Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: frosty ที่ กันยายน 04, 2016, 22:44:29
-
ก่อนหน้านี้ผมตั้งกระทู้เลือกรถ jazz กับ yaris
ตอนนี้มันมีตัวเลือกมาอีกทาง
คือญาติทางฝั่งแฟน เค้าจะยกรถให้เลย เพราะลูกค้าจะไปนอก แล้วก็ไม่อยากขาย เค้าบอกราคาตก
เก้บไว้เป็นรถสำรองที่บ้านเค้าก็ไม่มีคนเอาไปใช้ กว่าลูกค้าจะกลับมาก็คงตกรุ่น
พอดีว่าผมก็ทำงานกับเค้าอยู่ เค้ารู้เรื่องรถผมประสบเหตุเลยจะเอาคันนี้ให้ใช้
แต่ผมมีสัญญาใจ ต้องทำงานกับเค้าไปอีก 3ปี (ตอนแรกผมจะย้ายไปทำงานที่อื่น)
ถ้าผมตกลง เค้าโอนรถเป้นชื่อผมเลย แต่ค่าโอนผมออก ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันกี่บาท
แล้วค่าบำรุงรักษามันกี่บาทไม่รู้ เค้าบอกเหลือ bsi 2ปี
เจ้า bsi นี่มันฟรีอะไรบ้าง แล้วต้องเสียอะไรบ้าง ผมก็ไม่รู้ ผมไม่เคยมีรถยุโรป
เจ้ารถคันที่ว่านี่คือ x1 ดีเซล ไม่รู้ว่ามันคือตัวทอปรึไม่ทอป รู้แต่ว่ามันเป็นส้ม แล้วก็เป็น 5ประตู ซึ่งผมเห้นแล้วชอบมากเลย
สิ่งที่ผมกลัวคือ เอามาแล้วจะเป็นภาระเราไม๊ ค่าบำรุงแพงไม๊ ไอ่ bsi นี่มันต้องจ่ายอะไรบ้าง
ผมเงินเดือนประมาณ 3.5 หมื่น ไม่มีหนี้อะไร ค่าใช้จ่ายเดือนนึง ไม่เกิน 7000 นอกนั้นผมก็เก็บ
ผมขี่แต่มอไซต์ ค่าซ่อมบำรุงมันไม่แพง
ก่อนหน้านี้ ผมมี city 2015 (ที่ประสบเหตุไป ไอ่ค่าเคลมซากลับมา) ตอนที่ใช้ city ก็คิดว่าค่าซ่อมบำรุงมันอยู่ในระดับที่รับได้
ตั้งแต่ซื้อมา ถ่ายน้ำมันเครื่องไป ครั้งเดียวเอง
ถ้าผมจะเอาเจ้า x1 มาดูแลต่อ ผมจะเจ็บตัวไม๊ รถวิ่งไปหมื่นโลนิดๆ ก็ถือว่าใหม่ ลูกค้าขับอยู่แต่ใน กทม
กลัวเอามาแล้วจะเจ็บ
ถ้าถามใจนี่คืออยากได้เลย ชอบเลย
ขอบคุณครับ
-
ได้ X1 แลกทำงาน 3 ปี (ผมทำ 9 ปี ยังไม่ได้ X1 เลย) ยังต้องคิดอะไรอีก
ไม่เคยใช้ BMW แต่ BSI คงฟรีหมดและขนาดตอนนี้ใช้ Xtrail ยังฟรีเลย ค่าที่ต้องเสียเพิ่มเติมก็คงหนีไม่พ้น
1.ค่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่แพงตามรถ
2.ค่าซ่อมหลัง BSI
3.ค่าเช็คระยะศูนย์ที่เพิ่มมาอีก 3 เท่าตัวหลังหมด BSI
ปล.แต่ได้ทาวน์เฮ้าท์ 1 หลังกับ Honda city 1คัน
-
ค่าบำรุงรักษาฟรี 2 ปี ปีที่ 6 น่าจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องปกติ น่าจะไม่เกิน 10,000 และค่าประกันภัยปีละน่าจะแถวๆ 3 หมื่น ค่ายางถ้า runflat (ไม่แน่ใจล้อขอบเท่าไหร่) ถ้า 18 ยี่ห้อ สะพานหิน เส้นละ 10,000+ หลังจากนั้นพ้นปีที่ 3 ก็ขายทิ้งไปหมดภาระ
ปล. ญาติแฟนคุณนี่มีแนวคิดแปลกมากเลย ขายรถทิ้งยังได้กลับมาหลักล้าน ยกให้เลยนี่เท่ากับ 0 หรือรถคันนี้มีภาระ ผ่อนอยู่ไหม? มี balloon ไหม
ขอให้โชคดีครับ
-
ประกัน บริษัทออกให้ครับ
ตอนนี้ผมขี่มอไซต์ เค้าก็ออกให้ทั้งค่าน้ำมัน ค่าประกันของมอไซต์ให้
แต่อย่างว่านะ น้ำมันมอไซต์เดือนนึงไม่ถึงพัน
