Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Zachary C ที่ กรกฎาคม 27, 2016, 09:09:14
-
สวัสดีครับเพื่อนๆ
ขออนุญาตออกตัวก่อนว่า ไม่เคยใช้/ขับ Mazda รุ่นใดๆทั้งสิ้น เพราะที่บ้านใช้แต่ รถตลาดยี่ห้อ H ด้วยเหตุที่ว่ามีศูนย์บริการใกล้บ้าน ที่พูดคุยกันได้ และส่วนตัว ชอบแนวคิดของยี่ห้อ H ที่ว่า Man Maximum, Machine Minimum
ประเด็น คือ ผมได้เห็นนักวิจารณ์หลายๆสำนัก ในและนอกประเทศ ให้คะแนนการขับขี่ที่สนุก มั่นใจ กับ Mazda มาก จนแอบสงสัยครับ ว่า:
1) Mazda มีเทคโนโลยีใด เป็นพิเศษ เช่น ระบบช่วงล่าง การออกแบบรถ ที่ทำให้ได้รับเสียงชมเชย นำเจ้าตลาด?
2) เจ้าตลาด ทั้งยี่ห้อ T และ H ก็สามารถทำรถที่ขับ 'สนุก' ได้ หรือไม่ครับ? และถ้าทำได้ ทำไมถึงไม่ทำ/ปรับปรุง เพื่อให้ดีขึ้น
ป.ล. ผมเองแอบสนใจ Mazda 3 อยู่ครับ แต่ที่ปลายปีนี้ตั้งใจจะออก Civic ก็คงเป็นเพราะ การบริการหลังการขาย อะไหล่ และราคาขายต่อ ที่ 'น่าจะ' ดีกว่า ในกรณีที่ผมต้องใช้รถคันเดิมนับ 10 ปี
ยอมรับว่า แอบถามตัวเองบางครั้งครับ ว่านี่เราเลือกรถจากตัวรถเอง หรือ เลือกเพราะเรื่องอื่น
ขอบคุณครับผม ::)
-
ไม่ได้ดีอันดับต้นๆ ของรถญี่ปุ่นแน่นอน ไม่งั้นก็ครองโลกสิ (ไม่ได้กวน)
เพียงแต่ระยะหลังมานี่เขาเลือกที่จะสร้างความแตกต่างให้กับตัวเอง ขืนเดินตามเขา ทำแค่ว่า สำหรับคนใช้ทั่วๆ ไป ทำมาแล้ว ตามเขาไม่ทัน คนไม่ซื้อ ตายแหง๋แก๋ ก็เลยต้องเลือกสร้างแนวทางเป็นของตนเอง เลือกที่จะแตกต่าง เอาลูกค้าเฉพาะ จึงเป็นความแตกต่างที่เกิดขึ้น
แต่เชื่อเหอะ ยังไงๆ ก็รถที่สร้างมาสำหรับคนขับทั่วๆ ไป ทุกระดับ นั่นแหละ ครองโลก
-
การเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต่างกันของแต่ละค่ายมั้งครับ รสนิยมคนมีหลายแบบ แฮนด์ลิ่งดีของอีกคนอาจจะไวไปสำหรับอีกคน ช่วงล่างนุ่มนวลของอีกคนอาจจะย้วยสำหรับอีกคน ช่วงล่างเฟิร์มของอีกคนอาจจะแข็งเกินไปกับอีกคน อย่างเช่นมาสด้า 2-3 ผมมองว่าเค้าไม่ได้คิดจะตีตลาดรถครอบครัวเลยนะ เรนเจอร์WT ก็คงไม่คิดตีตลาดรถเพื่อการพานิชเหมือนกัน
-
ไม่ได้ ดีกว่า ในภาพรวม
แต่สวยกว่า
หรูกว่า
คุ้มค่ากว่าครับ
คือ รถเค้า แหวกแนว ฉีกมากกว่าครับ
-
1. อาจจะเป็นแนวคิดในการผลิตรถครับ บางคนเค้าไม่ชอบนะรถ Handling คมๆ อะ ทาง Toyota กับ Honda อาจจะวิจัยมาแล้วว่าพวงมาลัยต้องสาวเยอะๆ กับพวงมาลัยเบาๆ เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยมากกว่า รถในไทย Handling ดีๆ ก็มีหลายยี่ห้อครับ Subaru ผมว่าก็ดีไม่ต่างจาก Mazda อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่ Mazda มันเป็นรถตลาดบนไปแล้ว(คนซื้อเยอะ) เหมือน Toyota Nissan Honda น่ะครับ เลยถูกชมมากกว่า
2. ทำได้ครับ ดู Lexus กับ Civic สิครับ ขับดีใช้ได้ มี Handling ที่ดี โดยเฉพาะ Lexus นี่ Mazda ขับสู้ไม่ได้นะครับในหลายๆ รุุ่น เพียงแต่ถ้าเค้าทำมาดีเกิน ใครจะซื้อ Lexus ล่ะครับ (แต่เอาจริงคนไทยก็ไปซื้อ BMW กับ MB เกือบหมด)
ผมว่าจุดประสงค์ของการซื้อรถมันต่างกันแต่ละคนครับ คนซื้อ Honda เพราะดีรวมๆ หลายอย่างและเป็นเจ้าตลาด ส่วน Toyota ก็เน้นความถึกทนไม่จุกจิกอะไหล่หาง่าย ศูนย์ดี
ส่วนตัวผมซื้อรถที่ชอบครับ อาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่เราใช้มันแล้วมีความสุขแค่นั้นก็พอครับ (แต่อย่าเสียจนคนติดป้ายด่าละกัน)
