Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: เต๋า AV ที่ สิงหาคม 19, 2016, 17:29:44

หัวข้อ: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
เริ่มหัวข้อโดย: เต๋า AV ที่ สิงหาคม 19, 2016, 17:29:44
ช่วงนี้รถยนต์ไฟฟ้ากระแสกำลังมาแรง หลายบริษัทมีการค้นคว้าพัฒนารถของค่ายตัวเองอย่างต่อเนื่อง
แต่ถึงแม้จะผลิตเครื่องยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมากเพียงใด แต่ก็ยังตันอยู่ที่แหล่งพลังงาน
Battery ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา

(http://i-cdn.phonearena.com/images/articles/252115-image/batmud.png)

วันนี้ไปเจอข่าวเกี่ยวกับแบตมือถือตัวใหม่ SolidEnergy ที่มีปริมาณความหนาแน่นของพลังงานมากกว่า Lithium-ion ที่ใช้กันอยู๋ในปัจจุบัน
และมีแผนจะปล่อยสู่ผู้บริโภคในปีหน้า และสามารถพัฒนามาใช้ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ด้วยเช่นกัน
ถือว่าเป็นข่าวดีต่อ การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขับได้ไกลขึ้น

(http://i-cdn.phonearena.com/images/articles/252117-image/batmud2.png)

Cr.: http://goo.gl/Z4VKns

คหสต. ถ้าทำรถไฟฟ้าเปลี่ยนแบตแบบ รถ Tamiya ได้คงจะดี ทำเป็นแบบ socket คันละ 5 socket อันไหนหมด ก็เข้าไปเปลี่ยนที่สถานี หรือจะชาร์ตเป็นแบตสำรอง ติดรถไว้ยามฉุกเฉิน น่าจะดีไม่น้อย ::)
หัวข้อ: Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
เริ่มหัวข้อโดย: ps000000 ที่ สิงหาคม 19, 2016, 17:37:13
น่านละฮะ ราคงราคา มันจะได้หรือเปล่า  8)
หัวข้อ: Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
เริ่มหัวข้อโดย: kan.kom ที่ สิงหาคม 19, 2016, 17:41:18
ผมก็มองว่า ถ้าถอดเปลี่ยนได้เหมือนแบตรถตอนนี้ ก็น่าจะไม่มีปัญหา
เข้าปั๊มแต่ก่อนขายน้ำมัน ก็เปลี่ยนเป็นรับเปลี่ยนแบตแทน win win อีกตะหาก
แต่ต้องทำช่องใส่แบตให้เป็นขนาดมาตรฐานเหมือนกับถ่านที่มีขนาด aa aaa อะไรแบบนี้
หัวข้อ: Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ สิงหาคม 19, 2016, 21:47:21
ถ้าเปลี่ยนง่ายๆก็ดีนะครับ ตัดเรื่องสถานีชาตไฟไปได้สบายๆเลย  :D :D :D :D
หัวข้อ: Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
เริ่มหัวข้อโดย: yourturle ที่ สิงหาคม 19, 2016, 21:52:54
ผมก็มองว่า ถ้าถอดเปลี่ยนได้เหมือนแบตรถตอนนี้ ก็น่าจะไม่มีปัญหา
เข้าปั๊มแต่ก่อนขายน้ำมัน ก็เปลี่ยนเป็นรับเปลี่ยนแบตแทน win win อีกตะหาก
แต่ต้องทำช่องใส่แบตให้เป็นขนาดมาตรฐานเหมือนกับถ่านที่มีขนาด aa aaa อะไรแบบนี้
+1
หัวข้อ: Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
เริ่มหัวข้อโดย: veturilo ที่ สิงหาคม 19, 2016, 22:14:38
Trend ของเทคโนโลยียานยนต์สุดท้ายจะกลายเป็น Battery Electric Vehicle (BEV) แน่ๆ
แต่ข้อจำกัดของรถไฟฟ้ามันยังมีมากครับ ณ ขณะนี้
แม้กระแสแรงแค่ไหนก็ยากที่จะมีให้ใช้อย่างแพร่หลายในประเทศไทยเร็วๆนี้ ข้อจำกัดชัดๆเช่น

