Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 12:30:02

หัวข้อ: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 12:30:02
ผมมานั่งคิดดู ระบบเครื่องยนต์สันดาปมันมีพาร์ตเยอะมาก บางทีอ่านโค้ดแล้วซ่อมไม่จบ แต่ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าพาร์ตไม่เยอะ เช่นรถวิ่งไม่ได้ สันนิษฐานก่อนเลยว่าต้องเปลี่ยนมอเตอร์หรือแบตเตอรี่ แนวๆ นี้ จะทำให้เราลด Overhead ในเรื่องที่ว่ารถยี่ห้อ X ช่างไม่คุ้นเคย หรืออะไรงี้มั้ย เพราะระบบมันก็เหมือนๆ กัน
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ex_machina ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 12:41:13
ซ่อมน่าจะง่ายกว่าเยอะ เพราะไม่ค่อยมีชิ้นส่วนซับซ้อนเท่าไร
แต่ถ้าเปลี่ยนอะไหล่ที ก็น่าจะแพงกว่าเครื่องยนต์สันดาปเยอะเช่นกัน  :P
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ps000000 ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 12:43:22
ดูภาพรวมน่าจะง่ายกว่าครับ

แต่ผมก็ไม่แน่ใจในทางเทคนิค 8)
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 12:50:43

ถ้ามันมา
หายนะ วงการ ช่างเครื่องยนต์เลยละครับ
รวมถึง ระบบ supply chain ขงเครื่องยนต์
คงมี ปิดบริบัท คนตกงาน มหาศาล
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: warez ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 12:57:44
ง่ายกว่าเยอะมากครับ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: DiKiBoyZ ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 13:13:01
ต้องแยกส่วนครับ
- ส่วนของ ตัวมอเตอร์ ที่กำเนิดพลังงาน น่าจะไม่ซับซ้อนมาก เคยดู youtube ของ Tesla ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร
- แต่ถ้าส่วนของ ระบบไฟฟ้าภายในรถ อันนี้ผมว่า ซ่อมยาก ซับซ้อน กว่ารถเครื่องยนต์น่ะ แต่ถ้าเป็น brand ทั่วไป ที่ไม่ใช่ Tesla ที่มีระบบช่วย โน่น นี่ นั้น รวมไปถึงขับอัตโนมัติ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: h0661036 ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 13:16:58
ปัญหาคือราคาของ batt  ราคาแพง และไม่ขายให้คนนอกด้วย จากประสบการณ์เพื่อนผมที่เป็นอาจารย์อยู่ญี่ปุ่น และเคยทำรถไฟฟ้ากับลูกศิษย์ครับ
   
   เรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อม ผมว่าแพงครับ เพราะคงต้องเปลี่ยนยกชุด
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tnp_super ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 13:31:25
ที่จริงน่าจะทำแบบมอเตอร์ส่งกำลังโดยตรงที่ล้อเลยน่าจะซ่อมง่าย มอเตอร์พังก็ถอดเปลี่ยน
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bravo ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 13:36:18
ซ่อมง่ายกว่าครับ
วงการช่างซ่อม ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง กำลังเจอระเบิดเวลาลูกใหญ่
ช่างโมดิฟาย จูนรถ ก็คงตกในสภาพเดียวกัน

ถ้าจะโมดิฟายให้แรงขึ้น ผมนึกภาพไปถึงรถกระป๋อง ที่ฮิตกันเมื่อสิบกว่าปีก่อนครับ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 14:23:39
น่าจะซ่อมง่ายกว่ามาก แต่ผมล่ะกลัวจริงๆว่าเวลารถมีปัญหาศูนย์มันจะพูดแต่ว่าต้องรอแก้เฟิร์มแวร์2.0ก่อนนะคะถึงจะหายค่าาาา  :(
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 14:48:24
ผมเคยเล่น Kyosho Mini Z มี Servo, Speed control ขับได้เหมือนรถจริง
ใช้มอเตอร์เดียวกับรถกระป๋อง ผมว่าถ้ามันไม่มี defects มาตั้งแต่แรก
โคตรทน+ซ่อมง่ายกว่าเครื่องยนต์สันดาปแน่ๆ เกียร์ก็มีสปีดเดียว (Tesla Model S)
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sacrifice ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 15:00:11
ซ่อมง่ายครับ เปลี่ยน อย่างเดียวเลย 

ถ้า nissan หรือ ใครก็ตามทำ รถไฟฟ้า วิ่งได้ 300 กม./ชาร์จ   ได้ราคา 3-4 แสน จริง

รถเครื่องสันดาป จะกลายเป็นรถพรีเมี่ยม ราคาแพงแล้วค่อยๆ หายไป เหมือนกล้องฟิลม์ ที่มีคนรักจริงถึงซื้อมาใช้
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Stp ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 15:08:03
ซ่อมง่าย นี่รวมถึงเปลี่ยนอย่างเดียวด้วยรึเปล่าครับ เกรงว่าจะมาแบบนั้น
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 15:13:06
ไม่เน้นซ่อม เน้นเปลี่ยนใหม่นะสิครับ

คงเหมือนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เปลี่ยนแบตมือถือ ถอดออกเปลี่ยนใหม่ 
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Nonlamer ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 15:36:34
คิดว่าซ่อมง่ายกว่าครับ แต่ถ้าเข้าศูนย์ก็จะเน้นเปลี่ยนอะไหล่เหมือนเดิมซึ่งแพงกว่า ต่างประเทศมีหลายเคสที่แบตพังเปลี่ยนแพงมากเลยเอากลับมาถอดซ่อมเองแล้วซ่อมได้เยอะแยะคับ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: XyteBlaster ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 16:57:28
ค่าซ่อมถูก  แต่ค่าอะไหล่ แพงสิครับ ... คงไม่ทำแยกชิ้นส่วน ๆ เล็ก ๆ มา แต่มันจะมาแบบ ยกเซต
เหมือนอุปกรณ์ไฮบริต ในปัจจุบัน .. เสียยก ๆ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ภูมิใจไหม? ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 17:11:59
ตัวรถน่าจะต่อเน็ตได้

แล้ว ช่างก็ remote เข้ามา diagnostic

วิเคราะห์ปัญหาเบื้องต้นได้

ผมก็มโนไปเรื่อย


ถ้ามันเป็นไฟฟ้าหมด

วงการ modify แต่งซิ่งได้ปรับตัวกันครั้งใหญ่ครับ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Jacob ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 17:12:51
เดวพี่จีนก็หาอะไหล่ถูกมาให้เปลี่ยนได้เองแหละ เหมือนแบตมือถือ ของแท้แพง แต่ของก็อปก็มี
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mothsan ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 17:46:54
รถไฟฟ้า ซ่อมง่ายกว่าเยอะ ชิ้นส่วนพวกออฟชั่นน่าจะพอกัน แต่ชิ้นส่วนไฟฟ้า น้อยกว่าชิ้นส่วนสันดาปเยอะ
พังก็เปลี่ยนยกตัวครับ
จะราคาโหดหน่อยก็ตัวแบตเนี่ยแหละครับ

ปล. พวกชิ้นส่วนไฟฟ้า พี่จีน ทำออกมาง่ายเลยครับ แต่ทนไหมก็อีกเรื่องนึงครับ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 17:52:12
ก็คงซ่อมง่ายกว่าเดิมล่ะครับ       แต่ราคาซ่อมและอายุการใช้งานจะไม่เหมือนเดิมแน่    บริษัทรถเขาคิดมาแล้วดักทางไว้หมดแล้วครับ    ค่าซ่อมจะแพงขึ้นจะมีอะไหล่ที่ต้องเลปี่ยนยกชุดมากขึ้น และราคาซ่อมจะแพงมาก  อาจทำเป็นวงจรและล็อคโปรแกรมไว้เลยเช่น ไฟโชว์จะล็อคระบบฉุกเฉินให้หยุด ก็จะมียานแม่มายกเข้าศูนย์ไป  ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอาจจะ 5000 บาท   พอเช็คเสร็จเปลี่ยนอะไหล่อาจโดนไปอีก 30,000  อะไรแบบนี้         พอใช้ไปซัก 5  ปี ต้องเปลี่ยนแบตเสียอีก 1 แสนกว่า หลังจากนั้นโดนระบบช่วงล่างจะต้องซ่อมพิเศษอีกเพราะต่อระบบไฟฟ้าไว้  ต้องใช้ของศูนย์เท่านั้นโดนไปอีก 5 หมื่นกว่า  พออายุ 10 ปีก็เริ่มต้องทิ้งรถไปทั้งคันละ หรือถ้าไม่ทิ้งก็โดนค่าซ่อมอีกหลายแสน
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 18:07:53
ก็คงซ่อมง่ายกว่าเดิมล่ะครับ       แต่ราคาซ่อมและอายุการใช้งานจะไม่เหมือนเดิมแน่    บริษัทรถเขาคิดมาแล้วดักทางไว้หมดแล้วครับ    ค่าซ่อมจะแพงขึ้นจะมีอะไหล่ที่ต้องเลปี่ยนยกชุดมากขึ้น และราคาซ่อมจะแพงมาก  อาจทำเป็นวงจรและล็อคโปรแกรมไว้เลยเช่น ไฟโชว์จะล็อคระบบฉุกเฉินให้หยุด ก็จะมียานแม่มายกเข้าศูนย์ไป  ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอาจจะ 5000 บาท   พอเช็คเสร็จเปลี่ยนอะไหล่อาจโดนไปอีก 30,000  อะไรแบบนี้         พอใช้ไปซัก 5  ปี ต้องเปลี่ยนแบตเสียอีก 1 แสนกว่า หลังจากนั้นโดนระบบช่วงล่างจะต้องซ่อมพิเศษอีกเพราะต่อระบบไฟฟ้าไว้  ต้องใช้ของศูนย์เท่านั้นโดนไปอีก 5 หมื่นกว่า  พออายุ 10 ปีก็เริ่มต้องทิ้งรถไปทั้งคันละ หรือถ้าไม่ทิ้งก็โดนค่าซ่อมอีกหลายแสน
   ผมคิดว่าถึงตอนนั้นคงมีอะไหล่เทียม  อะไหล่OEM เยอะนะ แม้กระทั่งมอร์เตอร์ไปฟ้าก็อาจจะเปลี่ยนมอเตอร์ยี่ห้ออื่นมาลงได้  ราคามอเตอร์ไฟฟ้าก็น่าจะถูกกว่าเครื่องยนต์  ส่วนราคาแบตเป็นแสนก็คิดว่าถ้าใช้แบต 5 ปีก็ประหยัดค่าน้ำมันได้เป็นแสนเหมือนกัน เก็บเงินค่าน้ำมันไว้เปลี่ยนแบต
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 18:33:03
ก็คงซ่อมง่ายกว่าเดิมล่ะครับ       แต่ราคาซ่อมและอายุการใช้งานจะไม่เหมือนเดิมแน่    บริษัทรถเขาคิดมาแล้วดักทางไว้หมดแล้วครับ    ค่าซ่อมจะแพงขึ้นจะมีอะไหล่ที่ต้องเลปี่ยนยกชุดมากขึ้น และราคาซ่อมจะแพงมาก  อาจทำเป็นวงจรและล็อคโปรแกรมไว้เลยเช่น ไฟโชว์จะล็อคระบบฉุกเฉินให้หยุด ก็จะมียานแม่มายกเข้าศูนย์ไป  ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอาจจะ 5000 บาท   พอเช็คเสร็จเปลี่ยนอะไหล่อาจโดนไปอีก 30,000  อะไรแบบนี้         พอใช้ไปซัก 5  ปี ต้องเปลี่ยนแบตเสียอีก 1 แสนกว่า หลังจากนั้นโดนระบบช่วงล่างจะต้องซ่อมพิเศษอีกเพราะต่อระบบไฟฟ้าไว้  ต้องใช้ของศูนย์เท่านั้นโดนไปอีก 5 หมื่นกว่า  พออายุ 10 ปีก็เริ่มต้องทิ้งรถไปทั้งคันละ หรือถ้าไม่ทิ้งก็โดนค่าซ่อมอีกหลายแสน
   ผมคิดว่าถึงตอนนั้นคงมีอะไหล่เทียม  อะไหล่OEM เยอะนะ แม้กระทั่งมอร์เตอร์ไปฟ้าก็อาจจะเปลี่ยนมอเตอร์ยี่ห้ออื่นมาลงได้  ราคามอเตอร์ไฟฟ้าก็น่าจะถูกกว่าเครื่องยนต์  ส่วนราคาแบตเป็นแสนก็คิดว่าถ้าใช้แบต 5 ปีก็ประหยัดค่าน้ำมันได้เป็นแสนเหมือนกัน เก็บเงินค่าน้ำมันไว้เปลี่ยนแบต
ถ้าค่าไฟในการชาร์จไฟ  คงราคาพอกับค่าใช้จ่ายของน้ำมันล่ะครับจำได้ว่ามีสมาชิกในนี้เคยรีวิว  ค่าไฟในการชาร์จไฟรถ Plug in Hybrid  ไว้ว่า   ค่าไฟเพิ่มขึ้นมาต่อเดือนพอกับจ่ายค่าน้ำมันล่ะครับ 
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bravo ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 18:51:44
ก็คงซ่อมง่ายกว่าเดิมล่ะครับ       แต่ราคาซ่อมและอายุการใช้งานจะไม่เหมือนเดิมแน่    บริษัทรถเขาคิดมาแล้วดักทางไว้หมดแล้วครับ    ค่าซ่อมจะแพงขึ้นจะมีอะไหล่ที่ต้องเลปี่ยนยกชุดมากขึ้น และราคาซ่อมจะแพงมาก  อาจทำเป็นวงจรและล็อคโปรแกรมไว้เลยเช่น ไฟโชว์จะล็อคระบบฉุกเฉินให้หยุด ก็จะมียานแม่มายกเข้าศูนย์ไป  ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอาจจะ 5000 บาท   พอเช็คเสร็จเปลี่ยนอะไหล่อาจโดนไปอีก 30,000  อะไรแบบนี้         พอใช้ไปซัก 5  ปี ต้องเปลี่ยนแบตเสียอีก 1 แสนกว่า หลังจากนั้นโดนระบบช่วงล่างจะต้องซ่อมพิเศษอีกเพราะต่อระบบไฟฟ้าไว้  ต้องใช้ของศูนย์เท่านั้นโดนไปอีก 5 หมื่นกว่า  พออายุ 10 ปีก็เริ่มต้องทิ้งรถไปทั้งคันละ หรือถ้าไม่ทิ้งก็โดนค่าซ่อมอีกหลายแสน

อะไรทำให้ท่านคิดแบบนั้นครับ

แต่ถึงจะเป็นจริง ตามที่ว่ามา เมื่อถึงวันนั้น เราก็ต้องซื้อมาใช้อยู่ดี ในเมื่อทั่วโลกเขาก็ใช้กัน

แต่ผมเชื่อว่า ถ้าอะไรที่ราคามันโหดมากเกินจริง มันจะคงไว้ได้ไม่นาน ก็จะต้องโดนปลดล็อค เหมือนกับโทรศัพท์มือถือยุคแรกๆ ที่แพงมาก แล้วก็จะค่อยๆ ถูกลงเรื่อยๆ จนถึงราคาที่เหมาะสมครับ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 19:14:21
ก็คงซ่อมง่ายกว่าเดิมล่ะครับ       แต่ราคาซ่อมและอายุการใช้งานจะไม่เหมือนเดิมแน่    บริษัทรถเขาคิดมาแล้วดักทางไว้หมดแล้วครับ    ค่าซ่อมจะแพงขึ้นจะมีอะไหล่ที่ต้องเลปี่ยนยกชุดมากขึ้น และราคาซ่อมจะแพงมาก  อาจทำเป็นวงจรและล็อคโปรแกรมไว้เลยเช่น ไฟโชว์จะล็อคระบบฉุกเฉินให้หยุด ก็จะมียานแม่มายกเข้าศูนย์ไป  ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอาจจะ 5000 บาท   พอเช็คเสร็จเปลี่ยนอะไหล่อาจโดนไปอีก 30,000  อะไรแบบนี้         พอใช้ไปซัก 5  ปี ต้องเปลี่ยนแบตเสียอีก 1 แสนกว่า หลังจากนั้นโดนระบบช่วงล่างจะต้องซ่อมพิเศษอีกเพราะต่อระบบไฟฟ้าไว้  ต้องใช้ของศูนย์เท่านั้นโดนไปอีก 5 หมื่นกว่า  พออายุ 10 ปีก็เริ่มต้องทิ้งรถไปทั้งคันละ หรือถ้าไม่ทิ้งก็โดนค่าซ่อมอีกหลายแสน