-
1. ถ้า จขกท ได้ลองขับ จะรู้เองว่าต่างจากเจ้าตลาดยังงัย เพราะเทคโนโลยีที่ใส่ก็พูดกันได้ทุกเจ้า
สมรรถนะ และสิ่งที่ตาเห้นต่างหาก ที่สามารถพิสูจน์ได้ ซึ่งเท่าที่จับความรู้สึกได้ คิดว่า พาร์ทของช่วงล่าง M
น่าจะซับซ้อนกว่าและ วัสดุภายใน ดีกว่า เจ้าตลาด
2. ทำได้ครับ แต่ต้องเข้าใจ เรื่อง กำไร ขาดทุน ก่อน สมมุติประสิทธิภาพช่วงล่าง 80% ต้องลงทุน 100
แต่ถ้าลดลงเหลือ 60% ลงทุน 50 แน่นอนเจ้าตลาดเลือกอย่างหลัง เพราะประสิทธิภาพก็ยังสูงอยู่
ซึ่งเมื่อคิดต้นทุนจะพบว่า 1 คันก้ลดไป 50 ถ้า ล้านคัน ก้ลดไป 50 ล้าน ต้นทุนลด กำไรก็เพิ่ม ใครจะไม่ทำ
ปล. ประเทศไทยเรา ไม่เอื่อให้ เจ้ารองสู้เจ้าตลาดได้มากเท่าไหร่ เหตุผลง่ายๆ คือราคารถ ที่มันสูงมาก
คนเลยไม่กล้าเสี่ยงที่จะเล่นเจ้ารอง ยกเว้นว่าจะมีจุดเด่นที่มากกว่ากันชัดเจน อย่าง 3 เป้นต้น
ถ้าเป้นแบบอเมริกา ที่รัฐผลักภาระให้ประชาชน เปลี่ยนรถใหม่ด้วยโครงสร้างภาษี และราคารถไม่แพง
ป่านนี้ สัดส่วนเจ้าตลาด กับเจ้ารอง ในไทยเรา คงไม่ห่างกันมากอย่างเช่นที่เห็นกัน
-
น่าหา Mazda มาใช้บ้างล่ะ ::) ::) ::)
-
ช่วงล่างดี ออกแบบสวย .... แต่ที่ขายไม่ดีในบ้านเรา ผมว่าเป็นเรื่องของความทนทาน และศูนย์บริการ
-
จริงๆ ดูจาก car of the year Japan ก็น่าจะพอเห็นแล้วว่า Mazda ได้รับการชื่นชมจากคนญี่ปุ่นเหนือจ้าวตลาดอย่าง Toyota Honda Nissan
ทั้ง CX5 Mazda2 MX5
ผมมองว่า Mazda เลือกที่จะทำแนวทางของตนเองที่เน้นไปที่ "การขับขี่" เพื่อสร้างความแตกต่างจากจ้าวตลาด (มันก็กลยุทธ์การตลาดธรรมดานี่แหละ)
ขืนไปแข่งเหมือนๆ กันสิ มีแต่ตายกับตาย แต่ก็ต้องทำใจว่ามันไม่ใช่รถของ "คนส่วนใหญ่" ซึ่งเป็นแนวทางที่จ้าวตลาดเค้าเน้นอยู่
-
มีข้อดี ย่อมมีจุดด้อยครับ
ใช้ Mazda2 รุ่นที่แล้ว ช่วงล่างเดิมๆมันดีมากกว่ารถบ้าน B-Segment ทุกคันที่ผมเคยขับมาในตอนนั้น
ศูนย์บริการที่คุณภาพการบริการดีดีก็หาได้ไม่ยาก ค่าซ่อมบำรุงอาจแพงกว่านิด แต่ไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่
แต่พี่แกก็เน้นการขับขี่มากเสียจนภายในมันดูแคบเกินไป
จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็น Jazz GK ที่ช่วงล่างลดความมั่นใจในการขับขี่ของผมไปอย่างชัดเจน
(ขนาดภรรเมียที่ไม่ได้รู้เรื่องรถ ยังทักเลยว่า Mazda2 คันเดิมขับดีกว่าชัดเจน เอาละสิ!!!!)
แต่ก็ไม่เสียใจที่ออก Jazz เพราะนั่งโปร่งสบายกว่ามาก ทั้งคนนั่งข้างและคนนั่งหลัง (แต่นั่งไกลก็เมื่อยอยู่ดีนะครับ)
ผมเชื่อว่าการออกแบบโดยรวมจะไม่สามารถให้ดีที่สุดได้ทุกด้าน หากต้องการเด่นด้านใด ก็ต้องยอมเสียอีกด้านหนึ่งไป
ไม่งั้นก็จะได้รถที่โดยรวมดี แต่ไม่เด่นสักอย่าง ซึ่งผมมองว่าถ้าเจ้าอื่นจะทำรถให้ใหญ่และเกาะถนนดี อัตราเร่งดีด้วย ราคาคงไปไกลและโดนต่อว่าอยู่ดีครับ
ถ้าอยากได้ทุกอย่างคงต้องไป S-Class หรือ Series-7 แล้วล่ะครับ ซึ่งเราก็จ่ายกันไม่ไหวครับ
-
ดีเป็นอันดับต้นๆ หรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ มีคนรู้จักหลายๆคนใช้ และได้พูดคุยกัน พบว่า เมื่อรถ mazda ผ่านการใช้งานไป 5 ปี ปัญหาจุกจิกก็มีมากเป็นอันดับต้นๆ เหมือนกัน เยอะกว่าเจ้าตลาด ภาพรวมของคุณภาพจะนับตรงนี้ด้วยหรือไม่?
