Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Bond007 ที่ เมษายน 20, 2016, 22:14:21
-
มีโอกาสได้ลองขับ Civic 1.5 RS มามินิรีวิวครับ
นั่ง 2 คน โซฮอล91เต็มถัง
0-100
0-100 (https://youtu.be/dXRpWlpZMLA)
80-170
https://youtu.be/0KLqvDGWHg8
ขอเทียบคร่าวๆกับ Civic FD 2.0 , Mazda 2 Diesel Sedan , Vw Scirocco 2.0TSI
อัตราเร่ง **ถ้าเติมโซฮอล 95 คิดว่าจะวิ่งดีขึ้นกว่านี้**
Vs Civic FD 2.0 ดึงดีกว่าขึ้นเร็วกว่า ที่สังเกตชัดคือ ช่วงความเร็วกลาง-ปลาย เพราะไหลดีกว่าตัวเลขโดดกว่าเรื่อยๆจนถึง 170กว่า (ลองกดแค่นั้น) ความแรงน่าจะอยู่ระหว่าง Civic FD2.0 กับ Civic Type R K20A (แอบไล่จี้ Type R)
Vs Mazda 2 Diesel Sedan เจอ 1.5 Turbo เหมือนกันแต่ 2 มาในเครื่องดีเซลตัวถังเบา Civic RSมาในเครื่องเบนซินหนักกว่า100กว่าโล ผลคือ ความรู้สึกดึง 2 Diesel ช่วงต้นดึงกว่า แต่วิ่งจริง Civic RS แซง แนวเบนซินโบ+CVT คือ รอบกลางไหล-ปลายมีดีดความแรงให้รู้สึกได้
Vs Scirocco2.0TSI อาจจะไม่เหมาะที่จะมาเทียบแต่เอาเป็นว่าเป็น Civic โรงงานที่ทำความแรงเข้าใกล้ 2.0 Turbo ยุโรปมากขึ้นพอสมควร
สรุป ตามลำดับมากไปน้อย Scirocco > Civic RS > Civic FD2.0 > Mazda 2 Diesel
ช่วงล่าง
ถือว่าดีขึ้น เทียบกับ Civic รุ่นพี่อย่าง FD เพราะด้วยโดนกดให้แบนลงและแผ่ออกมากขึ้น รู้สึกแน่นขึ้น
เทียบกับ Mazda 2 Diesel อันนี้แน่นอน Civic RS รู้สึกแน่นๆกว่ามั่นใจกว่าด้วยคนละ Segment
ส่วน Scirocco ไม่ขอเทียบเพราะน่าจะรู้กันอยู่
เก็บเสียง
มีโอกาสได้ลองสั้นๆ ทำความเร็วไม่เยอะ แต่เท่าที่สังเกต ช่วงประมาณ 80-100 ถือว่าโอกาสครับ คิดว่าดีกว่า Civic FD
ดีกว่า Mazda 2 Diesel นิดๆ
ฝากไว้ประมาณนี้
ปล.ทั้งหมดคือความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น
ขอบคุณครับ
-
ยังอยู่ในเกียร์ D ครับ ถ้าใช้ เกียร์ S อาจจะดีกว่านี้ ของอเมริกาทำเวลาในเกียร์ L ได้ดีสุด แต่ของเราไม่มี
-
ขอบคุณครับ :)
-
เผื่อคนขี้เกียจดู จับเวลาจาก player ของ youtube เริ่มเหยียบเกือบๆวิที่ 1 น่าจะประมาณวิที่ 0.7-0.8
และตอนหน้าปัด 99 ตอนประมาณวิที่ 9-9.1
เข็มน่าจะเพี้ยนประมาณ 5% คำนวณกันเอง ::)
-
ผมลองจับเวลาดูคร่าวๆได้ 8.54 ??? ครับ ถ้าโซฮอล์ 95 น่าจะเร็วกว่านี้
-
เห็นหลายๆคนบอกว่าเติมโซฮอล์95 น่าจะแรงกว่า ขอถามนิดนึงว่าเป็นเพราะอะไรหรอครับ :(
ส่วนตัวผมเข้าใจว่าความแรงมันน่าจะดูจากค่าความร้อน ไม่ใช่ค่าออกเทน :-\
อีกทั้งเหมือนเคยได้ยินว่า E20 ค่าออกเทนเกิน 95 อีก แสดงว่าเติม E20 ก็น่าจะได้ตัวเลขดีที่สุดป่ะครับ :-X
-
เท่าที่ดู เหมือนจะ 8 ปลายๆหรือ 9 ต้นๆนะครับ เร็วดี
-
จากคลิปผมจับ 0-100 ได้ประมาณ 8.2, 80-120 ได้ประมาณ 6.4
แต่ตัวเลขนี้มันจากหน้าจอ ไม่ได้จับตั้งแต่เริ่มกดคันเร่ง ไม่รู้ว่าหน่วงขนาดไหน
