Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: YenChar ที่ มกราคม 04, 2017, 15:24:18
-
รถผมใช้ยาง 265/60 R18 (ฟอร์จูนเนอร์)
ในสเปคบอกให้เติมลมยางแค่ 29 แต่ชีวิตจริง เติม 34-35 มาโดยตลอด
พอดีช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสลองลดลมยางเหลือแค่ 28-29
ตามสเปคที่โรงงานบอก
(วัดขณะที่ยางยังเย็นอยู่)
ผลที่ได้คือรถเกาะถนนขึ้นจากเดิม นุ่มขึ้น
ไม่แน่ใจว่าหน้ายางมันสัมผัสกับถนนเต็มเม็ดเต็มหน่วยขึ้นหรือเปล่า
................
แต่พอมาดูชีวิตจริงของคนใช้รถ ตามเวป ตามคลับต่างๆ (แม้กระทั่งตัวเอง)
จะชอบเติมลมยางเกินกว่าที่สเปคระบุไว้ค่อนข้างมาก
ผมเข้าไปสิงตามคลับคนใช้รถกระบะ รถ PPV หรือรถเก๋ง
บางคันเติมที่ 36-38 บางคันล่อไปถึง 40 หน่วยก็มี
................
คำถามคือ
ทุกท่านคิดว่า
การลดลมยางเพื่อให้รถเกาะถนนขึ้น ใช้ได้ในชีวิตจริงมั้ย??
การเติมลมยางจนยางมันเป่ง หน้ายางสัมผัสถนนได้ไม่เต็มที่ เลยทำให้ไม่เกาะถนน
หรือจากข่าวรถตู้ดอกยางโล้นๆ เอาจริงๆ รถตู้สมัยนี้อัดลมยางกัน 40 หน่วย
ทั้งๆที่จริงๆ ต่อให้ยัดคนเยอะขนาดไหน แรงดันลมยางประมาณ 33-34 ก็น่าจะเพียงพอ
พอยางมันเก่า ดอกไม่มี แถมยางยังเป่ง เลยยิ่งไปกันใหญ่
กำลังจะประยุคความคิดแนวรถวิ่งสนามเซอร์กิตมาใช้ในชีวิตจริงกันบ้าง
ปกติเห็นคนใช้รถมันจะบอกว่าลมยางอ่อนไม่ดี แต่กลับเติมกันจนแข็งปั๊กซะงั้น
ยกเว้นพวกยางซีรี่ห์ต่ำๆ ที่ต้องเติมลมแข็งๆไม่งั้นแม็กซ์ดุ้ง
ทุกท่านคิดอย่างไรกันบ้างครับ??
เติมลมยางกันเท่าไหร่ เพราะอะไรครับ??
-
ผมคิดว่าคนที่เติมลมยางเกินกำหนดเค้าคงคิดดีแล้วหรอกครับ อิอิ
-
เติมเกินกว่าที่บอกไว้ 1 psi ครับ
เหตุผลก็คือตอนมาเติมยังไงยางก็ร้อน ลมก็ขยาย อีกอย่าง วิ่งๆไปยังไงลมในยางก็ลด เติมเผื่อไว้นิดหน่อยเวลาเติมลมรอบต่อไปจะได้ไม่เห็นตัวเลขที่ต่ำจนน่าตกใจ
-
จริงสิครับ ผมก้อคนนึงที่ไม่เติมลมเกินกำหนดเลย คนหลายคนบอกว่าเติมเกินๆหน่อยได้หนึบขึ้น ผมหละขำ
บางคนบอก ออก ตจว. ต้องเติมเผื่อแข็งๆไว้ ผมหละขำ
เหตุผลเดียวที่จะเติมลมมากขึ้น คือรถเราต้องแบกน้ำหนักมากขึ้น เช่นบรรทุกของเยอะ นั้งหลายคน ครับ
