Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: MATE ที่ พฤศจิกายน 02, 2016, 00:42:01
-
Subaru forester i-p หรือ Ford everest2.2 + ดี
มีโอกาศไปลองมา 2 ตัวนี้
- ผู้ใช้รถ ผม คนขับ ภรรยา 1 ลูก 2 (baby)
- ขับรถใช้แถบชานเมือง ส่วนใหญ่ ปทุม รังสิต ฟิวเจอร์
- ออกต่างจังหวัด โค้งเยอะขึ้นเขาหฤโหด แม่ฮ่องสอน ถนนดี ปีละ 4-5 ครั้ง ลงใต้ชุมพร หลังสวน ปีละ 4-5 ครั้งเช่นกัน
- เหยียบต่างจังหวัด 120 - 140
- เปลี่ยนรถมาจาก altis 2008 cng
- ราคาขายต่อหลังจากใช้รถไปแล้ว 6 ปี ไม่ค่อยซีเรียสนะเพราะ toyota ก็ตกนะ altis ซื้อมาเกือบ 9 แสน เต๊นท์ตีให้ 250,000 !!! แต่ไม่เอาแบบตกจนไม่กล้าขายอ่ะ !!!
- ต้องการรถ suv ppv นุ่มหนึบ ไว้ใจได้ เหมาะกับครอบครัวและการใช้รถ
- สองตัวนี้ขึ้นเขา แม่ฮ่องสอน โหดๆ โอเคมั้ย
หลังจากทดลองขับ
Ford Everest 2.2+
ข้อดี
- นุ่ม หนึบ เป็นที่พอใจแล้ว เปรียบเทียบกับ new pajero sport(ของน้องชาย)
- ความแรง อัตราเร่ง ผมพอใจและสำหรับ 2.2
- เบาะหลังนุ่ม
- วัสดุภายในดี เครื่องเสียงดี
- Panoramic moonroof ^^ เด็กๆน่าจะชอบ
- ผมชอบส่วนตัว
ข้อเสีย
- กะใช้รถ 6 ปี กลัวระบบไฟมาก กับ technology ที่มากล้น กลัวรวน มากๆ
- ราคาขายต่อกลัวไม่มีคน ซื้อเพราะกลัวระบบต่างๆจะรวนนี่หล่ะ
- ภรรยาไม่ชอบ แต่ถ้าออก ขอ EV สีดำ
*** - ไม่กลัว defect เคลมได้ง่ายมั้ง สิงห์ในคลับมา
- ศูนย์ น่าจะมีดีๆอยู่บ้างมั้ง สิงห์ในคลับมา
หลังจากทดลองขับ
Subaru Forester i-p
ข้อดี
- นุ่มหนึบ ขับดีกว่า EV มากๆๆๆ
- แอบแรง s mode กดเป็นมา เสียงเครื่อง boxer คำราม ให้อารมณ์สุดๆๆ
- defect มีน้อย
- ศูนย์ได้มาตรฐาน น้อยไม่เป็นไร ครอบคลุมจังหวัดใหญ่ๆเป็นพอ ใช้รถไม่เกิน 6 ปี ไม่น่ายกบ่อย
- ภรรยาชอบ
ข้อเสีย
- เบาะหลังแข็งมาก กลัวลูกนั่งแล้วบ่น
- วัสดุ ภายในห่วยนะ หรืออาจเป็นที่การประกอบ คือบางชิ้นมันโยกได้เลยนะ
- แอบแคบนะ น้องชายบอกเหมือนนั่ง yaris เลยอ่ะเบาะแถวสอง
- ตัดใจทิ้งไม่ลงเหมือนกัน รถมันดีมากๆ จริงนะภรรยาก็ชอบด้วย
หลังจากทดลองทั้งสองตัว แต่แค่ทดลอง มันยังไม่ได้คนพบประสิทธิภาพที่แท้จริง ของรถทั้งสองรุ่นนี้ เรียนเชิญพี่ๆเพื่อน ที่มีประสบการณ์จริงของรถทั้งสองรุ่นนี้ เข้ามาชี้แนะเปิดทางสว่างให้น้องคนนี้ด้วยเถอะครับ (อายุ 26) ว่ารถคันไหนเหมาะกับผมและครอบครัว
-
เเค่ภรรยาชอบก็จบละครับ จากคนใช้ ev
-
เพิ่งออกเจ้าป่ามา สมรรถนะขับแล้วสบายใจดี วิ่งยาวๆไปแม่ฮ่องสอน ขับสนุกดีครับโดยเฉพาะเวลาที่เจอทางโค้งเลยมองข้ามวัสดุภายในไปและการประกอบจากมาเลเซีย
-
ถ้าตามนี้ ผมเลือกเจ้าป่าครับ
ผมว่าแถวสองแคบกว่านิด แต่ช่วงขามันโล่งกว่าเข้าขุนเขาครับ
แต่ของผมลูก 3 ส่วนตัวผมจะออกฟอร์จูนเนอร์นะ
-
Subaru forester i-p หรือ Ford everest2.2 + ดี
Subaru Forester i-p
ข้อดี
- นุ่มหนึบ ขับดีกว่า EV มากๆๆๆ
- แอบแรง s mode กดเป็นมา เสียงเครื่อง boxer คำราม ให้อารมณ์สุดๆๆ
- defect มีน้อย
- ศูนย์ได้มาตรฐาน น้อยไม่เป็นไร ครอบคลุมจังหวัดใหญ่ๆเป็นพอ ใช้รถไม่เกิน 6 ปี ไม่น่ายกบ่อย
- ภรรยาชอบ <===ถ้าเป็นบ้านผมนะครับ ถ้าแม่หรือเมียหรือแม่ยายชอบ อันนี้คือคำตัดสินครับห้ามยื่นอุทรณ์ จบ 555555
ข้อเสีย
- เบาะหลังแข็งมาก กลัวลูกนั่งแล้วบ่น
- วัสดุ ภายในห่วยนะ หรืออาจเป็นที่การประกอบ คือบางชิ้นมันโยกได้เลยนะ
- แอบแคบนะ น้องชายบอกเหมือนนั่ง yaris เลยอ่ะเบาะแถวสอง
- ตัดใจทิ้งไม่ลงเหมือนกัน รถมันดีมากๆ จริงนะภรรยาก็ชอบด้วย
