Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ARJUN ที่ กรกฎาคม 31, 2016, 06:13:09
-
สวัสดีครับ พอดีที่บ้านผมมีแพลนจะออกรถใหม่ เลยเล็งไปที่ตัว bmw 320d iconic ซึ่งทางครอบครัวไปดูตัวรถจริงแล้วรู้สึกพอใจกับตัวรถครับ แต่ทางญาติๆของทางคุณแม่ท่านบอกว่า bmw ขายต่อยากมาก ทำให้คุณแม่เกิดลังเล ผมเลยอยากถามความคิดเห็นของพี่ๆสมาชิกในนี้ครับว่า bmw ขายต่อยากจริงหรือไม่ครับ ขอบคุณครับ
-
ส่วนตัวก็กำลังคิดจะซื้อเหมือนกันครับ
เท่าที่ดูๆมาคนจะซื้อมือสองจะให้ความสำคัญกับ BSI มากๆ
เลยล่ะครับ ถ้ารถ BSI หมดแล้วราคาขายต่อ
จะต่างจากที่มี BSI เหลือ เยอะพอสมควรเลยล่ะครับ
ถ้าจะจะขายต่อให้ได้ง่ายๆ ก็ต้องขายภายในรถยะเวลา 3 ปี กว่าๆ
ถ้าเลยไปปีที่ 4 หรือ ที่ 5 ราคา+คนซื้อ ก็จะลดลงไปตามส่วนเลยครับ
ผมก็พอเข้าใจครับว่า BSI มันประหยัดเงินไปได้เยอะ
ทั้งสำหรับซื้อมือ 1 และ มือ 2 เพราะช่วยในเรื่องของการบำรุงรักษา
ที่ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ 1 แสนโล ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย
มันก็เลยกลายเป๋นตัวบังคับในเรื่องราคาขายต่อไปด้วยในตัวเลยครับ
-
อยากเปลี่ยนคันใหม่เมื่อไหร่ก็เทิร์นเปลี่ยนคันใหม่ที่ศูนย์นั่นละครับ ;D
-
ขายต่อน่ะ ไม่ยาก แต่ราคาตกค่อนข้างเยอะ ถ้าเทียบกับ ดาวสามแฉก น่ะครับ
ง่ายๆ คุณลองหาราคารถสัก 3 - 5 ปี ทั้ง 2 ค่ายที่อยู่ระดับเดียวกัน สักรุ่นสองรุ่น เอาราคาป้ายแดง เทียบ ราคามือสอง ดูว่า แต่ละค่ายตกลงมากี่ % ครับ
แต่ทั้งนี้ ราคา BMW ยังลงน้อยกว่า Volvo นะครับ รายนั้น เห็นลงทีสยองเลย เจ้านายซื้อ S60 ปี 2013 ตัว Top มาแค่ 1.1 ล้าน จำได้ว่า ตอนป้ายแดงมัน 2 ล้านกว่าๆ (2 ปี ลง 50% หุหุ)
.................
ส่วนตัว ผมมองว่า ถ้าจะใช้ยุโรป ต้องถือยาวๆครับ เพราะต่อให้คุณขายในขณะที่ bsi ยังเหลือ มันก็ได้ราคากว่า bsi หมด (สมมติ รถปีเดียวกัน สภาพเหมือนกัน ขายพร้อมกัน) ไม่เท่าไหร่หรอก (แสนสองแสน) เทียบจากราคาที่หล่นจากตอนป้ายแดงลงมา ยังไงก็ไม่คุ้ม (สำหรับคนที่ใช้รถทั่วไป ปีละ 2 - 3 หมื่นกม.นะครับ)
ถ้าจะเปลี่ยนรถบ่อย ไป ญี่ปุ่นดีกว่า
.................
