Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nimnim_thailand ที่ มกราคม 12, 2017, 14:15:23
-
เมื่อเทียบกับการสูญเสียและความเสียหาย จากรถที่ตั้งใจขับเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนดพวกนี้
เช่น เคสที่ผ่านมา รถเบนท์ ขับเร็วเกิน 100 km/h แล้วชนรถนักศึกษา ป.6 สองคนตาย
ควรมีการปรับให้หนัก แล้วเข้ากองทุน สำหรับการเยียวยา ผู้เสียหายทันที ไม่ต้องรอฟ้องร้องให้จบคดีเป็น 10 ปี จะดีกว่าไหม
ปรับครั้งละ 1 แสนบาท หากไม่มีจ่าย ก็ให้จำคุกแทนค่าปรับ และยึดทรัพย์ทันที เพื่อเข้ากองทุนสำหรับการเยียวยาผู้เสียหาย จะพอเป็นไปได้ไหม
ทุกวันนี้ก็มีผู้เสียหาย หลายรายที่ ไม่ได้รับการเยียวยาเลย จากพวกที่ขับรถเร็ว มาชน ส่วนใหญ่ก็สู้คดี และก็หนีตายไป พร้อมกับความผิดที่ตัวเองทำ
-
ถูกไปครับ
-
ขับเร็วเกินกำหนดโดนปรับ 1 แสนก็แรงเกินไปเยอะครับ ผมก็แอบคิดบ่อยๆว่าบางทีการที่ระบุตัวเลขเงินค่าปรับตรงตัวมันก็มีผลเสียตรงที่เวลากฏหมายฉบับนี้ผ่านเวลาไปนานๆเข้าค่าเงินมันก็เปลี่ยนไปเยอะ เลยทำให้ค่าปรับมันดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย มีวิธีไหนที่ค่าปรับขึ้นตามค่าครองชีพมั้ยจะได้ไม่ต้องมาแก้กัน ซึ่งกว่าจะแก้ได้ก็นานอีก
-
ถูกไปครับ
1+
-
ผมว่าจัดการเรื่องสอบใบขับขี่ให้ดีดีกว่าครับ ;D
ผมไม่ได้เข้าข้างเบนซ์นะ แต่ผมว่าถ้าวันนั้นไม่มีรถขับแช่ขวาจนเขาต้องแซงซ้าย เรื่องนี้อาจจะไม่เกิดขึ้น :'(
-
ควรจะพิจารณาเป็นกรณีไป
กรณีที่ 1
ขับเร็วกว่ากำหนด ก็ปล่อยให้ จนท ตรวจจับความเร็วไป
กรณีที่ 2
ขับเร็วกว่ากำหนด แล้วเกิดความสูญเสีย ก็จับปรับ เรียกค่ารักษาเยียวยาเป็นรายๆไป
บางทีเวลารีบ เวลาเร่งด่วนก็ต้องใช้ความเร็วเกินกำหนดทั้งนั้น
อย่าลืมว่ารถยนต์ เลขความเร็วหน้าปัด 180+ ทั้งนั้น
ถ้าไม่อยากให้ขับเร็ว ก็ล๊อคเป็นกฏหมายยานยนต์ไปเลย ง่ายกว่าไหม แก้ที่ต้นเหตุ