อะไรทำให้ท่านคิดแบบนั้นครับ

แต่ถึงจะเป็นจริง ตามที่ว่ามา เมื่อถึงวันนั้น เราก็ต้องซื้อมาใช้อยู่ดี ในเมื่อทั่วโลกเขาก็ใช้กัน

แต่ผมเชื่อว่า ถ้าอะไรที่ราคามันโหดมากเกินจริง มันจะคงไว้ได้ไม่นาน ก็จะต้องโดนปลดล็อค เหมือนกับโทรศัพท์มือถือยุคแรกๆ ที่แพงมาก แล้วก็จะค่อยๆ ถูกลงเรื่อยๆ จนถึงราคาที่เหมาะสมครับ
   ก็เพราะผม.........    หลักการคิดมันก็จึงเป็นแบบนี้ละ     บริษัทรถไม่มีทางขายของในราคาถูกลงถ้าเห็นว่าราคารถและอะไหล่จะถูกลงก็จะใส่เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นเพื่อให้เห็นว่าต้องอัพราคาที่เหมาะสม  และ ในอนาคตจะไม่ให้ค่าซ่อมรถ อะไหล่ มีราคาที่ถูกลงแน่นอนครับ    ไม่งั้นผู้ค้า คู่ค้าที่ร่วมกันมา ดีลเลอร์ โรงงานผลิตอะไหล่ต้นทางจะทำยังไง         การขายรถยนต์ไม่ใช่ขายแล้วขายเลยเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้า วิทยุ ที่แทบไม่ต้องการดูแล      แต่รถยนต์จำเป็นต้องมีการซ่อมบำรุงดูแลกันระหว่างทางตลอดอายุรถคันนั้น  กำไรที่ได้  จะได้จากดการขายรถ ดีลเลอร์ก็ต้องได้ค่าซ่อมบริการด้วย  รวมถึงอะไหล่ที่ต้องทำขายในรถรุ่นนั้นด้วยต้องขายเวลาอย่างน้อย 10 ปี จึงจะคุ้มค่าแม่พิมพ์และเปิดโมเดลขึ้นมาผลิต            รถต้นแบบรถไฟฟ้าทุกค่ายมีหมดเพียงแต่ถึงเวลาจะผลิตออกมาช่วงไหนอยู่ที่ตลาดขณะนั้นเหมาะสมหรือมีความพร้อมหรือยังเท่านั้นเอง
ถ้าให้สรุปสั้น ๆ คือ
 -  รถที่ขายต้องมีกำไรเพียงพอให้เลี้ยงโรงงานให้อยู่ได้ ในสภาพต้องไม่น้อยกว่าปัจจุบัน  คือมีกำไรต่อหน่วยที่เหมาะสมและราคาที่ทำตลาดได้     จะออกมาแพงเท่าไหร่ไม่รู้แต่กำไรต้องไม่น้อยกว่าเดิม
 - มันต้องมีำกำไรเพียงพอให้ดีเลอร์คู่ค้าอยู่ได้ด้วยงานขายและค่าบริการ  ซึ่งนั่นต้องแลกมากับค่าแรงและค่าอะไหล่ที่แพงขึ้น
 - ส่วนโรงงานผลิตชิ้นส่วนก็ต้องขายอะไหล่ได้ด้วย  กำไรจากการขายอะไหล่ตลอดโมเดลรถ  ไม่ใช่ทำออกมาแล้วลูกค้าสามารถไปหาอะไหล่ทดแทนอื่นได้หมด 
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 19:29:15
ก็คงซ่อมง่ายกว่าเดิมล่ะครับ       แต่ราคาซ่อมและอายุการใช้งานจะไม่เหมือนเดิมแน่    บริษัทรถเขาคิดมาแล้วดักทางไว้หมดแล้วครับ    ค่าซ่อมจะแพงขึ้นจะมีอะไหล่ที่ต้องเลปี่ยนยกชุดมากขึ้น และราคาซ่อมจะแพงมาก  อาจทำเป็นวงจรและล็อคโปรแกรมไว้เลยเช่น ไฟโชว์จะล็อคระบบฉุกเฉินให้หยุด ก็จะมียานแม่มายกเข้าศูนย์ไป  ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอาจจะ 5000 บาท   พอเช็คเสร็จเปลี่ยนอะไหล่อาจโดนไปอีก 30,000  อะไรแบบนี้         พอใช้ไปซัก 5  ปี ต้องเปลี่ยนแบตเสียอีก 1 แสนกว่า หลังจากนั้นโดนระบบช่วงล่างจะต้องซ่อมพิเศษอีกเพราะต่อระบบไฟฟ้าไว้  ต้องใช้ของศูนย์เท่านั้นโดนไปอีก 5 หมื่นกว่า  พออายุ 10 ปีก็เริ่มต้องทิ้งรถไปทั้งคันละ หรือถ้าไม่ทิ้งก็โดนค่าซ่อมอีกหลายแสน

อะไรทำให้ท่านคิดแบบนั้นครับ

แต่ถึงจะเป็นจริง ตามที่ว่ามา เมื่อถึงวันนั้น เราก็ต้องซื้อมาใช้อยู่ดี ในเมื่อทั่วโลกเขาก็ใช้กัน

แต่ผมเชื่อว่า ถ้าอะไรที่ราคามันโหดมากเกินจริง มันจะคงไว้ได้ไม่นาน ก็จะต้องโดนปลดล็อค เหมือนกับโทรศัพท์มือถือยุคแรกๆ ที่แพงมาก แล้วก็จะค่อยๆ ถูกลงเรื่อยๆ จนถึงราคาที่เหมาะสมครับ
   ก็เพราะผม.........    หลักการคิดมันก็จึงเป็นแบบนี้ละ     บริษัทรถไม่มีทางขายของในราคาถูกลงถ้าเห็นว่าราคารถและอะไหล่จะถูกลงก็จะใส่เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นเพื่อให้เห็นว่าต้องอัพราคาที่เหมาะสม  และ ในอนาคตจะไม่ให้ค่าซ่อมรถ อะไหล่ มีราคาที่ถูกลงแน่นอนครับ    ไม่งั้นผู้ค้า คู่ค้าที่ร่วมกันมา ดีลเลอร์ โรงงานผลิตอะไหล่ต้นทางจะทำยังไง         การขายรถยนต์ไม่ใช่ขายแล้วขายเลยเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้า วิทยุ ที่แทบไม่ต้องการดูแล      แต่รถยนต์จำเป็นต้องมีการซ่อมบำรุงดูแลกันระหว่างทางตลอดอายุรถคันนั้น  กำไรที่ได้  จะได้จากดการขายรถ ดีลเลอร์ก็ต้องได้ค่าซ่อมบริการด้วย  รวมถึงอะไหล่ที่ต้องทำขายในรถรุ่นนั้นด้วยต้องขายเวลาอย่างน้อย 10 ปี จึงจะคุ้มค่าแม่พิมพ์และเปิดโมเดลขึ้นมาผลิต            รถต้นแบบรถไฟฟ้าทุกค่ายมีหมดเพียงแต่ถึงเวลาจะผลิตออกมาช่วงไหนอยู่ที่ตลาดขณะนั้นเหมาะสมหรือมีความพร้อมหรือยังเท่านั้นเอง
ถ้าให้สรุปสั้น ๆ คือ
 -  รถที่ขายต้องมีกำไรเพียงพอให้เลี้ยงโรงงานให้อยู่ได้ ในสภาพต้องไม่น้อยกว่าปัจจุบัน  คือมีกำไรต่อหน่วยที่เหมาะสมและราคาที่ทำตลาดได้     จะออกมาแพงเท่าไหร่ไม่รู้แต่กำไรต้องไม่น้อยกว่าเดิม
 - มันต้องมีำกำไรเพียงพอให้ดีเลอร์คู่ค้าอยู่ได้ด้วยงานขายและค่าบริการ  ซึ่งนั่นต้องแลกมากับค่าแรงและค่าอะไหล่ที่แพงขึ้น
 - ส่วนโรงงานผลิตชิ้นส่วนก็ต้องขายอะไหล่ได้ด้วย  กำไรจากการขายอะไหล่ตลอดโมเดลรถ  ไม่ใช่ทำออกมาแล้วลูกค้าสามารถไปหาอะไหล่ทดแทนอื่นได้หมด

    ธุรกิจรถไฟฟ้าเป็นธุรกิจเสรีครับ  ใครตั้งราคาขายแพงคนก็ไม่ซื้อ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 19:31:08
รถยนต์ที่ใช้น้ำมันใช้ชิ้นส่วนประมาณ 2,000 ชิ้น

แต่ "เทสลา" ใช้ชิ้นส่วนแค่ 18 ชิ้น

จุดเปลี่ยนที่ทำให้โลกหันมาจับตามอง "รถยนต์ไฟฟ้า" อยู่ที่การผลิตแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูง ในต้นทุนที่ต่ำลงเรื่อย ๆ

มีคนบอกว่า ตอนที่โลกเปลี่ยนจากใช้ "รถม้า" มาใช้ "รถยนต์"

บังเอิญ "รถยนต์" ที่ค้นคิดขึ้นมาเป็นรถที่ใช้น้ำมัน

กระแสทั้งหมดก็มุ่งไปที่เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน

ไม่มีใครสนใจ"แบตเตอรี่"

พัฒนาการของ "แบตเตอรี่" จึงช้า เพราะคนคิดแต่เรื่องเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน

แต่พอวันหนึ่งมีคนสนใจพัฒนา "รถยนต์ไฟฟ้า"

พัฒนาการเรื่อง "แบตเตอรี่" จึงเกิดขึ้น

"อีลอน มัสก์" คือ ผู้บุกเบิกเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ถามว่า บริษัทรถยนต์ทั้งหลายทำไมไม่มีใครคิดเรื่องนี้

ตอบง่าย ๆ ว่า เขาคงคิดอยู่แล้ว

ถ้า "โตโยต้า" ทำรถไฮบริดได้ ก็แสดงว่าเขาสนใจเรื่อง "รถไฟฟ้า"

เพราะ "ไฮบริด" คือ รถที่ผสมผสานระหว่างการใช้น้ำมันกับไฟฟ้า

เพียงแต่ผ่านเครื่องยนต์แบบเดิม

ที่มีชิ้นส่วน 2,000 ชิ้น

มีคนบอกว่า บางที "โตโยต้า" อาจจะคิดเสร็จแล้วก็ได้

เพียงแต่ว่าในทางธุรกิจ โมเดลธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า คือ หอกที่ทิ่มแทงตัวเอง

เพราะเป็นโมเดลที่ฆ่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

ถ้าพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเร็วมากเท่าไรธุรกิจเดิมก็ตายเร็วเท่านั้น

เรื่องอะไรเขาจะทำ

อย่าลืมว่าโครงสร้างอุตสาหกรรมรถยนต์นั้นใหญ่โตมโหฬาร

ถ้า"รถยนต์ไฟฟ้า" ที่ใช้ชิ้นส่วน 18 ชิ้นมาเมื่อไร

พังกันเป็นแถบแน่นอน

ที่น่าจับตามองคือ ตอนนี้ "จีน" กำลังบุกธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอย่างหนัก

เพราะนี่คือ "โอกาส"

ถ้าสู้ในเกมเดิม คือ รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

เขาคงสู้ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา หรือเยอรมันไม่ได้

แต่ถ้าเกมเปลี่ยน เกิดสนามใหม่คือ รถยนต์ไฟฟ้า

แบบนี้ทุกคนเท่าเทียมกัน

เพราะเริ่มต้นใหม่เหมือนกันหมด

กลายเป็นว่าใครที่มีธุรกิจเดิมใหญ่เท่าไรจะเสียเปรียบทันที

"ความใหญ่"ของธุรกิจเดิมคือ "จุดอ่อน"

เพราะไม่กล้าเปลี่ยน

กลัวจะเสียตลาดเดิม

แต่คนที่เริ่มต้นใหม่ ไม่มี "สัมภาระ" อะไร สามารถเดินหน้าได้เต็มที่

ไม่ใช่เพียงแค่ "จีน"

แต่หมายถึงกลุ่มธุรกิจที่มีเงินและเทคโนโลยีอย่างกูเกิล แอปเปิล หรือไมโครซอฟท์

เขาสามารถข้ามสายพันธุ์สู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าได้ทันที

ยิ่งเห็นกราฟตัวเลขต้นทุนแบตเตอรี่ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว

ผมเชื่อว่าค่ายรถยนต์ในปัจจุบันคงเริ่มพลิกดูกรณีศึกษาที่คลาสสิกมากของวงการธุรกิจโลกเรื่องนี้

การล่มสลายของ"โกดัก" ครับ

ทำอย่างไรจะไม่เป็น "โกดัก" ของวงการรถยนต์

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1464588615 (http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1464588615)
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: seamonkey ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 20:10:47
รถไฟฟ้า เสียคือรอยกอย่างเดียว
รถเครื่องสันดาปภายใน เสียในบางจุดอาจจะพอทำให้วิ่งไปต่อจนถึงอู่ได้

ยกตัวอย่างถ้าหัวเทียนเสียไปตัวยังขับไปต่อได้ แต่ถ้ารถไฟฟ้าระบบจ่ายไฟไปไม่ครบเฟส (สมมุตว่าใช้ 3 เฟส) นี้จอดอย่างเดียวเลยครับ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Equcha ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 20:12:26
คนทำงานกับ Motor ใหญ่ๆน่าจะทราบนะครับ

เสียทีนึงนี่ Overhaul ไม่เบาเหมือนกันนะครับ  ::)

ปกติมอเตอร์อายุ 2-3 ปีนี่ก็ Overhaul แล้วนะครับ พูดถึงของแพงๆดีๆเลยนะครับ

ของในรถผมว่าก็ไม่ต่างกัน รอดูเหมือนกันครับ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: InBkk ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 21:48:44
ผมเชื่อเสมอว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ มันจะแพงในช่วงแรก แต่พอมีคนใช้มากขึ้น ผู้ผลิตก็จะมีวิธีทำให้มันค่อยๆ ถูกลงเอง อย่างโทรศัพท์มือถือสมัยก่อน เครื่องละเป็นแสน โทรออกได้อย่างเดียว สัญญาณก็ไม่ชัด แถมโคตรหนัก แต่เดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟนเครื่องละไม่กี่หมื่น เล็ก เบา ทำได้ตั้งหลายอย่าง จอแตกก็หาร้านข้างนอกซ่อมได้
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: arya ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 21:56:12
ที่บอกว่า 18 ชิ้นที่ว่า คืออะไรบ้างครับ มันถึงได้น้อยขนาดนั้น

แล้วพาร์ท ภายใน 18 ชิ้นนั้น มันไม่มีพาร์ทแยกย่อยภายในเลยหรอคับ

มันเหมือนกับนับมีเครื่องยนต์ 1 เครื่องแต่ไม่นับลูกสูบ แหวน ข้อเหวี่ยง หรือเปล่าคับ