แอบสน iconic เหมือนกัน แต่บอกตัวเองว่า ถ้าจะซื้อ ก็ต้องพร้อม เพราะต้องถือยาว หมด bsi แล้ว ต้องมีตังค์ซ่อม เพราะขายมัน ณ 5 - 6 ปี ที่หมด bsi แล้ว อาจจะเหลือไม่พอดาวน์ญี่ปุ่น D-Segment เสียด้วยซ้ำ
-
ราคามันตกไวมาก
-
ไม่มีรถอะไรราคาไม่ตกครับ
ลองเทียบเป็น % จะพบว่ามันใกล้เคียงกัน เอาที่ยอดนิยมก่อนน๊ะ พี่โต ล้านห้า กะ พี่ดาว สามล้าน ขับไป 3 ปี
พี่โตจะเหลือ 9 แสน จาก 1.5 ล้าน
http://www.one2car.com/toyota/camry/%E0%B8%9B%E0%B8%B5-12-16%29/g-extremo/?body_type=sedan
ส่วนพี่ดาว เหลือ 2 ล้าน จาก 3.5 ล้าน
http://www.one2car.com/mercedes-benz/e-class/e250%20cdi/w212-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-10-16%29/?body_type=sedan
ทั้ง 2 คัน ตกไปประมาณ 40% แต่พี่โต ซื้อถูก เลยตกไป 6 แสน ส่วน พี่ดาว หายไป ล้านห้า
ถ้าทุกคนเอามาตรฐานเรื่องเงิน และ ความคุ้มค่าเป็นหลัก ไม่มีใครซื้อพี่ดาวหรอกครับ มันเจ๊งเยอะ ขนาดพิมพ์นิยมนะ ไม่รวมค่าประกัน Service อีก มันหลายบาท
แต่ ทุกคนไม่ได้มีโจทย์เดียวกัน พี่ดาวหล่อกว่า Safety กว่า ขับดีกว่า Feature ดีกว่า อุปกรณ์เยอะกว่า แรงกว่า และแพงกว่า ซื้อซื้อพีโตได้ 2 คัน
แต่ เรื่องความหล่อ ต้องใช้เงินเท่าไรครับ????
คนเราโจทย์ไม่เหมือนกัน
คราวนี้ มาดู BM ปีเดียวกัน
http://www.one2car.com/bmw/5-series/525d/f10-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-10-16%29/?body_type=sedan
ตกเยอะกว่า พี่ดาว นิดหน่อยเอง 2 แสน โดยเฉลี่ย ถือว่าน้อยครับ เมื่อเทียบกับราคารถ
มาดู Volvo บ้าง รุ่นที่พอจะเทียบได้คือ XC60 ออกห้างถูกว่า พี่ดาว และ BM ราคา ประมาณ 2.8 ล้าน
ขับไป 3 ปี เหลือ ครึ่งเดียว
http://www.one2car.com/volvo/xc60/%E0%B8%9B%E0%B8%B5-09-15%29/
ผมอยากชี้ประเด็นว่า เมื่อเทียบเป็น % ของราคารถ Benz และ Toyota มือสอง ราคาตก เหมือนกัน โดย % ใกล้เคียงกันด้วย ถ้ากลัวราคาตกเยอะ เล่นรถญี่ปุ่นครับ ซื้อถูกกว่า ตก % เท่ากัน แต่ เป็นเงินน้อยกว่า
-
..ขออนุญาต..มองอีกมุม..
1). F30 รุ่นนี้มีรูปโฉมถือว่า โดนใจมากกว่า จึงมีความต้องการสูง..ทั้งวัยรุ่นและวัยไม่รุ่น..
2). BMW Thailand มองเกมส์อนาคต เลยสร้างคลังอะไหล่ Logistics ที่บางพลีรองรับความรวดเร็วในการเบิก / หาอะไหล่ ลด Back Order
3). คนรอซื้อมือ 2 น่าจะมีจำนวนเยอะอยู๋ เนื่องจากให้เจ้าของแรก รับราคาตก..ในช่วงแรกไปก่อน...ทำให้เต้นท์หารถ เนื่องจากปล่อยง่าย
4). มือ 2 ราคาอาจจะดี เพราะ 320d มองมุมที่ว่าประหยัดน้ำมันมากส์ ( แต่อะไหล่เครื่องดีเซล..ก็แพงมากส์ ถ้าต้องซ่อม )
5). ในอนาคตข้างหน้า 3-5 ปี ถ้าอยากสู้ benz หรือหายใจลดต้นคอได้ VP คนใหม่ของ BMW Thailand ยอมลดราคาอะไหล่หลายๆตัวลง ให้รู้จักจับต้องง่าย...ก็จะบอกต่อกัน แบบปากต่อปาก...
6)..อื่นๆๆ
ปล. ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ..ครับ.. ::) ::)..
