Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Ex_machina ที่ พฤศจิกายน 18, 2016, 14:55:48
-
หลังจากที่ toyota ประกาศผลิตรถ EV ในช่วง Olympic ปี 2020
ทาง mazda ก็ประกาศ ผลิตรถ EV เช่นกัน
(http://livedoor.sp.blogimg.jp/ganbaremmc/imgs/a/2/a25092ed.jpg)
โดยทาง mazda ได้ร่วมพัฒนากับทาง Toyota เพื่อผลิตรถไฟฟ้าใน scale ระดับใหญ่
เพื่อแชร์ชิ้นส่วนและลดต้นทุน
โดยรถ EV ของทาง mazda จะเป็นอะไรที่พิเศษไม่เหมือนใคร
คาดว่าอาจใช้เครื่องยนต์ rotary ขนาดเล็กเพื่อปั่นไฟเพื่อขยายระยะทาง ก็เป็นได้
-
ต่อไปเร็วนี้ บริษัทผู้ผลิตรถทุกบริษัท ก็จะต้องมีการผลิตรถไฟฟ้าเป็นของตัวเองทั้งหมด เนื่องจากว่า ถ้าจำไม่ผิด ประเทศเยอรมันนี ได้บังคับใช้กฎหมายแล้วว่า ในปี ๒๐๓๐ เป็นต้นไป เยอรมันจะขายได้แต่เฉพาะรถที่ใช้ พลังไฟฟ้า ซึ่งต่อไปประเทศต่างๆ ในยุโรปก็จะออกกฎหมายแบบเยอรมัน เช่นเดียวกัน
-
เคยยืม Hybrid โตโยต้าไปแล้ว คราวนี้มาร่วมกันพัฒนา EV อีก คู่นี้น่าจะสวีทกันอีกนาน
-
ในอีก 10 ปีแบตยังไม่พัฒนาไปกว่าปัจจุบันมากนัก
การนำเครื่องยนต์ขนาดเล็กมาปั่นไฟยังเป็นทางออกที่ดีที่สุด
quick charge ไม่น่าจะใช่ทางออกที่สมเหตุ สมผลเท่าไหร่
ความเร็วในการบรรจุ ประจุ มันมี Limit
-
ใช้เครื่องปั่นไฟ ก็เหมือน หัวรถจักร รถไฟไทย ใช้ ดีเซล ปั่นไฟ ให้มอเตอร์ไฟฟ้า ;D
-
อ้าวไหนตอนแรกบอกว่า จะยึดมั่นในแนวทางเครื่องยนต์สันดาป
-
ถึงยุคที่เทคโนโลยี Hybrid กับ EV กำลังมา
แต่ คำถาม คือ
- กว่าจะมาเป็นแบตเตอรี่ 1 ลูก ขั้นตอนการผลิต เกิดมลพิษ มาก น้อย แค่ไหน?
- เมื่อแบตเตอรี่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพ มีแนวทางการบริการจัดการ จัดเก็บ ทำลาย นำมาใช้ใหม่ บลาาๆๆ ?