หลังจากทดลองทั้งสองตัว แต่แค่ทดลอง มันยังไม่ได้คนพบประสิทธิภาพที่แท้จริง ของรถทั้งสองรุ่นนี้ เรียนเชิญพี่ๆเพื่อน ที่มีประสบการณ์จริงของรถทั้งสองรุ่นนี้ เข้ามาชี้แนะเปิดทางสว่างให้น้องคนนี้ด้วยเถอะครับ (อายุ 26) ว่ารถคันไหนเหมาะกับผมและครอบครัว
-
แอบแรง s mode กดเป็นมา >>>> ผมว่ามันอืดมากนะ พอดีผมเทียบกับ cx5 2.2 แต่ถ้าเทียบกับ everest ที่รายนั้นอืดกว่า
ส่วนการขับขี่ผมเชีย forester มันขับดีครับ
ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา และราคาที่เหมือนขายของเล่นของตันจงไม่ใช่ปัญหา ก็ซื้อตัวนี้ครับ
ส่วนภรรยาชอบอันนี้ ผมว่า ใครออกเงิน คนนั้นควรได้เลือก อย่าลืมว่าคนขับอยู่หลังพวงมาลัยถ้าไม่ชอบ มันต้องทนไปเป็น 5-6 ปีเลยนะครับ
-
ถามลุกๆด้วยก้อดี
เห้นบ่นแข็ง
-
ลองเทียบอัตราสิ้นเปลืองรึยังคับ
-
Forester i-P ครับ
-
ผมจิ้มไปที่ Foresterแน่นอนครับเพราะแซสซีส์แบบเก๋งนุ่มสบายกว่าและระบบขับเคลื่อนของSubaruนั้นเชื่อขนมกินได้เสมอ ส่วนเบาะนั่งไม่มีปัญหาเพราะเอาไปให้เฮียวิชัยการเบาะทำให้นุ่มขึ้นได้ชัวร์ ผมก็เคยเอารถไปทำมาแล้วครับ
-
Forester เลยครับ
ใครตั้งกระทู้ถาม Suv กับ PPV ผมเชียร์ SUV ขาดใจ เพราะซื้อมาแล้วทั้งสองแบบ ยังไง SUV ก็ช่วงล่างขับขี่ดีกว่าเยอะครับ PPV ที่บอกว่าเปลี่ยนช่วงล่างแล้วดี ดียังไงก็สู้ Suv เดิมๆไม่ได้เลยครับ
-
ตอนนี้ราคาพอๆกันซะด้วย
Forester 2.0 i-P 1,538,000 บาท
Everest 2.2 Titanium+ 1,549,000 บาท
สำหรับผมอาจไป Everest เพราะรู้สึกว่า Forester 2.0i-P
เค้าเคยขายที่ราคา 1,398,000 บาท ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน
ถ้าราคานั้นผมคงไป Forester แต่ปรับมาราคานี้ ผมช้ำใจ
ถ้าไม่รีบก็รออีกสักหน่อยมั้ยครับ ราคาเดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง
ปีหน้าอาจจะลงมาอีกก็ได้นะครับ
-
ถ้าราคามาขนาดนี้ ผมยอมเพิ่มอีกแสนกลางๆ เอาเป็น Fortuner TRD ขับสอง ถึงเพื่อนๆ ลงความเห็นว่าช่วงล่างมันสู้ 2 ตัวนี้ไม่ได้ แต่หลังจากทีเปลี่ยนโช้คกับสปริงมาแล้ว มันหนังคนละม้วนเลย ...สรุปว่าได้ทั้งเครื่องแรง ศูนยเยอะ ช่วงล่างดี rely ดี อาหลั่ยหาง่าย ขายต่อง่าย bra bra bra
8)
-
ถ้ายอมรับในอัตราเร่งของ EV 2.2 ได้ก้น่าสนครับเพราะอย่างอื่นโอเคหมด
-
ถ้า 2 ตัวนี้ ผมเลือก Forester ครับ อาจจะอืด แต่ไม่อืดมากนัก
ผมได้ลองขับหลัง ลอง CX5 2.2 ผมลืม CX5 ไปเลย ส่วนความแรง ผมไม่ค่อยรถสึกนะ
แต่ผมชอบช่วงล่าง Forester มากกว่าเยอะ รถอะไร รูดถนนที่เป็นคลื่น ไม่เรียบ ได้เนียนนุ่มมากกก
ผมลองบีเอ็ม X มา ยังไม่ฟินขนาดนี้เลย บอกตรง
-
พาเมียไปลองรุ่นอื่นด้วยและเลือกตามใจนางครับ
ผมตรงกันข้าม พาเมียไปนั่ง xv เธอบอกเล็ก นั่งแถว2แล้ว ไหลๆ ไม่สบาย
EV ไม่ได้ลอง แต่นั่งรถคู่เขย เมียชอบนะ แต่เข็ดจากซ่อม focus fiesta ของพี่และน้องเธอ ไม่หาย
สุดท้ายหวยออก Fortuner ก่อนเปลี่ยนโฉม เะราะราคา ทุกวันนี้ดีดเป็นม้า แต่เมียไม่บ่นแปลกดีครับ
-
Forester เครื่องเบนซินน่าจะกินน้ำมันกว่า Everest พอสมควรเลย
ใช้งานจริง เบนซินน่าจะมี 8-9 โล/ลิตร ขณะที่ดีเซลคงอยู่ช่วง 11-12 โล/ลิตร
ออกต่างจังหวัดขึ้นเขาดีเซลดีกว่าเห็นๆ ขึ้นทางชันไม่ต้องเข่น ไม่ต้องเครียด แรงบิดพาไปสบายๆ
-
รักพี่เสียดายน้องจริงๆ ชอบทั้งคู่ครับ
-