และชิ้นส่วนตัวถัง ชิ้นส่วนภายในอีก ทั้งคัน มีแค่ 18 ชิ้น

อยากเห็น 18 ชิ้นนั้นจิงๆคับ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ พฤศจิกายน 07, 2016, 22:24:06
บางทีที่ บ.ใหญ่ๆ ออกมาค้าน หรือให้ชะลอ เรื่องรถไฟฟ้า คงเพราะเรื่องโรงงานการผลิตที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ไหนจะคนงานอีก

ในขณะที่ telsa เริ่มมาใหม่ ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนแปลง

บ.เล็ก ได้เปรียบ บ.ใหญ่ ตรงความคล่องตัวนี่แหละครับ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 08:54:12
ที่บอกว่า 18 ชิ้นที่ว่า คืออะไรบ้างครับ มันถึงได้น้อยขนาดนั้น

แล้วพาร์ท ภายใน 18 ชิ้นนั้น มันไม่มีพาร์ทแยกย่อยภายในเลยหรอคับ

มันเหมือนกับนับมีเครื่องยนต์ 1 เครื่องแต่ไม่นับลูกสูบ แหวน ข้อเหวี่ยง หรือเปล่าคับ

และชิ้นส่วนตัวถัง ชิ้นส่วนภายในอีก ทั้งคัน มีแค่ 18 ชิ้น

อยากเห็น 18 ชิ้นนั้นจิงๆคับ


คำว่า 18 ชิ้น มาจาก นิยาม พื้น ฐาน ส่วนประกอบ ของมอเตอร์ ในตำราเรียนครับ
ซึ่ง เรียก ตาม ชิ้นส่วนหลักไม่ใช่ ชิ้นส่วนย่อย

AC ชิ้นส่วนน้อยกว่า DC

http://www.electrical-knowhow.com/2012/05/electrical-motors-basic-components.html


หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: S6 ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 10:03:40
ง่ายหรือยาก น่าจะขึ้นกับผู้ออกแบบของผู้ผลิต
ถ้าจะซ่อมบำรุงก็ต้องแยกออกเป็นส่วนเคลื่อนไหว กับส่วนอยู่กับที่ที่เป็นส่วนรับสัญญาณและส่วนควบคุม
ถ้าทำให้ซ่อมบำรุงง่ายมันก็ง่าย ถ้าทำให้ซ่อมบำรุงยากมันก็ยาก
ถ้าง่ายก็ใช้ระบบการควบคุมไม่ซับซ้อน แผงวงจรแยกเป็นส่วนๆ สะดวกต่อการถอดเปลี่ยน
ถ้ายากก็แผงวงจรโดนมัดรวมกันเป็นก้อนเดียวโดนปิดทึบ และยังใช้ระบบการสื่อสารโปโตคอล
ส่วนควบคุมก็เหมือนกับระบบไฟฟ้าในรถปัจจุบัน ไม่ต้องซ่อมถอดเปลี่ยนอย่างเดียว
ส่วนเคลื่อนไหว ถ้ายิ่งน้อยชิ้นเยอะ แต่ละชิ้นจะแพงแน่ๆ ในช่วงแรก
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: VORA ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 11:03:18
คุณ smith686 มุมมองน่าสนใจครับ..มันกำลังเกิดขึ้นแล้วจริงๆครับ
ตอนนี้ sub ไทยจ้าวใหญ่มองรถไฟฟ้าแล้วครับมันมาแล้ว และเป็นคนทำ
ชิ้นส่วนให็ Tesla ด้วย (สาขาอเมริกา) แล้วจะ reset
วงการนี้ใหม่ตรับ แต่ทางธุรกิจชิ้นส่วนรถแบบเดิม เค้าก็ต้องทำการ
หล่อเลี้ยงวงจรนี้ไปก่อน ห่วงโซ่มันใหญ่มาก...ตอนนี้วัดกันใครเปลี่ยน
ได้เร็วและมีประสิธิภาพมากกว่า...ชนะ ประเด็นคือปลายนำ้อย่างเราจะ
รู้ได้เร็วเหมือนต้นนำ้และปรับตัวอย่างไร
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 12:08:04
งานนี้ ใครไม่ปรับตัวก็เจ๊งครับ หยุดไม่ได้หรอก แต่อย่างเห็นๆ ตอนนี้พวกค่ายรถ (โดยเฉพาะไอ้ที่มันเพิ่งถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง จะทำ EV) เอาแรงงาน supply chainมาเป็นตัวประกันสกัดการมาของ EV

Adapt or die!
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bravo ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 14:09:21
คนทำงานกับ Motor ใหญ่ๆน่าจะทราบนะครับ

เสียทีนึงนี่ Overhaul ไม่เบาเหมือนกันนะครับ  ::)

ปกติมอเตอร์อายุ 2-3 ปีนี่ก็ Overhaul แล้วนะครับ พูดถึงของแพงๆดีๆเลยนะครับ

ของในรถผมว่าก็ไม่ต่างกัน รอดูเหมือนกันครับ

ถ้านับชั่วโมงการทำงาน ได้ประมาณกี่ชั่วโมงครับ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: S6 ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 14:41:31
คนทำงานกับ Motor ใหญ่ๆน่าจะทราบนะครับ

เสียทีนึงนี่ Overhaul ไม่เบาเหมือนกันนะครับ  ::)

ปกติมอเตอร์อายุ 2-3 ปีนี่ก็ Overhaul แล้วนะครับ พูดถึงของแพงๆดีๆเลยนะครับ

ของในรถผมว่าก็ไม่ต่างกัน รอดูเหมือนกันครับ

ถ้านับชั่วโมงการทำงาน ได้ประมาณกี่ชั่วโมงครับ

ตอน overhual ก็เฉพาะ bearing เท่านั้นครับ และก็วัดฉนวนมอเตอร์
Bearing ก็เปรียบเหมือนลูกปืนดุมล้อ
Electric Motor ใช้ทน อายุเกิน 20 ปีทำได้ไม่ยาก
แต่ที่น่าสนใจ คนที่ใช้ Tesla กับ Avantador ช่วงออกตัว Tesla เร่งดีกว่าพอสมควร
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 16:37:33


มอเตอร์ ใช้งานปกติ ห้าปีสบายๆเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: liveshow ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 18:25:08
เปลี่ยนร้านจากร้านติดหอยเป็นร้านรับพันทองแดงใหม่ ติด C ให้ใหญ่ แถม relay เปลี่ยนอีกชุด ต่อตรงลงมอเตอร์
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Koong ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 19:45:14

ถ้ามันมา
หายนะ วงการ ช่างเครื่องยนต์เลยละครับ
รวมถึง ระบบ supply chain ขงเครื่องยนต์
คงมี ปิดบริบัท คนตกงาน มหาศาล

ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ   
รถยนต์คันนึงประกอบด้วย เครื่องยนต์เกียร์ ระบบบังคับเลี้ยว ระบบรองรับน้ำหนัก เบรค
ที่กระทบก็น่าจะแค่เครื่องยนต์กับเกียร์    พวกระบบช่วงล่าง ยังมีงานทำแน่นอน  และที่ผ่านๆมาส่วนใหญ่ที่ต้อง(ซ่อมก่อนก็ระบบช่วงล่างนี่แหละ   เครื่องยนต์ถ่าดูแลดีๆ ก็ไม่ค่อยได้ซ่อมกันอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤศจิกายน 08, 2016, 20:37:38

ถ้ามันมา
หายนะ วงการ ช่างเครื่องยนต์เลยละครับ
รวมถึง ระบบ supply chain ขงเครื่องยนต์
คงมี ปิดบริบัท คนตกงาน มหาศาล

ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ   
รถยนต์คันนึงประกอบด้วย เครื่องยนต์เกียร์ ระบบบังคับเลี้ยว ระบบรองรับน้ำหนัก เบรค
ที่กระทบก็น่าจะแค่เครื่องยนต์กับเกียร์    พวกระบบช่วงล่าง ยังมีงานทำแน่นอน  และที่ผ่านๆมาส่วนใหญ่ที่ต้อง(ซ่อมก่อนก็ระบบช่วงล่างนี่แหละ   เครื่องยนต์ถ่าดูแลดีๆ ก็ไม่ค่อยได้ซ่อมกันอยู่แล้ว

สังเกตว่า คนที่อยู่ในวงการชิ้นส่วนรถโดยเฉพาะพวก ICE จะมีความเห็นประมาณนี้ครับ เพราะบ้านเราไม่มี skill พอที่จะขยับไปทำของหรือชิ้นส่วนที่มี value added สูงกว่านี้ได้ เป็นได้แค่การถ่วงเวลาเท่านั้น เพราะจะอยู่ในกะลา ice เป็นทาส carbon industry ประเทศเดียวในโลก ขณะที่คนอื่นไป EV แล้วอยู่ไม่ได้หรอก ปรับตัวไม่ได้ก็เตรียมตัวล้มหายไป เป็นเรื่องปกติ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Turin ที่ พฤศจิกายน 09, 2016, 08:45:19
แบตเอาเข้าจริงไม่ได้ชั่วร้ายมาก อีกหน่อยน่าจะถูกลงอีก ... ว่ากันว่า megafactory ของ elon มีกำลังผลิตแบตสูงกว่าที่ทั้งโลกผลิตได้ตอนนี้

ถ้าเอาตัวอย่าง Prius ตัวที่แพงจะเป็นชุด inverter นะครับ แพงกว่าแบต
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 09, 2016, 10:11:33
แบตเอาเข้าจริงไม่ได้ชั่วร้ายมาก อีกหน่อยน่าจะถูกลงอีก ... ว่ากันว่า megafactory ของ elon มีกำลังผลิตแบตสูงกว่าที่ทั้งโลกผลิตได้ตอนนี้

ถ้าเอาตัวอย่าง Prius ตัวที่แพงจะเป็นชุด inverter นะครับ แพงกว่าแบต

พอมัน เป็น Mass Production แล้ว อะไรๆ ก็จะถูกลงเอง อัตโนมัติครับ
เพียงแต่ การที่ จะ mass ได้ Supply Chain ใหม่ก็ต้องพร้อม
ยอดขายก็ต้องได้มากๆ ไม่งั้น ก็ไม่คุ้มค่า

ผมก็ไม่เห็น ว่า Toyota กลืนน้ำลายตัวเองนะ
ของแบบนัค่อยๆเป็นค่อยๆไป
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤศจิกายน 09, 2016, 16:46:33
แบตเอาเข้าจริงไม่ได้ชั่วร้ายมาก อีกหน่อยน่าจะถูกลงอีก ... ว่ากันว่า megafactory ของ elon มีกำลังผลิตแบตสูงกว่าที่ทั้งโลกผลิตได้ตอนนี้

ถ้าเอาตัวอย่าง Prius ตัวที่แพงจะเป็นชุด inverter นะครับ แพงกว่าแบต

พอมัน เป็น Mass Production แล้ว อะไรๆ ก็จะถูกลงเอง อัตโนมัติครับ
เพียงแต่ การที่ จะ mass ได้ Supply Chain ใหม่ก็ต้องพร้อม
ยอดขายก็ต้องได้มากๆ ไม่งั้น ก็ไม่คุ้มค่า

ผมก็ไม่เห็น ว่า Toyota กลืนน้ำลายตัวเองนะ
ของแบบนัค่อยๆเป็นค่อยๆไป

http://www.ibtimes.co.uk/toyota-engineer-claims-battery-powered-electric-vehicles-have-no-future-1496911

เห็นเอา วิศวกรคนนึงออกมาแถบิดเบือนข้อมูลสกัด EV ตอนนี้เปลี่ยนใจซะงั้น

จะบอกว่า ระยะทาง 186 ไมลืในปี 2020 ถือว่าเฉยๆงั้นๆมากๆ เมื่อพิจารณาถึง progress ของ  batt technology ตอนนี้ Leaf รุ่นปัจจุบันได้ระยะทางนั้นสบายๆ มีข่าวว่าจะออกรุ่นเกิน 300 ไมล์มาอีกไม่กี่ปีด้วยซ้ำ

http://www.autocar.co.uk/car-news/new-cars/next-gen-nissan-leaf-aims-340-mile-range

ผมว่าโคตรค่อยเป็นค่อยไปเลยสำหรับโตโยต้า  เรียกว่า lag behind ชาวบ้านมากกว่า Gap จะเยอะกว่านี้ขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 09, 2016, 22:23:28

http://www.ibtimes.co.uk/toyota-engineer-claims-battery-powered-electric-vehicles-have-no-future-1496911
เห็นเอา วิศวกรคนนึงออกมาแถบิดเบือนข้อมูลสกัด EV ตอนนี้เปลี่ยนใจซะงั้น
จะบอกว่า ระยะทาง 186 ไมลืในปี 2020 ถือว่าเฉยๆงั้นๆมากๆ เมื่อพิจารณาถึง progress ของ  batt technology ตอนนี้ Leaf รุ่นปัจจุบันได้ระยะทางนั้นสบายๆ มีข่าวว่าจะออกรุ่นเกิน 300 ไมล์มาอีกไม่กี่ปีด้วยซ้ำ
http://www.autocar.co.uk/car-news/new-cars/next-gen-nissan-leaf-aims-340-mile-range
ผมว่าโคตรค่อยเป็นค่อยไปเลยสำหรับโตโยต้า  เรียกว่า lag behind ชาวบ้านมากกว่า Gap จะเยอะกว่านี้ขึ้นเรื่อยๆ

คือ พาดหัว กับ เนื้อหาคนละเรื่องเลยอะ
เค้าแค่บอกว่า มันมีข้อจำกัด ในการใช้งานจริงและ เหมาะกับ ใช้กลางวันสั้นๆ แล้วชาร์ทกลางคืน
ซึ่ง ก็จริง คือ ถ้า รถทุกคันมีแต่ EV  มาชาร์ท แบตเตอร์รี่ ตอนกลางวันพร้อมกันหมด จะเอาไฟฟ้าจากไหน
คือผมอ่าน ก็ไม่มีตรงไหน Toyota บอกว่าจะไม่ทำ EV นะ

มีปัญหา อะไรกับ Toyota ละป่าว

Tanaka said: "Toyota isn't denying the benefits of EVs. But we think the best way to use them is to charge them at night (to avoid peak power consumption hours), and use them for short distances during the day."

แค่เนี้ย ????



หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤศจิกายน 10, 2016, 09:06:06

http://www.ibtimes.co.uk/toyota-engineer-claims-battery-powered-electric-vehicles-have-no-future-1496911
เห็นเอา วิศวกรคนนึงออกมาแถบิดเบือนข้อมูลสกัด EV ตอนนี้เปลี่ยนใจซะงั้น
จะบอกว่า ระยะทาง 186 ไมลืในปี 2020 ถือว่าเฉยๆงั้นๆมากๆ เมื่อพิจารณาถึง progress ของ  batt technology ตอนนี้ Leaf รุ่นปัจจุบันได้ระยะทางนั้นสบายๆ มีข่าวว่าจะออกรุ่นเกิน 300 ไมล์มาอีกไม่กี่ปีด้วยซ้ำ
http://www.autocar.co.uk/car-news/new-cars/next-gen-nissan-leaf-aims-340-mile-range
ผมว่าโคตรค่อยเป็นค่อยไปเลยสำหรับโตโยต้า  เรียกว่า lag behind ชาวบ้านมากกว่า Gap จะเยอะกว่านี้ขึ้นเรื่อยๆ

คือ พาดหัว กับ เนื้อหาคนละเรื่องเลยอะ
เค้าแค่บอกว่า มันมีข้อจำกัด ในการใช้งานจริงและ เหมาะกับ ใช้กลางวันสั้นๆ แล้วชาร์ทกลางคืน
ซึ่ง ก็จริง คือ ถ้า รถทุกคันมีแต่ EV  มาชาร์ท แบตเตอร์รี่ ตอนกลางวันพร้อมกันหมด จะเอาไฟฟ้าจากไหน
คือผมอ่าน ก็ไม่มีตรงไหน Toyota บอกว่าจะไม่ทำ EV นะ

มีปัญหา อะไรกับ Toyota ละป่าว

Tanaka said: "Toyota isn't denying the benefits of EVs. But we think the best way to use them is to charge them at night (to avoid peak power consumption hours), and use them for short distances during the day."

