Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: Thanawat Ton ที่ พฤศจิกายน 14, 2016, 13:47:41
-
ครั้งนี้ มีโอกาสได้ไปทำธุระที่เชียงใหม่พอดี จึงมีโอกาสได้เที่ยวพอดีครับ เลยคิดว่า ...เอาหละ..ลองจดตัวเลขมาดูกันหน่อย
หาโอกาสลองทีเป็นพันกิโลเมตร มันยากมาก และครั้งนี้ ขับตามสภาพจราจรจริง ไม่เร่ง ไม่ช้า พอดี ใช้เวลาทั่วไป
รถที่ใช้เดินทางคือ
ISUZU Dmax 1.9 Bluepower เกียร์ธรรมดา รุ่น Z DVD 4 ประตู Hi-Lander นั่ง 3 คน สัมภาระ 200 กก.
วันที่ 9 พย.59 (เจอฝนช่วงอยุธยา และอ.จอมทองเชียงใหม่)
เริ่มจาก เติมน้ำมันเต็มถัง ที่ปั๊มเชลล์วิภาวดีขาเข้า(รพ.วิภาวดี) เวลาประมาณ 18.00 น.
--ใช้เส้นทาง สายเอเชีย ผ่าน อยุธยา นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก ลำปาง ถึงปั๊ม ปตท.ห้างฉัตร เวลา 02.12 น. จอดพักรถเกือบ 1 ชม.
วันที่ 10 พย. 59
--ออกจาก ปตท.ห้างฉัตร เวลา 03.00 น. ใช้เส้น ขุนตาล - ลำพูน - ดอยหล่อ - จอมทอง
--จอดพักรถที่ ปตท.แฝดสาม ศรีจอมทอง ก่อนขึ้นดอยอินทนนท์ เวลา 04.30 น. พักรถรอเวลาขึ้นดอย
--ออกจาก ปตท.แฝดสาม 05.30 น. ขึ้นถึงดอยอินทนนท์ เวลา 06.30 น. (ยอดดอย 12 องศา)
--ลงจากยอดดอย แวะพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ
--เวลา 09.30 ออกจากอินทนนท์ แวะส่งญาติทแถวพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ อ.ดอยหล่อ และมุ่งหน้าเข้าเมืองเชียงใหม่ ถึง เวลา 11.30 น.เพื่อทำธุระ
--ช่วงบ่ายถึงค่ำ วนๆทำธุระในเมืองเชียงใหม่
วันที่ 11 พย. 59
--เวลา 10.30 น. ออกจากเมืองเชียงใหม่ ไป แม่กำปอง ใช้เส้นทาง อ.เมือง - อ.ดอยสะเก็ด
--เที่ยว น้ำตกแม่กำปอง จริงๆจะไป The Giant แต่มาผิดทาง(หลงไปทางเชื่อมสู่อุทยานแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน ลำปาง) จนจะไกล้ถึงกิ่วฝิ่น เจอรถเสียจอดขวางทางกลางทางชันๆ จึงรู้ตัวว่ามาผิดครับ 555(พี่เขาลงมาดักรถที่จะขึ้นไป บอกว่ารถผมติดกลางทางไปไม่ได้ถอยไม่ได้ พี่:น้องจะไปไหนครับ ผม:ไป The Giant ครับ พี่:น้องมาผิดทางแล้วครับ ต้องเลี้ยวซ้ายตรงสามแยกโครงการหลวงตีนตก ผม:อ้อ สงสัยผมจะลืมดูป้าย ถ้าไม่ได้พี่ ผมคงไปถึงแจ้ซ้อนแล้วนะเนี้ย 555)
--กลับไป The Giant กินข้าวเที่ยง
--ออกจาก แม่กำปอง 14.30 น. กลับมาส่งพี่สาวที่เมืองเชียงใหม่ รถติดมาก ถึงที่พักในเมือง 17.00 น.
--ถ้าถึงในเมืองเร็วกว่านี้ กะว่าจะขึ้นไปนอนอ่างขาง แต่มันค่ำแล้ว เลยอด
วันที่ 12 พย. 59
--เวลา 8.30 น. ออกจาก เมืองเชียงใหม่ ไปดอยอ่างขาง ใช้เส้น อ.แม่แตง - อ.ฝาง
--น้ำมันเหลือน้อย จึงเติมที่ ปั๊มเชลล์ อ.แม่แตง ได้ระยะทาง 1,024.6 กม. เติมกลับได้ 60.56 ลิตร ลิตรละ 24.77 บาท (1,500 บาท)
--ขึ้นดอยอ่างขาง ทาง อ.ไชยปราการ ถึง สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เวลา 12.00 น.
