Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: NS ที่ สิงหาคม 04, 2016, 19:15:55
-
เมื่อตอนเด็กๆ ซือรถ mighty / tfr รู้สึกว่ารถเก๋งพวก accord แพงมาก (ราว8แสนกว่า) แต่พวกรถเบนซ์นี่โคตรแพงเลย(2-3ล้านขึ้นไป) ไม่อาจเอื้อม...
แต่ทุกวันนี้ รถญี่ปุ่น/รถตลาด ราคาสูงขึ้นมาก เกือบแตะ 2ล้านแล้ว ในขณะที่รถยุโรป 2ล้านกว่าบาท (ใกล้เคียงราคาเดิมที่เคยขายเมื่อ 20ปีที่แล้ว)
ราคาที่ใกล้กันเข้ามาเรื่อยๆทำให้ความฝันกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง รู้สึกว่ารถยุโรปมันน่าซื้อ น่าใช้ขึ้นมาก มีใครรู้สึกเหมือนกันบ้างรึเปล่าครับ
-
คิดเหมือนกันครับ ตัวท๊อปD-segment เกือบได้ตัวล่างของรถยุโรป แต่ในทางปฏิบัติผมก็เลือกรถญี่ปุ่นอยู่ดี เนื่องด้วยอะหลั่ยๆต่างๆ เหตุผลต่างๆนาๆ
และไลฟ์สไตล์การใช้รถเยอะ (ขับเยอะเลขไมล์แต่ละเดือนเยอะ) ไลฟ์สไตล์ของผมคงไม่เหมาะกับรถยุโรปแน่ๆ แต่วันไหนเงินเหลือคงซื้อมาขับสักคันครับ
ปล.แอบเหล่มอง 320d Iconic 2,299,000 บาท อยู่เหมือนกันครับ 8) 8) 8)
-
รถยุโรปมันน่าใช้จริงๆครับ แต่ถ้าไม่รวยเงินถุงเงินถังมีทรัพย์สินเกิน 20-30 ล้านหรือมีรายรับเดือนๆนึงต้องเกิน 3-4 แสน
ถ้าไม่ถึงผมก็ไม่กล้าใช้ ถ้าจะใช้ก็คงเป็นมือสองอายุ 2-3 ปีมาใช้เอา
-
ผมก็คิดเช่นนั้นครับ
-
ยุโรปมือสองก็เช่นกันครับ บางรุ่นมันถูกกว่าd-segญี่ปุ่นในปีที่เท่าๆกันซะอีก ทั้งที่ตอนออกป้ายแดงแพงกว่ามาก
-
ผมว่าไม่นะ มันก็มีรถยุโรปราคาไม่แพงโผล่มาเป็นพักๆอยู่แล้ว
- BMW E30 รุ่นเริ่มต้นราคาพอๆกับรถญี่ปุ่นขนาดกลางในสมัยนั้น (accord,bluebird,corona,galant) ขายดียอดขายติดอันดับต้นๆของรถขายดีในไทยชนิดที่รถยุโรปทุกวันนี้คงทำไม่ได้อีกแล้ว
- Benz 190E ราคาพอๆกับรถญี่ปุ่นเช่นกัน ถึงแม้ว่ารุ่นแรกๆที่เข้ามาจะเป็นเกียร์ธรรมดา4จังหวะ และออโต้ 3 จังหวะแย่กว่ารถญี่ปุ่นสมัยนั้นก็ตาม แต่ไม่มีคนสนใจหรอก ตราดาวบนฝากระโปรงช่วยกลบเรื่องพวกนี้หมดเลย ขายดีจนกระทั่งฝรั่งเยอรมันต้องบินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถที่กำลังจะตกรุ่นอยู่แล้วแต่จู่ๆมันก็ขายได้แบบติดจรวด
-
ใช่เลยครับตอนแรกผมจะซื้อ accord แต่ความ...และ bsi มันเย้ายวนมาก
-
รถยุโรปราคาไม่ค่อยไปไหน แถมถูกลงกว่าเดิม ในขณะที่ท่านเจ้าของกระทู้รายได้ต่อเดือนเพิ่มขึ้น
-
ถ้าไม่ซื้อ Xtrail ไปก่อนหน้านี้ ผมจะจัด GLA หรือ BMW 320 Iconia ซักคันแทน
เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่เคยกล้าเฉียดเข้าไปเว็บขายรถใหม่แบรนด์ Benz Bmw เลยไม่รู้ว่าราคาต่างกันไม่มากเลยเพิมเงินอีกหน่อยเดียวเอง - -"
-
ไม่มโนหรอกคับ ดูเซลรีพอร์ทคุณหมูก็บอกอยู่ Benz BM ขายได้ขนาดไหน วิ่งเกลื่อนกทม.