แค่เนี้ย ????

คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าว่ามี source อื่นๆของพลังไฟฟ้า  Solar panel, supercharger station, charging stand หัดดูข้อมูลวงกว้างบ้างนะครับไม่ใช่ อยู่ในโลกที่โตโยต้ามันป้อนข้อมูลให้อย่างเดียว เออ ลืมไป ติ่งโตโยต้า

ส่วนไอ้ที่โตโยต้ามันบอกให้ใช้ short distance ช่วง day time นี่ไม่ rational อย่างแรงครับ รถ EV มีแต่ระยะทางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไอ้นี่มาแถบิดเบือนบอกให้ใช้แค่ช่วงเวลาจำกัด ฟังไม่ขึ้นหรอกนะครับ

ไม่มีอคติกับไอ้ต้าหรอกนะครับ รถดีๆแบบ JZA70, JZA80, JZX100, JZZ30 ผมก็ชม ไอ้ที่ห่วยๆ โดยเฉพาะด้านดีไซน์แบบ Mirai, Prius ผมก็ติ ไม่อวยหัวทิ่มเหมือนพวกติ่งโตโยต้าหรอกนะ

 
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 10, 2016, 10:20:24

http://www.ibtimes.co.uk/toyota-engineer-claims-battery-powered-electric-vehicles-have-no-future-1496911
เห็นเอา วิศวกรคนนึงออกมาแถบิดเบือนข้อมูลสกัด EV ตอนนี้เปลี่ยนใจซะงั้น
จะบอกว่า ระยะทาง 186 ไมลืในปี 2020 ถือว่าเฉยๆงั้นๆมากๆ เมื่อพิจารณาถึง progress ของ  batt technology ตอนนี้ Leaf รุ่นปัจจุบันได้ระยะทางนั้นสบายๆ มีข่าวว่าจะออกรุ่นเกิน 300 ไมล์มาอีกไม่กี่ปีด้วยซ้ำ
http://www.autocar.co.uk/car-news/new-cars/next-gen-nissan-leaf-aims-340-mile-range
ผมว่าโคตรค่อยเป็นค่อยไปเลยสำหรับโตโยต้า  เรียกว่า lag behind ชาวบ้านมากกว่า Gap จะเยอะกว่านี้ขึ้นเรื่อยๆ

คือ พาดหัว กับ เนื้อหาคนละเรื่องเลยอะ
เค้าแค่บอกว่า มันมีข้อจำกัด ในการใช้งานจริงและ เหมาะกับ ใช้กลางวันสั้นๆ แล้วชาร์ทกลางคืน
ซึ่ง ก็จริง คือ ถ้า รถทุกคันมีแต่ EV  มาชาร์ท แบตเตอร์รี่ ตอนกลางวันพร้อมกันหมด จะเอาไฟฟ้าจากไหน
คือผมอ่าน ก็ไม่มีตรงไหน Toyota บอกว่าจะไม่ทำ EV นะ

มีปัญหา อะไรกับ Toyota ละป่าว

Tanaka said: "Toyota isn't denying the benefits of EVs. But we think the best way to use them is to charge them at night (to avoid peak power consumption hours), and use them for short distances during the day."

แค่เนี้ย ????
คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าว่ามี source อื่นๆของพลังไฟฟ้า  Solar panel, supercharger station, charging stand หัดดูข้อมูลวงกว้างบ้างนะครับไม่ใช่ อยู่ในโลกที่โตโยต้ามันป้อนข้อมูลให้อย่างเดียว เออ ลืมไป ติ่งโตโยต้า
ส่วนไอ้ที่โตโยต้ามันบอกให้ใช้ short distance ช่วง day time นี่ไม่ rational อย่างแรงครับ รถ EV มีแต่ระยะทางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไอ้นี่มาแถบิดเบือนบอกให้ใช้แค่ช่วงเวลาจำกัด ฟังไม่ขึ้นหรอกนะครับ
ไม่มีอคติกับไอ้ต้าหรอกนะครับ รถดีๆแบบ JZA70, JZA80, JZX100, JZZ30 ผมก็ชม ไอ้ที่ห่วยๆ โดยเฉพาะด้านดีไซน์แบบ Mirai, Prius ผมก็ติ ไม่อวยหัวทิ่มเหมือนพวกติ่งโตโยต้าหรอกนะ
 

เค้าพูด ใน มุมมองประเทศเค้าไงครับ ไม่ได้ พูดถึง โลกทั้งหมด
เค้าไม่ได้ มี ทรัพยาการ มาก ที่ จะผลิต พลังงานไฟฟ้า
และเค้า พูดถึง ปัจจุบัน ครับ

Solar panel, supercharger station, charging stand ที่ คุณ พูดถึง มันอยู่ไหนครับ ????

หัดดูข้อมูลจริงๆ ณ ปัจจุบันด้วยครับ
ไม่ได้ อยู่แต่กับ อนาคต ที่ ยังมาไม่ถึง

EV มาแน่ครับ แต่มันไม่ได้ ขึ้นอยู่กับ ค่ายรถ อย่างเดียว

ผมมอง ความจริง ณ ปัจจุบันครับ
หากรัฐบาลชาติไหน สนับสนุน  Solar panel, supercharger station, charging stand แลเพียงพอ ต่อการใช้งาน
EV มันก็มาเอง
นี่ โรงไฟฟ้า ยังไม่พอใช้กันเลย

เหมือนเครื่องยนต์สันดาปนั่นละ น้ำมันมันก็มาก่อน เครื่องยนต์

แล้วไหน ข้อความ ที่ว่า Toyota จะไม่ทำ EV ผมยังหาไม่เจอเลย
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤศจิกายน 10, 2016, 10:33:50

http://www.ibtimes.co.uk/toyota-engineer-claims-battery-powered-electric-vehicles-have-no-future-1496911
เห็นเอา วิศวกรคนนึงออกมาแถบิดเบือนข้อมูลสกัด EV ตอนนี้เปลี่ยนใจซะงั้น
จะบอกว่า ระยะทาง 186 ไมลืในปี 2020 ถือว่าเฉยๆงั้นๆมากๆ เมื่อพิจารณาถึง progress ของ  batt technology ตอนนี้ Leaf รุ่นปัจจุบันได้ระยะทางนั้นสบายๆ มีข่าวว่าจะออกรุ่นเกิน 300 ไมล์มาอีกไม่กี่ปีด้วยซ้ำ
http://www.autocar.co.uk/car-news/new-cars/next-gen-nissan-leaf-aims-340-mile-range
ผมว่าโคตรค่อยเป็นค่อยไปเลยสำหรับโตโยต้า  เรียกว่า lag behind ชาวบ้านมากกว่า Gap จะเยอะกว่านี้ขึ้นเรื่อยๆ

คือ พาดหัว กับ เนื้อหาคนละเรื่องเลยอะ
เค้าแค่บอกว่า มันมีข้อจำกัด ในการใช้งานจริงและ เหมาะกับ ใช้กลางวันสั้นๆ แล้วชาร์ทกลางคืน
ซึ่ง ก็จริง คือ ถ้า รถทุกคันมีแต่ EV  มาชาร์ท แบตเตอร์รี่ ตอนกลางวันพร้อมกันหมด จะเอาไฟฟ้าจากไหน
คือผมอ่าน ก็ไม่มีตรงไหน Toyota บอกว่าจะไม่ทำ EV นะ

มีปัญหา อะไรกับ Toyota ละป่าว

Tanaka said: "Toyota isn't denying the benefits of EVs. But we think the best way to use them is to charge them at night (to avoid peak power consumption hours), and use them for short distances during the day."

แค่เนี้ย ????
คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าว่ามี source อื่นๆของพลังไฟฟ้า  Solar panel, supercharger station, charging stand หัดดูข้อมูลวงกว้างบ้างนะครับไม่ใช่ อยู่ในโลกที่โตโยต้ามันป้อนข้อมูลให้อย่างเดียว เออ ลืมไป ติ่งโตโยต้า
ส่วนไอ้ที่โตโยต้ามันบอกให้ใช้ short distance ช่วง day time นี่ไม่ rational อย่างแรงครับ รถ EV มีแต่ระยะทางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไอ้นี่มาแถบิดเบือนบอกให้ใช้แค่ช่วงเวลาจำกัด ฟังไม่ขึ้นหรอกนะครับ
ไม่มีอคติกับไอ้ต้าหรอกนะครับ รถดีๆแบบ JZA70, JZA80, JZX100, JZZ30 ผมก็ชม ไอ้ที่ห่วยๆ โดยเฉพาะด้านดีไซน์แบบ Mirai, Prius ผมก็ติ ไม่อวยหัวทิ่มเหมือนพวกติ่งโตโยต้าหรอกนะ
 

เค้าพูด ใน มุมมองประเทศเค้าไงครับ ไม่ได้ พูดถึง โลกทั้งหมด
เค้าไม่ได้ มี ทรัพยาการ มาก ที่ จะผลิต พลังงานไฟฟ้า
และเค้า พูดถึง ปัจจุบัน ครับ

Solar panel, supercharger station, charging stand ที่ คุณ พูดถึง มันอยู่ไหนครับ ????

หัดดูข้อมูลจริงๆ ณ ปัจจุบันด้วยครับ
ไม่ได้ อยู่แต่กับ อนาคต ที่ ยังมาไม่ถึง

EV มาแน่ครับ แต่มันไม่ได้ ขึ้นอยู่กับ ค่ายรถ อย่างเดียว

ผมมอง ความจริง ณ ปัจจุบันครับ
หากรัฐบาลชาติไหน สนับสนุน  Solar panel, supercharger station, charging stand แลเพียงพอ ต่อการใช้งาน
EV มันก็มาเอง
นี่ โรงไฟฟ้า ยังไม่พอใช้กันเลย

เหมือนเครื่องยนต์สันดาปนั่นละ น้ำมันมันก็มาก่อน เครื่องยนต์

แล้วไหน ข้อความ ที่ว่า Toyota จะไม่ทำ EV ผมยังหาไม่เจอเลย

"Solar panel, supercharger station, charging stand ที่ คุณ พูดถึง มันอยู่ไหนครับ ????"

ผมว่าคุณออกจากกะลาโตโยต้า ไปดูข้อมูลกว้างๆหน่อยก่อนมาแถว่าผมหัดดูข้อมูลจริงๆ ณ ปัจจุบัน  ไหนๆก็ไหนๆ เอาตัวอย่างมาแปะให้ละกัน ถ้าอ่านอังกิดไม่ออกก็ใช้ google translate เอาละกัน


https://www.revisionenergy.com/at-home/electric-vehicle-charging/
https://www.cnet.com/roadshow/news/san-francisco-introduces-free-solar-powered-electric-vehicle-charging/
https://en.wikipedia.org/wiki/Tesla_station
https://en.wikipedia.org/wiki/Charging_station

ในตัวอย่างพวกนี้ เค้ามี referenceข้อมูลอ้างอิงอยู่ หัดตามไปดูข้อมูลเพิ่มเติมเอา

ผมว่าคุณเหมือนพวกที่รอให้มีคนเอาข้อมูลมาป้อนๆให้อย่างเดียว ไม่กล้าหาเอง  ไม่ดูข้อมูลหลากหลาย เปรียบเทียบ วิเคราะห์พิจารณา ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องภาษาหรือเปล่า หรือรับฟังแต่ข้อมูลฝั่งไอ้ต้าพล่ามอย่างเดียวเลย แล้วเชื่อสุดๆ
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 10, 2016, 14:28:47

"Solar panel, supercharger station, charging stand ที่ คุณ พูดถึง มันอยู่ไหนครับ ????"

ผมว่าคุณออกจากกะลาโตโยต้า ไปดูข้อมูลกว้างๆหน่อยก่อนมาแถว่าผมหัดดูข้อมูลจริงๆ ณ ปัจจุบัน  ไหนๆก็ไหนๆ เอาตัวอย่างมาแปะให้ละกัน ถ้าอ่านอังกิดไม่ออกก็ใช้ google translate เอาละกัน

https://www.revisionenergy.com/at-home/electric-vehicle-charging/
https://www.cnet.com/roadshow/news/san-francisco-introduces-free-solar-powered-electric-vehicle-charging/
https://en.wikipedia.org/wiki/Tesla_station
https://en.wikipedia.org/wiki/Charging_station

ในตัวอย่างพวกนี้ เค้ามี referenceข้อมูลอ้างอิงอยู่ หัดตามไปดูข้อมูลเพิ่มเติมเอา

ผมว่าคุณเหมือนพวกที่รอให้มีคนเอาข้อมูลมาป้อนๆให้อย่างเดียว ไม่กล้าหาเอง  ไม่ดูข้อมูลหลากหลาย เปรียบเทียบ วิเคราะห์พิจารณา ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องภาษาหรือเปล่า หรือรับฟังแต่ข้อมูลฝั่งไอ้ต้าพล่ามอย่างเดียวเลย แล้วเชื่อสุดๆ

เอา มาแปะ แล้วไงครับ 
ผมไม่ได้บอกมันไม่มี แต่มันยังมี ไม่เพียงพอ ในปัจจุบัน สำหรับ EV Mass Production ทั่วโลก
ผม ไม่ได้ โง่ขนาด ไม่รู้อะไรเป็นอะไร หรอกครับ แต่ ผมพยายาม อยู่ บน ปัจจุบัน และ ความจริง

คุณ ยังไม่ตอบผมเลย ว่า Toyota กลืนน้ำลายตัวเองยังไง เคยบอกเหรอจะไม่ทำ EV
คิด ว่าแผง solar ปัจจุบัน มันถูกนักรึไง ครับ พ่อคุณ
แล้วการ ใช้ supercharger  คิดว่ามันใช้พลังงานต่ำนักรึไง

ผมว่า ก่อนเอามาแปะอ่านด้วยก็ดีนะ

Solar sells the charging stations for $45,000 which adds about 10 miles per hour.

โถถถถถถถถถถ

ราคานี้ ขายใครได้ครับ ผมมมมม
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤศจิกายน 10, 2016, 14:46:40

"Solar panel, supercharger station, charging stand ที่ คุณ พูดถึง มันอยู่ไหนครับ ????"

ผมว่าคุณออกจากกะลาโตโยต้า ไปดูข้อมูลกว้างๆหน่อยก่อนมาแถว่าผมหัดดูข้อมูลจริงๆ ณ ปัจจุบัน  ไหนๆก็ไหนๆ เอาตัวอย่างมาแปะให้ละกัน ถ้าอ่านอังกิดไม่ออกก็ใช้ google translate เอาละกัน

https://www.revisionenergy.com/at-home/electric-vehicle-charging/
https://www.cnet.com/roadshow/news/san-francisco-introduces-free-solar-powered-electric-vehicle-charging/
https://en.wikipedia.org/wiki/Tesla_station
https://en.wikipedia.org/wiki/Charging_station

ในตัวอย่างพวกนี้ เค้ามี referenceข้อมูลอ้างอิงอยู่ หัดตามไปดูข้อมูลเพิ่มเติมเอา

ผมว่าคุณเหมือนพวกที่รอให้มีคนเอาข้อมูลมาป้อนๆให้อย่างเดียว ไม่กล้าหาเอง  ไม่ดูข้อมูลหลากหลาย เปรียบเทียบ วิเคราะห์พิจารณา ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องภาษาหรือเปล่า หรือรับฟังแต่ข้อมูลฝั่งไอ้ต้าพล่ามอย่างเดียวเลย แล้วเชื่อสุดๆ

เอา มาแปะ แล้วไงครับ 
ผมไม่ได้บอกมันไม่มี แต่มันยังมี ไม่เพียงพอ ในปัจจุบัน สำหรับ EV Mass Production ทั่วโลก
ผม ไม่ได้ โง่ขนาด ไม่รู้อะไรเป็นอะไร หรอกครับ แต่ ผมพยายาม อยู่ บน ปัจจุบัน และ ความจริง

คุณ ยังไม่ตอบผมเลย ว่า Toyota กลืนน้ำลายตัวเองยังไง เคยบอกเหรอจะไม่ทำ EV
คิด ว่าแผง solar ปัจจุบัน มันถูกนักรึไง ครับ พ่อคุณ
แล้วการ ใช้ supercharger  คิดว่ามันใช้พลังงานต่ำนักรึไง

ผมว่า ก่อนเอามาแปะอ่านด้วยก็ดีนะ

Solar sells the charging stations for $45,000 which adds about 10 miles per hour.