-
จขกท. นะครับ จำได้ว่าเพื่อนที่เรียนจบมาด้วยกัน ซื้อรถคันแรกเป็น Mazda 2 และอีกสองสามปีต่อมา ก็เปลี่ยนรถ ซึ่งก็ยังเลือก Mazda 2 อีก
ผมเคยถามว่าทำไม ซึ่งเขาตอบว่า 'มันแตกต่างดี' ???
-
จขกท. นะครับ จำได้ว่าเพื่อนที่เรียนจบมาด้วยกัน ซื้อรถคันแรกเป็น Mazda 2 และอีกสองสามปีต่อมา ก็เปลี่ยนรถ ซึ่งก็ยังเลือก Mazda 2 อีก
ผมเคยถามว่าทำไม ซึ่งเขาตอบว่า 'มันแตกต่างดี' ???
ทุกวันนี้ Mazda ไม่แตกต่างละครับ ใครๆ ก็ใช้กัน ซึ่งลูกค้ากลุ่มที่ชอบแตกต่างเมื่อก่อน ตอนนี้น่าจะชอบรถตลาดแล้ว ก็ใช้ Mazda ต่อ ส่วนกลุ่มใหม่ที่ชอบแตกต่างซึ่งเป็นกลุ่มเล็ก อาจจะไปใช้พวก Subaru อะไรงี้แทน
-
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การวิจารณ์ ของนักวิจารณ์จริงๆ ที่ไม่ใช่ ชาวบ้านวิจารณ์ เขาจะวิจารณ์กันแค่ตัวรถ
นั่งขับแล้ว ถกมาเป็นฉากๆ ไม่เหมือนชาวบ้านวิจารณ์ ที่ขุดมาถ่มถุยกัน
1) Mazda มีเทคโนโลยีใด เป็นพิเศษ เช่น ระบบช่วงล่าง การออกแบบรถ ที่ทำให้ได้รับเสียงชมเชย นำเจ้าตลาด?
- Mazda เขาเซตรถมาเน้นที่การขับขี่ ช่างล่าง อัตราเร่ง อัตราประหยัดน้ำมัน มันลงตัว เลยได้รับเสียงชมเชย
2) เจ้าตลาด ทั้งยี่ห้อ T และ H ก็สามารถทำรถที่ขับ 'สนุก' ได้ หรือไม่ครับ? และถ้าทำได้ ทำไมถึงไม่ทำ/ปรับปรุง เพื่อให้ดีขึ้น
- ทำได้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อถูกตีตราว่าเป็นเจ้าตลาด บริษัทจะให้มาดีที่สุดทำไม ในเมื่อทำกลางๆ ยังไงก็ขายได้
**** สมมุติ ถ้าไม่ให้แต่ละยี่ห้อมาทำตลาดในไทย แต่ให้ทุกยี่ห้อ ส่งรถ model c segment มาตีตรายี่ห้อให้เป็น ยี่ห้อ Thailand only เหมือนกันหมด ทั้งประเทศมีขายแต่ยี่ห้อ Thailand only แล้วมาลองดูว่า Model ไหนจะขายได้เยอะสิ
-
ดูยอดขายรวมทั่วโลกแล้ว
ผมว่า แต่ละยี่ห้อ มีแนวทางต่างกันไป
-
รถแต่ละคันมักจะชูจุดเด่นที่แตกต่างกันไปคนละด้านครับ มาสด้าคือช่วงล่าง ฮอนด้าคือเครื่องที่ไม่มีระบบอัดอากาศเน้นวาล์วแปรผัน โตโยต้าเน้นการใช้งานด้านความกว้างนั่งสบาย มันเป็นแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว :-X ถ้าถามว่าเจ้าตลาดจะทำให้รถมีช่วงล่างที่ดีขึ้นได้ไหม? คำตอบคือได้สบายมากจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ ประเด็นนั้นอยู่ที่ว่าจะทำขายหรือเปล่าเท่านั้น อย่างที่บอกว่าแต่ละยี่ห้อมีการสร้างจุดเด่นของตัวเองแตกต่างกันไปเพื่อให้มีที่ยืนในตลาด การที่จะทำรถที่มีข้อดีคร่อมข้ามล้ำมาในส่วนของข้อดีอีกยี่ห้อนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งในแง่ของการฟาดฟันของแนวคิดของในองค์กรณ์ก่อนที่จะออกมาเป็นแผนการผลิตจริงและในส่วนของต้นทุนการผลิตที่จะต้องเพิ่มขึ้นอีกหากต้องการทำรถที่มีข้อดีฉีกแนวออกไปจากเดิมๆ :-X
