Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: shipcake ที่ พฤศจิกายน 18, 2016, 18:32:18
-
เกิดอะไรขึ้น ทำไม benz ถึงปรับตัวเองเปลี่ยนโฉมบ่อยขึ้นมาก ในขณะที่ bmw ก็ยังใช้โฉมเดิมอยู่ แค่ปรับๆเปลี่ยนๆไฟก็รุ่นใหม่ได้แล้ว
-
เกิดอะไรขึ้น ทำไม benz ถึงปรับตัวเองเปลี่ยนโฉมบ่อยขึ้นมาก ในขณะที่ bmw ก็ยังใช้โฉมเดิมอยู่ แค่ปรับๆเปลี่ยนๆไฟก็รุ่นใหม่ได้แล้ว
เหมือนเดิมครับ Timeline ก็ปกติตามอายุโมเดลของมัน
-
เกิดอะไรขึ้น ทำไม benz ถึงปรับตัวเองเปลี่ยนโฉมบ่อยขึ้นมาก ในขณะที่ bmw ก็ยังใช้โฉมเดิมอยู่ แค่ปรับๆเปลี่ยนๆไฟก็รุ่นใหม่ได้แล้ว
เบนซ์กับบีเอ็มเปลี่ยนโมเดลทุก 7 ปีเหมือนกันครับ
-
น่าจะถามว่า เมื่อไร BMW จะปรับสไตล์ตัวรถและการตกแต่งภายในให้ดีขึ้นกว่านี้ซะทีมากกว่านะ
-
Benz ค้นพบว่า การเปลี่ยนโฉมทุก 6 ปี เพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง และไม่เป็นภาระสต็อกอะไหล่
สมัยก่อนกว่าจะเปลี่ยนโฉมกัน ต้องมี 8-12 ปี ลูกค้าก็ใช้กันยาว บางคัน 20-30 ปี ต้องเก็บอะไหล่ในปริมาณมากๆเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้
แถมช่วงปลายโมเดลปีที่ 6-10 ก็ไม่ค่อยยอมซื้อคันใหม่กันง่ายๆ ทั้งๆที่ปรับปรุงใหม่เกือบทั้งคัน
จึงหันมาเร่งการเปลี่ยนโฉมเป็นทุกๆ 6 ปี ยอดเลยดีวัน ดีคืน อะไหล่รถเก่าก็หายากและแพง ราคามือสองก็เลยตกไว ไม่เหมือนสมัยก่อน
ตอนนี้น่าจะเหลือกลุ่ม GM อยู่เจ้าเดียว ที่ยังใช้ระบบเก่า คือเปลี่ยนโฉมทุก 8-12 ปี
-
น่าจะถามว่า เมื่อไร BMW จะปรับสไตล์ตัวรถและการตกแต่งภายในให้ดีขึ้นกว่านี้ซะทีมากกว่านะ
เห็นด้วยครับ :D
-
6 ปีก็ นานอยู่นะ
-
ระยะเปลี่ยนโฉมพอๆ กันเหมือนเดิมนะครับ
ตามที่คุณ Moo บอก
แต่เวลา facelift / lci
Benz จะเปลี่ยนค่อนข้างเยอะ เปลี่ยนเบ้ากันเลย
Bmw เน้นเปลี่ยนรายละเอียดภายในโคม จุกจิก
จขกท.เลยอาจจะรู้สึกว่า Benz เปลี่ยนไวจัง
ซึ่งมันก็ดีคนละแบบ
Bmw จะดีกับคนที่ใช้รุ่นนั้นๆ ก่อน lci
Benz จะดีกับคนที่กำลังจะสอยรถใหม่
แต่ข้อเสียหลักเลยทั้ง 2 ยี่ห้อ
คือเกิดปรากฏการณ์ ไส้กรอกหลากหลายขนาด
เหมือนกันไปหมด ขาดความเร้าใจเวลารถออกใหม่