ลูกพี่ลูกน้อง ขับมอไซไปเรียน รถยางระเบิดมาชนเสียชีวิต ซึ่งก็ไม่รู้ว่าขับมาเร็วเท่าไหร่
จะเรียกร้องก็ได้ไม่มาก คนขับลุงแก่ๆ คนหนึ่ง ตัดสินคดี ลุงติดคุกไป ได้ซากรถลุงมาก้อนหนึ่ง
สำคัญที่คนขับมากกว่า วิเคราะห์สถาณการณ์เป็นไหม สมองสั่งงานได้ไวต่อเหตูการณ์ หรือไม่
ตอนสอบใบขับขี่ มีทดสอบเหยียบเบรค กระทันหัน
บนท้องถนน ขับช้าๆรถติดๆ ยังชนท้ายกันเลยคับ
-
ปรับพันนึงแล้ว จับให้เข้มข้น ปรับให้มันจริง ไม่มีการ "ขอ" ไม่เสีย ... มันก็เพียงพออยู่หรอกครับ (เคยโดนไป 2 หน ... ขับช้าลงเป็นนิสัยไปละ) .. ถ้าจะเปลี่ยนแปลง น่าจะเพิ่มค่าปรับตามความเร็วที่เกินมากกว่าครับ
-
พอแล้วๆ ผมกลัวแล้ว
-
ถ้าเทียบต่างประเทศถูกไปครับ แต่เอาจริงๆ มีหลายเรื่องมากที่ต้องแก้ไข เช่น การจับปรับ คนยังมองว่าเป็นการหากินของตำรวจอยู่ ก็มีทั้งคนที่ผิดจริงๆ และพวกจับหากิน ทำให้คนมองตำรวจในแง่ลบ ผมไปฮ่องกงมาทางกว้างมาก โล่งด้วย แต่คนขับรถและเพื่อนร่วมทางเหยียบไม่เกิน 90 เลย แบบเลยมานิดหน่อยแล้วถอนมาวิ่งที่เท่านี้ ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกว่าจะทำตามที่กฎหมายหรือไม่ กฎหมายให้วิ่ง 90 นี่โบราณล้าสมัยไปหรือไม่ ผมว่าก็แล้วแต่ความคิดคนแต่สำหรับบ้านเราแล้ว ผมบอกตรงๆ ว่าคนที่ขับขี่แบบเคร่งครัดตามกฎจราจรน้อยมากๆ ไหล่ทางก็แทรกเข้าไป ขับเร็วกันเยอะ พวกกระบะซิ่งนี่ตัวดีเลย ควันดำเป็นมลภาวะอีก กฎหมายเหมือนมีไว้งั้น ใช้งานไม่ได้ พอเค้าจับจริงปรับจริงก็บ่น พอปล่อยก็ได้ใจ ใบสั่งทำไรไม่ได้เพราะไม่จ่ายอยู่แล้ว ก็หลักๆ อยู่ที่สามัญสำนึกที่ตัวเรามากกว่าครับ
-
สำหรับผม ปรับแล้วไม่เข้ากระเป๋าตำรวจสักบาท แต่เข้ารัฐ100% แล้วกำหนดกติกามา เร็วเท่าไหร่ ปรับเท่าไหร่ แล้วปฎิบัติ ไม่จ่ายมีบทลงโทษชัดเจน
ผมเชื่อว่าแบบนี้สังคมน่าอยู่ครับ
แต่ทุกวันนี้มันใช่เหรอ???
