Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: TeslaX ที่ กันยายน 28, 2016, 17:05:22
-
พอดีออกรถกับกรุงศรีออโต้ เจอไฟแนนซ์ให้ช่วยทำประกันสินเชื่อค่างวดรถไป ตอนแรกจะไม่ทำพอไฟแนนซ์พูดว่าถ้าเกิดเสียชีวิต ค่างวดไม่ต้องจ่าย หรือบาดเจ็บประกันก็ออกค่างวดให้ ขอข้อมูลพี่ๆในบอร์ดนี้ว่ามีใครพอจะเคยเจอเหตุการณ์ที่ไม่ต้องจ่ายค่างวดต่อ หรือเปล่าครับ เช่นคนใกล้ตัว ญาติๆ พอดีทางประกันบอกสามารถยกเลิกไม่ต้องจ่ายก็ได้
-
ไม่เคยทำเลยครับ (ทำแต่กรณีซื้อบ้านครับ)
แต่ถ้าเบี้ยประกันตกเดือนละไม่กี่ร้อยผมว่าทำไว้ก็โอเคนะครับ เป็นการป้องกันความเสี่ยงครับ
-
อย่างผม ผ่อน REVO 4 ประตูมา 10 งวดรู้ตัวว่าเป็น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เมื่อเดือนก่อน
ผมผ่าตัดและ รักษาอยู่ แต่ถ้ามีประกันแบบนี้ผมก็อาจจะสนใจซื้อไว้
:'( :'( :'( :'( :'(
-
ถ้าไม่เดือดร้อน ทำไปเพื่อความสบายใจครับ หรือบางคนทำเป็นเคล็ด
เพราะการสัญจร เดี๋ยวนี้ เสี่ยงๆ เยอะครับ เผื่อเป็นอัมพาต หรือตายขึ้นมา ประกันจะจ่ายค่ารถ (ที่เหลือให้ไฟแนนซ์)
ลูกหลาน หรือ คนข้างหลัง ก็จะไม่ลำบากมาก เป็นแบบเดียวกับที่ทำตอนซื้อบ้านครับ ประกันคุ้มครองสินเชื่อ
:-*
-
อย่างผม ผ่อน REVO 4 ประตูมา 10 งวดรู้ตัวว่าเป็น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เมื่อเดือนก่อน
ผมผ่าตัดและ รักษาอยู่ แต่ถ้ามีประกันแบบนี้ผมก็อาจจะสนใจซื้อไว้
:'( :'( :'( :'( :'(
เอาใจช่วยครับ หมอสมัยนี้เก่งมากกว่าเมื่อก่อนเยอะ ดูอย่างนักร้องพิม ซาซ่าก็รักษาหายครับ
-
พอดีออกรถกับกรุงศรีออโต้ เจอไฟแนนซ์ให้ช่วยทำประกันสินเชื่อค่างวดรถไป ตอนแรกจะไม่ทำพอไฟแนนซ์พูดว่าถ้าเกิดเสียชีวิต ค่างวดไม่ต้องจ่าย หรือบาดเจ็บประกันก็ออกค่างวดให้ ขอข้อมูลพี่ๆในบอร์ดนี้ว่ามีใครพอจะเคยเจอเหตุการณ์ที่ไม่ต้องจ่ายค่างวดต่อ หรือเปล่าครับ เช่นคนใกล้ตัว ญาติๆ พอดีทางประกันบอกสามารถยกเลิกไม่ต้องจ่ายก็ได้
ถ้าเราเสียชีวิต เขายึดรถไปคืน ขายรถแล้วยังไม่พอใช้หนี้ เขาก็ไปเรียกส่วนที่ขาดจากบริษัทประกัน แต่ถ้าไม่มีประกัน หนี้ของเราเขาก็ไปเรียกเอาจากทายาทที่รับมรดกเรา อาจจะเป็นลูก เมีย หรือพ่อแม่ แล้วแต่กรณี ประกันไว้ก็ดี จะได้ไม่มีใครต้องเดือดร้อนเพราะเรา
-
