Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ พฤศจิกายน 03, 2016, 10:23:29
-
ผมเห็นปีนึงเปิดตัวเกิน 1 ครั้ง ต่างจากรถญี่ปุ่น อย่างนิสสันนี่เอะอะก็ 1.2 NA บล็อคเดิม หรือยี่ห้ออื่นอย่างฮอนด้าก็ถ้าไม่มี 1.5T ก็ไม่มีอะไรใหม่มาหลายปี Skyactiv ก็ตั้งแต่เปิดตัวหลายปีก่อนก็ยังไม่มีอะไรใหม่
เบ๊นกับบีเอ็ม แป๊บๆ มาใหม่ อีกละ ตามไม่ทันเลย เหมือนงบพัฒนาเครื่องยนต์เยอะมาก
-
รถยุโรปรุ่นหลัง ๆ มีทีมพัฒนาหลายกลุ่มมากครับ ประกอบกับมาตรฐานไอเสียทีปรับแทบจะทุกปี
สมัยก่อนอย่างเครื่องรหัส M ของBMW จะใช้การถ่ายทอดไปยังนักพัฒนาออกแบบรุ่นต่อๆไป
พอมาถึงจุดนึง นักพัฒนาเครื่องยนต์ นักออกแบบแบ่งเป็นหน่วยย่อยในองค์กร แตกกันทำงานคนละส่วน ใช้การออกแบบอิสระไม่อิงเครื่องตัวบล็อกเก่า ด้วยการที่เทคโนโลยีการผลิตเอ้ออำนวยให้ออกแบบเครื่องยนต์ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น คิดอะไรออกมาก็ผลิตทดสอบได้ง่ายกว่าเก่ามาก
พอมีมาตรฐานไอเสียใหม่ๆ ออกมา แทนที่จะทำเครื่องเก่าให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย ต่างทีมก็ต่างกันทำเครื่องให้ได้จุดหมายเหล่านี้ ก็เลยกลายเป็นว่า ออกแบบปุ๊ป ก็ได้เครื่องใหม่ปั๊ปเลย
-
ทาง ญี่ปุ่นอาจจะ อาจจะ sensitive กับกำไร ขาดทุนมากกว่าทางยุโรป อย่าง toyota ตอน vios หรือ vigo รุ่นแรก ๆ พอขายดี พวกก็ลากยาวไม่มีการปรับปรุงเครื่องยนต์เกือบ 10 ปี
ที่ผมนับถือมาก ๆ ก็คือของค่าย Mercedes ทุกวันนี้ออก product มาทุก line การผลิต ขนาดกระบะก็ยังจะทำด้วย ช่างกล้าจริง ๆ
-
เครื่องเดิมถ้ามันดีอยู่แล้ว จะปรับปรุงไปทำไมนะคับ
ปรับแล้วอะไหล่ต้องมี stock อีก
เอาที่มันทนๆ ประหยัด และใช้ได้ดีก็พอมั้งคับ
-
แนวโน้มการพัฒนาเครื่องยนต์จะเป็นไปตามกฏระเบียบของ F1
เทคโนโลยีที่ลงทุนไปในการพัฒนาเครื่องรถแข่ง
เทคโนโลยีนั้นก็จะนำมาปรับใช้กับเครื่องยนต์ปัจจุบัน
ลองสังเกตุช่วงเวลาที่ Toyota ทำเครื่องทำทีมแข่งสิครับ
-
ผมว่าเขาไม่ยึดติดครับ และคนเขาใช้รถแล้วทิ้งตอนเกิน 5 ปี เลยไม่ค่อยกังวลเรื่องการซ่อมหลังจากนั้นมากครับ
เลยเปลี่ยนไปเรื่อยๆครับ 8) 8) 8) 8)
-