ถ้าผมโดนจำกัดแค่ 2 ตัวเลือกนี้แล้วใช้งานแบบครอบครัว ผมคงยอมไป Everest 2.2 Ti+ แม้จะรู้ว่า Forester 2.0 i-P การขับขี่เด็ดดวงกว่าก็ตาม ส่วนหนึ่งเบื่อความอินดี้ของตัวแทน Subaru ด้วย
-
ถ้าคุณไม่ขนของมาก ก็ต้องไปทาง PPVครับ
แต่ถ้าขนของไม่มาก พอได้บ้าง ขนทีวี หรือไปเที่ยวกับที่บ้าน ก็เล่น SUV ไปครับ
ถ้าดูจากความต้องการแล้ว ผมว่า Forester น่าจะตอบโจทย์กว่านะครับ
ไม่ใช่เพียงแค่จะถูกใจคุณภรรยาแล้ว ผมว่า มันตอบโจทย์คนที่เพิ่งมีลูกครับ คือลุกตัวไม่ใหญ่มาก สามารถเดินทางไปได้ทุกที่
ในเรื่องสมรรถนะ ผมว่า Forester มันเหนือชั้นกว่า โดยเฉพาะถ้าต้องเจอพวกเส้นทางโหดๆ ขรุขระ เจ้านี่จะพาคุณลุยได้ครับ
เว้นแต่ว่าคุณไปลุยน้ำลึกแหละครับ EVEREST จะดีกว่าครับด้วยความสูงของใต้ท้องรถ แต่ Forester ก็ลุยน้ำได้นะครับ ประมาณที่คุณเมืองกรุงเค้าลุยกัน
ขอให้โชคดีกับการเลือกรถนะครับ
-
ได้ทั้ง 2 ตัวเลยครับ
แต่ผมจะเทไปทาง EV 2.2+ มากกว่า
จริงๆ For 2.0i-p นี่ผมว่าโปร่ง โล่งเหมือนนั่งในตู้ปลา มากเลยนะครับ เมื่อเทียบกับ XV
XV แฟนๆชมว่าดีแล้ว แต่จากการเป็นเจ้าของ XV และทดลองขับ Forester หลายๆรอบ หลายๆรูปแบบถนน ผมให้ Forester เหนือกว่า XV ทุกด้านมากๆ
แต่ถ้าลองไปนั่ง แถว 2 ของ 2.2 ธรรมดาไม่มี panoranic roof ก็คงไม่รู้สึกว่าโปร่ง
ที่สำคัญ EV มีแถว 3 ให้เด็กๆ ไปซนได้ ::)
ส่วนตัวชอบ EV 3.2+ เป็นพิเศษ ถ้าให้ผมซื้อ 2.2+ มันเหมือนไม่สุด 555+
ถึงแม้จะไม่ได้เอาไปลุย off road ที่ไหน แต่ก็ขอมีไว้ก่อน ให้อุ่นใจ ::)
ช่วงล่าง watts link เหมือนจะตั้งใจทำมาเพื่อ 3.2 4WD มากกว่า เนื่องจากพอมาอยู่ใน 2.2 RWD แล้วมันมีความกระเด้งให้สัมผัสได้ ทั้งๆที่ 3.2+ ใส่ยางแก้มเตี้ยขอบ 20"
การขับขี่ หนักแน่นทั้งคู่ แต่ EV หนักแน่นกว่า For ถ้าคุณสามารถแยก ฟิลลิ่งพวงมาลัยไฟฟ้า กับการทำงานของช่วงล่างออกนะ
แต่ถ้าขับในเมือง EV อุ้ยอ้ายไปหน่อย แต่ For ก็ใช่ว่าจะพริ้ว แต่สำหรับคนขับรถคันใหญ่ๆจนชินแบบผม ก็ไม่ใช่ปัญหา
EV เติมดีเซล ราคาถูกกว่า For เบนซิน
แต่อัตรการสิ้นเปลือง ก็ 10-12 km/L ทั้งคู่
เรื่องความนุ่นสบายตอนจอดอยู่เฉยๆ และขับความเร็วต่ำเดินทาง 100-200 km ผมให้ For ชนะ EV
แต่การเดินทางไกล มันไม่ได้มีแค่ ความแน่นหรือมั่นใจ ของช่วงล่างเท่านั้น
ความผ่อนคลายในห้องโดยสาร ก็สำคัญ และเสียงรบกวนก็เป็นปัจจัยหนึ่ง
For เก็บเสียงดีกว่า XV แต่ EV เก็บเสียงดีมากกกกกกกกกกกกกก
แต่ถ้าเดินทางแบบครอบครับ ขับไม่เร็วถึง 130+ Km/hr การเก็บเสียง For ก็ไม่แย่ เข้าขั้นน่าเกลียด เหมือน Honda
ส่วนเรื่อง After sale service ทั้ง Ford & Subaru จากการเป็นเจ้าของรถทั้ง 2 ยี่ห้อ ผมให้คะแนนติดลบทั้งคู่
แต่ Ford ดีกว่าหน่อยนึง ต้อง part supply chain แย่น้อยกว่า Subaru
6 พ.ย. นี่จะครบ 2 เดือนเต็ม ที่ผมรออะไหล่ กระจกบานหน้า XV :-X ประกันชั้น 1 เบิกอะไหล่ห้าง
อ่อ Subaru ไม่มีซ่อมห้าง นะครับ
Ford มีซ่อมห้างแค่ ลำลูกกา, พระราม2, พลปิยะ อยุธยา นึกออกแค่นี่
-
"ออกต่างจังหวัด โค้งเยอะขึ้นเขาหฤโหด" มีการใช้งานแบบนี้แนบมาผมเทคะแนนให้ Forester สุดตัวครับ!!! ::) เน้นเปลี่ยนอะไหล่ก่อนระยะเวลาที่มันจะเสียและไม่ใช้ของปลอมเอายามไม่ได้ออกต่างจังหวัดเอาก็พอแล้ว ซึ่งปกติคนใช้รถก็ไม่คววรหวังพึ่งศูนย์ต่างถิ่นเวลามันเสีย ควรที่จะดูแลให้พร้อมใช้งานเองมากวก่ารอมันเสียแล้วคาดหวังว่าศูนย์ต่างถิ่นจะแก้ปัญหาให้ได้ :-X
-
แค่บอกว่า เมียชอบ ก็จบครับ เงินใครก็ช่างเธอไม่สนครับ
ไปดู for ผมว่าถ้าเทียบกับ CRV นี่ Forกินน่ะครับ