--ลงจากดอย ถึง ร้าน เจ้เหมย สุกี้ยูนนาน เวลาประมาณ 14.00 คือป้ายเยอะมาก จนต้องแวะ
--ออกจาก ไชยปราการ ไป ไร่ชาฉุยฟง(ถึงไร่ชาฉุยฟง เวลา 16.50 น.) ใช้เส้นทาง ไชยปราการ - อ.ฝาง - สวนส้มธนาธร - บ้านท่าตอน - อ.แม่จัน (1089) - ไรชาฉุยฟง-- ออกจากไร่ชาฉุยฟง 18.30 น. เข้าที่พักเมืองเชียงราย
วันที่ 13 พย. 59
--ออกจากที่พัก ไปร้านเรียวกังคาเฟ่ เชียงราย
--10.20 น. ออกจากร้านเรียวกัง ไปเขื่อนภูมิพล ใช้เส้นทาง เชียงราย - พะเยา - ลำปาง - ตาก(ถึงเขื่อนภูมิพล 15.40 น.)
--16.30 น. ออกจากเขื่อนภูมิพล จ.ตาก กลับ กทม. ใช้เส้นทาง ตาก - กทม. เส้นเดิมเหมือนขาไปครับ
--20.30 น. ไฟแตือนน้ำมันขึ้น ที่หน้าอยุธยาซิตี้พาร์คพอดีครับ
--21.00 น. ขีดน้ำมันกระพริบ แถว นวนคร-รังสิต พอดีครับ
--21.40 น. ถึงปั๊มเชชล์วิภาวดี(รพ.วิภาวดี) ระยะทาง 1,179.3 กม. เติมกลับได้ 68.22 ลิตร ลิตรละ 24.04 บาท(1,640 บาท)
คำนวณตลอดการเดินทาง
--- 1,024.6 + 1,179.3 = 2,203.9 กิโลเมตร
--- ใช้น้ำมัน 60.56 + 68.22 = 128.78 ลิตร
--- อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 2,203.9/128.78 = 17.11 กม./ลิตร
--- เฉลี่ย (1,500 + 1,640 = 3,140 บาท)/2,203.9 = 1.42 บาท/กิโลเมตร
**ความเร็วสูงสุดเฉลี่ยขาขึ้นเหนือ ที่ 100 กม./ชม. **ขากลับ ที่ 110 กม./ชม.***
เป็นความเร็วที่เหมาะกับสภาพจราจรที่สุด ผมอาศัยจังหวะดีแทนการทำความเร็ว เช่น
-มองคาดคะเนข้างหน้า อาศัยหลบซ้าย-ขวา แบบปลาไหล
-เจอไฟแดงก็ปล่อยไม่ต้องเร่งใส่ เล็งหาแถวไหนสั้นเข้าแถวนั้น
-รักษาความเร็วคงที่ ไม่เร่งไปแล้วเบรค
***เส้นทางแม่กำปอง ชันมาก ส่วนตัวคิดว่าชันกว่าดอยอ่างขาง แต่ ระยะทางชันน้อยกว่า หักศอกก็เยอะมาก ต้อง เกียร์ 1 ยาวๆ หลายจุด ที่สำคัญคือ ทางแคบ แทบสวนกันไม่ได้หลายจุด ไม่มีที่หลบ ข้างๆเหวลึก จุดอับสายตาเยอะครับ
***เส้นดอยอ่างขาง ส่วนตัวคิดว่า ไม่ชันเท่าแม่กำปอง แต่ ระยะทางชันจะยาวกว่า ทำให้ขาลงจะคุมรถได้ยากกว่า ถนนค่อนข้างดี กว้าง แต่ที่ผมไป กำลังปรับปรุงผิวถนน บางช่วงแถวๆช่วงชันๆ ก่อนถึงด่านตรวจ 3 แยกไปอรุโณทัย
**เคล็ดลับขับขึ้น-ลงเขาที่ชันมาก ฉบับกระบะดีเซลเกียร์ธรรมดาผมคือ
1. ช่วงทางราบให้ลองเหยียบคันเร่งหนักๆ ที่ความเร็ว ประมาณ 40 กม./ชม. เพื่อดูว่า รถมีแรงบูส(เครื่องดีเซลเทอโบ)ที่รอบเท่าไร ตรงนี้จำเป็นเวลาขึ้นเขาแล้วต้องเปลี่ยนเกียร์ลงเมื่อรอบตก จะได้ต่อจังหวะถูกไม่ให้รถแรงห้อย โดยรักษารอบเครื่องให้อยู่ในช่วงที่มีแรงบิดสูงสุด