ผมมีคำถามในใจ 2 ข้อนี้มานานล่ะ ซึ่งยังไม่เห็นความแน่ชัด หรือความชัดเจน เกี่ยวกับคำถามข้างบนเลย แต่ก็คงปฎิเสธไม่ได้
-
แล้วรถพลังงานไฮโดรเจนล่ะครับ
-
เหมือนทิศทางในอนาคตของระบบขับเคลื่อนจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว :D
-
ต่อให้ มี EV ขาย
มันก็แค่ ทางเลือกอีกทาง ที่ไม่ใช่ ทดแทนทั้งระบบ ในทันทีทันใด
เพราะ ต้องหา จากไหน มาผลิตไฟฟ้า ให้พอ
ญี่ปุ่น ขยาดกับ นิวเคลียร์
ไทย ก็
พูดใน แง่ ความเป็นจริง ไม่ใช่งาน มโน เทคโนโลยี แห่งอนาคต ที่ยังไม่คุ้มค่าในการลงทุน
ไม่ต้อง มายกตัวอย่าง solar กับ กังหันนะ เพราะในแง่ ชาวบ้านตาดำๆ มันเป็นไปไม่ได้
รถมันใช้พลังงานเยอะ ไม่ใงั้น
เอาบ้านทุกหลังไม่ใช้ไฟฟ้า จากรัฐให้ได้ก่อน
ยังไง สันดาปก็น่าจะยังอยู่ จน กลายเป็น HEV เกือบ 100 % ซึง HEV มันก็คงทยอยเป็น PHEV
จากนั้น ค่อยเหลือแต่ PHEV กับ BEV
คงเหมือนกับ ประเทศไทย ที่มีทั้ง
NGV LPG E85 GASOLINE DIESEL ให้ใช้หลากหลาย
เผลอ ๆ อาจจะมี FCV
-
ถ้ารถไฟฟ้าล้วนมาเลยผมก็ยังไม่ซื้อหรอกเพราะผมไม่มีตังค์ และค่าชาร์จไฟแพงพอกับจ่ายค่าน้ำมัน ผมก็ยังไม่ซื้ออยู่ดี เรื่องนี้คงยังค่อยเป็นไปค่อยไป ในบ้านเราไม่ได้ปเลี่ยนแปลงทันทีทันใด แถมเมื่อมากันครบแล้วใช้ไปซักระยะอาจวิ่งกลับมาหาเครื่องยนต์สันดาปภายในกันอีกก็ได้ ประเทศเราไม่ไ่ด้เจริญขนาดนั้นไฟฟ้าก็ไม่ได้มีใช้เยอะแยะ
-
อ้าวไหนตอนแรกบอกว่า จะยึดมั่นในแนวทางเครื่องยนต์สันดาป
พูดให้ฟังดูเท่ ณ ตอนนั้นครับ ;D
-
อ้าวไหนตอนแรกบอกว่า จะยึดมั่นในแนวทางเครื่องยนต์สันดาป
พอดีแปลมาแต่ใจความสำคัญครับ
Mazda ยังกล่าวอีกว่า ในปี 2020 คาดว่ารถไฟฟ้าจะมีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลก 10%
ดังนั้น อีก 90% ยังคงเป็นเครื่องสันดาปอยู่
Mazda จึงยังคงมุ่งเน้นเทคโนโลยีเครื่องสันดาปต่อไป
(แต่ขอมี EV เหมือนชาวบ้านเขาหน่อย)
-
อ้าวไหนตอนแรกบอกว่า จะยึดมั่นในแนวทางเครื่องยนต์สันดาป
พอดีแปลมาแต่ใจความสำคัญครับ
Mazda ยังกล่าวอีกว่า ในปี 2020 คาดว่ารถไฟฟ้าจะมีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลก 10%
ดังนั้น อีก 90% ยังคงเป็นเครื่องสันดาปอยู่
Mazda จึงยังคงมุ่งเน้นเทคโนโลยีเครื่องสันดาปต่อไป
(แต่ขอมี EV เหมือนชาวบ้านเขาหน่อย)
คงเป็นเหตุผลเดียวที่
Toyota และค่าย ญี่ปุ่น อื่นๆ ไม่ค่อย ทุ่มเทกับ EV สักเท่าไหร่
-
ต่อให้ มี EV ขาย
มันก็แค่ ทางเลือกอีกทาง ที่ไม่ใช่ ทดแทนทั้งระบบ ในทันทีทันใด
เพราะ ต้องหา จากไหน มาผลิตไฟฟ้า ให้พอ
ญี่ปุ่น ขยาดกับ นิวเคลียร์
