Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Nonnics ที่ ธันวาคม 18, 2016, 12:59:44
-
ดูรถที่เปิดตัวระยะหลังทั้งค่ายยุโรปและญี่ปุ่น มีระบบHybrid ขายร่วมกับเครื่องยนต์ธรรมดา ได้รับความนิยมเพิ่มพอสมควร
เป็นไปได้ไหมครับ ในอนาคตอีก10ปีข้างหน้า จะถึงยุคเสื่อมของรถน้ำมัน ผู้ผลิตรถหันมาผลิตรถพลังงานไฟฟ้า 100% แทนสายการผลิตเดิม(ทั้งเครื่องยนต์สันดาปปกติและพันธ์ุทางอย่างHybrid)
-
เป็นไปไม่ได้ รถไฟฟ้าจะเยอะขึ้นก็จริงแต่ยังไงก็มีรถน้ำมันอีกเพียบครับ บ้านเราคนไม่ได้มีโอกาสใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าครอบคลุมกันทุกพื้นที่ขนาดนั้นหรอก ในยุโรปมีรถไฟฟ้าวิ่งเยอะจริง แต่ประเทศเหล่านั้นต้องรวยพอควร และปริมาณการซื้อรถก็ไม่ได้มากมายขนาดบ้านเรา
ประเทศเราก็ไม่ได้มีคนที่มีฐานะพอจะเปลี่ยนรถไปใช้รถไฟฟ้ามากขนาดนั้น
อีกทั้งโรงไฟฟ้าเราก็ไม่ได้สร้างใหม่เลย ไฟฟ้าไม่พอครับ
-
10 ปีคงไม่ยุติครับ แต่เสื่อมแน่นอน
-
เป็นไปได้ครับ แต่ยังไงก็จะมีรถที่ใช้น้ำมันอยู่ แต่สัดส่วนที่เป็นรถน้ำมันเพียวๆจะน้อยลง
-
เป็นไปไม่ได้ ในเร็วๆ นี้ ที่ EV 100 % จะมาแทนน้ำมัน ใใน 10 ปี
เพราะ เรา ใช้น้ำมัน เพราะมันคือ เชื้อเพลิง ที่ ต้นทุนต่ำที่สุด และ ครองตลาดอยู่
คือ ไฟฟ้า 100 % นะมี แต่ คงไม่ใช่ สำหรับ ทุกคนครับ
ต้องดูด้วย เอาไฟฟ้า มาจากไหน
ผมเลยคิดว่า PHEV คืออะไร ที่น่า สนับสนุนมากกว่า
ผมหมายถึงบ้านเรานะ เพราะ บ้านเรา ขายน้ำมัน
-
ยังอยู่
-
ผมมองว่าจะรอดหรือไม่ อยู่ที่ยุคนี้เกิดอะไรขึ้น
ขอยก ตย เป็น camry hybrid ละกัน
ขายดีมาก ประหยัดน้ำมันมาก แต่ก็มีทั้งคนชอบคนกลัว
กลัวซ่อมแพง ขายราคาตก นี่ขนาดไม่ค่อยมีข่าวว่าเสียน๊ะครับ
แล้วรถไฟฟ้ายุคนี้มันเพิ่งมา ยังไม่ค่อยมีปัญหาแบบแรงๆให้ได้ยิน ยังไม่ถึงเวลารับ service ด้วยซ้ำ
ยังเร็วไปที่จะตัดสิน
อีกตัวแปรคือบ้านเราใช้รถกันนาน ต้องรอจนเราใช้แล้วเปลี่ยนเร็วเหมือนต่่งประเทศ อิทธิพลของการซ่อม การขายต่อ จะลดลง รถไฟฟ้าอาจเข้ามาแทนรถน้ำมันเร็วขึ้น
รถไฟฟ้าต้องดีกว่ารถน้ำมันครบทุกด้านหนะครับ ถึงแทนได้จริง
-
บวก ภาษี รถ ซะแพงเวอร์ รายได้ต่ำ
คนก็ต้องใช้รถ กันนานๆ ให้คุ้ม
แล้ว เราจะ ส่งเสริม ยอดขายรถได้ยังไงกัน โมเดลนึง แค่ ห้า ปี รถเก๋ง แต่พี่ บากภาษี รวมยอดไป 30-40 %
คนไทย จะเอาตังที่ไหนเปลี่ยรถ ทุก ห้าปีครับ คิด สิคิด รัฐบาลไทย
-
บวก ภาษี รถ ซะแพงเวอร์ รายได้ต่ำ
คนก็ต้องใช้รถ กันนานๆ ให้คุ้ม
แล้ว เราจะ ส่งเสริม ยอดขายรถได้ยังไงกัน โมเดลนึง แค่ ห้า ปี รถเก๋ง แต่พี่ บากภาษี รวมยอดไป 30-40 %