อยากเห็นตัวเลขจากคุณจิมมี่ไวๆ แต่ที่อยากเห็นที่สุดคือ focus 1.5 ecoboost
-
เห็นหลายๆคนบอกว่าเติมโซฮอล์95 น่าจะแรงกว่า ขอถามนิดนึงว่าเป็นเพราะอะไรหรอครับ :(
ส่วนตัวผมเข้าใจว่าความแรงมันน่าจะดูจากค่าความร้อน ไม่ใช่ค่าออกเทน :-\
อีกทั้งเหมือนเคยได้ยินว่า E20 ค่าออกเทนเกิน 95 อีก แสดงว่าเติม E20 ก็น่าจะได้ตัวเลขดีที่สุดป่ะครับ :-X
ไม่ใช่ครับ ต้องดูที่องศาจุดระเบิดของรถรุ่นนั้นๆ (B.T.D.C) สัมพ้นธ์กับค่าอ็อกเทนใด ในกรณีนี้ผมเดานะครับ เครื่องรุ่นนี้น่าจะมีค่า BTDC อยู่ที่ 9 องศา
-
คิดว่าถ้าเติมโซฮอล95, E20 น่าจะแรงกว่านี้อีกนิดหน่อย
เทียบกับ Focus 1.5 Turbo คิดว่า Focus น่าจะแรงกว่าหน่อย
ดูจากที่รองรับ E85 ได้น่าจะจูนมาเน้นแรงพอสมควร
เดาว่า Civic RS รองรับแค่ E20 เพราะถ้ารองรับ E85 ด้วยคงต้องจูนหนากว่าเดิม
ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองคนที่เติม E85 น่าจะแย่จนโดนด่า
ปล.ความเห็นส่วนตัว
-
เห็นหลายๆคนบอกว่าเติมโซฮอล์95 น่าจะแรงกว่า ขอถามนิดนึงว่าเป็นเพราะอะไรหรอครับ :(
ส่วนตัวผมเข้าใจว่าความแรงมันน่าจะดูจากค่าความร้อน ไม่ใช่ค่าออกเทน :-\
อีกทั้งเหมือนเคยได้ยินว่า E20 ค่าออกเทนเกิน 95 อีก แสดงว่าเติม E20 ก็น่าจะได้ตัวเลขดีที่สุดป่ะครับ :-X
ไม่ใช่ครับ ต้องดูที่องศาจุดระเบิดของรถรุ่นนั้นๆ (B.T.D.C) สัมพ้นธ์กับค่าอ็อกเทนใด ในกรณีนี้ผมเดานะครับ เครื่องรุ่นนี้น่าจะมีค่า BTDC อยู่ที่ 9 องศา
ในบอร์ด civicx บอกว่า น้ำมัน high octane ทำแรงม้าได้แยอะสุด ทีนี้ผมไม่แน่ใจว่าเจ้า high octane คือน้ำมันเท่าไหร่
และจากการได้พูดคุยกับโปรดักส์ของรุ่นนี้ในงานมอเตอร์โชว์ ผมถามว่าทำไมบูสส์และแรงม้าในตัวบ้านเราถึงไม่เท่าอเมริกา เค้าตอบว่าเป็นการจูนให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมตามประเทศนั้นๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจูนไว้เหมาะกับน้ำมันไหนที่สุด
ถ้าตามทฤษฏี(ไม่ใช่ทางปฏิบัติ) น้ำมัน e20 ทำ octane ได้ถึง 98 และ e85 ได้ถึง 105 แต่ทั้งนี้ไม่แน่ใจว่าของไทยจูน ecu ไว้เหมาะกับน้ำมันตัวไหน
ยกตัวอย่าง WRX STI ที่พี่แพนเคยลอง e20 โรงงานจูนมาหนาเกินไป ม้าสู้เบนซิน 95 ไม่ได้ แต่ถ้าจับเกลี่ยแมปจะสามารถนำแรงม้าได้แยอะสุดใน e20
-
อยากให้ฮอนด้าทำความเร็วดิจิตอลให้มันสมูทๆได้แล้ว
แบบ Volvo เงี่ย หน่วงมาตั้งแต่ FD แล้วหนา ;D
-
คิดว่าถ้าเติมโซฮอล95, E20 น่าจะแรงกว่านี้อีกนิดหน่อย
เทียบกับ Focus 1.5 Turbo คิดว่า Focus น่าจะแรงกว่าหน่อย
ดูจากที่รองรับ E85 ได้น่าจะจูนมาเน้นแรงพอสมควร
เดาว่า Civic RS รองรับแค่ E20 เพราะถ้ารองรับ E85 ด้วยคงต้องจูนหนากว่าเดิม
ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองคนที่เติม E85 น่าจะแย่จนโดนด่า
ปล.ความเห็นส่วนตัว
ตามที่ผมเข้าใจ รถแรงอัดแยอะ ยิ่งใช้ octane สูงยิ่งดี