ถึงจะขึ้นราคา แต่ส่วนลดยีงมีอยู่ไม่ต้องกลัวครับ เดือนหน้าจิ้มเลือกได้เลย
ยังไงส่วนลด ดอกเบี้ย ที่น่าสนใจมาแน่
-
ขับต่างจังหวัด รถใหญ่กว่าได้เปรียบคับ ขับ EV สีดำมาเนี่ย รถเล้ก ๆ มักเกรงใจหลบให้
ผมคาดว่าที่ ผบ ชอบเจ้าป่า เพราะคันมันเล็กกว่า Ev และเจ้าป่าขับในเมืองง่ายกว่า ขับ EV วนหาที่จอดตามห้างเนี่ย จะเซ็งชีวิตคับ
สรุป เชียร์ EV ...เพราะเจ้าป่าหน้าตาแย่มาก ตู้ปลาชัด ๆ
-
ลูกๆยังเป็น baby อยู่ ใช้รถไม่เกิน 6 ปี น้องๆน่าจะยังโตไม่ทันบ่นว่าเบาะหลังแข็งนะครับ
แต่ภรรยานี่สิ บ่นง่ายกว่า 555
-
อ่านแล้ว รู้สึกรักพี่เสียดายน้อง เลือกยากเลยครับ
-
ใจจริงอยากเชียร์ EV 3.2+ ไปเลย แต่ก็หลายตังอยู่ ถ้ามีแค่2ตัวเลือกนี้ ผมเชียร์ EV2.2+ แล้วกันครับ
แต่ไม่ใช่ Forester ไม่ดี แต่ผมว่าราคามันแพงไปหน่อย ถ้ามันซัก 1.3 ล้านนี่กำลังเหมาะเลย
เพราะเครื่องก็เล็ก การใส่ขับ4 ไม่น่าทำให้มันมีราคาสูงถึง 1.5ล้านได้ ออฟชั่นก็สู้ EV ไม่ได้อีกต่างหาก
-
สำหรับผม ถ้าซื้อตอนนี้forราคาขึ้นไปev2.2+ครับ ถ้าซื้อตอนforราคาลงไปforครับ
-
ถ้าเป็นผม ถ้าแค่2ตัวนี้เลือกForester ครับ(ใช้อยู่) แต่ถ้าEverestเปลี่ยนเป็นรุ่น3.2+เลือกEVครับ(ใช้อยู่เหมือนกัน)
ผมชอบขับ4ยิ่งเค้าโค้งขึ้นเขาบ่อยๆยิ่งน่าจะมีไว้ เวลาฝนตกหรือเหตุไม่คาดฝันต้องหักเลี้ยวแรงๆจะเห็นความแตกต่างครับ
รูปทรงForesterไม่ได้แย่นะ เพียงแต่เขาไม่ออกแบบไปตามกระแสเท่านั้น ถ้ามองด้วยเหตุผลจะเข้าใจในปรัชญาของเค้า
ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้รางวัลG Markจากประเทศญี่ปุ่นหรอกครับ สำหรับผมชอบมากกว่าMazda CX5ด้วย สวยในสายตาคนอื่นแต่ถ้าสำหรับเราไม่ใช่ก็ไม่มีประโยชน์ครับ
เรื่องอื่นๆก็เห็นเหมือนๆกับท่านอื่นๆเช่นEVเก็บเสียงดีกว่า ทนถึกกว่า มีเบาะ3แถว(ที่อาจไม่ได้ใช้เลย) ภายในดูสวยสะอาดตากว่า เป็นต้น
-
2 ตัวนี้ผมเลือก Forester ครับ
-
ได้ทั้ง 2 ตัวเลยครับ
แต่ผมจะเทไปทาง EV 2.2+ มากกว่า
จริงๆ For 2.0i-p นี่ผมว่าโปร่ง โล่งเหมือนนั่งในตู้ปลา มากเลยนะครับ เมื่อเทียบกับ XV
XV แฟนๆชมว่าดีแล้ว แต่จากการเป็นเจ้าของ XV และทดลองขับ Forester หลายๆรอบ หลายๆรูปแบบถนน ผมให้ Forester เหนือกว่า XV ทุกด้านมากๆ
แต่ถ้าลองไปนั่ง แถว 2 ของ 2.2 ธรรมดาไม่มี panoranic roof ก็คงไม่รู้สึกว่าโปร่ง
ที่สำคัญ EV มีแถว 3 ให้เด็กๆ ไปซนได้ ::)
ส่วนตัวชอบ EV 3.2+ เป็นพิเศษ ถ้าให้ผมซื้อ 2.2+ มันเหมือนไม่สุด 555+
ถึงแม้จะไม่ได้เอาไปลุย off road ที่ไหน แต่ก็ขอมีไว้ก่อน ให้อุ่นใจ ::)
ช่วงล่าง watts link เหมือนจะตั้งใจทำมาเพื่อ 3.2 4WD มากกว่า เนื่องจากพอมาอยู่ใน 2.2 RWD แล้วมันมีความกระเด้งให้สัมผัสได้ ทั้งๆที่ 3.2+ ใส่ยางแก้มเตี้ยขอบ 20"
การขับขี่ หนักแน่นทั้งคู่ แต่ EV หนักแน่นกว่า For ถ้าคุณสามารถแยก ฟิลลิ่งพวงมาลัยไฟฟ้า กับการทำงานของช่วงล่างออกนะ
แต่ถ้าขับในเมือง EV อุ้ยอ้ายไปหน่อย แต่ For ก็ใช่ว่าจะพริ้ว แต่สำหรับคนขับรถคันใหญ่ๆจนชินแบบผม ก็ไม่ใช่ปัญหา
EV เติมดีเซล ราคาถูกกว่า For เบนซิน
แต่อัตรการสิ้นเปลือง ก็ 10-12 km/L ทั้งคู่
เรื่องความนุ่นสบายตอนจอดอยู่เฉยๆ และขับความเร็วต่ำเดินทาง 100-200 km ผมให้ For ชนะ EV
แต่การเดินทางไกล มันไม่ได้มีแค่ ความแน่นหรือมั่นใจ ของช่วงล่างเท่านั้น
ความผ่อนคลายในห้องโดยสาร ก็สำคัญ และเสียงรบกวนก็เป็นปัจจัยหนึ่ง
For เก็บเสียงดีกว่า XV แต่ EV เก็บเสียงดีมากกกกกกกกกกกกกก
