Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: sengausa ที่ พฤษภาคม 06, 2016, 15:06:23
-
ตอนนี้ผมกำลังมีโครงการที่จะซื้อรถ แต่ก็ซื้อด้วยเงินผ่อน เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ( ธรรมดาจริงๆ ) ยอมเป็นหนี้ก้อนโต เพราะคิดว่ามันน่าจะถึงเวลาแล้ว
แต่ !!! ผมเริ่มกังวลกับอนาคตแล้ว แอบเสียดายกับเงินในบัญชีธนาคารที่เก็บมากำลังจะหมดไปกับการดาวว์รถ
คิดถึงอนาคตที่จะต้องมีภาระ ค่าผ่อน ค่าน้ำมัน ค่าอื่นๆๆๆๆๆๆ อีก 5 - 6 ปี เงินเดือนที่ได้มาจะหมดไปกับรถเกือบทั้งหมด
ผมอยากถามทุกท่านว่า มนุษย์เงินเดือนธรรมดาแบบท่าน กังวลแบบผมบ้างไหมครับ หรือผมคิดมากไปเอง
-
ไม่ต้องคิดมาก ถ้ารถมันจำเป็น
ใช้รถหาเงิน ใช้รถเสริมศักยภาพ อย่าออกรถมาเเค่จอดเสริมบารมีก็พอแล้ว
-
ขอเล่าถึงความคิดส่วนตัวนะครับ...
ผมอายุ 30 ต้นๆ แต่เชื่อไหมว่าผมเริ่มขับรถตอน 25-26 นี้เอง ....
สามปีก่อนซื่อที่ปลูกบ้านไว้ที่ต่างจังหวัด ส่วนรถป้ายแดงคันแรกในชีวิตพึ่งซื้อเมื่อกลางปีที่แล้ว (ที่ผ่านมาซื้อมือสองมาตลอด) ทำให้ตอนนี้มีหนี้หลักๆคือบ้าน กับรถ
รายได้ผมจากงานประจำรวมกับงานพิเศษที่ทำอยู่ 1/2เป็นค่าส่งบ้านกับรถ(รวมเติมน้ำมันและซ่อมบำรุง) ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไป มีเหลือนิดหน่อยก็เป็นเงินเก็บ
ด้วยความที่ผมอาศัยอยู่กับที่บ้านเป็นส่วนใหญ่และไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือย และไม่ได้เป็นหนี้บัตรเครดิตหรือผ่อนของอย่างอื่นทำให้รายจ่ายแต่ละเดือนคงที่ จะมีกังวลบ้างก็แค่ต้องพยายามหาเงินเลี้ยงตัวในแต่ละเดือน ตามที่ตั้งเป้าไว้ให้ได้
ถ้าไปเล่าในบอร์ดชื่อดัง คนมีแต่คนรุมด่าว่าใช้ของเกินตัว จะเป็นหนี้หัวโต ไปไม่รอด เกิดเจ็บป่วยขึ้นมาจะทำยังไง ไม่มีอนาคต บลาๆๆ ฯลฯ ...... แต่ผมก็ใช้ชีวิตแบบสบายๆมาได้ตั้ง 4-5 ปีตั้งแต่ที่เริ่มผ่อนมาแล้ว มีรถขับสบายๆอยากไปเที่ยวไหนก็ไป บางทีก็ไปพักสูดอากาศที่บ้านต่างจังหวัดบ้าง
ตรงกันข้าม ผมกับรู้สึกว่ารับได้กับการเป็นหนี้เรื่องบ้านเรื่องรถ ผ่อนไปเรื่อยๆสักวันมันก็ต้องหมด แต่ต้องมีวินัยกับตัวเองนะว่าจะพอแค่นี้ เท่าที่รายได้เอื้ออำนวย
บ้าน.......มีแต่จะราคาขึ้นไปเรื่อยๆถ้าไม่ซื้อวันนี้ วันหน้ามันอาจจะแพงกว่านี้เป็น 2 เท่า 3 เท่า ใครจะไปรู้
รถ.....ซื้อแล้วได้ใช้ ขับไปทำงาน ขับไปเที่ยว ขับไปสังสรรค์บ้านเพื่อน แค่นี้ผมว่าคุ้มแล้ว
-
ตอบคำถามแรกก่อนเลยครับ ว่า จำเป็นหรือไม่ ถ้าจำเป็น คำถามที่สองคือ ไหวหรือเปล่า
คำว่าจำเป็น กับ ไหว แต่ละคนต่างกัน ถ้าตอบตัวเองได้ แบบ ไม่ได้เอาความอยากนำหน้า ก็ลุยเลยครับ
สำหรับผม ไม่เครียดมากครับ หนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว เพียงแต่ต้องประเมิณตัวเองด้วยว่า หากตกงาน ต้องอยู่โดยไม่มีรายได้ได้อย่างตำ 6 เดือน
โชคดีครับ
-
สมัยก่อนรถยนต์ไม่ใช่ออกกันง่ายๆเหมือนสมัยนี้ เราก็ไม่เห็นเดือดร้อน ขึ้นรถเมย์ รถไฟ กันไป, มันเเป็นเรื่องของวัตถุนิยม
แต่ถ้าไม่เดือดร้อนก็ถือเป็นรางวัลชีวิต
-
รถนี่พออายุมากขึ้นความอยากจะค่อยๆหมดไปนะครับ สวนทางกับรายได้ ส่วนใหญ่พออายุมากขึ้นรายได้จะมากขึ้นตาม (ก่อนเกษียณ)
แบบว่าตอนอยากละไม่มีเงิน
พอมีเงินดันไม่อยากซะล่ะ 5555
-
ถ้าอาชีพที่ต้องใช้รถหาเงินผมสนับสนุนครับ ถ้าไม่ได้เอารถมาในการใช้ทำงานผมว่าอย่าเพิ่งเสี่ยงครับ
-
ผมไม่รู้ว่าคำว่าธรรมดาของคุณคือประมาณไหนครับ ถ้าซัก 5หมื่นต่อเดือน ซื้อรถ B-seg ซักคันคงไม่เกินแรงและไม่ต้องกังวลอะไร แต่ถ้าคุณเงินเดือน 9000 แล้วต้องซื้อรถที่ผ่อนเดือนละ 6000 แบบนี้เครียดแล้วครับ และคิดว่าอย่าซื้อดีกว่า
ยังไงให้ดูที่รายได้เป็นหลักครับ ถ้าคุณติดขัดเรื่องเงินจริงๆ วิออสไม่ก็ยาริสมือสองน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับคุณ หรือถ้างบน้อยจริงๆ Mirage ก็โอเค
-
ผมเคยคำนวณกับเพื่อนๆหลายๆคน ไม่ได้มีหลักการอะไรมากครับ ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็จำเป็นต้องผ่อน
ปัญหาคือ รถมันแพงขึ้นทุกวันๆ และ รุ่นที่อยากได้มันเกินตัวไปรึเปล่า ?