สถานีชาร์จไฟฟ้า
  ในประเทศที่มี BEV ก่อนเราเช่น ญี่ปุ่น มีจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าราว 1.7 หมื่นแห่ง
  แต่มียอดขาย BEV ราวๆ 0.03% เท่านั้น ถ้าเทียบกับไทยที่แผนกระทรวงพลังงานจะมีราวๆ 1-2 ร้อยสถานี
  ภายใน 3 ปีข้างหน้า แค่คิดไม่ต้องใช้ตรรกะอะไรมากก็พอรู้แล้วว่าการใช้งานจะเป็นเพียงวงแคบๆ

ความเร็วในการชาร์จ
  เราเติมน้ำมันกันใช้เวลาเต็มทีราว 5-10 นาที LPG ก็พอๆกับน้ำมัน CNG ถ้าโดนรถบรรทุกก็ 30-40 นาที
  สำหรับ Battery ถ้าจะชาร์จให้เต็มต้องใช้เวลาราว 2-4 ชั่วโมงสำหรับรถยนต์นั่งธรรมดาๆ
  ไม่ต้องคิดถึงรถขนาดใหญ่ เช่น รถ Bus ขานั้นนานกว่านี้แน่ๆ เมื่อผนวกกับจำนวนสถานีชาร์จที่มีปริมาณน้อยแล้ว
  ถ้ามีคนใช้ BEV เยอะๆ เราจะได้เจอต่อแถวชาร์จไฟยาวกว่าเติม CNG แน่ๆ

ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
   การชาร์จ 1 ครั้งสามารถวิ่งได้ราวๆ 200-400 km ซึ่งระยะทางเช่นนี้จะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการวิ่งในเส้นทางประจำ
   เช่น จากบ้านไปที่ทำงานแล้วก็กลับบ้าน หรือพวกรถประจำทางต่างๆ แต่ถ้าท่านเป็นคนที่มีรถคันเดียวในบ้านแล้วล่ะก็
   มันไม่สะดวกอย่างแรง แค่จินตนาการว่าเอารถไปเที่ยวจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ต้องชาร์จไฟ 4 ครั้งนี่ก็แย่แล้ว

ความคุ้นชินกับอุปกรณ์ของรถไฟฟ้า
   ถ้าคุณยี้กับรถ hybrid เพราะกลัวว่า Battery มันจะพังหรือ Motor มันจะพังแล้วล่ะก็
   คุณก็ควรจะยี้กับ BEV ด้วย เพราะมันก็วิ่งด้วย Battery และ Motor เหมือนกัน แถมถ้าพังแล้วลากอย่างเดียวนะครับ
   ไม่มีเครื่องยนต์ให้คุณนำรถวิ่งไปซ่อมต่อนะครับ

แหล่งพลังงาน
   ผมไม่มีข้อมูลลึกๆด้านนี้มากนัก แต่พอจะทราบว่าไทยมีความต้องการการใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ผลิตไม่ทัน
   จนต้องไปซื้อจากเพื่อนบ้าน ความมั่นคงทางพลังงานค่อนข้างน่าเป็นห่วง ถ้าเราใช้รถไฟฟ้ากันล่ะก็ จะยิ่งหนักครับ

อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย
   อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยโดยเนื้อแท้ที่สร้างมูลค่าให้กับประเทศไม่ใช่การผลิตรถยนต์
   แต่เป็นการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อใช้ประกอบรถยนต์นะครับ
   (ยุ่นขายรถผลิตในไทย กำไรจากขายรถเอากลับไปยุ่น<--GDP ไปขึ้นที่ยุ่น,
   ไทยขายชิ้นส่วนรถยนต์ กำไรอยู่ในไทย<--อันนี้เอามาคิด GDP ที่ไทย)
   ถ้าเราดู supply chain ของอุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ไทยดีๆจะพบว่า
   supplier ไทยจะอยู่ใน tier 2-4 (70% ของ supplier ทั้งหมด)
   ซึ่งคนไทยเก่งในด้านการทำชิ้นส่วนเหล่านี้ แถมมัน margin ดีซะด้วย ดีกว่าขายรถซะอีก
   แต่ถ้าเป็น BEV ชิ้นส่วนในรถยนต์จะลดลงจากราวๆ 4-6 พันชิ้น เหลือเพียงหลักพันต้นๆ
   อาชีพทำชิ้นส่วนรถยนต์จะหายไป อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ไทยจะตาย
   GDP ประเทศจะลดลงอย่างแน่นอน