แต่ถ้าเดินทางแบบครอบครับ ขับไม่เร็วถึง 130+ Km/hr การเก็บเสียง For ก็ไม่แย่ เข้าขั้นน่าเกลียด เหมือน Honda
ส่วนเรื่อง After sale service ทั้ง Ford & Subaru จากการเป็นเจ้าของรถทั้ง 2 ยี่ห้อ ผมให้คะแนนติดลบทั้งคู่
แต่ Ford ดีกว่าหน่อยนึง ต้อง part supply chain แย่น้อยกว่า Subaru
6 พ.ย. นี่จะครบ 2 เดือนเต็ม ที่ผมรออะไหล่ กระจกบานหน้า XV :-X ประกันชั้น 1 เบิกอะไหล่ห้าง
อ่อ Subaru ไม่มีซ่อมห้าง นะครับ
Ford มีซ่อมห้างแค่ ลำลูกกา, พระราม2, พลปิยะ อยุธยา นึกออกแค่นี่
>>> ผมเคยเคลม@ เอกพหล สีลม. พระราม4 นวมินต ศรีนครินทร
-
ได้ทั้ง 2 ตัวเลยครับ
แต่ผมจะเทไปทาง EV 2.2+ มากกว่า
จริงๆ For 2.0i-p นี่ผมว่าโปร่ง โล่งเหมือนนั่งในตู้ปลา มากเลยนะครับ เมื่อเทียบกับ XV
XV แฟนๆชมว่าดีแล้ว แต่จากการเป็นเจ้าของ XV และทดลองขับ Forester หลายๆรอบ หลายๆรูปแบบถนน ผมให้ Forester เหนือกว่า XV ทุกด้านมากๆ
แต่ถ้าลองไปนั่ง แถว 2 ของ 2.2 ธรรมดาไม่มี panoranic roof ก็คงไม่รู้สึกว่าโปร่ง
ที่สำคัญ EV มีแถว 3 ให้เด็กๆ ไปซนได้ ::)
ส่วนตัวชอบ EV 3.2+ เป็นพิเศษ ถ้าให้ผมซื้อ 2.2+ มันเหมือนไม่สุด 555+
ถึงแม้จะไม่ได้เอาไปลุย off road ที่ไหน แต่ก็ขอมีไว้ก่อน ให้อุ่นใจ ::)
ช่วงล่าง watts link เหมือนจะตั้งใจทำมาเพื่อ 3.2 4WD มากกว่า เนื่องจากพอมาอยู่ใน 2.2 RWD แล้วมันมีความกระเด้งให้สัมผัสได้ ทั้งๆที่ 3.2+ ใส่ยางแก้มเตี้ยขอบ 20"
การขับขี่ หนักแน่นทั้งคู่ แต่ EV หนักแน่นกว่า For ถ้าคุณสามารถแยก ฟิลลิ่งพวงมาลัยไฟฟ้า กับการทำงานของช่วงล่างออกนะ
แต่ถ้าขับในเมือง EV อุ้ยอ้ายไปหน่อย แต่ For ก็ใช่ว่าจะพริ้ว แต่สำหรับคนขับรถคันใหญ่ๆจนชินแบบผม ก็ไม่ใช่ปัญหา
EV เติมดีเซล ราคาถูกกว่า For เบนซิน
แต่อัตรการสิ้นเปลือง ก็ 10-12 km/L ทั้งคู่
เรื่องความนุ่นสบายตอนจอดอยู่เฉยๆ และขับความเร็วต่ำเดินทาง 100-200 km ผมให้ For ชนะ EV
แต่การเดินทางไกล มันไม่ได้มีแค่ ความแน่นหรือมั่นใจ ของช่วงล่างเท่านั้น
ความผ่อนคลายในห้องโดยสาร ก็สำคัญ และเสียงรบกวนก็เป็นปัจจัยหนึ่ง
For เก็บเสียงดีกว่า XV แต่ EV เก็บเสียงดีมากกกกกกกกกกกกกก
แต่ถ้าเดินทางแบบครอบครับ ขับไม่เร็วถึง 130+ Km/hr การเก็บเสียง For ก็ไม่แย่ เข้าขั้นน่าเกลียด เหมือน Honda
ส่วนเรื่อง After sale service ทั้ง Ford & Subaru จากการเป็นเจ้าของรถทั้ง 2 ยี่ห้อ ผมให้คะแนนติดลบทั้งคู่
แต่ Ford ดีกว่าหน่อยนึง ต้อง part supply chain แย่น้อยกว่า Subaru
6 พ.ย. นี่จะครบ 2 เดือนเต็ม ที่ผมรออะไหล่ กระจกบานหน้า XV :-X ประกันชั้น 1 เบิกอะไหล่ห้าง
อ่อ Subaru ไม่มีซ่อมห้าง นะครับ
Ford มีซ่อมห้างแค่ ลำลูกกา, พระราม2, พลปิยะ อยุธยา นึกออกแค่นี่
>>> ผมเคยเคลม@ เอกพหล สีลม. พระราม4 นวมินต ศรีนครินทร
ผมหมายถึงงานซ่อมสีตังถัง ที่มีห้องอบสี มีเครื่องจิก
-
เมียชอบไปคันนั้นครับ ;D ;D ;D ถ้าสมมุติซื้อฟอร์ดมาแล้วดวงตกเจอดีเฟค ได้ทั้งเรื่องรถ เรื่องเมีย
-
ตามใจภรรยาครับ Forester ชอบเที่ยวลุยสนุกแน่ครับ คล่องตัวกว่า ด้วย
ไม่ได้ลงห้วยหนองคลองบึง off road บ่อยๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ everest
everest ได้เปรียบตรงแถวสาม จุได้เยอะกว่า
-
ได้ทั้ง 2 ตัวเลยครับ
แต่ผมจะเทไปทาง EV 2.2+ มากกว่า
จริงๆ For 2.0i-p นี่ผมว่าโปร่ง โล่งเหมือนนั่งในตู้ปลา มากเลยนะครับ เมื่อเทียบกับ XV