ถ้ามองถึงข้อดีของช่วงล่างในรถญี่ปุ่นบ้านๆเน้นทำกำไร เหตุที่มาสด้าทำช่วงล่างออกมาได้ดีกว่านั้นมาจากหลายสาเหตุเช่นมีการใช้โครงสร้างตัวถังที่มีความแกร่งมากกว่ารวมถึงชิ้นส่วนต่างๆที่หนักกว่า ห้องโดยสารที่ออกแบบให้อยู่กึ่งกลางระหว่างฐานล้อทั้งสอง ในกรณีของโตโยต้ากับมาสด้าก็จะเป็นเรื่องของรูปแบบช่วงล่างที่ต่างกันตรงที่อัลติสเป็นหน้าอิสระหลังคานบิดเน้นผู้โดยสารนั่งสบายซับแรงกระแทกเป็นหลัก ต่างจากมาสด้าที่อิสระมัลติลิงค์ทั้งหน้าและหลังแบบซับรองกระแทกน้อยกว่าเพื่อให้การทรงตีวในความเร็วสูงและโค้งดีกว่า ??? ทีนี้การจะทำให้ซีวิคกับอัลติสมีช่วงล่างที่เกาะถนนดีขึ้นมาบ้างล่ะ? ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นจากตรงนี้แล้ว ลูกค้าอัลติสที่เน้นนั่งนิ่มๆก็จะไม่ชอบใจกับช่วงล่างอัลติสใหม่ที่มันแข็งกระด้างมากขึ้นเพราะเค้าต้องการความสบายไม่ใช่ที่สมรรถนะ หากจะทำให้ตัวถังแกร่งขึ้นและชิ้นส่วนที่รองรับแรงกระทำจากช่วงล่างทำได้ดีขึ้นน้ำหนักตัวก็จะตามมาและจะมีผลด้านอัราเร่งและการกินน้ำมันที่จะแย่ลง ฮอนด้าที่เน้นเครื่องไม่มีระบบอัดอากาศแรงบิดรอบต่ำน้อยก็จะมีปัญหาในจุดนี้ ถ้าจะมาลองหดพื้นที่ห้องโดยสารลงเพื่อให้ห้องโดยสารอยู่กึ่งกลางฐานล้อแบบมาสด้าบ่างล่ะ? ฐานลูกค้าที่ชื่นชอบขนาดห้องโดยสารโวยแน่ๆ กรณีนี้เห็นได้ในการพัฒนาช่วงล่างของซีวิคใหม่ที่มีการลดขนาดฐานล้อลงเพื่อแก้ปัญหาท้ายดิ้นยามที่ตัวถังเริ่มบิดในซีวิคFDและFBและลดระยะห่างของท้องรถและพื้นลงเพื่อให้มีความมั่นคงมากขึ้น แต่เรื่องของระบบช่วงล่างส่วนอื่นๆ yaw control และจุดศูนย์ถ่วงกึ่งกลางรถก็ยังแตกต่างกันอยู่ตามแบบฉบับของแต่ละยี่ห้อเค้า :o
ถ้าจะหารถญี่ปุ่นที่ใกล้เคียงพร้อมสรรพทุกด้านที่เป็นรถบ้าน มีทั้งการเกาะถนนและการควมคุมที่ดี พลกำลังเครื่องยนต์ที่มีเรี่ยวแรง สามารถเอามามาตบแต่งต่อยอดได้หลากหลายแนวสนุกสนานได้อีกหลายสิบปีผมยกให้ GT86/BRZ เป็นขวัญใจอันดับหนึ่ง :-* เสียอย่างเดียวก็คือ........ราคาที่โดนภาษีเข้าไปแล้วดีดตัวสูงกว่ารถญี่ปุ่นบ้านๆขึ้นไปอีกอย่างไม่น่าจะเป็นเลย :'(
-
มาสด้าได้ knowhow บางส่วนมาจากฟอร์ด เพราะช่วงทีฟอร์ดถือหุ้นในมาสด้า รถบางรุ่นใช้แพลทฟอร์มเดียวกัน ทำให้มาสด้าได้ความรู้มาโดยปริยาย (ขณะที่ฟอร์ดก็ได้มาสด้ามาช่วยแชร์ต้นทุนการดีไซน์รถ)
ขณะเดียวกันฟอร์ดในยุโรปซึ่งต้องแข่งกับรถยุโรป เลยต้องพัฒนาช่วงล่างให้สู้กับรถยุโรปได้
สรุป การที่มาสด้าเคยตกเป็นเมืองขึ้นของฟอร์ด ก็ได้ฟิลลิ่งบางส่วนของรถยุโรปมาโดยอ้อมครับ
-
สมัยที่ผมจะซื้อ mazda 2 ผมทดลองขับทุกคัน ยกเว้น vios (ตัดออกไปซะงั้น)
คันที่ผมชอบที่สุดคือ swift 1.6 M/T สุดยอดจริง ๆ แต่งบไม่ถึงครับ
เลยลดลงมาเป็นอันดับ 2 คือเจ้า Mazda 2 M/T
คนไม่รู้เรื่องรถแบบผมตอนนั้นรู้สึกว่ามันขับง่าย สนุก แค่นี้โอเคเลย
เรื่องผู้โดยสารตอนหลังเหรอครับ? 5555 ผมก็คิดแบบเดียวกับมาสด้าคือ "ช่างหัวมัน"
-
2) เจ้าตลาด ทั้งยี่ห้อ T และ H ก็สามารถทำรถที่ขับ 'สนุก' ได้ หรือไม่ครับ? และถ้าทำได้ ทำไมถึงไม่ทำ/ปรับปรุง เพื่อให้ดีขึ้น
ถ้าจำไม่ผิด T ก็เคยทำรถเดิมๆที่สุดติ่งในเกรด B seg ในตอนนั้นอย่าง vios turbo ที่ให้ trd เซ็ตตัวรถให้ใหม่เกือบทุกด้านไงครับ ผลิตขายในไทย 600 คันมั้ง ยังขายไม่หมดเลย มันแสดงให้เห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของ T ไม่แคร์กันมากกับจุดเด่นต่างๆของ vios turbo กลายเป็นว่าขายได้แต่กับคนใจรัก