ถ้าเอาคันนี้มา น้ำมันคงออกเอง
ผมใช้รถแค่วันหยุด เสาร์ อาทิตย์ เท่านั้นเอง
-
ค่าบำรุงรักษาฟรี 2 ปี ปีที่ 6 น่าจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องปกติ น่าจะไม่เกิน 10,000 และค่าประกันภัยปีละน่าจะแถวๆ 3 หมื่น ค่ายางถ้า runflat (ไม่แน่ใจล้อขอบเท่าไหร่) ถ้า 18 ยี่ห้อ สะพานหิน เส้นละ 10,000+ หลังจากนั้นพ้นปีที่ 3 ก็ขายทิ้งไปหมดภาระ
ปล. ญาติแฟนคุณนี่มีแนวคิดแปลกมากเลย ขายรถทิ้งยังได้กลับมาหลักล้าน ยกให้เลยนี่เท่ากับ 0 หรือรถคันนี้มีภาระ ผ่อนอยู่ไหม? มี balloon ไหม
ขอให้โชคดีครับ
ไม่มีผ่อนครับ เค้าซื้อสดให้ลูกค้า (ญาติคนนี้เป็นเจ้าของบริษัทที่ผมทำงานอยู่)
เท่าที่คิดเอาเองนะ เค้าคงคิดจะยื้อผมไว้ เพราะปีๆ นึงผมทำเงินให้บริษัทเค้า 7หลักเลยอ่าาา
คงคิดแล้วคุ้มล่ะมั้ง เลยกล้ายกให้
ปรกติผมขี่มอไซต์ไปที่บริษัท 5นาที ก็ถึงแล้ว
แล้วถ้าวันไหนออกไป รับบรีฟลูกค้า ผมจะใช้รถของบริษัท เป็นรถวีออสเช่าจากศูนย์อ่ะครับ
น้ำมันจะฟรี ไม่ต้องดูแลอะไร ใช้งานเสร็จเอามาจอดที่บริษัท ขี่มอไซต์กลับบ้าน
-
การที่เค้ายกรถให้แสดงว่าเค้าให้ความสำคัญกับคุณพอสมควร
ถ้าอยากได้รถอยู่แล้วมันก็เป็นข้อเสนอที่ไม่เลว
แต่ถ้าเป็นผมคงอยากขอเงินเพิ่มมากกว่าเอารถ เพราะมันมีอนาคตกว่า
การที่ได้ฐานเงินเดือนมากขึ้นมันจะมีประโยชน์ต่อชีวิตคุณในหลายๆด้านมากกว่ารถหนึ่งคันแน่ๆ
-
X1 E84 diesel LCI สีส้ม Valencia Orange เกียร์ ZF 8 speed, navigator, cruise, paddle shift, etc.
รถผมซื้อกลาง 13 วิ่ง 4+ หมื่น ภรรยาขับ ส่งลูก ฟิตเนส ธุระต่างๆ ไม่จุกจิก เติมดีเซล v-power 17 กิโลต่อลิตร ค่าใช้จ่ายก็แค่ 1.50 บาท/กิโล
เปลี่ยนยาง Michelin run-flat 225/45R18 เมื่อเดือนที่แล้ว แพงหน่อย 4 เส้น เส้นละ 7500 ถ้ายางธรรมดาก็แค่ 4 พัน แต่ผู้หญิงขับ ผมยอมใช้ run-flat
รุ่นนี้มีเยอะ เครื่อง เกียร์ และระบบต่างๆ ไม่ต่างจากซีรีย์ 3 ดีเซล ถ้าหมด BSI ก็ซ่อม เช็ค อู่ดีดีข้างนอกศูนย์ได้มากมาย
ถ้าลูกจ้างทั่วไปเงินเดือนระดับที่ซื้อ crv ใหม่ได้ ผมแนะนำให้ใช้ตัวนี้มือ 2 ได้สบาย กรณีของคุณเป็นญาติกัน ผมตอบไม่ได้ พิจารณาดูก็แล้วกัน
-
ผมทำงาน 10 ปี ยังไม่ได้ x1
แต่ ถ้าเป็นผม ไม่เอาครับ
ผมยอมเดิน หรือขับมอไซค์
หยิ่ง อารมณ์ ล้วนๆ
-
เอาสิครับ รออะไร
หมด bsi ก็ขายทิ้ง ซื้อรถใหม่ได้ สบายๆ
ทำงานกับเขาต่ออีกซัก 3-4 ปี ตีง่ายๆว่าเขาซื้อตัวคุณ ล้านนึง
ตกเดือนละ สามหมื่น
เขาคงคิดแล้วว่าคุ้ม ดีกว่าจอดไว้เฉยๆ
-
แก้นิดนึงนะครับ
เจ้าของรถเดิมคือ ลูกของเจ้าของบริษัทน่ะครับ ลูกเค้า
ผมพิมผิดเองเป้นลูกค้า เดี๋ยวจะงง เพื่อนสมาชิกทักมา
เลยขอแก้ไข
-
X1 E84 diesel LCI สีส้ม Valencia Orange เกียร์ ZF 8 speed, navigator, cruise, paddle shift, etc.