-
ขายต่อยากต้องดูเป็นรุ่นครับ
320d e90 แต่ละคันไปไวมากๆๆๆถ้าไม่ตั้งราคาโดดเกินไป
รถแรง ประหยัดแบบนี้มีแต่คนอยากได้ครับ ถ้ากะจะใช้ยาวๆ depreciation ไม่ได้ต่างกันมากหรอกครับ
-
E90 320d M sports ตีราคาที่ศูนย์ BMW
ใช้ 2 ปี ไมล์ เจ็ดหมื่น ราคารถ 1,300,000 บาท(BSI ยังเหลือ)
ใช้ 4 ปีเศษ ไมล์ แสนเจ็ด ราคารถ 500,000 บาท(BSI ขาดแล้ว)
-
ผมว่า ราคามันตก และตกมากกว่า benz อยู่แล้วครับ ::)
.... ผมก็ดู ๆ รุ่นนี้เหมือนกันครับ แต่ที่กังวลคือเรื่องความจุกจิกของ bm (ตอนพ่อแนะนำ 320 D เพราะคิดว่าใช้เครื่องดีเซลคงไม่จุกจิก)
ข้อบกพร่องที่ผมอ่านดูกระทู้เก่า ๆ คือ แลคพวงมาลัยดัง ประตูปิดไม่สนิท เครื่องสั่น (ก่อนปี 2015 ) ถึงมี BSI แต่ถ้าต้องเอารถไปซ่อมบ่อย ๆ คงไม่สนุก และยิ่งหลังหมด BSI ละ
ตัวผมชอบ 320 D ในเรื่องความปลอดภัยของห้องโดยสารครับ ดูรีวิวทดสอบการชนทั้ง Camry accord 320D เปรียบเทียบกัน แต่กลัว (มาก) เรื่องความจุกจิกของ BM
ย้อนมาดู camry ศูนย์บริการโตโยต้า ห่างจากบ้านแค่ไม่กี่ร้อยเมตร (และบริการดีด้วย ^^ ) ตัวรถทนทาน งานประกอบดี option ที่จำเป็นให้มาครบ
-
Benz E230 W211 ตีราคาที่ศูนย์ เดือนที่แล้ว
ใช้ 8 ปีเศษ ไมล์แสนห้า ราคา 500,000 บาท
จากราคาซื้อสด 4,500,000 บาท
-
ศูนย์ BMW รับเทิร์นอยู่แล้วนี่ครับ แถมไม่ใช่รถ BMW ก็ยังรับอยู่ดี ส่วนเรื่องราคา ต้องแล้วแต่ต่อรอง
-
เดี๋ยวนี้ผมว่ารถมือสองอะไรก็ราคาตกหมดครับ
ผมใช้โตโยต้าตอนซื้อ 1.3 ล้านกว่าๆ ใช้ไป 4 ปีขนาดดูแลอย่างดีไม่เคยเฉี่ยวชน ราคาตีเข้าเตนท์ยังเหลือแค่ 4 แสนเลยครับ
-
Bmw ขายต่อไม่ยากเลยครับ ขายออกง่ายกว่ารถยุ่นหลายยี่ห้อด้วยซ้ำ
โดยมากรับราคาขายไม่ได้มากกว่า แต่ก็ถือว่าดีกว่า volvo vw audi นะครับ
ถ้ารับราคาขายต่อไม่ได้ ให้ไปดูมือสองแทนครับ
-
bsi ก็แค่ค่าใช้จ่ายของเหลวพลักพันปลายถึงหมื่นหน่อยๆ ยิ่งประเภทไม่ค่อยขับ กว่าจะเข้าทีก็ 8500 กว่ากิโล เผลอๆขับปีนึงยังไม่ถึง
ทำไมคนไม่ไปโฟกัสที่ วารันตี กันนะกับ BMW ที่จะรับประกันชิ้นส่วนมากกว่า
-
คนพูดไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้พูดครับ
ผมเป็นผู้ใช้เอง ไม่ได้จะมาแก้ตัวให้ BMW นะ แต่ขออธิบายเพิ่มเติม
1. รถใหม่ BMW ราคาปกติได้ส่วนลดมากกว่า Benz
อย่างตอนซื้อซีรี่ 3 ตัวปัจจุบัน ซื้อตอนปี 2014 ผมได้ส่วนละประมาณ 2 แสนบาท
ขณะที่เบนซ์ C-Class ไม่มีส่วนลด
2. BMW มี BSI ให้ฟรี 5 ปี 1แสนกิโล ตีเป็นเงินก็น่าจะประมาณ 1แสนบาท
(รถผมหมดประกันแล้ว แต่ยังมี BSIอยู่ ผมก็เคยไปเคลมโคมไฟท้ายหลุดแล้วBMWเปลี่ยนให้ฟรี ไม่เสียแม้แต่ค่าแรง)
3. ราคาขายต่อ BMW ร่วงเยอะกว่า Benz อย่าง 320d E90 กับ C-Class W204 รถ 5 ปี ราคาขายต่อปกติตั้งก็จะห่างกัน 3-5 แสน