-
มาสด้า ขับดีคุมรถง่ายกว่าชาวบ้าน ตั้งแต่สมัยขายเครื่องโรตารี่แล้ว 40-50ปี
ที่สำคัญราคาถูก ตีนต้นแรง รถเบา 0-100ต่ำกว่าสิบวิ ในราคาบ้านๆ ซ่อมง่าย
ขับได้ทุกวัน ขายต่อดี ทำให้ขายดีมากในเมกา และออสเตรเลีย ดีกว่าที่ยุ่นเองอีก
40ปีก่อน รถไม่เกินล้านจะวิ่งเกิน120 หืดขึ้นคอ แหกโค้งง่าย เครื่องแรงไม่มี
หรือมีก็กินแบบถังรั่ว อย่างแล่นเสีย งูกินเด็ก ใบพัด อยู่อู่มากกว่าอยู่บ้าน
แต่มาสด้าอยู่บ้านมากกว่าอยู่อู่ แรงด้อยกว่า จุกจิกน้อยกว่า เครื่องโรตารี่ยุคนั้น
คนไทยยังไปทำแข่งกันก็เยอะ คาร์บู4ท่อ ตั้งง่ายกว่า คาร์บูคู่เยอะ
รถช่วงล่างดี พวงมาลัยคม ต้องแลกมาด้วยชิ้นส่วนช่วงล่างที่ใหญ่ ทำให้ห้องโดยสารแคบ
เบาะหลังแทบไม่มีที่เหยียดขา การดูและต้องตามระยะ และเจ้าของต้องใส่ใจ
จะลากขับแบบไม่พังไม่ซ่อมไม่ได้ ของแบบนี้ต้องแลกกัน
สามห่วง ตัวเฮด ทำได้แต่รุ่นที่ทำขายไม่ดี สมัยก่อนยังมีสกายไลน์ด้วย
ตัวแทนมาสด้าทำตลาดแบบกลัวรวยมาตลอด รุ่นไหนขายดีรอนานจนเปลี่ยนใจก็มี
และขาดเครื่องแรงแต่กินน้ำมันมาก เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น งูกินเด็กก็เจอแบบเดียวกัน
จนกลายพันธุ์มาเป็นรถขับหน้า เครื่องก็ไม่ค่อยแรงและประหยัดนัก
จนมายุคสกาย แอคทีพ ที่เครื่องแรงขึ้น ประหยัดขึ้น รถนน.เบาลง
แต่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ค่ายนี้คือ รูปทรงที่งดงาม ขับขี่ดี ช่วงล่างเยี่ยมโดยเฉพาะเลี้ยวสี่ล้อ
และเครื่องโรตารี่ ที่พัฒนาได้ทนทาน ประหยัดใกล้เคียงรถบ้านทั่วไปที่แรงใกล้กัน
ดูแลรักษาไม่จุกจิกมากเท่างูกินเด็ก แต่มักเอาไปยำจนรถเสีย และเจ้าของบางคนไม่อ่านคู่มือ
และศึกษาเครื่องโรตารี่ ใช้ความเข้าใจแบบเครื่องลูกสูบ พอเครื่องพังก็โทษแต่รถ
รถสูบหมุน ขนาดเล็ก นน.เบา ศูนย์ถ่วงต่ำ แรงม้าต่อสูบไม่เกิน150แรงม้า จะทนทานมาก
พร้อมการปรับแต่งที่รองรับกัน ต้องการตัวถังที่เบาเป็นพิเศษ และพื้นที่ให้ท่อไอดีขยับตัว
-
ดีเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่นแต่ยอดขายและความนิยมของคนญี่ปุ่นก็ยังเป็นรองเจ้าตลาดอย่างชัดเจน
10 อันดับรถญี่ปุ่นขายดีที่สุดประจำปี 2015
1.Toyota - 1,422,250
2.Honda - 381,278
3.Nissan - 378,268
4.Mazda - 200,842
5.Subaru - 123,985
6.Suzuki - 76,656
7.Isuzu - 74,730
8.Hino - 61,173
9.Lexus - 48,231
10.Mitsubishi - 40,456
ส่วนตัวผมว่ารถเขาดีในระดับนึงเช่นเคยขับเทียบ bk รุ่นอายุไล่ๆกับอัลติสหน้าหมูผมว่า mz ดีกว่านะแต่ก็ไม่ได้ฉีกแบบคนละคลาสกัน แต่เรื่องอะไหล่และเมนทีแนนซ์ซิอันนี้หละที่หนักใจ ศูนย์ซ่อมสีและตัวถังหลายจังหวัดยังไม่มีต้องขับข้ามจังหวัดกันซ่อม หรือจอดซ่อมรอสั้่งอะไหล่ทีสองเดือนรอช่างซ่อมอีกเดือน แบบนี้ใครอยากจะใช้หละครับ ผิดกับเจ้าตลาดจอดซ่อมอาทิตย์เดียวก็เสร็จแล้ว เข้าศูนย์ทีละพันนิดๆกับสองพันกว่าแบบนี้
ทุกวันนี้ยอดขายแซงมิตซูน่าจะเป็นผลเพราะกลยุทธการตลาดโหมโฆษณาทางวิทยุและทีวีมากกว่า ฃ
-
เจ้าตลาดไม่ทำแบบ Mazda แน่นอน เพราะคนส่วนใหญ่ ไม่ได้ซีเรียสกับการขับรถขนาดนั้น โค้งก็เข้าให้มันช้าลงหน่อย(แล้วก็คิดว่าช้ากว่ากันในโค้งไม่มากด้วย)
