Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Darkart ที่ กันยายน 13, 2016, 20:34:00
-
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงการแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ
ที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้นโยบายกระทรวงคมนาคมตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการว่า
ปัญหารถติดในกรุงเทพฯขณะนี้เกิดขึ้นเฉพาะช่วงเร่งด่วนเช้า-เย็นเท่านั้น ไม่ใช่รถติดทั้งวันทั้งคืน อย่างไรก็ตามสนข. ได้วางกรอบการแก้ปัญหาไว้
3 ระยะ คือ 1.ระยะสั้นทำได้ทันที อาทิเข้มงวดผู้ใช้รถใช้ถนนเคารพกฎจราจรมากขึ้น ห้ามจอดรถบนถนน ห้ามฝ่าฝืนสัญญาณจราจร ห้ามเลี้ยวซ้าย
ตำรวจต้องทำกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ หรือเพิ่มโทษให้หนักขึ้น เช่น การยึดหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ต่อกรณีทำผิดในข้อหาหนัก
เพิ่มเติมจากการเสียค่าปรับตามปกติ การรณรงค์ให้ประชาชนเคารพกฎจราจร หากประชาชนมีวินัยจะช่วยแก้ปัญหารถติดได้ถึงครึ่ง
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า 2.ระยะกลาง ใช้เวลา1-2 ปี อาทิ มาตรการจัดการจราจรบนถนนสายหลักตามปริมาณรถ เช่น จัดรีเวิสซิเบิ้ลเลนหรือให้รถสวนกระแส
ยกตัวอย่างถนน 6 ช่องจราจร ช่วงเช้ารถเข้าเมืองมีปริมาณสูงให้ เปิด 4 ช่อง เดินรถสวนช่องขาออกเมือง 1 ช่อง ส่วนขาออกเมืองเปิด 2 ช่อง
ช่วงเย็นรถออกเมืองมีปริมาณสูงให้สลับขาออกเมือง 4 ช่องจราจร ขาเข้าเมือง 2 ช่องจราจร
โดยสนข.จะพิจารณารายละเอียดของถนนที่ต้องปรับการจราจรใหม่ ขณะนี้ดำเนินการบางเส้นทางเท่านั้น อาทิ ถนนคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี
หรือบางจุดในระยะสั้นๆ ที่มีการก่อสร้างโครงการ โดยต้องปรับการจราจรทั้งระบบและต้องหารือตำรวจจราจรถึงความเหมาะสม
เพราะเป็นผู้ปฎิบัติ ต้องติดสัญญาณไฟและป้ายสัญญาณต่างๆ เพื่อความปลอดภัย รวมถึงการเพิ่มช่องบัสเลน(ช่องรถเมล์)
ถนนสายหลักให้มากขึ้นให้รถเมล์ไปได้เร็ว เพื่อส่งเสริมระบบขนส่งมวลชน หากรถส่วนตัวเข้าใช้ช่องบัสเลนต้องถูกจับปรับ
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า 3.ระยะยาว 5-6 ปี รอให้รถไฟฟ้าตามแผนแม่บท10 สายแล้วเสร็จในปี 65 ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
เพื่อใช้มาตรการควบคุมปริมาณรถส่วนตัว โดยอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบของมาตรการไว้ 2 วิธี คือ
1.การกำหนดโซนนิ่งเก็บเงินรถเข้าเมือง ในถนนที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่น ไม่ให้รถยนต์ส่วนตัวเข้าไปเติม หากจะเข้าต้องเสียเงินในอัตราสูง
มีด่านเก็บเงินคล้ายๆ กับการขึ้นทางด่วน และ
2.การกำหนดวันใช้รถด้วยเลขทะเบียนรถวันคู่หรือวันคี่ หากตรงกับวันคี่ให้รถยนต์ที่มีเลขทะเบียนวันคี่ใช้ รถเลขคู่ห้ามใช้ ต้องจอดไว้บ้าน ส่วนวันคู่
เลขทะเบียนวันคู่ใช้ได้ เลขทะเบียนวันคี่ต้องจอดอยู่บ้าน ใน1เดือนจะใช้รถได้แค่ 15 วันเท่านั้น จะทำให้รถหายไปจากท้องถนนถึง 50%
พร้อมหาแนวทางลดผลกระทบหรือผ่อนปรนกับประชาชนบางกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้รถส่วนตัว อาทิ ผู้ป่วยที่ต้องไปพบแพทย์
รวมทั้งผู้สูงอายุหรือกลุ่มคนพิการ ควบคู่กับการพิจารณามาตรการอื่นๆ ด้วยมาตรการทั้ง3ระยะจะนำเสนอกระทรวงคมนาคมในเร็วๆ นี้
ที่มา http://www.dailynews.co.th/economic/523347 ครับ
-
ถ้าตำรวจทำซะเอง รับโทษ2เท่า ไม่มีข้อยกเว้น ...รับทราบ 8)
-
ถ้าสมมติมีรถทะเบียนเลขคู่ ก็แค่ซื้อรถมือสองถูกๆไว้คันนึงแล้วเอาทะเบียนเลขคี่แบบนี้ก็ได้แล้ว
-