รูปแบบตลาดต่างกับไทยด้วยล่ะครับ อย่างที่โซนยุโรบเขาเปลี่ยนรถบ่อยเพราะโครงสร้างภาษีมลพิษกับราคารถยนต์เมื่อเทียบกับค่าครองชีพแล้วถูกกว่าไทยเอยะ เวลาชื้อรถก็จะเอารุ่นใหม่ๆเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ค่ายรถต้องแข่งขันการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆตลอดโดยเฉพาะค่ายยุโรบแข่งกันดุเดือดมาก ซึ่งต่างกับไทย ที่คันนึงใช้นานมากกว่าจะเปลี่ยนซึ่งทำให้คนไทยนิยมเครื่องเก่ากันเพราะหาอะไรง่ายและผ่านการยอมรับแล้วว่าไม่มีปัญหา สังเกตุเวลาเจ้าตลาดเปลี่ยนเครื่องสิครับ มีแต่คนถามกันว่าจะหาอะไหล่ง่ายเหมือนตัวเก่าไหม จะทนเหมือนตัวเก่าไหมรวมทั้งเสียงด่าว่าเปลี่ยนเครื่องทำไม รุ่นเก่าก็ดีอยู่แล้วอะไหล่หาง่ายช่างซ่อมเป็นเยอะ
อย่างตอน isuzu เปลี่ยนเครื่องจาก 2.5 มาเป็น 1.9 แรกๆกลุ่มลูกค้าตามบ้านนอกด่ากันระนาวเลยครับว่าเปลี่ยนทำไม แบบนี้อะไหล่ก็จะหายาก ช่างก็จะซ่อมไม่เป็นกันนะสิ ทำให้ช่วง1.9ออกใหม่ๆ คนกลุ่มนั้นหนีไปออก 3.0แทนกันเยอะ ตอนพอ 1.9 ขายไปสักพักเสียงด่าก็เงียบลง
-
เครื่องเดิมถ้ามันดีอยู่แล้ว จะปรับปรุงไปทำไมนะคับ
ปรับแล้วอะไหล่ต้องมี stock อีก
เอาที่มันทนๆ ประหยัด และใช้ได้ดีก็พอมั้งคับ
จำเป็นสิครับ ในแง่ของผู้ใช้รถแค่ประหยัดอาจจะพอ แต่ในแง่ Global มองเรื่องทรัพยากรณ์ธรรมชาติที่ลดลงไปเรื่อยๆ โลกที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เราแข่งกับเวลา ยื้อ Climate Change อยู่ครับ รุ่นเราอาจจะไม่อะไร แต่รุ่นลูกรุ่นหลานอาจจะต้องอยู่กับโลกที่ร้อนขึ้นมาก หรือประเทศไทยหิมะตกก็เป็นได้ การพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจึงจำเป็นครับ
-
เครื่อง 1.8 ของ Honda ลากขายมา 10 ปี
-
แนวทางการใช้งานกับทุนทรัพย์มันต่างกันสินะ......ประเทศในกลุ่มรายได้น้อยก็เอารถญี่ปุ่นที่เน้นการออกแบบไม่ยุ่งยากไม่สนใจเรื่องมลพิษเน้นอะไหล่เยอะๆราคาขายต่อดีๆไป เหมาะกับกลุ่มคนที่ซื้อรถคันนึงแล้วใช้ไปยาวนานสิบปีสิบปีห้าปี ส่วนรถยุโรปเน้นคุณภาพเครื่องยนต์และการไล่ตามความเข้มงวดของค่ามลพิษที่เพิ่มขึ้นทุกปี รายได้มากก็เปลี่ยนบ่อยสี่ปีห้าปีเปลี่ยนคันใหม่ รถขายได้ไม่มากกับตลาดที่จับกลุ่มสูงกว่าราคาอะไหล่ก็แพงกว่าต้องรอยาวนานกว่า.......งั้นสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจก็คือแนวคิดการเอารถคนละตลาดกับลูกค้าคนละแบบมาจับคู่ข้ามกันเนี่ยแหละ รถยุโรปทำออกมาแนวการใช้งานการจับตลาดต่างกันแต่กลับมีคนพูดเสมอๆว่าจะใช้รถยุโรปทำไมราคาแพงค่าซ่อมบำรุงแพง ซื้อรถญี่ปุ่นสิดีกว่าราคาถูกกว่าอะไหล่(มือสอง)หาง่ายกว่า เอ๊าาาาาว์อย่าเอากะลาไปครอบคนอื่นสิคุ๊ณณณณณ ::)