2. ถ้าชันมากๆ ที่อ่างข่าง ช่วงชัน 8% ผมใส่เกียร์ 1 (เกียร์ 2 ขึ้นไหว แต่เค้นคันเร่งเยอะ จะไม่ดีต่อครัช) แล้วรักษารอบไว้ที่ช่วงแรงบิดสูงสุด(รถผมที่ 1800-2600 รอบ/นาที) ไม่ต้องกังวลว่าจะช้า แต่รถขึ้นได้อย่างมั่นคง และปลอดภัยแน่นอน
3. ขาลง ให้สังเกตว่าขาขึ้นใช้เกียร์ไหน ขาลงก็ลงเกียร์นั้น โดยถ้าเห็นข้างหน้าว่าทางลงชันกว่าเดิม ให้เบรคให้ชะลอมากที่สุดพร้อมเปลี่ยนเกียร์ลง แล้วค่อยปล่อยลง พร้อมกับเบรคเป็นระยะ(ห้ามแช่เบรค ) เพราะถ้าเปลี่ยนตอนรถลงช่วงชันๆแล้ว จังหวะที่เหยียบครัชเปลี่ยนเกียร์ รถจะมีแรงส่งลงแรงมาก หากจำเป็นให้เหยียบเบรคชะลอช่วยช่วงเปลี่ยนเกียร์ ผมใช้วิธีเช่น ลงเกียร์ 2 ผมปล่อยให้รอบขึ้นไปที่ 3000-3500 รอบ แล้วเบรคหนักๆสั้นๆ ลงมาที่ 2000-2500 รอบ แล้วปล่อย สลับกัน ในทางชันช่วงลงตรงๆหรือโค้งไม่มากครับ
*** เกียร์ 1 (รุ่น 6เกียร์) ของ Dmax blue power กำลังเหลือๆมากตั้งแต่ปล่อยครัชรอบเดินเบา ชันมากกว่า 8% ก็ออกตัวกลางทางชันๆได้สบายครับ เขาทำมาเผื่อแล้วจริงๆ กำลังเหลือๆเลย จริง ความชัน 8 % ที่อ่างขาง ลองปล่อยรอบเดินเบา 900 รอบ ดู รอบตกมาที่ 800 รอบแต่มันก็พยามดันขึ้นไปเรื่อยๆช้าๆเหมือนเต่า ไม่มีทีท่าจะดับครับ
-
..
-
...
-
...
-
...
-
สุดยอดไปเลยครับ นี่ลบข้อครหาที่หลายๆคนมองรุ่นนี้ เครื่องยนต์แค่ 1.9 จะขึ้นเขาขึ้นดอยไหวรึเปล่า คุณพี่จัดเต็ม หลายๆ คนที่มาอ่านจะได้ลบข้อสงสัยนี้ได้ครับ
-
อยากไปบ้างจัง ::) ::) ::)
-
รอสักกลางธันวาคมไปก่อนครับ ช่วงนี้อากาศยังแปรปรวน มีฝน กลายจุดยังอากาศไม่เย็นครับ
สังเกตที่รูปหน้าปัทม์รถผม ที่ถ่ายจุดต่างครับ อากาศยังไม่เย็นเท่าไหร่
-
ข้อดีสำหรับรถรุ่นนี้ ภาษีป้ายทะเบียนต่อปีถูกเพราะเครื่องยนต์แค่ 1.9 ศูนย์บริการดี กับประหยัดน้ำมันดีจริง ๆ ครับ 17.11 km/l ขอบคุณที่มารีวิวครับ
-
อ้อ.......ลืมบอกไปครับ
รถคันนี้.....อุด EGR กับ ใส่สายหลอกเปิดลิ้นปีกผีเสื้อ 100% มาเมื่อ 5,000 กม.แรกครับ
ที่เหลือไม่ได้ดัดแปลงแต่งเติมอะไรครับ
ลมยางที่ใช้คือ ค่ามาตรฐานที่ isuzu แนะนำ ติดอยู่ข้างประตู คือ 35/35 (ยางล้อ 18 นิ้วเดิม)
-
:) :) :) เห็นแล้วอยากลางานไปเที่ยวบ้าง
-
ประหยัดโฆตๆๆๆๆ
-
ข้อดีสำหรับรถรุ่นนี้ ภาษีป้ายทะเบียนต่อปีถูกเพราะเครื่องยนต์แค่ 1.9 ศูนย์บริการดี กับประหยัดน้ำมันดีจริง ๆ ครับ 17.11 km/l ขอบคุณที่มารีวิวครับ
ภาษีประจำปี ปีแรก 2,4xx บาท ไม่แน่ใจว่าคงที่ 5 หรือ 7 ปี ปีต่อไปลดลงเรื่อยๆ ครับ
