Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: mamaman ที่ ตุลาคม 11, 2016, 16:44:22
-
:)
กับบ้านเรา คงอีกนาน หากจะ มี ก็ต้อง Hybrid ก่อน
แต่หาก ลอง หา ข่าวเก่าๆ ก็ไปเจอว่า EV มีมานาน จากอเมริกา เพียงแต่ อิทธิพล ของ ค่ายรถ สันดาป และ ผู้ค่้าน้ำมัน
ทำให้มัน เจอพลังมืดลดหายไป
จนกลับมาด้วย Hybrid อีกครั้ง เมื่อ ราคาน้ำมันสูงขึ้น เกือยขาดแคลน
และ กลับหดหาย จาก ราคา น้ำมันอีกเช่นกัน
อีกทั้งเห็นข่าว Tesla เริ่ม ผ่อนๆ ไม่รู้เพราะ ไม่มีกำลังผลิต หรือ มันไปได้แค่นั้น
สำหรับ ผม มองว่า ปัจจัยจัย ที่จะ รุ่ง หรือ ร่วง
อยู่ที่ อิทธิพล ที่เรามองไม่เห็น ซะมากกว่า ตัวของมันเอง
ผมมองใน มุม การทดแทน รถใช้น้ำมัน ในภาพรวม ไม่ได้มอง รถสำหรับเศรษฐี นะครัย
-
ก็จนกว่าแหล่งน้ำมันราคาถูกจะหมดลงนั่นแหละครับจะถูกบีบด้วยต้นทุนการขุดเจาะเอง ช่วงนี้ก็พัฒนารอไปพลางๆก่อนโดยเฉพาะเรื่องแบตเตอรี่
-
ถ้ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะใช้อิทธิพลไม่ให้รถ EV เกิดได้ เขาจะทำยังไงได้บ้าง ??
ขออภัย ไม่ได้จะกวนนะครับ แค่อยากรู้ที่มาที่ไปไว้เป็นความรู้หน่อย ...
-
ไม่ครับ จนกว่าน้ำมันจะหมดจากโลก เพราะ น้ำมัน >> เงิน >> อำนาจทางเศรษฐกิจ >> อำนาจทางการเมือง
-
ถ้ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะใช้อิทธิพลไม่ให้รถ EV เกิดได้ เขาจะทำยังไงได้บ้าง ??
ขออภัย ไม่ได้จะกวนนะครับ แค่อยากรู้ที่มาที่ไปไว้เป็นความรู้หน่อย ...
พอดี ผมดู คลิปนี้ครับ
เอาง่ายๆ ลดกำลังการผลิต น้ำมัน หรือ เพิ่มกำลัง การผลิต ก็ควบคุม เศรษฐกิจโลกได้แล้วครับ
https://en.wikipedia.org/wiki/Who_Killed_the_Electric_Car%3F
https://www.youtube.com/watch?v=nsJAlrYjGz8
-
ถ้ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะใช้อิทธิพลไม่ให้รถ EV เกิดได้ เขาจะทำยังไงได้บ้าง ??
ขออภัย ไม่ได้จะกวนนะครับ แค่อยากรู้ที่มาที่ไปไว้เป็นความรู้หน่อย ...
ทำแบบนี้ครับ
ค่ายชิ้นส่วนยานยนต์ค้านแหลกรถยนต์ไฟฟ้าทุบระบบซัพพลายเชนล่ม หวั่นแรงงาน 6 แสนคนกระทบ ระบุใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่าเครื่องยนต์หลายพันเท่า ยื่นหนังสือ สศอ.ขอทบทวน ย้ำควรมีโรดแมปชัดเจน ด้านพลังงานเตือนไฟฟ้าขาด ปตท.รับลูกเร่งขยายสถานีชาร์จ
ผลกระทบจากการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบสนับสนุนการผลิตยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย โดยอยากเห็นโครงการดังกล่าวเป็นรูปธรรมชัดเจนภายในปี 2560 และให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ เพื่อให้สามารถนำรถยนต์ ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้ามาใช้งานจริงภายใน เดือนพฤศจิกายน 2559 โดยช่วงเวลาที่ผ่านมามีบริษัทยักษ์ใหญ่จากหลายประเทศเข้า หารือและพร้อมดำเนินการอย่างจริงจัง เกี่ยวกับเรื่องนี้ปรากฏว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยเฉพาะผลกระทบที่จะตามมาจากการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปภายในมาเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า http://www.thaigreencar.net/2016/07/23/57/ (http://www.thaigreencar.net/2016/07/23/57/)
-
คือ ตอนนี้ ไทย ถือ เป็นผู้ ส่งออก และ ปิโตรเคมี น้ำมัน รายใหญ มากๆ รายหนึ่ง
แต่ ทำไม คนไทย แบบว่า
-
ถ้ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะใช้อิทธิพลไม่ให้รถ EV เกิดได้ เขาจะทำยังไงได้บ้าง ??