-
รถยุโรปมันไม่ได้จบแค่ซื้อนะครับ
ยังมีค่าบำรุงรักษาตามระยะ อะไหล่ต่าง ๆ
พวกระบบเกียร์ ของเล่นใหม่ ๆ เสียมาทีนี่ปาดเหงื่อแน่นอน
แต่ถ้าไม่กะใช้ยาวก็พอได้อยู่
-
ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน รถยุโรปน่าซื้อมากครับ ราคาพอไหวยิ่งมือ 2 ราคาเร้าใจ ราคาป้ายแดงไม่ต่างจาก 10 ปีก่อน
แต่ัปัญหาคือ ค่าดูแล ค่าซ่อม ที่กลับแพงขึ้นมากกว่า...... ?
คือน่าซื้อ แต่ไม่น่าใช้ สำหรับผม ถ้าให้ผมเทียบกับค่าดูแล Fortuner Vios Vigo ที่อยู่ในบ้านแล้ว ผมขับรถญี่ปุ่นระดับนี้ต่อไปดีกว่า เก็บเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่าเอาเงินมาซ่อมรถแพง ๆ สำหรับผมมันไม่ใช่
อย่างดีสุดแพงสุดผมให้ราคาซ่อมไม่เกินค่าย Mazda เกินกว่าเรทนี้ผมก็ไม่ซื้อรถยี่ห้อนั้นแล้ว
-
ผมว่าค่าเงินมันเปลี่ยนไปด้วยมั้งครับ สมัยก่อนเงิน7-8แสนนี่ถือว่าเยอะ
เดี๋ยวนี้ 2-3ล้านนี่เกลี่ยนถนน ขับไปไหนก็เจอ 55555
-
ราคามันไม่ขึ้นจากเดิมครับ แล้วยิ่งมีโปรลดทีหลายแสน แล้วมีบอลลูน หรือผ่อน 0% อีก ยิ่งซื้อง่ายใหญ่เลยครับ
ส่วนตัวเคยคิดว่ายังไงๆก็ต้องใช้รถยุโรป เพราะเคยใช้แค่ยุโรปมาก่อน พอมาเริ่มๆให้รถญี่ปุ่นแล้วมันก็เพียงพอแล้วครับ สบายตัว สบายใจ ดีครับ ยิ่งรถญี่ปุ่นรุ่นหลังๆมา ทั้งแรง ทั้งช่วงล่างดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ พอเปลี่ยนรถ เลยไม่มีรถยุโรปเหลือในตัวเลยครับ
-
ผมยังเอื้อมไม่ถึงเลย เอื้อมยากมาก ไม่ใช่เรื่องซื้อแต่เป็นเรื่องการดูแลมากกว่า
-
เด๋วนี้ ถ้าขับรถ ใช้รถคนเดียว
แล้วก็เปลี่ยนรถบ่อย ใช้ซัก 5 ปีก็เปลี่ยนรถใหม่
ก็พบว่า คนจำนวนมาก เลือกรถยุโรป ราคาประมาณ 2 ล้าน
มากกว่า รถญี่ปุ่น ราคาเกือบ 2 ล้านแทน
โดยดูจากยอดขายรถ D segment (camry accord teana) ก็ได้ครับ
เพราะผ่อนรายเดือนมากกว่ากันนิดเดียวเอง
แถมรถใหม่ ก็ไม่มีอะไรให้ซ่อมอยู่แล้ว
;)
-
ผมเอื้อมถึงแต่ไม่เอื้อมครับ เพราะ ผมไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง มีปัญแค่แค่ผ่อนรถเท่านั้น
1.การดูแลรักษา ยิ่งระบบมาก ยิ่งวุ่นวาย อาจดีแค่ 4-5 ปี จะเห็นว่า BMW BEnzขายกันให้เกลื่อน เพราะเจ้าของไม่ซ่อมขายทิ้งซื้อใหม่ ขนาดคนรวยๆยังซ่อมไม่ไหว