โถถถถถถถถถถ

ราคานี้ ขายใครได้ครับ ผมมมมม

ถ้าคุณหัดตามข้อมูลมาตลอดทางจะรู้ว่าการออกข่าวของไอ้ต้าตลอดมามี implication ค่อนข้างชัดเจนสำหรับ EV โดยสรุปง่ายๆนะครับว่าไอ้ต้า และพวกพ้อเช่นฮอนด้า มี approach ไปทาง fuel cell อย่างชัดเจน จนกระทั่งกระแส EV มันมาแรง ยอดจองยาวกันข้ามปี ( Tesla model 3 เมื่อเทียบกับ Mirai LOL) และสอง big ตลาดรถใหญ่อย่าง  USA และ จีนสนับสนุน EV กันอย่างเต็มตัว   ถ้าไอ้ต้ายังหัวทิ่มไม่ยอมเข้ามา EV ก็จะเสียเปรียบอย่างมากในระยะยาว ซึ่งพอตอนนี้รีบเปลี่ยนใจเข้ามา tech ก็ตามหลังคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด

ผมเรียกไม่ยอมทำ EV หัวรั้นไปกับ Fuel cell อยู่นั่นจนตอนนี้เพิ่งรู้ตัวว่าจะเสีย competitiveness ในอนาคต ก็เลยยอมเปลี่ยนใจซะงั้น

อะแหม renewable tech ยังมีอีกเพียบฮะ เพื่อรองรับการชาร์ต EV  ไอ้ที่แปะมาคือแค่ตัวอย่างนึง ซึ่งการเล่น solar panel มันมีหลาย tier หลาย price range

ผมพูดแรงๆเลยดีกว่า ปัจจุบันของพวกคุณ กลุ่มทำชิ้นส่วน กลุ่มaftermarket services รถยนต์ในบ้านเรากะลังจะไม่มีที่อยู่ในอนาคตครับ เพราะพวกคุณปรับตัวเข้าสู่ tech ใหม่ไมได้ ไม่ทัน ไม่ยอมเปลี่ยน เป็นอย่างที่เห็นว่ามีการต่อต้านการเอารถ EV เข้ามาขายแบบภาษีต่ำ จากฝั่งพวกคุณ

ผม consumer ไม่ได้แคร์หรอกนะ

 
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 10, 2016, 15:23:30

"Solar panel, supercharger station, charging stand ที่ คุณ พูดถึง มันอยู่ไหนครับ ????"

ผมว่าคุณออกจากกะลาโตโยต้า ไปดูข้อมูลกว้างๆหน่อยก่อนมาแถว่าผมหัดดูข้อมูลจริงๆ ณ ปัจจุบัน  ไหนๆก็ไหนๆ เอาตัวอย่างมาแปะให้ละกัน ถ้าอ่านอังกิดไม่ออกก็ใช้ google translate เอาละกัน

https://www.revisionenergy.com/at-home/electric-vehicle-charging/
https://www.cnet.com/roadshow/news/san-francisco-introduces-free-solar-powered-electric-vehicle-charging/
https://en.wikipedia.org/wiki/Tesla_station
https://en.wikipedia.org/wiki/Charging_station
ในตัวอย่างพวกนี้ เค้ามี referenceข้อมูลอ้างอิงอยู่ หัดตามไปดูข้อมูลเพิ่มเติมเอา
ผมว่าคุณเหมือนพวกที่รอให้มีคนเอาข้อมูลมาป้อนๆให้อย่างเดียว ไม่กล้าหาเอง  ไม่ดูข้อมูลหลากหลาย เปรียบเทียบ วิเคราะห์พิจารณา ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องภาษาหรือเปล่า หรือรับฟังแต่ข้อมูลฝั่งไอ้ต้าพล่ามอย่างเดียวเลย แล้วเชื่อสุดๆ

เอา มาแปะ แล้วไงครับ 
ผมไม่ได้บอกมันไม่มี แต่มันยังมี ไม่เพียงพอ ในปัจจุบัน สำหรับ EV Mass Production ทั่วโลก
ผม ไม่ได้ โง่ขนาด ไม่รู้อะไรเป็นอะไร หรอกครับ แต่ ผมพยายาม อยู่ บน ปัจจุบัน และ ความจริง
คุณ ยังไม่ตอบผมเลย ว่า Toyota กลืนน้ำลายตัวเองยังไง เคยบอกเหรอจะไม่ทำ EV
คิด ว่าแผง solar ปัจจุบัน มันถูกนักรึไง ครับ พ่อคุณ
แล้วการ ใช้ supercharger  คิดว่ามันใช้พลังงานต่ำนักรึไง
ผมว่า ก่อนเอามาแปะอ่านด้วยก็ดีนะ
Solar sells the charging stations for $45,000 which adds about 10 miles per hour.
โถถถถถถถถถถ
ราคานี้ ขายใครได้ครับ ผมมมมม

ถ้าคุณหัดตามข้อมูลมาตลอดทางจะรู้ว่าการออกข่าวของไอ้ต้าตลอดมามี implication ค่อนข้างชัดเจนสำหรับ EV โดยสรุปง่ายๆนะครับว่าไอ้ต้า และพวกพ้อเช่นฮอนด้า มี approach ไปทาง fuel cell อย่างชัดเจน จนกระทั่งกระแส EV มันมาแรง ยอดจองยาวกันข้ามปี ( Tesla model 3 เมื่อเทียบกับ Mirai LOL) และสอง big ตลาดรถใหญ่อย่าง  USA และ จีนสนับสนุน EV กันอย่างเต็มตัว   ถ้าไอ้ต้ายังหัวทิ่มไม่ยอมเข้ามา EV ก็จะเสียเปรียบอย่างมากในระยะยาว ซึ่งพอตอนนี้รีบเปลี่ยนใจเข้ามา tech ก็ตามหลังคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
ผมเรียกไม่ยอมทำ EV หัวรั้นไปกับ Fuel cell อยู่นั่นจนตอนนี้เพิ่งรู้ตัวว่าจะเสีย competitiveness ในอนาคต ก็เลยยอมเปลี่ยนใจซะงั้น
อะแหม renewable tech ยังมีอีกเพียบฮะ เพื่อรองรับการชาร์ต EV  ไอ้ที่แปะมาคือแค่ตัวอย่างนึง ซึ่งการเล่น solar panel มันมีหลาย tier หลาย price range
ผมพูดแรงๆเลยดีกว่า ปัจจุบันของพวกคุณ กลุ่มทำชิ้นส่วน กลุ่มaftermarket services รถยนต์ในบ้านเรากะลังจะไม่มีที่อยู่ในอนาคตครับ เพราะพวกคุณปรับตัวเข้าสู่ tech ใหม่ไมได้ ไม่ทัน ไม่ยอมเปลี่ยน เป็นอย่างที่เห็นว่ามีการต่อต้านการเอารถ EV เข้ามาขายแบบภาษีต่ำ จากฝั่งพวกคุณ
ผม consumer ไม่ได้แคร์หรอกนะ

tech  มันก็มีเยอะครับ มีเยอะไปหมดนั่น ละ อยากพูด อยากเพ้อเจออะไรก็ได้ครับ 
แต่ ความเป็น จริง ณ วันนี้ เวลา นี้ ปัจจุบัน หรือ อนาคตอันใกล้นี้ จับต้องได้ และ คุ้มค่า สำหรับ คนทั่วไป

ผมเคยบอกคุณไปแล้ว ถ้า Toyota เอาจริง เค้าทำไปนานแล้วครับ แล้วเค้าก็เอาจริงก็ทำได้ ได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่ วันนี้ ยอดขาย เบอร์หนึ่งโลก ก็ยัง เป็น Toyota อยู่นะจ้ะ

ส่วนผมจะเป็น กลุ่มไหน มันก็ไม่สำคัญ เพราะผม คือ มนุษย์ เหมือนกับ คุณ ไม่ได้แบ่ง ฝ่ายว่าเป็น เทวดามาจากไหน
ผมนี่ ละเบื่อ วลี ประโยค เหยียดชาติพันธ์ เหยียดความคิด ดูถูกคนอื่น แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ของคุณจริงๆ เลย  ให้ตายเถอะ
ยิ่ง คุณ พูดแรง เท่าไหร่ ก็สะท้อน ตัวตน คุณได้อย่างดี ครับ ขอบคุณนะ

ผมมันก็แค่ลูกจ้าง

EV จะรุ่ง หรือ ร่วง มันอยู่ที่นโยภายรัฐบาลมากกว่ามั้ย
ไหนละ EV ภาษีต่ำ ออกมาละยัง นโยบายรัฐ รออยู่
จริงๆ ผมสนับสนุนให้ มี EV ด้วยซ้ำนะ ถ้ากลับ ไปอ่าน ตั้งแต่ ต้น กระทู้
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤศจิกายน 11, 2016, 09:11:53

"Solar panel, supercharger station, charging stand ที่ คุณ พูดถึง มันอยู่ไหนครับ ????"

ผมว่าคุณออกจากกะลาโตโยต้า ไปดูข้อมูลกว้างๆหน่อยก่อนมาแถว่าผมหัดดูข้อมูลจริงๆ ณ ปัจจุบัน  ไหนๆก็ไหนๆ เอาตัวอย่างมาแปะให้ละกัน ถ้าอ่านอังกิดไม่ออกก็ใช้ google translate เอาละกัน

https://www.revisionenergy.com/at-home/electric-vehicle-charging/
https://www.cnet.com/roadshow/news/san-francisco-introduces-free-solar-powered-electric-vehicle-charging/
https://en.wikipedia.org/wiki/Tesla_station
https://en.wikipedia.org/wiki/Charging_station
ในตัวอย่างพวกนี้ เค้ามี referenceข้อมูลอ้างอิงอยู่ หัดตามไปดูข้อมูลเพิ่มเติมเอา
ผมว่าคุณเหมือนพวกที่รอให้มีคนเอาข้อมูลมาป้อนๆให้อย่างเดียว ไม่กล้าหาเอง  ไม่ดูข้อมูลหลากหลาย เปรียบเทียบ วิเคราะห์พิจารณา ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องภาษาหรือเปล่า หรือรับฟังแต่ข้อมูลฝั่งไอ้ต้าพล่ามอย่างเดียวเลย แล้วเชื่อสุดๆ

เอา มาแปะ แล้วไงครับ 
ผมไม่ได้บอกมันไม่มี แต่มันยังมี ไม่เพียงพอ ในปัจจุบัน สำหรับ EV Mass Production ทั่วโลก
ผม ไม่ได้ โง่ขนาด ไม่รู้อะไรเป็นอะไร หรอกครับ แต่ ผมพยายาม อยู่ บน ปัจจุบัน และ ความจริง
คุณ ยังไม่ตอบผมเลย ว่า Toyota กลืนน้ำลายตัวเองยังไง เคยบอกเหรอจะไม่ทำ EV
คิด ว่าแผง solar ปัจจุบัน มันถูกนักรึไง ครับ พ่อคุณ
แล้วการ ใช้ supercharger  คิดว่ามันใช้พลังงานต่ำนักรึไง
ผมว่า ก่อนเอามาแปะอ่านด้วยก็ดีนะ
Solar sells the charging stations for $45,000 which adds about 10 miles per hour.
โถถถถถถถถถถ
ราคานี้ ขายใครได้ครับ ผมมมมม

ถ้าคุณหัดตามข้อมูลมาตลอดทางจะรู้ว่าการออกข่าวของไอ้ต้าตลอดมามี implication ค่อนข้างชัดเจนสำหรับ EV โดยสรุปง่ายๆนะครับว่าไอ้ต้า และพวกพ้อเช่นฮอนด้า มี approach ไปทาง fuel cell อย่างชัดเจน จนกระทั่งกระแส EV มันมาแรง ยอดจองยาวกันข้ามปี ( Tesla model 3 เมื่อเทียบกับ Mirai LOL) และสอง big ตลาดรถใหญ่อย่าง  USA และ จีนสนับสนุน EV กันอย่างเต็มตัว   ถ้าไอ้ต้ายังหัวทิ่มไม่ยอมเข้ามา EV ก็จะเสียเปรียบอย่างมากในระยะยาว ซึ่งพอตอนนี้รีบเปลี่ยนใจเข้ามา tech ก็ตามหลังคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
ผมเรียกไม่ยอมทำ EV หัวรั้นไปกับ Fuel cell อยู่นั่นจนตอนนี้เพิ่งรู้ตัวว่าจะเสีย competitiveness ในอนาคต ก็เลยยอมเปลี่ยนใจซะงั้น
อะแหม renewable tech ยังมีอีกเพียบฮะ เพื่อรองรับการชาร์ต EV  ไอ้ที่แปะมาคือแค่ตัวอย่างนึง ซึ่งการเล่น solar panel มันมีหลาย tier หลาย price range
ผมพูดแรงๆเลยดีกว่า ปัจจุบันของพวกคุณ กลุ่มทำชิ้นส่วน กลุ่มaftermarket services รถยนต์ในบ้านเรากะลังจะไม่มีที่อยู่ในอนาคตครับ เพราะพวกคุณปรับตัวเข้าสู่ tech ใหม่ไมได้ ไม่ทัน ไม่ยอมเปลี่ยน เป็นอย่างที่เห็นว่ามีการต่อต้านการเอารถ EV เข้ามาขายแบบภาษีต่ำ จากฝั่งพวกคุณ
ผม consumer ไม่ได้แคร์หรอกนะ

tech  มันก็มีเยอะครับ มีเยอะไปหมดนั่น ละ อยากพูด อยากเพ้อเจออะไรก็ได้ครับ 
แต่ ความเป็น จริง ณ วันนี้ เวลา นี้ ปัจจุบัน หรือ อนาคตอันใกล้นี้ จับต้องได้ และ คุ้มค่า สำหรับ คนทั่วไป

ผมเคยบอกคุณไปแล้ว ถ้า Toyota เอาจริง เค้าทำไปนานแล้วครับ แล้วเค้าก็เอาจริงก็ทำได้ ได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่ วันนี้ ยอดขาย เบอร์หนึ่งโลก ก็ยัง เป็น Toyota อยู่นะจ้ะ

ส่วนผมจะเป็น กลุ่มไหน มันก็ไม่สำคัญ เพราะผม คือ มนุษย์ เหมือนกับ คุณ ไม่ได้แบ่ง ฝ่ายว่าเป็น เทวดามาจากไหน
ผมนี่ ละเบื่อ วลี ประโยค เหยียดชาติพันธ์ เหยียดความคิด ดูถูกคนอื่น แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ของคุณจริงๆ เลย  ให้ตายเถอะ
ยิ่ง คุณ พูดแรง เท่าไหร่ ก็สะท้อน ตัวตน คุณได้อย่างดี ครับ ขอบคุณนะ

ผมมันก็แค่ลูกจ้าง

EV จะรุ่ง หรือ ร่วง มันอยู่ที่นโยภายรัฐบาลมากกว่ามั้ย
ไหนละ EV ภาษีต่ำ ออกมาละยัง นโยบายรัฐ รออยู่
จริงๆ ผมสนับสนุนให้ มี EV ด้วยซ้ำนะ ถ้ากลับ ไปอ่าน ตั้งแต่ ต้น กระทู้

"ผมเคยบอกคุณไปแล้ว ถ้า Toyota เอาจริง เค้าทำไปนานแล้วครับ แล้วเค้าก็เอาจริงก็ทำได้ ได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่ วันนี้ ยอดขาย เบอร์หนึ่งโลก ก็ยัง เป็น Toyota อยู่นะจ้ะ "

แค่มุขเดิมๆ ที่พวกเจ้าตลาดหยิ่งพยองอ้างนั่นแหระครับ หลายเจ้าเส็ดไปแล้วด้วยมุขที่คุณอ้างแบบนี้ เคยเป็นเจ้าตลาด ตอนนี้ไม่เหลือ หัดไปดูเรื่องราวของฝั่ง CE มั่งนะฮราฟทั้ง Sony, Nokia, Kodak  พวกนี้ถ้าเค้าเอาจริงคงทำไปนานแล้ว (Flat panel display, Tablet/Smartphone, Digital still camera) และเอาจริงก็ทำได้ แถมเป็นเจ้าตลาดด้วย ฟังดูคุ้นๆดีครับ 

ผมว่าเค้าดูtrend ไม่ออกซะมากกว่า แล้วให้ข้อมูลพยายามบิดเบือนตลอดเวลาที่ผ่านมาด้วยความหยิ่ง ข้าเจ๋ง เป็นเจ้าตลาด ไม่กลัวหรอก จนตอนนี้ lag behind แล้วเป็นไงครับ

สไตล์ผมแค่พูดแบบ hard truth แรงบ้าง soft บ้าง ไม่เน้นหวานเลี้ยนอวยๆแบบพวกติ่งหรอกนะครับ   
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 11, 2016, 10:07:25

"Solar panel, supercharger station, charging stand ที่ คุณ พูดถึง มันอยู่ไหนครับ ????"

