Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: SETTHASART ที่ พฤษภาคม 30, 2016, 22:48:12
-
อยากเปลี่ยนรถของแฟนครับ เดิมเป็นบริโอ้ เราคุยกันว่ามันบอบบางเกินไปและเริ่มดูไม่สมวัย(29) เราทำงานสายวิชาการ รายได้แฟน 40k ผม 30k ตอนนี้เริ่มพูดคุยเพื่อเก็บข้อมูลกันแล้วครับ คาดว่าคงใช้เวลาตัดสินใจประมาณ 1 ปี ตั้งงบไว้ 7 แสน+-(รวมเงินขายบริโอ้)
1.ก่อนอื่นเลยสาเหตุที่เลือกมองเล็กซัสก็เพราะมันเป็นโตโยต้า การซ่อมบำรุงจึงน่าจะสะดวกกว่ายี่ห้ออื่น และส่วนตัวผมตัวเองก็มีรีโว่เป็นกระบะยืนพื้นไว้ลุยอยู่คันนึงแล้ว ถ้าแฟนซื้อเลยอยากได้รถที่มีภาพลักษณ์ดีๆขึ้นมาหน่อย
2.พอไปค้นข้อมูลเจอ IS250 (ปี 06-12) 2.5 Sedan ถ้าเป็นรุ่นปี 07 ราคาก็อยู่ที่ 7-9 แสน ปีหน้าราคาก็คงตกลงไปอีก อยากทราบว่ารถรุ่นนี้น่าสนใจหรือน่าเป็นห่วงมั้ย ขอคำแนะนำครับ
3.การซ่อมบำรุงมันหนักหนามากกว่าคัมรี่มากมั้ย
4. หรือมีตัวอื่นในเรทราคานี้ที่น่าสนใจมั้ย ขอบคุณครับ
ps. ราคาเรทนี้ก็ได้ C seg มือหนึ่ง แต่ภาพลักษณ์ก็คนละเกรดกัน
-
เป็นอีกรุ่นที่ผมเคยอยากได้มากครับ เพราะอัตราเร่งของมัน และความสวย
ทุกวันนี้เจอยังแอบมอง สวย เรียบ หรู ดีครับ
แต่โจทย์ของท่าน จขกท ผมว่าดูแคมรี่มือสองได้รถปีใหม่ๆเลยนะครับ
-
นอกตัวเลือกครับ ผมไป e90 :P
ปล. ผิดประเด็นขออภัย
-
ผมใช้อยู่ ตัวนี้ บอกเลย ถ้าท่านเข้าศูนย์ หัวแบะแน่ครับ
ถ้าจะใช้ จำเป็นต้องมีความรุ้เรื่องรถนิดนึง จะเข้าศูนย์ก็ได้ ตามระยะเพื่อให้เขาเช็คว่าอะไรเสีย แล้วมาหาอะไหล่ เปลี่ยนเอง จะซื้อ EBAY หรืออะไรก็ว่าไปครับ
เอาจริงๆ คือรถไม่จุกจิกเลย และอะไหล่ ถ้าหาเองเป็น สั่ง Ebay พอได้ ถูกกว่าศูนย์มากครับ
รถผมกำลังจะต้องเข้าเช็ค 150,000 กม. ลองโทรถามศูนย์เล่นๆ ว่าค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ และเช็คระยะตามโปรแกรม จะอยู่ที่เท่าไหร่
60,000 บาทครับ!
