Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: sengausa ที่ พฤศจิกายน 02, 2016, 15:40:47
-
ไม่ได้รวย เป็นมนุษย์เงินเดือนทั่วไป ออกมารายจ่ายหนักแน่นอน แต่คิดว่า มันคือ " รางวัลชีวิต " มีใครคิดแบบนี้บ้างครับ
-
แรกๆ ก็คิดงั้นนะครับ แต่พอเริ่มใช้ ไปต้องเอาไป ซ่อม เปลี่ยนยาง ล้างรถ เริ่มรู้สึกเป็นภาระแล้ว
-
ไม่ใช่รางวัล แค่กิเลสมันชนะความอดทนก็เท่านั้นครับ ::)
-
ไม่ใช่รางวัล แค่กิเลสมันชนะความอดทนก็เท่านั้นครับ ::)
สงสัยจะจริงครับบบ ที่บ้านก็พึ่งออกมาได้ไม่เท่าไหร่ แต่ใจมันเรียกร้องให้ออกอีกคัน นี้สิครับ 55
-
คิดแค่ว่า คือ " เครื่องอำนวยความสะดวก" อย่างหนึ่งให้กับชีวิต
แต่จัดหาให้เหมาะสมตามรายได้ ไม่ทุ่มทรัพย์ส่วนใหญ่มาลงที่นี่
ในชีวิตยังมีจุดอื่นๆที่สำคัญกว่าอีกหลายอย่าง ที่ต้องวางแผนไว้ในอนาคต
-
ไม่อ่ะครับ ผมมองว่าของใช้งาน สำหรับสิ่งที่ให้เป็นรางวัลตัวเอง มี มันเป็นอย่างอื่นครับ
สุดท้ายก็แล้วแต่ว่ารางวัลที่แต่ละคนจะให้ตนเองคืออะไร
-
ไม่ใช่รางวัล แค่กิเลสมันชนะความอดทนก็เท่านั้นครับ ::)
สงสัยจะจริงครับบบ ที่บ้านก็พึ่งออกมาได้ไม่เท่าไหร่ แต่ใจมันเรียกร้องให้ออกอีกคัน นี้สิครับ 55
พอคิดถึง ค่าประกัน ,ค่าน้้ำมันเครื่อง ,น้ำมันเกียร์ ,แบตเตอรี่ ,ผ้าเบรค ฯลฯ
แล้วรู้สึกว่าเป็นรางวัลที่มีภาระสูงจริงๆครับ :) :) :)
-
ภาระทั้งนั้น รางวัลผมเช่นกัน :'( :'(
-
คิดถึง การ์ตูน GTO เลยครับ เครสต้าของอ.ใหญ่
ผมว่ามันคือสิ่งจำเป็นของคนในประเทศนี้ที่การเดินทางยังไม่สะดวกสบาย อันตรายแม้กระทั่งรถเมล์ประจำทาง ยัง รถรับจ้างส่วนบุคคล
-
"กิเลสย่อมระงับ(ชั่วคราว)ได้ด้วยการซื้อ" ::)
คิดอยู่เรื่อยๆครับ แต่หลังๆมาเริ่มรู้สึกเหมือนหาเรื่องใส่ตัว :-X
-
รางวัลที่ต้องผ่อน แปปเดียวไม่เกิน2ปีก็เบื่อขี้หน้ากันแล้ว ขายไม่ได้อีก(ติดงวด) ไม่นานนักราคาตก ซ่อม(ติดมือ) ไม่น่าใช่รางวัลแล้วนะครับ
รางวัลต้องไม่ทำให้เราเป็นทุกข์ซิ
ซื้อเมื่อจำเป็นต้องใช้งานดีกว่า
-
เป็นของใช้จำเป็นครับ ซื้อพอในกำลังทรัพย์ที่อำนวย
-
สำหรับผม รางวัลชีวิต คือรถที่อยากได้ ซึ่งตอนนี้รถยนต์ที่อยากได้ให้เป็นรางวัลชีวิตสามารถซื้อได้
แต่มี Bigbike ที่ชอบไว้ขี่เล่นสนุกๆ ขี่เที่ยวไปทั่วไทย ตอนนี้ก็มีความสุขแล้วครับ
-