ขออภัย ไม่ได้จะกวนนะครับ แค่อยากรู้ที่มาที่ไปไว้เป็นความรู้หน่อย ...
ทำแบบนี้ครับ
ค่ายชิ้นส่วนยานยนต์ค้านแหลกรถยนต์ไฟฟ้าทุบระบบซัพพลายเชนล่ม หวั่นแรงงาน 6 แสนคนกระทบ ระบุใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่าเครื่องยนต์หลายพันเท่า ยื่นหนังสือ สศอ.ขอทบทวน ย้ำควรมีโรดแมปชัดเจน ด้านพลังงานเตือนไฟฟ้าขาด ปตท.รับลูกเร่งขยายสถานีชาร์จ
ผลกระทบจากการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบสนับสนุนการผลิตยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย โดยอยากเห็นโครงการดังกล่าวเป็นรูปธรรมชัดเจนภายในปี 2560 และให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ เพื่อให้สามารถนำรถยนต์ ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้ามาใช้งานจริงภายใน เดือนพฤศจิกายน 2559 โดยช่วงเวลาที่ผ่านมามีบริษัทยักษ์ใหญ่จากหลายประเทศเข้า หารือและพร้อมดำเนินการอย่างจริงจัง เกี่ยวกับเรื่องนี้ปรากฏว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยเฉพาะผลกระทบที่จะตามมาจากการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปภายในมาเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า http://www.thaigreencar.net/2016/07/23/57/ (http://www.thaigreencar.net/2016/07/23/57/)
ข่าวนี้พออ่านแล้ว ผมเข้าใจว่ากลุ่มที่ค้านรถ EV ในไทยตามข่าวคือกลุ่ม Supplier ที่ผลิตชิ้นส่วนที่ใช้ในการประกอบรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ไม่ใช่กลุ่มผู้ค้าน้ำมัน(เข้าใจว่าอาจจะมีบางส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มปิโตรเคมี แต่ไม่ใช่กลุ่มหลัก) พอรถไฟฟ้าเข้ามาแล้วจะทำให้ Supplier เดิมตกกระป๋องไม่มีงานทำ
ภาษาเขียนผมอาจจะดูกวนๆแต่ผมไม่ได้มีเจตนาจะค้านหรือจับผิดอะไรนะ ผมว่าหัวข้อมันน่าสนใจดีเลยว่าจะเข้ามาตามอ่าน เข้ามา Discuss กันเรื่อยๆครับ
-
ผู้ค้าน้ำมันไม่ได้มีอิทธิพลมากเหมือนเมื่อก่อนแล้วครับ แค่จะบอกให้ลดปริมาณการผลิตยังเถียงกันแทบตาย เหมือนบอกว่า หนอย EV จะมาขายเหรอ เราจะประท้วงไม่ส่งออกน้ำมัน!