พอดีออกรถกับกรุงศรีออโต้ เจอไฟแนนซ์ให้ช่วยทำประกันสินเชื่อค่างวดรถไป ตอนแรกจะไม่ทำพอไฟแนนซ์พูดว่าถ้าเกิดเสียชีวิต ค่างวดไม่ต้องจ่าย หรือบาดเจ็บประกันก็ออกค่างวดให้ ขอข้อมูลพี่ๆในบอร์ดนี้ว่ามีใครพอจะเคยเจอเหตุการณ์ที่ไม่ต้องจ่ายค่างวดต่อ หรือเปล่าครับ เช่นคนใกล้ตัว ญาติๆ พอดีทางประกันบอกสามารถยกเลิกไม่ต้องจ่ายก็ได้
ถ้าเราเสียชีวิต เขายึดรถไปคืน ขายรถแล้วยังไม่พอใช้หนี้ เขาก็ไปเรียกส่วนที่ขาดจากบริษัทประกัน แต่ถ้าไม่มีประกัน หนี้ของเราเขาก็ไปเรียกเอาจากทายาทที่รับมรดกเรา อาจจะเป็นลูก เมีย หรือพ่อแม่ แล้วแต่กรณี ประกันไว้ก็ดี จะได้ไม่มีใครต้องเดือดร้อนเพราะเรา
อันนี้คือกรณีที่ไม่ทำประกันสินเชื่อใช่ไหมครับ ที่เรียกเงินกับประกันหมายถึงภาคสมัครใจชั้น 1 หรือเปล่าครับ
-
ทำก็ดีครับ แต่ของผมใช้ชื่อคุณพ่อออกรถ อายุเยอะแล้ว คำนวณออกมาตกหลายร้อยเลยเกือบพัน เลยไม่ทำครับ
-
พอดีออกรถกับกรุงศรีออโต้ เจอไฟแนนซ์ให้ช่วยทำประกันสินเชื่อค่างวดรถไป ตอนแรกจะไม่ทำพอไฟแนนซ์พูดว่าถ้าเกิดเสียชีวิต ค่างวดไม่ต้องจ่าย หรือบาดเจ็บประกันก็ออกค่างวดให้ ขอข้อมูลพี่ๆในบอร์ดนี้ว่ามีใครพอจะเคยเจอเหตุการณ์ที่ไม่ต้องจ่ายค่างวดต่อ หรือเปล่าครับ เช่นคนใกล้ตัว ญาติๆ พอดีทางประกันบอกสามารถยกเลิกไม่ต้องจ่ายก็ได้
ถ้าเราเสียชีวิต เขายึดรถไปคืน ขายรถแล้วยังไม่พอใช้หนี้ เขาก็ไปเรียกส่วนที่ขาดจากบริษัทประกัน แต่ถ้าไม่มีประกัน หนี้ของเราเขาก็ไปเรียกเอาจากทายาทที่รับมรดกเรา อาจจะเป็นลูก เมีย หรือพ่อแม่ แล้วแต่กรณี ประกันไว้ก็ดี จะได้ไม่มีใครต้องเดือดร้อนเพราะเรา
อันนี้คือกรณีที่ไม่ทำประกันสินเชื่อใช่ไหมครับ ที่เรียกเงินกับประกันหมายถึงภาคสมัครใจชั้น 1 หรือเปล่าครับ
ประกันชั้น1 เป็นประกันความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก กับความเสียหายต่อรถยนต์ของเราไม่ใช่หรือ
-
ผมเคยเห็นอยู่ 2กรณี จากธนชาต(เพราะไปแบงค์บ่อย)
กรณีแรก ขอสินเชื่อรถแลกเงิน
กรณีที่สอง ทำอาชีพอิสระ ไม่มีทะเบียนพาณิชย์หรือหนังสือรับรองบริษัท(ในกรณีนี้บางคนอาจไม่โดนบังคับ)
-
ทำไปเถอะครับ เงินแค่นิดหน่อย ถ้าเกิดดวงซวยขึ้นมาจริงๆคนข้างหลังจะได้ไม่เดือดร้อน ส่วนใหญ่เค้าคิดรวมให้ในค่างวดเรียบร้อยครับจ่ายเพิ่มเดือนนึงแค่หลักร้อยเท่านั้น
-
ทำไว้ดีครับ
ผมมีเคสใกล้ตัวนะ ทุกวันนี้ผมต้องรับงานต่อจากพี่แก