ที่นี้มาดูสเปคเครื่อง eco boost มีกำลังอัด 10.1 และ Vtec turbo กำลังอัด 10.6 (ผมเรียกชื่อตามฮอนด้าไม่ต้องมาเถียงว่าไม่มี vtec นะครับ)
แถมให้อีกนิด mazda 3มีถึง 14 แต่คนใช้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า e85 อืดสุด
เทียบฟอร์ดกับฮอนด้า ถือว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่ ทีนี้อยู่ที่กึ๋นของวิศวกรของแต่ละค่ายว่าใครจูนอะไรได้แค่ไหน
แถมอีกเช่นเคย ได้ยินพี่แพนพูดว่าวิศวกรโตโยต้าเก่งมาก ถึงขั้นคนเอา 1nz ไปรีแฟรช ม้าแทบไม่ขยับ แปลว่าเค้นแรงเครื่องได้เกือบสุด โดยยังผ่านมารตฐานโรงงานได้
จริงๆนั่งเถียงไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาจนกว่าฟอร์ดจะส่งมอบรถมาและทดสอบ ผมลองขับฟอร์ดในงานมอเตอร์โชว์รอบนึงก็ยังบอกอะไรเกี่ยวกับอัตตราเร่งมากไม่ได้เหมือนกัน เพราะไม่ได้ลอง RS ในจุดเดียวกัน และจะใช้ความรู้สึกตัดสินก็ไม่ได้เพราะเกียร์คนละประเภท
-
ในบอร์ด civicx บอกว่า น้ำมัน high octane ทำแรงม้าได้แยอะสุด ทีนี้ผมไม่แน่ใจว่าเจ้า high octane คือน้ำมันเท่าไหร่
และจากการได้พูดคุยกับโปรดักส์ของรุ่นนี้ในงานมอเตอร์โชว์ ผมถามว่าทำไมบูสส์และแรงม้าในตัวบ้านเราถึงไม่เท่าอเมริกา เค้าตอบว่าเป็นการจูนให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมตามประเทศนั้นๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจูนไว้เหมาะกับน้ำมันไหนที่สุด
ถ้าตามทฤษฏี(ไม่ใช่ทางปฏิบัติ) น้ำมัน e20 ทำ octane ได้ถึง 98 และ e85 ได้ถึง 105 แต่ทั้งนี้ไม่แน่ใจว่าของไทยจูน ecu ไว้เหมาะกับน้ำมันตัวไหน
ยกตัวอย่าง WRX STI ที่พี่แพนเคยลอง e20 โรงงานจูนมาหนาเกินไป ม้าสู้เบนซิน 95 ไม่ได้ แต่ถ้าจับเกลี่ยแมปจะสามารถนำแรงม้าได้แยอะสุดใน e20
"สภาพแวดล้อม.." หมายถึง ความแรงและความประหยัดครับ จูนให้แรงสุดคือ E85 แต่ก็ต้องเพิ่มค่า BTDC ไฟยิ่งแก่ยิ่งสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงครับ บ้านเราน้ำมันแพงกว่าที่อเมริกา รายได้ก็ต่ำกว่า ความประหยัดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทางHonda จึงต้องจูนให้แรงแต่ก็ยังประหยัดอยู่ ถ้านำไปจูนต่อโดยไม่สนความประหยัดก็แรงขึ้นได้อีกเยอะครับ
-
อยากให้ฮอนด้าทำความเร็วดิจิตอลให้มันสมูทๆได้แล้ว
แบบ Volvo เงี่ย หน่วงมาตั้งแต่ FD แล้วหนา ;D
เห็นด้วยมากครับ เลขโดดๆแบบนี้ ไม่ทำให้รู้สึกเร็วเลย
ถ้าเลขเปลี่ยนต่อเนื่องแบบเกม need for speed นะ ผมว่าดูแล้วเร็วแรงเร้าใจกว่าเยอะ
-
เห็นหลายๆคนบอกว่าเติมโซฮอล์95 น่าจะแรงกว่า ขอถามนิดนึงว่าเป็นเพราะอะไรหรอครับ :(
ส่วนตัวผมเข้าใจว่าความแรงมันน่าจะดูจากค่าความร้อน ไม่ใช่ค่าออกเทน :-\
อีกทั้งเหมือนเคยได้ยินว่า E20 ค่าออกเทนเกิน 95 อีก แสดงว่าเติม E20 ก็น่าจะได้ตัวเลขดีที่สุดป่ะครับ :-X
คลาดเคลื่อนครับ...หลายท่านให้ความเห็นไปแล้ว ขอเสริมนิดหนึ่ง...