หรือไม่ก้อพวกรถซิ่ง ยางบางเฉียบ เติมน้อยกลัวแม็กดุ้ง ครับ
เติมลมเกินกำหนดจนหน้ายางสำผัสพื้นไม่เต็ม อายุการใช้งานก้อหายไป 10-20% ครับ
-
ผมชอบแข็งกว่าป้ายที่แปะข้างประตูเล็กน้อย
-
คนที่เติมแข็งมากๆ เขาคงมีเหตุผลของเขา และเขาก็รู้ดีว่าดอกยางจะสึกเร็วกว่า
บางคนหวังประหยัด บางคนหวังวิ่งยาวๆ ยางไม่ร้อน
ผมยึดทางสายกลาง 38 ครับ
สเปครถระบุสำหรับยาง 265/65/R17 ไว้ว่า
soft 35
eco 38
load 40
หวังประหยัด ทนเด้งนิดหน่อย
-
นั่นมันบวกเพิ่มประมาณร้อยละยี่สิบเลยนะครับ ก็จะเกินไปหน่อย
ผมบวกเพิ่มร้อยละห้าก็พอครับ แต่เอาจริงๆก็บวกได้อย่างข้างบนบอก อย่าง Volvo จะบอกในแผงเลยว่ามีแบบ eco
-
รออ่านบทสรุป
-
ผมว่าเติมเกินมีประโยชน์กว่าเติมน้อยกว่ามาตรฐาน เติมเกินประหยัดน้ำมันและไม่ต้องเช๊คลมยางบ่อย เติมน้อยกว่ามาตรฐานเสี่ยงยางระเบิด เกาะถนนมีปัจจัยอื่นๆด้วยไม่ใช่แค่ลมยางครับ ยกเว้นขับความเร็วต่ำกับเส้นทางอ๊อฟโรดอันนี้เติมน้อยมีประโยชน์กว่า :D
-
จริงสิครับ ผมก้อคนนึงที่ไม่เติมลมเกินกำหนดเลย คนหลายคนบอกว่าเติมเกินๆหน่อยได้หนึบขึ้น ผมหละขำ
บางคนบอก ออก ตจว. ต้องเติมเผื่อแข็งๆไว้ ผมหละขำ
เหตุผลเดียวที่จะเติมลมมากขึ้น คือรถเราต้องแบกน้ำหนักมากขึ้น เช่นบรรทุกของเยอะ นั้งหลายคน ครับ
หรือไม่ก้อพวกรถซิ่ง ยางบางเฉียบ เติมน้อยกลัวแม็กดุ้ง ครับ
เติมลมเกินกำหนดจนหน้ายางสำผัสพื้นไม่เต็ม อายุการใช้งานก้อหายไป 10-20% ครับ
คิดหมือนกันเป๊ะเลย ไม่นานนี้มีกระทู้นึงบอกให้เติมลมยากมากๆแล้วเกาะถนน ผมก็งงเหมือนกัน
-
ลดลมยางทำให้เกาะถนนขึ้นจริง แค่หมุนพวงมาลัยก็รู้แล้ว พวงมาลัยจะหนักขึ้น ข้อควรระวังคือลมอ่อนมากๆจะทำให้ยางระเบิด แต่เติมแข็งก็มีข้อดีของมันเหมือนกัน
+- ไม่ควรมากเกินกว่าที่กำหนดเอาไว้
-
ถ้าไซส์ยางตามสเปคโรงงานผมก็เติมตามป้ายข้างประตู แต่ส่วนใหญ่ผมเติมตอนมันร้อนแล้ว ก็ + อีก 2 psi
ผมสงสัยอย่างนึงครับ ทำไมเติมลมอ่อนกว่าปกติแล้วยางถึงจะระเบิดเหรอครับ
-
ถ้าไซส์ยางตามสเปคโรงงานผมก็เติมตามป้ายข้างประตู แต่ส่วนใหญ่ผมเติมตอนมันร้อนแล้ว ก็ + อีก 2 psi