คนไทย จะเอาตังที่ไหนเปลี่ยรถ ทุก ห้าปีครับ คิด สิคิด รัฐบาลไทย
ใช่ครับ รถยนต์ hybrid ราคาสูงเกินไป ยอมเติมน้ำมันแพงๆยังคุ้มกว่า
ส่วนรถไฟฟ้าก็ต้องดูราคารถ กับค่าไฟ และราคาน้ำมันด้วย
-
ผมว่า 20 ปียังเร็วไปด้วยซ้ำครับ
-
ผมว่าอีก 20 ปี ก็ยังมีรถน้ำมันล้วนๆ น่าจะประมาณ 30-50% ด้วยซ้ำ ในไทย
-
ค่อยหายกังวล คันต่อไปจะได้ซื้อรถใช้น้ำมันปกติอย่างสบายใจครับ
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
-
คนที่บอกว่ารถไฟฟ้าจะถูก คือคนที่คิดว่าแบตเตอรี่จะถูกลงอย่างรวดเร็ว ซึ่ง ณ นาทีนี้ผมว่ามันยังไม่ใช่นะ... แม้จะมีเทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามาสนับสนุน
ไทยเป็นประเทศผลิตไฟไม่พอใช้ครับ ถามเล่นๆว่า ถ้าใช้ไฟฟ้า 1 กิโล แพงกว่าใช้น้ำมันวิ่ง 1 กิโล จะมีใครใช้บ้าง ถ้าถึงตอนนั้นก็ต้องมาดูว่ามีเทคโนโลยีอะไรผลิตไฟได้ถูกสุดๆมั๊ย (ตา Elon mark บอกว่า Solar roof ของเขาถูกกว่ากระเบื้องโง่ๆ ซึ่งผมไม่ได้ฟังละเอียดไม่รู้มีวิธีคิดเลขแบบมายากลเซล์ขายของรึไม่ แต่เดาว่าแกน่าจะบอกว่า มันสร้างไฟมาลดค่าใช้จ่ายได้ เลยถูกกว่ากระเบื้องที่ติดมาเฉยๆ แบบนี้เหมือนขายของมากกว่าบอก Cost จริง)
ผมยัง Bet ว่า Tesla ไม่ใช่ผู้วิเศษ นะ รอวันที่ Ford GM Toyota เปิดหน้าไพ่จริงจังก่อน ที่น่ากลัวคือกลุ่มรถยนต์จีนถ้าแบตเตอรี่ถูกเมื่อไรพวกนี้จะลิงโลดเลย น่าจะมี Brand จีน กลายเป็น Global Electic Car ซักยี่ห้อ
ปล.หลายครั้งที่คนพูดถึงรถไฟฟ้าจะพูดถึง แค่ เครื่อง .... ซึ่งรถยนต์มันมีมากกว่านั้นมากๆ และผมไม่ค่อยได้ยินคนพูดถึงจุดอื่น นัก...
-
10 ปี คงยัง อาจจะเห็นระปาย แต่หลังจากนั้น 10-20 ไม่แน่ เพราะปฎิเสธโลกไม่ได้หรอกครับ แนวทางมันมาทางนี้แล้ว
-
เริ่มตั้งแต่ช่วงกลาง 2020s น่าจะค่อยๆเสื่อมความนิยมครับ ทั้งนี้ ขึ้นกับความเร็ว ความก้าวหน้าของระบบแบตเตอรี่ด้วย
ถ้าถามว่าแล้วไหนมา ก็ Batt EV แน่นอนครับ ส่วน Fuel cell จะโดนมองข้าม มันไม่มีอนาคตในวงการรถยนต์ (แต่น่าจะมีในวงการ Military, Aviation) แม้ว่าจะมีผู้ผลิตขึ้โม้เจ้านึงยังหัวดื้อพยายามเข็นออกมาอยู่
ส่วนไทยแลนด์จะเป็นไง อันนี้ให้ดู ไอ้ยุ่นว่ามันจะขนอะไรมา เนื่องจากไอ้ยุ่นส่วนใหญ่ตามหลังเรื่อง Batt EV แนวโน้มที่จะขนพวก plugin hybrid เข้ามาโละขายจึงเป็นไปได้สูง
ถัดมาเครื่องดีเซลที่บ้านเรานิยม รถที่ใช้เครื่องแบบนั้นจะส่งไปขายตลาดโลกที่หนึ่งได้ยากขึ้น จากนโยบายหลายเมืองฝั่งโน้นที่เตรียมแบนดีเซลเข้าตลาดครับ
-
คนที่บอกว่ารถไฟฟ้าจะถูก คือคนที่คิดว่าแบตเตอรี่จะถูกลงอย่างรวดเร็ว ซึ่ง ณ นาทีนี้ผมว่ามันยังไม่ใช่นะ... แม้จะมีเทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามาสนับสนุน
ไทยเป็นประเทศผลิตไฟไม่พอใช้ครับ ถามเล่นๆว่า ถ้าใช้ไฟฟ้า 1 กิโล แพงกว่าใช้น้ำมันวิ่ง 1 กิโล จะมีใครใช้บ้าง ถ้าถึงตอนนั้นก็ต้องมาดูว่ามีเทคโนโลยีอะไรผลิตไฟได้ถูกสุดๆมั๊ย (ตา Elon mark บอกว่า Solar roof ของเขาถูกกว่ากระเบื้องโง่ๆ ซึ่งผมไม่ได้ฟังละเอียดไม่รู้มีวิธีคิดเลขแบบมายากลเซล์ขายของรึไม่ แต่เดาว่าแกน่าจะบอกว่า มันสร้างไฟมาลดค่าใช้จ่ายได้ เลยถูกกว่ากระเบื้องที่ติดมาเฉยๆ แบบนี้เหมือนขายของมากกว่าบอก Cost จริง)
ผมยัง Bet ว่า Tesla ไม่ใช่ผู้วิเศษ นะ รอวันที่ Ford GM Toyota เปิดหน้าไพ่จริงจังก่อน ที่น่ากลัวคือกลุ่มรถยนต์จีนถ้าแบตเตอรี่ถูกเมื่อไรพวกนี้จะลิงโลดเลย น่าจะมี Brand จีน กลายเป็น Global Electic Car ซักยี่ห้อ
ปล.หลายครั้งที่คนพูดถึงรถไฟฟ้าจะพูดถึง แค่ เครื่อง .... ซึ่งรถยนต์มันมีมากกว่านั้นมากๆ และผมไม่ค่อยได้ยินคนพูดถึงจุดอื่น นัก...
Ford กะ GM เปิดหน้ามาแข่งแล้วชัดเจนครับ แต่แข่งใน low ถึง mid tier segment
ส่วน Toyota ยังสับสนในตัวเองนะครับ เดือนก่อนบอก จะทำรถไฟฟ้าแล้ว ไม่นานมานี้บอกจะเข็น LS Fuel cell ออกมา แล้วค่อยออกมาให้ข้อมูลบิดเบือนโจมตี Batt EV อ้างไม่มีอนาคตโน้นนี้ ผมว่าเป็นการสกัดถ่วงเวลามากกว่า เพราะช่วงที่ชาวบ้านมุ่งไป Batt EV แต่ตัวเองทุ่มลงกับ fuel cell ไปเยอะ ซึ่งตอนนี้แป๊กไม่เป็นท่า
ส่วนเรื่องไทยแลนด์ผลิตไฟฟ้า support ไม่พอ อันนี้ต้องไปแก้กันที่โครงสร้างยุ่งๆเหยิงๆของเรา ถ้าถามผมว่ายังไงดี ผมแนะว่า privatisation วงการนี้ไปเลย (แนวๆเหมือนที่ Maggie T ทำในยุค 80s) เปิดให้เอกชนหลายหลายแข่งขันเป็นบริษัทพลังงานไฟฟ้า การเป็น free market จะมี efficiency สูงกว่าที่เป็นในปัจจุบัน
-
ยังเร็วไป รถใช้ไฟฟ้ากำลังพัฒนาและประสิทธิภาพอยู่ตลอด ด้วยราคาตัวรถ ผู้บริโภคยังมั่นใจรถใช้น้ำมันมากกว่า น้ำมันในโลกยังพอมีใช้อยู่ครับ
-
10ปี รถที่ใช้น้ำมันลดลงครับ แต่มันคงแล้วแต่บางประเทศในโลกด้วย
ในยุโรปออกกฏมาชัดเจนว่าจะแบน เช่น เยรมันซึ่งเป็นจ้าวอุตสาหกรรมยานยนต์ แบนรถยนต์ใช้น้ำมันในอีก15-20ปีข้างหน้านี้ ฝรั่งเศษเองก็ มีปัญหาเรื่องมลพิษในปารีสจนต้องแบนรถเก่าที่มีมลพิษมาก ตอนนี้อย่างเบนซ์ BM ก็พยายามแตกลาย รถไฟฟ้าล้วน ให้ชัดเจนมากขึ้น ส่วนฝั่งอเมริกาก็มียอดจองเทสล่ารุ่นใหม่ถล่มทลาย
