Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: tew ที่ กรกฎาคม 12, 2016, 06:58:01
-
ผมเห็นราคารถ ที่ญี่ปุ่น ประมาณ ล้านสามแสนบาท แต่ขายในไทย ห้าล้านสองแสนบาท ที่ญี่ปุ่น สามล้านสามแสนบาท แต่ในไทย สิบล้านบาท ผมว่าเป็นแบบนี้เราไปซื้อที่ญี่ปุ่นเองแล้วทำเรื่องนำเข้าเองน่าจะประหยัดได้เยอะอยู่นะครับ ในเมื่อศูนย์บริการในไทยก็มียุแล้ว หรือข้ามไปซื้อที่อังกฤษ ราคาก็ไม่แพงเหมือนกัน
-
ราคาเข้าไทยมันแพงเพราะ ภาษีครับ ภาษีรถนำเข้าคิด 200% ของราคารถ เช่นรถราคา 1 ล้านบาท เจอภาษีเข้าไทยอีก 2 ล้าน รวมเป็น 3 ล้าน ไหนจะค่าขนส่งอีก
รถที่ผลิตในไทยก็เช่นกัน อย่างญี่ปุ่นเขาคิดภาษีรถยนต์แค่ ภาษีมูลค่าเพิ่มตามเกณฑ์ปกติของประเทศเขา แต่ของไทย ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ภาษีภาษีสรรพสามิตอีก15-30%แล้วแต่รุ่นรถยนต์ ไหนจะภาษีชิ้นส่วนนำเข้าอีก ราคามันก็เลยอย่างที่เห็นกันนั้นล่ะครับ
-
ไทยตั้งกำแพงภาษีไว้สูงมาก เพราะต้องการปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ
แม้จะเป็นรถยนต์ที่คุณไปเรียนที่ญี่ปุ่นใช้งานไปแล้ว 2 - 3 ปี แล้วทำเรื่องส่งเข้ามา ก็เจอภาษีสูงอยู่ดี ไม่งั้น รถมือสองที่ปลดประจำการไม่เกิน 10 ปี ก็ทะลักเข้ามาในไทยหมด
ด้วยเหตุนี้แหละครับ จึงไม่มีใครนำเข้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าที่นั่นราคารถมันถูกมากๆ ถ้าเทียบกับของไทย
-
ซื้อที่ญี่ปุ่นแล้วนำเข้ามาไทย
ถ้าทำทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมาย
ก็โดนภาษีเพิ่มเหมือนเดิมครับ ราคาก็ไม่ต่างจากซื้อที่ไทย
-
ราคารถ +ค่าขนส่ง + ภาษีนำเข้า + สรรพสามิต
เสร็จสรรพอาจถูกหรือแพงกว่าการซื้อจากตัวแทน
ราคาที่ใกล้เคียงคือ grey ช่วงแข่งราคา
แต่ปัญหาคือจะดักราคาถูกจังหวะไหม
ซื้อมาแล้วต้องไปยื่นแบบกับขนส่ง ทำเรื่องเอาของออก ทำทะเบียน ซ่อมดูแลยังไง
ถ้าไม่ใช่รถหายาก รุ่นพิศดารจริงๆ ซื้อศูนย์หรือเสี่ยงซื้อ grey อาจจะดีกว่า
-
แนะนำ ซื้อที่ลาวหรือพม่าครับ เดี่ยวAECเปิดแล้ว ขับได้สบาย อิอิ
-
จากที่ลองสังเกตในเว็บ www.car.go.th (http://www.car.go.th) แบรนด์ญี่ปุ่นรถหรูเจ้านึงที่หลายคนชอบบอกว่าตั้งราคาแพงไม่เกรงใจเพื่อนๆ เท่าที่ดูจากสเปคเครื่องยนต์ขนาดสั่ง Hybrid มาขาย ค่า CO2 พุ่งยังกะเครื่องดีเซล
ยิ่งพวกรุ่นระดับ 5+ ล้านนี่ก็ไปสั่งเอาเครื่องยนต์เบนซิน 3,200+ CC (ปกติเบนซินค่า CO2 มากกว่าดีเซลอยู่แล้วด้วย) มาขายพ่วง Hybrid คือดูยังไงก็ไม่เห็นหนทางที่จะราคาถูกลงได้สักเท่าไร ทั้งภาษีนำเข้า+สรรพสามิตตามค่า CO2 ยังห่างเพื่อนร่วมกลุ่มอยู่มาก
-
เฮ้อ ... ตั้งกำแพงภาษี + เก็บภาษีหลายอย่าง
แล้วเอาเงินภาษีไปไหนหมดนะ :P
-
จริงๆแล้วถ้าเอาราคาที่ขายในไทย เทียบกับราคาญี่ปุ่น หรือประเทศอื่นๆ มันก็เหมือนเราจ่ายภาษี100% อยู่แล้วครับ
รถในไทยเอากำไรเยอะ เวลาขายไม่ออก ลดแสนสองแสนยังไม่ขาดทุน
ดู Hyundai Veloster จาก 1.29ล้าน เหลือ 9.5แสน
หรือ Subaru XV ที่ลดเหลือ 9 แสนกว่า
หรือ Fotuner 9.9แสน
เยอะนะ
ของบางอย่างไปเห็นต้นทุนก็ทำเอาเครียดเหมือนกัน ดังนั้นปิดหูปิดตาไม่รู้เลยก็ดีเหมือนกันครับ
-