ผมสงสัยอย่างนึงครับ ทำไมเติมลมอ่อนกว่าปกติแล้วยางถึงจะระเบิดเหรอครับ
เพราะลมอ่อนทำให้แก้มยางต้องรับภาระมาก เมื่อถึงจุดนึงแก้มยางรับไม่ไหวก็ระเบิด
-
จำได้ว่า อัลเมร่า ให้เติมด้านหน้า 33 หลัง 40กว่าๆ เดี่ยวไปเปิดดูก่อน อันนี้ แหละดุจากป้ายข้างประตุนะ งงๆ
-
จริง อย่างไม่ต้องสงสัย
-
สเปคเขาให้เติม 29 แต่คุณเติม 34-35 การลดลมยางไม่ได้ช่วยให้เกาะขึ้นแต่ที่เกาะเพราะลมยางมันตรงตามสเปคต่างหาก
-
ลดลงเต็มที่ก็ตามที่ระบุไว้ข้างประตูก็พอแล้วครับ ลดกว่านั้นเสี่ยงเกินไป รถประจำตัวผม revo 4dr ยาง265/65/R17 รุ่นนี้ช่วงล่างด้านหลังมันออกแนวรถ6ล้อ ถ้ารถเปล่าๆผมเติมลมหลัง 29 ก็พอดี แต่ถ้ารถเปล่าเติมลมหลัง 35 เวลาเจอทางปะแบบขรุขระๆ ช่วงล่างหลังมีดิ้น ออกแนวสะบัดครับ
-
ผมว่าดล้วแต่ยางด้วย
เส้นเก่าใช้ toyo opht เติม 30 เท่าป้ายก็รู้สึกกำลังดี ไม่แข็งไป ไม่นุ่มย้วย
แต่พอมาใช้ yoko parada spec-x ผมเติม 32 ความรู้สึกใกล้เคียงกับ opht 30 เลย แต่ยางเกาะกว่าด้วย
-
เติมลมยางปกติ เน้นนุ่มเกาะถนน พวกมาลัยก็จะหน่วงหน่อย แต่ถ้าขับทางไกล เติมเผื่อ 1-2 psi พวงมาลัยจะเบาขึ้นหน่อยนึง ขับนาน ๆ ไม่เมื่อยมาก และกินน้ำมันลดลงเล็กน้อย
-
เมื่อก่อนเคยเติมเท่าข้างประตูคือ 32 มาหลายปี จนเพิ่งเติมเป็น 34 เมื่อไม่กี่เดือนรู้สึกเลยรถออกตัวดีขึ้นไม่อืด เวลาหักพวงมาลัยคมขึ้นไม่ย้วยเหมือนก่อนส่วนตัวผมชอบ เคยลองเพิ่มเป็น 35 แล้วแข็งไปไม่ชอบต้องเอาออกเป็น 34 ครับ
-
สำหรับรถบ้าน
กรณีรถทั่วไปไม่ได้เปลี่ยนแมกมา เติมมาตรฐานลมยางที่กำหนดเหมาะสมที่สุดเพราะหน้าสำผัสยาง(contact patch)จะมีมากที่สุด ถ้าแข็งเกินไป ยาง265อาจใช้ได้แต่235 อีกสามสี่เซนที่เหลือต้านลมเปล่าๆ เติมลมแข็งไปจะประหยัด อัตราเร่งดีขึ้น แต่ต้องแลกมากับ เกาะถนนในโค้งแย่ลง ระยะเบรคฉุกเฉินยาวขึ้น อายุยางสั้นลง และช่วงล่างทำงานหนักขึ้น สะเทือนขึ้น
แต่ถ้าเปลี่ยนแมกมา เติมแข็งๆไปเลยครับ เพราะแมกดุ้งมันไม่คุ้ม แต่แน่นอนคือ มันก็จะมีข้อดีข้อเสียตามที่กล่าวไว้ข้างบน จากเหตุผลดังกล่าวทำให้โดยส่วนตัวไม่ชอบแมกใหญ่ๆเลย