ฟังไม่ผิด
แบ่งเป็น ค่าแรง 20,000 บาท และ ค่าอะไหล่ 40,000 บาท
ทางศูนย์บอกว่าต้องเปลี่ยน
1.) ปั้มน้ำ
2.) วาวล์น้ำ
3.) สายพานหน้าเครื่อง
4.) หัวเทียน 6 หัว
5.) seal ต่างๆ
ผมได้ยินดังนั้นสะอึกเลยครับ แพงจริง 5555 วางสายจากศูนย์ ปุ๊ป ทำการบ้านเลยครับ เข้า Internet อ่านตามเว็ปนอก พวกที่ใช้รถเย้อะๆว่าอะไรจะไปก่อนและมีปัญหาตรงไหนบ้าง เช็ค part number แล้วเข้า ebay หาราคาเลยครับ
ถูกกว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งเลยครับ ปั้มน้ำไม่เกิน 5000 วาวล์น้ำไม่เกิน 2000 สายพาน พันกว่าบาท หัวเทียนก็ทั่วไปครับ ไม่กี่ตังเพียงแค่ใช้ 6 หัว ( ผมเปลี่ยนไปแล้วด้วยตัวเองตอน 100,000 โล)
รถผมเข้าเช็คที่ศูนย์ทุก 10,000 โล และยังไม่เคยมีอะไรเสียครับ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์และเฟืองท้าย ทุกๆ 20,000 โล
ฉะนั้น รอบ 150,000 นี้ ผมเลยกะว่ายังจะไม่ให้ทางศูนย์ รื้อ ออกมาเพื่อทำการเปลี่ยนอะไหล่ จนกว่ารถจะมีอาการครับ
รถเก่าแล้ว ไม่อยากรื้อครับ Plastic ข้างในเครื่อง ชิ้นส่วนต่างๆ กรอบ หมดแล้ว เกรงว่า ถ้ารีบไปทำอะไรมันเดี๋ยวปัญหาจะตามมาเย้อะแยะครับ
ถ้าคุณรักและชอบที่จะทำรถ น่าเล่นมากครับ ราคาเท่านี้ ผมไม่รู้ว่ารถใหม่ป้ายแดงรุ่นไหน จะนั่งสบาย เงียบ เบาะนิ่ม ขับดี (แต่แคบ) เท่ารุ่นนี้เลยครับ
ปล. V6 ตัวนี้ เสียงเพราะ แต่แรงบิดรอบกลาง ผมว่าน้อยไป มันไม่ได้แรงขนาดนั้นครับ แล้วก็กินน้ำมันหน่อยนะครับ วิ่งในเมืองบ้างชาญเมืองบ้าง ประมาณ 9 โลลิตรปลายๆ
ปล2 เกียร์ 6 speed เปลี่ยนนิ่มนวลดีมาก แต่ ไม่ถวายหัว เวลากระสัน อาจจะตอบสนองไม่ได้ดั่งใจ
ปล.3 เครื่องแต่งแรงเพิ่มไม่ได้ ถ้าไม่พอใจ ต้องยก 350 ลงอย่างเดียวครับ
ปล.4 พวงมาลัย หากเทียบกับ E90 แล้ว คนละโลกเลยครับ โตโยต้าโคตรๆ
-
อย่าหาว่ากวนนะครับมันไม่ใช่โตโยต้ามันคือแบรนด์พี่น้องกันเค้าทำมาขายแข่งคนละตลาดชัดเจนราคาอะไหล่ Lexus บางอันใช้ร่วมกับโตโยต้าได้จริงแต่ไม่ทั้งหมดเอาจริงๆน้อยมาก
ถ้าไม่อยากปวดหัวต้องเล่นตัวปีใหม่ๆเลยราคายัง 1 ล้านขึ้นซึ่งถ้างบนั้นตัวเลือกรถใหม่เยอะครับคิดดีๆเงินเดือนรวมกันถ้าเผื่อซ่อมด้วยผมว่า
เก็บเงินทำอย่างอื่นดีกว่าครับซื้อรถใหม่ใช้ดีกว่าคุณจะมาจมกับค่าซ่อมนี่ซิยกเว้นว่าพอจะสนใจเรื่องรถรู้เรื่องรถบ้างแบบพี่ท่านบนบอกในกรณีนี้รถนะดีแต่การดูแลรักษามันตามอายุครับอาผมขายไปได้ปีกว่าๆเพราะเริ่มซ่อมนี่แหละ
ไป E90 ยิ่งต้องระวังมากจากใจคนเคยใช้ผมขายไปตอนอายุรถ 6 ปีกว่า ถ้าอยากได้แค่ 2 ตัวนี้ IS250 / E90 ไป IS250 แบบไม่ต้องคิดมาก
ผมยังเสียดายจนทุกวันนี้ที่ไม่ได้ออก IS250 ดันไปเลือก E90 รถมันดีทั้งคู่แต่รู้สึกพลาดนิดๆที่ไม่เลือก IS250 ไม่งั้นทุกวันนี้น่าจะยังเอาไว้ใช้อยู่ทรงมันส่วนตัวผมว่าดูไม่ค่อยเก่า V6 2,500 CC บ้านเราคงไม่มีอีกแล้ว