เพราะฉะนั้น จากข้อ 1,2,3 พอวัดออกมาเป็นเงินแล้ว ถือว่าต่างกันน้อยมาก รถBenzเราซื้อแพง ส่วนลดก็น้อย แต่กว่าจะได้เงินคืนมาแบบเป็นก้อนเป็นกำ ก็คือตอนขาย
ส่วน BMW ซื้อได้ราคาถูกกว่า แล้วตอนใช้งานก็มี BSI ให้สบายใจไป 5 ปี แต่ตอนขายก็ต้องเข้าใจ ว่าราคาร่วงกว่า Benz
แต่สุดท้าย BMW ก็ยังเป็นรถที่ขับสนุกกว่า และไม่ได้จุกจิกแบบที่คนไม่ได้ใช้มักพูดครับ ชิ้นส่วนของรถ BMW ทนมากๆ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าความ premium ทำให้เวลาหาอะไหล่ มันไม่ราคาถูกแบบรถบ้านแน่ๆ แต่ถ้าซ่อมถึงหรือจับเปลี่ยนของใหม่แทนของที่หมดสภาพ ก็ใช้ชิ้นนั้นต่อไปได้ยาวๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ปีเลยหละ
ถ้ารถมันจุกจิก ไม่ทน คุณลองศึกษาตามเว็บขายรถมือ2 ดูครับ จะเจอพวก E90(318i, 320d, 325i), E60(520d, 520i, 525d, 525i) พวกนี้บางคันวิ่งมาจะ 2 แสนแล้ว แสดงว่ารถมันหนะ มีความทนทานระดับหนึ่ง ปัญหาที่อาจจะเกิดกันมักจะมาจากเกียร์พัง และระบบ electronic พวก option แต่เรื่องเครื่องยนต์ ช่วงล่างของBMWทนมากๆ
-
ขอบคุณทุกความเห็นมากๆครับ ข้อสรุปคือได้ทำการจอง 320d iconic เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ เพราะได้ข้อเสนอดีพอสมควร(ส่วนลด120,000+ประกัน+ฟิล์มvcool ) และเพิ่งทราบว่านอกจาก BSI 5ปี 100,000กิโล แล้วยังได้ warranty 5ปีไม่จำกัดระยะทางด้วย ทำให้คุณแม่ตัดสินใจจองเลยครับ :D
-
Benz E230 W211 ตีราคาที่ศูนย์ เดือนที่แล้ว
ใช้ 8 ปีเศษ ไมล์แสนห้า ราคา 500,000 บาท
จากราคาซื้อสด 4,500,000 บาท
แล้วยอมปล่อยราคานั้นจริงหรอ ราคาเว็บยัง 9แสน-1ล้าน อยู่เลย
-
ขอบคุณทุกความเห็นมากๆครับ ข้อสรุปคือได้ทำการจอง 320d iconic เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ เพราะได้ข้อเสนอดีพอสมควร(ส่วนลด120,000+ประกัน+ฟิล์มvcool ) และเพิ่งทราบว่านอกจาก BSI 5ปี 100,000กิโล แล้วยังได้ warranty 5ปีไม่จำกัดระยะทางด้วย ทำให้คุณแม่ตัดสินใจจองเลยครับ :D
....จอง 0 ไหนครับ??? รบกวนหลังไมค์...ขอบคุณครับ.. ;D ;D..
-
5ปีน่าจาได้9แสน++นาคับ สำหรับ 320dหง่า
ขายต่อน่ะ ไม่ยาก แต่ราคาตกค่อนข้างเยอะ ถ้าเทียบกับ ดาวสามแฉก น่ะครับ
ง่ายๆ คุณลองหาราคารถสัก 3 - 5 ปี ทั้ง 2 ค่ายที่อยู่ระดับเดียวกัน สักรุ่นสองรุ่น เอาราคาป้ายแดง เทียบ ราคามือสอง ดูว่า แต่ละค่ายตกลงมากี่ % ครับ
แต่ทั้งนี้ ราคา BMW ยังลงน้อยกว่า Volvo นะครับ รายนั้น เห็นลงทีสยองเลย เจ้านายซื้อ S60 ปี 2013 ตัว Top มาแค่ 1.1 ล้าน จำได้ว่า ตอนป้ายแดงมัน 2 ล้านกว่าๆ (2 ปี ลง 50% หุหุ)
.................