รถผมซื้อกลาง 13 วิ่ง 4+ หมื่น ภรรยาขับ ส่งลูก ฟิตเนส ธุระต่างๆ ไม่จุกจิก เติมดีเซล v-power 17 กิโลต่อลิตร ค่าใช้จ่ายก็แค่ 1.50 บาท/กิโล
เปลี่ยนยาง Michelin run-flat 225/45R18 เมื่อเดือนที่แล้ว แพงหน่อย 4 เส้น เส้นละ 7500 ถ้ายางธรรมดาก็แค่ 4 พัน แต่ผู้หญิงขับ ผมยอมใช้ run-flat
รุ่นนี้มีเยอะ เครื่อง เกียร์ และระบบต่างๆ ไม่ต่างจากซีรีย์ 3 ดีเซล ถ้าหมด BSI ก็ซ่อม เช็ค อู่ดีดีข้างนอกศูนย์ได้มากมาย
ถ้าลูกจ้างทั่วไปเงินเดือนระดับที่ซื้อ crv ใหม่ได้ ผมแนะนำให้ใช้ตัวนี้มือ 2 ได้สบาย กรณีของคุณเป็นญาติกัน ผมตอบไม่ได้ พิจารณาดูก็แล้วกัน
มิชลินถูก มากครับ ผมเพิ่งเปลี่ยนของ bridge stone ไป หน้า - หลัง 2 เส้น เกือบ 3 หมื่น สเป็คยางหน้า 225/45/18 ยางหลัง 245/40/18
-
ค่าบำรุงรักษาฟรี 2 ปี ปีที่ 6 น่าจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องปกติ น่าจะไม่เกิน 10,000 และค่าประกันภัยปีละน่าจะแถวๆ 3 หมื่น ค่ายางถ้า runflat (ไม่แน่ใจล้อขอบเท่าไหร่) ถ้า 18 ยี่ห้อ สะพานหิน เส้นละ 10,000+ หลังจากนั้นพ้นปีที่ 3 ก็ขายทิ้งไปหมดภาระ
ปล. ญาติแฟนคุณนี่มีแนวคิดแปลกมากเลย ขายรถทิ้งยังได้กลับมาหลักล้าน ยกให้เลยนี่เท่ากับ 0 หรือรถคันนี้มีภาระ ผ่อนอยู่ไหม? มี balloon ไหม
ขอให้โชคดีครับ
ไม่มีผ่อนครับ เค้าซื้อสดให้ลูกค้า (ญาติคนนี้เป็นเจ้าของบริษัทที่ผมทำงานอยู่)
เท่าที่คิดเอาเองนะ เค้าคงคิดจะยื้อผมไว้ เพราะปีๆ นึงผมทำเงินให้บริษัทเค้า 7หลักเลยอ่าาา
คงคิดแล้วคุ้มล่ะมั้ง เลยกล้ายกให้
ปรกติผมขี่มอไซต์ไปที่บริษัท 5นาที ก็ถึงแล้ว
แล้วถ้าวันไหนออกไป รับบรีฟลูกค้า ผมจะใช้รถของบริษัท เป็นรถวีออสเช่าจากศูนย์อ่ะครับ
น้ำมันจะฟรี ไม่ต้องดูแลอะไร ใช้งานเสร็จเอามาจอดที่บริษัท ขี่มอไซต์กลับบ้าน
จัดเลยครับ! ยกเว้นแต่งานที่ทำอยู่มันทำให้เราเสียสุขภาพจิต และเรามีงานที่ดีกว่ารออยู่ข้างหน้า ผมคงเชียร์ให้เปลี่ยนงานดีกว่า
-
วางแผนอนาคตอีก 3 ปีว่ายังไงล่ะครับ
ถ้าเป็นผม แล้วมองดูไปได้ไกลกว่าปัจจุบัน
ผมคงไม่เอา ยิ่งทำเงินให้บริษัทได้ปีละหลักล้าน
ถึงหลายล้าน มีบริษัทอื่นต้องการตัวและยินดี
จ่ายให้มากกว่านี้แน่ๆ ดีไม่ดีอาจได้รถประจำตำแหน่ง
มาใช้เลยฟรีๆเลยด้วยครับ
คิดดูดีๆนะครับ ต้องทำงานให้เค้าอีกตั้ง 3 ปี
หมดทางขยับขยายเลยนะครับ โอกาสมันไม่มีมาบ่อยๆ
ถ้าโอกาสให้โตมาถึงแบบไม่ทันรู้ตัว แต่ติดสัญญาใจ
3 ปี แบบนี้ จะมาเสียดายทีหลังนะครับ
-
ผมตอบแค่ในส่วนของเรื่องรถแล้วกันนะครับ
สิทธิประโยชน์BSI ครอบคลุมการดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซมความชำรุดเสียหายของชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาจากดรงงาน
(รวมน้ำมันเครื่อง ค่าแรง และอุปกรณ์อะไหล่แท้จากบีเอ็มดับเบิลยู) ดังต่อไปนี้...
การบริการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
การบริการเปลี่ยนกรองอากาศภายใน
การบริการเปลี่ยนกรองอากาศเครื่องยนต์
การบริการเปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิง
การบริการเปลี่ยนหัวเทียน
การบริการเปลี่ยนน้ำมันเบรก
การบริการเปลี่ยนผ้าเบรกหน้าและหลัง
การบริการเปลี่ยนจานเบรกหน้าและหลัง
การบริการเปลี่ยนคลัตซ์(สำหรับMTและสึกหรอจากการใช้งานปกติ)
การบริการเปลี่ยนปัดน้ำฝัน(ปีละ1ครั้ง)
การบริการตรวจสอบเครื่องยนต์
การบริการซ่อมภายใต้เงื่อนไขการรับประกันสินค้าตลอดอายุBSI
ส่วนwarranty เมื่อก่อน2ปี ตอนนี้5ปี ไม่รู้ว่าช่วงที่เปลี่ยนเป็น5ปีให้ลูกค้าเก่าย้อนหลังหรือเปล่า ถ้าอยากดูแลต่อหลังหมดBSIลองถามอู่นอกพี่ๆในนี้ได้เลยครับ
-
เราว่า คำถามแรกที่คุณจะตอบตัวเองให้ได้ก่อนคือ คุณอยากจะทำอะไรในอีก 3 ปีข้างหน้าค่ะ