ถ้าซื้อได้ตามกำลังทรัพย์(ที่สะสมมา) ก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นรางวัลชีวิตนะครับ ผมก็รอจังหวะมานาน+อารมณ์บิ้วท์จากคนรอบข้าง ในที่สุดก็ได้มา แต่แอบเอารุ่นถูกหน่อย(เก็บงบส่วนต่างเป็นค่าซ่อมบำรุงได้อีกยาวนาน)
-
มันคือ..ของใช้จำเป็นคับ... 8) 8) 8) 8)
-
ผมก็ยังวัยรุ่นและมีความคิดคล้ายกันนะครับ
ว่าอยากซื้อรถหรูๆดีๆเพื่อให้ "รางวัลชีวิต"แก่ตัวเอง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความสามารถเรื่องเงินและการบริหารค่าใช้จ่าย ต้องไม่เดือนร้อนครับ
ถ้าซื้อมาแล้วมีความทุกข์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆเกี่ยวกับรถคันนี้ แบบนี้ผมว่า มันไม่ใช่รางวัลชีวิตแน่ๆครับ
แน่นอนว่าเวลาผ่านไป เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มุมมองเปลี่ยนไป รางวัลชีวิตที่เราเคยฝันไว้ก็เปลี่ยนไปได้
แต่มันก็ยังให้ความสุขไม่ต่างกับรางวัลชีวิตที่เราเคยฝัน แถมยังใช้ชีวิตด้วยความสุขตลอดไปด้วยครับ
ผมว่ารถคันนี้ละ คือรางวัลชีวิตที่แท้จริงครับ
-
เป็นกิเลสส่วนตัวครับ และถือเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง ;)
-
รถ มันคือ วัตถุ หรืออุปกรณ์ใช้งาน ในชีวิต อำนวยความสะดวกให้ชีวิตเท่านั้นครับ
ถ้าคิด หรือโดนครอบงำ ให้มีอิทธพลทางใจ นั้นหมายความว่า คุณตกเป็นทาสของมัน
สิ่งที่ตามมาคือ คุณจะทุกข์กับมันตลอดไป จนกว่าจะจากกัน
ไม่ใช่แค่รถยนต์ หรอก แทบจะทุกอย่างที่มีอิทธิพลทางใจ ไม่ว่าจะ มือถือ เสื้อผ้า นาฬิกา
วัตถุสิ่งของฟุ้มเฟือยทั้งหลาย ที่คุณคิดว่า มันทำให้ตัวเองดูดี มีฐานะ สิ่งพวกนี้ ล้วนคอยกัดกินคุณตลอดเวลา เมื่อตกเป็นทาสของมัน
ไม่อยากตกเป็นทาส ลองพิมพ์ในยูทูป คำว่า " ต่อ ฟิโนมิน่า " ดูครับ แล้วจะพบอะไรดีๆ จากคนที่เอาเงิน 100 กว่าล้าน ซื้อที่ดิน 6 ไร่ ปลูกป่าเพื่อคน กรุงเทพฯ
ชีวิตเราจะเบาสบายขึ้นมาก เมื่อความคิดเราเปลี่ยนไป
-
ถ้าจะให้รางวัลชีวิต ก็ต้องถามตัวเองว่าได้ชนะเกมชีวิตนี้หรือยังครับ เพราะรางวัลควรเป็นของผู้ชนะนะผมว่า
-
สำหรับคนชอบรถ แน่นอนครับ รถมันเป็นรางวัลชีวิตแน่แน่ มันเป็นมากกว่าจักรกล...ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่ถ้าบอกว่ามันคือกิเลส ใช่ครับแน่นอน เต็มๆ บางทีกิเลสกับ passion มันก็ใกล้กันมากๆนะ.....