ส่วนตัว ผมมองว่า ถ้าจะใช้ยุโรป ต้องถือยาวๆครับ เพราะต่อให้คุณขายในขณะที่ bsi ยังเหลือ มันก็ได้ราคากว่า bsi หมด (สมมติ รถปีเดียวกัน สภาพเหมือนกัน ขายพร้อมกัน) ไม่เท่าไหร่หรอก (แสนสองแสน) เทียบจากราคาที่หล่นจากตอนป้ายแดงลงมา ยังไงก็ไม่คุ้ม (สำหรับคนที่ใช้รถทั่วไป ปีละ 2 - 3 หมื่นกม.นะครับ)
ถ้าจะเปลี่ยนรถบ่อย ไป ญี่ปุ่นดีกว่า
.................
แอบสน iconic เหมือนกัน แต่บอกตัวเองว่า ถ้าจะซื้อ ก็ต้องพร้อม เพราะต้องถือยาว หมด bsi แล้ว ต้องมีตังค์ซ่อม เพราะขายมัน ณ 5 - 6 ปี ที่หมด bsi แล้ว อาจจะเหลือไม่พอดาวน์ญี่ปุ่น D-Segment เสียด้วยซ้ำ
-
รอดูอีก 5ปีน่ะครับ
ราคามือ2 ผมว่า320iconic จะใกล้ๆกะ C300Hybrid ตัวexclusive
-
BMW ราคาตกก็จริงโดยเฉพาะเบนซินตัวเครื่องโลวพาวเวอร์20iและอายุของBSI
BMW ราคาจะแข็งหน่อยก็BSIยังเหลือเยอะ+กับเครื่องดีเซล20d(ยิ่งดีเซลตัวไฮพาวเวอร์ยิ่งแข็งมาก25d ส่วนเบนซินตัวไฮพาวเวอร์ก็แข็งครับ28i)
สรุปแล้ว ถ้าเป็นเบนซินตัวโลวพาวเวอร์ราคาค่อนข้างตกหนักเลย ตอนนี้น้ำมันเบนซินก็ถูกกว่าดีเซลแล้วก็ไม่เห็นว่าราคาจะมีการผันผวนใดๆ
-
Benz E230 W211 ตีราคาที่ศูนย์ เดือนที่แล้ว
ใช้ 8 ปีเศษ ไมล์แสนห้า ราคา 500,000 บาท
จากราคาซื้อสด 4,500,000 บาท
แล้วยอมปล่อยราคานั้นจริงหรอ ราคาเว็บยัง 9แสน-1ล้าน อยู่เลย
ตอนน้องสาวเกิด พ่อถอยมอเตอร์ไซด์คันแรก
มาถึงยุคตัวเอง เลยถอยคันนี้ตอนลูกคนโตเกิดบ้าง
ผูกพัน ไม่คิดจะขาย
ราคารถเอามาแบ่งปันข้อมูลกัน(ชอบเช็คเกรดเป็นระยะ)
เพราะตอนผมซื้อรถ ยอมรับก็ไม่คิดว่า ราคาจะร่วงขนาดนี้
ได้เป็นข้อมูลประกอบคนซื้อรถ ว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร
-
ส่วนเรื่อง BSI ลองถามดูหลาย ๆที่นะครับ (อาจได้ข้อมูลที่แตกต่างกัน)
กรณีผมเป็นประสบการณ์ตรง
BSI เหลือหรือไม่ ทางศูนย์ BMW คนที่มาตีราคา เค้าบอก
เค้าไม่ได้สนใจ เอามาประกอบการตีราคารถเลย
-
ขอบคุณทุกความเห็นมากๆครับ ข้อสรุปคือได้ทำการจอง 320d iconic เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ เพราะได้ข้อเสนอดีพอสมควร(ส่วนลด120,000+ประกัน+ฟิล์มvcool ) และเพิ่งทราบว่านอกจาก BSI 5ปี 100,000กิโล แล้วยังได้ warranty 5ปีไม่จำกัดระยะทางด้วย ทำให้คุณแม่ตัดสินใจจองเลยครับ :D
ศูนย์ไหนครับ รบกวนขอรายละเอียดชื่อเซล+เบอร์ ด้วยครับ
-
ผมแชร์ความเห็นอีกด้านจากที่ตัวเองเจอมานะครับ
ความรู้สึกในอนาคตตอนจะขาย ที่เป็นห่วงๆกัน ก็เข้าใจได้นะครับ เงินใครๆก็ห่วง ไม่มีใครอยากขาดทุนเรื่องเงินๆทองๆ
แต่ความรู้สึกพึงพอใจในการใช้งานในระหว่างทาง และระยะเวลาที่เราต้องใช้มันทุกวันหรือไม่ก็ตาม น่าจะถูกเอามาคิดด้วยนะครับ