XV แฟนๆชมว่าดีแล้ว แต่จากการเป็นเจ้าของ XV และทดลองขับ Forester หลายๆรอบ หลายๆรูปแบบถนน ผมให้ Forester เหนือกว่า XV ทุกด้านมากๆ
แต่ถ้าลองไปนั่ง แถว 2 ของ 2.2 ธรรมดาไม่มี panoranic roof ก็คงไม่รู้สึกว่าโปร่ง
ที่สำคัญ EV มีแถว 3 ให้เด็กๆ ไปซนได้ ::)
ส่วนตัวชอบ EV 3.2+ เป็นพิเศษ ถ้าให้ผมซื้อ 2.2+ มันเหมือนไม่สุด 555+
ถึงแม้จะไม่ได้เอาไปลุย off road ที่ไหน แต่ก็ขอมีไว้ก่อน ให้อุ่นใจ ::)
ช่วงล่าง watts link เหมือนจะตั้งใจทำมาเพื่อ 3.2 4WD มากกว่า เนื่องจากพอมาอยู่ใน 2.2 RWD แล้วมันมีความกระเด้งให้สัมผัสได้ ทั้งๆที่ 3.2+ ใส่ยางแก้มเตี้ยขอบ 20"
การขับขี่ หนักแน่นทั้งคู่ แต่ EV หนักแน่นกว่า For ถ้าคุณสามารถแยก ฟิลลิ่งพวงมาลัยไฟฟ้า กับการทำงานของช่วงล่างออกนะ
แต่ถ้าขับในเมือง EV อุ้ยอ้ายไปหน่อย แต่ For ก็ใช่ว่าจะพริ้ว แต่สำหรับคนขับรถคันใหญ่ๆจนชินแบบผม ก็ไม่ใช่ปัญหา
EV เติมดีเซล ราคาถูกกว่า For เบนซิน
แต่อัตรการสิ้นเปลือง ก็ 10-12 km/L ทั้งคู่
เรื่องความนุ่นสบายตอนจอดอยู่เฉยๆ และขับความเร็วต่ำเดินทาง 100-200 km ผมให้ For ชนะ EV
แต่การเดินทางไกล มันไม่ได้มีแค่ ความแน่นหรือมั่นใจ ของช่วงล่างเท่านั้น
ความผ่อนคลายในห้องโดยสาร ก็สำคัญ และเสียงรบกวนก็เป็นปัจจัยหนึ่ง
For เก็บเสียงดีกว่า XV แต่ EV เก็บเสียงดีมากกกกกกกกกกกกกก
แต่ถ้าเดินทางแบบครอบครับ ขับไม่เร็วถึง 130+ Km/hr การเก็บเสียง For ก็ไม่แย่ เข้าขั้นน่าเกลียด เหมือน Honda
ส่วนเรื่อง After sale service ทั้ง Ford & Subaru จากการเป็นเจ้าของรถทั้ง 2 ยี่ห้อ ผมให้คะแนนติดลบทั้งคู่
แต่ Ford ดีกว่าหน่อยนึง ต้อง part supply chain แย่น้อยกว่า Subaru
6 พ.ย. นี่จะครบ 2 เดือนเต็ม ที่ผมรออะไหล่ กระจกบานหน้า XV :-X ประกันชั้น 1 เบิกอะไหล่ห้าง
อ่อ Subaru ไม่มีซ่อมห้าง นะครับ
Ford มีซ่อมห้างแค่ ลำลูกกา, พระราม2, พลปิยะ อยุธยา นึกออกแค่นี่
>>> ผมเคยเคลม@ เอกพหล สีลม. พระราม4 นวมินต ศรีนครินทร
ผมหมายถึงงานซ่อมสีตังถัง ที่มีห้องอบสี มีเครื่องจิก
ศรีนครืน พระราม4 นวมิน
-
ถ้าราคามาขนาดนี้ ผมยอมเพิ่มอีกแสนกลางๆ เอาเป็น Fortuner TRD ขับสอง ถึงเพื่อนๆ ลงความเห็นว่าช่วงล่างมันสู้ 2 ตัวนี้ไม่ได้ แต่หลังจากทีเปลี่ยนโช้คกับสปริงมาแล้ว มันหนังคนละม้วนเลย ...สรุปว่าได้ทั้งเครื่องแรง ศูนยเยอะ ช่วงล่างดี rely ดี อาหลั่ยหาง่าย ขายต่อง่าย bra bra bra
8)
ไม่ทราบว่าเปลี่ยนยี่ห้อไหนมาครับ
รบกวนแนะนำหน่อยครับ
-
ได้ทั้ง 2 ตัวเลยครับ
แต่ผมจะเทไปทาง EV 2.2+ มากกว่า
จริงๆ For 2.0i-p นี่ผมว่าโปร่ง โล่งเหมือนนั่งในตู้ปลา มากเลยนะครับ เมื่อเทียบกับ XV
XV แฟนๆชมว่าดีแล้ว แต่จากการเป็นเจ้าของ XV และทดลองขับ Forester หลายๆรอบ หลายๆรูปแบบถนน ผมให้ Forester เหนือกว่า XV ทุกด้านมากๆ
แต่ถ้าลองไปนั่ง แถว 2 ของ 2.2 ธรรมดาไม่มี panoranic roof ก็คงไม่รู้สึกว่าโปร่ง
ที่สำคัญ EV มีแถว 3 ให้เด็กๆ ไปซนได้ ::)
ส่วนตัวชอบ EV 3.2+ เป็นพิเศษ ถ้าให้ผมซื้อ 2.2+ มันเหมือนไม่สุด 555+
ถึงแม้จะไม่ได้เอาไปลุย off road ที่ไหน แต่ก็ขอมีไว้ก่อน ให้อุ่นใจ ::)
ช่วงล่าง watts link เหมือนจะตั้งใจทำมาเพื่อ 3.2 4WD มากกว่า เนื่องจากพอมาอยู่ใน 2.2 RWD แล้วมันมีความกระเด้งให้สัมผัสได้ ทั้งๆที่ 3.2+ ใส่ยางแก้มเตี้ยขอบ 20"
การขับขี่ หนักแน่นทั้งคู่ แต่ EV หนักแน่นกว่า For ถ้าคุณสามารถแยก ฟิลลิ่งพวงมาลัยไฟฟ้า กับการทำงานของช่วงล่างออกนะ