อยากให้ทำข้อ 1 ให้ได้ครับ ทำได้ทันที อยากให้ทุ่มทุกอย่างเพื่อทำให้ได้ครับ ส่วนเฟสต่อมาก็แล้วแต่จะพิจารณาครับ
รถติดยังไงแต่ถ้ายังได้ขยับอย่างช้าๆ ก็ยังรับได้ครับ
แต่คนที่ทำตามกฏไม่ได้ไปไหนครับ โดนพวกแทรกปาดไปก่อน
พวกคนดีก็กลายเป็นเหมือนโง่เขลาได้แต่รอไปครับ ให้คนเลวที่แสนฉลาดได้ไปกันก่อน
-
สบายเลยมีทั้ง คู่ คี่ พร้อม ;D ;D ;D อันนี้ไร้สาระพูดเลย
เอางี้ ดูบนถนน Taxi วิ่งเปล่านี่ล่อไปเกินครึ่งแล้วนะ ทำไมไม่หาที่จอด Taxi แล้วใช้การเรียกเท่านั้นแบบเยอรมัน มันแก้ Taxi ที่จะเลือกผู้โดยสารได้ด้วย และขจัดพวกที่ไม่มีคุณภาพได้ด้วย ดีกว่าเอามาวิ่งรถเปล่า จอดรอคนแช่ป้าย แค่นี้ก็ลดไปเยอะมาก
-
ขรรมแรง
-
ประมูลทะเบียน เลขคู่ป้ายนึง และคี่ป้ายนึง ใช้รถได้ทุกวันแล้ว
-
เอิ่ม...คือที่บ้านมีทั้งคู่กับคี่อะน่ะ ;D ;D
คหสต.รีบทำรถไฟฟ้าให้มันกระจายไปตามปริมณฑลก่อนนะ จะได้บังคับใช้กฎหมายนี้ได้
-
วันคู่วันคี่นี่คิดออกมาได้ไง คนที่มีรถคันเดียวจะทำอย่างไร ให้ซื้อใหม่อีกคันเหรอ แบบนี้เท่ากับว่าจะขับรถได้ทุกวันต้องมีรถ 2 คัน
มั่นใจได้เลยว่าถ้าคนเคยใช้รถยังไงก็ต้องซื้อเพิ่มอีกคันแน่นอน แล้วรถมันจะหายไป 50% ได้อย่างไร
ตรรกะมันแปลก ๆ
-
อ้าว ผมมีคี่ทั้ง 2 คันเลย เปลี่ยนป้ายแปป
-
มาตรการเลขคู่ คี่ ใช้ไม่ได้จริงครับ .. เชิญท่านไปดูงานที่ อินโดฯ ได้เลย .. รถติดอภิมหานรก .. เอาจริง ๆ ผมว่ายิ่งกว่ากรุงเทพฯอีก
ถึงสถิติจะออกมาว่ากรุงเทพฯติดกว่าก็เถอะ
แล้วก็เรื่องห้ามรถเข้าเขตชั้นใน หรือเก็บเงิน คงลอกมาจากทางยุโรป .. ซึ่ง ... บ้านเค้าขนส่งมวลชน ดีมากๆ ๆ ๆ รถไฟใต้ดิน โผล่ทุกซอย
รถไฟบนดินวิ่งออกไปถึงต่างจังหวัด .. รถเมล์ตรงเวลาเป๊ะ บริการดี และที่สำคัญราคาถูกมาก เมือเทียบกับค่าครองชีพ (2 euro) ส่วนข้าว 5-10 euro
-
เชื่อเถอะ ทำไม่ได้จริงหรอกครับ ถึงดันทุรังออกเป็นกฏหมายมา ตำรวจคงจับไม่หมด
-
อ่านแล้วเหนื่อย ไอ้เรื่องที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนนี่พยายามดันจัง พยายามเหลือเกินนนนนน
ปัญหาการจราจารในเมืองแม้แต่ควายยังรู้ว่ามันจากสาเหตุไม่กี่อย่าง
1. ระบบขนส่งมวลชนมันห่วย ห่วยทุกอย่างไม่ต้องให้สาธยาย มันห่วยจนคนไม่อยากใช้ ความปลอดภัยก็ต่ำ เอาแน่เอานอนไม่ได้ พอคนไม่อยากใช้รถสาธารณะ ทางออกก็คือซื้อรถมาขับ
2. กฎหมายมันล้าหลัง ปรับทีละ 300 500 ใครมันจะไปกลัว ค่าปรับเท่านี้ใช้มาตั้งแต่ปีไหนแล้ว ค่าครองชีพตอนนั้นมันต่างจากตอนนี้ตั้งเท่าไหร่ ลองปรับขั้นต่ำหมื่นนึงดูว่าคนจะทำผิดน้อยลงมั้ย
3. คนบังคับใช้กฎหมายไม่เอาจริงเอาจัง มัวแต่ไปตั้งด่านไถเงินประชาชน
4. ใบขับขี่ได้ง่าย ยึดยาก ต่างจากประเทศที่พัฒนาแล้วที่ใบขับขี่ได้ยาก ยึดง่าย
5. ผลพวงจากข้อ 2-4 มันทำให้คนไม่เคารพกฎจราจร ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะมันไม่จำเป็นต้องกลัวกับค่าปรับแสนถูกที่นานๆจะโดน random ทีนึง ใบขับขี่ก็แทบจะไม่มีวันโดนยึด คนโดนยึดคงเป็น 1 ในล้าน ถึงโดนยึดก็ขับรถต่อได้เพราะเวลาโดนจับก็แค่พับเล็กๆ
เรื่องพวกนี้ไม่พยายามผลักดันแก้ปัญหา ดีแต่ไปพยายามลอกชาวบ้าน แต่ดันลอกมาแต่เปลือกไม่ดูบริบทอื่นๆร่วมด้วย
-
น่าเห็นใจคนกรุงเทพ
ต้องทนรถติดทุกวัน
ย้ายมาอยู่กับผมที่สุราษฯเถอะครับ ::) ::) ::)
-
ที่จริงมันยังไม่บังคับใช้ และคงอีกนาน แต่เมื่อโยนเข้ามาในสังคมแล้ว ก็อยากขอออกความเห็นบ้าง
ตรงมาตรการท้ายสุด ทะเบียน คี่ คู่ ถือเป็นความคิดที่ถดถอยมากๆ ไร้กึ๋น
แค่นี้ สั้นๆ
-
โอ้โห
-
เอาที่สบายใจเลย คนก็ซื้อเพิ่มกันเลย แล้วเอามาจอดในตามท้องที่สาธารณะเพิ่มเติม อู้วหูวมีความสุขแท้
จอดในซอยบ้าง ถนนริมทาง รถก็ติดกันไปเถอะ