2. รถคันนึงผมผ่อน 6 ปี ยังอยากใช้แบบไม่เป็นหนี้ไปอีก ไม่ใช่ผ่อนหมดขายคันเก่าได้เงินดาวน์ใหม่ เป็นหนี้ไม่รู้จบ ดังนั้นใช้เกิน 10 ปี อยากใช้แบบสบายๆ. รถญี่ปุ่นยังตอบโจทย์ตรงนี้มากกว่า
-
สินสอดอาจจะไหวแต่กลัวค่าเลี้ยงดู
-
ผมว่าคนสมัยนี้กล้าใช้เงินมากกว่าสมัยก่อนครับ
รุ่นพ่อหรือปู่ผมนี่ประหยัดกันสุดๆ มาถึงรุ่นลูกหลานนี่ใช้เงินกันเป็นน้ำครับ
รถแพงเลยวิ่งกันเกลื่อนถนนขนาดนี้
-
ผมรู้สึกเหมือนจขกท.ครับ รู้สึกว่าเอื้อมง่ายขึ้น บางทีอาจจะง่ายไป
ผมขอกล่าวถึงที่เจอมาแย่ๆ ไม่เหมารวมนะครับ
MB BMW เดี๋ยวนี้ หลายๆคันที่เจอ ขับแบบ...กริยาส่อสกุลมากครับ
และมีวันนึงเจอ A-Class แว๊นระเบิด แต่งรถสไตล์ brio ติดไฟงานวัดพร้อมสติ๊กเกอร์เกล็ดปลา
:-X
-
ผมว่าคนสมัยนี้กล้าใช้เงินมากกว่าสมัยก่อนครับ
รุ่นพ่อหรือปู่ผมนี่ประหยัดกันสุดๆ มาถึงรุ่นลูกหลานนี่ใช้เงินกันเป็นน้ำครับ
รถแพงเลยวิ่งกันเกลื่อนถนนขนาดนี้
ส่วนนึงเพราะเรามีรายได้มากขึ้นด้วยครับ และราคารถยุโรปก็ขึ้นราคาจากเดิมไปไม่มากครับ เราก็เลยกล้าซื้อกันมากขึ้นครับ
-
ผมว่าไม่นะ มันก็มีรถยุโรปราคาไม่แพงโผล่มาเป็นพักๆอยู่แล้ว
- BMW E30 รุ่นเริ่มต้นราคาพอๆกับรถญี่ปุ่นขนาดกลางในสมัยนั้น (accord,bluebird,corona,galant) ขายดียอดขายติดอันดับต้นๆของรถขายดีในไทยชนิดที่รถยุโรปทุกวันนี้คงทำไม่ได้อีกแล้ว
- Benz 190E ราคาพอๆกับรถญี่ปุ่นเช่นกัน ถึงแม้ว่ารุ่นแรกๆที่เข้ามาจะเป็นเกียร์ธรรมดา4จังหวะ และออโต้ 3 จังหวะแย่กว่ารถญี่ปุ่นสมัยนั้นก็ตาม แต่ไม่มีคนสนใจหรอก ตราดาวบนฝากระโปรงช่วยกลบเรื่องพวกนี้หมดเลย ขายดีจนกระทั่งฝรั่งเยอรมันต้องบินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถที่กำลังจะตกรุ่นอยู่แล้วแต่จู่ๆมันก็ขายได้แบบติดจรวด
