Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: babybigman ที่ ตุลาคม 11, 2016, 21:16:06
-
วางมัดจำซื้อรถมือสอง กับเต้นท์มือสองขนาดใหญ่ ขายแต่รถหรูแถวรัชดา
แต่ดำเนินการกูแล้ว ติดเครดิตบูโร
เลยซื้อไม่ได้
จะยกเลิกการซื้อขาย
แต่บริษัท ที่เราอุตสาห์คิดว่า เป็นบริษัทใหญ่จะคุยง่าย กลายเป็นไม่ง่าย
กลายเป็นถ่วงเวลา
ไม่คืนเงิน
ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ผัดวันประกันพรุ่งมาเรื่อย
สามารถฟ้องร้องได้เลยไหม
หรือมีวิธีได้เงินมัดจำคืนอย่างไร
-
ด้านกม. ฟ้องเลยยังไม่ได้เพราะยังไม่ได้ผิดนัดจะให้ผิดนัดก็ทำหนังสือทวงถามลงทะเบียนตอบรับไปกำหนดเวลาชี้ชัดไป ล่วงเลยเมื่อไรฟ้องได้ทันทีพร้อมดอกเบี้ย
ด้านทั่วไป ง่ายสุดร้องสคบ ปคบ สะกิดให้มาเยี่ยมเยียนหน่อยรับรองเห็นผล ไม่มีใครอยากยุ่งด้วยอยู่แล้ว
-
"ไม่คืนเงิน แต่ไม่ปฎิเสธ" ตรงนี้น่ากังวลนะครับ ถ้าไม่มีหลักฐานแน่ชัด เค้าจะไม่คืนก็ได้
ผมจึงสงสัยว่ามีเอกสารหรือข้อตกลงชัดเจนว่าคืนเงินมั้ยครับ เพราะไปๆมาๆ อาจอ้างได้ว่าเงื่อนไขเค้าไม่คืนเงินมัดจำอะไรแบบนี้ครับ
-
เวลาฟ้องร้อง ศาลจะดูหลักฐานที่เป็นเอกสารเป็นหลักครับ :'(
-
ฟ้องได้เลยครับ การที่เราไปถามถือว่าเราได้ทวงถามแล้ว แต่เขาบ่ายเบี่ยง เพราะเมื่อสัญญาซื้อขาย(ต่างตอบแทน)ยังไม่เกิดและไม่อาจจะโทษคู่สัญญาได้ ต้องให้คู่สัญญากลับสู่ฐานะเดิม คือ มีการวางมัดจำก็ต้องคืน ดังนั้นความรับผิดในการคืนมัดจำย่อมเริ่มเมื่อได้ทราบว่าไม่สามารถเช่าซื้อได้ ดังนั้นก็ฟ้องให้ชำระค่ามัดจำคืนพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีได้นับแต่วันผิดสัญญาคือตั้งแต่วันทราบว่าสัญญาไม่ผ่าน แต่ว่าเงินมัดจำมันเยอะมากไหมครับ ถ้าไม่มากมายก็พาทนายไปคุยกับเต๊นท์รถเลยครับว่าจะคืนตอนไหน
-
มาตรา ๓๗๘ มัดจำนั้น ถ้ามิได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ท่านให้เป็นไปดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(๑) ให้ส่งคืน หรือจัดเอาเป็นการใช้เงินบางส่วนในเมื่อชำระหนี้
(๒) ให้ริบ ถ้าฝ่ายที่วางมัดจำละเลยไม่ชำระหนี้ หรือการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งฝ่ายนั้นต้องรับผิดชอบ หรือถ้ามีการเลิกสัญญาเพราะความผิดของฝ่ายนั้น
(๓) ให้ส่งคืน ถ้าฝ่ายที่รับมัดจำละเลยไม่ชำระหนี้ หรือการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งฝ่ายนี้ต้องรับผิดชอบ
กรณีนี้ไม่แน่ใจว่ามีสิทธิเรียกมัดจำคืนหรือเปล่านะครับ เพราะเต็นท์รถอาจจะบอกว่าการที่กู้ไม่ผ่านเป็นความผิดของ จข.กท.เอง
-
ฟ้องได้ครับ หรือลองไปขู่ๆ เค้าไว้ก่อนก้ได้ครับ แต่ศึกษากฏหมายไปก่อนนะครับ จะได้ข้อมูลแน่นๆ :P :P :P