บ้านผมถ้าเลือกซื้อรถเก๋ง จะมองแค่ 5 กับ E
เทียบกันแค่ 2 รุ่น มาโดยตลอด
แต่หลังจากนี้ เริ่มรู้สึกว่า 3 กับ C ก็น่าจะพอ
เครื่องก็พอกัน ออฟชั่นก็ใกล้กัน หน้าตาก็คือกัน
ถ้าไปไหนหลายๆ คน ก็ใช้รถตู้ ฟินกว่าเยอะ
-
ก็เท่าเดิมนะครับ6-7ปีแต่ก่อน8ปีเห็นจะได้ก็หมดอายุทำตลาดโมเดลนั้นๆ แต่ที่ดูเปลี่ยนบ่อยเพราะเทรนด์ค่ายรถสมัยนี้มีปรับเปลี่ยนเล็กๆน้อยกันทุกๆปีเลยก็ว่าได้ และที่คุณเจ้าของกระทู้คิดว่าเบนซ์ขยันเปลี่ยนโฉมก็คงเพราะความใจปล้ำของเบนซ์เองที่เปลี่ยนโฉมกันทีแบบก้าวกระโดด แทบเป็นคนละรุ่นกันเลย ดังเช่น w212 ก่อนกับหลังเฟสลิฟต์ เพื่อนผมผญยังคิดว่าคนละรุ่นกันเลย
-
Benz ค้นพบว่า การเปลี่ยนโฉมทุก 6 ปี เพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง และไม่เป็นภาระสต็อกอะไหล่
สมัยก่อนกว่าจะเปลี่ยนโฉมกัน ต้องมี 8-12 ปี ลูกค้าก็ใช้กันยาว บางคัน 20-30 ปี ต้องเก็บอะไหล่ในปริมาณมากๆเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้
แถมช่วงปลายโมเดลปีที่ 6-10 ก็ไม่ค่อยยอมซื้อคันใหม่กันง่ายๆ ทั้งๆที่ปรับปรุงใหม่เกือบทั้งคัน
จึงหันมาเร่งการเปลี่ยนโฉมเป็นทุกๆ 6 ปี ยอดเลยดีวัน ดีคืน อะไหล่รถเก่าก็หายากและแพง ราคามือสองก็เลยตกไว ไม่เหมือนสมัยก่อน
ตอนนี้น่าจะเหลือกลุ่ม GM อยู่เจ้าเดียว ที่ยังใช้ระบบเก่า คือเปลี่ยนโฉมทุก 8-12 ปี
รถญี่ปุ่นก็มีเปลี่ยนโฉมทุก 8-12 ปี เหมือนกันนะครับ ก็ ตระกูล HiLux D-Max Fortuner MU-X ไงครับนั่นน
-
ไม่ได้ปรับถี่ขึ้นเลยนะ ลองเช็คดูดีๆอีกครั้งนะครับ
รถมี model มากขึ้น ทำให้มีข่าวมากขึ้นไปด้วย อาจจะทำให้ จขกท รู้สึกว่ามีการปรับเปลี่ยนบ่อยจัง
-
ไม่ได้ถี่เลยครับ แค่ปรับโฉมมันเหมือนโฉมใหม่ยิ่งกว่ายุ่นบางคันซะอีก อิๆ
-
คือความเห็นส่วนตัวคือ คนที่ซื้อรถระดับนี้ มันก็แพงกว่ารถญี่ปุ่นทั่วไปอยู่ แต่การเปลี่ยน facelift บ่อย จะไม่ส่งผลต่อลูกค้าเก่าใช่ไหม
ปล.ผมคิดว่าการรักษาลูกค้าคือไม่เปลี่ยนโฉมหน้าตา ไฟท้ายมันบ่อยเกิน เพราะมันดูเหมือนหักหลัง + ทิ้งลูกค้าเก่าให้ดูเหมือนอารมณ์คนแก่ขับรถเก่า
-
เป็นคนละฟีลกับ Bee-Em เสียด้วย