ในความเป็นจริงทำไม่ได้ครับ ไม่ส่งออกน้ำมันรายได้ประเทศหายไปมาก แค่นี้ก็หายไปเยอะมากแล้ว พวกเศรษฐีน้ำมันจนลงมาก
คนที่มีผลต่ออนาคต EV จริงๆ คือผู้บริโภคต่างหากครับ พอจะมีรถ EV มาก็บอกว่าอะไหล่แพงมั่ง ช่างซ่อมไม่เป็นมั่ง ขับไม่มันส์ ราคาแพงเกินเอื้อมและอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดไม่ได้เกิดจากผู้จำหน่ายน้ำมันเลย มันเป็นไปตามกลไกตลาดทั้งนั้น
ส่วนที่ประเทศไทยได้ใช้EV ช้าก็เป็นเพราะคนไทยจนไงครับ กว่าที่เราจะใช้ EV ได้ก็ต่อเมื่อมันกลายเป็นเทคโนโลยีราคาถูกที่ประชากรส่วนใหญ่สามารถเอื้อมถึง ซึ่งกว่าจะถึงจุดนั้นมันใช้เวลานานครับ
-
ผมว่าเค้าไม่ยอมหรอกครับ แต่ถ้าสามารถเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วส่งออกได้ ก็น่าคิดนะ
-
ผมว่าที่ Tesla เจอนี่คืออิทธิพลที่มองไม่เห็นของค่ายรถอื่นๆมากกว่าครับ 8)
เพราะเครื่องสันดาปนี่พัฒนาทีก็ต้องลากยาวให้คุ้มที่ลงทุน
แต่เครื่องสันดาปเจนใหม่ๆนี่บวกกับกฏมลภาวะ EU
จะเห็นสงคราม ค่ายรถสไตรค์แบค ใส่จักรวรรดิ EU ซะก่อนมากกว่า ฮา
เหมือนโดนบีบให้เครื่องที่เพิ่งพัฒนามา ได้ใช้แค่ช่วงสั้นเกินไปยังไม่ค้มทุนครับ
และช่วงนี้เริ่มมีเค้าลางหละ
....
ส่วนเรื่องรอให้น้ำมันหมดโลกนะหรือ ตอนนี้น้ำมันล้นโลกแล้วครับ(อันนี้พูดเว่อให้เห็นภาพครับ ^_^")
จาก shale gas ที่พอจะสามารถทดแทนน้ำมันฟอสซิลของเดิมได้ เพียงแต่ต้นทุนยังสูงอยู่
ทำให้กำหนดการหมดโลกของน้ำมันฟอสซิลเลื่อนออกไปอีกพอสมควร
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/634084
-
กลุ่มผู้ค้าน้ำมัน เช่น ใครบ้างครับ???
มองในประเทศ
อย่าง ปตท. ก็ได้ประโยชน์ในเรื่องการขายแก๊สธรรมชาติมาผลิตไฟฟ้าได้ตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าอยู่แล้ว ( ไฟฟ้าประมาณ 60% ผลิตจากแก๊สธรรมชาติ )
-
คือ ตอนนี้ ไทย ถือ เป็นผู้ ส่งออก และ ปิโตรเคมี น้ำมัน รายใหญ มากๆ รายหนึ่ง
แต่ ทำไม คนไทย แบบว่า
ปิโตรน่ะใช่ครับ แต่น้ำมันน่ะน้อยนิดเมื่อเทียบกับโลก แล้วเป็นน้ำมันซัลเฟอร์สูง กับน้ำมันสำเร็จรูปขายเพื่อนบ้าน
-
Portion ของรถที่จะmigrateไปEv ผมว่า
ไม่น่ามีนัยยะที่กระทบต่อOPEC
-
เยอรมันประกาศแล้ว 2030 จะไม่ผลิตรถยนต์สันดาปภายใน
เทคโนโลยี ไม่มีอะไรฉุดอยู่
ค่ายไหนไม่ทำ หรือทำช้า ก็จะเหมือน Nokia Kodak
ทีวี ก็จะเป็น Sony Pana ที่ทำมาคนก็ไม่นิยมแล้ว
-
รอดูยาวๆ ครับ
ผมว่า รถใช้ เครื่องยนต์ ก็เหมือน ปืนใช้ดินปืน :-*
ต่อให้อีก 20 ปี มี ปืนเลเซอร์ ก็ยังต้องใช้ปืนใช้ดินปืนอยู่
-
ยื้อได้
แต่ไม่นาน
สังเกต บ.ใด ยื้อ เทคโนโลยี มีแต่เจ้ง
เช่นโกดัก โนเกีย
โลกมันเปลี่ยน แต่คุณไม่เปลี่ยน
บ. ใดไม่ยื้อ ยินยอมกับเทคโนโลยี เอาตัวรอดได้
บ.ใด ทำก่อน ได้รวยก่อน
-
ลดกำลังการผลิต ตอนนี้ก็ไม่ง่ายนะครับ เพราะแต่ละประเทศมีปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนแต่ก่อน ถ้าลดมากไป ก็ขาดรายได้ไปเยอะ
-
ผมว่าที่ Tesla เจอนี่คืออิทธิพลที่มองไม่เห็นของค่ายรถอื่นๆมากกว่าครับ 8)
เพราะเครื่องสันดาปนี่พัฒนาทีก็ต้องลากยาวให้คุ้มที่ลงทุน
แต่เครื่องสันดาปเจนใหม่ๆนี่บวกกับกฏมลภาวะ EU
จะเห็นสงคราม ค่ายรถสไตรค์แบค ใส่จักรวรรดิ EU ซะก่อนมากกว่า ฮา
เหมือนโดนบีบให้เครื่องที่เพิ่งพัฒนามา ได้ใช้แค่ช่วงสั้นเกินไปยังไม่ค้มทุนครับ
และช่วงนี้เริ่มมีเค้าลางหละ
....
