไม่ดี เป็นจำนวนมากคุณจะเชื่อเขารึเปล่าครับ?
เรื่องนี้พิสูจน์ไม่ยากเลย ให้ทำLab chemical compound test + Scratch test ครับ แต่กับคนทั่วไปที่ไม่สามารถควบคุมตัวแปรได้ ไม่มีเครื่องมือ ไม่มีLab ก็สามารถส่งLab ได้ครับ ไม่กี่ตัง ค่าส่งLab ถูกกว่าค่าเอารถไปลงแว็กอีก
ถ้าถามผมกลับว่า ไม่อยากลงทุนกับLab ผมก็จะแนะให้ไปหาGoogle ว่า เคลือบwax เคลือบสีที่แข็งที่สุดในโลกคืออะไร
เรื่องความเงา ความเรียบ อยู่ที่เครื่องมือวัดอีกเช่นกัน วัดกันได้ครับ
ถ้าพูดลอยๆ เอาความรู้สึกตา หู จมูก สัมผัสมาตัดสิน เียงกันไม่จบครับว่าดีไม่ดี
-
ราคามันเกินสิ่งที่ได้รับครับ
การ Wax เคลือบเงา ลงดินน้ำมัน ปกติขาจรทั่วๆ ไป 700-1000 ทำ1-2 เดือนครั้ง พอไหวครับ
แต่ผมซื้อนำยาเอง มีร้านไว้ใจได้ ต่อครั้งมันก็เหลือไม่เกิน 500 ก็สบายไป
เคลือบแก้ว ราคาจริงๆแบบกำไรพองาม ก็น่าจะอยู่ประมาณ ไม่เกิน 5000-7000 ไม่น่าเกินนี้ครับ
ค่าการตลาด การสร้างความน่าเชื่อถือ ความหรูของร้าน คือสิ่งที่ลูกค้าแบกรับอยู่ครับ
ที่เห็นๆ กัน 20,000-30,000 บาท
รวยเละครับ และนิสัยคนไทยครับ ใครทำอะไรรวย ตูทำด้วย และพอมีคนเข้าวงการเยอะๆ
เดี๋ยวมีตัดราคา นำมาสู่การรู้ต้นทุนกันมากขึ้น แล้วก็จะล้มหายตายจากไปในไม่นาน
-
ส่วนตัวผมมองว่าไร้สาระมาก หมายถึงราคานะ
เคลือบเป็นหมื่นๆ ซื้อของเล่นให้ลูกๆ พาคุณแม่ไปทำบุญจะมีคุณค่าและมีประโยชน์ซะกว่า
ยิ่งบางที่มีโปรผ่อนจ่าย ก็สงสัยถ้าเงินทองยังไม่พร้อมจะเคลือบไปทำไมกัน ตลกมากครับ
-
ส่วนตัวผมมองว่าไร้สาระมาก หมายถึงราคานะ
เคลือบเป็นหมื่นๆ ซื้อของเล่นให้ลูกๆ พาคุณแม่ไปทำบุญจะมีคุณค่าและมีประโยชน์ซะกว่า
ยิ่งบางที่มีโปรผ่อนจ่าย ก็สงสัยถ้าเงินทองยังไม่พร้อมจะเคลือบไปทำไมกัน ตลกมากครับ
จริงครับ เชื่ออาจารย์ Eddy3585 ครับ
-
ก่อนหน้านี้ก้อเคยลังเลๆเพราะราคานี่หละ เกินครึ่งแสนเซลก็ชวนเชียร์เหลือเกิน พอมาเจอไม่ถึงหมื่นลองดู อืมก้อพอได้นะล้างรถง่ายขึ้นกว่าเดิม ลื่นๆดีฝุ่นน้อยลง นอกนั้นเหมือนเดิมไม่ต่างกับไม่เคลือบ อยู่นานแค่ไหนไม่รู้ไม่มีประกัน ไม่รู้ที่อ้างว่าแก้วมันเป็นน้ำยานาโนเทครึป่าว ที่กันน้ำ
ส่วนที่บอกว่า 7h 9h นี่โม้ทั้งเพ ครับเอาแค่ 4-5h ก้อดีแย่ละ อะไรจะปานนั้นน้ำยามาทา พ่น แล้วแข็งระดับเพชรที่กระดาษทรายยังทำอะไรไม่ได้ หรือ 6h พลอยเนื้ออ่อนก็ยังแข็งมาก
เจอแค่ผ้าเช็ดไม่ให้มีรอยขนแมวเอาให้รอดก่อน
ปล. เอาเงิน1-2หมื่นไปทำสีดีกว่าเก็บรอยรอบคันเนียนๆขายต่อง่ายขึ้น
-
เคลือบซิครับ ถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องราคา
โดยเฉพาะสีดำ คุ้มสุดๆ แน่นอนเคลือบแก้ว เพราะเป็นสีที่ดูแลยากมากๆ ผ้าไปเช็ดก็เป็นรอยแล้วสำหรับสีดำ
เรื่องดีไม่ดี ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ เคลือบแก้วแล้ว ล้างรถแต่ละครั้งลูบดินน้ำมัน + ลงแวกซ์ ฉ่ำแน่นอน
-
อันนี้เดานะครับ
ราคาที่แพงอาจจะอยู่ที่ฝีมือการเก็บงานก่อนเคลือบด้วยครับ
เท่าที่เห็นร้านจะมีการเก็บงานรอยขนแมวต่างๆขัดใสกิ้งๆ
บางร้านที่เห็นไปเคลือบงานห่วยก็มี เพราะเก็บงานก่อนเคลือบไม่ดี เคลือบมามันก็เลยไม่ดีตาม
มันเป็นค่าฝีมือของช่างอะครับ คือมันไม่ใช่ใครจะทำแล้วดี ต้องมีฝีมือพอตัวเลยหละ