-
เครื่องเดิมถ้ามันดีอยู่แล้ว จะปรับปรุงไปทำไมนะคับ
ปรับแล้วอะไหล่ต้องมี stock อีก
เอาที่มันทนๆ ประหยัด และใช้ได้ดีก็พอมั้งคับ
จำเป็นสิครับ ในแง่ของผู้ใช้รถแค่ประหยัดอาจจะพอ แต่ในแง่ Global มองเรื่องทรัพยากรณ์ธรรมชาติที่ลดลงไปเรื่อยๆ โลกที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เราแข่งกับเวลา ยื้อ Climate Change อยู่ครับ รุ่นเราอาจจะไม่อะไร แต่รุ่นลูกรุ่นหลานอาจจะต้องอยู่กับโลกที่ร้อนขึ้นมาก หรือประเทศไทยหิมะตกก็เป็นได้ การพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจึงจำเป็นครับ
จริงครับ....ประเทศที่เจริญแล้วมีรายได้พอเพียงแล้วเค้าก็จะหันมามองสิ่งที่สำคัญกว่าเรื่องเงินเช่นสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์อาศัยอยู่ทุกวันนี้ ถ้ามันพังขึ้นมามันทดแทนได้ยากหรือทดแทนอีกไม่ได้เลย แนวคิดก็จะเอาสิ่งแวดล้อมเป็นหลักมากกว่าบุคคล แต่ในประเทศกำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนาที่เห็นเรื่องเงินสำคัญกว่าสิ่งแวดล้อม แนวคิดก็จะมองแต่ตัวเองและผลประโยชน์มากกว่าสนใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่วนรวม :-\
-
เครื่องเดิมถ้ามันดีอยู่แล้ว จะปรับปรุงไปทำไมนะคับ
ปรับแล้วอะไหล่ต้องมี stock อีก
เอาที่มันทนๆ ประหยัด และใช้ได้ดีก็พอมั้งคับ
ถ้าคิดแบบนี้กันหมด เราคงยังใช้เครื่องยนต์ไอน้ำ
-
หัวข้อน่าสนใจ 8)
-
Global warming ประเทศที่เจริญแล้ว เค้าให้ความสนใจ และมีมาตรการข้อกำหนดด้านมลพิษ ที่ทวีความเข้มงวดขึ้นทุกปี ค่ายรถยนต์ไม่อยากตกเทรนด์ก็ต้องพัฒนากันไป
ยกเว้น USA ไม่ลงนามในพิธีสารโตเกียว เพราะบอกว่า Greenhouse effect เป็นเรื่องเหลวไหล
-
มันมีผลต่อยอดขายกับจิตใจนิครับ
ลองคิดดูว่า ถ้า ซีรี่ 3 โดน ซีคลาส ทุกเกียร์ คนจะซื้อบีเอ็มไหม > <
-
เครื่อง 1.8 ของ Honda ลากขายมา 10 ปี
L15A ก็จะลากขายเหมือนกัน
และจะยังลายขายต่อไปอย่างน้อย 5 ปี
-
คนมีของ..ย่อมปล่อยของ..เป็นเรื่องปกติ
บริษัทรถยนต์ ก็ทำนองเดียวกัน
โลกเราขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ครับ
จะให้ใช้เดิมๆ ไปเรื่อยๆ คงจะน่าเบื่อ ไม่น่าติดตาม
-
เครื่อง 1.8 ของ Honda ลากขายมา 10 ปี
L15A ก็จะลากขายเหมือนกัน
และจะยังลายขายต่อไปอย่างน้อย 5 ปี
ผมว่าคงหยุด Gen มาวิน นี่แระ