ส่วนเรื่องรอให้น้ำมันหมดโลกนะหรือ ตอนนี้น้ำมันล้นโลกแล้วครับ(อันนี้พูดเว่อให้เห็นภาพครับ ^_^")
จาก shale gas ที่พอจะสามารถทดแทนน้ำมันฟอสซิลของเดิมได้ เพียงแต่ต้นทุนยังสูงอยู่
ทำให้กำหนดการหมดโลกของน้ำมันฟอสซิลเลื่อนออกไปอีกพอสมควร
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/634084
Tesla ไม่ได้โดนอิทธิพลบริษัทน้ำมันหรือบริษัทรถหรอกครับ ตอนนี้ Tesla ก็ผลิตไม่ทันอยู่แล้ว back order มหาศาล แต่จริงๆบริษัทยังขาดทุนอยู่นะครับ ที่ยังอยู่ได้เพราะมีหลายบริษัทหนุนอยู่และทาง tesla คาดหวังกับ tesla model 3 ที่จะเริ่มทำกำไรให้กับบริษัท และ Tesla กำลังเร่งพัฒนาแบตเตอรี่แบบใหม่ที่มีความจุมากขึ้น ชาร์จเร็วขึ้น และต้นทุนถูกลง ซึ่งเป็นปัญหาหลักของ tesla ในตอนนี้นั่นคือต้นทุนค่าแบตที่แพงและใช้เวลาชาร์จนาน ซึ่งถ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้เมื่อไร อนาคต Tesla จะปฏิวัติทุกอุตสากรรมที่ใช้น้ำมัน ให้กลายเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แต่ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ รถไฟ เรือ ฯลฯ
ข่าวล่าสุดที่ผมตามอยู่ กลุ่ม OPEC กำลังรวมตัวเพื่อลดกำลังการผลิตน้ำมัน รวมถึงรัสเซียก็ประกาศจะลดกำลังการผลิตเช่นกัน แต่จากการวิเคราะห์ของผม แต่ละประเทศไม่กล้าลดกำลังการผลิตลงมากหรอกครับ เพราะรถ EV ที่วิ่งๆกันโครมๆอยู่ทุกวันคือ TESLA ซึ่งเป็นรถ Full EV นั่นหมายถึงยุครถไฟฟ้าได้มาถึงแล้ว ซึ่งเต็มที่ไม่เกิน 50-100 ปี น้ำมันอาจจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าครับ เรื่องนี้ขนาดผมเองยังหาข่าวเชิงลึกและวิเคราะห์ได้ แล้วบริษัทใหญ่ๆจะวิเคราะห์ไม่ได้หรอครับ ว่าน้ำมันจะไม่มีค่าภายในกี่ปี ยิ่งรถไฟฟ้าเกิดเร็ว สามารถซื้อหาได้ทั่วไปในระดับ mass ราคาไม่แพงเกินล้าน ใครๆก็ซื้อมาใช้ได้ บริษัทน้ำมันก็ยิ่งตายเร็ว รวมถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนยานยนต์ก็จะตายตามไปครับ
-
ในอดีตมีคนเคยกล่าวว่าดินปืน หนังสือ กระดาษ จะกลายเป็นอดีตเป็นซากอารยธรรม
-
ที่ผมมาถามคือ
อยากประเมิน สถาณการณ์ดูครับ ว่า จะรอ EV หรือ จะไม่คาดหวังอะไรกับมัน
ประเทศ เราอาจล้าหลัง ต่างชาติหลายปี เพราะแต่ก่อนไม่มี Internet
คนในประเทศ เสพข่าว ที่ รัฐเสนอ เท่านั้น