-
ถูกไปครับ โดนสัก 10k-50k กำลังดี
-
รถกระบะ 170 แรงม้า ให้ขับบนถนน 4-6 เลนโล่งๆ ด้วยความเร็ว 90 ผมกลัวหัวเทียนจะบอดนะครับ (5555 ลืมไปว่ารถดีเซลไม่ใช้หัวเทียน) ผมว่าควรกำหนดความเร็วสูงสุดตามลักษณะถนนจะจ๊าบกว่านะครับ แล้วก็อบรมการขับขี่แบบเข้มข้นเหมือนที่ท่านข้างบนว่า
-
ขับ 60 มันก็ชนคนตายได้ครับถ้ามันขับรถห่วยแตกครับ
จริงๆสมัยนี้ควรจำกัดความเร็วที่ 140km/h ด้วยซ้ำ
-
ความเร็วเกิน 120 เมื่อไรโดนปรับ 500 บาททันที โดนแบบนี้สองสามครั้งก็เข็ดแล้ว ถ้าค่าปรับแพงๆแต่ไม่โดนปรับหรือโดนปรับก็ไม่ต้องจ่าย แบบนี้โดนกี่ทีก็ไม่เข็ด
-
ถ้าเทียบต่างประเทศถูกไปครับ แต่เอาจริงๆ มีหลายเรื่องมากที่ต้องแก้ไข เช่น การจับปรับ คนยังมองว่าเป็นการหากินของตำรวจอยู่ ก็มีทั้งคนที่ผิดจริงๆ และพวกจับหากิน ทำให้คนมองตำรวจในแง่ลบ ผมไปฮ่องกงมาทางกว้างมาก โล่งด้วย แต่คนขับรถและเพื่อนร่วมทางเหยียบไม่เกิน 90 เลย แบบเลยมานิดหน่อยแล้วถอนมาวิ่งที่เท่านี้ ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกว่าจะทำตามที่กฎหมายหรือไม่ กฎหมายให้วิ่ง 90 นี่โบราณล้าสมัยไปหรือไม่ ผมว่าก็แล้วแต่ความคิดคนแต่สำหรับบ้านเราแล้ว ผมบอกตรงๆ ว่าคนที่ขับขี่แบบเคร่งครัดตามกฎจราจรน้อยมากๆ ไหล่ทางก็แทรกเข้าไป ขับเร็วกันเยอะ พวกกระบะซิ่งนี่ตัวดีเลย ควันดำเป็นมลภาวะอีก กฎหมายเหมือนมีไว้งั้น ใช้งานไม่ได้ พอเค้าจับจริงปรับจริงก็บ่น พอปล่อยก็ได้ใจ ใบสั่งทำไรไม่ได้เพราะไม่จ่ายอยู่แล้ว ก็หลักๆ อยู่ที่สามัญสำนึกที่ตัวเรามากกว่าครับ
ใช่ครับเห็นด้วยเลย ค่าปรับมันถูกเกินไปถ้าเทียบกับต่างประเทศ เห็นควรให้แก้กฎหมายค่าปรับเริ่มต้น 3- 4 พันบาท แต่ว่าคงยากครับเพราะภาพลักษณ์ตำรวจบ้านเราแย่มากในสายตาประชาชนอีกทั้งยังมีเรื่องรับส่วย จี้ปล้น รีดไถ อุ้ม ให้เห้นกันอีก นอกจากนี้ยังมมีนโยบายอลุ่มอล่วยกับชาวบ้านอีก ถ้าจะเพิ่มค่าปรับจะกลายเป็นปัญหาสังคมหนักเข้าไปอีก ทำยังไงจะกวดขันวินัยจราจรให้ต่อเนื่องเข้มแข็งดีกว่า
-
ปรับแบบ progressive ครับ เกินมากจ่ายมาก เกินน้อยจ่ายน้อย
-
100เดียวก็พุงกางแล้ว ลงทุนกล้องอันเดียว
100บาทx (500,000คัน/เดือน) = เดือนละ 50,000,000บาท
-
ถูกไปครับ ควรปรับแบบขั้นบันไดอย่างครั้งแรก 500 ต่อไปก็เพิ่มครั้งละ 200 ไปเรื่อยๆ หรือปรับตามความเร็ว 121 500 จากนั้นก็โลละ 50
-
ผมสงสัย หลายคนโพสเฟสบุคว่า
ได้ใบสั่งมาปีนึงเป็นสิบใบ
ก็ไม่ต้องสนใจ ขยำทิ้งหมด
ต่อภาษีรายปีได้ไม่ต้องสนใจอะไร
ยังขับรถต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อันนี้คืออะไร อยากทราบ
-
ขับเร็วเกินกำหนดปรับ 1000 ไม่แพงครับ แต่ขับช้าแช่ขวา ขับไปแชทไป ขับไปเบรคไป เปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวไม่ให้สัญญาณ ขับแบบพวกมือใหม่ทั้งหลายที่น่ารำคาญ ฯลฯ ปรับเท่าไหร่ดีครับ? ยอมรับหรือไม่ครับว่าพวกข้างบนเป็นสาเหตุหนึ่งของอุบัติเหตุ!!!