ผมว่าคุณออกจากกะลาโตโยต้า ไปดูข้อมูลกว้างๆหน่อยก่อนมาแถว่าผมหัดดูข้อมูลจริงๆ ณ ปัจจุบัน  ไหนๆก็ไหนๆ เอาตัวอย่างมาแปะให้ละกัน ถ้าอ่านอังกิดไม่ออกก็ใช้ google translate เอาละกัน

https://www.revisionenergy.com/at-home/electric-vehicle-charging/
https://www.cnet.com/roadshow/news/san-francisco-introduces-free-solar-powered-electric-vehicle-charging/
https://en.wikipedia.org/wiki/Tesla_station
https://en.wikipedia.org/wiki/Charging_station
ในตัวอย่างพวกนี้ เค้ามี referenceข้อมูลอ้างอิงอยู่ หัดตามไปดูข้อมูลเพิ่มเติมเอา
ผมว่าคุณเหมือนพวกที่รอให้มีคนเอาข้อมูลมาป้อนๆให้อย่างเดียว ไม่กล้าหาเอง  ไม่ดูข้อมูลหลากหลาย เปรียบเทียบ วิเคราะห์พิจารณา ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องภาษาหรือเปล่า หรือรับฟังแต่ข้อมูลฝั่งไอ้ต้าพล่ามอย่างเดียวเลย แล้วเชื่อสุดๆ

เอา มาแปะ แล้วไงครับ 
ผมไม่ได้บอกมันไม่มี แต่มันยังมี ไม่เพียงพอ ในปัจจุบัน สำหรับ EV Mass Production ทั่วโลก
ผม ไม่ได้ โง่ขนาด ไม่รู้อะไรเป็นอะไร หรอกครับ แต่ ผมพยายาม อยู่ บน ปัจจุบัน และ ความจริง
คุณ ยังไม่ตอบผมเลย ว่า Toyota กลืนน้ำลายตัวเองยังไง เคยบอกเหรอจะไม่ทำ EV
คิด ว่าแผง solar ปัจจุบัน มันถูกนักรึไง ครับ พ่อคุณ
แล้วการ ใช้ supercharger  คิดว่ามันใช้พลังงานต่ำนักรึไง
ผมว่า ก่อนเอามาแปะอ่านด้วยก็ดีนะ
Solar sells the charging stations for $45,000 which adds about 10 miles per hour.
โถถถถถถถถถถ
ราคานี้ ขายใครได้ครับ ผมมมมม

ถ้าคุณหัดตามข้อมูลมาตลอดทางจะรู้ว่าการออกข่าวของไอ้ต้าตลอดมามี implication ค่อนข้างชัดเจนสำหรับ EV โดยสรุปง่ายๆนะครับว่าไอ้ต้า และพวกพ้อเช่นฮอนด้า มี approach ไปทาง fuel cell อย่างชัดเจน จนกระทั่งกระแส EV มันมาแรง ยอดจองยาวกันข้ามปี ( Tesla model 3 เมื่อเทียบกับ Mirai LOL) และสอง big ตลาดรถใหญ่อย่าง  USA และ จีนสนับสนุน EV กันอย่างเต็มตัว   ถ้าไอ้ต้ายังหัวทิ่มไม่ยอมเข้ามา EV ก็จะเสียเปรียบอย่างมากในระยะยาว ซึ่งพอตอนนี้รีบเปลี่ยนใจเข้ามา tech ก็ตามหลังคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
ผมเรียกไม่ยอมทำ EV หัวรั้นไปกับ Fuel cell อยู่นั่นจนตอนนี้เพิ่งรู้ตัวว่าจะเสีย competitiveness ในอนาคต ก็เลยยอมเปลี่ยนใจซะงั้น
อะแหม renewable tech ยังมีอีกเพียบฮะ เพื่อรองรับการชาร์ต EV  ไอ้ที่แปะมาคือแค่ตัวอย่างนึง ซึ่งการเล่น solar panel มันมีหลาย tier หลาย price range
ผมพูดแรงๆเลยดีกว่า ปัจจุบันของพวกคุณ กลุ่มทำชิ้นส่วน กลุ่มaftermarket services รถยนต์ในบ้านเรากะลังจะไม่มีที่อยู่ในอนาคตครับ เพราะพวกคุณปรับตัวเข้าสู่ tech ใหม่ไมได้ ไม่ทัน ไม่ยอมเปลี่ยน เป็นอย่างที่เห็นว่ามีการต่อต้านการเอารถ EV เข้ามาขายแบบภาษีต่ำ จากฝั่งพวกคุณ
ผม consumer ไม่ได้แคร์หรอกนะ

tech  มันก็มีเยอะครับ มีเยอะไปหมดนั่น ละ อยากพูด อยากเพ้อเจออะไรก็ได้ครับ 
แต่ ความเป็น จริง ณ วันนี้ เวลา นี้ ปัจจุบัน หรือ อนาคตอันใกล้นี้ จับต้องได้ และ คุ้มค่า สำหรับ คนทั่วไป

ผมเคยบอกคุณไปแล้ว ถ้า Toyota เอาจริง เค้าทำไปนานแล้วครับ แล้วเค้าก็เอาจริงก็ทำได้ ได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่ วันนี้ ยอดขาย เบอร์หนึ่งโลก ก็ยัง เป็น Toyota อยู่นะจ้ะ

ส่วนผมจะเป็น กลุ่มไหน มันก็ไม่สำคัญ เพราะผม คือ มนุษย์ เหมือนกับ คุณ ไม่ได้แบ่ง ฝ่ายว่าเป็น เทวดามาจากไหน
ผมนี่ ละเบื่อ วลี ประโยค เหยียดชาติพันธ์ เหยียดความคิด ดูถูกคนอื่น แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ของคุณจริงๆ เลย  ให้ตายเถอะ
ยิ่ง คุณ พูดแรง เท่าไหร่ ก็สะท้อน ตัวตน คุณได้อย่างดี ครับ ขอบคุณนะ

ผมมันก็แค่ลูกจ้าง

EV จะรุ่ง หรือ ร่วง มันอยู่ที่นโยภายรัฐบาลมากกว่ามั้ย
ไหนละ EV ภาษีต่ำ ออกมาละยัง นโยบายรัฐ รออยู่
จริงๆ ผมสนับสนุนให้ มี EV ด้วยซ้ำนะ ถ้ากลับ ไปอ่าน ตั้งแต่ ต้น กระทู้

"ผมเคยบอกคุณไปแล้ว ถ้า Toyota เอาจริง เค้าทำไปนานแล้วครับ แล้วเค้าก็เอาจริงก็ทำได้ ได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่ วันนี้ ยอดขาย เบอร์หนึ่งโลก ก็ยัง เป็น Toyota อยู่นะจ้ะ "
แค่มุขเดิมๆ ที่พวกเจ้าตลาดหยิ่งพยองอ้างนั่นแหระครับ หลายเจ้าเส็ดไปแล้วด้วยมุขที่คุณอ้างแบบนี้ เคยเป็นเจ้าตลาด ตอนนี้ไม่เหลือ หัดไปดูเรื่องราวของฝั่ง CE มั่งนะฮราฟทั้ง Sony, Nokia, Kodak  พวกนี้ถ้าเค้าเอาจริงคงทำไปนานแล้ว (Flat panel display, Tablet/Smartphone, Digital still camera) และเอาจริงก็ทำได้ แถมเป็นเจ้าตลาดด้วย ฟังดูคุ้นๆดีครับ 
ผมว่าเค้าดูtrend ไม่ออกซะมากกว่า แล้วให้ข้อมูลพยายามบิดเบือนตลอดเวลาที่ผ่านมาด้วยความหยิ่ง ข้าเจ๋ง เป็นเจ้าตลาด ไม่กลัวหรอก จนตอนนี้ lag behind แล้วเป็นไงครับ
สไตล์ผมแค่พูดแบบ hard truth แรงบ้าง soft บ้าง ไม่เน้นหวานเลี้ยนอวยๆแบบพวกติ่งหรอกนะครับ

พอดีไม่ได้เป็นอะไรกับ Toyota หรอกครับ แล้วก็ไม่ได้ ทำงาน เกี่ยวข้องด้วย
แต่ เจตนา ผมก็ ชัดเจน ว่าต้องการ กัด คุณ โดยเฉพาะนั่นละ เพราะ เห็น ตาม กัด Toyota ดีจริงๆ
เห็นมี ว่า Toyota จะล่มสลายแบบ Koduc นี่นะ และ บอก  Toyata กลืนน้ำลาย

ก็คอยดูกันต่อไปแล้วกัน ว่า Toyota จะล่มสลาย
เห็น บอก Toyota มาช้า ไม่ทัน
ก็ดูกันต่อไปละกัน

ตกลง Toyata เจ๋ง จริง มั้ยละครับ
ผมว่าเค้าเจ๋งนะ

Toyota พูดตอนไหน จะไม่ทำ EV
มันก็ถูกของเค้า ไม่ใช่ รึ ทำธุรกิจ ตามเทรน ของ ตลาด
ถ้าวันนี้ เทรนมันมา ก็ต้องทำ
พูดถึง Toyota ก็ อย่าไปยกตัวอย่าง Kodut, Sony, Nokia มันเกี่ยวกันตรงไหน

คุณบอก จนตอนนี้  lag behind แล้วเป็นไงครับ
ก็ไม่เห็นเป็นไงนี่ ก็เห็น ขายรถได้อยู่ แถมกำลังจะทำ EV
ซึ่ง ต่อให้มัน มีขาย ผมก็ไม่มีปัญญา และยังไม่ซื้อตอนนี้อยู่ดี

คอยดูต่อไปแล้วกัน
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤศจิกายน 11, 2016, 10:39:37

"Solar panel, supercharger station, charging stand ที่ คุณ พูดถึง มันอยู่ไหนครับ ????"

ผมว่าคุณออกจากกะลาโตโยต้า ไปดูข้อมูลกว้างๆหน่อยก่อนมาแถว่าผมหัดดูข้อมูลจริงๆ ณ ปัจจุบัน  ไหนๆก็ไหนๆ เอาตัวอย่างมาแปะให้ละกัน ถ้าอ่านอังกิดไม่ออกก็ใช้ google translate เอาละกัน

https://www.revisionenergy.com/at-home/electric-vehicle-charging/
https://www.cnet.com/roadshow/news/san-francisco-introduces-free-solar-powered-electric-vehicle-charging/
https://en.wikipedia.org/wiki/Tesla_station
https://en.wikipedia.org/wiki/Charging_station
ในตัวอย่างพวกนี้ เค้ามี referenceข้อมูลอ้างอิงอยู่ หัดตามไปดูข้อมูลเพิ่มเติมเอา
ผมว่าคุณเหมือนพวกที่รอให้มีคนเอาข้อมูลมาป้อนๆให้อย่างเดียว ไม่กล้าหาเอง  ไม่ดูข้อมูลหลากหลาย เปรียบเทียบ วิเคราะห์พิจารณา ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องภาษาหรือเปล่า หรือรับฟังแต่ข้อมูลฝั่งไอ้ต้าพล่ามอย่างเดียวเลย แล้วเชื่อสุดๆ

เอา มาแปะ แล้วไงครับ 
ผมไม่ได้บอกมันไม่มี แต่มันยังมี ไม่เพียงพอ ในปัจจุบัน สำหรับ EV Mass Production ทั่วโลก
ผม ไม่ได้ โง่ขนาด ไม่รู้อะไรเป็นอะไร หรอกครับ แต่ ผมพยายาม อยู่ บน ปัจจุบัน และ ความจริง
คุณ ยังไม่ตอบผมเลย ว่า Toyota กลืนน้ำลายตัวเองยังไง เคยบอกเหรอจะไม่ทำ EV
คิด ว่าแผง solar ปัจจุบัน มันถูกนักรึไง ครับ พ่อคุณ
แล้วการ ใช้ supercharger  คิดว่ามันใช้พลังงานต่ำนักรึไง
ผมว่า ก่อนเอามาแปะอ่านด้วยก็ดีนะ
Solar sells the charging stations for $45,000 which adds about 10 miles per hour.
โถถถถถถถถถถ
ราคานี้ ขายใครได้ครับ ผมมมมม

ถ้าคุณหัดตามข้อมูลมาตลอดทางจะรู้ว่าการออกข่าวของไอ้ต้าตลอดมามี implication ค่อนข้างชัดเจนสำหรับ EV โดยสรุปง่ายๆนะครับว่าไอ้ต้า และพวกพ้อเช่นฮอนด้า มี approach ไปทาง fuel cell อย่างชัดเจน จนกระทั่งกระแส EV มันมาแรง ยอดจองยาวกันข้ามปี ( Tesla model 3 เมื่อเทียบกับ Mirai LOL) และสอง big ตลาดรถใหญ่อย่าง  USA และ จีนสนับสนุน EV กันอย่างเต็มตัว   ถ้าไอ้ต้ายังหัวทิ่มไม่ยอมเข้ามา EV ก็จะเสียเปรียบอย่างมากในระยะยาว ซึ่งพอตอนนี้รีบเปลี่ยนใจเข้ามา tech ก็ตามหลังคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
ผมเรียกไม่ยอมทำ EV หัวรั้นไปกับ Fuel cell อยู่นั่นจนตอนนี้เพิ่งรู้ตัวว่าจะเสีย competitiveness ในอนาคต ก็เลยยอมเปลี่ยนใจซะงั้น
อะแหม renewable tech ยังมีอีกเพียบฮะ เพื่อรองรับการชาร์ต EV  ไอ้ที่แปะมาคือแค่ตัวอย่างนึง ซึ่งการเล่น solar panel มันมีหลาย tier หลาย price range
ผมพูดแรงๆเลยดีกว่า ปัจจุบันของพวกคุณ กลุ่มทำชิ้นส่วน กลุ่มaftermarket services รถยนต์ในบ้านเรากะลังจะไม่มีที่อยู่ในอนาคตครับ เพราะพวกคุณปรับตัวเข้าสู่ tech ใหม่ไมได้ ไม่ทัน ไม่ยอมเปลี่ยน เป็นอย่างที่เห็นว่ามีการต่อต้านการเอารถ EV เข้ามาขายแบบภาษีต่ำ จากฝั่งพวกคุณ
ผม consumer ไม่ได้แคร์หรอกนะ

tech  มันก็มีเยอะครับ มีเยอะไปหมดนั่น ละ อยากพูด อยากเพ้อเจออะไรก็ได้ครับ 
แต่ ความเป็น จริง ณ วันนี้ เวลา นี้ ปัจจุบัน หรือ อนาคตอันใกล้นี้ จับต้องได้ และ คุ้มค่า สำหรับ คนทั่วไป