สำหรับรถเซอร์กิต
เนื่องจากมันมีความร้อนจากการเบรคอย่างรุนแรงส่งมาถึงล้อและยาง และจากการที่ใช้ยางจนสุดลิมิตมี สลิปแองเกิล โอเวอร์ อันเดอร์เสตียร์ ทำให้เกิดความร้อนในยางและอากาศขยายตัว ส่วนใหญ่ผมจะเติมที่ ล้อหน้า 24-25 ล้อหลัง 25-26 แล้วแต่สนาม พอแข่งเสร็จ มันจะ31เท่ากันสี่ล้อพอดี ซึ่งเป็นจุดที่contact path มากสุดพอดี (จากการวัดอุณหภูมิริมซ้าย ขวา และกลางยาง ต่างกันไม่เกิน5องศา)
แต่ขับบนถนน ผมคงไม่เติมอ่อนอย่างนั้นเป็นอันขาดเพราะความร้อนจากเบรคมันไม่มากพอที่จะมาขยายแรงดันยาง ทำให้ยางอ่อนไปหน้าสัมผัสน้อยลงครับ
-
เท่าที่ลองปรับเปลี่ยนหลายๆแบบ
การลดลมยางช่วยให้ขับขี่นุ่มนวลขึ้นที่ความเร็วไม่สูงมาก
แต่การเพิ่มลมยางให้เหมาะสม (ต้องลองหาเอา) อาจเกินจากสเปคนิดหน่อย การขับขี่ การเบรกจะดีกว่า โดยเฉพาะความเร็วสูงๆ
การเพิ่มลมยางมากเกินไปแน่นอนกระเด้ง เบรกแย่ลง แย่กว่าลมยางอ่อนไป
-
ปรับเพิ่มลดได้ครับ ตามที่เราชอบ แต่อย่าไปเกิน spec มากนัก
-
ถ้าไซส์ยางตามสเปคโรงงานผมก็เติมตามป้ายข้างประตู แต่ส่วนใหญ่ผมเติมตอนมันร้อนแล้ว ก็ + อีก 2 psi
ผมสงสัยอย่างนึงครับ ทำไมเติมลมอ่อนกว่าปกติแล้วยางถึงจะระเบิดเหรอครับ
อ่อนกว่านิดหน่อยคงไม่เป็นไร แต่ถ้าอ่อนกว่ามาก แก้มยางจุดที่สัมผัสพื้นเราจะเห็นว่าเวลาจอดแก้มมันแบนๆ งอๆ ออก ใช่ไหมครับ (ขับตามกระบะบรรทุกหนักๆลองดูแก้มยางก็ได้ครับ) ดังนั้นเวลารถวิ่งล้อหมุนตลอดด้วยความเร็ว ก็เหมือนกับแก้มยางโดนทำให้บิดงอตลอด 1 รอบการหมุน เกิดความร้อนสะสมและระเบิดตูม ก็เลยแนะนำให้เติมลมยางให้เหมาะกับน้ำหนักบรรทุก
-
ผมเปลี่ยนแม็กใหญ่ยางหน้ากว้างเลยอัดไป 42 เพราะแม็กดุ้งมามันไม่คุ้ม เลยต้องยอมครับ
-
มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดีครับ
เติมใกล้เคียงสเปคแล้วบวกลบตามใจชอบดีกว่าครับ
รถแต่ละคันตอบสนองไม่เหมือนกัน คันนึงต้องแข็งกว่าสเปค คันนึงต้องอ่อนกว่าสเปค มันแล้วแต่ปัจจัยครับ
-
พึ่งจะทำเมื่อวาน ลดจาก 32 เป็น 30 ยางขนาด 225 60 18
สาเหตุ พวงมาลัยมันเบาผิดปกติ ยังหาไม่เจอ ลองลดดู เออเข้าท่าดี