-
ถ้าเทียบต่างประเทศถูกไปครับ แต่เอาจริงๆ มีหลายเรื่องมากที่ต้องแก้ไข เช่น การจับปรับ คนยังมองว่าเป็นการหากินของตำรวจอยู่ ก็มีทั้งคนที่ผิดจริงๆ และพวกจับหากิน ทำให้คนมองตำรวจในแง่ลบ ผมไปฮ่องกงมาทางกว้างมาก โล่งด้วย แต่คนขับรถและเพื่อนร่วมทางเหยียบไม่เกิน 90 เลย แบบเลยมานิดหน่อยแล้วถอนมาวิ่งที่เท่านี้ ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกว่าจะทำตามที่กฎหมายหรือไม่ กฎหมายให้วิ่ง 90 นี่โบราณล้าสมัยไปหรือไม่ ผมว่าก็แล้วแต่ความคิดคนแต่สำหรับบ้านเราแล้ว ผมบอกตรงๆ ว่าคนที่ขับขี่แบบเคร่งครัดตามกฎจราจรน้อยมากๆ ไหล่ทางก็แทรกเข้าไป ขับเร็วกันเยอะ พวกกระบะซิ่งนี่ตัวดีเลย ควันดำเป็นมลภาวะอีก กฎหมายเหมือนมีไว้งั้น ใช้งานไม่ได้ พอเค้าจับจริงปรับจริงก็บ่น พอปล่อยก็ได้ใจ ใบสั่งทำไรไม่ได้เพราะไม่จ่ายอยู่แล้ว ก็หลักๆ อยู่ที่สามัญสำนึกที่ตัวเรามากกว่าครับ
ผมเห็นด้วยตามท่านนี้ เรื่องกฎหมายวิ่ง90นี่ล้าสมัยไปนะสำหรับบางเส้นทางเช่นตจว.โล่งๆยาวๆนึกถึงหลักความเป็นจริงครับถนนก็ได้สร้างรองรับการสัญจรที่ดีขึ้น แต่ถ้าบางเส้นทางหรือใกล้เข้าตัวเมืองแหล่งชุมชนก็ต้องจำกัดความเร็วเป็นอีกแบบ แล้วต้องมีการจับปรับอย่างจริงจังไม่เข้ากระเป๋าใคร เอาเงินค่าปรับมาซื้อกล้องตรวจจับเพิ่มทั่วประเทศ รถใครไม่ไปเสียค่าปรับก็ไม่ให้ต่อทะเบียนหรือปรับแพงๆ ค่าปรับผมก็ว่ามันน้อยไปยิ่งถ้าเกิดอบห.แล้วต้องปรับให้มากขึ้นแล้วแต่เคส บาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็ต้องปรับเข้าหลวงด้วยไม่ใช่แค่ชดใช้คู่กรณี เมาแล้วขับต้องโทษหนักถึงขั้นจำคุกทันที หรือพวกขับซิ่งปาดไปมาเหมือนในข่าวต้องจำคุกสถานเดียว กฎหมายมันอ่อนเกินไปทำให้คนไม่กลัวเลย นับวันยิ่งเกิดร้ายแรงมากขึ้น จะให้ตายกันอีกกี่ชีวิตครับ ที่ญี่ปุ่นคนตายเพียง1คนนี่เรื่องใหญ่เลย บ้านเราตายปีเป็นพันไม่สนใจไรเลย
-
เสนอจำคุก1-3เดือนไม่รอลงอาญาและปรับ5หมื่นบาท
กระทำผิดซ้ำอีกภายใน1ปี ยึดใบอนุญาตขับขี่5ปี กับจำคุก1-3ปี ปรับ2แสนบาท
สำหรับผู้ไม่มีขับขี่ถ้าฝ่าฝืนจำคุก6เดือนไม่รอลงอาญาปรับ1แสนบาท