พี่ต่อ ฟีโนมีนา รุ่นพี่ผมเอง นับถือความคิดแบบเขามากนะและผมก็อยากไปถึงจุดนั้นแต่ตอนนี้...ระงับ
กิเลสยังไม่ได้
-
ก็อยากจะมีโมเมนต์นั้นอยู่ครับแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาไม่งั้นจากรางวัลชีวิตจะกลายเป้นภาระชีวิตแทน
รถที่ชอบหลายคันซะด้วย กะว่าถ้ารวยจะหาซื้อมือสองมาขับโก้ๆแล้วมีคันไหนที่ชอบราคาโดนๆก็ซื้อมาขับอีกแล้วทยอยปล่อยไปเรื่อยๆเผลอๆบางคันกำไรซะอีกเพราะต้องมีคนร้อนเงินมาขายแน่นอนเปลื่ยนเรื่อยๆปีละคันแล้วมีคันหลักที่โดนที่สุดใช้ยาวๆ
-
แรกๆคิดงั้น
ต่อมา
รถมันก็แค่รถ
-
แม่ผมครับเมื่อหลายปีก่อน เลือกระหว่าง คัมรี่ กับ เซฟิโร่
สุดท้ายออก เซฟิโร่ :-* :-* :-* :-* :-* :-* :-* :-* :-*
-
ระงับกิเลสไม่ได้นี่สิ
-
มีแต่รถใช้งาน อำนวยความสะดวก
รางวัลชีวิตคงเป็นสุขภาพดีละกัน
แต่หากในกรณีนี้รางวัลเป็นรถ สักวันนึงหวังว่าไม่นานกับV8 ดิบๆสักคัน
-
แรกๆ ก็คิดงั้นนะครับ แต่พอเริ่มใช้ ไปต้องเอาไป ซ่อม เปลี่ยนยาง ล้างรถ เริ่มรู้สึกเป็นภาระแล้ว
555 จริง
เป็นทั้ง รางวัล เป็นทั้งภาระ แต่ที่แน่ ๆ เป็นยานพาหนะส่วนตัวครับ 8)
-
ถ้าซื้อรถแล้วยังสามารถ กิน อยู่ เที่ยว ได้เหมือนเดิม ซื้อได้เลยครับ
-
รางวัลชีวิต กับ ภาระชีวิต บางทีมันก็แค่เส้นบางๆ ครับ
-
ทีผมซื้อเพราะอยากได้รถขบพาแฟนไปหาหมอครับ เนื่องจากต้องกลับบ้านต่างจังหวัดตอนนั้นแฟนท้องได้เกือบเก้าเดือนนั่งรถทัวร์ถึงวังน้อยรถทัวร์แอร์เสียต้องเปลี่ยนคันใหม่ ปรากฎว่ารถคันใหม่มาคนเต็มต้องยัดเป็นปลากระป๋อง แฟนผมซึ่งท้องแก่ต้องนั่งเก้าอี้เสริมจนถึงสารคามผมสังเกตุเห็นน้ำตาแฟนผม ตอนถึงบ้าน แฟนก็บ่นทำไมไม่มีรถตัวเองสักที หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ก็เลยทุบกระปุกออมสินไปดาวน์รถคันแรกมาขับมันซะเลย
-
สำหรับผมการซื้อรถคือการทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นครับ ถ้าใครเคยนั่งรถเมย์ตอนไปเรียน ต้องนั่งแท๊กซี่เวลาไป รพ. ต้องนั่งตู้หรือรถทัวร์ไปต่างจังหวัดจะรู้ครับ
โชคดีที่สมัยผมเด็กๆบ้านผมลำบากมาก่อน โตมาผมเลยเข้าใจครับว่าทำไมต้องมีรถแล้วมีรถใช้ให้มันมีความสุขเป็นไง
-
เป็นพาหนะ ทำให้เราเดินทางปลอดภัยครับ
พวกบ้าๆมันเยอะ
-
+
+
สำหรับคนชอบรถ มันก็เป็นแบบนั้นแหละครับ
แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบก็คงมองว่าไม่ใช่
สำหรับผมผมคิดว่ามันเป็นนะ การขับรถที่เราชอบมันทำให้มีความสุขได้
แต่ผมก็จะลิมิตตัวเองแบบเอาให้สุดขอบเท่าที่จะทำได้เหมือนกัน
เช่นตั้งไว้ว่าจะซื้อรถในงบไม่เกินรายได้ 1 ปี ผมก็จะเอาแบบสุดขอบที่สุด
จะไม่เอาที่ถูกกว่านั้น บางคนก็เตือนว่าซื้อแค่นี้ก็พอแล้ว บลาๆๆ
แต่สำหรับผมอย่างที่บอก ในชีวิตผมไม่ได้ชอบอะไรเยอะ
ที่ชอบชัดๆหน่อยก็รถนี่แหละ เพราะฉะนั้นก็จัดไปเท่าที่เรามีลิมิตของเราไว้
-
รถคันแรกของผม ไมตี้xเอาไว้ใช้งานแล้วก็มาเป็น วีโก้ก็ใช้งานอีกนั้นแหละ แล้วมาเป็นปาเจโร่คันนี้สำหรับครอบครัว ปัจจุบัน cla250 คันนี้แหละคือรางวัลชีวิตผสมกับความอยากได้ นี้แหละซื้อเพราะเป็นรางวัลชีวิตจริงๆๆ ทำงานเหนื่อยอยากมีอะไรให้ชีวิตบางครับ
-
You can't buy happiness, but you can buy a car
and that's pretty close...