ไทย ก็
พูดใน แง่ ความเป็นจริง ไม่ใช่งาน มโน เทคโนโลยี แห่งอนาคต ที่ยังไม่คุ้มค่าในการลงทุน
ไม่ต้อง มายกตัวอย่าง solar กับ กังหันนะ เพราะในแง่ ชาวบ้านตาดำๆ มันเป็นไปไม่ได้
รถมันใช้พลังงานเยอะ ไม่ใงั้น
เอาบ้านทุกหลังไม่ใช้ไฟฟ้า จากรัฐให้ได้ก่อน
ยังไง สันดาปก็น่าจะยังอยู่ จน กลายเป็น HEV เกือบ 100 % ซึง HEV มันก็คงทยอยเป็น PHEV
จากนั้น ค่อยเหลือแต่ PHEV กับ BEV
คงเหมือนกับ ประเทศไทย ที่มีทั้ง
NGV LPG E85 GASOLINE DIESEL ให้ใช้หลากหลาย
เผลอ ๆ อาจจะมี FCV
มีติ่งบางคนยังฝันหวานกับ hydrogen สนับสนุนการเป็นทาส carbon industry
ิ
-
Background ป้าย Nissan เด่นเชียว ::)
-
หนีไม่พ้น อนาคตมาแน่ EV
-
ดีครับแข่งกันเยอะๆเราจะได้มีตัวเลือกหลากหลาย
-
มีติ่งบางคนยังฝันหวานกับ hydrogen สนับสนุนการเป็นทาส carbon industry
ิ
ทุกวันนี้ เอาอะไร ผลิตไฟฟ้าละ
พ่อคน ฉลาด
ต่อให้มีจริงก็ไม่ซื้อ เพราะ ขนาด NGV ยังไม่คิดจะใช้เลย
http://www.egat.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=579&Itemid=116
-
เมืองนอกเค้าไม่มีปัญหากับการผลิตไฟฟ้า อย่างที่อเมริกาเค้าก็คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ที่ผลิตได้มากยิ่งกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หนึ่งโรงใช้ได้ทั้งรัฐ หรือขายนอกรัฐก็ยังได้ (แต่ผมยังไม่รู้นะว่าเทคโนโลยีแบบไหน เค้าคงไม่เปิดเผยกันง่ายๆ)
ส่วนไทยเราก็รอดูกันไป 10-20 ปีข้างหน้าจะได้ใช้เทคโนโลยีแบบเค้ามั้ยก็ไม่รู้..
แต่ยังไงก็ไม่มีทางทำให้ hydrogen ถูกกว่าค่าไฟฟ้าได้ แล้วคิดว่าคนจะนิยมอะไร (ขนาดราคาน้ำมันต่างกันไม่กี่สตางค์คนยังแห่ไปเติมปั้มที่ถูกแม้จะอยู๋ไกลกว่า) หาทางผลิตไฟฟ้าก็คงจะง่ายกว่าผลิตไฮโดรเจนแน่ๆ แล้วถ้าเมืองนอกไม่นิยม hydrogen มันก็จะยังคงแพงอยู่ต่อไป (ใช้น้ำมันยังถูกกว่า)
คนส่วนใหญ่ก็ชาร์จไฟตอนกลางคืนได้ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้ไฟน้อย จะมีปัญหาก็วิ่งทางไกลกรณีมีคนชาร์จไฟพร้อมกันช่วงกลางวัน จึงต้องเตรียมการรองรับให้มีเพียงพอ
สรุป FCV เกิดยากครับ
-
เมืองนอกเค้าไม่มีปัญหากับการผลิตไฟฟ้า อย่างที่อเมริกาเค้าก็คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ที่ผลิตได้มากยิ่งกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หนึ่งโรงใช้ได้ทั้งรัฐ หรือขายนอกรัฐก็ยังได้ (แต่ผมยังไม่รู้นะว่าเทคโนโลยีแบบไหน เค้าคงไม่เปิดเผยกันง่ายๆ)
ส่วนไทยเราก็รอดูกันไป 10-20 ปีข้างหน้าจะได้ใช้เทคโนโลยีแบบเค้ามั้ยก็ไม่รู้..