ค่าความร้อน ไม่มีผลต่อความแรง แต่มีผลในเรื่องปริมาณการจ่ายเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้ ซึ่งรถจะปรับเพื่อให้ค่าความร้อนในห้องเผาไหม้เท่ากัน (ในรถที่เติมเชื้อเพลิงได้หลายประเภท)
ความแรง จะมาจากการจุดระเบิดว่าจะจุดได้ก่อนศูนย์ตายบนกี่องศา ถ้าเป็นรถที่ปรับแคมไม่ได้ แต่เติมน้ำมันได้หลายชนิด(มัลติ) จะมีประเภทเดียวที่ประหยัดและแรงที่สุด และมีบางเชื่อเพลิงห่วยที่สุด...อยู่ที่เซ็ทมาจากโรงงาน
ถ้าหากรถคันนั้นปรับแคมได้ด้วยตัวมันเอง น้ำมัน อี 85 จะแรงสุด ...
-
ท่าทางจะแรงไม่เบานะครับเนี่ย
แอบงงเกียร์นิดนึงในคลิป 2 ช่วงความเร็วเกือบ 160 อยู่ๆ รอบดีดไปแล้วตัดกลับมาใหม่ ไม่แน่ใจว่ามันต้องการอะไร
-
เห็นหลายๆคนบอกว่าเติมโซฮอล์95 น่าจะแรงกว่า ขอถามนิดนึงว่าเป็นเพราะอะไรหรอครับ :(
ส่วนตัวผมเข้าใจว่าความแรงมันน่าจะดูจากค่าความร้อน ไม่ใช่ค่าออกเทน :-\
อีกทั้งเหมือนเคยได้ยินว่า E20 ค่าออกเทนเกิน 95 อีก แสดงว่าเติม E20 ก็น่าจะได้ตัวเลขดีที่สุดป่ะครับ :-X
ไม่ใช่ครับ ต้องดูที่องศาจุดระเบิดของรถรุ่นนั้นๆ (B.T.D.C) สัมพ้นธ์กับค่าอ็อกเทนใด ในกรณีนี้ผมเดานะครับ เครื่องรุ่นนี้น่าจะมีค่า BTDC อยู่ที่ 9 องศา
องศา จุดระเบิด ในรถ ไม่คงที่ครับ
เปลี่ยนไปตาม Load และ RPM
แถมยังมี ค่า AFR ที่เปลี่ยนแปลงไป เหมือนกัน รถไม่ได้วิ่ง 14.7 ตลอดนะครับ
ก็ต้องมาดูว่า น้ำมันไหน จุดระเบิดด้วยพลังงานที่มากกว่า ระเบิดได้เหมาะสมและแรงที่สุด ก็คือ การลองของจริงดีกว่า
ในรถ จุดระเบิด ก็ต้องใช้เวลาให้ระเบิดสูงสุดอีก เยอะมากมาย
-
สอบถามหน่อยครับ ว่า มีศูนย์ ไหนที่มีรถทดสอบตัว Civic 1.5 RS แล้วบ้างครับ
โทรไปสอบถามเห็นว่ายังไม่มากันเลย
ขอบคุณครับ
-
ท่าทางจะแรงไม่เบานะครับเนี่ย
แอบงงเกียร์นิดนึงในคลิป 2 ช่วงความเร็วเกือบ 160 อยู่ๆ รอบดีดไปแล้วตัดกลับมาใหม่ ไม่แน่ใจว่ามันต้องการอะไร
คลิป 2 มีจังหวะถอนคันเร่งออกมาทีนึงแล้วกดจมซ้ำไปครับ (ตามสภาวะถนน)
-
น่าสนใจครับ
-
ตามที่ผมเข้าใจ รถแรงอัดแยอะ ยิ่งใช้ octane สูงยิ่งดี
ที่นี้มาดูสเปคเครื่อง eco boost มีกำลังอัด 10.1 และ Vtec turbo กำลังอัด 10.6 (ผมเรียกชื่อตามฮอนด้าไม่ต้องมาเถียงว่าไม่มี vtec นะครับ)
แถมให้อีกนิด mazda 3มีถึง 14 แต่คนใช้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า e85 อืดสุด