ปล.ผมไม่ได้เคลือบนะ แต่ก็แอบสนใจอยู่
ปล.2 ปกติลงแว้กเองแต่ขนแมวประมานแมว100ตัวได้ อยากลองขัดก็กลัวจะเป็นรอยวงๆ
-
เคลือบแล้วล้างรถหรือเวลาเจอคราบต่างๆจะออกง่ายกว่าไม่เคลือบครับ
ในด้านการกันรอยไม่ค่อยต่างเท่าไหร่
แต่ในด้านของความเงา รถที่เคลือบแก้วแล้วเคลือบWaxด้วย จะเงากว่ารถที่เคลือบWaxอย่างเดียวอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ
-
จริงๆมันกันรอยไม่ค่อยได้นะครับ แต่ขนแมวขึ้นยากพอสมควรเลย แต่มันล้างง่ายกว่าเดิมเยอะมากสำหรับผม รถเกาะฝุ่นยากกว่าเดิม เลอะยากกว่าเดิม นานๆล้างที และใช้เวลาล้างน้อย ไม่ต้องลงwaxก็เงาได้เทียบเท่า สะดวกเหมาะกับชีวิตที่ไม่ค่อยมีเวลาแบบผม
-
จริงๆ พวกที่เคลือบดีๆหน่อย จะมีการเรียกเข้าไปเคลือบใหม่ ตามระยะเวลา (เช่น 6 เดือน) มันเลยแพง
ส่วนพวกเนียน ก็มีทำครั้งเดียวแต่แพงก็มี ซึ่งสภาพอากาศบ้ารเรา น้ำยาไม่ได้ทนขนาดนั้นหรอก 6 เดือน ยังอยู่ก็หรูละ
ปล. คนคิดว่าเคลือบแก้วแล้วไม่ต้องดูแลจริงๆแล้วไม่ใช่ แค่ดูเงางาม ทำความสะอาดง่ายขึ้น
-
ถึงว่าเปิดกันเยอะ กำไรดีนี่เอง
-
ใช้รถไปซัก 4-5 ปีก็ไม่สนเรื่องสีแล้วครับ
แต่มันก็ยังโอเคนะครับ ขอแค่ไม่ใช่สีซ่อม สาดสีมา ซ่อมอู่
-
ผมว่ามันแพงไปนะ สู้เราซื้อ wax ดีๆ กับเครื่องขัดดีๆ ถูกๆ หน่อย (หรือมือขัดเองก็ได้ แต่กล้ามขึ้นหน่อยนะ) นี่ประหยัดตังได้มากโขเลยครับ ทำแค่เดือนละครั้งก็พอ แถมใช้ได้กับรถทุกคันในบ้านด้วย :)
-
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผมว่าก็ดีนะที่ราคาไม่เกินหมื่นไปเคลือบตอนออกป้ายแดงมาใหม่ๆ(ช่วงเห่อรถใหม่) พอผ่านไปหกเดือนเริ่มไม่เงาก็ล้างอัดฉีดธรรมดา150บาทแล้วเคลือบแว็กธรรมดาดีๆหน่อยชุดละสองพันกว่าใช้เองขัดเองเดือนละครั้งได้เป็นปี 8) 8) 8)
-
คุ้มไม่คุ้มอยู่ที่ความพึงพอใจครับ
-
เอาเงิน3หมื่นให้เมียไป ทำสปาผิวดีกว่า
ห่วงกันจังเหล็กเนี่ย ดูแลตัวเองดีกว่า สีรถเก่าไป
ก็ทำสีใหม่ได้ ร่างกายเรานี่แหละ บางคนหลังขดหลังแข็งล้างเคลือบเองเป็นครึ่งวัน เวลาที่เสียไปนี่เอาไปทำอะไรกับครอบครัวดีกว่ามั้ย
-
เอาเงิน3หมื่นให้เมียไป ทำสปาผิวดีกว่า
ห่วงกันจังเหล็กเนี่ย ดูแลตัวเองดีกว่า สีรถเก่าไป
ก็ทำสีใหม่ได้ ร่างกายเรานี่แหละ บางคนหลังขดหลังแข็งล้างเคลือบเองเป็นครึ่งวัน เวลาที่เสียไปนี่เอาไปทำอะไรกับครอบครัวดีกว่ามั้ย
ถูกต้องและถูกใจจริง ๆ 555555
-
บางคนหลังขดหลังแข็งล้างเคลือบเองเป็นครึ่งวัน เวลาที่เสียไปนี่เอาไปทำอะไรกับครอบครัวดีกว่ามั้ย
ล้างรถให้เมีย เมียชอบมาก
เมียจัดคืน คุ้มกว่าครับ
-
ผมก็สนใจเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ทำ
ตอนนี้ผมเอาเงินมาซื้อ แวก และอุปกรณ์ต่าง ๆ แทน
ล้างเอง ลงแวก เอง ทำครบสูตร ก็หลายชั่วโมงอยู่นะครับ แถมต้องมาซักผ้า ซักฟองน้ำอีกนานด้วย
แต่ว่า ของที่ลงทุนไปแล้ว น้ำยาก็ใช้ได้หลายครั้ง อุปกรณ์บางอย่าง มันก็ใช้ได้หลายปีกว่ามันจะสึกหรอ
เคลือบแก้ว มันก็มีขายแบบให้เรามาทำเองที่บ้านเหมือนกันนะ จะมีชุดน้ำยา มีแปรงลงน้ำยาให้ด้วย
ราคาถูกกว่าไปจ้างร้านทำเยอะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเตรียมผิวรถให้ดี ๆ ก่อนด้วย