พื้นที่ห้องโดยสารกับการบำรุงรักษาสำคัญกว่า หลาย ๆ ครอบครัว มีรถคันเดียว
-
นักทดสอบเขาขับแค่คนสองคนจึงพูดถึงการขับขี่ที่เขาสัมผัสได้แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นรถที่ดีสำหรับทุกคนรวมถึงผู้โดยสาร รถที่ขับดีให้อารมณ์สนุกอาจจะไม่ตอบโจทย์ผู้ซื้อที่เป็นครอบครัว
-
รถแต่ลยี่ห้อ แต่ละรุ่น มี concept ในการออกแบบต่างกัน
บางค่าย เน้นทนทาน ไม่จุกจิก ไม่เน้น option
บางค่าย เน้นการออกแบบ
บางค่าย เน้นการขับขี่
ไม่มีใครดีไปทั้งหมดหรอก ... Mazda เองก็เช่นกันครับ
มี Mazda 2 ตัวที่แล้วอยู่ ตอนไปทดลองขับ โอววว มันเยี่ยม เยี่ยมมาก คันเร่งเซ็ทมาดี ตอบสนองไว / น้ำหนักพวงมาลัยดี คม ไว / ช่วงล่างดี / เบรคดี เหนือกว่า Jazz GE ที่บ้านมากมาย
แต่พอซื้อมา เจอทั้ง แกนพวงมาลัยดัง แก้ไม่จบ / ไฟหน้าขึ้นฝ้า ลอก ไม่ให้เคลม / เสียงก๊อกแก๊ก ทั้งคัน แก้ไม่หาย / ศูนย์ห่วยๆ ค่าดูแล แพงกว่า HONDA Jazz / แถมด้วย อัตราสิ้นเปลือง ยามเดินทางไกล กินจุกว่า Jazz GE มาก ประหยัดกว่า CRV แค่ 1 กม./ลิตร เอง
คิดเล่นๆว่า ถ้าต้องการขายรถสักคันออกไป ระหว่าง Jazz GE ที่วิ่ง 2 แสนกม. กับ Mazda 2 ที่วิ่ง 8 หมื่นกม. .... Mazda 2 จะโดนเฉดหัวออกจากบ้านก่อนเพื่อนเลยครับ รวมถึง ถ้าต้องเปลี่ยนรถใหม่ ค่าย Mazda จะเป็นค่ายท้ายๆที่คิดถึงครับ
...................
Jazz GE ที่ว่า ช่วงล่างห่วย ... ใส่ Dobinson + New SR ก็หนึบกว่า Mazda 2
๋Jazz GE ที่ว่า เบรคห่วย ... ใส่ Nsport Mu spec ก็เบรคดีกว่า Mazda 2 เยอะ
แต่ศูนย์ห่วยๆ รถไม่ทน ... มีเงินเท่าไหร่ ก็ไม่จบครับ ... รถ 2 แสนกว่ากม. ยังจุกจิกน้อยกว่า รถ 8 หมื่นกม.เลย คิดดู
-
มาสด้าได้ knowhow บางส่วนมาจากฟอร์ด เพราะช่วงทีฟอร์ดถือหุ้นในมาสด้า รถบางรุ่นใช้แพลทฟอร์มเดียวกัน ทำให้มาสด้าได้ความรู้มาโดยปริยาย (ขณะที่ฟอร์ดก็ได้มาสด้ามาช่วยแชร์ต้นทุนการดีไซน์รถ)
ขณะเดียวกันฟอร์ดในยุโรปซึ่งต้องแข่งกับรถยุโรป เลยต้องพัฒนาช่วงล่างให้สู้กับรถยุโรปได้
สรุป การที่มาสด้าเคยตกเป็นเมืองขึ้นของฟอร์ด ก็ได้ฟิลลิ่งบางส่วนของรถยุโรปมาโดยอ้อมครับ
+1 โดยรวมๆ มาสด้าขับดีที่สุดนะ ในบรรดารถญี่ปุ่นในไทย ทั้ง2,3
แต่คุ่แข่งมันเด่นกว่า
เช่น b seg มาสด้า2 ทั้งตัวเก่า และตัวใหม่ ขับดีกว่า วิออสซิตี้ แต่ผมเลือกcity
C seg มาสด้า3 Sky. ขับดีกว่า ทุกตัว แต่ c seg ผมเลือก. C seg เมกา
D seg. มาสด้าไม่มี หากมี ก้อน่าสน เลยเลือกaccord. ,Europe
-
มาสด้า ผมชอบ เครื่องเครื่องเบนซินตัวที่อยู่กับ M2 ประหยัดน้ำมันมากมากๆ ครับ
และมาสด้ากล้าทำเครื่องดีเซลตัวเล็กมาขายในเมืองไทยครับ
อื่นๆ ผมว่าก็ไม่ได้ดีจนหนีเจ้าอื่นๆ มากจนถึงระดับต่างถึง 20% นะครับ
-
รถในระดับเดียวกันมาสด้าเซตช่วงล่าง/พวงมาลัยได้ดีกว่าชาวบ้านเท่านั้นครับ
มันไม่ได้หมายความถึงมาสด้าเป็นรถที่ดีอันดับต้นๆเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมชาติ
คนรีวิวรถเขาไม่ได้นับเรื่องศูนย์บริการ และความทนทานในการรีวิวครับ
รถยี่ห้อไหนดีกว่ากัน ขับสนุกกว่า หรือทนทานกว่ากันอย่าไปแคร์ให้มันมากครับ