ส่วนเมาแล้วขับจำคุก6เดือนไม่รอลงอาญา ปรับ2แสนบาท
เชื่อว่าวินัยจราจรจะดีขึ้นมากกว่าทุกวันนี้
-
ค่าปรับทุกอย่าง ควรขึ้นบวกตามเงินเฟ้อได้แล้ว
-
ปรับข้อหาละ 20,000 ทำผิดซ้ำ 3 ครั้งยึดรถ พวกกากสังคมพวกนี้จะหมดไปกว่า 95%
-
ปรับซัก 1 พัน หรือ 1 ล้านก็ไม่เห็นมันจะมีผลอะไรเลยครับ
คนที่ผมรู้จักส่วนใหญ่ ได้ใบสั่งมาก็ไม่เห็นมีใครจ่ายค่าปรับซักคน
ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น ต่อทะเบียนได้ปกติ ทีนี้ทราบถึงปัญหา
ที่แท้จริงแล้วใช่ไหมครับ
-
ค่าปรับผมว่ามันไม่ได้ช่วยให้คนขับรถประมาทน้อยลงหรอครับ
มันต้องปลูกจิตสำนึก และที่สำคัญ ผมว่า ควรแก้กฏหมายปี 22 ได้แล้ว
นี่มันผ่านมา 30 กว่าปีแล้ว ควรรื้อแล้วปรับให้มันทันยุคทันสมัยได้แล้วครับ
-
รถดีสมรรถนะสูงคนขับฝีมือขับ200แช่ยาวทั้งวันบนเยอรมันออโตบาน
ยังปลอดภัยกว่าขับ60-80บนถนนห่วยๆต้องคอยหลบหลุมเดี๋ยวแม็กคดแม็กดุ้งในเมืองไท
-
ต้องปรับเป็นปรับครับ ไม่ใช่มีใบสั่งไม่ไปจ่ายก็ยังต่อทะเบียนได้
....
อีกอันคือ ตัดแต้มกันแบบจริงจัง
ขับเร็ว ขับผิดกฎหมาย ตัดแต้ม แต้มหมดต้องไปอบรม ทำใบขับขี่ใหม่(พวกเคยได้ตลอดชีพก็จับยกเลิกซะ) ทำงานบริการสังคม เหมือนต้องคดีใหญ่ๆ ไปเลย
ถ้ายังมีอีก ก็ค่าปรับ x2 x3 x4 ไปเรื่อยๆ
ใครแต้มหมดสองรอบ ยกเลิกใบขับขี่ไปเลย อะไรประมาณนี้
แต่ที่สำคัญคือ ทำกันจริงจัง ไม่มีใต้โต๊ะนะครับ
-
1,000 บาท สมเหตุผลแล้วครับ เพราะ ขับรถเร็ว บนทางด่วนหรือทางพิเศษต่าง ๆ ควรมีเจ้าหน้าที่เปรียบเทียบปรับ ณ จุด ลงทางพิเศษนั้นๆ
กรณีแบบนี้ ถ้าคุณโดน ทุกวัน คนชั้นกลาง ไม่เกิน 5 วัน คุณร้องไห้ แล้ว โทษปรับควร แปรผันตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น
ส่วนขับรถเร็วแล้ว มีผู้อื่นบาดเจ็บ ระบบเรียกร้องผ่านศาลเพ่ง มีอยู่แล้วไม่เห็นต้องกังวลอะไร
-
กรณีการเกิดอุบัติเหตุเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่แค่คนขับซะทีเดียว แต่มันรวมถึงสภาพแวดล้อมคนข้างถนน รถมอไซด์ การจราจร การเครพ วินัยและการรู้จักหน้าที ปรับไปเลยครับปรับเป็นแสน แต่ผมขอถนนดีๆนะ ใช้ความเร็วที่กำหนดได้ตลอดเส้นทางด้วย แต่ถ้าปรับเป็นหมื่นเป็นแสนแต่ระบบได้แค่นี้ ถนนได้แค่นี้ วินัยคนยังแบบนี้ บอกเลย ร้อยเดียวผมก็บ่นจนปากฉีกครับ