แต่ถ้าขับในเมือง EV อุ้ยอ้ายไปหน่อย แต่ For ก็ใช่ว่าจะพริ้ว แต่สำหรับคนขับรถคันใหญ่ๆจนชินแบบผม ก็ไม่ใช่ปัญหา
EV เติมดีเซล ราคาถูกกว่า For เบนซิน
แต่อัตรการสิ้นเปลือง ก็ 10-12 km/L ทั้งคู่
เรื่องความนุ่นสบายตอนจอดอยู่เฉยๆ และขับความเร็วต่ำเดินทาง 100-200 km ผมให้ For ชนะ EV
แต่การเดินทางไกล มันไม่ได้มีแค่ ความแน่นหรือมั่นใจ ของช่วงล่างเท่านั้น
ความผ่อนคลายในห้องโดยสาร ก็สำคัญ และเสียงรบกวนก็เป็นปัจจัยหนึ่ง
For เก็บเสียงดีกว่า XV แต่ EV เก็บเสียงดีมากกกกกกกกกกกกกก
แต่ถ้าเดินทางแบบครอบครับ ขับไม่เร็วถึง 130+ Km/hr การเก็บเสียง For ก็ไม่แย่ เข้าขั้นน่าเกลียด เหมือน Honda
ส่วนเรื่อง After sale service ทั้ง Ford & Subaru จากการเป็นเจ้าของรถทั้ง 2 ยี่ห้อ ผมให้คะแนนติดลบทั้งคู่
แต่ Ford ดีกว่าหน่อยนึง ต้อง part supply chain แย่น้อยกว่า Subaru
6 พ.ย. นี่จะครบ 2 เดือนเต็ม ที่ผมรออะไหล่ กระจกบานหน้า XV :-X ประกันชั้น 1 เบิกอะไหล่ห้าง
อ่อ Subaru ไม่มีซ่อมห้าง นะครับ
Ford มีซ่อมห้างแค่ ลำลูกกา, พระราม2, พลปิยะ อยุธยา นึกออกแค่นี่
>>> ผมเคยเคลม@ เอกพหล สีลม. พระราม4 นวมินต ศรีนครินทร
ผมหมายถึงงานซ่อมสีตังถัง ที่มีห้องอบสี มีเครื่องจิก
ศรีนครืน พระราม4 นวมิน
ขอบคุณครับ ไว้จะไปลอง
เพิ่งรู้ว่ามี 3 ศูนย์นี้เพิ่มเข้ามา
ปกติในเวปมีแค่นี้
ฟอร์ด พระราม 2 โทร 02-415-0222, 02-416-0020
ฟอร์ด ราชพฤกษ์ โทร 02-457-2288
ฟอร์ด เทพารักษ์ โทร. 02-385-1551
ฟอร์ด สุขาภิบาล 3 โทร. 02-517-7616
ฟอร์ด ลำลูกกา โทร. 02- 533-2222
ฟอร์ด ปทุมธานี โทร.02-975-8900
ฟอร์ด อยุธยา โทร. 035- 880-777-83
-
Forester เลยครับ
ใครตั้งกระทู้ถาม Suv กับ PPV ผมเชียร์ SUV ขาดใจ เพราะซื้อมาแล้วทั้งสองแบบ ยังไง SUV ก็ช่วงล่างขับขี่ดีกว่าเยอะครับ PPV ที่บอกว่าเปลี่ยนช่วงล่างแล้วดี ดียังไงก็สู้ Suv เดิมๆไม่ได้เลยครับ
ตามนี้เลยครับ +1
-
อยากได้ขับสี่ ดีเซลเทอโบ เก็บเสียงดีๆ นุ่มๆนั่งสบาย 2รุ่น นี้น่าจะรวมกันผลิตเนอะ
-
PPV ยอมเพิ่มงบเอา 3.2 หรือ Fortuner TRD เล่นที่เป็นตัวขับ 4 โลดครับ ขับ 2 ผมว่ามันไม่จบ
-
ได้ทั้ง 2 ตัวเลยครับ
แต่ผมจะเทไปทาง EV 2.2+ มากกว่า
จริงๆ For 2.0i-p นี่ผมว่าโปร่ง โล่งเหมือนนั่งในตู้ปลา มากเลยนะครับ เมื่อเทียบกับ XV
XV แฟนๆชมว่าดีแล้ว แต่จากการเป็นเจ้าของ XV และทดลองขับ Forester หลายๆรอบ หลายๆรูปแบบถนน ผมให้ Forester เหนือกว่า XV ทุกด้านมากๆ
แต่ถ้าลองไปนั่ง แถว 2 ของ 2.2 ธรรมดาไม่มี panoranic roof ก็คงไม่รู้สึกว่าโปร่ง
ที่สำคัญ EV มีแถว 3 ให้เด็กๆ ไปซนได้ ::)
ส่วนตัวชอบ EV 3.2+ เป็นพิเศษ ถ้าให้ผมซื้อ 2.2+ มันเหมือนไม่สุด 555+
ถึงแม้จะไม่ได้เอาไปลุย off road ที่ไหน แต่ก็ขอมีไว้ก่อน ให้อุ่นใจ ::)
ช่วงล่าง watts link เหมือนจะตั้งใจทำมาเพื่อ 3.2 4WD มากกว่า เนื่องจากพอมาอยู่ใน 2.2 RWD แล้วมันมีความกระเด้งให้สัมผัสได้ ทั้งๆที่ 3.2+ ใส่ยางแก้มเตี้ยขอบ 20"
การขับขี่ หนักแน่นทั้งคู่ แต่ EV หนักแน่นกว่า For ถ้าคุณสามารถแยก ฟิลลิ่งพวงมาลัยไฟฟ้า กับการทำงานของช่วงล่างออกนะ
แต่ถ้าขับในเมือง EV อุ้ยอ้ายไปหน่อย แต่ For ก็ใช่ว่าจะพริ้ว แต่สำหรับคนขับรถคันใหญ่ๆจนชินแบบผม ก็ไม่ใช่ปัญหา
EV เติมดีเซล ราคาถูกกว่า For เบนซิน
แต่อัตรการสิ้นเปลือง ก็ 10-12 km/L ทั้งคู่
เรื่องความนุ่นสบายตอนจอดอยู่เฉยๆ และขับความเร็วต่ำเดินทาง 100-200 km ผมให้ For ชนะ EV