อยากได้จริงก็ใจเย็นๆหารถสภาพดีๆเจ้าของดูแลค่อยๆดูครับอีกรุ่นที่ผมว่าฟิวลิ่งพอจะใกล้เคียงคือ Mazda 3 กับ Focus
-
จะว่าเป็นพี่โตก็ไม่เชิงนะครับ อย่างน้อยพี่โตก็ไม่มี v6 ขับหลังในไทย ... ไม่น่าจะมีอะไหล่ที่แชร์กันได้นะครับ อยากจะเล่นคงต้องอาศัยสั่งอะไหล่จากนอกเอาเป็นหลัก
ปล IS250 สวยจริง ยิ่งภายในนี่ยิ่งสวย
-
ในความรู้สึกส่วนตัว lexus พอเริ่มเก่า รู้สึกมันเริ่มดูเหมือน รถโตโยต่า รุ่นเก่า ถ้ามองเรื่องภาพลักษณ์คงแพ้ benz กับ bmw ที่เก่ายังไงก็ยังเป็น benz เป็น bmw ความแข็งแรงของตัวถัง และการขับขี ในปีใกล้เคียงกัน ฝั่งยุโรปก็น่าจะเหนือกว่า
แต่เรื่องความจุกจิก นี่ยอมเลยใช้ bmw e46 เก่าๆอยู่รู้ดี
ไม่ได้รังเกียจ โตโยต้านะ ผมยังมองๆ crown มือ 2 อยู่เลย รู้สึน่าจะขับดี นุ่ม เงียบ และเก่ายังไง มันก็ยังดู classic ด้วยประวัติอันยาวนานของมัน
แต่หากผู้หญิงใช้ ผมว่า D segment มือ 2 ปีใหม่ๆ ขับดี ซ่อมไม่แพง ก็น่าสนนะครับ
-
น้องเขยเคยใช้รุ่นนี้ ภายในแคบหน่อยแต่เงียบและขับดีครับ ถ้าชอบรถขับหลังคันเล็กคล่องตัวก็น่าใช้ดีครับ
ส่วนคุณVattyถ้าถึงระยะเปลี่ยนปั๊มน้ำอย่ารอเลยนะครับเพราะถ้าปั๊มน้ำรั่วจะไม่คุ้มครับ
-
สายวิชาการ? ผมก็เหมือนกันมั้งครับ สนับสนุนครับ ใช้รถหกสูบเหมือนกันบ้างบางครั้ง
-
D seg ภาพลักษณ์มันเกินวัยไปนิดครับ IS250 ดูมันก็เหมาะกับคนอายุ 30-40 ผมไม่รีบ เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆครับ ตอนซื้อกระบะก็เก็บข้อมูลกันเกือบ 2 ปี คือถ้ารถอายุ 10 ปีสภาพมันเป็นเหมือนพวกโตโยต้าก็พอรับได้(เช่นออส 03) ใช้ขับในเมือง(จว.ขก)ชิลๆไม่ได้เค้นสมรรถนะอะไรมากครับ ผมเองก็มีอู่คู่บุญ ที่ไม่มองค่ายยุโรปเพราะเท่าที่ตามข้อมูลรถมือสองพวกนี้ผมว่าการซ่อมบำรุงน่าหวั่นใจกว่าเล็กซัสพอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เเบ่งใจไว้มอง C seg(โฟกัส-ซิลฟี่/แต่งบคงได้รุ่นล่าง) มือหนึ่งไว้บ้างนิดนึง เพราะเราคิดว่า IS ดูมีเสน่ห์มากกว่าครับ(อันนี้แล้วแต่มุมมอง)
อย่าหาว่ากวนนะครับมันไม่ใช่โตโยต้ามันคือแบรนด์พี่น้องกันเค้าทำมาขายแข่งคนละตลาดชัดเจน
เอาเต็มที่เลยครับไม่ว่ากัน มีอีกก็แนะนำอีก ;D ผมเป็นคนได้ประโยชน์
-
IS250 ก็ดีนะคล่องตัวดี ภายในก็สวย แม้จะหลายปีแล้ว ภายนอกก็ไม่ขี้เหร่
หรือถ้างบใกล้เคียงกันแค่อยากได้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ก็ดู GS300 โฉม 2006-2011 ตัวนี้ก็สวยมากครับ
-
รถดีนะครับ อย่างที่หลายๆความเห็นบอก
รถพวกนี้มีวินัยกับการเช็คระยะ อะไรจะเสียหรือเสียก็เปลี่ยนไปเลยครับ
อะไหล่ก็ ebay บ้าง หาเอง หิ้วเองบ้าง ถูกกว่าศูนย์ ถ้าทำได้ตามนี้ก็ไม่น่ากังวล ไม่จุกจิกครับ
-
รุ่นนี้ถ้ามีสภาพดีๆราคาไม่แรงหลุดมา มาเร็วไปเร็วนะครับ
ผมก็อยากได้เพราะรู้จักอู่นอกฝีมือดีราคาไม่แพงและหาอะไหล่ให้ได้