Benz190e ตอนเข้ามาทำตลาดจริงๆที่ฝรั่งบินมาดูนี่คือยุคต้น90ละนะครับ ที่เป็นเครื่องm102 หัวฉีด K-Jet ราคาล้านต้น-ล้านกลาง ตอนนั้นบอกตามตรงเป็นช่วงปลายโมเดลหรือปั้นปลายเทคโนโลยีของยุค80แล้ว แต่ถ้าไปเทียบกับรถญี่ปุ่นสมัยนั้นก็ยังเป็นเครื่องคาบูเรเตอร์อยู่เลย ช่วงล่าง190eผมว่าก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเรียกว่าแย่ที่สุดของเบนซ์ก็ว่าได้ แต่ผมว่ามันก็ยังนั่งสบายกว่าcoronaยุคนั้นนะ จะหาว่าซื้อรถเพราะตราดาวอย่างเดียวก็ไม่ถูกเสมอไป ส่วนE30ช่วงปลายโมเดลที่เป็นเครื่องM40นั้น ผมว่าล้ำหน้ากว่าชาวบ้านเค้าเลย แต่ราคาตอนนั้นก็เกือบแตะหลักล้านแล้วเหมือนกันในขณะที่รถทั่วไปยังอยู่ไม่กี่แสนเอง
-
ตอนนี้เราเทียบรุ่นใหญ่ญี่ปุ่นแพงสุดกับเล็กสุดยุโรบมันก็ใกล้กันจริง
แต่ถ้าเทียบขนาดเท่ากัน ราคายังห่างมาก
แต่เมื่อก่อนห่างกันเยอะรุ่นเล็กเช่น. 190e ล้านกว่ากับซิวิคที่เพิ่งจะ4-5แสนเอง
-
จริงอยู่ว่าราคาใกล้เคียงกัน เพิ่มเงินจาก d seg ตัวท้อปญี่ปุ่นไม่กี่แสนก็ได้รถยุโรปแล้ว
แต่ เทียบแบบนั้นก็ไม่ค่อยถูก เพราะรถยุโรป 2 ล้านต้นๆนั้นมันเป็น compact car ครับ
ถ้าเทียบ segment เดียวกัน ระหว่าง d seg ญี่ปุ่น กับ d seg ยุโรป ราคาก็ยังต่างกันเกินล้านครับ
ซื้อ d seg ญี่ปุ่นตัวล่าง + ppv ตัวล่างอีกคัน ยังถูกกว่า d seg ยุโรป 1 คันเลยครับ
ยังไม่นับค่าดูแล บำรุงรักษา ค่าประกัน อื่นๆอีกเยอะ ดูเปินๆราคาต่างไม่เยอะ แต่มาคิดจริงจังแล้ว
ยังต่างกันเยอะอยู่พอสมควรครับ
-
ผ่อนฟอจูน2หมื่น9 ผ่อน gla 250 3หมื่น4
ผมไม่คิดมากเลยครับ ได้ปลอดภัยกว่า เครื่องแรงกว่า
จอดห้างสบายกว่า
ไม่ต้องมองว่าต้องรวยมากๆๆๆ ถึงซื้อหรอกครับ
คิดว่าถ้ามีเงินออมเพื่อการเกษียณตามแผน แล้วผ่อนไหวก้อน่าลุยแล้วครับ ขับรถทุกวันนี้ก้อเหมือนเช่าแหละครับ
-
เพราะ gap ระหว่าง d-seg ญี่ปุ่น กับ ยุโรป มันแคบลงไงครับ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่า รถยุโรปที่ราคาต่ำๆ มันคละ segment กับ d-seg ญี่ปุ่น
-
ผ่อนฟอจูน2หมื่น9 ผ่อน gla 250 3หมื่น4
ผมไม่คิดมากเลยครับ ได้ปลอดภัยกว่า เครื่องแรงกว่า
จอดห้างสบายกว่า
ไม่ต้องมองว่าต้องรวยมากๆๆๆ ถึงซื้อหรอกครับ
คิดว่าถ้ามีเงินออมเพื่อการเกษียณตามแผน แล้วผ่อนไหวก้อน่าลุยแล้วครับ ขับรถทุกวันนี้ก้อเหมือนเช่าแหละครับ
จริงๆครับ
ยิ่งถ้าขับรถ ใช้รถแค่คน สองคน
ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ รถยาวๆ จอดรถยากๆ ไปทำไม ?