ยิ่งสำหรับคนที่จริงๆแล้วไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินมากนัก ลองเปลี่ยนมุมมามองอีกหลายๆด้านที่เหลือดูบ้าง
เพราะถ้าคิดแต่เรื่องตัวเลขเงิน ผมว่าใช้รถอะไรก็ได้ที่ปล่อยง่ายสุด ราคาดีสุด ก็จบ
แต่พอเรามามองรถซักคัน ที่แบบไม่รู้หรอกมันอะไร มันยังไง แต่ชอบ แต่เรากลับหาเรื่องจะไม่ซื้อ มันด้วยเหตุผลเดียวที่เราไม่ชอบ หรือคนอื่นบอกมา ในขณะที่เรามีหลายๆเหตุผลที่เราชอบคันนี้ แล้วก็อยู่กับมัน 7-8 ปี ทั้งๆที่ไม่ได้ถูกใจ หรือปิ๊ง แม้เเต่น้อย แล้วมันคุ้มกันจริงหรือเปล่า
อันนี้ในแง่ที่ความยอดเยี่ยมทางวิศวกรรมไม่ต่างกันอย่างที่เทียบแบบ สามแฉก กับ ใบพัด อย่างที่คุยกันนี่นะครับ
เพราะผมว่าสองแบรนด์นี้ มันไม่ได้ต่างกันมากมายขนาดต้องคิดหนักครับ ถ้าคิดว่าถอยมือหนึ่ง หรือหามือสอง อันนี้สิ ผมว่าน่าคิดกว่าอีก
เอาที่ถูกใจจริงๆดีกว่าครับ ขอสรุปแบบนี้ละกัน
แชร์ความเห็นกันนะครับ ไม่ถูกใจขออภัยด้วย
-
ผมใช้รถมานี่ไม่เคยคิดครับว่าจะขายต่อ เราชอบ เราใช้ของเรา และผมก็จะดูแลมันให้ดีที่สุด
ไม่เคยตั้งว่าจะใช้รถกี่ปีแล้วขาย ผมใช้ไปเรื่อย ๆ ครับ
ถึงเวลาที่จะขายมันไป เสียดายทุกคัน เพราะมันอยู่กับเรามานานเป็นสิบปีแล้ว
และผมไม่เสียดายเลยครับ ถือว่าผมใช้มันคุ้มค่าแระ
-
จากตัวผมเอง
benz bmw ขายต่อง่ายกว่ารถญี่ปุ่นที่ราคาป้ายแดง 1.7 ล้านบาทเสียอีกครับ
รถที่บ้านหากเป็นรถญี่ปุ่น ลงเป็นอาทิตย์กว่าจะขายได้ บางทีขายไม่ออกก็มี โทรมาต่อก็มาก
แต่ benz bmw ลงขายไม่เกิน 5 นาทีมีคนโทรมาตลอด และไม่ค่อยต่อราคา แถมซื้อจบในครั้งเดียวที่เจอแบบไม่ลองรถเลยสักนิด
-
ไม่มีรถอะไรราคาไม่ตกครับ
ลองเทียบเป็น % จะพบว่ามันใกล้เคียงกัน เอาที่ยอดนิยมก่อนน๊ะ พี่โต ล้านห้า กะ พี่ดาว สามล้าน ขับไป 3 ปี
พี่โตจะเหลือ 9 แสน จาก 1.5 ล้าน
http://www.one2car.com/toyota/camry/%E0%B8%9B%E0%B8%B5-12-16%29/g-extremo/?body_type=sedan
ส่วนพี่ดาว เหลือ 2 ล้าน จาก 3.5 ล้าน
http://www.one2car.com/mercedes-benz/e-class/e250%20cdi/w212-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-10-16%29/?body_type=sedan
ทั้ง 2 คัน ตกไปประมาณ 40% แต่พี่โต ซื้อถูก เลยตกไป 6 แสน ส่วน พี่ดาว หายไป ล้านห้า
ถ้าทุกคนเอามาตรฐานเรื่องเงิน และ ความคุ้มค่าเป็นหลัก ไม่มีใครซื้อพี่ดาวหรอกครับ มันเจ๊งเยอะ ขนาดพิมพ์นิยมนะ ไม่รวมค่าประกัน Service อีก มันหลายบาท
แต่ ทุกคนไม่ได้มีโจทย์เดียวกัน พี่ดาวหล่อกว่า Safety กว่า ขับดีกว่า Feature ดีกว่า อุปกรณ์เยอะกว่า แรงกว่า และแพงกว่า ซื้อซื้อพีโตได้ 2 คัน
แต่ เรื่องความหล่อ ต้องใช้เงินเท่าไรครับ????