คือตอนรถคันแรกออกใหม่ แกก็เข้าโครงการ เอาเก๋ง 1500 cc
ดาวน์ 3 แสน จัดอีก 3 แสนกว่าๆ ตอนทำสัญญาไฟแนนซ์ ก็บังคับให้ทำประกันค่างวดไปด้วย
รายละเอียดคือ 1. ห้เลือก จ่ายค่าประกัน 1 งวดเลย หรือ 2. บวกเป็นค่าจัดไฟแนนซ์ (ผ่อนทุกเดือน) แกเลือก 1. และรถส่ง 48 งวด
ผ่านไป 6 งวด ตรวจเจอมะเร็งตับ ระยะ 3 ตระเวนรักษา 3 เดือน แกก็ไป สรุปค่างวด 48 งวดที่ทำไว้ จ่ายแค่ 8 หรือ 9 งวดนี่แหละ ที่เหลือ ประกันจ่ายแทน ทายาทก็ทำเรื่องรับมรดกไป
ผมว่าทำได้ก็ดีครับ คือมันได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งเรา และไฟแนนซ์ เพียงแต่เราเป็นคนจ่ายตังค์แค่นั้นเอง
-
เดี๋ยวนี้เป็นกันทุกไฟแนนซ์ เมียซื้อรถให้แม่ก็โดน
-
ทำไว้ดีครับ
ผมมีเคสใกล้ตัวนะ ทุกวันนี้ผมต้องรับงานต่อจากพี่แก
คือตอนรถคันแรกออกใหม่ แกก็เข้าโครงการ เอาเก๋ง 1500 cc
ดาวน์ 3 แสน จัดอีก 3 แสนกว่าๆ ตอนทำสัญญาไฟแนนซ์ ก็บังคับให้ทำประกันค่างวดไปด้วย
รายละเอียดคือ 1. ห้เลือก จ่ายค่าประกัน 1 งวดเลย หรือ 2. บวกเป็นค่าจัดไฟแนนซ์ (ผ่อนทุกเดือน) แกเลือก 1. และรถส่ง 48 งวด
ผ่านไป 6 งวด ตรวจเจอมะเร็งตับ ระยะ 3 ตระเวนรักษา 3 เดือน แกก็ไป สรุปค่างวด 48 งวดที่ทำไว้ จ่ายแค่ 8 หรือ 9 งวดนี่แหละ ที่เหลือ ประกันจ่ายแทน ทายาทก็ทำเรื่องรับมรดกไป
ผมว่าทำได้ก็ดีครับ คือมันได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งเรา และไฟแนนซ์ เพียงแต่เราเป็นคนจ่ายตังค์แค่นั้นเอง
แสดงว่าเดี๋ยวนี้คนเป็นโรคนี้เยอะขึ้น ผมว่าคิดถูกละครับที่ทำ เผื่อเกิดอะไร คนข้างหลังจะได้ไม่ต้องมาใช้หนี้แทน
-
จ่ายเพิ่มไม่เยอะ ทำไปเถอะครับ เกิดอะไรขึ้นมา คนข้างหลังไม่ต้องรับภาระ บ.ประกันจะจ่าย ปิดยอดหนี้ให้เลย
-
ประกันพวกนี้เป็นยังไงน่ะครับ?
กรรมสิทธิ์รถจะเป็นของใครหากเกิดการเคลม
คือหมายถึง...
ถ้าคนผ่อนตายไป ไม่ต้องผ่อนต่อแล้วยกรถให้เลย โอนให้ผู้รับมรดกเลย
หรือว่า
คนผ่อนตายไป ไม่ต้องผ่อนต่อแล้วยึดรถคืนเลย ผู้รับมรดกไม่ต้องมาผ่อนต่อ
-
อันนี้มันแล้วแต่ความคิดในตัวเราล้วนๆ จะทำหรือไม่ทำไฟแนนซ์บังคับไม่ได้หรอกครับ การทำสัญญามันต้องเกิดจากความสมัครใจทั้งสองฝ่าย ถ้าเบี้ยมันไม่มากมายทำไว้ก็ดีครับ
-
ประกันพวกนี้เป็นยังไงน่ะครับ?
กรรมสิทธิ์รถจะเป็นของใครหากเกิดการเคลม
คือหมายถึง...