:)
-
d seg ญี่ปุ่นราคาแพงมากขึ้นจริงๆครับ สมัยก่อน ปี 2004 523i E39 ราคา 3.3 ล้าน แล้วตอนนั้น accord ราคาเท่าไร มาดูตอนนี้สิครับ
-
เทียบแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ เหมือนเอา vios ไปเทียบ camry
...... แต่ถ้าคิดถึงค่าซ่อมบำรุง ยังไงก็เอื้อมไม่ถึง น้าข้างบ้านเอา S280 ไปเปลี่ยนโช๊ค ตัวละ 85000 ( แค่ตัวเดียวซื้อโช๊คเปลี่ยนทั้งรถผมได้ 18 รอบ )
-
เหมือนว่ารถยุโรปราคาถูกลงนะ เมื่อราว 10 ปีที่แล้ว เปิดแคตตาล็อกดูราคารถ จำได้ว่า BMW 318i ราคา 2 ล้านกลางๆ ส่วน 320i ราคา เกือบ 3 ล้าน เพิ่มอีกแค่หมื่นเดียว แต่ตอนนี้ 3 ล้านได้ 330e ปลั๊กอินไฮบริด อีกค่ายนึง Mercedes Benz รุ่นราคาต่ำสุดตอนนั้น รู้สึกจะเป็น C180 ราคา 2 ล้านปลายๆ
ในขณะที่รถตลาด รถญี่ปุ่น ผลิตในประเทศ ราคากลับสูงขึ้น แล้วผมกลับคิดว่าเดี๋ยวนี้รถ C segment เอื้อมถึงได้ยากขึ้น รวมไปถึงรถกระบะ 4 ประตูยกสูงด้วย ราคาเริ่มต้นก็ 8 แสนปลายๆ แล้ว ถ้าอยากได้ก็ต้องมือสอง แถมมือสองยังเกินงบอีก อย่าง Civic ราคาก็เริ่มต้นที่ 8.9 แสน ส่วนตัวท็อปก็ 1.2 ล้าน ใจจริงผมคิดว่าผ่อน ecoboost หมดเมื่อไหร่ จะถอย Civic ตัวท็อป หรือไม่ก็ Focus หรืออาจจะซื้อคอนโด แต่คงได้แค่ฝันเพราะมีภาระรออยู่แล้ว คือช่วยพ่อผ่อนบ้านหลังเดิม เรื่องรถคงต้องใช้ fiesta ecoboost คันนี้อีกยาว ถ้ารถมีปัญหาแล้วร้ายแรงที่สุดคือไม่มีอะไหล่เปลี่ยนไม่มีทางซ่อม คงต้องหารถมือสองราคา 2-3 แสนมาใช้แทน
-
จริงอยู่ว่าราคาใกล้เคียงกัน เพิ่มเงินจาก d seg ตัวท้อปญี่ปุ่นไม่กี่แสนก็ได้รถยุโรปแล้ว
แต่ เทียบแบบนั้นก็ไม่ค่อยถูก เพราะรถยุโรป 2 ล้านต้นๆนั้นมันเป็น compact car ครับ
ถ้าเทียบ segment เดียวกัน ระหว่าง d seg ญี่ปุ่น กับ d seg ยุโรป ราคาก็ยังต่างกันเกินล้านครับ
ซื้อ d seg ญี่ปุ่นตัวล่าง + ppv ตัวล่างอีกคัน ยังถูกกว่า d seg ยุโรป 1 คันเลยครับ
ยังไม่นับค่าดูแล บำรุงรักษา ค่าประกัน อื่นๆอีกเยอะ ดูเปินๆราคาต่างไม่เยอะ แต่มาคิดจริงจังแล้ว
ยังต่างกันเยอะอยู่พอสมควรครับ
320d iconic ยาว4,624 มิลลิเมตร กว้าง 1,811 มิลลิเมตร สูง 1,429 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,810 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,530 กิโลกรัม
Camry ยาว 4,825 mm กว้าง 1,825 mm สูง 1,470 mm.ฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,475 กิโลกรัม
บอกว่าคนละไซท์คงไม่ใช่แม้Camryจะยาวกว่า แต่320d ฐานล้อยาวกว่า หนักกว่า ได้รถขับหลัง
-
ผมว่ามันก้อปรับตามอัตราส่วนนะครับ
ตอนผมอยู่มหาลัย
BMW 318i E36 ล้านต้นๆ