แต่ยังไงก็ไม่มีทางทำให้ hydrogen ถูกกว่าค่าไฟฟ้าได้ แล้วคิดว่าคนจะนิยมอะไร (ขนาดราคาน้ำมันต่างกันไม่กี่สตางค์คนยังแห่ไปเติมปั้มที่ถูกแม้จะอยู๋ไกลกว่า) หาทางผลิตไฟฟ้าก็คงจะง่ายกว่าผลิตไฮโดรเจนแน่ๆ แล้วถ้าเมืองนอกไม่นิยม hydrogen มันก็จะยังคงแพงอยู่ต่อไป (ใช้น้ำมันยังถูกกว่า)
คนส่วนใหญ่ก็ชาร์จไฟตอนกลางคืนได้ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้ไฟน้อย จะมีปัญหาก็วิ่งทางไกลกรณีมีคนชาร์จไฟพร้อมกันช่วงกลางวัน จึงต้องเตรียมการรองรับให้มีเพียงพอ
สรุป FCV เกิดยากครับ
ผมก็ ไม่คิด ว่า FCV มันจะเกิดในบ้านเรานะ ก็แค่ฝันเอา 55555
เพราะ ขนาด NGV ยัง แค่ทางเลือก เฉพาะกลุ่ม ดันยังไง ก้ไม่ขึ้นไปกว่านี้
แต่ทุกวันนี้เรา ก็เผา คาร์บอน ในการทำไฟฟ้าอยุ่ดีละ
เอาก๊าช ธรรมชาติที่บ้านเรา มีมหาศาล เผาผลิตไฟฟ้าต่อไป
ลองดูแผนพัฒนา พลังานก็แทบ ไม่มีพูดถึง ไฮรโดรเจน เลย
หนักไปทาง E85
http://www.dede.go.th/download/files/AEDP2015_Final_version.pdf
-
จะเป็นไปได้ไหมสำหรับรถ ev ที่ไม่ใช้เกียร์ cvt สำหรับค่าย Mazda
-
เมืองนอกเค้าไม่มีปัญหากับการผลิตไฟฟ้า อย่างที่อเมริกาเค้าก็คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ที่ผลิตได้มากยิ่งกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หนึ่งโรงใช้ได้ทั้งรัฐ หรือขายนอกรัฐก็ยังได้ (แต่ผมยังไม่รู้นะว่าเทคโนโลยีแบบไหน เค้าคงไม่เปิดเผยกันง่ายๆ)
ส่วนไทยเราก็รอดูกันไป 10-20 ปีข้างหน้าจะได้ใช้เทคโนโลยีแบบเค้ามั้ยก็ไม่รู้..
แต่ยังไงก็ไม่มีทางทำให้ hydrogen ถูกกว่าค่าไฟฟ้าได้ แล้วคิดว่าคนจะนิยมอะไร (ขนาดราคาน้ำมันต่างกันไม่กี่สตางค์คนยังแห่ไปเติมปั้มที่ถูกแม้จะอยู๋ไกลกว่า) หาทางผลิตไฟฟ้าก็คงจะง่ายกว่าผลิตไฮโดรเจนแน่ๆ แล้วถ้าเมืองนอกไม่นิยม hydrogen มันก็จะยังคงแพงอยู่ต่อไป (ใช้น้ำมันยังถูกกว่า)
คนส่วนใหญ่ก็ชาร์จไฟตอนกลางคืนได้ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้ไฟน้อย จะมีปัญหาก็วิ่งทางไกลกรณีมีคนชาร์จไฟพร้อมกันช่วงกลางวัน จึงต้องเตรียมการรองรับให้มีเพียงพอ
สรุป FCV เกิดยากครับ
ผมก็ ไม่คิด ว่า FCV มันจะเกิดในบ้านเรานะ ก็แค่ฝันเอา 55555
เพราะ ขนาด NGV ยัง แค่ทางเลือก เฉพาะกลุ่ม ดันยังไง ก้ไม่ขึ้นไปกว่านี้
แต่ทุกวันนี้เรา ก็เผา คาร์บอน ในการทำไฟฟ้าอยุ่ดีละ
เอาก๊าช ธรรมชาติที่บ้านเรา มีมหาศาล เผาผลิตไฟฟ้าต่อไป
ลองดูแผนพัฒนา พลังานก็แทบ ไม่มีพูดถึง ไฮรโดรเจน เลย
หนักไปทาง E85
http://www.dede.go.th/download/files/AEDP2015_Final_version.pdf
ไฮโดรเจนเป็นสารติดไฟง่ายครับ(ระเบิดง่ายนั้นเอง) การระเบิดรุนแรงกว่าก๊าซเชื้อเพลิงต่างๆที่ใช้อยู่ และการควบคุมกักเก็บมันยังราคาสูงอยู่
ส่วนการเผาไหม้มันไม่เกิดกลุ่มไฮโดรคาร์บอนนะ ถ้าเผาไหม้กับแค่อากาศจะเกิดเป็นไอน้ำแทน(แต่ถ้าใส่สารที่มีคาร์บอนเข้าไปร่วมด้วยก็ไม่แน่)