ถ้าคนผ่อนตายไป ไม่ต้องผ่อนต่อแล้วยกรถให้เลย โอนให้ผู้รับมรดกเลย
หรือว่า
คนผ่อนตายไป ไม่ต้องผ่อนต่อแล้วยึดรถคืนเลย ผู้รับมรดกไม่ต้องมาผ่อนต่อ
คือถ้าคนผ่อนตายประกันจะจ่ายค่างวดที่เหลือแทนทั้งหมด ทายาทไม่ต้องมาผ่อนต่อรถก็จะเป็นกรรมสทธิ์ของทายาทเลยครีบ
-
ผมมองอีกแง่นะ ทั้งธนาคารและไฟแนนซ์ เอาเปรียบมากเกินไป
การให้กู้เงินมีความเสี่ยงก็จริง แต่ความเสี่ยงนั้นมันก็คือ spread ดอกเบี้ยไปแล้ว .... มันคือธุรกิจ ที่ไฟแนนซ์ทำ ได้กำไรก็คือดอกเบี้ย ความเสี่ยงก็คือโดนเบี้ยว ซึ่งมันก็เป็นความเสี่ยงในธุรกิจปกติ ทีนี้ ตัวธนาคารกับไฟแนนซ์อยากเอาแต่ได้ ไม่อยากเสี่ยง ก็เลยให้ทำประกันวงเงินซ้อนเข้าไปอีก ถึงแม้มันจะมีข้อดีที่ เกิดอะไรขึ้น ประกันจะ cover ที่เหลือให้ .... แต่รายจ่ายส่วนนี้ ก็ตกกับคนกู้อยุ่ดี
ธนาคาร/ไฟแนนซ์้ มีแต่ได้กับได้ อัตราโดนเบี้ยวต่ำลง เกิดไรขึ้นก็ไม่ต้องไปไล่เบี้ยกับผุ้กุ้เอง รับเงินจากประกันแทน ...แถมตอนขายประกัน ตัวเองก็กินหัวคิวขายเองอีกต่างหาก
-
ทำประกันไว้ดีกว่าไม่ทำเยอะครับ ค่าเบี้ยไม่เท่าไร แต่ถ้าเราเป็นอะไรไปคนข้างหลังไม่ต้องลำบาก แต่ถ้ายืนยันไม่อยากทำและไฟแนนบังคับ ก็ไปหาไฟแนนเจ้าอื่นที่ไม่บังคับได้ครับ มีเยอะแยะ
-
ผมมองอีกแง่นะ ทั้งธนาคารและไฟแนนซ์ เอาเปรียบมากเกินไป
การให้กู้เงินมีความเสี่ยงก็จริง แต่ความเสี่ยงนั้นมันก็คือ spread ดอกเบี้ยไปแล้ว .... มันคือธุรกิจ ที่ไฟแนนซ์ทำ ได้กำไรก็คือดอกเบี้ย ความเสี่ยงก็คือโดนเบี้ยว ซึ่งมันก็เป็นความเสี่ยงในธุรกิจปกติ ทีนี้ ตัวธนาคารกับไฟแนนซ์อยากเอาแต่ได้ ไม่อยากเสี่ยง ก็เลยให้ทำประกันวงเงินซ้อนเข้าไปอีก ถึงแม้มันจะมีข้อดีที่ เกิดอะไรขึ้น ประกันจะ cover ที่เหลือให้ .... แต่รายจ่ายส่วนนี้ ก็ตกกับคนกู้อยุ่ดี
ธนาคาร/ไฟแนนซ์้ มีแต่ได้กับได้ อัตราโดนเบี้ยวต่ำลง เกิดไรขึ้นก็ไม่ต้องไปไล่เบี้ยกับผุ้กุ้เอง รับเงินจากประกันแทน ...แถมตอนขายประกัน ตัวเองก็กินหัวคิวขายเองอีกต่างหาก
สมัยนี้เป็นแบบนี้หมดจริงๆ ขนาดสมัครบัตรเครดิตยังมีพ่วงประกันเลย เฮ้อออ หากินง่ายเกิน
-
ผมมองอีกแง่นะ ทั้งธนาคารและไฟแนนซ์ เอาเปรียบมากเกินไป
การให้กู้เงินมีความเสี่ยงก็จริง แต่ความเสี่ยงนั้นมันก็คือ spread ดอกเบี้ยไปแล้ว .... มันคือธุรกิจ ที่ไฟแนนซ์ทำ ได้กำไรก็คือดอกเบี้ย ความเสี่ยงก็คือโดนเบี้ยว ซึ่งมันก็เป็นความเสี่ยงในธุรกิจปกติ ทีนี้ ตัวธนาคารกับไฟแนนซ์อยากเอาแต่ได้ ไม่อยากเสี่ยง ก็เลยให้ทำประกันวงเงินซ้อนเข้าไปอีก ถึงแม้มันจะมีข้อดีที่ เกิดอะไรขึ้น ประกันจะ cover ที่เหลือให้ .... แต่รายจ่ายส่วนนี้ ก็ตกกับคนกู้อยุ่ดี