Accord 700000
ตอนนี้
320i สองล้านกว่าๆ
Accord 1500000
-
ถ้าเทียบจริงๆ แบบD segmentทั้งคู่ ยังต่างกันเกือบ2ล้านนะครับ Camry 1.4ล้าน W212 3.5ล้าน , Civic 9แสน F30 2.2ล้าน
สมัยปี1996 Accordท้ายก้อนเดียว9แสนกว่า W210 2.8ล้าน , civic ek 7แสน E36 1.6ล้าน
ความห่างของราคาน้อยลงจริงๆ
แต่เคยคุยกับพ่อแล้ว บอกว่ารถเบนซ์สมัยนี้ ทำราคารถให้รู้สึกไม่แพง แต่ไฟฟันราคาค่าอะไหล่แทน เหมือนหลายๆค่ายทำกัน
อย่าง W211 W207 เวลาผมจะไปซื้ออะไหล่ ต้องใช้เลขตัวถังตลอด และส่วนมากต้องให้ร้านอะไหล่ เบิกผ่านศูนย์อยู่ดี ยังไงๆก็ต้องซื้ออะไหล่จากตัวแทน
ผลเลยคิดได้ว่า น่าจะได้เงินจากการขายอะไหล่มาทดแทน
-
ลืมเรื่องค่าเงินไปรึเปล่าครับ
เมื่อ 20 ปีก่อน ข้าวแกงราคา 20 นับว่าค่อนข้างแพง แต่เดี๋ยวนี้ 20 บาทเริ่มซื้อข้างแกงไม่ได้แล้ว
-
รถยุโรปราคาเพิ่มขึ้นไม่มาก รถญี่ปุ่นราคาเพิ่มขึ้นมาก จนมาต่างกันไม่เท่าไหร่
ในขณะที่สมัยก่อนราคาต่างกันเป็นเท่าตัว แต่ค่าเมนเทแนนซ์ ยุโรปก็ยังแพงกว่าญี่ปุ่นระดับหนึ่งอยู่ดี
อีกอย่าง คือ สมัยก่อน 2 ยี่ห้อหลัก มันไม่ได้ซอยรุ่นถี่ขนาดนี้ ตอนนี้มันมีรุ่นตอบโจทย์และซีรี่ส์อีกมาก
จนผมเริ่มมึนโดยเฉพาะกะเมอร์ซีเดสว่า ทุกวันนี้มันมีกี่คลาสเนี่ย?
-
เดี๋ยวนี้รถยุดรปเค้าชอบทำรุ่นลด Option มาล่อใจคนจะเอา D Segment รุ่น Top ครับ แถมบางคนใช้รถน้อย ใช้ไม่ถึง 5 ปีเปลี่ยนก็มี เหมือนส่วนตัวผมเอง ก็ไม่เคยคิดจะมีรถเป็นสมบัติเลย ใช้ไปแล้วเปลี่ยนตามเทคโนโลยีดีกว่า (ยังกะมือถือ) :-X
-
ผมว่าตั้งแต่ยุคเกรย์มาร์เก็ตขายดีทำให้รถยุโรปต้องทำราคาใหม่ครับ เพราะก่อนหน้านั้นจำได้ว่ารถยุโรปราคาก็แพงขึ้นไปเรื่อยๆแบบรถญี่ปุ่น
-
ยุ่นแพงขึ้นแต่ออฟชั่นก็จัดเต็มจนล้นในหลายๆรุ่น ยุโรปถูกลงแถมมีรุ่นเบสมายั่วใจตัดออฟชั่น
ผมว่าถ้าคนไม่เคยเล่นยุโรป หรือชอบการขับขี่ หรือภาพลักษณ์ มันค่อนข้างง่ายในการเลือก
-
มันsubjective
คนเรามีเงินในมือไม่เท่ากัน แถมมีพอๆกันก้อมองเรื่งอนี้ต่างกัน
-
จริงอยู่ว่าราคาใกล้เคียงกัน เพิ่มเงินจาก d seg ตัวท้อปญี่ปุ่นไม่กี่แสนก็ได้รถยุโรปแล้ว
แต่ เทียบแบบนั้นก็ไม่ค่อยถูก เพราะรถยุโรป 2 ล้านต้นๆนั้นมันเป็น compact car ครับ
ถ้าเทียบ segment เดียวกัน ระหว่าง d seg ญี่ปุ่น กับ d seg ยุโรป ราคาก็ยังต่างกันเกินล้านครับ
ซื้อ d seg ญี่ปุ่นตัวล่าง + ppv ตัวล่างอีกคัน ยังถูกกว่า d seg ยุโรป 1 คันเลยครับ
ยังไม่นับค่าดูแล บำรุงรักษา ค่าประกัน อื่นๆอีกเยอะ ดูเปินๆราคาต่างไม่เยอะ แต่มาคิดจริงจังแล้ว
ยังต่างกันเยอะอยู่พอสมควรครับ