-
ไม่เชิงรางวัลคับ รถคันแรก กู้เองซื้อเอง ผ่อนเอง(แม่ดาวน์) สุดท้ายหนี้ก้อนโต
เดือนแรกๆยังชิว ครึ่งปีเงินในบัญชีเริ่มร่อยหรอ ตอนนี้ครบปี เริ่มเดือนชนเดือน กว่าจะครบ4ปี .................... เห้ออออออออออออออออ คิดแล้วเหนื่อย
-
ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากๆ ครับ
ไม่เชิงรางวัลคับ รถคันแรก กู้เองซื้อเอง ผ่อนเอง(แม่ดาวน์) สุดท้ายหนี้ก้อนโต
เดือนแรกๆยังชิว ครึ่งปีเงินในบัญชีเริ่มร่อยหรอ ตอนนี้ครบปี เริ่มเดือนชนเดือน กว่าจะครบ4ปี .................... เห้ออออออออออออออออ คิดแล้วเหนื่อย
ผมก็กลัวจะเป็นเหมือนพี่ เหมือนกันครับ ...
-
กิเลส ย่อมระงับได้ด้วยการซื้อครับ ::) ::)
สำหรับผมมัน คือ รางวัลชีวิต จริงๆ ครับ ถ้าคนรักการขับรถจริงๆ ผมว่ามันคือรางวัล
ส่วนตัวผมรางวัลชีวิตที่ตั้งเป้าหมายไว้ คือ Z4 ผมก็ถือว่า สุดๆ ในชีวิตแล้วครับ
-
รถคือรางวัลชีวิตของผม อีก 15 ปี ผมเกษียณอายุราชการ ผมจะซื้อรถSUVหรูๆขับสักคัน และจะหาเมียเด็กสักคน ควงไว้เที่ยวทั่วไทยก่อนตาย
-
ถ้าอย่างเราๆคนรักรถมันก็คือ รางวัลชีวิตนั้นหล่ะครับ แต่สำหรับคนที่เค้าไม่ได้รักรถแล้วอาจจะมองเป็นแบบอื่น
แต่ผมมองมันมากกว่ารางวัลชีวิตครับ รถคือของรักของผมเลยก็ว่าได้ เหมือนลูกคนนึง ถ้าเราดูแลรถดีรถก็จะดูแลเราดี เพราะผมไม่มีลูกคงเป็นกรรมเพราะแฟนมีไม่ได้ เลยหันมารักรถรักแฟน รักครอบครัวแทน
-
ทุกคนให้เหตุผลสวยหรูแบบนั้นครับ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป มักแปลเป็น ภาระ เกือบร้อยทั้งร้อยครับ(สำหรับมนุษย์เงินเดือนนะ)
-
ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยครับ คิดแต่ว่าเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตเท่านั้น
-
สำหรับผมมันคือรางวัลชีวิตแน่นอนครับ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นรางวัลชีวิต
ปัญหาคือ คนส่วนใหญ่ มักจะให้รางวัลตังเองเร็วเกินไป พอเงินเดือนเริ่มเยอะ เอะอะซื้อรถแพงๆ ไม่คิดอะไร
ในทางกลับกัน ก้มีคนไม่น้อย ที่ให้รางวัลตัวเองช้าเกินไป เลยกลายเป็นว่า เกิดมาเพื่อทำงานหนัก แล้วก้ตายไป
-
สมัยก่อนเคยคิดว่าเป็นรางวัลชีวิต ได้รถสวยๆเท่ห์ๆ แรงๆ
ถึงตอนนี้ก็คิดว่ารถเป็นรางวัลชีวิตจริงๆ
ตอนที่ได้ขับรถให้คนที่เรารักนั่ง สบายๆปกป้องปลอดภัย ดูแลเค้า
ไปไหนมาไหนด้วยกันมีความสุขเป็นความทรงจำที่ดีครับ
รถไม่ต้องแพงสุด ไม่ต้องเร็วที่สุด แต่ปลอดภัย ไปถึง กลับบ้านได้ มีความสุขแล้วครับ
-
