Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Arado_kung ที่ กรกฎาคม 21, 2016, 21:08:01
-
- ผมสังเกตมานานล่ะว่าถ้าใช้งานสมบุกสมบันหน่อยรถยนต์ยุโรปจะทนมือทนเท้าสู้รถยนต์จากญี่ปุ่นไม่ได้รวมทั้งจุกจิกกว่า,อะไหล่แพงกว่า แต่พอมาเป็นรถบัสกับรถบรรทุกแล้วกลับกันเลย รถยุโรปนี่โคตรถึกวิ่งกันเป็นอาทิตย์ไม่ดับเครื่องก็ชิวๆ ถ่ายน้ำมันเครื่องทีนึง 30,000-40,000 โล รถญี่ปุ่น 10,000-20,000 โลก็ต้องถ่ายแล้ว อะไหล่เทียบทนๆราคาพอกับรถญี่ปุ่นก็มี ต่อให้เข้าศูนย์ตลอดคำนวณค่าบำรุงรักษาออกมาแล้วต่ำกว่ารถญี่ปุ่น มีจุกจิกบ้างก็พวกระบบไฟฟ้าที่บางครั้งเซนเซอร์มันเอ๋อ ประหยัดน้ำมันกว่ารถญี่ปุ่น ศูนย์มีไม่เยอะแต่ตายกลางทางมีรถโมบายมาดูถึงที่
- มีบริษัทนึงชอบใช้รถแบบวิ่งไม่ได้แล้วค่อยซ่อม ผลน่ะเหรอกรองโซล่าไม่เปลี่ยนจนตันรถตายกลางทาง ทายซิว่าเกิดอะไรขึ้น Benz,Scania เปลี่ยนกรองโซล่านั่งแย็กน้ำมันติดเครื่องได้วิ่งฉิวเป็นปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ส่วน Volvo ทำแบบเดียวกันติดเครื่องไม่ได้ ECU สั่งเข้า Safe Mode ไปแล้วต้อง Flash ECU ถึงติดเครื่องวิ่งได้
-
เครื่องรถยุโรปมันก็ทนนะครับ แต่ที่ไม่ทนน่ะอุปกรณ์ต่อพ่วงซะมากกว่า
ระบบไฟฟ้านี่เสียมันได้แทบทุกอย่าง ระบบHeaterที่ทำลายชิ้นส่วนต่างๆ
รถออกแบบมาใช้เมืองหนาวปิดห่มเครืองให้ร้อน พอมาเมืองไทยกลายเป็นเตาย่าง ท่อากาศยังกรอบครับ
-
เครื่องรถยุโรปมันก็ทนนะครับ แต่ที่ไม่ทนน่ะอุปกรณ์ต่อพ่วงซะมากกว่า
ระบบไฟฟ้านี่เสียมันได้แทบทุกอย่าง ระบบHeaterที่ทำลายชิ้นส่วนต่างๆ
รถออกแบบมาใช้เมืองหนาวปิดห่มเครืองให้ร้อน พอมาเมืองไทยกลายเป็นเตาย่าง ท่อากาศยังกรอบครับ
- พูดถึงปิดเครื่องให้ร้อนเพราะที่ยุโรปอากาศหนาว นึกขึ้นได้ว่ารถบัสเมืองไทยที่เอาแบบจากยุโรปมาใช้ก็เคยมีปัญหาแบบนี้ครับ แบบจากยุโรปส่งมาให้ฝาท้ายปิดด้านหลังห้องเครื่องเป็นแบบทึบหมด พอเข้าหน้าร้อนบ้านเราผลปรากฏว่าต้องเปิดฝาท้ายวิ่งไม่งั้นเครื่องจะร้อนจัดจนวิ่งไม่ได้ จนตอนหลังทางไทยต้องออกแบบฝาท้ายใหม่ให้มีช่องระบายพอให้วิ่งได้โดยไม่ต้องเปิดฝาท้ายวิ่งในหน้าร้อนครับ
- ถ้าเป็นรถบรรทุกมันก็มีฮีตเตอร์ติดมาให้เหมือนรถยนต์นะครับ แต่แอร์โคตรเย็นกลางคืนมีสั่น และก็ไม่เคยเจอปัญหาเรื่องฮีตเตอร์รั่วเลยแปลกเหมือนกันครับ
-
มันเป่นคำพุดกว้างจนไม่รุ้จะหาอะไรมาอ้างอิง
ผมใช้ยุโรปมาตั้งแต่w124 จน212 รถไม่มีปัญหาอะไร
ยังมองว่ามันทนนะ
ต่างกับHonda , ford ที่ผมใช้พอๆกัน
-
สังเกตว่า Mercedes Benz เป็นแบรนด์พรีเมียม สำหรับรถยนต์นั่งรถส่วนตัว