ถ้ามีแผนว่าจะออกไปที่อื่น และอยาคตดูสดใสกว่า เป็นเราคงไม่รับข้อเสนอ เก็บเงินซื้อรถใหม่เองดีกว่า
แต่ถ้ายังไม่มีแผนจะทำอะไร อยู่ที่เดิมก็ไม่ได้ลำบากอะไร เป็นเรา เราคงตกลงรับค่ะ
อย่างน้อยก็เอาเงินค่าที่จะไปผ่อนรถ มาซ่อมรถคันนี้นี่แหละ เราว่าถ้าดูแลดีๆ ก็ไม่น่าจะจุกจิกมากนะคะ :)
-
1.ขอทราบตัวเลขเงินเดือนของที่ทำงานใหม่ด้วยครับ จะได้ตอบถูก ถ้าตอนนี้ได้ 35000 แต่สมมติว่าย้ายไปที่ใหม่ได้ 5-60000 ผมเลือกที่จะไปที่ใหม่แล้วไปซื้อรถที่เราชอบเองจะดีกว่านะครับ
2. ถ้าอยากได้รถและไม่อยากย้ายไปที่ใหม่ ให้เอาตัวเลขเงินเดือนที่ใหม่มาต่อรองกับบริษัทที่คุณทำงานในปัจจุบัน
-
ไม่เห็นด้วยที่จะรับรถมาครับ ถ้าให้ใช้เป็นรถประจำตำแหน่ง และบริษัทดูแลค่าใช้จ่ายให้ยังดีกว่าครับ
ถ้าทำเงินให้บริษัทได้ขนาดนั้น ก็หาทางเปิดบริษัทเองไหมครับ ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างเขาก็ได้ครับ
หรือไม่ก็ขอเป็นหุ้นของบริษัทเขาก็ได้ครับ สัก 10% และรับปันผลปลายปีจากผลประกอบการ
หรือไม่ก็ขอแยกมาตั้งเป็นบริษัทลูกของพี่เขาอีกที ทำมากได้มาก จากนั้นท่านจะใช้รถอะไรก็ได้ครับ
-
แหม่ มียกรถให้ดึงดูดใจพนักงาน 8)
-
35000 หากจะใช้คันนี้ ส่วนตัวว่ามันโหลดนะครับ แม้ไม่ต้องผ่อน
บวกกับงานใหม่หากใด้สัก 5-6 หมื่น ไปที่ใหม่ซื้อเองก็ดี ใหนจะหนี้บุณคุณอีก
-
เรียนอย่างนี้ครับ
เรื่องที่ทำงานนี่ ผมอยู่ที่นี่อะไรก้ดีหมดครับ ยกเว้นการเมือง
ผมสนิทกับเฮียเจ้าของ ส่วนเมียแกที่เป็นซ้อผมก้คุยได้
ในที่ทำงานมันจะชอบแบ่งว่าใครเป็นเด็กซ้อ เด็กเฮีย
ซึ่งผมไม่ชอบเรื่องแบบนี้ มันอึดอัด
เลยว่าจะออกมาก่อน ยังไม่ได้หางานใหม่ อะไรรอไว้เลย
เฮียแกรู้ว่าผมจะออก เลยเรียกไปคุย บอกให้อยู่ช่วยกันก่อน
สายงานผมทำเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์
ถ้าออกไปตอนนี้ไม่มีงานอะไรทำ ก็รับฟรีแลนซ์ได้อยู่ รายได้จากทุกทางรวมกันก้ยังอยู่ได้
เพราะผมไม่ค่อยได้ใช้เงินทำอะไรเท่าไหร่
ตอนแรกไม่มีรถ ไม่คิดซื้อ พอมีแล้วก้สะดวกในการเดินทางดี เพราะมอไซต์ขนของไม่ได้
พอได้มีรถเลยชอบรถ 5 ประตู มากกว่า 4ประตู น่าจะขนของได้ดีกว่า
ตอนแรกก้คิดว่าผ่อนเองเอารถอะไรก้ได้ดูแลถูกๆ ทนๆ
พอมาเจอข้อเสนอนี้ ยอมรับเลยว่า ลังเลมาก
คือรถมันสวย ชอบ เรื่องงานไม่เกี่ยว เกี่ยวที่ค่าใช้จ่ายตามมาอ่ะครับ
เรื่องทำงานต่อกับเค้าไม่ได้มีปันหาอะไร
อนาคตคงไม่ได้เป็นลูกจ้าง คงทำอะไรของตัวเอง
ค่อมันห่างจากที่ตั้งไว้ตอนแรกมาก
อยากได้รถไม่แพง ทน ดูแลง่าย ถูก
กลายมาเป็น รถสวย ค่าดูแลแพง ขับแล้วเท่ 5555
ถ้าหมด bsi ราคามันจะตก/ปมากไม๊ครับ
ขอบคุณครับ
-
ขออภัยหากตอบไม่ตรงคำถามครับ
เอาจริงๆเรื่องนี้ ที่ต้องคิดไม่ใช่เรื่องรถ แต่เป็นเรื่องงาน กับ เรื่องบุญคุณ
รับรถเค้ามาแบบนี้ ถึงจะคุยกันไว้ 3 ปี ... ถึงเวลาครบ 3 ปี ถึงเขาไม่ยกกลับขึ้นมาอ้าง (จำวันนั้นได้ไหม ฯลฯ) คุณก็อาจตะขิดตะขวงใจอยู่ดีเพราะเหมือนเค้าจะ"ซื้อใจ"คุณอยู่
ถ้าคิดว่าถึงวันนั้นแล้วใจแข็งพอที่จะเดินออกมาได้ "เอา"
ถ้าคิดว่าที่นี่น่าอยู่ต่อนานๆ "เอา"
ถ้าไม่ใช่หนึ่งในสองข้างบน "อย่า"
ปล. ค่าบำรุงรักษา ไม่โหดร้าย
-
เอามาจับเปลี่ยนยาง ของเหลวทุกประเภทก่อนเลยครับ
แต่รับรถแล้ว ขี้ปากชาวบ้านโดยเฉพาะพวกอิจฉาริษยาดังกระหึ่มบริษัทแน่ ถ้าคุณ strong พอ ก็จัดเลยครับ
-
ถ้าโอนเป็นชื่อเรา และ เป็นสิทธิของเราเลย
ก็เอาไปขายสิครับ 8) เอาเงินไปซื้อสด แจ๊สหรือยาริสเลย ส่วนที่เหลือเก็บ
แต่ถ้าเป็นผม บ.ออกประกันให้ ขับต่อสัก 3 ปี +- ค่อยขาย
ก็ทำงานต่อไปอย่าคิดมาก
เขายกให้เรา เหมือนคนในครอบครัวเลยนะ คุณจะย้ายงานทำไม ?