พี่เขยผมก็คิดแบบนี้ครับ เมื่อ11ปีก่อนขับ avanza 1.3 วิ่งทำงานคันเดียวของบ้าน วันนี้มีกำลัง ถอย 730ld กะ X5 และ E200 cabriolet มาใช้กับ alphard และ velfire ใหม่ ถามว่าซื้อทำไมขับกัน 3คน แกบอก "กรูให้รางวัลตัวกรูเอง"
-
เป็นแค่ส่วนนึงครับ และมันเป็นเรื่องปรกติครับ ก่อนผมก็คิดเช่นนั้น ทำงานมีตังค์ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ก็ซื้อรถ ซื้อบ้าน ซื้อนู่นนี่นั่น หรือทำกิจกรรมอื่นใด ตามความชอบกันไป ถือเป็นรางวัลชีวิตให้ตัวเอง
แล้วแต่ช่วงอายุ ปัจจุบันการซื้อรถสำหรับไม่นับเป็น รางวัลชีวิต มันเป็นแค่สิ่งอำนวยความสะดวก
ถวิลหาสิ่งอื่นมากกว่าครับตอนนี้
-
เหมือนภรรยาครับ อิอิ นึกว่ารางวัลชีวิต
-
เห็นด้วยคับ
-
ไม่ใช่รางวัล แค่กิเลสมันชนะความอดทนก็เท่านั้นครับ ::)
+1
เมื่อ30กว่าปีก่อนผมก็คิดแบบนี้ แต่ปัจจุบันมองย้อนกลับไปแล้วขำ "ทำไมเราถึงคิดอะไรได้ไร้สาระขนาดนั้น"
-
ในชีวิตชอบอยู่ไม่กี่เรื่องครับ
1.ชอบทำงาน(ที่เรารัก) 2.ชอบขับรถ+ท่องเที่ยวต่างจังหวัด
ผมเป็นคนที่ enjoy driving มากๆ เเล้วก็ขับรถไม่เร็วด้วยนะครับ 90-110ตลอด ขับเรียบร้อยสุดๆ ไม่มุดไม่ปาด
เเต่ชอบบรรยากาศหลังพวงมาลัยที่เรามองออกไปพบเจอสิ่งต่างๆ เเละบังคับรถ(อันเป็นที่รักของเรา) เเละได้พาครอบครัวไปไหนต่อไหน มีความทรงจำดีๆร่วมกัน
คันในรูปผมถือว่าเป็นรางวัลชีวิตนะ
รางวัลผมไม่ใช่รถเเพงหรือหรู เเต่มันก็ตามสไตในชีวิตผมเลย มีธุระกิจที่ต้องขนของไปๆมาๆ เเละต้องการไปเที่ยวทั่วไทย+ประเทศเพื่อนบ้าน55+
ถ้าวันนึงเกิดรวยเหลือกินเหลือใช้เเล้ว ก็ไม่ซื้อรถหรูอ่ะครับ คันนี้เเหละ พอเเล้ว
-
ทุกคนให้เหตุผลสวยหรูแบบนั้นครับ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป มักแปลเป็น ภาระ เกือบร้อยทั้งร้อยครับ(สำหรับมนุษย์เงินเดือนนะ)
ผมก็มนุษย์เงินเดือนนะครับ ใช้มาหลายคันยังไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยครับ
ที่สำคัญคืออย่าทำอะไรเกินตัว ผมใช้ CLA250 ตามลิมิตที่ตัวเองตั้งไว้
ทุกวันนี้ใช้มา 3 ปีก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าเป็นภาระอะไร คันเก่า C Class ก็ 6 ปี
ก็ปกตินะครับ คงไม่ใช่ทุกคนหรอกครับ
-
ถ้าวันที่ผมซื้อ Macan มาถึงเมื่อไหร่ นั่นแหละคือรางวัลชีวิตครับ แต่ตอนนี้ใช้เท่าที่ได้ไปก่อนยังไม่ถึงขั้นรางวัล 55555555
-
ก่อนที่จะมี Z4 ผมก็คิดแบบนั้น... แต่ปัจจุบัน "เฉยๆ"
อารมณ์ประมาณว่า ในชีวิตนี้ต้องมีเมียเป็นนางงามจักรวาล..