แต่กลับเป็นแบรนด์ตลาด สำหรับรถบัส รถบรรทุก ในไทย
-
มันเป่นคำพุดกว้างจนไม่รุ้จะหาอะไรมาอ้างอิง
ผมใช้ยุโรปมาตั้งแต่w124 จน212 รถไม่มีปัญหาอะไร
ยังมองว่ามันทนนะ
ต่างกับHonda , ford ที่ผมใช้พอๆกัน
- ญาติผมใช้มาตั้งแต่ W210 ยัน 212 เหมือนกัน แล้วก็มีรถญี่ปุ่นใช้ในบ้านด้วย เจ้าตัวก็บ่นว่าเทียบแล้วรถญี่ปุ่นจุกจิกน้อยกว่า(พอผ่านไปซักระยะ)
- หรือถ้าจะให้ผมเทียบช่วงล่างถุงลม Benz S-Class ทนกับถูกสู้ช่วงล่างถุงลมรถบัสหรือรถบรรทุก Benz ไม่ได้เลยครับ ฟังก์ชั่นการทำงานหลักๆเหมือนกันเป๊ะด้วย
-
ถ้าวัดกันที่กลไกล้วนๆ ยุโรปจะทนมากครับ คุณภาพโลหะเทียบกับญี่ปุ่นแล้วทางฝั่งยุโรปดีกว่า แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าข้ามาเกี่ยวข้อง ทางฝั่งญี่ปุ่นจะทำออกมาเสถียรกว่า รวนน้อยกว่านะเท่าที่พบ
-
น่าคิดนะครับ :o
-
ถ้าเป็นรถยุโรปตัวประกอบไทยอันนี้ผมว่าโอเคละนะไม่ค่อยมีปัญหาแต่ถ้าเป็นรถนำเข้าพอซื้อผ่านเกรย์ รถเหมือนไม่ได้ถูกเซตมาสำหรับไทยครับ
ส่วนใหญ่รถที่นำเข้ามาจะเป็นสเปค uk & hkg บางที่อาจจะมี singapore พอเป็นแบบนั้นความชื้นและความร้อน ความสกปรกมันต่างกันครับ
มีผลถึงตัวรถแน่นอนครับยิ่งโดยเฉพาะเซนเซอร์ต่างๆครับ
-
ผมไม่รู้ว่า จขกท เทียบในเเง่ไหนนะครับ
เเต่ถ้าพูดถึงรถยนตร์หรูกับรถบรรทุก รถยนต์มันก็ต้องจุกจิกกว่าอยู่เเล้ว
ทั้งเบาะฮีทเตอร ปรับไฟฟ้า หนังเเท้ที่ต้องดูเเล เเอร์ ระบบไฟ บลาๆ ระบบไฟฟ้าทั่วคัน เทียบกับรถบรทุกที่ไม่มีอะไรเลย เน้นการใช้งานบรรทุกของหนักๆ มันก็ต้องจุกจิกกว่าอยู่เเล้ว
ช่วงล่างก้ต้องเซตมาให้มีทั้งเเบบนุ่ม ทั้งสปอต ตามใจคนขับ ปรับได้ บางคันมีไฮบริดอีก ในขณะที่รถบรรทุกไม่ต้องสนอะไร เน้นทนไว้ก่อน อีกอย่างคือรถบรรทุกราคาก็ไม่ถูกนะครับ อย่าลืมว่าเบ๊น บีเอม เเพงเพราะภาษี เเต่รถบรรทุกนี่เเพงอยู่เเล้ว งบการทำรถทั้งหมดเเทบจะไปลงกับความคงทน เพราะเน้นมาใช้งานหนัก
-
ผมไม่รู้ว่า จขกท เทียบในเเง่ไหนนะครับ
เเต่ถ้าพูดถึงรถยนตร์หรูกับรถบรรทุก รถยนต์มันก็ต้องจุกจิกกว่าอยู่เเล้ว
ทั้งเบาะฮีทเตอร ปรับไฟฟ้า หนังเเท้ที่ต้องดูเเล เเอร์ ระบบไฟ บลาๆ ระบบไฟฟ้าทั่วคัน เทียบกับรถบรทุกที่ไม่มีอะไรเลย เน้นการใช้งานบรรทุกของหนักๆ มันก็ต้องจุกจิกกว่าอยู่เเล้ว
ช่วงล่างก้ต้องเซตมาให้มีทั้งเเบบนุ่ม ทั้งสปอต ตามใจคนขับ ปรับได้ บางคันมีไฮบริดอีก ในขณะที่รถบรรทุกไม่ต้องสนอะไร เน้นทนไว้ก่อน อีกอย่างคือรถบรรทุกราคาก็ไม่ถูกนะครับ อย่าลืมว่าเบ๊น บีเอม เเพงเพราะภาษี เเต่รถบรรทุกนี่เเพงอยู่เเล้ว งบการทำรถทั้งหมดเเทบจะไปลงกับความคงทน เพราะเน้นมาใช้งานหนัก