ควมประหยัดนี่ ขึ้นอยู่กับฝีไม้ลายเท้าแต่ละคนเลยครับ ผมเคยขับสไตล์นี่ กับ Vigo 2.5 VnTurbo Smartcab prerunner ขึ้นดอยคล้ายๆกัน เมื่อ 5 ปีก่อน ได้เฉลี่ยอยู่ 12-13 กม./ลิตร ครับ
-
เมพขริงๆ รุ่น Z Prestige AT น่ากัดฟันซื้อใช้ยิ่งนัก
ใช้รีโว่ต่อไปเรา
-
ขับเนียนมากครับ ได้ความประหยัดขนาดนี้
-
ข้อดีสำหรับรถรุ่นนี้ ภาษีป้ายทะเบียนต่อปีถูกเพราะเครื่องยนต์แค่ 1.9 ศูนย์บริการดี กับประหยัดน้ำมันดีจริง ๆ ครับ 17.11 km/l ขอบคุณที่มารีวิวครับ
ภาษีประจำปี ปีแรก 2,4xx บาท ไม่แน่ใจว่าคงที่ 5 หรือ 7 ปี ปีต่อไปลดลงเรื่อยๆ ครับ
ควมประหยัดนี่ ขึ้นอยู่กับฝีไม้ลายเท้าแต่ละคนเลยครับ ผมเคยขับสไตล์นี่ กับ Vigo 2.5 VnTurbo Smartcab prerunner ขึ้นดอยคล้ายๆกัน เมื่อ 5 ปีก่อน ได้เฉลี่ยอยู่ 12-13 กม./ลิตร ครับ
หลังจากปีที่ คือปีที่ 6 จะเริ่มลดลงครับ 5 ปีแรกจะคงที่
-
สุดยอดครับ
-
สุดยอดเลย เดี๋ยวจะนำเทคนิคการขับรถไปใช้บ้างครับ ไว้มีโอกาสจะไปเที่ยวครับ :D
-
อยากไปเที่ยวเหนือบ้างครับ ผมอยู่แต่ทางใต้ ช่วงนี้ฝนตกทุกวัน
Blue Power ประหยัดกว่า รีโว่ 2.4 Prerunner ครับ ล่าสุดผมไปทองผาภูมิ เฉลี่ยประมาณ 14 km/l เองครับ :)
-
1.9 ประหยัดขนาดนี้ เรี่ยวแรงก็ดี กินไม่ถึงโลล่ะ 1.5 บาท ชอบครับ สบายเงินในกระเป๋า
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
-
ประหยัดดีครับชอบๆ บีทีผมได้ไม่เคยเกิน14ครับ
-
ได้เท่าๆกันเลยครับ
-
ประหยัดดีมากครับทั้งค่าน้ำมัน ค่าภาษี
-
ประหยัด สุดๆ
-
เฉลี่ย (1,500 + 1,640 = 3,140 บาท)/2,203.9 = 1.42 บาท/กิโลเมตร
ขนาดวิ่งทางเหนือ โดยเฉพาะขึ้นดอยลงดอย ระยะทางรวม 2204กิโล หมดค่าน้ำมันไป3140บาท
ผมว่ามันประหยัดมากๆเลยครับ นี่ถ้าขับทางปกติ ไม่ขึ้นทางชัน หรือ ขึ้นดอย ผมว่าน่าจะได้อีก50-100โลเลยมั้งครับ
ขอบคุณที่นำมารีวิวครับ และ ผมดีใจมากๆที่ถอนจอง เรนเจอร์MC เปลี่ยนมาจองD-MAXครับ :-* :-* :-*
-
เฉลี่ย (1,500 + 1,640 = 3,140 บาท)/2,203.9 = 1.42 บาท/กิโลเมตร
ขนาดวิ่งทางเหนือ โดยเฉพาะขึ้นดอยลงดอย ระยะทางรวม 2204กิโล หมดค่าน้ำมันไป3140บาท
ผมว่ามันประหยัดมากๆเลยครับ นี่ถ้าขับทางปกติ ไม่ขึ้นทางชัน หรือ ขึ้นดอย ผมว่าน่าจะได้อีก50-100โลเลยมั้งครับ
ขอบคุณที่นำมารีวิวครับ และ ผมดีใจมากๆที่ถอนจอง เรนเจอร์MC เปลี่ยนมาจองD-MAXครับ :-* :-* :-*
จริงๆแล้ว ผมก็ไม่ได้อะไรกับดีแมกน่ะครับ แต่ผมเห็นว่ามันขึ้นอยู่นิสัยการขับของเราด้วย และมองว่าหากเราขับแบบนิ่มๆ เหมือนๆกันทุกคัน มันก็ประหยัดได้เหมือนกัน แต่ในดีแม็กมันจะได้ตัวเลขที่ดีกว่า และในทางกลับกัน หากขับซิ่งๆเหยียบๆ มันกินพอๆกันเลยครับ