เลือกคันที่ท่านพอใจเป็นพอ
-
ผมเคยสัมผัส Mazda มาสด้ามาหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น protege, protege 5, 3 (G1, G2), 6 (G1), 2 (G1) ผมรู้สึกได้เลยว่าเค้าทำช่วงล่างมาสไตล์รถยุโรปเลย ฟีลลิ่งดีมาก ทั้งเบรค และพวงมาลัย เทียบกับรถญีุ่่นยี่ห้ออื่นนี่ต่างกันพอสมควรเลย บางเจ้านี่เบรคทีหัวทิ่ม ไม่ก็ช่วงล่างยวบยาบ เข้าโค้งไปเสียวไป
อย่างที่เค้าว่ากัน Mazda เน้นที่การขับขี่เป็นหลักครับ Zoom-Zoom
-
Mazda คันแรกของผมที่ซื้อเองก็ 3(BK) ซึ่งตอนนั้นที่บ้านผมเองไม่สนับสนุนเลยครับเพราะพื้นที่ห้องโดยสารค่อนข้างแคบ แต่มันเป็นรถที่ซื้อเองครับคนในครอบครับเลยไม่ขัด สุดท้ายตอนนี้ที่บ้านผม มาสด้าขึ้นหัวแล้วครับทุกคนที่ขับรถผมค่อยๆเปลี่ยนความคิดเรื่อยๆครับ ไม่มีใครบ่นเรื่องความแคบของมันเลย 7 ปีที่มันอยู่กับผมมาไม่มีงอแงนะครับชิ้นส่วนเสียตามระยะของมัน คันล่าสุดก็ mazda 2 1.5D
-
จริงๆ มาสด้าเองทาร์เก็ทของเค้าคือคนที่ชอบขับรถครับ
ใครชอบขับรถได้มาขับรถมาสด้าเกือบทุกคนต้องชอบในการที่ได้ขับรถมาสด้า แต่จะซื้อไม่ซื้ออีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าในแง่การออกแบบ ผมว่ามาสด้าสอบผ่าน เพราะมาสด้าตั้งคอนเซปไว้ว่า ใครที่ได้ขับรถมาสด้าแล้ว จะอยากขับอีกบ่อยๆ ซึ่งมันก็เกือบจะเป็นแบบนั้นกับทุกคนจริงๆ
แต่กับคนไม่ชอบขับรถนี้ยังไงเค้าก็ไม่ชอบ ดูได้จากแฟนเก่าผมตอนผมเป็นเซลล์มาสด้า เคยชวนนางมาลองเทสไดรฟ์ CX-5 นางขับๆละบอก ก็เฉยๆ (นางขับรถได้แบบว่าเรือเกลือยังแซง) :-\
-
8) 8) 8).....ช่วงล่างกับเบรค ยก European standard มาวางโดยไม่แคร์ cost ที่สูงขึ้นมา มันถึงสาดเกาะหนึบตามที่ชอบๆกันอยู่ทุกวัย :-X
-
ไม่ใช่ know how ขั้นเทพหรือล้ำหน้าคู่แข่งอะไรหรอกครับ
แต่ที่รถบ้าน Mazda ขับสนุก ช่วงล่างแน่น เพราะนั่นคือจุดขายเค้ามาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว
จะให้ Mazda มาทำรถนุ่ม ไม่เกาะ แต่อเนกประสงค์แบบ TOyota, HOnda ก็ทำได้ แต่อาจจะไม่เนียนเท่า และอาจจะ cost สูงกว่าที่ To, Hon กำลังทำ
ส่วน Honda, To จะทำรถช่วงล่างแน่น กระด้าง หนึบ ขับสนุก แบบ Mazda ก็ทำได้เช่นกัน แต่ก็ผิดแนวคิดค่ายเค้า เค้าเป็นบริษัทใหญ่ ผลิตรถมาช้านาน ประสบการณ์ช่วยได้แน่นอน การที่ถ้าจะปฏิวัติแนวคิดของแต่ละค่ายไปแบบสิ้นเชิงเลย อาจทำให้ลูกค้าเดิมและลูกค้าในอนาคตไม่พอใจ เพราะฉะนั้นแต่ละค่ายจึงมีแนวคิดที่แน่นอน และพออกรุ่นใหม่ๆ ก็มักจะยังคงแนวคิดเดิม แต่ปรับปรุงเสริมแต่งให้มีความ balance มากขึ้น ขณะเดียวกันประสบการณ์ในการผลิตรถแนวทางเดิมๆ ก็ทำให้คุยกับ supplier ทั้งหลายได้ง่าย ปรับโน่น ผสมนี่ นิดหน่อย ก็จะได้รุ่นใหม่ออกมาที่ดีขึ้นรอบด้าน
รถบ้านญี่ปุ่นอาจจะเห็นภาพได้ยาก เพราะรถบ้านก็คือรถบ้าน แต่ถ้าลองคิดถึงรถพรีเมียม
Benz ที่ทำรถนุ่มๆ หรูๆ มาช้านาน ยังไงก็มี know-how ที่จะทำรถ supercar แล้วก็ทำได้ดีมาตลอดเช่น SLS, SLR, AMG-GT