หาก รถbmwมันไม่ใช่เป้าหมายในการดำเนินชีวิต / ทำงานแล้วปวดจิต ผมย้ายนะ 8)
-
พี่เงินเดือนแถมที่พี่บอกเหลือเก็บมาตลอด ผมว่าพี่ไปดาวน์รถล้านต้นๆดีกว่า
ผ่อน หมื่นกลางๆ แต่อุ่นใจเวลาซ่อม แถมรถใหม่หอมด้วย
-
เรียนอย่างนี้ครับ
เรื่องที่ทำงานนี่ ผมอยู่ที่นี่อะไรก้ดีหมดครับ ยกเว้นการเมือง
ผมสนิทกับเฮียเจ้าของ ส่วนเมียแกที่เป็นซ้อผมก้คุยได้
ในที่ทำงานมันจะชอบแบ่งว่าใครเป็นเด็กซ้อ เด็กเฮีย
ซึ่งผมไม่ชอบเรื่องแบบนี้ มันอึดอัด
เลยว่าจะออกมาก่อน ยังไม่ได้หางานใหม่ อะไรรอไว้เลย
เฮียแกรู้ว่าผมจะออก เลยเรียกไปคุย บอกให้อยู่ช่วยกันก่อน
สายงานผมทำเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์
ถ้าออกไปตอนนี้ไม่มีงานอะไรทำ ก็รับฟรีแลนซ์ได้อยู่ รายได้จากทุกทางรวมกันก้ยังอยู่ได้
เพราะผมไม่ค่อยได้ใช้เงินทำอะไรเท่าไหร่
ตอนแรกไม่มีรถ ไม่คิดซื้อ พอมีแล้วก้สะดวกในการเดินทางดี เพราะมอไซต์ขนของไม่ได้
พอได้มีรถเลยชอบรถ 5 ประตู มากกว่า 4ประตู น่าจะขนของได้ดีกว่า
ตอนแรกก้คิดว่าผ่อนเองเอารถอะไรก้ได้ดูแลถูกๆ ทนๆ
พอมาเจอข้อเสนอนี้ ยอมรับเลยว่า ลังเลมาก
คือรถมันสวย ชอบ เรื่องงานไม่เกี่ยว เกี่ยวที่ค่าใช้จ่ายตามมาอ่ะครับ
เรื่องทำงานต่อกับเค้าไม่ได้มีปันหาอะไร
อนาคตคงไม่ได้เป็นลูกจ้าง คงทำอะไรของตัวเอง
ค่อมันห่างจากที่ตั้งไว้ตอนแรกมาก
อยากได้รถไม่แพง ทน ดูแลง่าย ถูก
กลายมาเป็น รถสวย ค่าดูแลแพง ขับแล้วเท่ 5555
ถ้าหมด bsi ราคามันจะตก/ปมากไม๊ครับ
ขอบคุณครับ
ผมขอพูดเรื่องงานละกันนะ อะไรเป็นหลักประกันว่าไปที่ใหม่แล้วจะไม่เจอเรื่องการเมืองในองค์กรแบบที่เดิม แถมด้วยที่อยู่ปัจจุบันนี้คุณก็สามารถคุยกับเจ้านายได้ทั้ง2คนแบบไม่มีปัญหาอยู่แล้ว สำหรับผมถ้ามีเจ้านายคุยกันรู้เรื่องก็เป็นที่ทำงานในฝันแล้วครับ ใครจะเล่นการเมืองก็ปล่อยเค้าไปในเมื่อคุณสามารถสายตรงได้ทั้ง2ฝั่งลอยอยู่เหนือเรื่องพวกนี้แล้ว
-
เป็นผม ผมไม่เอาครับ
ไม่ชอบเป็นบุญคุณอะไรใครครับ หากวันไหนมีปัญหากัน เค้าจะทวงเรื่องนี้ ทำให้เราไม่สบายใจอีกครับ
เต็มที่คงขอคุยว่า ขอ"ซื้อ" ได้ไหม มากกว่าครับ (ถ้าใจจะเอาจริงๆนะครับ)
-
เรียนอย่างนี้ครับ
เรื่องที่ทำงานนี่ ผมอยู่ที่นี่อะไรก้ดีหมดครับ ยกเว้นการเมือง
ผมสนิทกับเฮียเจ้าของ ส่วนเมียแกที่เป็นซ้อผมก้คุยได้
ในที่ทำงานมันจะชอบแบ่งว่าใครเป็นเด็กซ้อ เด็กเฮีย
ซึ่งผมไม่ชอบเรื่องแบบนี้ มันอึดอัด
เลยว่าจะออกมาก่อน ยังไม่ได้หางานใหม่ อะไรรอไว้เลย
เฮียแกรู้ว่าผมจะออก เลยเรียกไปคุย บอกให้อยู่ช่วยกันก่อน
สายงานผมทำเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์
ถ้าออกไปตอนนี้ไม่มีงานอะไรทำ ก็รับฟรีแลนซ์ได้อยู่ รายได้จากทุกทางรวมกันก้ยังอยู่ได้
เพราะผมไม่ค่อยได้ใช้เงินทำอะไรเท่าไหร่
ตอนแรกไม่มีรถ ไม่คิดซื้อ พอมีแล้วก้สะดวกในการเดินทางดี เพราะมอไซต์ขนของไม่ได้
พอได้มีรถเลยชอบรถ 5 ประตู มากกว่า 4ประตู น่าจะขนของได้ดีกว่า