ธนาคาร/ไฟแนนซ์้ มีแต่ได้กับได้ อัตราโดนเบี้ยวต่ำลง เกิดไรขึ้นก็ไม่ต้องไปไล่เบี้ยกับผุ้กุ้เอง รับเงินจากประกันแทน ...แถมตอนขายประกัน ตัวเองก็กินหัวคิวขายเองอีกต่างหาก
ผมกลับมองว่าดอกเบี้ยการเช่าซื้อรถมันคนละอย่างกับประกันนะครับ
ดอกเบี้ยก็เป็นค่ายืมเงินไฟแนนซ์ไปซื้อรถนั่นแหล่ะ ถ้าไม่มีดอก คนที่ไหนเค้าจะให้ยืมครับ
ส่วนเรื่องประกันมันก็คือการลดความเสี่ยงของไฟแนนซ์
ถ้าคนซื้อตาย ไฟแนนซ์ก็ต้องไปไล่กับทายาท แต่ถ้ามีประกัน ประกันจะชดเชยตรงนี้ให้ไงครับ
ทุกอย่างมันเป็นธุรกิจทั้งนั้น
ไม่มีใครให้คุณยืมเงินฟรีๆเพื่อไปซื้อหรอกครับ
ถ้าไม่อยากเสียเปรียบตรงนี้ก็คือซื้อเงินสดนั่นแหล่ะ
ส่วนตัวผมว่าถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน เป็นผม ผมก็ทำครับ..
-
ส่วนตัวผมมองว่าทั้งสองส่วนมันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย ไฟแนนมาตีกินเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น
ประกันก็ส่วนประกัน ค่าเช่าซื้อมันก็ส่วนเช่าซื้อ ในสัญญาเช่าซื้อมันระบุอยู่แล้ว ว่าคุณตายคุณเบี้ยวเค้าจะทำยังงัย แต่แอบเนียนพ่วงประกันเพื่อขายประกัน
ผมมองว่า ถ้าลูกค้าสนใจอยากทำประกันอยู่แล้ว มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ทำไปเถอะ แต่ดูเบี้ยประกัน เทียบกับทุนประกันด้วย
และดูสัญญาให้ดีๆ ว่าผู้รับผลประโยชน์คือใคร สมมุตซื้อปุ๊บ ตายปั๊บ กับผ่อนไป สามปีแล้วตาย เงินคงค้างมันต่างกัน เค้าจะแบ่งยังงัย ถามและเช็คให้ละเอียด
แต่ที่ผ่านมาผมเห็นมีเชิงข่มขู่บังคับซะมากกว่า มีขู่ว่า ถ้าไม่ทำประกัน จะไม่อนุมัติบ้างล่ะ จะซื้อรถไม่ได้บ้างล่ะ
-
เท่าที่เข้าใจเป็นประกันชีวิตครับ เค้าจะจ่ายค่างวด "ที่เหลือ" ให้ทั้งหมด โอนรถให้ทายาทได้เลยครับ
แต่ใช้ได้กรณีเสียชีวิตนะครับ ถ้าเป็นมะเร็งแล้วโชคดีรอด เค้าไม่จ่ายนะครับ มันคนละอันกัน
-
มีน้องที่ทำงานเขาซื้อ CRV แล้วก็ทำประกันไว้ครับ จ่ายเดือนละ 245 บาทหรือไงเนี่ยครับ ผ่อนไป ปีกว่าสามีเสียชีวิต ก็ไม่ต้องผ่อนต่อ
ถ้าไม่ลำบากทำไว้ก็ดีครับ
-
เคยโดนเหมือนกันครับ บอกต้องทำเป็นข้อบังคับ รู้สึกเบี้ยเกือบหมื่นแต่ผ่อนจ่าย แต่ผมไม่อยากทำเหมือนมันซ้ำซ้อนเกินไปประกันชั้น1ก็มี เลยบอกถ้าทำขอตัดสด สุดท้ายไม่ทำก็ได้ครับ
-
เคยโดนเหมือนกันครับ บอกต้องทำเป็นข้อบังคับ รู้สึกเบี้ยเกือบหมื่นแต่ผ่อนจ่าย แต่ผมไม่อยากทำเหมือนมันซ้ำซ้อนเกินไปประกันชั้น1ก็มี เลยบอกถ้าทำขอตัดสด สุดท้ายไม่ทำก็ได้ครับ