ยอดการผลิตรถยนต์
   การผลิตรถยนต์ของไทย 60% เป็นไปเพื่อการส่งออกไปยังประเทศที่มีค่าครองชีพไม่ต่างจากเราซักเท่าไหร่
   และกลุ่มประเทศเหล่านั้นไม่ได้ใช้ BEV เป็นหลัก ง่ายๆคือว่าลูกค้าหลักของไทยไม่ได้ใช้ BEV
   ดังนั้น ถ้าเราหันมาทำ BEV เป็นหลัก ผลคือยอดส่งออกเราจะหาย อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ไทยจะตายตามไปด้วย

ก่อนที่เราจะไปใช้ BEV กันเต็มตัวซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกหนีไม่ได้อย่างแน่นอนในอนาคตอันไกล
ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ในขณะที่อะไรๆก็ยังไม่พร้อม ทั้ง infrastructure, macro economics, industry ฯลฯ
Hybrid Vehicle เป็นคำตอบสำหรับช่วงเปลี่ยนถ่ายนี้ และต่อไปน่าจะมี Plug-in Hybrid เข้ามาเสริม เมื่อมีสถานีชาร์จไฟพอประมาณแล้ว

ส่วน FCHV (Fuel Cell) อันนี้ผมยังสงสัยอยู่ว่าสำหรับไทยมันจะมีเหรอ แม้ว่า Hydrogen มันจะเป็น bi-product ของการผลิตปิโตรเลียม แต่ก็เหมือนกับ BEV ที่ infrastructure ที่รองรับมันดูเหมือนจะยังไม่มีเลย แถมน่ากลัวจะระเบิดด้วย

สำหรับ BEV ในช่วงเร็วๆนี้เราน่าจะได้เห็นรถของส่วนราชการที่เอามาใช้งาน รถประจำทาง
รถหรูๆนำเข้าราคาแพง (ซื้อมาจอด - เอาไปเชียงใหม่ไม่ได้ อิๆๆๆ) ประมาณนี้ครับ
หัวข้อ: Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
เริ่มหัวข้อโดย: promt ที่ สิงหาคม 20, 2016, 12:09:57
งานวิจัยด้านแบตเตอรี่ ก้าวล้ำไปกว่านี้มาก ประมาณ 15 ปี

ส่วนด้านจำหน่ายเป็นแมส ก็มาแบบช้าๆ ตามที่ท่านนำเสนอนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
เริ่มหัวข้อโดย: burst ที่ สิงหาคม 20, 2016, 13:13:37
เรื่องการชาร์จไฟ หรือเรียกอีกอย่างว่าการเติมพลังงาน (ทำยังไงเมื่อพลังงานหมด)
เป็นเรื่องที่คุยถกเถียงกันมานานแล้วนะครับ

ตัวเลือกทีเคยเห็นผ่านตามาก็มี
1. Quick-charging
อันนี้ใช้กันทั่วไปแล้ว ขึ้นกับเทคโนโลยีของแต่ละค่ายว่า quick คือเร็วขนาดไหน
30 นาที ได้ 80% ของความจุแบต อะไรประมาณนั้น
ใช้ voltage สูงๆในการ force charge ว่ายังงั้นเถอะ

2. Battery swap
ขับเข้าสถานีพลังงาน ถอดแบตออกใต้รถ ใส่ก้อนใหม่เข้าไป
นึกถึงรถ Tamiya mini-4wd ยังไงยังงั้นแหละ
อารมณ์ก็ประมาณแก๊สหมดที่บ้าน มอไซขี่เอาแก๊สถังใหม่มาเปลี่ยนให้
ปัญหาก็คือ แบตที่เอามาเปลี่ยนให้เป็นของใครก็ไม่รู้ ของชั้นยังใหม่อยู่เลย ขอใหม่ๆเท่าๆกันได้มั้ย

3. Wireless charging
มีทั้งแบบจอดชาร์จที่สถานี และชาร์จไปด้วยระหว่างกำลังขับอยู่บนถนน
แบบแรกไม่แปลกเท่าไหร่ มือถือ Google Nexus5 ก็ใช้ได้นานแล้ว
แบบหลังนี่คงต้องลงทุนใน infrastructure ซึ่งก็คือถนนมากมาย
ระบบนี้คิดมาพร้อมๆกับที่ Nissan และ Mitsubishi ร่วมกันลงทุนทำถนนอัจฉริยะในญี่ปุ่น