ตอนแรกก้คิดว่าผ่อนเองเอารถอะไรก้ได้ดูแลถูกๆ ทนๆ
พอมาเจอข้อเสนอนี้ ยอมรับเลยว่า ลังเลมาก
คือรถมันสวย ชอบ เรื่องงานไม่เกี่ยว เกี่ยวที่ค่าใช้จ่ายตามมาอ่ะครับ
เรื่องทำงานต่อกับเค้าไม่ได้มีปันหาอะไร
อนาคตคงไม่ได้เป็นลูกจ้าง คงทำอะไรของตัวเอง
ค่อมันห่างจากที่ตั้งไว้ตอนแรกมาก
อยากได้รถไม่แพง ทน ดูแลง่าย ถูก
กลายมาเป็น รถสวย ค่าดูแลแพง ขับแล้วเท่ 5555
ถ้าหมด bsi ราคามันจะตก/ปมากไม๊ครับ
ขอบคุณครับ
ผมขอพูดเรื่องงานละกันนะ อะไรเป็นหลักประกันว่าไปที่ใหม่แล้วจะไม่เจอเรื่องการเมืองในองค์กรแบบที่เดิม แถมด้วยที่อยู่ปัจจุบันนี้คุณก็สามารถคุยกับเจ้านายได้ทั้ง2คนแบบไม่มีปัญหาอยู่แล้ว สำหรับผมถ้ามีเจ้านายคุยกันรู้เรื่องก็เป็นที่ทำงานในฝันแล้วครับ ใครจะเล่นการเมืองก็ปล่อยเค้าไปในเมื่อคุณสามารถสายตรงได้ทั้ง2ฝั่งลอยอยู่เหนือเรื่องพวกนี้แล้ว
มันวางตัวยากครับ
เวลาที่คนนู้นนี่การเมือง
แล้วจะมาดึงผมไปเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เพื่ออาศัยว่าผมมีแบคดี มีคนหนุนหลัง
ผมก็ออกตัวไปตลอดว่า ผมลูกจ้าง ไม่ใช่หุ้นส่วน ลากผมไปมันก็ไม่ช่วยอะไรขึ้นมาหรอก
บางทีการที่เราไม่มีใครรู้จักเลย อยู่แบบคนธรรมดา ไม่รู้เรื่องอะไร มาทำงานอย่างเดียว อาจจะสบายใจกว่าครับผม
ส่วนเรื่องเงินเก็บไปออกรถเอง ผมก็คิดอยู่ครับ
ตอนนี้ผมถอนตัวลำบากยังไงไม่รู้
ถึงไม่เจอกันที่ทำงาน
แต่บ้านผม กับบ้านญาติๆ ฝั่งแฟนจะอยู่หมู่บ้านเดียวกันหมดเลย
ยังไงก็ต้องเจอหน้ากันอยู่ดี
-
ถ้าคุณเอารถมา คุณจะโดนแขวะจากพนักงงานที่ทำงานอยู่ด้วยกันใหมครับ ถ้าโดนจะทำให้คุณไม่สบายใจมากๆเลยนะครับ
แต่ถ้าไม่โดนหรือรับได้ มันเป็นข้อเสนอที่ไม่น่าจะหาได้ง่ายๆนะครับ เหมือนเขาเอาเงินสดให้คุณหลักล้านบาทนะครับ(ในช่วงBSIแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายมากมาย)
ที่สำคัญที่สุดผมว่าจะกลายเป็นบุญคุณมากมายเลยครับ เป็นผมคงคิดเยอะว่าจะรับหรือไม่รับดี
-
ถ้าถามใจนี่คืออยากได้เลย ชอบเลย อ่านประโยคนี้แล้ว จขกท.คงใจไปเกินครึ่งแล้วที่จะรับ
รับซิครับรออะไรอยู่ เด๋วเปลี่ยนใจยกให้คนอื่นมานั่งเสียดายภายหลังนะ ::)
ลองคิดเล่นๆในมุมเศรษฐศาตร์
ฐานเงินเดือน 35k อายุไม่เยอะ ไม่มีภาระ โดยหลักจะใช้รถพรีเมี่ยมถือรอดยาก
แต่ได้มาในฐานะยกให้แลกกับสามปี หรือเงินราวๆล้านสี่ ถ้ามันคือโบนัสก็คง
ไม่มีที่ไหนให้แน่นอนเพราะมันเกิน 100% ยกเว้นธุรกิจการเมือง :-X
พูดง่ายๆทำงานปีนึงได้โบนัสปีกว่ามีที่ไหน แบบนี้เรียกว่าถุกหวยในยุคเศรษฐกิจแบบนี้
ถ้ามองในแง่เงินเดือน=ได้เงินเพิ่มอีกเดือนละเกือบสี่หมื่น เท่ากับเงินเดือน 70kกว่าpassive income มากกว่า active ซะอีก
แบบไม่่ต้องเรียกร้องก็มาเอง คนเงินเดือนขนาดนี้ยังออกพรีเมี่ยมยุโรปกันยากเลย
วันใดไม่พอใจก็ขายซิครับ หรือครบห้าปีหมด bsi ขายก็ยังได้เงินคืนมาเป็นล้านสบายๆ มาต่อดีเซกเมนต์ก็ยังได้ถ้างานก้าวหน้าขึ้น
ค่าบำรุงรักษาหลังห้าปีดีเซลไม่น่าห่วงครับ ไม่จุกจิกยิ่งวิ่งน้อยๆ ไม่ต้องยุ่งกับหัวเทียน คอยด์ เซนเซอร์ต่างๆ