ผมว่าที่สุดไฟแนนก็ต้องยอมไม่งั้นเสียลูกค้า แต่ที่ไม่ได้ค่าคอมจากประกัน
-
ผมมองอีกแง่นะ ทั้งธนาคารและไฟแนนซ์ เอาเปรียบมากเกินไป
การให้กู้เงินมีความเสี่ยงก็จริง แต่ความเสี่ยงนั้นมันก็คือ spread ดอกเบี้ยไปแล้ว .... มันคือธุรกิจ ที่ไฟแนนซ์ทำ ได้กำไรก็คือดอกเบี้ย ความเสี่ยงก็คือโดนเบี้ยว ซึ่งมันก็เป็นความเสี่ยงในธุรกิจปกติ ทีนี้ ตัวธนาคารกับไฟแนนซ์อยากเอาแต่ได้ ไม่อยากเสี่ยง ก็เลยให้ทำประกันวงเงินซ้อนเข้าไปอีก ถึงแม้มันจะมีข้อดีที่ เกิดอะไรขึ้น ประกันจะ cover ที่เหลือให้ .... แต่รายจ่ายส่วนนี้ ก็ตกกับคนกู้อยุ่ดี
ธนาคาร/ไฟแนนซ์้ มีแต่ได้กับได้ อัตราโดนเบี้ยวต่ำลง เกิดไรขึ้นก็ไม่ต้องไปไล่เบี้ยกับผุ้กุ้เอง รับเงินจากประกันแทน ...แถมตอนขายประกัน ตัวเองก็กินหัวคิวขายเองอีกต่างหาก
ผมว่าผู้ที่จะให้กู้เาประเมินความเสี่ยงก่อนนะครับ การที่เขาจะลดความเสี่ยงเป็นเรองปกติ ถ้าเขาคิดว่ามีความเสี่ยงเขาอาจจะให้เราหาผู้ค้ำประกันมาค้ำก็ได้ อย่างเมื่อก่อนผมกู้เงินธนวัฏ ธนาคารให้หาผู้ค้ำประกันซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากมาก เมื่อคนอื่นมาค้ำประกันให้เรา เขาก็จะให้เราคำประกันให้เขาด้วย ทำให้เราเองรู้สึกว่ามีภาระ แต่ปัจจุบันเขาให้เราทำประกันชีวิตแทนผู้ค้ำประกัน เราจ่ายค่าเบี้ยประกันม่เท่าไหร่แต่ไม่ต้องไปอ้อนวอนให้คนอื่นมาค้ำประกันให้ รู้สึกว่าสบายใจขึ้นเยอะ แต่ตอนนี้การกู้เงินสหกรณ์ยังต้องใช้ผู้ค้ำประกันอยู่ ผมเองยังอยากให้เปลี่ยนมาใช้วิธีประกันชีวิตแทนเลยครับ
-
ของผมทำนะ จ่ายเพิ่มหลักร้อยเอง ขำๆ
-
ประกันสินเชื่อรถ ถ้าจ่ายเพิ่มเดือนละร้อยสองร้อย ก็ตกวันละ 7-8 บาท ก็ทำไว้ดีกว่า เพื่อลดความเสี่ยง ไม่ได้เสียหายครับ :)
อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจการตกทอดแห่งทรัพย์มรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งระบุว่า
มาตรา 1599 เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท ทายาทอาจเสียไปซึ่งสิทธิในมรดกได้ แต่โดยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น
มาตรา 1600 ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ กองมรดกของผู้ตายได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่างๆ เว้นแต่ ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
จะเห็นได้ว่าหนี้สินนั้น สามารถตกทอดแก่ทายาทที่มีสิทธิตามกฎหมายได้ โดยทางลิสซิ่งจะฟ้องร้องให้ชดใช้เงินส่วนที่เหลือกับทายาทโดยธรรม คือ 1. ลูกหลาน 2. พ่อแม่ 3. พี่น้อง เพื่อให้ชำระเงิน ได้ตามกฎหมายครับ