แต่ ทุกวันนี้มันไม่ใช่ แล้ว
คือ ถ้า EV มีแนวโน้ม มาไว ก็จะใช้รถยาวๆ 10 ปีครัย
-
ผมห่วงในกรณีที่ถ้าหากทำการสังเคราะห์น้ำมันเทียมทำได้จริงและใช้เวลาไม่นานมากกว่าครับ ส่วนแบ่งของการใช้น้ำมันของยานยนต์ผมว่ายังไม่มากพอที่จะทำให้พวกนี้กระดิกตัวได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีสิ่งที่มาทดแทนน้ำมันที่เป็นรายได้หลักของพวกเค้าผมเชื่อว่าต้องมีการแทรกแซงเกิดขึ้นแน่ๆ ทุกวันนี้สงครามที่เกิดบนโลกส่วนหนึ่งก็มาจากการแย่งชิงแหล่งน้ำมัน :(
-
ผมว่าตอนนี้ก็ยอมแบบกลายๆแล้วนะ
ดูราคาน้ำมันเป็นหลัก ตัวเลขเกิน 100 $ต่อบาร์เรล อาจไม่มีโอกาสได้เห็นกันอีก
กลุ่มผู้ผลิตคงรู้แล้วว่า ราคาที่แรงเกินเหตุแบบที่เคยผ่านมา
มันจะทำให้กลุ่มเทคโนโลยีหันกลับมาต่อต้าน อันนี้แหละที่น่ากลัว
เพราะคนคิดขึ้นมาแล้ว แล้วพัฒนาต่อ แม้จะยังไม่นำมาใช้เต็มรูปแบบให้แพร่หลาย
แค่นี้กลุ่มผู้ผลิตก็กลัวกันรนรานแล้วนะ ขึ้นแรงอีกเมื่อไหร่ โดนแน่นอน
-
เม้นต์ต่างๆข้างบนยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องโลกร้อนและมลพิษ
ส่วนตัวอยากให้คิดถึงเรื่องภูมิอากาศ สารพิษ CO2 มลพิษ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
รถ EV ไม่ปล่อย CO2 อากาศก็ไม่เหม็น ไม่เป็นพิษ
แต่ก็จะมีคนบอกว่าไฟฟ้า ก็ผลิตมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล/ถ่านหิน/นิวเคลียร์ ซึ่งปล่อยมลพิษอยู่ดี
นอกจากในโลกรถยนต์แล้ว ยังมีอีกโลกนึงคือพลังงานสะอาด/ทดแทน/ทางเลือก
ไฟฟ้าก็สามารถผลิตจากกังหันลม โซล่า น้ำ ไบโอแมส ฯ ซึ่งสะอาดกว่า
ในบางประเทศเช่น Norway/Denmark เค้าสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้ >100% ของความต้องการแล้ว (บางวัน)
ในขณะที่เทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่ก็กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วก้าวกระโดด
พลังงานที่ผลิตมาจากแสงแดด/ลม/น้ำ ซึ่งมันไม่คงที่ตลอดวัน จะถูกจัดเก็บไว้ในแบตเตอรี่ สร้างความสม่ำเสมอให้ใช้ได้ดีตลอดเวลา
แต่ยังไงก็จะมีคนบอกว่างั้น แบตเตอรี่ใช้แล้วก็จะเป็นของเสียอีก ซึ่งจริงๆมันสามารถเอาไป Recycle ได้มากกว่า 80-90%
แล้วจะมีคนบอกอีกว่า งั้นก็ต้องมีเหมืองแร่ลิเธียม ต้องขุดเหมืองกันอีกมากมาย ........