คนเราโจทย์ไม่เหมือนกัน
คราวนี้ มาดู BM ปีเดียวกัน
http://www.one2car.com/bmw/5-series/525d/f10-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-10-16%29/?body_type=sedan
ตกเยอะกว่า พี่ดาว นิดหน่อยเอง 2 แสน โดยเฉลี่ย ถือว่าน้อยครับ เมื่อเทียบกับราคารถ
มาดู Volvo บ้าง รุ่นที่พอจะเทียบได้คือ XC60 ออกห้างถูกว่า พี่ดาว และ BM ราคา ประมาณ 2.8 ล้าน
ขับไป 3 ปี เหลือ ครึ่งเดียว
http://www.one2car.com/volvo/xc60/%E0%B8%9B%E0%B8%B5-09-15%29/
ผมอยากชี้ประเด็นว่า เมื่อเทียบเป็น % ของราคารถ Benz และ Toyota มือสอง ราคาตก เหมือนกัน โดย % ใกล้เคียงกันด้วย ถ้ากลัวราคาตกเยอะ เล่นรถญี่ปุ่นครับ ซื้อถูกกว่า ตก % เท่ากัน แต่ เป็นเงินน้อยกว่า
คนพูดไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้พูดครับ
ผมเป็นผู้ใช้เอง ไม่ได้จะมาแก้ตัวให้ BMW นะ แต่ขออธิบายเพิ่มเติม
1. รถใหม่ BMW ราคาปกติได้ส่วนลดมากกว่า Benz
อย่างตอนซื้อซีรี่ 3 ตัวปัจจุบัน ซื้อตอนปี 2014 ผมได้ส่วนละประมาณ 2 แสนบาท
ขณะที่เบนซ์ C-Class ไม่มีส่วนลด
2. BMW มี BSI ให้ฟรี 5 ปี 1แสนกิโล ตีเป็นเงินก็น่าจะประมาณ 1แสนบาท
(รถผมหมดประกันแล้ว แต่ยังมี BSIอยู่ ผมก็เคยไปเคลมโคมไฟท้ายหลุดแล้วBMWเปลี่ยนให้ฟรี ไม่เสียแม้แต่ค่าแรง)
3. ราคาขายต่อ BMW ร่วงเยอะกว่า Benz อย่าง 320d E90 กับ C-Class W204 รถ 5 ปี ราคาขายต่อปกติตั้งก็จะห่างกัน 3-5 แสน
เพราะฉะนั้น จากข้อ 1,2,3 พอวัดออกมาเป็นเงินแล้ว ถือว่าต่างกันน้อยมาก รถBenzเราซื้อแพง ส่วนลดก็น้อย แต่กว่าจะได้เงินคืนมาแบบเป็นก้อนเป็นกำ ก็คือตอนขาย
ส่วน BMW ซื้อได้ราคาถูกกว่า แล้วตอนใช้งานก็มี BSI ให้สบายใจไป 5 ปี แต่ตอนขายก็ต้องเข้าใจ ว่าราคาร่วงกว่า Benz
แต่สุดท้าย BMW ก็ยังเป็นรถที่ขับสนุกกว่า และไม่ได้จุกจิกแบบที่คนไม่ได้ใช้มักพูดครับ ชิ้นส่วนของรถ BMW ทนมากๆ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าความ premium ทำให้เวลาหาอะไหล่ มันไม่ราคาถูกแบบรถบ้านแน่ๆ แต่ถ้าซ่อมถึงหรือจับเปลี่ยนของใหม่แทนของที่หมดสภาพ ก็ใช้ชิ้นนั้นต่อไปได้ยาวๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ปีเลยหละ
ถ้ารถมันจุกจิก ไม่ทน คุณลองศึกษาตามเว็บขายรถมือ2 ดูครับ จะเจอพวก E90(318i, 320d, 325i), E60(520d, 520i, 525d, 525i) พวกนี้บางคันวิ่งมาจะ 2 แสนแล้ว แสดงว่ารถมันหนะ มีความทนทานระดับหนึ่ง ปัญหาที่อาจจะเกิดกันมักจะมาจากเกียร์พัง และระบบ electronic พวก option แต่เรื่องเครื่องยนต์ ช่วงล่างของBMWทนมากๆ