ไมเนอร์บวกหลายพัน ปรับโฉมบวกหลายหมื่น
น้ำมันก็แพง ค่าแรงก็ขึ้น
กระบะจากครึ่งล้าน กลายเป็นล้านเกือบครึ่ง
มือสองก็ดอกเบี้ยโหด เพราะธนาคารเป็นว่าเราจำเป็นต้องใช้รถ
อ้อ อีกอย่างนึงครับ
สมัยก่อน ครอบครัวนึง มีรถคันเดียว พ่อ แม่ ทำงาน ช่วยกันผ่อนส่ง เลยไม่หนัก
สมัยนี้ พอเรียนจบปุ๊บ ทำงานปั๊บ ซื้อรถ ผ่อนคนเดียว
มันเลยยิ่งดูยุ่งเหยิงไปกันใหญ่ครับ
-
ถ้าจำเป็น ก็ต้องซื้อครับ อยากได้ก็ต้องซื้อเหมือนกัน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าผ่อนไหวรึป่าว และถ้าจะซื้อมาใช้งานและมีคันเดียวเลย ผมก็คงเลือกเจ้าตลาดตัวโตครับ แต่ถ้ามีรถหลายคันแล้วก็ขอตามใจตัวเองแล้วกันครับ
-
ขนาดกะว่าไม่เกินตัว พอเริ่มผ่อนจริงๆ รู้สึกจนลงเยอะเลยครับ :'( :'( :'(
-
เอาคันที่เราผ่อนได้ใน 4 ปีครับ
นานกว่านั้นผมว่าเหนื่อย
-
กังวลไหม ?
ไม่กังวล ครับ
ก่อนจะซื้อ ก่อนจะผ่อน อะไรสักอย่าง ผมคำนวณแล้ว ผมคิดแล้วว่า ผ่อนแล้ว มีแล้ว ผมต้องไม่ลำบากไปกว่าเดิม มันต้องไม่มาเป็นภาระผมครับ รวมถึง นิสัยผมนะ จะซื้ออะไรสักอย่าง มันต้องเป็นของดี ของที่เลือกแล้ว ถ้าเอาของแค่พอใช้ ของที่ไม่ถูกใจ ผมยอมไม่ซื้อ ยอมรอ รอเวลาที่มีเงินมากกว่านี้ แล้วซื้อของดี ทีเดียวครับ
ผมมีรถยนต์ ก่อน มีบ้าน
ขัดหลักของหลายๆคน แถมเปลี่ยนรถมาถึง 2 คัน ราคาก็ไม่ถูก โดนบ่น โดนด่า สารพัด หาว่า โง่ ใช้เงินไม่เป็น ... แต่ผมมีเหตุผล มีวิธีของผมนะ
ผมผ่อนรถคันละล้าน แค่เดือนละหมื่นเดียว แต่ดาวน์ระดับ 50% ครับ ซึ่งแน่นอนว่า อนาคตเกิดอะไรขึ้นมา หรือ มีอะไรฉุกเฉิน ผมก็ยังสามารถผ่อนรถคันนี้ต่อได้อีกอย่างน้อย 1 ปี (สมมติว่า ตกงาน) หรือ ถ้าต้องขาย ผมก็ขายได้เลย โดยที่ยังเหลือเงินติดมือมาบ้าง ตั้งแต่งวดแรกที่ผ่อน
พอผ่อนมาได้สักพัก ย้ายงาน อัพเงินเเดือน การเงินเริ่มคล่อง เริ่มคงที่ ผมก็ทำแผน เคลียร์หนี้ จาก 72 งวด ผมเคลียร์จบภายในงวดที่ 53 ครับ อาจจะดูไม่ฉลาดที่เอาเงินก้อนมาโปะรถ ที่ลดดอกแค่ 3 พันกว่าบาท แต่ผมมนุษย์เงินเดือน ไม่ได้ลงทุนที่ไหน ดอกเบี้ยเงินฝากก็ต่ำ แถมนิสัยผมใช้เงินเก่ง เก็บเงินก้อนไว้ เดี๋ยวก็ฟุ่มเฟือยอย่างอื่นหมด เอามาปิดรถดีกว่า
เห็นเงินในบัญชีเหลือน้อยๆ เดี๋ยวก็กระตุ้นความอยาก ให้เก็บใหม่เอง
................
จากรถ ผมก็ซื้อบ้าน แน่ล่ะ ผมไม่ซื้อทาวโฮม ผมซื้อทั้งที ผมก็ซื้อบ้านเดี่ยว ในโครงการที่ค่อนข้างดี (สำหรับ ตจว.) ราคาสูง แต่ผมวางแผนมาตอนออกรถแล้ว ดังนั้น ผมมีเงินเหลือผ่อนบ้านได้สบายๆ โดยไม่เดือดร้อนครับ
นี่รอแค่เอกสารโอนรถจากไฟแนนซ์ก็จบละ ... เดี๋ยวขอฟุ่มเฟือย ซื้อของที่อยากได้ (จัดล้อกับโช้ค ไป แสนสามละ 55+) กับ ไปเที่ยวสัก 3 - 4 ทริปก่อน ... ปลายปี ค่อยวางแผนปิดบ้านต่อ แต่คงเป็นแผนยาว จากผ่อน 30 ปี กะเอาให้จบภายใน 5 - 6 ปีนี่แหละ
ไม่รู้ดิ ... ผมวางแผนพวกนี้แล้วไม่เคยพลาด ผมทำได้อ่ะ
-
ผมเงินเดือน 13,000 - 14,000 เองครับ ( อย่าพึ่งว่ากันนะครับ ว่าเกินตัว ค่าโน้น ค่านี่ ..... ยิ่งกำลังคิดมาก 5555 )
คิดว่าจะ ดาวว์ Isuzu D'max 1.9 AT Cab ให้เหลือผ่อนประมาณไม่เกิน 8,000 บาท ( ใจจริงอยากได้ 4 ประตูครับ แต่แพงเหลือเกิน สู้ไม่ไหวครับ )
อยากได้ประสบการณ์จากทุกท่านว่า ให้กำลังใจตัวเองยังไงไม่ให้คิดมาก หรือ วางแผนเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินอย่างไรครับ
-
เคยเครียดมากครับ
แต่หลังจากประสบอุบัติเหตุที่ผมเป็นคนนั่ง ที่ต่างประเทศ
หลับไป 2 ชั่วโมง ตื่นมางงๆ ซี่โครงหัก แต่โชคดีที่ไม่ตาย
หลังจากนั้น สิ่งที่กังวลเรื่องภาระต่างๆ กลับน้อยลง เราขยันทำมาหากิน ใช้ชีวิตให้มีความสุข ตัดสิ่งไม่จำเป็นออก คิดไปคิดมา หนี้ 5 ล้าน+ค่าเรียนลูก 2 คนปีละ 140,000 บ. มันเบาลง มีทางออกแล้ว แค่ไม่ซื้อของใหญ่ๆ เพิ่มที่ไม่ใช่ทรัพย์สินแต่เป็นหนี้สิน เช่น รถ ไม่เกิน 10 ปี ก็เป็นไท
สุดท้ายอยู่กับปัจจุบันไม่สร้างหนีี้เพิ่ม ก็สบายๆแล้วครับ
-
ถ้าเซฟสุดสำหรับผมคือมีเงินสดเท่าราคารถที่จะซื้อหรือมากกว่า เผื่อมีปัญหาเรื่องงาน ปัญหาชีวิต ยังพอมีเงินไว้ใช้ชีวิตและไว้ผ่อนรถระหว่างแก้ปัญหาด้วย
แต่ผมเข้าใจว่าสำหรับมนุษย์เงินเดือนคงยากที่จะเก็บเงินก้อนใหญ่
ถ้าต้องซื้อจริงๆหลังออกรถแล้วควรจะมีเงินเหลือติดตัวไว้ใช้จ่าย + ผ่อนรถอย่างน้อย 6 เดือน ในกรณีตกงาน