BMW ที่ทำรถแน่น ขับสนุก แรง เกียร์เทพสุดๆ ก็มีความสามารถที่จะทำรถนุ่มเงียบได้ อย่างซีรี่7 ก็มีความหนึบและนุ่มในตัว แถม BMW ยังไปทุ่มซื้อ Rolls Royce มาแล้วเลย คิดเหรอว่าเค้าจะทำรถแนวทางอื่นไม่ได้เนื่องจากไร้ know-how
ก็คล้ายๆ กับเจ้าตลาด Toyota, Honda ที่ต่างก็มีค่ายหรูในเครือคือ Lexus, Acura ซึ่งทั้งสอง ก็คือรถในกลุ่ม Benz, BMW, Audi นั่นหมายความว่า Lexus, Acura เค้าย่อมรู้ และทำวิจัยมาอย่างดี ยิ่งเวลาจะออกรุ่นใหม่มา เค้าทำการบ้านเยอะจนเราคาดไม่ถึงแน่ๆ ครับ ทั้งรื้อ ประกอบ ทดสอบ วัสดุของรถคู่แข่งแบบถึงหริกถึงขิงเลยหละ เพียงแต่การแข่งรถกัน มันไม่ได้แข่งกันด้วยปัจจัยเดียว เช่น ความเกาะถนน, ความนุ่ม, ความแรง แต่มันแข่งกันในภาพรวม แต่ละค่ายรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของตัวเอง ต้องการรถแบบไหน และพยายามทำออกมาให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย
ถ้าวันนึง TOyota, HOnda ขายไม่ออกเพราะรถเกาะถนนไม่ดี ขับแล้วเกิดอุบัติเหตุตายกันหมด คนหันมาซื้้อ Mazda หมด วันนั้นเราก็จะได้เห็น Toyota, HOnda ทำรถมาในแนวทางเดียวกับ Mazda แหละ แต่วันนี้ Toyota, HOnda ยังมองว่าตัวเองยังเป็นผู้นำตลาด จังมีความเชื่อว่าทำแบบใกล้เคียงเดิมๆ คือสิ่งที่ผู้บริโภคและกลุ่มเป้าหมายพอใจ
-
แปลกใจกับหลายความเห็นนะครับ ทั้งยกยอดขาย อะไรต่ออะไรมา ทั้งที่ เจ้าของกระทู้หมายถึงเรื่อง Handling
ส่วนตัวผมมองว่า Handling มันดีเป็นอันดับต้นๆ จริงนะ ถ้าเทียบกับรถในแต่ละเซกเมนต์ นับเฉพาะรถตลาดด้วยกัน การขับขี่ถือว่าดีที่สุดในสายตาผม
ส่วนว่าทำไม ทำรถออกมาแนวนี้ ผมว่า คงเป็นแนวทางที่จัดเจนมาตั้งแต่อดีตแล้วละครับ ว่าเน้นเอาใจคนขับเป็นหลัก เป็นรถที่คนหลับส่วนใหญ่ชอบขับ แต่ไม่ได้บ่งบอกถึงว่าจะต้องซื้อ
ค่ายอื่นๆ ถ้าจะทำ ก็ย่อมทำได้ครับ แต่เค้าไมได้มุ่งเน้นในด้านนี้มากกว่า ต่างคนต่างมีแนวทางเป็นของตัวเอง
ส่วนเรื่องด้านอื่นๆ ขอไม่คอยเม้น เนื่องจากไม่ใช่ประเด็นในกระทู้นี้ครับ
-
มาสด้าเค้าเซ็ทรถมาเน้นขับขี่ครับ ผมว่ามันง่ายๆสั้นๆเลย ดีไซน์ก็วัยรุ่น
กลุ่มลูกค้าค่อนข้างชัดเจนดีสำหรับค่ายนี้
-
เค้าก็มีจุดขายของเค้าครับ ถามว่าจะทำมาสด้า2ให้กว้าง และอเนกประสงค์กว่า jazz ได้ไหม ก็คงทำได้ แต่ไม่ทำ เพราะไม่ใช่แนวทางของตัวเอง
อีกอย่าง เค้าไม่ได้มองแค่ตลาดประเทศไทยอย่างเดียว สังเกตว่ามาสด้าจะทำรถแต่ละรุ่นออกมาโมเดลเดียว(Global Model) ไม่เหมือนโตโยต้า ฮอนด้า ที่แยกโมเดลในแต่ละตลาด เช่น Asia EU America
ดังนั้น เค้าก็ทำรถออกมาเพื่อเอาใจตลาดส่วนใหญ่ของเขา คือ EU Australia นั้นเอง ส่วนประเทศไทย ก็เป็นหน้าที่ของมาสด้าไทยแลนด์ ที่จะทำอย่างไรให้รถที่ตัวเองมีอยู่ สามารถขายได้ในประเทศที่คนส่วนใหญ่มองแต่ความกว้างขวางของตัวรถ ซึ่งก็ต้องไปเจาะกลุ่มที่เน้นการขับขี่ วัยรุ่น ซึ่งมันเป็นส่วนน้อย ดังนั้นขายได้น้อยกว่าจึงเป็นไปตามกรรมแหละครับ
-
ตามนั้นละครับ
ถ้าคุณ เป็น แม่บ้าน พ่อบ้าน ที่ขับรถ ไม่เกิน 80 km/hr
แต่ ต้องการ ความกว้าง ความนิ่มสบาย พื้นที่ บรรจุ คน และ สัมภาระ และ ราคา เบาๆ
มาสด้า ตัดออกไปได้เลย
-
เลือกคันที่ผมชอบครับ รถผมเงินผม ถ้าไม่ชอบผมจะซื้อทำไมจริงไหมครับ