เป็นผมนะ จะคิดว่าไปอยู่ประเทศนั้นๆซื้อขับใช้จริงเลยดีกว่า แต่ยากอยู่ครับ
เฮ้อ ... ตั้งกำแพงภาษี + เก็บภาษีหลายอย่าง
แล้วเอาเงินภาษีไปไหนหมดนะ :P
นั่นสิน้าาาาาา
-
เอารถเข้ามาเองถ้าไม่รู้จักใครผมว่าแพงกว่าซื้อในนี้อีกครับ เพราะค่านู่นนี่เยอะมาก ขั้นตอนก็เยอะ
-
ถ้ามันไม่ใช่รถแปลก หรือเป็นรุ่นที่แบบว่า "ตูจะเอาตัวนี้เท่านั้น" ก็ยอมซื้อในไทยสบายๆตัวกว่านะครับผมว่า ;D
-
บังเอิญประธานบริษัท จะขายรถเวลฟร์มาให้ แต่ติดหลายเรื่อง เลยเปลี่ยนไปเป็นทำเรื่องขอนำรถเข้ามาใช้ในราชอาณาจักร เสียแค่ภาษีนำเข้าและค่าขนส่ง ได้ผลค่าภาษีที่จะต้องจ่าย ราวๆ 2.79 ล้านบาท ถอดใจไปเลยคับ ดูราคาป้ายแดงทั้งเกร์ยและพี่โตในบ้านเรา ก้อส่ายหัวต่อรอบสอง ราคาไปเกินครึ่งที่ซื้อในญี่ปุ่นเลย
-
ผมเห็นราคารถ ที่ญี่ปุ่น ประมาณ ล้านสามแสนบาท แต่ขายในไทย ห้าล้านสองแสนบาท ที่ญี่ปุ่น สามล้านสามแสนบาท แต่ในไทย สิบล้านบาท ผมว่าเป็นแบบนี้เราไปซื้อที่ญี่ปุ่นเองแล้วทำเรื่องนำเข้าเองน่าจะประหยัดได้เยอะอยู่นะครับ ในเมื่อศูนย์บริการในไทยก็มียุแล้ว หรือข้ามไปซื้อที่อังกฤษ ราคาก็ไม่แพงเหมือนกัน
คิดยังไงนี่ ถ้าทำได้แบบที่คุณคิดหมด บริษัทรถเจ๊งไปหมดแล้ว
-
ประเด็นอยู่ที่ภาษีนำเข้า+VAT7%+ภาษีอื่นๆๆ(ถ้ามี)
-
บวกทุกอย่างแล้ว พอๆกับซื้อที่ไทยนี่แหละครับ
-
เฮ้อ ... ตั้งกำแพงภาษี + เก็บภาษีหลายอย่าง
แล้วเอาเงินภาษีไปไหนหมดนะ :P
ไม่เอาไม่เอาไม่ถามแบบนี้ >< ผมขอเรือดำน้ำสักลำคงจะเข้าท่าดีครับ ;D ;D ;D ;D ;D
-
แนะนำ ซื้อที่ลาวหรือพม่าครับ เดี่ยวAECเปิดแล้ว ขับได้สบาย อิอิ
หวังว่าคงไม่ใช่ ย้อมแมว ขโมยจากไทยไปฝั่งโน้น แล้วซื้อกลับมาเนาะครับ (ถ้าชัวส์ ก็ต้องพวงมาลัยซ้าย)
;D
-
ไทยตั้งกำแพงภาษีไว้สูงมาก เพราะต้องการปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ
แม้จะเป็นรถยนต์ที่คุณไปเรียนที่ญี่ปุ่นใช้งานไปแล้ว 2 - 3 ปี แล้วทำเรื่องส่งเข้ามา ก็เจอภาษีสูงอยู่ดี ไม่งั้น รถมือสองที่ปลดประจำการไม่เกิน 10 ปี ก็ทะลักเข้ามาในไทยหมด
ด้วยเหตุนี้แหละครับ จึงไม่มีใครนำเข้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าที่นั่นราคารถมันถูกมากๆ ถ้าเทียบกับของไทย
ซึ่งงกำไรก็กับไปประเทศเขาอยู่ดี สรุปกำแพงภาษีแต่เพื่อต่างชาติ เรามีผพอยได้เรื่องการจ้างงาน กะขยะมลพิษที่ประเทศเหล่านั้นค่าใช้จ่ายในการกำจัดสูงและภาษีนิดหน่อย
-
เฮ้อ ... ตั้งกำแพงภาษี + เก็บภาษีหลายอย่าง
แล้วเอาเงินภาษีไปไหนหมดนะ :P
ใช่เลยครับ ตั้งภาษีสูง แล้วเงินภาษีเอาไปไหน จะก่อสร้างอะไรที ยังต้องกู้ในกู้นอก ยังต้องให้เอกชนลงทุนต่างชาติลงทุน
ต้องย้อนไปดูสมัยรัฐบาลไหนที่เริ่ม ตั้งภาษีกระโดดพรวด กรุยทางทำเลวไว้ให้
รัฐบาลต่อๆมาก็กินตามน้ำกันไป ไม่คิดแก้ไข
ช่วงนั้น รถรุ่นเดิมๆ ราคากระโดดเป็นเท่าตัว(ถ้ายังมีคนพอจำได้)
ปัจจุบัน คนในประเทศทั่วๆไป ก็ก้มหน้าหาเงินกันต่อไป รถราคาสูง(โดยใช่เหตุ) นี่เฉพาะเงินสด
ยังไม่นับรวมที่ ดาวน์น้อย ผ่อนนาน ดอกบานกันต่อไป ส่งเสริมให้ประชาชนเป็นหนี้
แต่ได้ใช้รถคุณภาพครึ่งหนึ่ง(1/2)หรืออาจไม่ถึงครึ่ง(1/3)ด้วยซ้ำ ของเงินที่ต้องจ่ายไปทั้งหมด
"หากสังคมมีแต่การหลอกลวง การพูดความจริงก็คือการปฏิวัติอย่างหนึ่ง"