เช่น ปกติใช้เงินกินอยู่เดือนละ 10k ค่าผ่อนรถเดือนละ 10k หลังออกรถมาแล้วควรมีเงินเหลือติดตัวอย่างน้อย 120k
แบบนี้ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ แต่ดีกว่าดาวน์จนหมดไม่เหลือเงินติดตัวเลย อย่างน้อยคุณก็มีเวลาแก้ไขปัญหาถึง 6 เดือน ไม่งั้นถ้างานมีปัญหาหรือเจ็บป่วยหนักทีชีวิตคุณเละแน่นอน
-
ตามหลักการแล้วเค้าว่า หนี้สิน ไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ครับ ถึงจะอยู่ได้แบบสบาย ๆ เงินสำรองประมาณ 6 เดือนของค่าใช้จ่าย
แต่ถ้าถามว่าเป็นกังวลมั้ยถ้าเป็นหนี้ ก็ต้องมีกังวลบ้างแน่นอนครับ อนาคตมันไม่แน่นอน
-
ให้ถามตัวเองก่อนว่า รายได้ที่มีงานที่ทำจะยังคงมีอยู่ต่อไปอย่างน้อย10ปีหรือไม่ถ้าตอบว่าไม่ อย่าเสี่ยงดีกว่าทุกข์ตอนนี้เราสร้างเองในใจ ทุกข์หน้าหนักหนากว่านี้เยอะ(ยามที่เป็นหนี้,ตกงาน,ไม่มีจะกิน)
-
จะซื้อ ก็วางแผนล่วงหน้าครับ เวลาพลาดมาจะได้ไม่เจ็บ
ควรมีเงินสำรองไว้ ส่วนหนึ่ง เงินฉุกเฉินนี้ ย้ำ!!!! สำคัญมาก
รถที่ใช่ จะมาในเวลาที่พร้อมครับ
ตอบตัวเองให้ได้ก่อน
-
ผมก็หมดไปกับรถนี่เยอะเลยครับ
สิ่งที่ตามมา ไม่ใช่ แค่เงิน ดาวน์ที่หายไป
แต่มีค่า ดูแลรักษารถตามมาอีก บาน
ตอนนี้แบกรถ สองคัน อีกคันพึ่งจะหมด
เหลือ หนึ่วคัน เริ่มเบื่อ การผ่อนรถแล้ว
ซื้อ ป้ายแดงมา สี่คัน ตอนนี้เริ่ม รู้ตัว แล้ว
ไม่อยากเอาเงินไปใ้หรัฐบาล เท่าไหร่
-
ผมไม่แนะนำให้ซื้อครับ ถ้าไม่คิดมากเค้าเรียกสิ้นคิดครับ คิดมากไม่แปลกเพราะคุณหามาได้เหนื่อยยาก
คำว่าจำเป็นของแต่ละคนแตกต่างกันครับ อีกอย่างตัวเลือกมีเยอะ คุณไปซื้อรถเก่าก่อนไม่ดีกว่าเหรอครับ ถ้าว่าจำเป็น ตัวเลือกมีเยอะ รถสาธารณะก็ประหยัดกว่า
รถยนต์มีค่าใช้จ่ายแฝงเยอะครับ
ส่วนตัวผมมีคนใกล้ชิดพอสมควรที่ไม่มีรถยนต์ แต่แปลกที่ทุกคนเคยคิดจะซื้อรถทั้งนั้น บางคนมาปรึกษาอย่างดี ไปจองเรียบร้อย มานอนคิด2อาทิตย์ ถอนจองเฉยเลย 555 บอกเสียดายเงิน ทุกวันนี้ก็ไม่มีรถอยู่เลย แต่เค้าเอาเงินไปซื้อคอนโดแทน ทุกวันนี้สุขสบายดี ผมยังคิดว่าถ้าตอนนั้นเค้าซื้อรถ วันนี้จะเป็นยังไง
ปล. คนเงินเยอะยังไงก็ได้นะครับ ผมว่าไม่ผิด เพราะจริงๆถ้ามีมันมีกว่าไม่มีแน่ๆ
-
ผมเงินเดือน 13,000 - 14,000 เองครับ ( อย่าพึ่งว่ากันนะครับ ว่าเกินตัว ค่าโน้น ค่านี่ ..... ยิ่งกำลังคิดมาก 5555 )
คิดว่าจะ ดาวว์ Isuzu D'max 1.9 AT Cab ให้เหลือผ่อนประมาณไม่เกิน 8,000 บาท ( ใจจริงอยากได้ 4 ประตูครับ แต่แพงเหลือเกิน สู้ไม่ไหวครับ )
อยากได้ประสบการณ์จากทุกท่านว่า ให้กำลังใจตัวเองยังไงไม่ให้คิดมาก หรือ วางแผนเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินอย่างไรครับ
ถ้าเงินเดือนเท่านี้ไม่แนะนำให้ซื้อครับ อย่างมากซื้อมือสองเถอะครับ ถึงคุณเงินเดือน 2 หมื่น คุณยังไม่ควรซื้อรถที่ต้องผ่อนหนักเท่านี้เลยครับ อีซุสุมือสองทนๆ ใช้นาน อู่นอกอะไหล่เยอะ เอารถอายุซัก 2 ปีก็ได้ถ้าไม่อยากให้มันเก่าเกินไป
ซื้อรถต้องซื้ออย่างสมเหตุสมผลครับ ด้วยฐานเงินเดือนของคุณ คุณควรซื้อรถไว้"ใช้งาน"เป็นหลัก คือขับได้ ขนของได้ ไม่พัง ไม่สูบน้ำมันจนหมดตัว แค่นั้นพอครับ ถ้าซื้อมือหนึ่งนี่มันเป็นการซื้อเพราะอารมณ์ส่วนนึงครับ ถ้าคุณไม่มีครอบครัวคอยซัพพอร์ท ชีวิตคุณจะลำบากขึ้นมากเลยทีเดียว
-
มนุษย์เงินเดือนนี่มีหลายระดับ หลักพัก หลักหมื่น หลักแสน
คิดง่ายๆ ถ้าคุณถึงขั้นกังวล ก็ขอให้ดูว่า "จำเป็น" ไหม? ถ้า "ไม่จำเป็น" ก็อย่าซื้อเลย
เหมือนคุณคิดว่าน่าจะต้องมี เอาอะไรมาวัด ผมว่าพร้อมในระดับของเรา คือจ่ายไหว ลำบากก็พอได้ แต่ต้องไม่ใช่ถึงขึ้นกัลวล
และดูจากรายได้ ผมเห็นเหมือนพี่ๆ ว่าอย่าเพิ่งเลย ซื้อมามีทั้งค่าส่งรถ ค่าน้ำมัน ประกัน ฯลฯ
ถ้า "จำเป็น" ลองดูมือสองไหม ตอนนี้ราคาตก รถเยอะแยะ หาๆ ไปเดี๋ยวก็เจอครับ
ขอให้โชคดีนะ
-
ซื้อเอาไปทำอะไรครับ เอาจริงๆ ผมเองก็เคยมีกิเลส อยากได้รถ อยากมีเป็นของตัวเองบ้าง
ซึ่งเป็นความคิดชั่ววูบ อยากได้อยากโดน แต่ก็ซื้อจนได้ อย่างที่เขาบอก กิเลสย่อมระงับด้วยการซื้อ....เลย
แต่ก็ต้องมานั่งเครียดเพราะรถมาจอดตากฝุ่นอยู่เกือบ 2 เดือน เพราะผมก็เป็น sale. มีรถบจก.ให้ใช้ฟรีอยู่แล้ว ผมว่าถ้าตรึงมือเกินไปหล่อตีนปลายดีกว่า หล่อตีนต้นแต่ปลายแห้งๆครับ
แต่ถ้า จขกท มีแผนจะนำไปใช้เพื่อเพิ่มรายรับ ผมก็เห็นด้วยครับ
ลองพิจารณาดูนะครับ เงินของท่านเองครับ
-