อนึ่ง ผู้พัฒนาพวกฮาร์ดแวร์/ซอฟแวร์/คอมพิวเตอร์/IT ทั้งหลายก็เป็นส่วนสำคัญยิ่งในโลกยานยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังมาเร็วๆนี้
ต่อไปรถยนต์ก็จะเป็นเหมือนพวกโทรศัพท์มือถือ/แทปเล็ท/คอมพิวเจอร์ ใช้ไฟฟ้าใช้อินเตอร์เน็ตใช้โปรแกรม ฯ
รถยนต์แบบที่ใช้ๆกันอยู่ทุกวันนี้จะหมดไป แบบเดียวกับที่คนค่อยๆเลิกใช้ Nokia แล้วหันมาซื้อ Smart phone กันหมด
ส่วนตัวคิดว่าไม่เกิน 10 ปีจากนี้ จะเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในอเมริกาและยุโรป
ส่วนบ้านเราก็จะตามมาหลังจากนั้นไม่นาน
-
โลกหมุนด้วยเงินครับ :-\
-
http://www.bloomberg.com/features/2016-ev-oil-crisis/
บทความนี้เขียนได้ดีมา ไม่ต้องมโนกันไปเอง
-
คิดว่ายังไงก็ต้องมาเร็ววันนี้แน่นอน ฝั่งการเมืองจะต้านพลังมวลชนไม่อยู่หรอกถ้าขืนดื้อดึงไม่ยอมอนุญาติให้นำเข้าหรือตั้งโรงงานผลิต ยุคสมัยเปลี่ยนเร็วจริงๆ บริษัทรถต่างๆซับพลายเออร์ตอนนี้นะผมว่าคงเริ่มปรับตัวกันบ้างแล้ว มองอนาคตไว้แล้วแน่ๆต้องปรับตัวครับเพื่อความอยู่รอดอย่างถ่านไฟฉายต่างๆก็ผ้นตัวเองมาทำแบตเตอร์รี่มือถือ แบตรถยนต์หรือแม้กระทั่งแบตรถยนต์ไฟฟ้าของเทสล่าก็ได้บริษัททำถ่านไฟฉายในอดีตมาร่วมงาน ถึงวันนี้นมาคนย่อมต้องการสิ่งที่ดีและคุ้มค่าที่สุดให้ตัวเอง เป็นเราก็คงไม่ยอมใช้น้ำมันซึ่งผันผวนเอาเปรียบไปตลอดแบบนี้ไม่ไหว!
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
แต่ผม ก็ยังเชื่อมั่นว่า
ถึงแม้ ประเทศโลกจะเปลี่ยนไปเพียงใด
แต่ ไทยก็ยังเป็นไทยอยู่ดี
ผมกำลังคิดว่าเราเอาเอทานอล 95 % ที่ ใครๆ ก็สามารถกลั่นได้ ไม่ต้องถึง 99.5 % ที่ ทำยาก มาทำเครื่อง ปั่นไฟ ชาร์ทเข้าแบตประจำบ้านได้ คงจะดี
ดูสถาณการ คงทนใช้รถเดิมต่อไปอีก 10 ปี
-
ก้เป็นไปตามกลไกตลาด และการแข่งขันแหละครับ
อย่าไปมโนว่าผู้ค้าน้ำมันใช้อำนาจมืดอะไรเลยครับ
ถ้ามีอำนาจขนาดนั้น ราคาน้ำมันไม่ร่วงขนาดนี้หรอก
วันที่รถไฟฟ้ามันดีพอ (หมายถึง ระยะทาง ต้นทุน การเติม ความปลอดภัย ฯลฯ) คนก็หันไปเองนั่นแหละครับ
-
คือ ตอนนี้ ไทย ถือ เป็นผู้ ส่งออก และ ปิโตรเคมี น้ำมัน รายใหญ มากๆ รายหนึ่ง
แต่ ทำไม คนไทย แบบว่า
ไม่เอา ไม่พูด 555+
-
ตัวตัดสินคือราคาครับ แพงเกินคนทั่วไปก็แตะไม่ไหว
-
เห็นแย้งตรงนี้นิดนึงครับ ที่ว่า
อีกทั้งเห็นข่าว Tesla เริ่ม ผ่อนๆ ไม่รู้เพราะ ไม่มีกำลังผลิต หรือ มันไปได้แค่นั้น
จริงๆแล้วไม่ได้ผ่อนนะ เดินหน้าเต็มกำลังต่างหาก แต่กำลังทำโรงงานขนาดยักษ์อยู่ที่จีน
จะเสร็จปี 17
ในตอนนั้นคงมาดูกันอีกทีว่ายอดขายจะไปได้อย่างที่คุยไว้รึป่าว