แต่การเดินทางไกล มันไม่ได้มีแค่ ความแน่นหรือมั่นใจ ของช่วงล่างเท่านั้น
ความผ่อนคลายในห้องโดยสาร ก็สำคัญ และเสียงรบกวนก็เป็นปัจจัยหนึ่ง
For เก็บเสียงดีกว่า XV แต่ EV เก็บเสียงดีมากกกกกกกกกกกกกก
แต่ถ้าเดินทางแบบครอบครับ ขับไม่เร็วถึง 130+ Km/hr การเก็บเสียง For ก็ไม่แย่ เข้าขั้นน่าเกลียด เหมือน Honda
ส่วนเรื่อง After sale service ทั้ง Ford & Subaru จากการเป็นเจ้าของรถทั้ง 2 ยี่ห้อ ผมให้คะแนนติดลบทั้งคู่
แต่ Ford ดีกว่าหน่อยนึง ต้อง part supply chain แย่น้อยกว่า Subaru
6 พ.ย. นี่จะครบ 2 เดือนเต็ม ที่ผมรออะไหล่ กระจกบานหน้า XV :-X ประกันชั้น 1 เบิกอะไหล่ห้าง
อ่อ Subaru ไม่มีซ่อมห้าง นะครับ
Ford มีซ่อมห้างแค่ ลำลูกกา, พระราม2, พลปิยะ อยุธยา นึกออกแค่นี่
>>> ผมเคยเคลม@ เอกพหล สีลม. พระราม4 นวมินต ศรีนครินทร
ผมหมายถึงงานซ่อมสีตังถัง ที่มีห้องอบสี มีเครื่องจิก
ศรีนครืน พระราม4 นวมิน
ขอบคุณครับ ไว้จะไปลอง
เพิ่งรู้ว่ามี 3 ศูนย์นี้เพิ่มเข้ามา
ปกติในเวปมีแค่นี้
ฟอร์ด พระราม 2 โทร 02-415-0222, 02-416-0020
ฟอร์ด ราชพฤกษ์ โทร 02-457-2288
ฟอร์ด เทพารักษ์ โทร. 02-385-1551
ฟอร์ด สุขาภิบาล 3 โทร. 02-517-7616
ฟอร์ด ลำลูกกา โทร. 02- 533-2222
ฟอร์ด ปทุมธานี โทร.02-975-8900
ฟอร์ด อยุธยา โทร. 035- 880-777-83
ข้ามศูนย์นวมินทร์ได้เลย ไม่ประทับใจอย่างแรง
ล่าสุดเคลมประกันทำสีที่ศรีนครินทร์ ok อยู่ครับ
-
ชอบ Forester ครับ เชียร์คันนี้ :-[
-
เจ้าป่าสิครับ
-
Forester อีกเสียงครับ
เด็กๆ ควรใช้ carseat อยู่แล้ว เบาะหลังแข็งไม่น่าเป็นประเด็น
6 ปีขาย เด็กโตพอดี ค่อยหารถใหม่ที่เบาะหลังนุ่มๆมาแทน
เดินทางขึ้นแม่ฮ่องสอนบ่อยขนาดนี้ ต้องsubaru ฟินสุดแล้วครับ
-
ผมเคยใช้ทั้ง SUV และ PPV ขับในแบบครอบครัวนั่ง ก็ต้อง SUV สถานเดียว, PPV Fortuner ผมเปลี่ยนโช๊คและสปริงร่วม 6 หมื่น เข้าโค้งดีขึ้นจริงแต่ยังชวนกระแทก นั่งไปต่างจังหวัดบ่นกันมาก สุดท้ายก็ต้องขายไปแบบเจ็บตัวเยอะ ตอนแรกก็คิดว่าดี นั่งกันได้หลายคน เท่าที่คุยกับหลายคนก็เจอคล้ายๆกัน ผมอาจจะเป็นคนรู้สึก sensitive กับช่วงล่างรถมั้ง
ถ้าเทียบการนั่งเดินทางไกล SUV สบายกว่า PPV แน่นอน สำหรับครอบครัว ไม่ต้องไปสนใจว่าจะนั่งกันได้มากกว่า เบาะจะนุ่มกว่า สามารถแก้ไขได้ แต่ช่วงล่างการตอบสนองแก้ไขได้ยากมาก
ยิ่งเป็นเจ้า SUV ในตัว Forester แล้ว ยิ่งดียิ่งน่าใช้เข้าไปอีก แต่ ราคาที่การตลาดทำ มันน่าเกลียดมาก เกลียดเลยแหละ MIT ถ้าทำยี่ห้อไหนนี่ผมต้อง Dead Note ไว้เลย
-
ผมเคยใช้ทั้ง SUV และ PPV ขับในแบบครอบครัวนั่ง ก็ต้อง SUV สถานเดียว, PPV Fortuner ผมเปลี่ยนโช๊คและสปริงร่วม 6 หมื่น เข้าโค้งดีขึ้นจริงแต่ยังชวนกระแทก นั่งไปต่างจังหวัดบ่นกันมาก สุดท้ายก็ต้องขายไปแบบเจ็บตัวเยอะ ตอนแรกก็คิดว่าดี นั่งกันได้หลายคน เท่าที่คุยกับหลายคนก็เจอคล้ายๆกัน ผมอาจจะเป็นคนรู้สึก sensitive กับช่วงล่างรถมั้ง
ถ้าเทียบการนั่งเดินทางไกล SUV สบายกว่า PPV แน่นอน สำหรับครอบครัว ไม่ต้องไปสนใจว่าจะนั่งกันได้มากกว่า เบาะจะนุ่มกว่า สามารถแก้ไขได้ แต่ช่วงล่างการตอบสนองแก้ไขได้ยากมาก
ยิ่งเป็นเจ้า SUV ในตัว Forester แล้ว ยิ่งดียิ่งน่าใช้เข้าไปอีก แต่ ราคาที่การตลาดทำ มันน่าเกลียดมาก เกลียดเลยแหละ MIT ถ้าทำยี่ห้อไหนนี่ผมต้อง Dead Note ไว้เลย
+1 ประสบการณ์คล้ายๆกันเลยครับ ทำช่วงล่างใหม่แก้ยังไงก็ไม่จบ โครงสร้างทางวิศวะกรรมของรถแก้ไม่ได้เลยครับ