ตอนนี้ผมกำลังมีโครงการที่จะซื้อรถ แต่ก็ซื้อด้วยเงินผ่อน เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ( ธรรมดาจริงๆ ) ยอมเป็นหนี้ก้อนโต เพราะคิดว่ามันน่าจะถึงเวลาแล้ว
แต่ !!! ผมเริ่มกังวลกับอนาคตแล้ว แอบเสียดายกับเงินในบัญชีธนาคารที่เก็บมากำลังจะหมดไปกับการดาวว์รถ
คิดถึงอนาคตที่จะต้องมีภาระ ค่าผ่อน ค่าน้ำมัน ค่าอื่นๆๆๆๆๆๆ อีก 5 - 6 ปี เงินเดือนที่ได้มาจะหมดไปกับรถเกือบทั้งหมด
ผมอยากถามทุกท่านว่า มนุษย์เงินเดือนธรรมดาแบบท่าน กังวลแบบผมบ้างไหมครับ หรือผมคิดมากไปเอง
ถ้าตามนี้จริง อย่าเพิ่งออกรถใหม่เลยครับ ผมนี่มากกว่ากังวลเลยน่ะ
คิดดีๆ ก่อนครับ
-
ขอบคุณมากครับ สำหรับความคิดเห็นของทุกๆ ท่านเลยครับ
เฮ้อ ....... เอายังไงดีน้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ส่วนใหญ่เห็นว่าควรพักโครงการก่อน
-
ถ้าซื้อมาเพื่อหาเงินแนะนำให้ซื้อครับ
-
ถ้าไม่จำเป็น จอดมากกว่าวิ่ง ก็ไม่ควรซื้อครับ
สร้างภาระเพิ่มเปล่าๆ แต่ถ้ารถหาเงินได้ ผมก็ว่าน่าลงทุนครับ
-
ผมยอมรับว่าทฤษฏีผ่อนรถ 30เปอร์เซ็นต์ของรายได้นี่ดีจริง คือซือ้แล้วไม่ลำบาก ไม่เดือดร้อน ซื้อในตอนที่พร้อม แต่ถ้ามันไม่พร้อมซักทีละ ผมเคยเห็นน้าคนนึงอายุ ห้าสิบกว่าละ เค้าก็ยังไม่ได้ซื้อรถซักที ทั้งที่แกก็อยากได้ พอพร้อมอายุเยอะจะเอารถมาทำไมล่ะ ไม่จำเป็นต้องเดินทางบ่อยแล้ว อุตส่าลำบากเก็บเงินมาทั้งชีวิต
รถมือสองล่ะ ดอกเบี้ยก็แสนโหด ผ่อนแต่ดอกเบี้ยะ
ต้องประเมินตัวเองละครับ ว่าไหวรึป่าว จะให้พร้อมบางคนทั้งชีวิตเค้าก็ไม่พร้อมครับ
แต่ถ้ามีแรงผ่อน ยอมลดรายจ่ายส่วนอื่น ยอมลำบากในช่วงที่ผ่อน ถ้ารายจ่ายมันเยอะก็ต้องหาเพิ่มครับ บางทีการที่เราอยู่เรื่อยๆมันก็ไม่มีแรงผลักดันครับ แต่การมีภาระทำให้เราต้องอดทนขึ้น ผ่อนเสร็จก็ได้รถเป็นของตัวเอง แม้มูลค่าจะถูกลงก็ตาม
จขกท ผมสนับสนุนครับ มีเงินเก็บแล้วส่วนนึง ถ้ามันจะทำให้ชีวิตดีขึ้นสะดวกขึ้น แต่ไม่ใช่มีไว้ประดับบารมี ขับอวด หรือเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะนะครับ
เพื่อนแฟนผมเงินเดือนหมื่นต้นๆ ใช้เดือนชนเดือนไม่มีเงินเก็บ อยากได้รถเลยแนะนำมือสองไป ถามว่าอยากได้รถอะไรละ แจ๊สตัวใหม่ ผมเลิกคุยเลย
แต่ก็อย่าลืมนะครับ มีรถ ต้องมีค่าซ่อมบำรุง ค่าเติมน้ำมัน ค่าประกัน รายจ่ายตามมาอีกเยอะ
-
ถ้าบอกว่าเงินเดือนจะหมดไปกับการผ่อนรถ บอกได้เลยอย่าซื้อเด็ดขาด ไม่นั้นโดน
Finance ยึดรถแน่
-
ถ้ามีความจำเป็น ก็ซื้อครับ ถ้าไม่ผมว่ารถเมล์ รถตู้ แท็กซี่ไปก่อน
ผมก็มนุษย์เงินเดือนคนนึง เงินประมาณ 25000 ก็ผ่อนรถเดือนละ9000 ตอนมีรถเป็นภาระกลับเก็บเงินได้เดือนละ10000 ตอนไม่มีภาระ ใช้เงินหมดไปกินเที่ยวตามประสาวัยรุ่นครับ
ถามคิดมากไหม ไม่ครับ ผมเก็บเงินก้อนสำรองไว้พอได้ครับ ทุกอย่างอยู่ที่การวางแผนการเงินอนาคตของเราเลยครับ
-
อย่าไปคิดให้มากมายครับ ต่อให้คุณคำนวณวางแผนมาดีแค่ไหน จุดเสี่ยงในชีวิตมันก็มาเอง ซื้อมาใช้ผ่อนยาว ผ่อนสั้นก็เหมือนกัน ผ่อนยาวก็เหลือเงินมาใช้จ่ายได้มากขึ้นหน่อย ผ่อนสั้นก็จบเร็วไปสบายตอนหลังแค่นั้นแหละ ผมคิดว่า ทุกคนก็น่าจะคิดได้อยู่แล้วจากเงินในมือ ไหวแค่ไหนก็ซื้อแค่นั้น
-
ผมถือคติ ออมก่อนจ่าย
สมัยก่อน ผมหักครึ่งนึงก่อนเลย กันไว้ไม่ให้ตัวเองใช้
เอาไอ้ครึ่งนึงนั่นแหละมาบริหาร ตราสารหนี้ ตราสารทุน หุ้น หรืออะไรก็ว่าไป
พอเริ่มจะผ่อนรถ ก็ลดเงินออม เปลี่ยนเป็นเงินผ่อน แบ่งสัดส่วนใหม่
มันทำให้ผมลงทุนต่อเดือนน้อยลง แต่เรายังมีเงินออมได้บ้าง
ไม่แนะนำให้ผ่อนจนไม่มีเงินออมเลยในแต่ละเดือน
อย่าลืมค่าซ่อม ค่ายาง แบต ประกัน และอื่นๆอีกมากมาย
ซึ่งสัดส่วนเงินออมของคุณทุกๆเดือนนั่นแหละที่จะช่วยแบ่งเบาภาระคุณ
อย่างน้อยๆ บางเดือนไม่ออมเลยก็ได้ แต่เอามาจ่ายไอ้ที่ๆจำเป็นแทน
เดือนไหนไม่มีภาระ ไม่มีเหตุด่วนก็ออมไป เผื่อๆไว้
และอย่าคิดว่า provident fund หรืออะไรก็ตามถือเป็นเงินออมของมนุษย์เงินเดือน
กว่าจะได้ ต้องลาออกนู้น และมันไม่พอ
-
ซื้อไปรึยังครับ แนะนำว่าอย่าเพิ่งซื้อ ไว้รอให้เงินเดือนอย่างน้อยที่สุดเป็น 3ถึง10เท่าของเงินเดือนค่อยผ่อน เช่น ผ่อนรถเดือนละ8,000 ควรมีเงินเดือนอย่างน้อย24,000-80,000 เงินเดือนเยอะกว่าได้แต่ห้ามน้อยกว่า
เว้นแต่ว่ารถคันนั้นมีส่วนให้หน้าที่การงานมั่นคงขึ้น หรือหารายได้ ได้มากขึ้นเพียงพอกับค่าผ่อนค่าน้ำมัน