รอให้ถึงจังหวะ ผมคาดว่าจะจัดรุ่นนี้เหมือนกัน
-
รุ่นนี้ถ้ามีสภาพดีๆราคาไม่แรงหลุดมา มาเร็วไปเร็วนะครับ
ผมก็อยากได้เพราะรู้จักอู่นอกฝีมือดีราคาไม่แพงและหาอะไหล่ให้ได้
รอให้ถึงจังหวะ ผมคาดว่าจะจัดรุ่นนี้เหมือนกัน
หากไม่รบกวนเกินไป ช่วยบอกชื่ออู่นอกได้มั้ยครับ สนใจครับ จะทาง PM ก็ได้ครับ ขอบคุณครับ ::)
-
มาขอเสนอตัวเลือกอื่นละกันครับ
เอาที่ตามงบจะได้
1. Camry 2.0 g acv 50/ accord g9/crvbg4 โฉมปัจจุบันเลย ราคาประมาณ 800000-900000
2.เอามีเงินเหลือเก็บ camry acv40/ teana j32/prius พวกนี้ราคาเหลือประมาณ 400000-600000
3.อยากได้ภาพลักษณ์ยุโรปหรือพรีเมียม ตัวเลือกอื่นมี
volvoS80/s80 /benz eclass w211/
4.เอารถใหม่เลย c-seg ก่ยังอยู่ในงบครับ ทั้ง altis 1.6 g 1.8 e / sylphy 1.6v / mazda3 E
-
เป็นรถที่น่าใช้อีกรุ่นเลยครับ แต่ว่าต้องดูการใช้งานด้วยนะครับ ถ้าเทียบกับคันเก่าที่เป็นบริโอ คันนี้กินน้ำมันพอควรเลย(เรียกว่าสูบเลยครับถ้ารถติดๆ เพราะเป็นรถ6สูบ) เพื่อนผมคนนึงใช้อยู่ มันชมทุกอย่างยกเว้นเรื่องนี้ นอกนั้นไม่มีอะไร ถ้าอยากดูภูมิฐาน ขับเร็วบ้างเป็นบางครับ แล้วไม่ซีเรียสเรื่องค่าใช้จ่ายน้ำมันก็จัดไปเลยครับ
-
เป็นรถที่ดี น่าใช้ แต่ไม่น่าซื้อ ถ้าจะซื้อผมว่าต้องมีเงินเดือน 30 k แล้วเติม 0 ไปอีกตัว (คือแบบเงินเหลือ มีรถอีกคันประจำอยู่แล้ว)
คุณจะรู้สภาพรถที่ซื้อมือ 2 ว่าดี หรือไม่ดี ได้ยังไง ... ถ้าเป็น benz หาคนที่ชำนาญไปดูให้ยังง่ายกว่า lexus เวลาเข้าศูนย์ฯ ราคาก็คูณสอง ระยะเวลารออะไหล่คงหลายเดือน ขนาดรุ่นน้องซื้อ estima มือ 1 ผ่านไปปีกว่า ก็ต้องซ่อมแล้ว รออะไหล่ไป 2 เดือน
ถ้าเน้นภาพลักษณ์ผมแนะนำ C200 AMG ตามงบ จะได้ประมาณปี 2008 - 2009 พวกอะไหล่ ช่างซ่อมนอกศูนย์น่าจะหาง่ายกว่า
( แต่อยากเตือนสติ ภาพลักษณ์มันของมายา ผมเห็นเพื่อนหมดเงิน ขาดสภาพคล่องกันไปหลายคนเพราะคำนี้แหละ )
-
น่าใช้ครับ แต่มันจะไม่เหมือนรถุญี่ปุ่นธรรมดา ตรงที่เชียงกงอาจหาอะไหล่ยากหน่อย
อะไหล่ตัวถังแพง
แต่นอกนั้นถ้ารับความกินน้ำมันได้ ที่เหลือผมว่าไม่ด้อยกว่า E90 ยิ่งถ้าได้ตัว Top Option ที่มี Moonroof กับเครื่องเสียง Mark Levinson ผมว่าจบครบทุกความต้องการ ภาพลักษณ์ทั้งสปอร์ต ทั้งพรีเมี่ยมครบในคันเดียว
-
2 คนรวมกัน รายได้ 70K/เดือน ใช้รถพรีเมี่ยม มือสอง ผมห่วงการซ่อมบำรุงนะครับ เพราะรถพ้นระยะประกันมาแล้ว ถ้าไม่เจออะไรก็ดีไปครับ ถ้าเจอขึ้นมา คงเสียหายหลายเงินแน่ๆ
ผมว่าถ้าต้องการภาพลักษณ์จริงๆ ไป D-Seg ญี่ปุ่น ก้ไม่ได้แย่ไปกว่ากันนะครับ ถ้ารถคันใหญ่กว่าด้วย
-
ซ่อมศูนย์ ไม่ถูกนะครับ โตโยต้ารุ่นใหญ่ก็ไม่ถูก เหมือนกัน
ใช้ดี เวลามันไม่มีอะไรเสีย แต่พอซ่อม ต้องถามคนทีาขายทิ้ง หรือยังใช้อยู่แล้วต้องซ่อม
ความรู้เรื่ งเครื่องยนต์กลไกพอได้ไหมครับ? ซ่อมอะไรเองพอเป็นรึเปล่า? ดูรถเป็นแค่ไหน?