-
มีกฎหมายหนึ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่จำสับสนในกรณีเช่าซื้อรถยนต์นั่นคือ ประกาศคณะกรรมการว่าดวยสัญญาเรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. ๒๕๕๕ แต่ในกฎหมายนี้บังคับเฉพาะในกรณี ที่เจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นผู้ให้เช่าซื้อ หรือก็คือเป็นกรณีระหว่างประชาชนกับบริษัทสินเชื่อรถยนต์หรือสถาบันการเงิน ไม่รวมถึงเจ้าของเดิมซึ่งเป็นเจ้ากรรมสิทธิ์ในรถยนต์ก่อนหน้า เวลาไฟแนนซ์ผ่านแล้วโอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อยสมบูรณ์ เจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คือบริษัทไฟแนนซ์ไม่ใช่ผู้เช่าซื้อ กล่าวคือเจ้าของเดิมโอนกรรมสิทธิ์ให้บริษัทไฟแนนซ์ บริษัทไฟแนนซ์ให้ จขกท.เช่ารายเดือนแล้วมีคำมั่นว่าถ้าเช่าถึงมูลค่าใดมูลค่าหนึงจะโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันดังกล่าวให้ กฎหมายนี้บังคับเฉพาะ จขกท. กับ บริษัทไฟแนนซ์ ไม่รวมถึงเต็นท์รถมือสอง
ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ หมายความว่า การประกอบกิจการค้า โดยเจ้าของ
นําเอารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ของตนออกให้เช่า และให้คํามั่นว่าจะขายรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์
หรือว่าจะให้รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์นั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า โดยมีเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจํานวน
เท่านั้นเท่านี้คราว
ถ้ามองโดยหลักการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ถ้าไม่มีเงื่อนไขใดระบุในสัญญาที่บังคับให้เจ้าหนี้ชำระเงินต้องคีนมัดจำในกรณีที่ลูกหนี้ชำระเงินไม่สามารถชำระเงินได้ด้วยเหตุว่าไม่ผ่านการพิจารณาเงินกู้จากบริษัทสินเชื่อรถยนต์ หรือ ไฟแนนซ์ไม่ผ่าน (บริษัทไฟแนนซ์เป็นคู่สัญญาฝ่ายหนึงในสัญญาซื้อขาย โดยระบุว่าบริษัทจะได้กรรมสิทธิ์ ส่วนคู่สัญญาอีกฝ่ายนั่นคือลูกค้าไฟแนนซ์เป็นผู้ครอบครองทรัพย์) กรณีดังกล่าวเห็นว่าไม่น่าจะเรียกคืนเงินมัดจำได้ เหตุผิดสัญญาจะซื้อจะขายไม่ได้เกิดจากผู้จะขาย (เจ้าหนี้ชำระเงิน) แต่หากเป็นเหตุจากผู้จะซื้อ (ลูกหนี้ชำระเงิน) ดังนั้นเจ้าหนี้ชอบที่จะยึดมัดจำได้
*** อ่านสัญญาดีๆว่ามีระบุเงื่อนไขหรือไม่ *** (ข้อตกลงใดที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี ถ้าคู่สัญญาตกลงกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นนอกเหนือจากกฎหมายกำหนด สามารถบังคับได้ไม่ผิดกฎหมายตามหลักเสรีภาพในการทำสัญญา)
-
ระบุวันไหมล่ะครับ ถ้าเลยวันเขาก็ริบได้