ใช้เวลาตามจีบอยู่ 1 ปี ทั้งล้มลุกคลุกคลาน สนุก ร้องไห้ สุดท้ายก็สมหวัง...
พอได้มาเป็นเมีย แปปเดียว... หายตื่นเต้น
ผมคิดนะว่า "รถคือรางวัลของชีวิต"
แต่ความสุขที่แท้จริงคือ "เวลามีค่ากว่าทุกสิ่ง"
หาเงินได้เดือนละ ล้าน แต่แทบไม่มีเวลาให้กับสุนัขแสนรักแก้วตาดวงใจ ต่างกับตอนที่หาเงินได้เดือนละ 2 หมื่น มีเวลามีความสุขด้วยกันทั้งวันคืน....
เมื่อทุกอย่างมาถึงเร็วก่อนกำหนด ตอนนี้ผมฝันว่า "ผมอยากมีเวลาให้มากที่สุดเร็วที่สุด" ก่อนตาย
-
ถ้าเงินหลังจากหักออกจากค่าใช้จ่ายต่างๆๆแล้ว เหลือเกินหมื่นกว่าบาทขึ้น (รวมหักพวกค่าส่งรถค่าซ่อมบำรุงดูแลรักษารถเป็นรายครั้ง,ค่าเสื่อมอื่นๆ,ค่าประกันค่าพรบต่อปี,ค่าอื่นๆ) ก็ถอยมาเลยครับ
-
ไม่เคยคิดเลยครับ แม้กระทั้งมือถือไอโฟน บ้าน ทั้งหมดผมซื้อเพราะความชอบ และดูความจำเป็นครับ ก่อนที่ผมจะดูว่าชอบไม่ชอบก็ดูที่ตัวเองไหวไหม จำเป็นต้องใช้จริงๆไหม ทั้งค่าผ่อนและแมนทาแนนซ์ ถ้าไหวก็จัดครับ
-
มีความสุข เมื่อใช้มัน ผมคิดแค่นั้นจริงๆ ถ้าทุกข์เมื่อไหร่ อาจต้องจากไกลกันเมื่อนั้น
-
ผมมองว่า เป็นรางวัลชีวิตนะ แต่ว่าก็ไม่ใช่รถอย่างเดียว ที่ผมให้เป็นรางวัลชีวิตครับ พอโตขึ้นชีวิตมันมีอะไรมากกว่ารถแล้วล่ะ
อย่างผม มองว่า "ครอบครัว" สำคัญที่สุด การให้รางวัลชีวิตของผม วิธีง่ายๆ เช่น ไปทานอาหารดีๆ ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้ใช้เวลาร่วมกัน นี่แหละรางวัลชีวิตของผมครับ
ผมเคยคิดอยากจะเปลี่ยนรถจาก B-Seg ไปเป็น D-Seg ไม่รู้กี่รอบละ แต่ก็มองย้อนกลับไปที่ภรรยาว่าเธอยังต้องนั่งรถบริษัทอยู่เลย เลยเปลี่ยนแผนไปซื้อรถ B-Seg เพิ่มให้ภรรยาใช้ดีกว่า ความอยากของตัวเองก็ลดลงไป
ตอนนี้ดูทิศทางเศรษฐกิจ ก็ชะลอการเปลี่ยนรถไปก่อน ถ้าผมเปลี่ยนรถแล้ว ต้องแลกกับการ ไม่ได้พาครอบครัวไปทานอาหารดีๆ ไม่ได้ท่องเที่ยว ผมยอมใช้รถคันเก่าดีกว่าครับ ;)