รถมือสองยี่ห้อที่มีอะไหล่ประปราย ขายน้อยคัน เวลาซ่อมอยากจะถูกต้องขยันหน่อยครับ บางอย่างขยันหา ขยันดูก็ไม่ถูกก็มี อย่าเห็นแก่โตโยต้า อะไหล่ผลิตโรงงานเดียวกันแต่หนังคนละม้วน
-
ตรงๆนะครับ อย่าเลยครับ ไป camry ดีกว่าครับ :D
-
ผมก็มองว่า D-seg มือสองยุ่นยังน่าคบกว่าเช่นกันครับ ;)
-
ทำไมแบรน์เลกซัส ราคารถจึงตกมากพอกับรถยุโรป
1. มันไม่ใช่โตโยต้า มันเป็นรถที่แบรนด์หรูกว่าโตโยต้า
2. อะไหล่ไมไ่ด้ใช้ร่วมกัน
3. วัสดุที่ทำดีกว่า เนียนกว่าปราณีตกว่า
4. รถป้ายแดงขายราคาแพงกว่ารถยุโรป พอเป็นมือ 2 คนหนีกันหมดพอกับตอนป้ายแดงนั่นละราคามันจึงตกมาก
5. ราคาซ่อมในศูนย์บริการ ศูนย์เลกซัสค่าซ่อมชั่วโมงแรงงานแพงมากที่สุดในประเทศแล้ว แพงกว่าค่าแรงศูนย์เบนซ์อีกมั้ง เข้าไปก็หัวแบะ
ข้อดีที่มองได้อีกอย่างคือรถมันไม่จุกจิกเหมือนรถยุโรป คือตามสไตล์โตโยต้า ใช้ทนดี
สรุปสั้น ๆ คือเป็นผมผมไม่ซื้อมาเล่นครับ คนอื่นส่วนใหญ่เขาก็คงไม่เล่นเช่นกัน เป็นเศรษฐีเขาก็ซื้อรถป้ายแดงกันแต่น้อยคนที่จะซื้อ พอซื้อมาก็ขายไปหลัง 5-6 ปียอมเจ็บตัวกันบานกลุ่มนี้เขาไม่คิดไรอยู่แล้ว
ถ้าจะซื้อรถระดับนี้ไปหาคัมรี่ตัวธรรมดาไม่ใช่ไฮบริดมาเล่น
-
อ่านข้อมูลแต่ละท่านแล้วแบบ :o
อาจจะต้องหันไปเก็บข้อมูลแอคคอร์ด คัมรี่ เพิ่มเป็นทางเลือกไว้บ้าง
-
หลายอย่างๆก็ตามคอมเม้นท์ด้านบนครับ
ส่วนความเห็นเพิ่มเติมสำหรับผมคือ
- ดูว่าคันที่เล็งไว้มีการเคลมภายในแล้วรึยัง เพราะลอก/เหนียวทุกคัน (คอนโซล+แผงข้าง) ซึ่งช่วงที่รถยังไม่หมดประกันทางเลกซัสเคลมให้ฟรี แต่ตอนนี้รถมันหมดประกันไปนานแล้ว บางคนก็เคลมฟรีได้ บางคนก็เคลมได้แต่มีค่าใช้จ่าย เป็นต้น ซึ่งถ้าออกเองมีเหยียบ 5 หมื่นบาทนะครับ (ุถ้าจำไม่ผิด ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดู)
- เกรงว่าค่าใช้จ่ายมันจะสูงในพวกอะไหล่สิ้นเปลือง ซึ่งมากกว่า Brio แน่นอน เช่น ค่ายาง (ยางหน้า-หลังต่างขนาดนะครับ สำหรับล้อ 17" เดิมๆของรุ่นนี้ สลับยางไม่ได้แน่ๆแล้ว 1 เรื่อง แล้วยางยี่ห้อ/รุ่นดีๆในไซส์นี้ เส้นละ 6-7 พันนะครับ) ค่าของเหลว เป็นต้น อู่นอกช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เรื่องค่าแรงและ/หรืออะไหล่ แต่ปริมาณกับคุณภาพของของสิ้นเปลืองที่ต้องใช้มันมากกว่าและราคาสูงกว่ากับที่ใช้ใน Brio น่ะครับ
ความเห็นส่วนตัวผมก็ตาม 2 ข้อด้านบน