-วันนี้คุณอาจอยากได้มากๆเพื่อสนองความต้องการ แต่วันนึงที่คุณรู้สึกเสียดายหรือรู้สึกเหนื่อย คุณจะไม่สามารถย้อนเวลากลับได้ จึงต้องคิดให้มากก่อนตัดสินใจ
-
มาคิดดูคร่าวๆ นะครับ รายจ่ายที่ต้องมีแน่นอนต่อเดือน
1. ค่าผ่อน 8,000
2. ค่ากิน 2,000
3. ค่าน้ำมัน 2,000
4. ให้พ่อแม่ 3,000
---------------------
รวม 15,000
เกินเงินเดือนของผมไปประมาณ 1,000 - 1,500 คงต้องหารายได้เสริมครับ
-
ดูความไหวของตัวเองก่อนครับ ถ้าไม่ไหว อย่าเลยครับ วางแผนเรื่องเงินดีๆก่อน
-
มาคิดดูคร่าวๆ นะครับ รายจ่ายที่ต้องมีแน่นอนต่อเดือน
1. ค่าผ่อน 8,000
2. ค่ากิน 2,000
3. ค่าน้ำมัน 2,000
4. ให้พ่อแม่ 3,000
---------------------
รวม 15,000
เกินเงินเดือนของผมไปประมาณ 1,000 - 1,500 คงต้องหารายได้เสริมครับ
STOP ความคิดจะซื้อ เลยครับ ด้วยความหวังดี
รอฐานะทางการเงินดีกว่านี้
ไม่งั้นลองมือสอง ทนมือทนเท้าหน่อยก็ได้ครับ
ถ้า ประหยัดจริงๆ สามารถ ใช้เวลา อีกหนึ่งปีรวบรวมเงิน เป็นเดือนละ 5000*12 = 60000 ไป หามือสอง ราคา 100000-200000 มาลอง
เล่นก่อนครับ
-
มาคิดดูคร่าวๆ นะครับ รายจ่ายที่ต้องมีแน่นอนต่อเดือน
1. ค่าผ่อน 8,000
2. ค่ากิน 2,000
3. ค่าน้ำมัน 2,000
4. ให้พ่อแม่ 3,000
---------------------
รวม 15,000
เกินเงินเดือนของผมไปประมาณ 1,000 - 1,500 คงต้องหารายได้เสริมครับ
ค่าน้ำมัน2,000บาทต่อเดือน หมายความว่า คุณใช้รถเเค่เดือนละ 800-1,000กม ซื่งสำหรับผมมองว่า คุณซื้อมาจอดมากกว่าใช้
ซื้อรถใช้ไม่คุ้ม จะซื้อทำไม?
เงินเดือนเท่าที่คุณบอก ไม่ควรผ่อนรถเกิน 3,500บาทต่อเดือนครับ
-
ผมว่าตึงไปครับ อย่างน้อยรายได้คุณควรมีซัก24,000 บาท นอกจากว่าคุณจะเป็นเซลจำเป็นต้องใช้รถ
อย่างน้อยยังมีค่าเสื่อม ค่าน้ำมันเอามาช่วยผ่อนได้
-
ตอนที่ผมออกรถ ณ ตอนนั้น ผมเองก็คิดมากและกังวลครับ ต้องมั่นใจจริงๆถึงจะจ่าย และซื้อทีก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะใช้ยาวมากๆ 10ปีอย่างน้อยเลย ณ ตอนที่ออกรถวันนั้น เพราะกว่าจะหาเงินซื้อรถได้สักคันใช้เวลานานมาก และต้องการเก็บเงินด้วยครับไม่ใช่หาเท่าไรกลายเป็นค่าใช้จ่ายหมดก็ไม่ไหว
สรุปใช้ไม่ถึง 10 ปีครับ เลิกเป็นมนุษย์เงินเดือนซะก่อน คันที่ว่าใช้มาเกือบ 8 ปี และกำลังจะขายเพื่อออกคันใหม่ละครับ
-
ขอบคุณทุกท่านที่ให้คำแนะนำมากๆ ครับ คิดอะไรได้หลายๆ อย่าง
มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ประมาณ 15,000 บาท โดยส่วนตัวคิดว่าก็น่าจะมีไม่น้อยนะครับที่ตัดสินใจซื้อรถ
และยอมเป็นหนี้ก้อนโตแลกกับความสะดวกสบาย อยากถามท่านว่า ท่านวางแผนการเงินเป็นอย่างไรบ้างครับ ในระหว่างที่ผ่อนรถอยู่
-
เงิน หมื่นห้า ผ่อนรถ แปดพัน ค่ากินค่าน้ำมัน อีก5พัน เป็นอย่างน้อย ใช้เดือนชนเดือน
พอสิ้นปีมา ต้องต่อภาษีและประกันเป็นหมื่น ไหนค่าเปลื่ยนถ่ายน้ำเครื่อง ค่าเปลียนยางเปลี่ยนแบต ไม่มีก็ต้องกู้หนี้ยืมสินมาใช้ เป็นหนี้พอกเข้าไปอีก ไปไม่ไหวก็ต้องปล่อยยึดหรือขายรถ ขายขาดทุนก็เป็นภาระจ่ายส่วนต่าง
-
ถ้ายังกังวล อย่าเพิ่งซื้อครับ แสดงว่า จขกท อาจจะยังไม่พร้อมดี
หรือถ้าจำเป็น ควรจะเลือกรถ คงต้องเน้นราคาไม่สูงมากครับ มีรถ เท่ากับมี คชจ.อื่นๆตามมาอีกหลายเรื่องนะครับ
ถ้าเงินตึงเกินไป เครียดแน่นอนครับ
-
จขกท. ทำงานมากี่ปีครับ เงินเดือน 15,000 แต่มีเงินเก็บ 300,000 + 350,000 (เห็นผ่านๆก่อน edit ไป) ผมมองได้สองอย่างนะ
1. คุณเป็นคนเก็บเงินเก่งมาก มีวินัยดี
2. ถ้ามีรายได้เท่านี้ผมคิดว่าคงใช้เวลาเก็บเงินมาประมาณ 10 ปี บวกลบ แต่ตอนนี้เงินเดือนคุณยัง 15,000 นั่นหมายความว่าหน้าที่การงานคุณมันไม่เติบโตเลยนะครับ
จะทำอะไรพยายามอย่าให้ขาดสภาพคล่องครับ คุณไม่รู้หรอกพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
-
ขอบคุณทุกท่านที่ให้คำแนะนำมากๆ ครับ คิดอะไรได้หลายๆ อย่าง
มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ประมาณ 15,000 บาท โดยส่วนตัวคิดว่าก็น่าจะมีไม่น้อยนะครับที่ตัดสินใจซื้อรถ
และยอมเป็นหนี้ก้อนโตแลกกับความสะดวกสบาย อยากถามท่านว่า ท่านวางแผนการเงินเป็นอย่างไรบ้างครับ ในระหว่างที่ผ่อนรถอยู่
เอาเป็นว่าตอนนั้นผมซื้อรถมือ 2 มาเนื่องจากผมดันมาทำงานที่ต่างจังหวัดแต่ดันนอนอยู่ในกรุงเทพฯ