-
ยางเบอร์สเปคโรงงาน+ลมยางสเปคโรงงาน อันนี้ถือว่ามาตรฐานโรงงานอยู่แล้วครับ ส่วนที่+หรือ-ลมยาง ส่วนมากอ่านๆมาจะเหมาะกับคนเปลี่ยนขนาดยางใหม่ไม่ตรงสเปค วัตถุประสงค์หลักๆก็รถวิ่งทางไกลเผื่อยางขยาย ประหยัดน้ำมันขึ้น และความหล่อขอบรถหลังเปลี่ยนไซส์ยาง
ลมยาง+ขนาดยางสเปคโรงงานผมว่าขับนุ่มสบายมากสุดแล้วคับ
-
เติมตามสเปคข้างประตูครับ(ยางเดิมล้อเดิม) เคยลองต่ำกว่า32รู้สึกกินน้ำมันไปหน่อย ออกตัวอืดเข้าโค้งไม่นิ่ง พอเติมแข็งกว่าดันไม่นิ่มเจอทางหยาบนี่เสียงสนั่นหูเลย ฟิลกระด้างๆแต่ประหยัดน้ำมันและวิ่งไกลนิ่งดี เลยกลับมาที่มาตรฐาน32รู้สีกพอดีเลย พวงมาลัยเบามือดีวิ่งความเร็วสูงยังนิ่งและประหยัด ทางไม่เรียบก็ยังเงียบกว่าออกตัวก็พุ่งดีไม่อืด ดอกยางยังไม่สึกมากนักใช้มา4-5ปีแล้วรู้สึกว่าคุ้มค่ามาก
-
เติมลมยางให้เกาะสุดก็เมื่อร้อนแล้วหน้าสัมผัสยางอุนหภูมิใกล้กัน ทั้งตรงกลางและนอกๆ โดยการวิ่งแล้วเอาเทอร์โมจับ
เติมมากไป ยางจะกลม ตรงกลางจะร้อนเร็ว เติมอ่อนไป ยางจะออกแบนๆ ด้านนอกจะร้อนเร็วกว่าตรงกลาง
ในกรณีรถถนนผมก็เติมตามขอบประตู
-
การเพิ่มลมขึ้น-ลง ดูสเปคลมยางตามโรงงานเป็นหลัก แล้วเพิ่มลมขึ้นหรือลงตามการใช้งานและอยู่กับที่รถที่ใช้งานด้วยครับ
เพิ่ม1-2ปอนด์ ดูหน้ายางสัมผัสเต็มถนนก็โอเคแล้วครับ
-
ไม่เสมอไปนะครับ
อย่างรถแข่งเข้าสนาม เขาอัดลมยางเพิ่งนะครับ เพราะอะไร เพราะมันย้วยไงเวลาเข้าโค้ง รถบ้านยางลมอ่อนๆ ก็ย้วยเหมือนกัน
ส่วนทางตรง ผมอยากให้คุณลองดูว่า ลมอ่อนกะลมปกติ ระยะเบรกเท่าเดิมไหม(กดเบรกมิดจากสัก 60km/hr) ก็ได้
เพราะที่มันรู้สึกเกาะกว่ามันเป็นเรื่องของ Rolling resistance ครับ ที่ยางอ่อนมันมีมากกว่า ทำให้เวลาออกตัวหรือขับถอนคันเร่ง มันจะหนืดๆทำให้คิดว่าเกาะ
ในรถ 4x4 ลุยทรายต้องปล่อมลม เพื่อให้หน้ายางสัมผัสดีขึ้น เพราะอะไร? เพราะยางมันจะได้ไม่จมทราย ลอยตัวอยู่ทำให้ไม่ติดหล่มครับ
ในถนนเปียก เวลาแข่งรถ เขาจะอัดลมเพิ่มไปอีก เยอะเลย เพราะอะไร? เพราะต้องลดหน้าสัมผัสกับถนนลง เพราะยางที่หน้าสัมผัสน้อยกว่า มันจะรีดน้ำถนนเปียกได้มากกว่า (อันนี้พวกรถสปอตยางใหญ่ ก็ใช่ว่าจะเกาะถนนเปียกครับ)