ส่วนคำแนะนำเพิ่มเติม
- รถรุ่นนี้มีกลุ่มคนใช้ที่รวมตัวกันอยู่ใน Facebook และมีอู่+แหล่งหาอะไหล่กันอยู่ ลองเข้าไปปรึกษาจากคนใช้จริงด้วยอีกทางหนึ่ง เพื่อประกอบการตัดสินใจ
- ถ้าให้เทียบ E90 ก่อน LCI กับ IS250 ผมขอจิ้มไป IS250 แล้วกันครับ
- จากข้อเมื่อกี้ ขอเป็น IS250 ตัว Top Grade เท่านั้น (เครื่องเสียง Mark+Moonroof+ล้อ 17")
-
ไปรุ่นอื่นเถอะครับ ค่าซ่อมไม่คุ้มหรอก
-
ยาวหน่อยนะครับแต่อยากชวนคุย
ผมก็เคยคิดครับว่าอยากจะได้ IS โฉมนี้และเคยหาข้อมูลไว้เหมือนกัน มีธงในใจว่าอยากได้รถที่มีภาพลักษณ์ดีๆหน่อยเวลาขับ
แล้วก็เหมือนที่ข้างบนแนะนำครับ มีบอกไว้หมดแล้วผมคงไม่ต้องพูดซ้ำ แค่อยากคุยให้ฟังเรื่องภาพลักษณ์ครับ
เอาเข้าจริงถ้าอยากได้ภาพลักษณ์ D-Seg ญี่ปุ่นมือสองที่เขาบอกๆกัน ผมว่าภาพไม่ได้แย่เลยแม้แต่น้อยนะครับ คนทั่วไปรับรู้และเข้าใจตรงกันหมดว่า รถพวกนี้ราคาล้านกว่าบาทกันหมด ไปไหนมาไหน เขาก็รู้ครับว่ามันไม่ได้ถูกแม้จะญี่ปุ่น แล้วจะว่าไป ผมรู้จักเจ้าของรถพวกนี้ที่อายุไม่ถึง 40 มากกว่าคนที่อายุเกิน 40 และมีจำนวนไม่น้อยเลยในนี้ที่อายุยังไม่ 30 ดีด้วยซ้ำ มันไม่ได้ดูแก่ และมันยังดูเป็นตัวแทนความสำเร็จได้ในระดับนึงด้วยครับ (อันที่จริง รถกลุ่ม D-seg เขามีกลุ่มเป้าหมายหลักทางการตลาดเป็นคนอายุ 30-35 อยู่แล้วครับ)
อยากได้ภาพลักษณ์แล้วไปจัดพรีเมี่ยมหรูๆมือสอง ต้องเผื่อเงินซ่อมไว้ 20-30% ของค่าตัวมันด้วยครับ รวมไปถึงพวกรถไฮบริดด้วย หรือรถอื่นที่ค่าตัวมันตกมากๆ ส่วนนึงเป็นเพราะเค้าต้องลดราคาเผื่อให้เราเอามาซ่อมต่อนี่แหละครับ ไม่งั้นก็ไม่มีใครซื้อถ้าขายแพงๆ รถตลาดที่ราคาดีๆกันเพราะซื้อต่อไปแล้วมันจบ ไม่ค่อยต้องมานั่งซ่อมนู่นนี่ หรือถ้ามีก็ไม่แพงมากนักครับ
รถมีแต่ลดครับ ภาพลักษณ์ก็ไม่ใช่เรื่องยั่งยืนครับ หากทำการค้าขาย ภาพลักษณ์คุณไม่ได้มาจากยี่ห้อรถ แต่มาจากความตรงไปตรงมา การชำระเงินที่ตรงเวลาไม่ตุกติก หากทำงานราชการหรืองานการศึกษา ภาพลักษณ์ผมว่ามาจากความดีความชอบ ที่คนรอบๆข้าง ลูกศิษย์ ประชาชน จะยึดเป็นแบบอย่าง จะนำไปชื่นชม มากกว่าครับ อาจารย์ที่ดูรวย ไม่ได้เป็นที่รักที่ชอบของคนเสมอไปครับ หากเป็นพนักงานบริษัทเงินเดือนไม่ได้มาก แต่ใช้รถดูแพง มันดูพยายามจะรวยมากกว่า ซึ่งคนทั่วไปมองก็คงเข้าใจแบบเดียวกันครับ ผมแค่คิดว่า คนยุคนี้รวยจริงเขาไม่ค่อยแสดงออก