next Jazz/City คงได้ใช้ 1.0 Turbo กับเค้าบ้าง
-
เครื่องเดิมถ้ามันดีอยู่แล้ว จะปรับปรุงไปทำไมนะคับ
ปรับแล้วอะไหล่ต้องมี stock อีก
เอาที่มันทนๆ ประหยัด และใช้ได้ดีก็พอมั้งคับ
ลองไปดูเครื่องรุ่นใหม่ๆของเบนซ์กับบีเอ็มดูสิครับ เครื่องรุ่นใหม่ๆจะแรงขึ้น ประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นเดิมๆ รุ่นที่ออกใหม่ปีนี้ทำให้เครื่องยนต์รุ่นเมื่อ 7-8 ปีที่แล้วกลายเป็นเครื่องยนต์โบราณไปเลย
-
เพราะเค้าให้ราคากับสิ่งแวดล้อม ลมหายใจ ธรรมชาติ
มากกว่าแค่ความสะดวกในการซ่อม
คิดว่าเป็นกระบวนการที่ดีในระยะยาว มากกว่าแค่เอาสะดวกมีอะไรไม่เดือดร้อนก็ใช้ๆไปสิ
-
ไม่ใช่ว่าการพัฒนาทางเทคโนโลยีมันไม่ดี
แต่ผมว่า Benz, BMW เปลี่ยนถี่ไปหน่อย
เหมือนพยายามแข่งปล่อยของมากกว่าเป็นห่วงสิ่งแวดล้อมจริงๆ
-
Global warming ประเทศที่เจริญแล้ว เค้าให้ความสนใจ และมีมาตรการข้อกำหนดด้านมลพิษ ที่ทวีความเข้มงวดขึ้นทุกปี ค่ายรถยนต์ไม่อยากตกเทรนด์ก็ต้องพัฒนากันไป
ยกเว้น USA ไม่ลงนามในพิธีสารโตเกียว เพราะบอกว่า Greenhouse effect เป็นเรื่องเหลวไหล
Europeเค้าจริงจังครับ ส่วนAmerica นั้นกลับคำเพราะมาตรวจสอบแล้วพบว่าตัวเองต้องมีค่าใช้จ่ายในการลดมลพิษมหาศาลเนื่องด้วยปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงที่สุดในโลกตอนนั้น
-
นี้คือการพัฒนาด้านเทคโนโลยียานยนต์ เทคโนโลยีมีการพัฒนาตลอดเวลา คนสิต้องตามเทคโนโลยีให้ทันครับ
-
เครื่องเดิมถ้ามันดีอยู่แล้ว จะปรับปรุงไปทำไมนะคับ
ปรับแล้วอะไหล่ต้องมี stock อีก
เอาที่มันทนๆ ประหยัด และใช้ได้ดีก็พอมั้งคับ
สมัยรถหัวฉีดออกมาใหม่เมื่อ20กว่าปีที่แล้วมีแต่คนสรรเสริญว่าจะดีหรอซ่อมแพงไหม อะไหล่มีรึป่าว ช่างซ่อมเป็นรึป่าว และเดี๋ยวนี้เป็นไงครับแม้กระทั่งมอร์เตอร์ไซด์แม่บ้านจ่ายกับข้าวยังใช้หัวฉีดเลย การออกแบบเครื่องยนต์ผมว่าเขามี road map ว่าเครื่องยนต์ชุดนี้ใช้ได้ถึงกี่ปีถึงต้องปรับปรุง โดยมองจากหลายๆอย่าง เช่นการใช้เชื้อเพลิง การปล่อยมลพิษ ฯลฯ ผมว่ากว่าจะออกมาเป็นรถให้เราขับเขาต้องระดมความคิดกันมาเยอะแล้วล่ะครับ
-
ดีนะ ผู้บริโภคได้ประโยชน์เต็มๆ
-
ดีแล้วผมชอบ ไม่อยากใช้อะไรโบราณๆ
-
เครื่องเดิมถ้ามันดีอยู่แล้ว จะปรับปรุงไปทำไมนะคับ
ปรับแล้วอะไหล่ต้องมี stock อีก
เอาที่มันทนๆ ประหยัด และใช้ได้ดีก็พอมั้งคับ
ใจแคบไปนิดนึงนะ ทำธุรกิจจะไม่พัฒนาอะไรเลย แบบนั้นก็รอวันเจ๊ง