ผมเคยบอกคุณไปแล้ว ถ้า Toyota เอาจริง เค้าทำไปนานแล้วครับ แล้วเค้าก็เอาจริงก็ทำได้ ได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่ วันนี้ ยอดขาย เบอร์หนึ่งโลก ก็ยัง เป็น Toyota อยู่นะจ้ะ

ส่วนผมจะเป็น กลุ่มไหน มันก็ไม่สำคัญ เพราะผม คือ มนุษย์ เหมือนกับ คุณ ไม่ได้แบ่ง ฝ่ายว่าเป็น เทวดามาจากไหน
ผมนี่ ละเบื่อ วลี ประโยค เหยียดชาติพันธ์ เหยียดความคิด ดูถูกคนอื่น แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ของคุณจริงๆ เลย  ให้ตายเถอะ
ยิ่ง คุณ พูดแรง เท่าไหร่ ก็สะท้อน ตัวตน คุณได้อย่างดี ครับ ขอบคุณนะ

ผมมันก็แค่ลูกจ้าง

EV จะรุ่ง หรือ ร่วง มันอยู่ที่นโยภายรัฐบาลมากกว่ามั้ย
ไหนละ EV ภาษีต่ำ ออกมาละยัง นโยบายรัฐ รออยู่
จริงๆ ผมสนับสนุนให้ มี EV ด้วยซ้ำนะ ถ้ากลับ ไปอ่าน ตั้งแต่ ต้น กระทู้

"ผมเคยบอกคุณไปแล้ว ถ้า Toyota เอาจริง เค้าทำไปนานแล้วครับ แล้วเค้าก็เอาจริงก็ทำได้ ได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่ วันนี้ ยอดขาย เบอร์หนึ่งโลก ก็ยัง เป็น Toyota อยู่นะจ้ะ "
แค่มุขเดิมๆ ที่พวกเจ้าตลาดหยิ่งพยองอ้างนั่นแหระครับ หลายเจ้าเส็ดไปแล้วด้วยมุขที่คุณอ้างแบบนี้ เคยเป็นเจ้าตลาด ตอนนี้ไม่เหลือ หัดไปดูเรื่องราวของฝั่ง CE มั่งนะฮราฟทั้ง Sony, Nokia, Kodak  พวกนี้ถ้าเค้าเอาจริงคงทำไปนานแล้ว (Flat panel display, Tablet/Smartphone, Digital still camera) และเอาจริงก็ทำได้ แถมเป็นเจ้าตลาดด้วย ฟังดูคุ้นๆดีครับ 
ผมว่าเค้าดูtrend ไม่ออกซะมากกว่า แล้วให้ข้อมูลพยายามบิดเบือนตลอดเวลาที่ผ่านมาด้วยความหยิ่ง ข้าเจ๋ง เป็นเจ้าตลาด ไม่กลัวหรอก จนตอนนี้ lag behind แล้วเป็นไงครับ
สไตล์ผมแค่พูดแบบ hard truth แรงบ้าง soft บ้าง ไม่เน้นหวานเลี้ยนอวยๆแบบพวกติ่งหรอกนะครับ

พอดีไม่ได้เป็นอะไรกับ Toyota หรอกครับ แล้วก็ไม่ได้ ทำงาน เกี่ยวข้องด้วย
แต่ เจตนา ผมก็ ชัดเจน ว่าต้องการ กัด คุณ โดยเฉพาะนั่นละ เพราะ เห็น ตาม กัด Toyota ดีจริงๆ
เห็นมี ว่า Toyota จะล่มสลายแบบ Koduc นี่นะ และ บอก  Toyata กลืนน้ำลาย

ก็คอยดูกันต่อไปแล้วกัน ว่า Toyota จะล่มสลาย
เห็น บอก Toyota มาช้า ไม่ทัน
ก็ดูกันต่อไปละกัน

ตกลง Toyata เจ๋ง จริง มั้ยละครับ
ผมว่าเค้าเจ๋งนะ

Toyota พูดตอนไหน จะไม่ทำ EV
มันก็ถูกของเค้า ไม่ใช่ รึ ทำธุรกิจ ตามเทรน ของ ตลาด
ถ้าวันนี้ เทรนมันมา ก็ต้องทำ
พูดถึง Toyota ก็ อย่าไปยกตัวอย่าง Kodut, Sony, Nokia มันเกี่ยวกันตรงไหน

คุณบอก จนตอนนี้  lag behind แล้วเป็นไงครับ
ก็ไม่เห็นเป็นไงนี่ ก็เห็น ขายรถได้อยู่ แถมกำลังจะทำ EV
ซึ่ง ต่อให้มัน มีขาย ผมก็ไม่มีปัญญา และยังไม่ซื้อตอนนี้อยู่ดี

คอยดูต่อไปแล้วกัน

Lag behind EV tech ซึ่งกะลังเป็น auto tech มาแทนพวก ICE ขณะที่ sale contribution ของ ไอ้ต้ายังยึดติดกับอย่างหลังอยู่ คงจะมี implication อะไรให้ดูกัน

ถ้าไอ้ต้ามันเก่งจริงแบบที่ติ่งแบบคุณบอก มันคงดู trend ออกตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่า ไม่ใช่หัวทิ่มไปกับ Fuel cell แล้วเอาลูกน้องมาบิดเบือนโจมตี EV แบบข้างๆคูๆ ที่ไอ้ต้ายอมเข้ามา เพราะ กระแส fuel cell มันดับ ขายไม่ออกขณะที่เทคโนคู่แข่งได้รับการยอมรับ และขยายอย่างต่อเนื่อง  แบบนี้คุณเรียกไอ้ต้าเก่ง!?


อะไรที่เค้าทำได้ดีอย่าง JZA70, JZA80, JZZ30, JZX100, SW22 ผมก็ชมครับ ดีไซน์ได้ดี ดูlow, wide ดี เครื่องพลังแรงดี

ส่วนอะไรโคตรห่วย ไม่รู้ดีไซน์ออกมาได้ยังไง คิดได้ยังไงอย่าง Mirai , Prius ผมวิจารณ์ไม่ยั้งครับ ไม่ใช่ติ่งโตโยต้าอวยๆไปวันๆ

มีหลายเรื่องที่ ไอ้ต้าทำแย่ ล้มไม่เป็นท่าอย่าง project genesis และคาดว่า Mirai  กะลังจะตามขึ้นหิ้งความล้มเหลวไปอีกไม่นาน  ส่วนพวกนี้พวกติ่งไม่ได้มองหรอก

ผมขำหลายเรื่องที่เค้าให้ลูกน้องออกมาแก้ด่าง บิดเบือนอะนะ ทั้ง EV no future, EV ใช้ได้ตอนกลางวันระยะทางสั้นๆ ซึ่งไอ้คำแถพวกนี้ โดนสวนได้ทั้งหมด

ขอนอกเรื่อง ที่ฮาที่สุดคือที่พยายามแก้ตัวเรื่อง moose test เป็นการทดสอบที่ specific กว่าทั่วไป แต่มีมันมีimplication อยู่ว่าทำไมของชาวบ้านคนอื่นก็ไม่มีอะไรผ่านโอเคทั้งการทดสอบมาตรฐาน global และ moose test แต่กระบะตัวเองสอบตก moose test มีอะไรน่าคิดแหะ  แต่พวกติ่งโตโยต้าไม่คิดหรอกครับ อวยอย่างเดียว

ผมค่อยดูอยู่ฮะ ฝั่งเพื่อนร่วมสัญชาติยุ่นด้วยกันอย่าง Nissan/MMC เค้ามีโอกาสแซงอยู่พอสมควรในตลาด Global จากปัจจัย หัวรั้น ช้าๆ เฉื่อยๆ ของโตต้าในวงการ EV 
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 11, 2016, 11:16:35
คอยดู กัน ต่อไป

ไม่มีใคร ห้าม Toyota ทำ EV  และ Toyota ก็ไม่เคยบอกจะไม่ทำ  ถ้ามี หาหลักฐานให้ที
เห็นรถ EV ของโตโยต้าทำมาก็เยอะ เคยแหกตาดูไหมครับ หรือเสพแต่ ข่าวตรงข้าม
ยิ่งปัจจุบัน พวก Plug-in Hybrid ก็ถือเป็น EV นะ ปิดเครื่องใช้ แต่ไฟฟ้า ก็ถือเป็น EV ได้
แค่พัฒนา ต่อยอดอีกนิด จะทำ Full EV ก็ได้ไม่ได้ กระจอก ขนาดนั้น
ส่วน Mirai ผมว่า เค้า ประกาศแผนการผลิตไว้แล้ว ไม่ได้มากมายอะไร เท่าที่ เห็น มันแค่ ทางเลือก ยอดขายขึ้นกับโครงสร้าง สถานีเติมก๊าซไฮรโดรเจน


หากมองโดยรวม Toyota มันเจ๋ง วะ
มีทุกอย่างอยู๋ในมือ เหลือแค่ จะทำ อะไรออกมาขายเมื่ไหร่ก็ได้
FCV,Hybrid,Plug-in Hybrid ,EV โอ้ย เยอะๆๆๆ

ส่วน moose test ไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน นั่นละ ห่วยกว่าชาวบ้าน ก็ว่ากันไป

แต่ Toyota ก็เจ๋ง อยู่ดี  คอยดูๆๆ
ผม ว่า คุณนั่น ละ หัดแหกตาดู ข้อมูลให้ครบๆ มั่ง
จะได้รู้ว่า Toyota เคยทำ EV มาแล้วนะ 555555
และ จะทำเมื่อไหร่ก็ได้

ผมขอใช้ ทัศนคติของผม ต่อ Toyota ไว้ละกัน และ คง ไม่ได้ ต่ออะไรอีก

Toyota ไม่ได้ ไม่ยอมรับ EV(BEV) ไม่ได้ช้า เพียงแค่ รอเวลาที่เหมาะสมต่างหาก และเค้าเริ่มแน่ แค่ ช้าหรือเร็ว

ในฐานะ ติ่ง Toyota แค่ เห็น ราคา Battery ของ Prius และ Camry เน่้นๆๆ ราคา ปัจจุบันนี้ ก็หนาวแทน
ดังนั้น ไม่แปลกที่ Toyota เลือก ภาพลักษณ์ ของรถยนต์ ที่มีค่า ซ่อมบำรุงรักษา และ ปัญหาน้อยที่สุดไว้ดีกว่า เป็นผู้นำเทคโนโลยี
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤศจิกายน 11, 2016, 18:22:57
คอยดู กัน ต่อไป

ไม่มีใคร ห้าม Toyota ทำ EV  และ Toyota ก็ไม่เคยบอกจะไม่ทำ  ถ้ามี หาหลักฐานให้ที
เห็นรถ EV ของโตโยต้าทำมาก็เยอะ เคยแหกตาดูไหมครับ หรือเสพแต่ ข่าวตรงข้าม
ยิ่งปัจจุบัน พวก Plug-in Hybrid ก็ถือเป็น EV นะ ปิดเครื่องใช้ แต่ไฟฟ้า ก็ถือเป็น EV ได้
แค่พัฒนา ต่อยอดอีกนิด จะทำ Full EV ก็ได้ไม่ได้ กระจอก ขนาดนั้น
ส่วน Mirai ผมว่า เค้า ประกาศแผนการผลิตไว้แล้ว ไม่ได้มากมายอะไร เท่าที่ เห็น มันแค่ ทางเลือก ยอดขายขึ้นกับโครงสร้าง สถานีเติมก๊าซไฮรโดรเจน


หากมองโดยรวม Toyota มันเจ๋ง วะ
มีทุกอย่างอยู๋ในมือ เหลือแค่ จะทำ อะไรออกมาขายเมื่ไหร่ก็ได้
FCV,Hybrid,Plug-in Hybrid ,EV โอ้ย เยอะๆๆๆ

ส่วน moose test ไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน นั่นละ ห่วยกว่าชาวบ้าน ก็ว่ากันไป

แต่ Toyota ก็เจ๋ง อยู่ดี  คอยดูๆๆ
ผม ว่า คุณนั่น ละ หัดแหกตาดู ข้อมูลให้ครบๆ มั่ง
จะได้รู้ว่า Toyota เคยทำ EV มาแล้วนะ 555555
และ จะทำเมื่อไหร่ก็ได้

ผมขอใช้ ทัศนคติของผม ต่อ Toyota ไว้ละกัน และ คง ไม่ได้ ต่ออะไรอีก

Toyota ไม่ได้ ไม่ยอมรับ EV(BEV) ไม่ได้ช้า เพียงแค่ รอเวลาที่เหมาะสมต่างหาก และเค้าเริ่มแน่ แค่ ช้าหรือเร็ว

ในฐานะ ติ่ง Toyota แค่ เห็น ราคา Battery ของ Prius และ Camry เน่้นๆๆ ราคา ปัจจุบันนี้ ก็หนาวแทน
ดังนั้น ไม่แปลกที่ Toyota เลือก ภาพลักษณ์ ของรถยนต์ ที่มีค่า ซ่อมบำรุงรักษา และ ปัญหาน้อยที่สุดไว้ดีกว่า เป็นผู้นำเทคโนโลยี


"ถ้ามี หาหลักฐานให้ที เห็นรถ EV ของโตโยต้าทำมาก็เยอะ เคยแหกตาดูไหมครับ หรือเสพแต่ ข่าวตรงข้าม"

หมายถึงคุณติ่ง ปะครับ  ก่อนที่จะโต้เรื่องอะไรทุกครั้งทุกเรื่องของการ discussion เป็นเรื่องธรรมดาที่ผมต้องหาข้อมูลสองด้านมาดูเทียบกันจะได้รู้ว่าจะสวนฝั่งตรงข้ามยังไง จะไล่ต้อนแม่งยังไง ส่วนคุณ เท่าที่สังเกตมาทุกครั้งไม่ได้ใช้ข้อมูลอะไรมาโต้มาเถียงหรือวิเคราะห์เลย  เอาแต่ความเชื่อ "ความรู้สึก" ล้วนๆซะงั้น หึหึหึ

"Toyota เคยทำ EV มาแล้วนะ"
ผมรู้นานแหระ ช่วงปลายยุค 90s เคยออก RAV4EV ออกมาครั้งนึง ส่วนคุณติ่งผมไม่รู้นะว่ารู้หรือเปล่า แต่มีimplication คือ เค้าทำแล้ว แต่ดันดูไม่ออกว่า EV คือ next gen ที่จะมาแทน ICE และเติบโตรวดเร็ว  เลยเลิกไปทำ fuel cell ซึ่งไม่มีการยอมรับกว้างขวาง ส่วน HEV/PHEV ก็กำลังถูก EV แท้แบบ Leaf, Volt ไล่เบียดจนมียอดขายลดลง   