แต่คนรวยไม่จริงนี่แสดงออกเกินหน้าเกินตา (ดูจากคนรอบข้าง) ทั้งๆที่หนี้สินเต็มตัวไปหมด เพื่อนผมทำงานบริษัทเอาเงินที่ได้จากการแต่งงานไปดาวน์ C class มาขับ แล้วให้แฟนช่วยกันผ่อน (ค่างวดคิดเป็น คชจ ราวๆ 50% ของรายรับครอบครัว) แต่ยังเช่าคอนโดอยู่อาศํย แต่อีกคนรวยจริง ทำธุรกิจส่งออก ยังขับแค่ Swift ไปดีลงาน 8 หลักอยู่ประจำเลยครับ นานาจิตตังนะไอ้เรื่องภาพลักษณ์นี่
ขอเอาใจช่วยให้ได้รถที่ต้องการและถูกใจ ไม่เป็นภาระนะครับ ;)
-
Lexus เข้าศูนย์ ราคาโหดอยู่นะครับ ไม่งั้นต้องสั่งอะไหล่จากนอกเข้ามาลุ้นภาษีกันอีกที
แต่อย่างว่า ถ้าชอบ หาข้อมูลไว้แล้ว ก็จัดครับ ตัวรถคุณภาพดีเลย
-
รถก็ดีนะครับ ( ปี 2006 ) รอบนี้ผมพึ่งเชค 150,000 กิโลเมตร
พาร์ทที่ชำรุดต้องเปลี่ยนคร่าวๆดังนี้
เพลาขับหลัง ซ้ายขวา ( 36,000 บาท)
โช็คคู่อัพหน้า (19,000 บาท)
ยางแท่นเครื่อง
ยางแท่นเกียร์
ชุดอะไหล่หม้อน้ำ
ฯลฯ
รวมเฉียดแสนครับ รวมค่าแรงแล้ว
ซ่อมโดยศูนย์ก็ไล่พาร์ทที่จำเป็นต้องเปลี่ยน ช่างก็มืออาชีพดี รถทนทานใช้ยาวๆครับ ไม่มีปัญหากวนใจ
-
เอาปลอดภัย ถูก ซ่อมง่ายCamry มือ2เถอะครับ
ถ้าไม่ใช่แนว เสาะหา ชอบซ่อมเองน่าจะลำบาก
ถ้าของดีเจ้าของมือ 1ไม่ขายทิ้งหรอกท่าน > <
-
ยาวหน่อยนะครับแต่อยากชวนคุย
ผมก็เคยคิดครับว่าอยากจะได้ IS โฉมนี้และเคยหาข้อมูลไว้เหมือนกัน มีธงในใจว่าอยากได้รถที่มีภาพลักษณ์ดีๆหน่อยเวลาขับ
แล้วก็เหมือนที่ข้างบนแนะนำครับ มีบอกไว้หมดแล้วผมคงไม่ต้องพูดซ้ำ แค่อยากคุยให้ฟังเรื่องภาพลักษณ์ครับ
เอาเข้าจริงถ้าอยากได้ภาพลักษณ์ D-Seg ญี่ปุ่นมือสองที่เขาบอกๆกัน ผมว่าภาพไม่ได้แย่เลยแม้แต่น้อยนะครับ คนทั่วไปรับรู้และเข้าใจตรงกันหมดว่า รถพวกนี้ราคาล้านกว่าบาทกันหมด ไปไหนมาไหน เขาก็รู้ครับว่ามันไม่ได้ถูกแม้จะญี่ปุ่น แล้วจะว่าไป ผมรู้จักเจ้าของรถพวกนี้ที่อายุไม่ถึง 40 มากกว่าคนที่อายุเกิน 40 และมีจำนวนไม่น้อยเลยในนี้ที่อายุยังไม่ 30 ดีด้วยซ้ำ มันไม่ได้ดูแก่ และมันยังดูเป็นตัวแทนความสำเร็จได้ในระดับนึงด้วยครับ (อันที่จริง รถกลุ่ม D-seg เขามีกลุ่มเป้าหมายหลักทางการตลาดเป็นคนอายุ 30-35 อยู่แล้วครับ)