ปล. ถ้าเป็นโสด นี่คงไม่ต้องคิดมาก อยากเปลี่ยนอะไรก็จัดเลย 555
-
เป็นเหตุผล ที่ไม่มีตรรกะ เท่าที่ควร
เป็น การตลาดของบริษัทที่ขายของที่มีราคาสูง ทั้งรถยนต์ นาฬิกา เพชร และสินค้า brandname ต่างๆ
แต่ในความเป็นจริงถ้าเอาตามนั้น ไม่มีเงินเก็บเหลือครับ
เอาแค่พอประมาณตามกำลังที่มีดีกว่า ครับ
-
คำว่า " ต่อ ฟิโนมิน่า " ดูครับ แล้วจะพบอะไรดีๆ จากคนที่เอาเงิน 100 กว่าล้าน ซื้อที่ดิน 6 ไร่ ปลูกป่าเพื่อคน กรุงเทพฯ
ชีวิตเราจะเบาสบายขึ้นมาก เมื่อความคิดเราเปลี่ยนไป
ลองหาดู เห็นรายละเอียดคร่าวๆว่าน่าสนใจ แต่ป่าเขาอยู่ไหนครับ น่าไป
ในชีวิตชอบอยู่ไม่กี่เรื่องครับ
1.ชอบทำงาน(ที่เรารัก) 2.ชอบขับรถ+ท่องเที่ยวต่างจังหวัด
ผมเป็นคนที่ enjoy driving มากๆ เเล้วก็ขับรถไม่เร็วด้วยนะครับ 90-110ตลอด ขับเรียบร้อยสุดๆ ไม่มุดไม่ปาด
เเต่ชอบบรรยากาศหลังพวงมาลัยที่เรามองออกไปพบเจอสิ่งต่างๆ เเละบังคับรถ(อันเป็นที่รักของเรา) เเละได้พาครอบครัวไปไหนต่อไหน มีความทรงจำดีๆร่วมกัน
คันในรูปผมถือว่าเป็นรางวัลชีวิตนะ
รางวัลผมไม่ใช่รถเเพงหรือหรู เเต่มันก็ตามสไตในชีวิตผมเลย มีธุระกิจที่ต้องขนของไปๆมาๆ เเละต้องการไปเที่ยวทั่วไทย+ประเทศเพื่อนบ้าน55+
ถ้าวันนึงเกิดรวยเหลือกินเหลือใช้เเล้ว ก็ไม่ซื้อรถหรูอ่ะครับ คันนี้เเหละ พอเเล้ว
เยี่ยมครับ
-
ถ้า รางวัลชีวิต หมายถึง รถตราดาว หรือ ใบพัดขาวฟ้า
ต้องมองยาวๆ ไปถึงตอนซ่อมบำรุงด้วย
ตอนแรกๆ ซื้อก็ "ภูมิใจ" เจอค่าซ่อมค่าดูแลบางชิ้น "กลุ้มใจ" พอนานๆ อยากจะปล่อย แต่เมื่อเจอราคาขายก็ต้อง "ทำใจ"
ก็คงต้องเลือกดูเอาว่าจะยังไง แต่ถ้าคิดว่าพร้อมที่จะดูแล ก็ "สู้สุดใจ" ครับ
-
รุ่นพี่ผมซื้อ BENZ เป็น รางวัลชีวิต สุดท้ายก็ รางวัลก็กลายเป็นภาระ
อย่างถ้าผมไม่มีลูกชีวิตนี้ก็คงไม่ซื้อรถ
-
มีคนเคยบอกผมไว้ว่า
กิเลสย่อมดับได้ด้วยการ ซื้อมันเลย !!!