"Toyota ไม่ได้ ไม่ยอมรับ EV(BEV) ไม่ได้ช้า เพียงแค่ รอเวลาที่เหมาะสมต่างหาก และเค้าเริ่มแน่ แค่ ช้าหรือเร็ว"
เอาง่ายๆดีกว่า  ถ้า EV ไม่ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดจองถล่มทลาย  เริ่มแย่งยอดขายของhybrid ส่วน fuel cell ที่โตต้ามันโปรโมทไม่รอด รวมทั้ง big power อย่างUS กับจีนสนับสนุนด้าน infrastructureและincentive  โตต้ามันจะเปลี่ยนใจไหมคับ!? หัดคิดหน่อย คุณติ่ง

ผมว่าสันดานพวกติ่ง จะเป็นประมาณที่คุณพล่ามๆมาใช่ปะครับ

แต่ก็นะ ติ่งก็ยังเป็นติ่งวันยังค่ำ อ้างเก่งโน้นนี้แต่ไม่มีข้อมูลหลักฐานเหตุผลที่มีน้ำหนักมาโต้แม้แต่อย่างเดียว พอถูกต้อนถูกจี้ให้แสดงข้อมูล หลักฐาน ก็แถข้างๆคูๆว่า ใช้ "ความรู้สึก"

สรุปแล้วโต้กับพวกติ่งแม่งไม่มันส์เลยจริงๆ เพราะพวกจะอวยๆอย่างเดียว ไม่ได้ใช้เหตุผล
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 12, 2016, 16:46:48
ถ้า เคยทำมาแล้ว จะหยุดหรือจะทำต่อ มันก้เป้นเรื่องง่ายๆครับ
ผมว่าผมพยายามใช้เหตุผลแล้วนะ

แต่ขอบคุณคำชม ครับ
ติ่ง Toyota แบบผม ขอบคุณจริงๆ

หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 12, 2016, 17:03:42

"ถ้ามี หาหลักฐานให้ที เห็นรถ EV ของโตโยต้าทำมาก็เยอะ เคยแหกตาดูไหมครับ หรือเสพแต่ ข่าวตรงข้าม"

หมายถึงคุณติ่ง ปะครับ  ก่อนที่จะโต้เรื่องอะไรทุกครั้งทุกเรื่องของการ discussion เป็นเรื่องธรรมดาที่ผมต้องหาข้อมูลสองด้านมาดูเทียบกันจะได้รู้ว่าจะสวนฝั่งตรงข้ามยังไง จะไล่ต้อนแม่งยังไง ส่วนคุณ เท่าที่สังเกตมาทุกครั้งไม่ได้ใช้ข้อมูลอะไรมาโต้มาเถียงหรือวิเคราะห์เลย  เอาแต่ความเชื่อ "ความรู้สึก" ล้วนๆซะงั้น หึหึหึ

"Toyota เคยทำ EV มาแล้วนะ"
ผมรู้นานแหระ ช่วงปลายยุค 90s เคยออก RAV4EV ออกมาครั้งนึง ส่วนคุณติ่งผมไม่รู้นะว่ารู้หรือเปล่า แต่มีimplication คือ เค้าทำแล้ว แต่ดันดูไม่ออกว่า EV คือ next gen ที่จะมาแทน ICE และเติบโตรวดเร็ว  เลยเลิกไปทำ fuel cell ซึ่งไม่มีการยอมรับกว้างขวาง ส่วน HEV/PHEV ก็กำลังถูก EV แท้แบบ Leaf, Volt ไล่เบียดจนมียอดขายลดลง   

"Toyota ไม่ได้ ไม่ยอมรับ EV(BEV) ไม่ได้ช้า เพียงแค่ รอเวลาที่เหมาะสมต่างหาก และเค้าเริ่มแน่ แค่ ช้าหรือเร็ว"
เอาง่ายๆดีกว่า  ถ้า EV ไม่ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดจองถล่มทลาย  เริ่มแย่งยอดขายของhybrid ส่วน fuel cell ที่โตต้ามันโปรโมทไม่รอด รวมทั้ง big power อย่างUS กับจีนสนับสนุนด้าน infrastructureและincentive  โตต้ามันจะเปลี่ยนใจไหมคับ!? หัดคิดหน่อย คุณติ่ง

ผมว่าสันดานพวกติ่ง จะเป็นประมาณที่คุณพล่ามๆมาใช่ปะครับ

แต่ก็นะ ติ่งก็ยังเป็นติ่งวันยังค่ำ อ้างเก่งโน้นนี้แต่ไม่มีข้อมูลหลักฐานเหตุผลที่มีน้ำหนักมาโต้แม้แต่อย่างเดียว พอถูกต้อนถูกจี้ให้แสดงข้อมูล หลักฐาน ก็แถข้างๆคูๆว่า ใช้ "ความรู้สึก"

สรุปแล้วโต้กับพวกติ่งแม่งไม่มันส์เลยจริงๆ เพราะพวกจะอวยๆอย่างเดียว ไม่ได้ใช้เหตุผล

ขอบคุณ สำหรับ คำชมนะครับ
ติ่ง แบบผมก็ นิสัยแบบนี้ละครับ
แต่ เท่าที่ อ่าน นี่ ไม่ใช่ คุณ หรอกเหรอ ที่เอาความคิดตัวเอง
ไอ้พวก Hybrid ที่ Toyota มี มันก็ EV เหมือนกันละครับ ทำไม Toyota จะไม่ทำ EV
เพียงแค่ รถที่ทำทุกวันนี้ ก็เป็น ลูกครึ่ง EV กับ สันดาปแล้ว
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤศจิกายน 12, 2016, 17:08:53
ถ้า เคยทำมาแล้ว จะหยุดหรือจะทำต่อ มันก้เป้นเรื่องง่ายๆครับ
ผมว่าผมพยายามใช้เหตุผลแล้วนะ

แต่ขอบคุณคำชม ครับ
ติ่ง Toyota แบบผม ขอบคุณจริงๆ

"ถ้า เคยทำมาแล้ว จะหยุดหรือจะทำต่อ มันก้เป้นเรื่องง่ายๆครับ"

Tech battery --> ไม่มีต้อง sourcing จากที่อื่น ขณะที่คู่แข่งทั้งจากฝั่ง US กะจีนมี
Tech automation ---> ไม่มี ไม่สนใจ อ้างไม่มีอนาคต (เหมือนที่เคยอ้างกับ EV)
maximum range: โตต้าปี 2020  186 miles  แต่คู่แข่งในประทเศเดียวกันปีหน้าได้ราว 300 miles
Vice versa 

แค่นี้ก็ lag behind ไปหลายต่อ คุณตอนนี้มาแถบอกว่าทำได้เรื่องง่าย!?

เท่าที่เห็นนะคุณอ้างแต่ "ความรู้สึก" มาโต้  อย่าเพิ่งโวยวายว่าไม่จริง หัดไปดูกระทู้เก่าๆที่คุณโต้ก่อน คุณยอมรับเองว่าใช้ "ความรู้สึก" ไม่ต้องใช้ข้อมูล หลักฐาน เหตุผลมาสันบสนุนการกล่าวอ้างใดๆทั้งนั้น   8)
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ พฤศจิกายน 12, 2016, 17:11:49

"ถ้ามี หาหลักฐานให้ที เห็นรถ EV ของโตโยต้าทำมาก็เยอะ เคยแหกตาดูไหมครับ หรือเสพแต่ ข่าวตรงข้าม"

หมายถึงคุณติ่ง ปะครับ  ก่อนที่จะโต้เรื่องอะไรทุกครั้งทุกเรื่องของการ discussion เป็นเรื่องธรรมดาที่ผมต้องหาข้อมูลสองด้านมาดูเทียบกันจะได้รู้ว่าจะสวนฝั่งตรงข้ามยังไง จะไล่ต้อนแม่งยังไง ส่วนคุณ เท่าที่สังเกตมาทุกครั้งไม่ได้ใช้ข้อมูลอะไรมาโต้มาเถียงหรือวิเคราะห์เลย  เอาแต่ความเชื่อ "ความรู้สึก" ล้วนๆซะงั้น หึหึหึ

"Toyota เคยทำ EV มาแล้วนะ"
ผมรู้นานแหระ ช่วงปลายยุค 90s เคยออก RAV4EV ออกมาครั้งนึง ส่วนคุณติ่งผมไม่รู้นะว่ารู้หรือเปล่า แต่มีimplication คือ เค้าทำแล้ว แต่ดันดูไม่ออกว่า EV คือ next gen ที่จะมาแทน ICE และเติบโตรวดเร็ว  เลยเลิกไปทำ fuel cell ซึ่งไม่มีการยอมรับกว้างขวาง ส่วน HEV/PHEV ก็กำลังถูก EV แท้แบบ Leaf, Volt ไล่เบียดจนมียอดขายลดลง   

"Toyota ไม่ได้ ไม่ยอมรับ EV(BEV) ไม่ได้ช้า เพียงแค่ รอเวลาที่เหมาะสมต่างหาก และเค้าเริ่มแน่ แค่ ช้าหรือเร็ว"
เอาง่ายๆดีกว่า  ถ้า EV ไม่ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดจองถล่มทลาย  เริ่มแย่งยอดขายของhybrid ส่วน fuel cell ที่โตต้ามันโปรโมทไม่รอด รวมทั้ง big power อย่างUS กับจีนสนับสนุนด้าน infrastructureและincentive  โตต้ามันจะเปลี่ยนใจไหมคับ!? หัดคิดหน่อย คุณติ่ง

ผมว่าสันดานพวกติ่ง จะเป็นประมาณที่คุณพล่ามๆมาใช่ปะครับ

แต่ก็นะ ติ่งก็ยังเป็นติ่งวันยังค่ำ อ้างเก่งโน้นนี้แต่ไม่มีข้อมูลหลักฐานเหตุผลที่มีน้ำหนักมาโต้แม้แต่อย่างเดียว พอถูกต้อนถูกจี้ให้แสดงข้อมูล หลักฐาน ก็แถข้างๆคูๆว่า ใช้ "ความรู้สึก"

สรุปแล้วโต้กับพวกติ่งแม่งไม่มันส์เลยจริงๆ เพราะพวกจะอวยๆอย่างเดียว ไม่ได้ใช้เหตุผล

ขอบคุณ สำหรับ คำชมนะครับ
ติ่ง แบบผมก็ นิสัยแบบนี้ละครับ
แต่ เท่าที่ อ่าน นี่ ไม่ใช่ คุณ หรอกเหรอ ที่เอาความคิดตัวเอง
ไอ้พวก Hybrid ที่ Toyota มี มันก็ EV เหมือนกันละครับ ทำไม Toyota จะไม่ทำ EV
เพียงแค่ รถที่ทำทุกวันนี้ ก็เป็น ลูกครึ่ง EV กับ สันดาปแล้ว

อะแหม คุณหัดคลานออกจากกะลาโตต้าไปดูกระทู้เก่าๆนะคราฟ ผมเอาข้อมูล มาโต้ยิงเป็นชุดมาอ้าง ส่วนคุณใช้ ความรู้สึกมาอ้างล้วนๆ และบอกยอมรับเองด้วยว่าใช้ความรู้สึก หึหึ

ชาวบ้านไป Full EV ส่วนโตต้ายังหัวทิ่มกับ Hybrid ซึ่งยอดขายกำลังโดยอย่างแรกแย่งอยู่ แบบนี้เรียกเก่ง ดูtrend ออก รึป่าวนั่น
หัวข้อ: Re: รถไฟฟ้าน่าจะซ่อมง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมั้ยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ พฤศจิกายน 12, 2016, 17:36:55

"ถ้ามี หาหลักฐานให้ที เห็นรถ EV ของโตโยต้าทำมาก็เยอะ เคยแหกตาดูไหมครับ หรือเสพแต่ ข่าวตรงข้าม"

หมายถึงคุณติ่ง ปะครับ  ก่อนที่จะโต้เรื่องอะไรทุกครั้งทุกเรื่องของการ discussion เป็นเรื่องธรรมดาที่ผมต้องหาข้อมูลสองด้านมาดูเทียบกันจะได้รู้ว่าจะสวนฝั่งตรงข้ามยังไง จะไล่ต้อนแม่งยังไง ส่วนคุณ เท่าที่สังเกตมาทุกครั้งไม่ได้ใช้ข้อมูลอะไรมาโต้มาเถียงหรือวิเคราะห์เลย  เอาแต่ความเชื่อ "ความรู้สึก" ล้วนๆซะงั้น หึหึหึ

"Toyota เคยทำ EV มาแล้วนะ"
ผมรู้นานแหระ ช่วงปลายยุค 90s เคยออก RAV4EV ออกมาครั้งนึง ส่วนคุณติ่งผมไม่รู้นะว่ารู้หรือเปล่า แต่มีimplication คือ เค้าทำแล้ว แต่ดันดูไม่ออกว่า EV คือ next gen ที่จะมาแทน ICE และเติบโตรวดเร็ว  เลยเลิกไปทำ fuel cell ซึ่งไม่มีการยอมรับกว้างขวาง ส่วน HEV/PHEV ก็กำลังถูก EV แท้แบบ Leaf, Volt ไล่เบียดจนมียอดขายลดลง   

"Toyota ไม่ได้ ไม่ยอมรับ EV(BEV) ไม่ได้ช้า เพียงแค่ รอเวลาที่เหมาะสมต่างหาก และเค้าเริ่มแน่ แค่ ช้าหรือเร็ว"
เอาง่ายๆดีกว่า  ถ้า EV ไม่ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดจองถล่มทลาย  เริ่มแย่งยอดขายของhybrid ส่วน fuel cell ที่โตต้ามันโปรโมทไม่รอด รวมทั้ง big power อย่างUS กับจีนสนับสนุนด้าน infrastructureและincentive  โตต้ามันจะเปลี่ยนใจไหมคับ!? หัดคิดหน่อย คุณติ่ง

ผมว่าสันดานพวกติ่ง จะเป็นประมาณที่คุณพล่ามๆมาใช่ปะครับ

แต่ก็นะ ติ่งก็ยังเป็นติ่งวันยังค่ำ อ้างเก่งโน้นนี้แต่ไม่มีข้อมูลหลักฐานเหตุผลที่มีน้ำหนักมาโต้แม้แต่อย่างเดียว พอถูกต้อนถูกจี้ให้แสดงข้อมูล หลักฐาน ก็แถข้างๆคูๆว่า ใช้ "ความรู้สึก"

สรุปแล้วโต้กับพวกติ่งแม่งไม่มันส์เลยจริงๆ เพราะพวกจะอวยๆอย่างเดียว ไม่ได้ใช้เหตุผล

ขอบคุณ สำหรับ คำชมนะครับ
ติ่ง แบบผมก็ นิสัยแบบนี้ละครับ
แต่ เท่าที่ อ่าน นี่ ไม่ใช่ คุณ หรอกเหรอ ที่เอาความคิดตัวเอง
ไอ้พวก Hybrid ที่ Toyota มี มันก็ EV เหมือนกันละครับ ทำไม Toyota จะไม่ทำ EV
เพียงแค่ รถที่ทำทุกวันนี้ ก็เป็น ลูกครึ่ง EV กับ สันดาปแล้ว

อะแหม คุณหัดคลานออกจากกะลาโตต้าไปดูกระทู้เก่าๆนะคราฟ ผมเอาข้อมูล มาโต้ยิงเป็นชุดมาอ้าง ส่วนคุณใช้ ความรู้สึกมาอ้างล้วนๆ และบอกยอมรับเองด้วยว่าใช้ความรู้สึก หึหึ
ชาวบ้านไป Full EV ส่วนโตต้ายังหัวทิ่มกับ Hybrid ซึ่งยอดขายกำลังโดยอย่างแรกแย่งอยู่ แบบนี้เรียกเก่ง ดูtrend ออก รึป่าวนั่น

ไป ๆ กระทู้ใหม่ แล้วครับ เปลี่ยนหัวข้อ เดี๋ยวเค้าก็กลับมาครับ
คอยดูกัน