ให้วุ่นวาย ห้าปีไม่่ต้องจ่ายอะไร ได้รถแรงๆขับสนุกสะใจวัยรุ่น แบบเหยียบเป็นกระโดดไม่ใช่แค่พุ่งหรือดึงขำๆแบบทั่วไป ยิ่งคนโสดขับไว้จีบสาวมันดูหล่อน่าค้นหากว่าอีโค่คาร์แน่ๆ อันนี้ขำๆนะครับ
ถ้ามองเรื่องงานไม่ออกความเห็นละกันครับ
-
เท่าที่อ่านความเห็นจขกท.มา
ผมว่าใจ จขกท. เอา ไปแล้วล่ะครับ
แค่อยากได้แนวร่วม
ถ้าคิดดีแล้ว ก็เดินหน้าเลยครับ
-
เรียนอย่างนี้ครับ
เรื่องที่ทำงานนี่ ผมอยู่ที่นี่อะไรก้ดีหมดครับ ยกเว้นการเมือง
ผมสนิทกับเฮียเจ้าของ ส่วนเมียแกที่เป็นซ้อผมก้คุยได้
ในที่ทำงานมันจะชอบแบ่งว่าใครเป็นเด็กซ้อ เด็กเฮีย
ซึ่งผมไม่ชอบเรื่องแบบนี้ มันอึดอัด
เลยว่าจะออกมาก่อน ยังไม่ได้หางานใหม่ อะไรรอไว้เลย
เฮียแกรู้ว่าผมจะออก เลยเรียกไปคุย บอกให้อยู่ช่วยกันก่อน
สายงานผมทำเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์
ถ้าออกไปตอนนี้ไม่มีงานอะไรทำ ก็รับฟรีแลนซ์ได้อยู่ รายได้จากทุกทางรวมกันก้ยังอยู่ได้
เพราะผมไม่ค่อยได้ใช้เงินทำอะไรเท่าไหร่
ตอนแรกไม่มีรถ ไม่คิดซื้อ พอมีแล้วก้สะดวกในการเดินทางดี เพราะมอไซต์ขนของไม่ได้
พอได้มีรถเลยชอบรถ 5 ประตู มากกว่า 4ประตู น่าจะขนของได้ดีกว่า
ตอนแรกก้คิดว่าผ่อนเองเอารถอะไรก้ได้ดูแลถูกๆ ทนๆ
พอมาเจอข้อเสนอนี้ ยอมรับเลยว่า ลังเลมาก
คือรถมันสวย ชอบ เรื่องงานไม่เกี่ยว เกี่ยวที่ค่าใช้จ่ายตามมาอ่ะครับ
เรื่องทำงานต่อกับเค้าไม่ได้มีปันหาอะไร
อนาคตคงไม่ได้เป็นลูกจ้าง คงทำอะไรของตัวเอง
ค่อมันห่างจากที่ตั้งไว้ตอนแรกมาก
อยากได้รถไม่แพง ทน ดูแลง่าย ถูก
กลายมาเป็น รถสวย ค่าดูแลแพง ขับแล้วเท่ 5555
ถ้าหมด bsi ราคามันจะตก/ปมากไม๊ครับ
ขอบคุณครับ
ผมขอพูดเรื่องงานละกันนะ อะไรเป็นหลักประกันว่าไปที่ใหม่แล้วจะไม่เจอเรื่องการเมืองในองค์กรแบบที่เดิม แถมด้วยที่อยู่ปัจจุบันนี้คุณก็สามารถคุยกับเจ้านายได้ทั้ง2คนแบบไม่มีปัญหาอยู่แล้ว สำหรับผมถ้ามีเจ้านายคุยกันรู้เรื่องก็เป็นที่ทำงานในฝันแล้วครับ ใครจะเล่นการเมืองก็ปล่อยเค้าไปในเมื่อคุณสามารถสายตรงได้ทั้ง2ฝั่งลอยอยู่เหนือเรื่องพวกนี้แล้ว
มันวางตัวยากครับ
เวลาที่คนนู้นนี่การเมือง
แล้วจะมาดึงผมไปเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เพื่ออาศัยว่าผมมีแบคดี มีคนหนุนหลัง
ผมก็ออกตัวไปตลอดว่า ผมลูกจ้าง ไม่ใช่หุ้นส่วน ลากผมไปมันก็ไม่ช่วยอะไรขึ้นมาหรอก
บางทีการที่เราไม่มีใครรู้จักเลย อยู่แบบคนธรรมดา ไม่รู้เรื่องอะไร มาทำงานอย่างเดียว อาจจะสบายใจกว่าครับผม
ส่วนเรื่องเงินเก็บไปออกรถเอง ผมก็คิดอยู่ครับ
ตอนนี้ผมถอนตัวลำบากยังไงไม่รู้
ถึงไม่เจอกันที่ทำงาน
แต่บ้านผม กับบ้านญาติๆ ฝั่งแฟนจะอยู่หมู่บ้านเดียวกันหมดเลย
ยังไงก็ต้องเจอหน้ากันอยู่ดี
ผมไม่แน่ใจว่า บีเอ็มเป็นรถในฝันคุณหรือเปล่า ถ้าใช่ก็คิดหนัก
แต่ถ้าไม่ใช้ ก็ไม่ต้องเอาครับ
คุณไม่ชอบสังคมการเมือง ยิ่งคุณเอารถมายิ่งเป็นขี้ปาก และจะยิ่งการเมืองเข้าไปอีกนะครับ คิดดีๆนะครับ