เทียบฟอร์ดกับฮอนด้า ถือว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่ ทีนี้อยู่ที่กึ๋นของวิศวกรของแต่ละค่ายว่าใครจูนอะไรได้แค่ไหน
แถมอีกเช่นเคย ได้ยินพี่แพนพูดว่าวิศวกรโตโยต้าเก่งมาก ถึงขั้นคนเอา 1nz ไปรีแฟรช ม้าแทบไม่ขยับ แปลว่าเค้นแรงเครื่องได้เกือบสุด โดยยังผ่านมารตฐานโรงงานได้
จริงๆนั่งเถียงไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาจนกว่าฟอร์ดจะส่งมอบรถมาและทดสอบ ผมลองขับฟอร์ดในงานมอเตอร์โชว์รอบนึงก็ยังบอกอะไรเกี่ยวกับอัตตราเร่งมากไม่ได้เหมือนกัน เพราะไม่ได้ลอง RS ในจุดเดียวกัน และจะใช้ความรู้สึกตัดสินก็ไม่ได้เพราะเกียร์คนละประเภท
ค่ายรถหลักๆจะเซตมาให้เต็มน้ำมันหลายแบบ
ถ้าเอาไปรีแฟลชให้เข้ากับน้ำมันแต่ละชนิดแยกไป(เช่น E85,E20) ก็จะแรงขึ้นไปอีก
ยิ่งมายุครถเทอร์โบยิ่งขุนม้าได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ
พวก NA ขุนยาก ยิ่งเครื่องเล็กต้องทำเยอะ
อย่าง Jazz,City,Vios ถ้าทำกรอง ท่อ รีแฟลช(หรือพ่วงกล่อง) ม้าขยันจากเดิมไม่เยอะ(ประมาณ 10ตัวที่ล้อ +-)
พอเจอ Mazda 2 ดีเซล 1.5 Turbo รีแฟลชอย่างเดียว ม้ากระโดดทีนึงขึ้น 30ตัวที่ล้อ +-
เหลือแค่รอแต่ละสำนักเข้ารหัส ECU ทำความเข้าใจสักพัก(อาจจะปีนึงหรือมากกว่านั้น)
รอดูกันยาวๆเลยครับ :)
-
เร็วอยู่ครับ
-
ตามที่ผมเข้าใจ รถแรงอัดแยอะ ยิ่งใช้ octane สูงยิ่งดี
ที่นี้มาดูสเปคเครื่อง eco boost มีกำลังอัด 10.1 และ Vtec turbo กำลังอัด 10.6 (ผมเรียกชื่อตามฮอนด้าไม่ต้องมาเถียงว่าไม่มี vtec นะครับ)
แถมให้อีกนิด mazda 3มีถึง 14 แต่คนใช้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า e85 อืดสุด
เทียบฟอร์ดกับฮอนด้า ถือว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่ ทีนี้อยู่ที่กึ๋นของวิศวกรของแต่ละค่ายว่าใครจูนอะไรได้แค่ไหน
แถมอีกเช่นเคย ได้ยินพี่แพนพูดว่าวิศวกรโตโยต้าเก่งมาก ถึงขั้นคนเอา 1nz ไปรีแฟรช ม้าแทบไม่ขยับ แปลว่าเค้นแรงเครื่องได้เกือบสุด โดยยังผ่านมารตฐานโรงงานได้
จริงๆนั่งเถียงไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาจนกว่าฟอร์ดจะส่งมอบรถมาและทดสอบ ผมลองขับฟอร์ดในงานมอเตอร์โชว์รอบนึงก็ยังบอกอะไรเกี่ยวกับอัตตราเร่งมากไม่ได้เหมือนกัน เพราะไม่ได้ลอง RS ในจุดเดียวกัน และจะใช้ความรู้สึกตัดสินก็ไม่ได้เพราะเกียร์คนละประเภท