รถที่ผมซื้อคันละ 2 แสน (ติดแก๊สแล้ว) ผ่อน 3 พันต่อเดือน ซึ่งค่าผ่อนก็คือค่าเดินทางไปกลับด้วยรถทัวร์ของผมในแต่ละเดือน
เท่ากับว่าผมเหลือเดือนละ 1.2 หมื่น หักใช้กิน 2.5 พัน, ค่าแก๊ส 2.5 พัน, เผื่อค่าซ่อมเดือนละ 3 พัน ส่วนค่าหอนั้น ผมไม่เสียเนื่องจากผมนอนอยู่บ้าน
ดังนั้น ผมเหลืออยู่ 4 พันที่สามารถใช้เก็บ หรือใช้เที่ยวได้ นับว่าเกินพอสำหรับคนโสดที่ชอบอยู่กับบ้าน
-
ไว้เงินเย็นๆ ค่อยซื้อนะ ผมก็กินเงินเดือนสมัยก่อน 9,000 แต่เลือกซื้อคอนโดใกล้ที่ทำงานแบบเดินไปทำงานได้แทนการซื้อรถ เอาค่าเดินทางมาผ่อนคอนโดดีกว่าไปซื้อรถ เคหะผ่อนน้อยกว่ารถอีกนะบางทีเพราะผ่อนยาว
ไหนๆจะเป็นหนี้ ก็เป็นหนี้ที่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในอนาคตดีกว่า ปัจจุบันมันก็ยังช่วย Save cost ค่าเดินทาง และคุณภาพชีวิต ไม่ต้องทนรถติด ตื่น 8 โมง สบายจะตาย
เห็นน้องๆเงินเดือนประมาณคุณก็ออกรถมา ตอนผมเงินเดือนประมาณนั้นไม่คิดซื้อรถเลย เพราะคิดว่าไม่ไหว ไม่อยากเป็นหนี้ ค่าน้ำมัน ดูแล ประกัน ของแต่ง
ปัจจุบันผมซื้อคอนโดเพิ่มอีก 1 บ้านอีก 1 และมีรถ B seg 1 คัน ไม่ค่อยได้ใช้งาน เพราะเดินไปทำงาน
ปัจจุบันเงินเฉลี่ยเกือบแสน เหลือใช้หมื่นกว่าๆ ที่เหลือเก็บหมด ก็ไม่ได้คิดอยากซื้อรถ (แต่อยากได้ตลอดนะ) ก็ยังเดินต๊อกๆ ไปทำงาน
แนะนำให้เปลี่ยนแนวความคิด เพื่ออนาคตที่ดี ไม่ต้องมานั่งเป็นทุกข์ อยากได้ครับ แต่ลองถามว่ามันจำเป็นกับชีวิตคุณมากไหม ไว้พร้อมๆ ไม่ลำบากจะดีกว่าไหม
ปล.ผมตัดสินใจซื้อรถเพราะได้ลด 100,000 และซื้อสด ซื้อมาแล้ว ตูซื้อมาทำไมนี่ แอบเสียดาย
-
จขกท. ทำงานมากี่ปีครับ เงินเดือน 15,000 แต่มีเงินเก็บ 300,000 + 350,000 (เห็นผ่านๆก่อน edit ไป) ผมมองได้สองอย่างนะ
1. คุณเป็นคนเก็บเงินเก่งมาก มีวินัยดี
2. ถ้ามีรายได้เท่านี้ผมคิดว่าคงใช้เวลาเก็บเงินมาประมาณ 10 ปี บวกลบ แต่ตอนนี้เงินเดือนคุณยัง 15,000 นั่นหมายความว่าหน้าที่การงานคุณมันไม่เติบโตเลยนะครับ
จะทำอะไรพยายามอย่าให้ขาดสภาพคล่องครับ คุณไม่รู้หรอกพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ผมทำงานมา 6 ปีครึ่งครับ 3.5 แสน เงินในบัญชี + 3 แสน สลากออมสินครับ แต่สลากออมสิน ผมตั้งใจว่าจะไม่แตะครับ
ก็เลยเอา 3.5 แสน มาตั้งเป็นธงในการ ซื้อรถและผ่อนรถ ดาวว์ 3 แสน เหลือ 5 หมื่น เอาไว้เผื่อขาดเผื่อเหลือครับ
-
เงินเดือนหมดไปกับการผ่อนรถ = อึดอัด ไม่มีความสุข
เงินเดือนหมดไปกับการแต่งรถ = จน แต่สนุก
-
ถ้ามีความจำเป็นต้องซื้อจริงๆ
ลองดูรถที่ราคาไม่แพง เป็นตัวล่างสุด
และดูว่าค่ายไหนมีส่วนลดเงินสดเยอะๆ จะได้เอาส่วนลดมาช่วยเงินดาวน์ ผ่อนต่อเดือนจะได้ถูกลง
-
จขกท. ทำงานมากี่ปีครับ เงินเดือน 15,000 แต่มีเงินเก็บ 300,000 + 350,000 (เห็นผ่านๆก่อน edit ไป) ผมมองได้สองอย่างนะ
1. คุณเป็นคนเก็บเงินเก่งมาก มีวินัยดี
2. ถ้ามีรายได้เท่านี้ผมคิดว่าคงใช้เวลาเก็บเงินมาประมาณ 10 ปี บวกลบ แต่ตอนนี้เงินเดือนคุณยัง 15,000 นั่นหมายความว่าหน้าที่การงานคุณมันไม่เติบโตเลยนะครับ
จะทำอะไรพยายามอย่าให้ขาดสภาพคล่องครับ คุณไม่รู้หรอกพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ผมทำงานมา 6 ปีครึ่งครับ 3.5 แสน เงินในบัญชี + 3 แสน สลากออมสินครับ แต่สลากออมสิน ผมตั้งใจว่าจะไม่แตะครับ
ก็เลยเอา 3.5 แสน มาตั้งเป็นธงในการ ซื้อรถและผ่อนรถ ดาวว์ 3 แสน เหลือ 5 หมื่น เอาไว้เผื่อขาดเผื่อเหลือครับ
ถ้ากังวลเรื่องรายจ่ายว่าจะไม่ไหวผมว่าหามือสองราคาไม่เกินสามแสนมาใช้ก่อนมั๊ยหละครับ แล้วก็เก็บเงินไปเรื่อยๆจนกว่าจะพร้อมแล้วค่อยขายคันเก่ามาเป็นเงินดาวน์ตอนนั้นน่าจะได้สองแสนอยู่นะ
-
ขอบคุณทุกท่านที่ให้คำแนะนำมากๆ ครับ คิดอะไรได้หลายๆ อย่าง
มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ประมาณ 15,000 บาท โดยส่วนตัวคิดว่าก็น่าจะมีไม่น้อยนะครับที่ตัดสินใจซื้อรถ
และยอมเป็นหนี้ก้อนโตแลกกับความสะดวกสบาย อยากถามท่านว่า ท่านวางแผนการเงินเป็นอย่างไรบ้างครับ ในระหว่างที่ผ่อนรถอยู่
ก็อย่างที่คุณว่าละครับ ผมเห็นตัวอย่างคนรอบตัว รายได้ยังไม่พร้อมแต่ออกรถมาเพื่อความสะดวกสบาย ไม่ใช่ทุกคนที่จะผ่อนได้ตลอดรอดฝั่ง เห็นโดนยึดไปเกินครึ่ง
อย่างผมรายได้แสนนิดๆ ผ่อนd seg ได้สบาย ผมยังซื้อแค่รถมือสองผ่อนเดือนละเจ็ดพันเอง เพื่อนบางคนรายได้พอๆกับผม ออกบีเอ็มผ่อนเดือนละหลายหมื่น ธุรกิจประสบปัญหา โดนยึดไปละ