ปกติคุณขับมอไซด์ทุกวัน ผมว่ารถยังไม่จำเป็นมากสำหรับคุณ ดังนั้นยิ่งบีเอ็มยิ่งเกินจำเป็นเข้าไปใหญ่ครับ
ดังนั้น
ถ้าเอา ก็เอามาขับสัก 1 ปีจนเบื่อแล้วก็ขาย เอาเงินเก็บไว้เป็นทุน แต่อาจจะต้องเกรงใจ หรือ เป็นหนี้บุญคุณทางความรู้สึกไปอีกหลายปีครับ
ถ้าไม่เอาก็สบายใจดี ทำงานเก็บเงิน ถ้าจะเป็นต้องใช้ก็ซื้อรถ 5 ประตู Eco car หรือ Jazz มาใช้ พอมีลู่ทางจะออกไปก็สบายใจกว่าครับ ถ้าเป็นไปได้ ขอเงินเดือนเพิ่มดีกว่ารถครับ มีประโยชน์มากกว่าครับ
-
ไม่เห็นด้วยที่หลายๆ ท่านใช้คำว่า จะติดหนี้บุญคุณ
ในที่นี้ มันเป็นผลต่างตอบแทนกัน คล้ายโบนัสมัดใจ
ผลงานเราดี เค้าอยากรั้งเราไว้ รถเค้าไม่ได้ใช้
มันก็ win-win
ส่วนในเรื่อง ค่าใช้จ่าย ถ้าเหลือ BSI สองปี
ไม่มีอะไรต้องห่วงเลย แทบไมเสียตังค์อะไร
เอาเป็นว่า ใน 3 ปี เผื่อเงินค่าดูแลไว้ซัก 50,000
ผมว่าเอาอยู่
ค่าประกัน ก็ต่อรองให้บริษัทออกให้ 3 ปีไปเลย
สรุปแล้ว ถ้าไม่มีแพลนจะเปลี่ยนงานใน 2-3 ปีนี้
รับรถ แล้วลุยงานได้เลยครับ จบสัญญา 3 ปี
ขายรถยังได้หลายแสน - ล้านต้น
แต่เรื่องโอน ต้องโอนจริงนะ คุยกันให้ดีๆ
โอนเสร็จ ซื้อทะเบียนประมูลสวยๆ ใส่แทนเลย
แสดงความเป็นเจ้าของตัวจริง อิอิ
-
ขอบคุณทุกท่านนะครับ
ส่วนตัวผมว่าจะไม่รับดีกว่าครับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องบุญคุณอะไร
ผมปรึกษาเมียแล้ว ถ้าได้รับเป็นเงินจะดูดีกว่าครับ 55555+
เพราะผมเอาไปออกรถใหม่ แบบไม่ต้องผ่อนได้เลย
bmw ไม่ใช่รถในฝันครับ
รถในฝันคือมอไซต์ 5555+
แต่เรื่องรถคงจะต้องซื้อล่ะครับ
เพราะวันหยุดผมต้องขนของบ่อยจริงๆ จะยืม crv ที่บ้านก็เกรงใจ
ผมแยกบ้านออกมาอยู่กับเมียแล้ว ไม่อยากไปรบกวน
เดี๋ยวลองไปคุยดูครับ ถ้าเป้นเงินแทนดีกว่า
ถ้าเค้ายืนยันให้รถ ผมก็จะบอกว่าโอนแล้วเอาไปขายครับ
ผมชอบรถแนว crv xv อะไรพวกนี้มากกว่าครับ น่าจะดูแลถูกกว่า
-
เงินเท่านี้ก็ไม่น่ามีปัญหาครับ
-
อย่าไปรับเลยครับ เป็นหนี้บุญคุณแล้ว ขยับไปข้างหน้าลำบากครับ
ก่อนลาออกจากมนุษย์เงินเดือนผมก็รับ 35k หงะ แต่พอออกมาทำเอง นี่ ต่างกันมากๆเลยคับ ( รู้งี้มาทำนานแล้ว )
ตอน 35k ผมว่า ผมไม่น่าจะซ่อม หรือเติมน้ำมัน x1 ไหวนะ -_-'
-
ถ้าจะรับมา ต้องเตรียมใจว่า คชจ เพิ่มขึ้นแน่ๆนะครับ
-
จขกท.เป็นโปรแกรมเมอร์ใช่ไหมครับ?
สายweb programming หรือเปล่า? ถ้าเขียนphpได้ ผมให้เท่าๆเดิม(หรือมากกว่านิดหน่อย)
แต่สวัสดิการดี มีประกันสุขภาพ+providence fund + โบนัสperformance based
สนใจหลังไมค์มาครับ;)
-
จขกท.เป็นโปรแกรมเมอร์ใช่ไหมครับ?
สายweb programming หรือเปล่า? ถ้าเขียนphpได้ ผมให้เท่าๆเดิม(หรือมากกว่านิดหน่อย)
แต่สวัสดิการดี มีประกันสุขภาพ+providence fund + โบนัสperformance based
สนใจหลังไมค์มาครับ;)
ทั้งสายเว็บ ทั้งสายแอพเลยครับ google product ได้หมดเลย 555+
ตอนนี้คงไปไหนไม่ได้แล้วครับ รับโบนัสใจเค้ามาแล้วครับ
ขอบคุณมากเลยครับผม