320d iconic ยาว4,624 มิลลิเมตร กว้าง 1,811 มิลลิเมตร สูง 1,429 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,810 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,530 กิโลกรัม
Camry ยาว 4,825 mm กว้าง 1,825 mm สูง 1,470 mm.ฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,475 กิโลกรัม
บอกว่าคนละไซท์คงไม่ใช่แม้Camryจะยาวกว่า แต่320d ฐานล้อยาวกว่า หนักกว่า ได้รถขับหลัง
เทียบไม่ได้ครับ BM ฐานล้อยาวกว่าอ่ะจริงครับแต่หลังแคบกว่า Camry เยอะเลยครับ camry นั่งสบายกว่าเยอะครับไม่อึดอัดเท่าครับ(แค่นั่งนะครับไม่ใช่ขับ)
ปล.ฐานล้อยาววกว่าเพราะว่าขับหลังและหน้ายาวครับส่วน camry ขับหน้ากินพื้นที่น้อยอยู่แล้วครับ
-
ยุ่นแพงขึ้นแต่ออฟชั่นก็จัดเต็มจนล้นในหลายๆรุ่น ยุโรปถูกลงแถมมีรุ่นเบสมายั่วใจตัดออฟชั่น
ผมว่าถ้าคนไม่เคยเล่นยุโรป หรือชอบการขับขี่ หรือภาพลักษณ์ มันค่อนข้างง่ายในการเลือก
เรื่อง option จัดเต็ม .....เอามา apply กับโตโยต้า ไม่ได้นะครับ 555
เพราะเห็นปรับราคาแพงขึ้น แต่ลด option ลง อ่ะครับ ^^
;D
-
ที่บ้านเคยมีความคิดจะเอื้อมครับ แต่พอมาคำนวณค่าใช้จ่ายแล้ว
ตอนนี้ขอใช้รถเก๋งเล็ก กับกระบะยกสูง ไปพลางๆคงตอบโจทย์กว่า
แต่อนาคตไม่แน่ครับ ถ้าราคาลงมาอีก อยากจะรู้ว่ารถยุโรปมันดียังไง :-*
-
ผมว่าถ้าเอาตัว D-Segment TOP พี่ยุ่น (option จัดเต็ม) ที่ราคาถูกกว่า C-Segment Premium รุ่นเริ่มต้น (ตัด Option)
อาจจะถูกกว่า 3-5 แสนบาท แต่ก็แอบเอนเอียงไปทางพี่ยุ่นอยู่นะครับ เพราะค่าซ่อมบำรุง ค่าประกัน ค่าดูแลที่ถูกกว่า
ผมว่าคนที่ต้องการภาพลักษณ์ คงเลือก C-Segment Premium รุ่นเริ่มต้นได้ไม่ยากครับ
แต่คนที่ต้องการความสะดวกในการเข้าศูนย์บริการที่มีมากกว่าและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่ไม่แพงมาก คงจะยังเลือก D-Segment TOP พี่ยุ่นครับ
เคยคิดเหมือนท่านเจ้าของกระทู้ครับ แต่มาคิดอีกทีก็เป็นดังข้างต้นครับ
(คล้ายตอนออก Jazz GK SV+ ครับ ราคาใกล้ Civic FB รุ่นล่างเลย แต่ก็ Option โล้นมาก และไม่อยากบานปลาย)
-
จะบอกว่าง่ายมั้ย มันก็ถูกลงกว่าแต่ก่อนเยอะนะ สมัยสิบปีที่แล้วชอบCLS w219มากจะถอยCLSได้ต้องไม่ต่ำกว่า7ล้าน ยิ่งแต่ก่อน S classไม่ต้องพูดถึงเป็นรถที่ผมไม่มองเลย เพราะไม่มีปัญญาจะซื้อ จำได้แม่นดูตารางราคาแล้วยังไงก็เอื้อมไม่ถึง สมัยนี้CLS 5ล้านก็ซื้อได้แล้ว
-
ราคาตอนออกรถอาจไม่ต่างมากระหว่าง D-Seg Top และยุโรปตัวเริ่มต้น แต่ค่า Maintenance และอื่นๆนู่นนี่นั่น ผมว่าต่างกันอย่างเห็นได้ชัดนะ ค่าซ่อมพวกยุโรปถ้าเช้าศูนย์นี่หน้ามืดเลย
-
ยินดีด้วย เพราะ จขกท รวยขึ้น