แทนที่จะจำกัดว่าให้คนที่มีพื้นที่ที่จอดรถซื้อได้ ไม่ใช่พวกเช่าแมนชั่น/อพาร์ตเม้นส์ มาซื้อได้
แต่อีกแง่ก็ดีเป็นการกระตุ้นตลาดรถมือสองไปด้วยในตัว (กำลังเดินเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์) ::) ::)
-
หาเรื่องให้ตำรวจได้เงินอีกแล้ว วางมาตรการดีดีนะ
-
ข่าวนี้ซักพักแล้ว เป็นกระแสให้คนด่าอยู่พักนึง ใจความผมสรุปส่วนตัว
1. ต้องการแก้รถติด ปัญหามันนมนาน คน กทม ไป ตจว บ่อยๆจะรู้ว่าทุกเช้าเย็นที่เผชิญกันมัน...มาก
2. ให้ไปศึกษาวิธีแก้ (ดันไปลอกของเมืองนอกที่นู่นที ที่นี่ที ไม่ได้ดูความต่างเรย)
3. สรุปเอาไปเสนอ (ไม่ทันเสนอคนด่าทั้งเมือง)
รอไปเลยครับ "รถไฟฟ้า" ถ้ามันเชื่อมกันแล้วมีคนขึ้นนะ
-
พูดไปงั้น มาตรการนี้ไม่ได้เกิดแน่ๆ คนด่าทั้งประเทศ
-
มีส่วนช่วยให้รถติดน้อยลงได้ดีนะ. ลองดู
เราอย่างรีบติ. อย่างน้อยจ้าราชการที่ดูแลด้านนี้เขาก็พยายามเสนอ
คนกลุ่มนี้เขามีข้อมูล และมีผุ้ให้คำปรึกษา ระดับโลก เขาคงมีข้อมุลประกอบการตัดสินใจมากกว่าเราๆมั้งครับ
เราไปด่า หรือดูแคลนทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่ม ในเคสนี้มันถือว่าใจไม่กว้างพอรึป่าว
และหากไม่เห็นด้วย ลองเสนอแนวทางอื่นมาดูก็น่าจะwin winนะครับ
เป็นcommentators มันส์กว่าคนpropose อยุ่ละ
-
1.ทำไม่ยากหรอก อยู่ที่จะทำหรือเปล่า
2.ทำยากกว่า1เยอะ แต่ทำได้ก็จะดีมาก แต่ก็ยากมากๆ
3.ไอทะเบียนคู่ทะเบียนคี่นี่ใครคิด 5555555555555555+
-
ประเทศเรามีคนเก่งในการแก้ไขปัญหาการจราจรเยอะนะ ปัญหาคือไม่รู้จะทำยังให้ถูกใจทุกคน
ก็เอามันอย่างที่เป็นทุกวันนี้แหละ ชิงไหวชิงพริบ ชิงเหลี่ยมชิงมุมกัน สนุกดีจะตาย :-*
-
ทำไมไม่คิดจะกระจายความเจริญออกไปสู่ ตจว บ้าง
มหาลัยดังๆ โรงพยาบาลดังๆ ห้างร้านดังๆ กระจุกอยู่ใน กทม ทั้งนั้น
ย้ายออกไป ตจว บ้าง คนก็ไม่มากระจุกกันแต่ใน กทม ละครับ
ดูช่วงเทศกาลหยุดยาวแต่ละที คน ตจว ที่มาอยู่ กทม กลับบ้านกันหมด ถนนโคตรโล่ง
-
ทำไมไม่คิดจะกระจายความเจริญออกไปสู่ ตจว บ้าง
มหาลัยดังๆ โรงพยาบาลดังๆ ห้างร้านดังๆ กระจุกอยู่ใน กทม ทั้งนั้น
ย้ายออกไป ตจว บ้าง คนก็ไม่มากระจุกกันแต่ใน กทม ละครับ
ดูช่วงเทศกาลหยุดยาวแต่ละที คน ตจว ที่มาอยู่ กทม กลับบ้านกันหมด ถนนโคตรโล่ง
ตอนแรกผมเคยคิดแบบนี้ครับ ตอนนี้เข้าใจว่าติดที่เอกชนไม่ใช่รัฐ
เขาไม่ไปจะบังคับยังไงให้ไป ออกกฎบังคับเดี๋ยวจะเป็นเรื่องขึ้นมาอีก
ขนาดทุกวันนี้สร้างห้างล้อมเมือง สุดท้ายห้างในเมืองคนก็เยอะเหมือนเดิม
ส่วนห้างนอกเมืองคน ตจว ใกล้เคียงก็เข้ามสมทบเพิ่มอีก กลายเป็นคนในไม่ออกคนรอบนอกเข้ามาเพิ่ม
-
นโยบายอันก่อนๆ 8 จอม 9 จริง 10 เท็จอะไรนั่นเป็นไงมั่งแล้วครับ
-
แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
-
พวกข้อเสนอเหล่านี้จะเหมาะที่จะนำมาใช้ก็ต่อเมือ ระบบขนส่งสาธารณะมีความพร้อมที่จะรองรับ
ถ้าขนส่งสาธารณะดี สะดวก คนก็ไม่ซื้อรถมาใช้ ดุตัวอย่าง ฮ่องกง สิงคโปร์ ซิ ไม่มีรถก็เดินทางได้สะดวก
-
ไอ้ที่พาดหัวข่าว มันคือ จะเสนอใช้ในปี 65 โน่นน (ปีนี้ 59 อีก 6 ปี)
คือจะใช้ได้ต่อเมื่อเมื่อระบบรถไฟฟ้าครอบคลุม (ถ้าไม่ครอบคลุมก็ยังใช้บังคับไม่ได้)
แต่เอามาตรการที่ยังเป็นแค่แนวคิด เอามาพาดข่าว แล้วโยนให้สังคมถกเถียงกัน
ผมว่า นักข่าวเสี้ยมอ่ะครับ
-
วิจารณ์กันไปเยอะ แต่ได้อ่านข่าวละเอียดกันรึป่าว5555
หรือเห็นแว้ปๆแล้วใส่กันเรยอะครับ. เป็นมวยนี้ไม่ดูเชิงกันเลยนะ
ผมว่าเราควรเน้นให้ความเห็นข้อเสนอแนะแบบสร้างสรรค์มากกว่าจะไปด่าเค้ากันนะ
เรามาลองเสนอ แนวทางแก้ไขที่ ดีกว่า ที่เสนอมาในข่าวกันมั้ย ในนามHLM เหล่าสมาชิกทั้งหลาย
เราวิจารณได้ว่ามันไม่ดี แสดงว่าเราน่าจะเห็นสิ่งที่ดีกว่ารึป่าว?