-
เมื่อ 10 ปีที่แล้วคิดครับ
ตอนนี้ไม่คิด แค่ซื้อมาใช้งาน ชอบคันไหน มีเงินพอก็ซื้อครับ แต่จะไม่ผ่อนอีกแล้วถ้าเป็นรถส่วนตัว
คันไหนจะผ่อน จะผลักเป็นรถบริษัทซะ
-
หลากหลายความเห็นนะครับ แตกต่างกันสิ้นเชิง มันทำให้เห็นอะไรหลายๆมุม
มีมุมนี้ด้วยครับ "หนุ่มวิปริตมีSEXกับPorsche สุดหรู"
-
ถ้าซื้อมาแล้วหลังจากนั้นมันเป็นภาระ มันคงจะไม่ใช่รางวัลครับ
-
8) 8) 8)
-
หลายๆ คอมเมนท์เขียนได้ดีมากครับ
เห็นด้วยเลยว่า "รางวัล" จริงๆ หรือแค่ข้ออ้างสำหรับกิเลศ ถ้าเป็นรางวัลจริงๆ จัดเลย แต่ถ้าแค่อ้างให้ใช้เงินเกินตัว แนะว่าไม่ใช่แล้วครับ
-
ผมให้รางวัลชีวิตมา 4 รอบแล้ว ทุกๆครั้งโคตรตื่นเต้นเลยเวลาได้ไปโชว์รูม ได้ลองสัมผัสรถในฝัน
เห่ออยู่พักนึง เปลี่ยนนู้น ถอดนี่ สุดท้ายกลับมาใช้เดิมๆ ทุกวันนี้ไม่เอาแล้ว เวลามองรถออกใหม่สวยๆ จะกลับไปนึกถึง
ความรู้สึกตัวเองตอนที่ออกรถมา แล้วก็ภูมิใจกับรถที่ตัวเองมี
-
เหมือนรองเท้าครับ ใส่คู่ไหนๆก็ไปได้เกือบทุกที่ เห่อแค่แรกๆ ใช้ไปสักพักก็ชิน ซ่อมไม่ไหวก็เปลี่ยน
-
เอาพอประมาณกำลังตัวเองครับ ถ้ามีความสุขบนภาระมันก็คือทุกข์
-
ไม่น้อยนะครับที่คิดแบบนี้ แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย เพราะมูลค่าไม่ได้น้อยๆ
-
+
+
สำหรับคนชอบรถ มันก็เป็นแบบนั้นแหละครับ
แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบก็คงมองว่าไม่ใช่
สำหรับผมผมคิดว่ามันเป็นนะ การขับรถที่เราชอบมันทำให้มีความสุขได้
แต่ผมก็จะลิมิตตัวเองแบบเอาให้สุดขอบเท่าที่จะทำได้เหมือนกัน
เช่นตั้งไว้ว่าจะซื้อรถในงบไม่เกินรายได้ 1 ปี ผมก็จะเอาแบบสุดขอบที่สุด
จะไม่เอาที่ถูกกว่านั้น บางคนก็เตือนว่าซื้อแค่นี้ก็พอแล้ว บลาๆๆ
แต่สำหรับผมอย่างที่บอก ในชีวิตผมไม่ได้ชอบอะไรเยอะ
ที่ชอบชัดๆหน่อยก็รถนี่แหละ เพราะฉะนั้นก็จัดไปเท่าที่เรามีลิมิตของเราไว้
ของผมก็คล้ายๆกัน ผมไม่ค่อยสิ้นเปลืองกับเรื่องอื่น ใช้ชีวิตตามปกติ
ก็มีซื้อ BMW 116i นี้แหละที่แพง เพราะผมบ้ารถมาก แลชอบชับรถที่ขับสนุกมากเช่นกัน ก็ไม่ได้เดือนร้อนเงินนะ เพราะยังไม่มีซ่อมอะไร ก็ใช้เงินเดือนผ่อน เก็บเงินที่ได้จากธุรกิจ เพื่อต่อยอด ไม่เกินตัวแน่นอน แต่ต่อไปคงจบที่รถญีปุ่นธรรมดาดีกว่า สะดวกแต่ง สะดวกซ่อม สะดวก DIY ได้เองบ้าง
เลยเล็ง 86 มือสองเอาไว้ แล้วจะสร้างห้องไว้สำหรับซ่อมรถเองในบ้าน แบบมีฮอยไว้ยกด้วย ว่างๆ ก็ซ่อม ตบแต่งไปเรื่อย
เริ่มเข้าใจแล้วว่า ความสุข คือการได้ล้าง ได้ซ่อมรถที่ชอบ รถที่รัก ไม่จำเป็นต้องรถหรู รถแพง อะไร แค่รถที่อยากได้ เอื้อมถึงก็พอ
-
แล้วแต่มุมมองครับ บางท่านอาจจะคิดว่าทำงานหนัก ขอหน่อยนะ รัยงี้... สิ่งทีใฝ่ฝันไว้มันก้อคงมีกันทุกคน อย่างน้องเขย ก้อทำงานหนักจนได้ GLA มาคันนุงแระ จะเรียกว่ารางวัลก้อคงไม่ผิดนัก :-\
-
ก็จริงนะครับ แต่คิดถึงภาพต้องทำงานหนักแค่ไหน กี่วัน กว่าจะได้รถ 1 คัน เลยคิดว่าซื้อแบบเท่าที่ใช้พอครับ
-
ผมก็คิดเช่นกันครับ ให้รางวัลกับตัวเอง มีความสุขทุกครั้งที่ได้ขับ