ตาม 2 ความเห็นนี้เลยครับ ตรงมากๆ
ส่วนตัว ซื้อรถ ไม่เคยดูราคาขายต่อเลย เพราะใช้รถที่ชอบ ถึงเวลาต้องขาย ก็ต้องขาย กี่บาทก็คือราคากลไกตลาด คุณไม่มีทางรู้เลยว่า ราคาในอีก 4-5 ปีข้างหน้าจะเหลือเท่าไหร่ จะไปกังวลทำไมครับ ไม่ใช่ว่ารวยนะ แต่เราควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว เกิดวันนั้น รุ่นนี้ฮิต ราคาไม่ตก เราก็ไม่รู้ เกิดซวยๆ รุ่นนี้ ห่วย คนไม่ชอบเหมือนเรา ราคาก็ตกใจหาย คิดมากไปทำไม ยังไม่ทันซื้อ รถญี่ปุ่นบางคัน บอกรถตลาด วันนี้ ก็ฮวบใจหายได้เหมือนกันครับ
-
ขายต่อน่ะ ไม่ยาก แต่ราคาตกค่อนข้างเยอะ ถ้าเทียบกับ ดาวสามแฉก น่ะครับ
ง่ายๆ คุณลองหาราคารถสัก 3 - 5 ปี ทั้ง 2 ค่ายที่อยู่ระดับเดียวกัน สักรุ่นสองรุ่น เอาราคาป้ายแดง เทียบ ราคามือสอง ดูว่า แต่ละค่ายตกลงมากี่ % ครับ
แต่ทั้งนี้ ราคา BMW ยังลงน้อยกว่า Volvo นะครับ รายนั้น เห็นลงทีสยองเลย เจ้านายซื้อ S60 ปี 2013 ตัว Top มาแค่ 1.1 ล้าน จำได้ว่า ตอนป้ายแดงมัน 2 ล้านกว่าๆ (2 ปี ลง 50% หุหุ)
.................
ส่วนตัว ผมมองว่า ถ้าจะใช้ยุโรป ต้องถือยาวๆครับ เพราะต่อให้คุณขายในขณะที่ bsi ยังเหลือ มันก็ได้ราคากว่า bsi หมด (สมมติ รถปีเดียวกัน สภาพเหมือนกัน ขายพร้อมกัน) ไม่เท่าไหร่หรอก (แสนสองแสน) เทียบจากราคาที่หล่นจากตอนป้ายแดงลงมา ยังไงก็ไม่คุ้ม (สำหรับคนที่ใช้รถทั่วไป ปีละ 2 - 3 หมื่นกม.นะครับ)
ถ้าจะเปลี่ยนรถบ่อย ไป ญี่ปุ่นดีกว่า
.................
แอบสน iconic เหมือนกัน แต่บอกตัวเองว่า ถ้าจะซื้อ ก็ต้องพร้อม เพราะต้องถือยาว หมด bsi แล้ว ต้องมีตังค์ซ่อม เพราะขายมัน ณ 5 - 6 ปี ที่หมด bsi แล้ว อาจจะเหลือไม่พอดาวน์ญี่ปุ่น D-Segment เสียด้วยซ้ำ
รบกวนไปดูราคาตลาดมือสองสมัยนี้นะครับ ไม่ใช่สมัยก่อน ความคิดคุณจะเปลี่ยนไป
เพราะราคาขายต่อของทั้งสองแบรนด์ แทบไม่แตกต่าง ยิ่งถ้ามี BSI เหลือๆ BMW
ได้ราคาดีกว่าด้วย
อีกอย่าง BWM ตั้งแต่เปลี่ยนยุคมา ผลิตโดยโรงงานของ BWM จริงๆ ไม่ใช้จ้างเค้าผลิต
คุณภาพดีขึ้นมากกว่าเดิมเยอะ ขณะที่คู่แข่งยังจ้างโรงงานโบราณๆ ผลิต แต่รถมันไฮเทค
ขึ้นมากๆ กว่ายี่สิบปีก่อน ทำให้มีปัญหาเรื่อง Reliablitiy มาก ขึ้นโรงขึ้นศาลก็เยอะ
(แต่ไม่เป็นข่าว) แต่ส่วนมากขายทิ้งมากกว่า เท่าที่เห็นแถวๆ นี้
-
BSI ทำให้คนซื้อต่ออุ่นใน ราคาไม่ตก
ผมค่อยข้างงงกับคำนี้เหมือนกัน
ถ้ารถพัง อะหลั่ยเสีย เกี่ยวกับ BSI ยังไงครับ
ตัวรถหมดตั้งแต่ 2 ปีแรกแล้วไม่ใช่หรือ ส่วนที่เหลือคืออุปกรณ์เล็กน้อย เช็ครถกับของเหลว แค่นั้น