อยากได้ภาพลักษณ์แล้วไปจัดพรีเมี่ยมหรูๆมือสอง ต้องเผื่อเงินซ่อมไว้ 20-30% ของค่าตัวมันด้วยครับ รวมไปถึงพวกรถไฮบริดด้วย หรือรถอื่นที่ค่าตัวมันตกมากๆ ส่วนนึงเป็นเพราะเค้าต้องลดราคาเผื่อให้เราเอามาซ่อมต่อนี่แหละครับ ไม่งั้นก็ไม่มีใครซื้อถ้าขายแพงๆ รถตลาดที่ราคาดีๆกันเพราะซื้อต่อไปแล้วมันจบ ไม่ค่อยต้องมานั่งซ่อมนู่นนี่ หรือถ้ามีก็ไม่แพงมากนักครับ
รถมีแต่ลดครับ ภาพลักษณ์ก็ไม่ใช่เรื่องยั่งยืนครับ หากทำการค้าขาย ภาพลักษณ์คุณไม่ได้มาจากยี่ห้อรถ แต่มาจากความตรงไปตรงมา การชำระเงินที่ตรงเวลาไม่ตุกติก หากทำงานราชการหรืองานการศึกษา ภาพลักษณ์ผมว่ามาจากความดีความชอบ ที่คนรอบๆข้าง ลูกศิษย์ ประชาชน จะยึดเป็นแบบอย่าง จะนำไปชื่นชม มากกว่าครับ อาจารย์ที่ดูรวย ไม่ได้เป็นที่รักที่ชอบของคนเสมอไปครับ หากเป็นพนักงานบริษัทเงินเดือนไม่ได้มาก แต่ใช้รถดูแพง มันดูพยายามจะรวยมากกว่า ซึ่งคนทั่วไปมองก็คงเข้าใจแบบเดียวกันครับ ผมแค่คิดว่า คนยุคนี้รวยจริงเขาไม่ค่อยแสดงออก แต่คนรวยไม่จริงนี่แสดงออกเกินหน้าเกินตา (ดูจากคนรอบข้าง) ทั้งๆที่หนี้สินเต็มตัวไปหมด เพื่อนผมทำงานบริษัทเอาเงินที่ได้จากการแต่งงานไปดาวน์ C class มาขับ แล้วให้แฟนช่วยกันผ่อน (ค่างวดคิดเป็น คชจ ราวๆ 50% ของรายรับครอบครัว) แต่ยังเช่าคอนโดอยู่อาศํย แต่อีกคนรวยจริง ทำธุรกิจส่งออก ยังขับแค่ Swift ไปดีลงาน 8 หลักอยู่ประจำเลยครับ นานาจิตตังนะไอ้เรื่องภาพลักษณ์นี่
ขอเอาใจช่วยให้ได้รถที่ต้องการและถูกใจ ไม่เป็นภาระนะครับ ;)
เห็นด้วยเลยครับ ภาพลักษณ์ไม่ได้อยู่ที่รถที่คุณขับ แต่มันอยู่ที่การกระทำมากกว่า ผมยังเคยเจอขับjazz แต่งซิ่งมาเจรจาธุรกิจหลักล้านเลย
-
รถก็ดีนะครับ ( ปี 2006 ) รอบนี้ผมพึ่งเชค 150,000 กิโลเมตร
พาร์ทที่ชำรุดต้องเปลี่ยนคร่าวๆดังนี้
เพลาขับหลัง ซ้ายขวา ( 36,000 บาท)
โช็คคู่อัพหน้า (19,000 บาท)
ยางแท่นเครื่อง
ยางแท่นเกียร์
ชุดอะไหล่หม้อน้ำ
ฯลฯ
รวมเฉียดแสนครับ รวมค่าแรงแล้ว
ซ่อมโดยศูนย์ก็ไล่พาร์ทที่จำเป็นต้องเปลี่ยน ช่างก็มืออาชีพดี รถทนทานใช้ยาวๆครับ ไม่มีปัญหากวนใจ
เฉียดแสน :-* :-[ :P
-
รถใช้ดีจริงครับ เงียบและนุ่ม แต่มันไม่ได้ให้ความรู้สึกแรงนะ เทียบกับแคมรี่ไฮบริด
ของผมเพิ่งเช็ค 6 หมื่นโลไปจ่ายไป 15,000 ยังไม่โดนอย่างที่หลายท่านบอก แต่สงสัยต้องเริ่มหาอู่นอกไว้บ้างแล้ว
คันแคมรี่ที่ผ่านมา 4 หมื่นโล หลักไม่กี่พัน (ไม่ได้เอาไปเอง ไม่ได้จ่าย เลยจำไม่ได้ครับ)
ให้เลือกผมก็คงเอา Lexus แต่ถ้าห่วงเรื่องซ่อมบำรุงแนะนำให้เอียงไปทาง D segment ครับ