ส่วนตัวที่เคยเห็นระบบอำนวยความสะดวกของหัวลากรถยุโรป ผมว่าไม่น้อยหน้ารถเก๋งยุโรปเลยนะครับ
-
ผมไม่รู้ว่า จขกท เทียบในเเง่ไหนนะครับ
เเต่ถ้าพูดถึงรถยนตร์หรูกับรถบรรทุก รถยนต์มันก็ต้องจุกจิกกว่าอยู่เเล้ว
ทั้งเบาะฮีทเตอร ปรับไฟฟ้า หนังเเท้ที่ต้องดูเเล เเอร์ ระบบไฟ บลาๆ ระบบไฟฟ้าทั่วคัน เทียบกับรถบรทุกที่ไม่มีอะไรเลย เน้นการใช้งานบรรทุกของหนักๆ มันก็ต้องจุกจิกกว่าอยู่เเล้ว
ช่วงล่างก้ต้องเซตมาให้มีทั้งเเบบนุ่ม ทั้งสปอต ตามใจคนขับ ปรับได้ บางคันมีไฮบริดอีก ในขณะที่รถบรรทุกไม่ต้องสนอะไร เน้นทนไว้ก่อน อีกอย่างคือรถบรรทุกราคาก็ไม่ถูกนะครับ อย่าลืมว่าเบ๊น บีเอม เเพงเพราะภาษี เเต่รถบรรทุกนี่เเพงอยู่เเล้ว งบการทำรถทั้งหมดเเทบจะไปลงกับความคงทน เพราะเน้นมาใช้งานหนัก
ส่วนตัวที่เคยเห็นระบบอำนวยความสะดวกของหัวลากรถยุโรป ผมว่าไม่น้อยหน้ารถเก๋งยุโรปเลยนะครับ
จริงครับ หัวลากที่ไฮเทคไม่แพ้ตัวท็อปรถเก๋งเลยนะครับ บางอย่างดีกว่าและซับซ้อนกว่าด้วยซ้ำ
เพราะรถบรรทุกเมืองนอกเค้าวิ่งกันนานมากกกกกจนเหมือนเป็นบ้านอีกหลังเลยนะครับ นอนกันในรถไปเลย
ผมว่าตลาดรถบรรทุก กับรถเก๋งมันต่างกัน
รถเก๋งเปลี่ยนกันเรื่อยๆ รุ่นใหม่ออกก็เปลี่ยนตามเวลา (ภาพลักษณ์ บลาๆ)
แต่รถบรรทุกไม่ใช่ ผมเชื่อว่าเค้าจงใจทำมาให้ทน ไม่เหมือนรถเก๋งที่วิ่งแสนนึงก็อยากขายกันแล้ว
แต่รถบรรทุกเป็นล้านกิโล ถ้าทำมาไม่ทน ก็เจ๊งแน่ๆครับ
-
เครื่องรถยุโรปมันก็ทนนะครับ แต่ที่ไม่ทนน่ะอุปกรณ์ต่อพ่วงซะมากกว่า
ระบบไฟฟ้านี่เสียมันได้แทบทุกอย่าง ระบบHeaterที่ทำลายชิ้นส่วนต่างๆ
รถออกแบบมาใช้เมืองหนาวปิดห่มเครืองให้ร้อน พอมาเมืองไทยกลายเป็นเตาย่าง ท่อากาศยังกรอบครับ
..+ 1 ครับ... :) :)
-
ผมว่ามันก็ทนนะครับ รถยุโรป 20 ปี กับ ญี่ปุ่น 20 ปี เท่ากัน รถยุโรปดูยังใช้งานต่อได้ ต่างกับรถญี่ปุ่นที่เก่า เสียจนซ่อมไม่ไหว
-
ผมเห็นรถยุโรปเก่าๆวิ่งกันเต็มเมืองเลย
-
ผมว่ามันก็ทนนะครับ รถยุโรป 20 ปี กับ ญี่ปุ่น 20 ปี เท่ากัน รถยุโรปดูยังใช้งานต่อได้ ต่างกับรถญี่ปุ่นที่เก่า เสียจนซ่อมไม่ไหว
จริงมากครับ
แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า ต้องดูว่าเป็นรถยุโรปยี่ห้ออะไรด้วยครับ
และรถญี่ปุ่น แม้แต่โตโยต้า บางรุ่นก็ไม่ได้ดี ทนทานอะไรเลย เพราะเน้นลด cost มากมาย
-
ผมว่ามันต้องดูเป็นรุ่น ๆ มากกว่า
-
จริงเหรอครับรถยุโรปไม่ทนเท้าแถมจุกจิก
ผมว่ามันทนมากๆ นะ ขนาด C220 W202 ของญาติผม ใช้มา 20 ปีได้ละ ยังไม่พังเลย มีอาการก็ซ่อม ก็ใช้ต่อมาแบบสบายๆ ไม่เห็ฯพังซักที ทนเท้าทนมือจริงๆ