สรุปคือ คุณจะได้อะไรจากการลดลมหละ ทั้งย้วยกว่าเวลาเข้าโค้ง(มันก็คือการเกาะถนนชนิดนึง) ทั้งแย่กว่าในถนนเปียก และถนนแห้งก็ใช่ว่าจะดีนะ
สรุปคือ มันไม่ใช่ครับ มันต้องบอกว่า ลมยางที่เหมาะสมทำให้รถเกาะขึ้น จริงหรือ? มากกว่าครับ เพราะลมยางที่ข้างรถ อาจจะไม่ใช่ลมยางที่เกาะที่สุด
เพราะ ผู้ผลิตรถ อาจจะมุ่งหวังเรื่องความนิ่มสบาย หรือความประหยัดน้ำมัน เป็นหลัก มากกว่าการเกาะถนนครับ แต่เท่าที่ดูมา มันต้องเพิ่มนะครับ เพราะ บ.รถมันจะบอกต่ำ เพื่อความนุ่มสบาย( 30 32 นี่ผมว่าต่ำมาก)
ฉนั้นต้องลองเองว่า เพิ่มหรือลด มันเกาะกว่าครับ โดยส่วนตัวผม 32 กะ 35 ผมรู้สึกชัดเจนเลยว่า 35 เกาะกว่า โยกมุดคล่องกว่า เบรกแม่นยำกว่า มันก็แล้วแต่คนครับ แต่อย่างรถผมในรูปprofile นี่ แค่ข้างรถก็ให้เติม 38/42 แล้วครับ จะเยอะไปไหน
-
จริงครับ หน้าสัมผัสเยอะขึ้น ส่วนตัวชอบเติมอ่อนกว่าสเปกโรงงานนิดหน่อย ไม่เกิน 1-2ปอนด์ครับ เพราะไม่ได้แคร์เรื่องอัตราสิ้นเปลืองมาก และชอบให้รถนิ่มๆ ไม่สะท้านมาก แต่ถ้าขับออกต่างหวัด ก็จะเผื่อไว้จากโรงงานที่แปะข้างประตูเพื่อป้องกันแรงดันผันมากๆ แล้วยางระเบิดอย่างที่ทุกคนทราบกันดีครับ แต่ในรถสนาม จะมีปืนยิงวัดอุณหภูมิยางครับ เพื่อวัดความร้อนหน้ายางในแต่ละส่วน ไม่ได้ดูแรงดัน แต่ไว้อ้างอิงเรื่องค่ามุมล้อที่เหมาะสมด้วยครับ
-
ลดลดยางเพื่อให้เกาะขึ้น ส่วนมากใช้กับรถแข่งนิคับ ใช้ในชีวิตประจำวัน คงไม่จำเป็นละมั้งคับ ....ตามข้างรถนั่นแหละ OK แล้ว ( มันเป็นค่าที่ Optimal ที่สุด ไม่ใช่ best ในทางในทางนึง )
อย่างพวก NASCAR ถ้ารถมัน tight (understeer) เขาก็แก้ด้วยการเพิ่ม grip ที่ล้อหน้าด้วยการลดลมยาง และลด grip ที่ล้อหลังด้วยการเพิ่มลมยางเข้าไป ..... และส่วนมากรถแข่ง ลมยางน้อยมากคับ 20-24 psi เอง เพราะเขาต้องการ maximum grip โดยที่ side wall ของยางยังต้องรับไหว (ถ้าอ่อนเกิน มันก็ร้อนจนระเบิด)
-
เติมตามสเปกครับ พอดีแล้ว
เพราะเวลารถขับเคลื่อน แรงเหวี่ยงทำให้มีมวลลมเพิ่มขึ้นอีก