-
เวลาเข้าเมืองใหญ่ๆอย่างกรุงเทพจัดการให้มีการเก็บค่าเข้าเมืองไปเลยดีกว่า กั้นเป็นด่านจ่ายเงินขึ้นมาสุขุมวิทชั้นนอก50บาท สุขุมวิทชั้นใน อีก70บาท ย่านที่มีรถไฟฟ้ารถไฟใต้ดินผ่านเก็บ90บาท ทุกวันนี้คนไทยยังใช้รถกันได้สุรุ่ยสุร่ายมาก ตามแนวรถไฟฟารถไฟใต้ดินเอารถออกมาติดเล่นบนถนนกันให้เพียบ วันหยุดยิ่งติดหนักเข้าไปใหญ่ ระบบขนส่งสาธารณะมีมากมายไม่ใช้กันพอน้ำมันขึ้นแพงก็เอาไปติดแก๊สแล้วออกมาเผาแก๊สเล่นบนถนนต่อ ในเมื่อมีเวลามีเชื้อเพลิงมาเผาเล่นมากนักก็เก็บเงินค่าเข้าเมืองไปเลย ตามนิสัยคนไทยจ่ายค่าด่านหนักๆเข้าค่อยยอมใช้รถแบบวางแผนก่อนได้
-
ผมว่า จัดการ รถเมล์ กับ แท็กซี่ ให้เป็นระเบียบได้ ลดรถติดได้มากกว่า 30% นะครับ ;D
-
ทำสิ่งที่รัฐควบคุมได้ก่อน รถเมล์ไม่วิ่งเลนขวา ไม่เปลี่ยนเลนมั่วซั่ว เช่นรับคนที่ป้ายเสร็จ ปาดมาขวาสุด รถก็ติดยาว
ไม่ให้ Taxi วิ่งรถเปล่า มีจุดพัก จุดรอเรียก
รถขยะให้มาเก็บตามซอยสำคัญไม่ช้ากว่า 6 โมงเช้า ปัจจุบันมากัน 7-8 โมง รถติดเพราะรถขยะทั้งซอย
-
วิธีแก้ปัญหารถติดประเทศไทยไม่ยากเท่าไหร่ครับ
1) ห้ามจอดริมถนนแบบจริงจัง ไม่เว้นพวกรู้จักคนใหญ่คนโต (แถวบริษัทผม มีบริษัทหนึ่งเจ้าของเป็นเซเลปชื่อดังเลยละ จอด RR ไม่โดนล็อกล้อ แต่คันอื่นโดนบ้างไม่โดนบ้าง แล้วแต่ตำรวจจะเล็งใคร เพราะเค้าบอกว่าที่ล็อกมันไม่พอ)
2) จากข้อ 1 ก็ควรห้ามมอเตอร์ไซด์ โดยเฉพาะพวกร้านขายเอารถมาจอดไว้บนถนนด้วย
3) รถประจำทางต้องเข้าป้าย รถสองแถวห้ามจอดรอนาน
4) ออกกฏบังคับว่าหากใครจะซื้อรถใหม่ ต้องมีที่จอดประจำที่ แต่ทั้งนี้ต้องตรวจสอบว่าคนซื้อมีรถในครอบครองหรือไม่ หากมีอยู่แล้ว และที่จอดไม่เพียงพอก็ห้ามจอด (ข้อนี้เอาแค่ในหมู่บ้านผม เป็นบ้านเดี่ยว เนื้อที่เกือบ 200 ตรวด้วยซ้ำ
แต่ละบ้านไม่จอดรถในบ้านเลย หากยังแก้ปัญหาแค่นี้ไม่ได้ ยังไงรถก็ติดครับ
5) ห้ามเปิดช่องทางใหม่ บางครั้งเราวิ่งมาตามทาง แต่เจอรถวิ่งไหล่ทางซ้ายปาดฟิ้วไปเข้าด้านหน้า มันปวดใจนะครับ
-
ปกติไม่มีปัญหา แม้ว่าจะเรื่องกฎจราจร หรือเรื่องจำกัดวัน เพราะเฉลี่ยใช้รถไม่เกิน 3.5วันต่อสัปดาห์อยู่แล้ว เหลือแต่ท่านๆล่ะครับ ทำให้เป็น
-
ความจริงกวดขันวินัยจราจรก็พอแล้ว
จอดในที่ห้ามจอด / ปาด แซง เปลี่ยนเลนเส้นทึบ / แทรกคอสะพาน ฯลฯ
ปรับทันที ตัดแต้มไปสอบใบขับขี่ใหม่ด้วย
จะให้ดี ให้สัมประทานเอกชนติดกล้องเลย หาส่วนแบ่งรายได้เข้ารัฐ รายได้เพียบแหง
-
เกาไม่ถูกที่คันครับ :( พวกมีรถหลายคันอย่างทั่นๆคงไม่เดือดร้อน แต่ประชาชนหาเช้ากินค่ำมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งตั้งตัว สาวออฟฟิตที่เข็ดจากการสัญจรระบบสาธารณะทำให้ต้องซื้อรถส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยสะดวกสบาย :-\ พ่อมีที่ต้องไปส่งลูกเล็กๆไปโรงเรียนทุกวัน :'( พวกท่านคิดได้เท่านี้หรือ? ถ้าคิดได้เท่านี้ลองมาอ่านข้อเสนอและความคิดเห็นของพวกเราในนี้ก็ได้ไม่ต้องกลัวเสียหน้า เชื่อว่าทำได้ดีแน่นอน
-
แนวคิดข้อ 1 กับ 2 อ่ะ Ok แต่ข้อ 3 นี่คุณมรึงเอาส้นเท้าคิดหรอ จะให้โดยสายรถไฟฟ้าตั้งแต่นอกเมืองเข้ามา ราคารถไฟฟ้าแพงกว่ากับรถเข้ามาแล้วเจอรถติดอีก ถ้าจะให้เดินทางด้วยรถไฟฟ้าจริงคุณมรึงต้องทำยังไงก็ได้ให้ค่ารถไฟฟ้า ตั้งแต่ต้นสายจนสุดปลายสาย ไม่เกิน 60 บาท ไปกลับวันละ 120 คนใช้บริการก็ยัง ok แต่คิดว่าพวกคุณมรึงคงทำไม่ได้อ้างแต่ติดสัมประทาน แล้วไอ้เรื่องรถวิ่งวันคี่วันคู่ ทำไม่ได้หรอก เพราะว่าทุกวันนี้ยังมีคนที่ไม่เอารถออกมาใช้อีกเยอะ พวกคุณมรึงเคยไปสำรวจปัญหาจริงๆไหม มันเกิดจากอะไร พวกคุณมรึงวางแผนหรือเส้นทางการเดินรถที่ห่วยมาก