Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: liveshow ที่ เมษายน 01, 2010, 14:26:39
-
ที่ผมตั้ง topic นี้เพราะว่าระยะหลังที่ผมอ่านๆจากหลาย board จากหลายปากที่ได้ยิน
ในความคิดของคนทั่วไป มอง city car เป็น รถเครื่องใหญ่ในคราบเด็ก
แล้วผมก็ถามกลับไปว่า ถ้างั้น ตัวรถเท่ากัน
แต่เครื่องเล็กกว่า มันไม่เป็น district car เลยหรอ
แล้วถ้าเจอะรถ K-car ญี่ปุ่น ท่านคงไม่มองเป็น precinct car ไปเลยหรือ
ผมไปลองเปิด wiki ดู แทบจะมองไม่เห็นเลยว่า เอาเครื่องมาเป็นตัวกำหนดว่าเป็น city car เลย
http://en.wikipedia.org/wiki/City_car
มีแต่ขนาดเท่านั้น
แล้วท่านๆคิดว่าอย่างไรกับครับ
ขออภัยถ้าทำให้เกิดความขัดแย้งกันทางความคิด
ขอบคุณครับ
-
ถ้าเป็นผม Eco Car คือ รถที่วิ่งประหยัดน้ำมัน เครื่องไม่ใหญ่ วิ่ง20km/L ขึ้นไป
ส่วน City Car รถที่นั่งสบายๆในเมือง สามารถจับจ่ายใช้ส่อยได้ดี ประหยัดแต่ไม่เท่า Eco Car ประมาณ 12-15Km/L
-
ถ้าเป็นผม Eco Car คือ รถที่วิ่งประหยัดน้ำมัน เครื่องไม่ใหญ่ วิ่ง20km/L ขึ้นไป
ส่วน City Car รถที่นั่งสบายๆในเมือง สามารถจับจ่ายใช้ส่อยได้ดี ประหยัดแต่ไม่เท่า Eco Car ประมาณ 12-15Km/L
อีโคคาร์มีข้อกำหนดจากรัฐชัดเจน แต่ซิตี้คาร์คงแล้วแต่นิยามของแต่ละคนแล้วล่ะครับ
-
ผมน่ะเรียกพวก Toyota iQ, Fiat 500, Nissan Moco ฯลฯ พวกนี้เป็น city car ครับ
ส่วนพวก Jazz, Yaris, Swift, City ผมเรียก sub-compact
ส่วน Eco car ผมเรียกรถที่เป็นไปตามมาตรฐานที่รัฐบาลไทยกำหนด ซึ่งก็คือ Nissan March รุ่นเดียวในตอนนี้
-
ฮอนด้าซิตี้เป็นซิตี้คาร์แน่นอนครับ ตลอดอายุขัยของมันและทุกเจเนอเรชั่น
-
ผมน่ะเรียกพวก Toyota iQ, Fiat 500, Nissan Moco ฯลฯ พวกนี้เป็น city car ครับ
ส่วนพวก Jazz, Yaris, Swift, City ผมเรียก sub-compact
ส่วน Eco car ผมเรียกรถที่เป็นไปตามมาตรฐานที่รัฐบาลไทยกำหนด ซึ่งก็คือ Nissan March รุ่นเดียวในตอนนี้
ผมเห็นด้วยครับ +100 :) ;) :D ;D
-
Eco car เป็น Subset ของ City Car
-
Eco Car เสียภาษีสรรพสามิตถูกกว่า รถ City Car
ดังนั้น ตรรกะง่ายๆคือ Eco Car ต้อง ราคาถูกกว่า อย่างน้อย ก็ ตามส่วนของภาษีที่ลดลง
เช่น ถ้า Honda City ใส่เครื่อง 1000 ซีซี แล้ว วิ่งได้ประหยัดน้ำมันตามข้อกำหนดของรัฐ
ก็ แจ้ง เข้าเป็น Eco Car ได้เช่นกัน
ปัญหา อยู่ที่ ยอดขาย 100,000 คัน นี่แหละครับ
ที่บังคับ ให้ ผู้ผลิต ต้องทำการบ้านให้หนัก
คิด ให้ สมดุลย์ ระหว่าง กำไรต่อคันที่อยากได้มาก กับ ยอดขายที่ต้องทำได้มาก โดย ลดกำไรลงไป