ค่ายรถหลักๆจะเซตมาให้เต็มน้ำมันหลายแบบ
ถ้าเอาไปรีแฟลชให้เข้ากับน้ำมันแต่ละชนิดแยกไป(เช่น E85,E20) ก็จะแรงขึ้นไปอีก
ยิ่งมายุครถเทอร์โบยิ่งขุนม้าได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ
พวก NA ขุนยาก ยิ่งเครื่องเล็กต้องทำเยอะ
อย่าง Jazz,City,Vios ถ้าทำกรอง ท่อ รีแฟลช(หรือพ่วงกล่อง) ม้าขยันจากเดิมไม่เยอะ(ประมาณ 10ตัวที่ล้อ +-)
พอเจอ Mazda 2 ดีเซล 1.5 Turbo รีแฟลชอย่างเดียว ม้ากระโดดทีนึงขึ้น 30ตัวที่ล้อ +-
เหลือแค่รอแต่ละสำนักเข้ารหัส ECU ทำความเข้าใจสักพัก(อาจจะปีนึงหรือมากกว่านั้น)
รอดูกันยาวๆเลยครับ :)
รอ ตปท ทำ Software Re-MAP ขายครับ
ทุกๆ สำนักในไทย รอ มืออาชีพ ทางมองนอก เอามาปลายก่อน
ของพวกนี้ ถ้ากำเงินในมือ สัก 10000 ถึง 20000 ค่าเครื่องมือ บวกความรู้เครื่องยนต์ก็ทำได้แล้ว
หลักการง่าย อากาศ+น้ำมัน = แรงระเบิด
รถ NA = อากาศ เข้าได้แค่ กำลังดูด ปรับได้แค่ น้ำมัน และ ไฟ เต็มที่ก็ Valve Variable
รถ Turbo สามารถ เพิ่มบูส เพิ่มอากาส ได้มหาศาลเท่าที่เครื่องจะไหว
-
อีก1key หลักที่จะทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้น คือใช้ออลดอฮิแทนน้ำมันครับ
-
เป็นรถที่อยากลองมากตอนนี้
-
overrated civic
-
ยังไม่มีโอกาสได้ไปลองลูบๆคลำๆเลย new civic
-
กะแล้วต้องประมาณ9วินิดๆ
ขอบคุณครับ
-
ไปลองมาเเล้วเหมือนกันครับ ที่ศูนย์ฮอนด้า จ.ร้อยเอ็ด
จากความรู้สึกส่วนตัว นะครับ (ส่วนตัวไม่ค่อยได้ขับCVT เลย)
ลองทั้ง D และ S และ Eco(ใบไม้) ทั้งPaddle ,ไม่Paddle เเต่ไม่ได้เหยียบจมมิดนะครับ
รอบเครื่องสูงสูดที่ใช้เเค่ 5500-6000 ความเร็วที่เหยียบ ก็เกือบ170km/hr เเป๊บบบบบเดียวครับ
เทียบกับรถที่เคยเทส (Accord Hybrid) แล้ว ฟิลลิ่งคล้ายๆกันครับแต่ซิวิคดึงกว่านิดนึง และรู้สึกว่าเลขไมล์ความเร็วก็ขึ้นเร็วกว่านิดดดดดนึงครับ
ส่วนตัวประทับใจ(เกินความคาดหวัง)กับ อัตราเร่งAccord Hybrid
ส่วนCivic ก็ประทับใจครับ(เเต่น้อยกว่าความคาดหวังนิดนึงครับ)
เทียบกับรถที่ขับอยู่(Fabia RS ซีซี เเรงม้าใกล้กัน มีระบบอัดอากาศเหมือนกัน)
ผมว่า Civic มันดึงน้อยกว่าครับ และผมคงไม่คุ้นกับCVT ด้วยครับ
ขอบคุณครับ