จุดไหนที่ควรจะเป็นรถวิ่งทางเดี่ยวก็ให้เป็นทางเดี่ยวไปทั้งเส้นเลย ยกตัวอย่าง พระราม4 ติดเพราะอะไร ติดเพราะเจอแยกหลักเลย อย่าง สามแยกพระโขนง แยกกล้วยน้ำไท แยกคลองเตย แยกสีลม(ตรงจุฬา) แยกรองเมือง และทางเข้าเยาวราช ส่วนลาดพร้าวที่ว่าติดๆ ก็ติดเพราะรอรถเลี้ยวขวาเพื่อเข้าซอยต่างๆ เน้นนะว่าเลี้ยวขวา รัชดาก็ติดเพราะทางแยกต่างๆ เพราะว่าอีกฝั่งระบายรถไม่ได้หรือเพราะว่าพวกคุณมรึงในแต่ละจุดทำงานไม่สัมพันธ์กันเลย ประมาณว่าตรูอยากจะปล่อยตรูก็ปล่อย แล้วว่าจะเปิดไฟเขียวแล้วรถมันติดจนวิ่งไปไม่ได้ก็ก็ยังจะเปิด แต่ให้รถทางวิ่งได้รอไฟแดงไป เจอแทบทุกแยกที่ทำงานแบบนี้ แล้วมันจะไม่ติดได้อย่างไร นี่ไม่รวมพวกจอดรถขวางการจราจรอีก
-
เคยได้ยินมาบ้างครับ เรื่องพวกนี้
วิธีแก้ก็วนอยู่กับแนวคิดเดิมๆ แก้ที่ปลายเหตุ
สาเหตุคือคนไปทำงาน และกลับบ้านครับ ;D
สมัยนี้มันไม่เหมือนเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว
งานหลายอย่างสามารถทำอยู่ที่บ้านได้ ประชุมกันทางเน็ตก็ได้
สามารถใช้ Extra Net ทำงานติดต่อกันระหว่างที่บ้านและที่ทำงาน
ราชการต้องเป็นคนเริ่มต้น
คิดดูนะครับ ถ้ามนุษย์เงินเดือนสามารถสลับกันทำงานที่บ้านได้สัปดาห์ละสองวัน
รถจะหายจากถนนตอนเช้าและเย็นขนาดไหน
เรื่องส่งเด็กๆไปรร.ข้ามเขตก็เป็นอีกเรื่องนึงที่ทำให้กระแสรถมันพันกันเป็นสปาเก็ตตี้ทั่วกทม.
รัฐควรจัดการเรื่องนี้ด้วยมาตรการต่างๆ ซึ่งก็ต้องไปนั่งคิดกัน ;)
มนุษย์ควรจะเปลี่ยนวิธีคิดกันได้แล้วครับ ไม่งั้นก็จะเจอปัญหาเดิมๆ เพราะสาเหตุเดิมมันยังไม่ถูกแก้
-
ถ้ายังคิดว่าสิทธิ์ในการสร้าง บ้าน คอนโดเป็นสิ่งที่พึงกระทำได้อิสระ...
ก็เลิกคิดวิธีแก้ปัญหารถติดไปได้เลยครับ
ยังไงรถก็ติดทั้งปีทั้งชาติ
ตัดถนนเสร็จ หมู่บ้านขึ้นเต็ม คอนโดขึ้นเต็ม รถก็ติดเหมือนเดิม
แล้วที่ตลกร้ายที่สุดคือ
เพื่อนๆสมาชิกลองสังเกตุคอนโดขนาดใหญ่หรือห้างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนดูสิครับ
มันถูกอนุญาติขึ้นมาได้อย่างไรกัน
ใครเป็นคนรับใต้โต๊ะในการอนุญาติให้สร้าง???
พูดไปก็ท้อนะครับ
ระบบโซนนิ่งการสร้างที่อยู่อาศัยและสำนักงานของบ้านเรา "ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง" ไม่เฉพาะ กทม ทีาเป็นนะครับ จังหวัดใหญ่ๆก็มีแบบนี้เช่นกัน
-
น่าจะทำการวิจัยรองรับหน่อยในประเด็นว่า
1) เพราะอะไรจึงจำเป็นต้องใช้รถส่วนตัวในกรุงเทพฯ
2) ทำอย่างไร ถึงจะจูงใจไม่ให้ใช้รถส่วนตัวในกรุงเทพฯ
หลังจากได้สองประเด็นนี้ น่าจะช่วยให้หามาตรการอะไรที่ทำได้จริงมากขึ้น
เพราะการจูงใจให้คนไม่ใช้รถส่วนตัว น่าจะได้ผลกว่าการบังคับ
นอกจากนี้ อยากให้เพิ่มอีกประเด็นที่น่าจะช่วยได้ในระยะยาวคือ
การกำหนดให้ก่อนจะซื้อรถยนต์ได้ ต้องมีการแสดงว่ามีที่จอดรถก่อน
ไม่ใช่เพราะอยากให้มีรถยากขึ้น แต่มันจะได้ไม่สร้างปัญหาการแย่งที่จอด
การจอดรถหน้าบ้านคนอื่นอะไรในลักษณะนั้นด้วย
-
น่าจะทำการวิจัยรองรับหน่อยในประเด็นว่า
1) เพราะอะไรจึงจำเป็นต้องใช้รถส่วนตัวในกรุงเทพฯ
2) ทำอย่างไร ถึงจะจูงใจไม่ให้ใช้รถส่วนตัวในกรุงเทพฯ
หลังจากได้สองประเด็นนี้ น่าจะช่วยให้หามาตรการอะไรที่ทำได้จริงมากขึ้น
เพราะการจูงใจให้คนไม่ใช้รถส่วนตัว น่าจะได้ผลกว่าการบังคับ
นอกจากนี้ อยากให้เพิ่มอีกประเด็นที่น่าจะช่วยได้ในระยะยาวคือ
การกำหนดให้ก่อนจะซื้อรถยนต์ได้ ต้องมีการแสดงว่ามีที่จอดรถก่อน
ไม่ใช่เพราะอยากให้มีรถยากขึ้น แต่มันจะได้ไม่สร้างปัญหาการแย่งที่จอด
การจอดรถหน้าบ้านคนอื่นอะไรในลักษณะนั้นด้วย