ขายถูก ขายได้มาก
ขายแพง ขายได้น้อย
ยังไม่นับ ถูก เจ้าตลาดใหญ่ ดัมพ์ราคา ผ่อนนาน ดอกเบี้ยต่ำอีก
เห็นใจ นิสสัน อยู่เหมือนกัน ครับ
-
ตามข้อกำหนด ตามที่รัฐบาลของแต่ละประเทศกำหนดครับ
ซึ่งไทยกำหนด เครื่องเบนซินไม่เกิน1300 ดีเซลไม่เกิน1400 ประหยัดได้เกิน 20โล/ลิตร ที่ความเร็ว 60 ส่วนปลีกย่อย บราๆๆเยอะแยะเลยครับ
-
ผมคงมองว่า เจ้าmarch และ eco car ตัวอื่นๆ ที่จะคลอดตามมาคงน่าจะเป็น class city car หมด เพราะว่า ความกว้าง ยาว คงแทบจะเท่ากับ ตระกูล sub-com
และความเหมาะสมเรื่อง เครื่องยนต์ มลพิษต่างๆที่สมควรจะเป็น city car
แต่เห็นคนที่รู้จักจะพยายามบอกว่า ไอ่เจ้า city carนะมันต้องเครื่อง 1500 ++ มันถึงจะเป็น city car ส่วนไอ่พวก eco car มันเป็นเกรดต่ำกว่า
ก็เลยอยากจะทราบจากความคิดเห็นของ ชาว HLM ว่าเป็นเยี่ยงใด เพราะคุยกันไปคุยกันมาเหมือนมันจะมี รถ class ใหม่เพิ่มมาอีก ทำให้
ปวดเศียรเวียนเกล้ากันไปใหญ่
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
-
เรื่อง
ผมคงมองว่า เจ้าmarch และ eco car ตัวอื่นๆ ที่จะคลอดตามมาคงน่าจะเป็น class city car หมด เพราะว่า ความกว้าง ยาว คงแทบจะเท่ากับ ตระกูล sub-com
และความเหมาะสมเรื่อง เครื่องยนต์ มลพิษต่างๆที่สมควรจะเป็น city car
แต่เห็นคนที่รู้จักจะพยายามบอกว่า ไอ่เจ้า city carนะมันต้องเครื่อง 1500 ++ มันถึงจะเป็น city car ส่วนไอ่พวก eco car มันเป็นเกรดต่ำกว่า
ก็เลยอยากจะทราบจากความคิดเห็นของ ชาว HLM ว่าเป็นเยี่ยงใด เพราะคุยกันไปคุยกันมาเหมือนมันจะมี รถ class ใหม่เพิ่มมาอีก ทำให้
ปวดเศียรเวียนเกล้ากันไปใหญ่
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
มันยาวจริงๆ นะเนี่ย (ผมเพิ่งรู้ครับ ว่ามันเป็นอย่างนี้เอง)
-
และถ้ามันเกิดไม่ได้ 100000 คันขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นครับ ปิดโรงงานหนีเลยอะเปล่า อิอิ
-
อาจจะต้องจ่ายภาษีส่วนต่างที่ลดมั้งครับ
-
และถ้ามันเกิดไม่ได้ 100000 คันขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นครับ ปิดโรงงานหนีเลยอะเปล่า อิอิ
คาดว่า น่าจะต้องจ่ายส่วนต่างของภาษี ย้อนกลับไปตั้งแต่คันที่ 1 ซึ่งถ้าหากขายมา 4-5 ปี ก็น่าจะต้องปิดโรงงานหนีอย่างที่คุณว่าแหละครับ ... แต่ว่า ... ที่จริงแล้ว เกือบทุกค่ายที่เข้ามาผลิต Eco Car นั้น ต้องมีตลาดส่งออกเกิน 50% กันทั้งนั้นนะครับ อย่างน้อยๆ ก็ในเอเชียและอาเซียน