ผมคิดว่าอนาคตเทรนด์มันคงกระเถิบเข้าใกล้ไฟฟ้าเพียงๆมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ขนาดเครื่องยนต์เล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายเครื่องยนต์อาจจะเป็นแค่ตัวปั่นไฟให้มอเตอร์ยามฉุกเฉินเท่านั้น ซึ่งถึงตอนนั้นเครือข่ายการชาร์จไฟแบบเร็วน่าจะกระจายได้เพียงพอต่อความต้องการ, หัวปล๊กก็จะใช้แบบสหกรณ์ชาร์จได้ทุกยี่ห้อ และ ระยะเวลาการชาร์จอาจลดลงมากเช่น 15นาที อาจชาร์จได้ 60-70% ดังนั้นพวกยุโรป เมกาคง มีรถไฟฟ้ามากขึ้นชัดเจนในอีก10ปีข้างหน้า ผมว่าน่าจะเกิน50%นะ
กลับมาที่ประเทศไทย คงแล้วแต่นโยบายของรัฐบาลด้วย ว่าจะสนับสนุนรถยนต์แบบนี้มากเพียงใด แต่เท่าที่ดูแนวโน้มนี่น่าจะสนับสนุนไปเรื่อยๆครับ เพราะพวกPHEV ที่ฉลากประหยัดน้ำมันเบอร์ห้านั่น รัฐก็ช่วยลดภาษีให้มากอยู่ และอนาคตแบตคงถูกลงเรื่อยๆ ราคารถก็จะลดลงครับ แต่เท่าที่ผมคิดไว้คิดว่าอีก10ปี รถไฟฟ้าคงนิยมในเฉพาะรถนั่ง ในเมือง ซัก 20-30% ตามเทรนด์กระแสโลกครับ ส่วนพวกกระบะ หรือพวกรถครอบครัวพื้นฐานกระบะที่ได้รับความนิยมในต่างจังหวัดคงยังใช้ดีเซลเหมือนเดิม แต่คงสะอาดขึ้นเยอะครับ
-
ถ้าจะแทนที่เลย 100% ผมว่าอีกนานพอสมควรครับ แต่ Full EV มาแน่ๆ ค่ายรถใหญ่ๆมีโครงการอยู่ในมือแล้ว ตั้งแต่ก่อน Tesla จะเกิดเสียอีก ขึ้นอยู่กับว่าจะปล่อยออกมาเมื่อไร และต้องเป็นแบบค่อยๆปล่อยด้วครับ ไม่งั้นรถที่ใช้น้ำมันตายกันหมด = บริษัทเจ๊งเร็วขึ้น
-
เพื่อนผมมองอีกมุมนึง เค้าอยู่ บ.น้ำมัน(แต่ไม่รู้ว่าจะพูดเพื่อ บ.ตัวเองรึเปล่านะฟังหูไว้หูละกัน)
คือ น้ำมัน จากที่เคยประเมินว่า จะหมดอีกไม่กี่ปี แต่ตอนหลัง มีวิธีหาน้ำมันจากพวกชั้นหินอื่นๆ หรือแหล่งใหม่ๆที่ลึกขึ้น
น้ำมันก็จะมีใช้ได้อีกนานขึ้น รวมถึงพลังงานสกัดจากพืช อย่างโซฮอล+ไบโอทั้งหลายมาผสม หรือจะไปE100เพียวๆ ทำให้น้ำมันใช้ได้ยาวนานขึ้น
แต่แบต ปริมาณลิเทียมในโลกมีเท่าไหร่ ถ้าจะขนมาใช้ทำแบตเตอรีในทุกวงการ โดยเฉพาะกลุ่มไอทีก็เอาไปเยอะแล้ว
ถ้าไม่คิดค้นแบตเตอรีระบบใหม่หรือรีไซเคิลลิเทียมมาใช้งานได้ใหม่ หรือทำให้มันทนขึ้น อาจจะมีคำถามว่า ถ้าทำรถใช้เชื้อเพลิง E100ให้ประหยัดน้ำมันมากๆ(25-30โลลิตร) ตัวน้ำมันE100 สามารถกลั่นและขายได้เลยตามภูมิภาค(ไม่ต้องมีการขนส่ง เช่นปลูกที่เชียงใหม่ก็ส่งปั้มที่เชียงใหม่ได้เลย)
กับรถไฟฟ้า อันไหนจะเหมาะกับประเทศการเกษตรอย่างไทยเรามากกว่ากันครับ
-
จริงๆ แบตลิเธี่ยมนี่ ขยะอุตสหกรรม มลพิษสูงเลยนะครับ
เราลืมไปไหมว่า แบตทำมาจากอะไร พอกับรถ ไฟฟ้าที่ขายปีละหลายสิบล้านคันไหม
-
เห็นหลายๆ คน หลายๆ ส่วน หลายๆ วงการ หลายๆ องค์กร อยากให้เข้าสู่ยุดของ hybrid และ EV
ส่วนที่คุยกันหลักๆ คือ
1. การปล่อยมลพิษ
2. ความประหยัดและลดการใช้นำมันเชื้อเพลิง
3. ภาษี
4. ราคา
แต่ลืมไปหรือป่าวว่า
1. ก่อนจะมาเป็น battery 1 ลูก เกิดมลพิษ เท่าไร่?