-
อยู่ที่ MINDSET ของแต่ละคนครับ
-
ถ้ายังกังวลอยู่อย่าเพิ่งเลยครับ
แสดงว่าเรายังไม่พร้อม
รอเราพร้อมหน่อยดีกว่า
-
ซื้อไปแล้ว ในแต่ละเดือนจะไม่ได้มีเฉพาะค่าผ่อนรถนะครับ
1. ค่าผ่อนรถ (ตายตัว)
2. ค่าน้ำมันรถ (แต่ละเดือน ไม่มีทางเท่ากัน บางเดือนหนักกว่าค่ารถก็มี แบบนี้ นานๆ เจอที)
2. บางเดือน ต้องจ่ายประกันชีวิต (ส่วนตัว ทำไว้เพื่อคนข้างหลังมากกว่าเพื่อตัวเอง)
3. บางเดือน ครบรอบจ่ายประกันรถ (สำคัญครับ อย่าคิดว่าไม่สำคัญ ทำชั้น 1 ได้ ยิ่งดี อุบัติเหตุหนักๆ ทั้งตัวเรา คู่กรณี หรือสิ่งที่เราไปชนให้เขาเสียทรัพย์ ชั้น 1 ช่วยได้ ไม่ต้องเครียดจนเป็นบ้า)
4. ค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็น (เตรียมไว้ ปีละ 1 - 2 ครั้ง)
5. ค่ารักษาพยาบาล ถ้าไม่มีสวัสดิการการรักษาพยาบาล ตรงนี้ก็สำคัญ หลายๆ คนไม่อยากเข้าโรงบาลรัฐ ไปโรงบาลเอกชนก็เสียเงินเยอะ
เงินเดือนเท่านี้ อย่าเพิ่งรีบร้อนครับ เก็บค่าผ่อน เข้าบัญชี 3 ปี เอามาเป็นเงินดาวน์ ใหม่ ปลอดภัยกว่าเยอะมากครับ
-
นกน้อยทำรังแต่พอตัวครับ ซื้อรถตามกำลังที่เราจ่ายได้ อย่าได้ติดสูงก็พอครับ ถึงที่หมายเหมือนกัน
-
ผ่อนไหวก็ซื้อครับ ดีกว่าไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ถึงจะซื้อมาแล้วขาดทุนครึ่งนึงก็ตาม แต่ถ้าใช้ยาวๆก็ยิ่งคุ้ม รอเก็บเงินไว้ลงทุน เงินสำรอง บลาๆ ตามพี่ๆในนี้ที่ชอบแนะนำกันมันก็ถูกครับ แต่ชีวิตมันต่างกัน ผมอ่านหลายกระทู้ในนี้ชอบบอกกันว่า เงินเดือนแสนนึง จะซื้อแคมรี่ดีไม่ อีกคนก็จะตอบ เขาเงินเดือนสองแทนยังไม่ซื้อเลย (ชักเหมือนกระทู้เว็บต้องห้ามไปทุกที) ถ้าคุณคิดว่ามีเงินดาวส์ มีเงินผ่อน มีเงินกิน และไม่เสียคุณภาพชีวิต ก็จักเลยครับ (ความคิดส่วนตัว)
-
ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากครับ ไม่นึกเลยว่าจะมีคนที่ให้ความสนใจช่วยชี้แนะกันมากขนาดนี้
สรุปคำตอบของผม คือ ยังคงที่จะตัดสินใจซื้อรถครับ อาจจะไม่ได้ทำตามคำชี้แนะของหลายๆ ท่าน ก็ต้องขออภัยไว้ก่อน
อาจจะจอดมากกว่าขับ อาจจะต้องเหนื่อยเมื่อเทียบกับเงินเดือน อาจจะไม่มีเงินเก็บเลยในช่วงที่ผ่อน และอื่นๆๆๆ
แต่ที่สุดแล้ว ผมคิดว่ามันคือรางวัลของชีวิต ครับ
-
ความจำเป็นของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ คุณอาจจะซื้อมาเป็นรถที่ใช้ทั้งครอบครัว
1 ใช้เดินทางไปทำงานซึ่งมันอาจจะคุ้มกว่านั่งรถประจำทาง
2 ใช้ในครอบครัวยามฉุกเฉินเจ็บป่วย ซึ่งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
3 รถมันซื้อเวลาและโอกาสได้ ซึ่งเวลาและโอกาสในชีวิตมีไม่บ่อย
4 รถมันอาจไม่เพิ่มราคาในวันข้างหน้า แต่เพิ่มมูลค่าชีวิตในปัจจุบันได้ อย่างน้อยมันก็ยังคงเหลือให้เป็นทรัพย์สินถ้าเราดูแลดี
5 สุดท้าย คุณเงินเดือนประมาณ 15000 ซึ่งผมเชื่อว่าวันข้างหน้ารายได้คุณต้องเพิ่มขึ้นถ้างานคุณมั่นคง ก็หารถที่ผ่อนประมาณ 40% ของรายได้ก็น่าจะพอได้
ลองชั่งน้ำหนักดูครับว่าซื้อแล้วจะมีความสุขหรือทุกษ์ หรือไม่ซื้อแล้วมานั่งกังวล
-
อ่านกระทู้แล้วรู้สึดหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
ถ้าไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ก็เหมือนคนเราถูกปักธงไว้แล้วว่าต้องเป็นหนี้ ต้องผ่อนนู่นนี่นั้น ทั้งบ้านทั้งรถ
การผ่อนรถมีสิ่งที่มองไม่เห็นตามมา (นอกจากตัวเงิน) คือ ภาระข้อผูกมัดทางกฎหมายระยะยาว
เรื่องที่ไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึงคือ ช่วงที่ผ่อนบ้าน/รถ นี่ห้ามตายเด็ดขาด
ถ้าไม่มีคนค้ำประกันก็ดีไป แต่ถ้ามีคนค้ำประกัน คนค้ำต้องรับผิดชอบแทน
หรือลูกเมียต้องชดใช้แทนเท่าจำนวนมรดกที่ได้รับจากผู้ตาย เว้นแต่จะทำประกันอะไรไว้ก็แล้วแต่
ชีวิตก็เป็นแบบนี้ เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
-
พึ่งเห็นว่าจขกท.มีเงินเก็บต่างหากอีกสามแสน ผมว่าก็พอไหวนะ ผ่อนๆไปเกิดติดขัดยังมีเงินสำรองมาปิดไฟแนนซ์ได้
-
มาคิดดูคร่าวๆ นะครับ รายจ่ายที่ต้องมีแน่นอนต่อเดือน
1. ค่าผ่อน 8,000
2. ค่ากิน 2,000
3. ค่าน้ำมัน 2,000
4. ให้พ่อแม่ 3,000
---------------------
รวม 15,000
เกินเงินเดือนของผมไปประมาณ 1,000 - 1,500 คงต้องหารายได้เสริมครับ
STOP ความคิดจะซื้อ เลยครับ ด้วยความหวังดี
รอฐานะทางการเงินดีกว่านี้
ไม่งั้นลองมือสอง ทนมือทนเท้าหน่อยก็ได้ครับ