ง่ายมากครับ ใครที่มีสถานีรถไฟฟ้าหน้าบ้านหรือเดินไม่เกิน 200 เมตรนี่บุญมากครับ บางคนต้องออกจากซอยมากว่าจะถึงเหงื่อท่วม หรือไม่งั้นก็นั่งวินออกมาเพื่อมาต่อรถเมล์ รถไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็หลายบาทแล้ว ถ้าฝนตกขึ้นมาอีกละคุณเอ๊ยคนละเรื่องเลยชีวิตวันนั้น
วิธีแก้ปัญหาผมก็พิมพ์ไปแล้วครับ Taxi บนท้องถนนควรเอาออกไปถ้ารถว่าง หาจุดจอดแล้วใช้ระบบเรียกไปที่ศูนย์ Taxi เพื่อใช้บริการ ลองดูบนถนนสิครับว่า Taxi ร้อยละ 60 เลยมั้งที่วิ่งอยู่ แล้วว่างซะ 90 % อีกอย่าง การจอดรถริมถนนในชั่วโมงเร่งด่วน อันนี้ควรจริงจังหน่อย เจอรถตู้ รถตุ๊กๆ รถที่ผู้ปกครองไปรอเด็กนักเรียนล่อไป 2-3 เลน ไม่ติดได้ยังไง ตำรวจทำได้แค่ระบายเลนที่เหลือ ทำไมไม่ไปไล่พวกที่จอดแช่
กรุงเทพมันติดแค่ช่วง เช้ากับเย็นแค่นี้แหละครับ ผมไปดอนเมืองเช้ามากๆจะติดตั้งแต่วงษ์สว่าง รัชวิภา พอเข้าวิภาวดีได้มันก็โล่ง พอขากลับนี่ วิภาวดีติด แต่เส้นรัชดา โล่ง คือมันแค่กระจุกๆนึง พอสายๆก็โล่งทุกเส้น ดังนั้นมันติดเฉพาะช่วงเวลานึงหรอก ถ้าไม่มีปัจจียอื่นมาร่วมเช่น ฝนตกน้ำท่วม อุบัติเหตุ มันก็ไหลๆไปได้ทุกๆวัน
ถ้าอยากให้แก้ไขรถติดเสนอคือ
1.จุดจอด Taxi ว่าง
2.ชั่วโมงเร่งด่วนห้ามจอดตลอดแนว
3.เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด ใครจอดขวางต้องบังคับเลี้ยวซ้ายไปเลี้ยวกลับมาเอง
4.ต้องมีเจ้าหน้าที่รถยกเตรียมพร้อมไว้ กรณีมีอุบัติเหตุ หรือมีรถจอดขวางเข้าดำเนินการยกทันที
5.บางเส้นทำวันเวย์ในชั่วโมงเร่งด่วนไปเลย เช่นอโศก-เพชรฯ รัชดาทั้งเส้นติดจากตรงนี้แหละ จะทำทางยกระดับก็ต่อต้าน อุโมงค์ก็ต้าน วันเวย์ซะเลย
6.ที่จอดรถสาธารณะ ควรทำให้รองรับพวกรถตู้ รถเมล์ รถ Taxi เผื่อมาจอดไว้บ้าง บางทีพวกนี้เค้าไม่มีที่จอด มาจอดตรงนี้ดีกว่ามาเกะกะถนนไป 1 เลน
7.จัดการพวกที่รถติดแล้วแซงย้อนศรมาให้หมด เจอตลอดตุ๊กๆ มอเตอร์ไซร์ มันรอไม่ได้หรอถึงต้องย้อนศรมา อีกทางเค้าวิ่งบางทีเหลือเลนเดียวเพราะพวกนี้
-
บ้านเราออกอะไรมาก็ใช้ไม่ได้ผล เพราะไม่จริงจัง ถ้าผู้บังคับใช้กฏหมายจริงจัง ทำจริงตลอด ผมว่าผู้ใช้รถ ใช้ถนน ก็จะปรับตัวตามได้เอง
ไม่ใช่ไปคิดว่า กฏหมายบ้านเราอ่อนๆๆ
-
แนวคิดแก้ปัญหาจราจร
ระยะสั้น
1. เน้นระบบขนส่งทางรถเมล์ให้มีประสิทธิภาพ โดยมีจุดที่จะปรับปรุงคือ
1.1 ติดตั้งGPS บนรถเมล์ทุกคัน และทำการพัฒนาแอพให้ทราบว่า มีรถเมล์คันไหนอยู่ ที่ตำแหน่งใด และทำให้ทุกคนสามารถรู้ได้ว่า ณปัจจุบันรถเมล์สายที่สนใจอยู่คันใกล้สุดอยู่ไหน และเวลาโดยประมาณจะมาถึงป้ายรถเมล์ที่รอจริงราวๆกี่นาที โดยสามารถดูได้จาก Console หรือ panel บนป้ายใหญ่ๆ หรือ แอพบนมือถือ ที่รัฐจะร่วมพัฒนาหรือส่งเสริมให้พัฒนาขึ้น เพื่อให้ประชาชนพิจารณาเส้นทางทีจะเดินทางได้เหมาะสมหรือ (ชัดคือควรรอรถเมล์สายนั้นๆไหม) กรณี คนที่มีเส้นทางได้หลายเส้นทางได้เลือกได้ว่าจะใช้เส้นทางไหนดี และทางหน่วยควบคุมจราจร อาจจะใช้ช่วยในการบริหารการเดินรถให้รถบางคันเริ่มขับให้เร็วขึ้นหรือบางคันช้าลงเพื่อทิ้งช่วง เพื่อแก้ปัญหา รถเมล์ขาดช่วง รอเป็นชม แต่เวลามา มาที่3-4 คันพร้อมๆกัน
1.2 จัดระบบให้รถเมล์สาธารณะสามารถไปได้เร็วขึ้น เช่น
1.2.1 จัดระบบคล้าย BRT ที่4แยกสัญญาณไฟ เมื่อมีรถเมล์มาจะพยายามปรับสัญญาณไฟให้รถเเมล์ที่ติดที่ 4 แยกได้ไปเร็วไม่ติดเวลานาน
1.2.2 จัดให้มี bus เลนในถนนบางสาย โดยการติดอุปกรณ์ที่รถเมล์คือ จะมีกล้องหน้ารถเมล์ ที่จะคอยถ่ายภาพ ถ้ารถเมล์หยุด และมีวัตถุอยู่ห่างจากรถเมล์ข้างหน้าไม่เกินกว่า 10 เมตรเพื่อถ่ายรถที่มาจอดอยู่ข้างหน้ารถเมล์ในระยะ 10 เมตร เพราะจะมีการตั้งกฎว่า ถ้ามีรถมาจอดขวางในช่องบัสเลน