2. เมื่อถึงเวลาที่ battery 1 ลูก หมดอายุการใช้งาน จะจัดการอย่างไร?
-
ในประเทศที่เจริญแล้ว คงห้ามขายรถดีเซลส่วนบุคคล แต่อย่างไงรถบรรทุกคงต้องใช้ดีเซลต่อไปแน่ๆ
ev แท้ๆ จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มาแย่งพวก hybrid ซึ่งในรถยะยาว ผมว่า รถ hybrid นั่นแหละที่จะหายไป
ต้องรอให้ราคา แบตมันถูกลง จนราคารถ EV แท้ที่วิ่งได้ 500km+ มันถูกกว่ารถเครื่องยนต์สันดาป อย่าง vios
นั่นแหละครับ รถเครื่องยนต์สันดาปจะค่อยๆ หายไปแบบ กล่องฟิลม์นั่นเอง
ซึ่งจาก tesla ราคา 10 ล้าน เหลือ คันละ 6 แสน คงใช้เวลาอย่างน้อย 20 ปี
-
รถยนต์จะเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้า เร็วขึ้นหรือช้าลง ขึ้นกับระบบแบตครับ ( มันเป็นคอขวดจริง ๆ ) เพราะถ้าแบตเล็กลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้ง ความจุ ระยะเวลา ความปลอดภัย โอกาสจะมาเร็วกว่า 10 ปี เป็นไปได้ เทคโนโลยี่ตอนนี้ไปไกลมากแล้ว แต่ติดเรื่องสิทธิบัตรต่าง ๆ ราคาเลยแพงมากจนไม่คุ้มในการลงทุนพัฒนาต่อ
ระบบเครื่องยนต์ไฟฟ้า ก็พัฒนาไปไกลครับ อย่าง Tesla เป็นต้น ถ้าทำจริงจะมี Economic of scales /of speed /of etc. เราจะเห็นรถไฟฟ้าวิ่งกันตรึม
สาเหตุที่รถไฟฟ้า ยังไม่เป็นทืี่แพร่หลายเพราะ ผลประโยชน์จากน้ำมันนี่มหาศาลมาก พยายาม Block ไม่ให้เกิด เป็นการเมืองระดับโลก ที่รถไฟฟ้าฟันฝ่ามาถึงตอนนี้ เพราะแรงกดดัน NGO โลกร้อน พลังงานทดแทน ฯ
รถใช้น้ำมันจึงยังต้องอยู่ไปอีกไม่ต่ำกว่า 20 ปี
-
เอาเฉพาะในไทย คงเกิน 50ปี+ กว่าจะแทนที่น้ำมันได้ 100% ส่วนในระดับโลกถ้า tesla ยังมีส่วนแบ่งในตลาดโลกไม่ถึง 20% ผมว่ายากที่ toyota , GM จะสั่งผลิต full ev แทนที่ทุก segment เพราะนั่นหมายถึง รถที่ใช้น้ำมันยอดขายจะหายไปแบบมหาศาล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อโลกนี้มี elon musk ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อ battery รุ่นใหม่พัฒนาเสร็จเรียบร้อย ชาร์จได้เร็ว เบา จุพลังงานได้เยอะ ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรถูกกว่าน้ำมัน
-
ต้องรอดูกันต่อไป เทคโนโลยี มีเปลี่ยนแปลงตลอด บางทีแค่ เบนซิน+เทอโบ อาจจะประหยัดแทบไม่ต่างกับ hybrid ก็ได้