ถ้า ประหยัดจริงๆ สามารถ ใช้เวลา อีกหนึ่งปีรวบรวมเงิน เป็นเดือนละ 5000*12 = 60000 ไป หามือสอง ราคา 100000-200000 มาลอง
เล่นก่อนครับ
+1ครับ ขนาดยังไม่รวมค่าเปลี่ยนถ่ายของเหลว+กรอง ไหนจะค่าจุกๆจิกๆ วันไหนเกิดกิเลสอยากได้รองเท้าใหม่
ก็เสียตังค์เพิ่มอีกอยู่ดี ค่ากิน2000 ตกเฉลี่ยวันละ70บาท ผมว่ามันไม่อยู่หรอก เข้า7-11ทีหนึ่ง100-200อย่างต่ำแล้ว
ไปเที่ยวกินดื่มกับเพื่อนร่วมงานอีก มีรถแล้วไหนวันหยุดอยากไปเที่ยวอีก ไหนจะค่าล้างรถอีก ไหนจะค่ายางรถอีก
ซื้อรถมาคันหนึ่ง มันไม่ใช่ว่าจะจบแค่ เติมน้ำมันรถอย่างเดียว เสียเมื่อไหร่ละครับ
-
ผมแนะนำ รถมือสองที่ราคาไม่สูงมาก เอาเงินเก็บส่วนนึงมาซื้อเงินสดเลยครับ
เราไม่จำเป็นต้องตามคนอื่น รายได้ยังไม่สูงมาก ผมว่ารถมือสองก็เหลือ ใช้งานได้ ไม่เป็นภาระผ่อน
แค่ซ่อมตามความเหมาะสมครับ
ผมรู้สึกว่าคนเดียวนี้แอะอ่ะ ก็จะออกรถป้ายแดงกัน ถ้าเงินยังไม่ถึง มือสองก็ได้ ไม่มีใครว่าหรอกครับ รถเอาไว้ใช้งานครับ สำหรับคุณ อย่าไปเน้นโชว์ มันจะเกินตัวครับ
-
เงินผ่อนรถควรไม่มากกว่า 1/3 ของรายได้ทั้งหมดครับ
ถ้ามากกว่าครึ่งก็ควรเลือกรถที่เล็กลงและถูกลงตามที่เราไหวครับ
ไม่เคยใช้รถ ไม่ได้บ้ารถ ไม่อยากแนะนำมือสองครับ นอกจากคนรู้จักขายให้จริงๆ
หากจำเป็นต้องใช้รถ เลือก ECO Car ครับตัวล่างสุด มีทุกอย่างที่ต้องมี ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม ใช้อำนวยความสะดวกให้ครอบครัว
ช่วงนี้โปรยังดีอยู่ดาวน์น้อยๆ ผ่อนนานๆ ไม่ต้องสนดอกเบี้ย สนค่างวดแต่ละเดือนที่เราส่งไหวและไม่เกิน 1/3 ของรายได้อย่างที่บอกครับ
ผมอยู่ต่างจังหวัด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีรถครับ เพราะรถสาธารณะหายาก จะไปไหนก็ลำบาก เกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมาละแย่เลยครับ
-
อยากจะบอกว่าซื้อไปเถอะ ถ้าคุณเป็นคนที่เก็บเงินไม่ค่อยอยู่แบบผม
ผมต้องเอาภาระมาเป็นตัวบังคับในการผ่อนชำระ เพื่อเก็บเงินไปในตัว
แต่นี่คุณเก็บเงิน 6 ปี ได้ 650,000 ผมว่าคุณเก็บเงินเก่งนะ น่าจะเก็บต่อแล้วออกเงินสดไปเลยถ้ายังอยากได้อยู่หรือ
คุณเอาเงินทั้งก้อนนั้นไปลงทุนอย่างอื่นที่ได้ดอกเบี้ยมากกว่าดอกเบี้ยผ่อนรถ คุณค่อยผ่อนรถครับ
ทำได้แบบนี้จะเยี่ยมมากเลย (แต่ผมทำไม่ได้นะ เก็บเงินไม่อยู่)
-
น้องที่ออฟฟิศ เงินเดือน หมื่นสาม บ้านกับที่ทำงานห่างกัน 5 กิโล(ต่างจังหวัด) แต่อยากมีรถ
ผ่อนกระบะ เดือนละสามพัน ยังบอกว่าแทบจะกินแกลบ
ขนาดบ้านไม่ต้องเช่า ข้าวก็กินที่บ้าน เช้า-เย็น ตอนหลังขายไป แบบยกให้เขาไปผ่อนต่อ
ผ่านไปปีกว่า เก็บเงินได้ แปดหมื่น ซื้ออีโวมือสอง ขับจากบ้านมาที่ทำงาน ใช้แค่เกียร์3
ตอนนี้เห็นมีความสุขกับการแต่งรถมากเลยครับ
-
ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากครับ ไม่นึกเลยว่าจะมีคนที่ให้ความสนใจช่วยชี้แนะกันมากขนาดนี้
สรุปคำตอบของผม คือ ยังคงที่จะตัดสินใจซื้อรถครับ อาจจะไม่ได้ทำตามคำชี้แนะของหลายๆ ท่าน ก็ต้องขออภัยไว้ก่อน
อาจจะจอดมากกว่าขับ อาจจะต้องเหนื่อยเมื่อเทียบกับเงินเดือน อาจจะไม่มีเงินเก็บเลยในช่วงที่ผ่อน และอื่นๆๆๆ
แต่ที่สุดแล้ว ผมคิดว่ามันคือรางวัลของชีวิต ครับ
เห็น จขกท บอกว่ายังไงก็ตัดสินใจซื้อรถ ถ้าได้รถมาอย่าลืมหาทางเอารถช่วยทำมาหากินเวลาว่างด้วยนะครับ อาจจะลงทุนอะไรเล็กๆ เปิดท้ายขายของเพื่อช่วยให้มีรายรับมากขึ้น
ส่วนผมก็อยากได้รถใหม่ เพราะรถที่ใช้อยู่ก็จะ 20 ปีแล้ว แต่ก็ติดที่ว่าไม่อยากผ่อน ฮ่าๆ คิดว่ารถที่มีก็ยังใช้ได้อยู่ มีแต่เอาเงินไปใช้ซ่อมรถในส่วนที่มีปัญหา แล้วใช้ยาวๆ แต่รถสำหรับผมจำเป็นในการทำงานเพราะทำอาชีพเซลล์
แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ใช้รถเพื่อออกไปหาลูกค้า ผมจอดรถยนต์ไว้แล้วเอา ฮอนด้า ว้าเว่(wave) ออกมาขี่ไปบริษัท เวลาอยากเที่ยวก็เอา cb500f(มือสอง) ไว้ขี่ไปรับลมร้อนๆในช่วงนี้ ฮ่าๆ ยินดีกับรถใหม่ด้วยนะครับ
-
อย่าลืมมาบอกนะครับว่าออกรถอะไร เก็บเงินเก่งคิดว่าน่าจะผ่อนไหว หางานพิเศษทำเพิ่มครับ
-
ถ้าเป็นผม ยุคนี้จะออกมือสองคับ
เช่น nissan march ก็เหมาะสม ราคาตัวล่างเกียร์ธรรมดา จังหวะดีๆ สามารถจับได้ในราคาไม่เกิน 2 แสน ตัว E CVT ราคา 2 แสนต้นๆ ปี 2010-2011 รถใหม่พอสมควร ถ้าวิ่งไม่มาก แนะนำคับ ราคาอะไหล่ไม่แพง ออกจถูกด้วยซ้ำ