ข้างหน้ารถเมล์รถคันนั้นจะโดนปรับครั้งละ 500 ซึ่งหมายความว่า กรณีที่เป็น bus lane จะไม่ต้องการให้มีรถอื่นๆมาร่วมใช้ในช่วงเวลาที่รถติด เพราะถ้ารถไม่ติดรถเมล์จะไม่มีโอกาสหยุดนิ่งนาน แต่เพียงต้องมีการตีเส้นสัญญาณ พื้นที่หน้าซอยหรือทางเข้าออกต่างๆ ให้มีการเว้นระยะอย่่างดีและ
รถเมล์ต้องหยุดรถในเวลารถติดตามการตีเส้นสัญญาณนั้นอย่างเคร่งครัดด้วย จากวิธีนี้จะทำให้รถเมล์วิ่งไปได้สะดวกในเลนรถเมล์ โดยในช่วงเวลาเร่งด่วนรถค่อนข้างติด รถเมล์จะวิ่งไปได้ค่อนข้างเร็วกว่า โดยจะมีรถต่่างๆจะเสียค่าปรับที่ค่อนข้างสูงถ้ามาจอดรถขวางการวิ่งในเลนรถเมล์ แต่ในเวลารถไม่ติด รถอื่นๆก็สามารถจะมาใช้งานได้บ้างเช่นกัน
ระยะกลาง
2. จัดระบบค่าโดยสารโดยเฉพาะรถไฟฟ้าให้มีราคาที่ถูกมากกว่านี้ โดยอาจทำเป็นระบบตั๋วร่วมใบเดียวใช้ได้ทุกระบบ โดยรัฐอาจสนับสนุนให้แก่กลุ่มคนรายได้น้อยหรือไม่มีรายได้เช่น คนสูงอายุ นักบวช นักเรัยน ที่จะให้ส่วนลดที่มากขึ้น ตามสัดส่วนรายได้ที่น้อยลงน้อยลง และอาจมีการทั้งให้ค่าใช้จ่าย
การเดินทาง เช่นถ้าเดินทางจะแปรผันตามระยะทาง ในเขตกทมและปริมณฑล เช่น
0-20 km(หรือผ่านสถานีรถไฟฟ้าหรือจำนวนท่าเรือไม่เกิน 17 ท่าหรือสถานี)จะเสียเงินมากสุดไม่เกิน 35 บาท
20-40 km (หรือผ่านสถานีรถไฟฟ้าหรือจำนวนท่าเรือไม่เกิน 35ท่าหรือสถานี)จะเสียเงินมากสุดไม่เกิน 60 บาท
40-60 km (หรือผ่านสถานีรถไฟฟ้าหรือจำนวนท่าเรือไม่เกิน 50ท่าหรือสถานี)จะเสียเงินมากสุดไม่เกิน 90 บาท
หรือเกิน 60 km (หรือผ่านสถานีรถไฟฟ้าหรือจำนวนท่าเรื่อเกิน50ท่าหรือสถานี) เสียเงินไม่เกิน 120 บาท
ระยะยาว
3. ใช้ระบบค่าใช้พื้นที่ถนน คือจะใช้แนวคิดว่า ในแต่ละพื้นที่มีราคาค่าที่จอดรถในแต่ละพื้นที่ต่างๆกัน และรถยนต์ไม่ควรจะจอดอยู่บนถนนโดยไม่จำเป็น ควรจะไปจอดในที่จอดรถ โดยเฉพาะถนนที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูงหรือรถค่อนข้างติด ก็จะมีค่าที่จอดรถแพง แนวคิดคือ จะมีการพิจารณว่าในแต่
ละพื้นที่ที่มีสภาพการจราจรที่ค่อนข้างติดขัด เราจะเก็บค่าใช้พื้นที่ถนน โดยจะมี rate ที่แพงกว่าค่าที่จอดรถประมาณ 2-5 เท่า โดยจะดูจากสภาพการจราจรเป็นหลักโดยจะมีการคิดค่าใช้พื้นที่ถนนตามสภาพการจราจร เช่น
ถ้า รถวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า 12 กิโลเมตรต่อชม จะคิด 5 เท่าของค่าที่จอดรถ
รถวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า 18 กิโลเมตรต่อชมแต่มากกว่า 12 km/h จะคิด 4 เท่าของค่าที่จอดรถ
รถวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า 25 กิโลเมตรต่อชมแต่มากกว่า 18 km/h จะคิด 3 เท่าของค่าที่จอดรถ
รถวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า 35 กิโลเมตรต่อชมแต่มากกว่า 25 km/h จะคิด 2 เท่าของค่าที่จอดรถ
รถวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า 45 กิโลเมตรต่อชมแต่มากกว่า 35 km/h จะคิด 1.5 เท่าของค่าที่จอดรถ
โดยทุกถนนที่เริ่มมีความเร็วเฉลี่ยการเคลื่อนตัวของรถบนถนนเส้นนั้นจะมีการ update ตลอดเวลาว่าตอนนี้จะมีการคิดค่าใช้พื้นที่ถนนในอัตราอะไรตลอดเวลาโดยจะมีป้ายบอกทุก 100-200 บนถนนเส้นนั้นตลอดเวลา และจริงถ้าพัฒนาระบบถึงมีการใช้อย่างครอบคลุม จะมีแอพพลิเคชั่นที่สามารถดูข้อมูลนี้บนมือถือได้เลยทันที
โดยการจัดเก็บนอกจากคิดตามเวลาที่อยู่และสถาพการจราจรแล้วจะคิดตามพื้นที่ของรถด้วย โดยอ้ตราการคิดจะคิดต่่อหน่วยตรมเมตร เช่นสมมติในถนนสีลม ปกติคิดค่าที่จอดรถชมละ 100 เราอาจสมมติว่ารถโดยเฉลี่ยขนาด 8 ตรม คิดต่อหน่วยคือ 12.5 บาทต่อหน่วย
สมมติในวันจันทร์เช้ามีสถาพการจราจรหนาแน่นมา รถวิ่งด้วยความเร็วแค่ 10 km/h มีรถ 2 คันคือ
1. Nissan march (3.78*1.665) ใช้พื้นที่ 6.2937 ตรม
2. accord g9 (4.862*1.849) ใช้พื้นที่ 8.9898 ตรม
ถ้าสมมติรถทั้งสองติดในเช้าวันจันทร์บนถนนสีลม 1ชม เท่าๆกัน
การคิดค่าใช้พื้นที่ถนน= (พื้นที่ของรถคันนั้น*จำนวนหน่วยเป็นชม*อัตราค่าจอดรถเฉลี่ยต่อหน่วย
ในพื้นที่นั้น*อัตราจำนวนเท่าตามอัตราที่รถติด)
รถnissan march จะเสียเงินค่าใช้พื้นที่ถนน =(6.2937*1*12.5*5)=393.35บาท
รถ accord g9 จะเสียค่าใช้พื้นที่ถนน=(8.9098*1*12.5*5)=561.84 บาท
วิธีนี้ดูจะโหดไปแต่จะช่วยลดปัญหาคนที่ขับรถไม่ดีรถเสียไม่พยายามเอาออกไปจากถนน หรือคนที่มักจอดรถบนถนนในที่มีสภาพการจราจรติดขัดได้แน่นอน
และวิธีจะจัดเก็บไงก็ต้องไปติดchip มือถือหรืออาจเป็น rfid หรือ GPS แต่คิดว่าแบบแรกน่าจะดีและใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางกว่ามาก และทำระบบใช้แผ่นที่กับ GPS หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆให้สามารถวัดได้ชัดๆว่ารถคันนั้นอยู่บนถนนจริงหรือไม่ ถ้าใช้ก็จะมี counter คิดค่าบริการเหมือนกับคิดการใช้โทรศัพท์มือถือไปเรื่อยเลยซึ่งงานนี้ให้ CAT เป็นคนทำเพราะรัฐถือหุ้นใหญ่อยู่ และวิธีนี้จะทำให้คนจะใช้ถนนในพื้นที่ถนนอย่างรอบคอบขึ้นมากด้วย และรถทุกคนต้องติด chip ใช้ตรวจสอบการกระทำความผิดเช่นใครขับรถเร็วในถนนที่ไม่ควรขับเร็ว หรือ การขโมยรถเพิ่มได้อีกระดับหนึ่งด้วย มาตรการแบบนี้จะส่งเสริมคนมาใช้ระบบรถสาธารณเพิ่มขั้นอย่างแน่นอนปล. ตัวเลขต่างเป็นการยกตัวอย่างอาจจะปรับให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงอีกทีนะครับ
ระบบนี้จะใช้ช่วยติดตามรถชาวตปทที่เข้ามาในไทยและสามารถจัดเก็บเงินจากชาวต่างประเทศที่มาจอดรถไม่ดีในถนนรถติดได้เป็นอย่างดีในอนาคตด้วย
-
จะแก้ได้จริงหรือเปล่าต้องรอดูกัน
-
เกรงว่าคนจะซื้อรถเพิ่ม คันนึงใช้วันคู่ อีกคันใช้วันคี่ ::)
-
ระยะสั้นทำไปก่อนครับ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
อีกข้อที่ควรจะทำได้เลยคือควบคุมที่จอดรถครับ
กทม. จะมีรถกี่ล้านคันก็ได้ แต่ต้องมีที่จอดรถครับ
ถ้าทำได้ ผมเล็งเห็นกำไรจากธุรกิจที่จอดรถแล้วครับ 555
-
วิธีแก้ปัญหารถติดประเทศไทยไม่ยากเท่าไหร่ครับ
1) ห้ามจอดริมถนนแบบจริงจัง ไม่เว้นพวกรู้จักคนใหญ่คนโต (แถวบริษัทผม มีบริษัทหนึ่งเจ้าของเป็นเซเลปชื่อดังเลยละ จอด RR ไม่โดนล็อกล้อ แต่คันอื่นโดนบ้างไม่โดนบ้าง แล้วแต่ตำรวจจะเล็งใคร เพราะเค้าบอกว่าที่ล็อกมันไม่พอ)
2) จากข้อ 1 ........
ผมว่า RR ล้อมันโตเกิน (22 นิ้วมั้ง) เลยล๊อคไม่อยู่ด้วย
-
ที่จริงมันยังไม่บังคับใช้ และคงอีกนาน แต่เมื่อโยนเข้ามาในสังคมแล้ว ก็อยากขอออกความเห็นบ้าง
ตรงมาตรการท้ายสุด ทะเบียน คี่ คู่ ถือเป็นความคิดที่ถดถอยมากๆ ไร้กึ๋น
แค่นี้ สั้นๆ
...... ตรงมาตรการท้ายสุด ทะเบียน คี่ คู่ .............
รบกวนอธิบายข้อเสีย ขอบคุณคับ
-
วันคู่วันคี่ ไม่ดีหรอก คนที่ซื้อรถไหวก็ซื้อเพิ่ม ถ้าซื้อแล้วไม่มีที่จอดก็ไปจอดข้างทางอีก
คนที่ซื้อไม่ไหว ยังผ่อนไม่หมด แต่ค้องใช้รถทำมาหากืนขนของไปขายทุกวันก็มี
แล้วรถวันคี่จะโขคดีกว่า พอวันที่ 31 พรุ่งนี้วันที่ 1 ก็ใช้ต่อได้อีกวัน
รอทำรถไฟฟ้าให้พร้อมเหรอ เห็นมีข่าวว่ารถไฟฟ้าสายอะไรนี่แหละขาดทุนวันละหลายล้าน
เพราะคนไม่ค่อยขึ้น ถ้าผมเป็นผู้ประกอบการรถไฟฟ้าแล้วเจอแบบนี้
ผมอาจจะยกเลิกการก่อสร้างในบางสาย ที่ยังไม่ลงมือ
จากบ้านผมถ้าจะไปสถานีรถไฟฟ้าต้องนั่งมอไซด 40 บาท
หรือไม่ก็นั่งรถสองแถว 2 ต่อ แต่นานหน่อย
ทุกวันนี้ผมใช้แต่เส้นทางที่ไม่ต้องเข้ากรุงเทพ ขับรถเองสะดวกกว่าถึงเร็วกว่านั่งรถหวานเย็นเยอะ