-
ราคาดี แต่ไม่ควรให้ส่วนแบ่งตำรวจ หน้าที่คือหน้าที่เงินเข้ารัฐ 100%
แต่ตลกดีนะ แค่บังคับให้ใส่หมวกกันน็อค รัดเข็มขัดนิรภัยยังทำไม่ได้เลย วิ่งผ่านป้อมตำรวจกันเหมือนไม่มีอะไร แค่จุดเริ่มต้นของสิ่งที่ต้องบังคับยังทำไม่ได้จะไปเพิ่มให้ปรับความเร็วเพิ่ม ยังไงก็ตายห่าไม่เปลี่ยนหรอก
สถิติตายๆก็มาจากรถอะไรรู้ๆกันอยู่ รถยนต์ที่โดนบังคับ สถิติไม่ได้หนีจากมาเลเซีย อินโดนีเซียกันมากเลย ที่ชนๆกันตาย ไปนับรวมหมดแล้วก็มาลงที่รถยนต์
7 วันอันตรายก็เห็นชัดๆ สถิติอะไรตายมากสุด ปีใหม่จุดตั้งด่านตรวจแต่รถยนต์ แต่มอเตอร์ไซร์ไม่ใส่หมวกวิ่งกันเหมือนด่านเป็นอากาศ
ไม่ได้ว่ารถยนต์ไม่ผืดนะ ผิดนั่นแหละ แต่กฏหมายพื้นๆมันยังบังคับไม่ได้เลย วิ่ง 60 ก็ตายแล้วหมวกไม่ใส่ เข็มขัดไม่รัด ถ้าจะเอาจริงๆควรแก้เรื่องนี้เรื่องแรก
-
ใช้ไม่ได้กับเมืองไทย
ปรับแพงมากก็เปิดช่องให้จ่ายใต้โต๊ะมาก
คนขับเร็ว ไม่ใช่เพราะค่าปรับน้อยไป แต่เพราะจิตสำนึกน้อยไปครับ
ถ้าจะควบคุม ต้องล้างบางจราจรไทยใหม่แล้วค่อยเพิ่มค่าปรับ หักคะแนนยึดใบขับขี่ ส่งซังเตถ้าฝืน
-
ถูกไปครับ เก็บแพงๆ ไม่ต้องแบ่งตำรวจ แล้วเอาไปซื้ออุปกรณ์กล้องจับความเร็วถาวร กล้องตรวจจับการทำผิดเช่นเปลี่ยนเลนเส้นทึบ เบียดตามคอสะพาน แล้วก็ออกใบสั่งถึงบ้าน ทำแบบนี้จะช่วยลดการทำงานของตำรวจลง เอาแรงไปทำอย่างอื่นแทน ใช้เครื่องมือ เทคโนโลยีช่วย มันแพงก็เอาเงินค่าปรับเนี่ย ไปซื้อเลย
-
น้อยไปครับ
ขับเร็ว ปรับสัก 5000 เพิ่มได้อีกตามความเร็ว
แต่ถ้าตำรวจรวบพวกขับเร็วอย่างจริงจัง ไม่เอาใต้โต๊ะ ตัดคะแนน สั่งพักใบขับขี่ ห้ามออกมาวิ่งอย่างจริงจัง ถ้าตรวจเจอโยนเข้าคุก จะช่วยได้อีกเยอะครับ
แล้วต้องทำให้มั่นใจด้วยว่า ถ้าไม่จ่ายค่าปรับ ต่อภาษีไม่ได้ ต้องทำงานอย่างเชื่อมโยงกัน
ปล. อีกพวกที่ควรปรับให้หนักคือมอไซค์มักง่าย ต้องเอาให้อ้วก เพราะอันตรายต่อทั้งตัวเองและผู้อื่นมาก
-ขึ้นฟุตบาท ปรับ 5000 ตัดแต้ม
-ย้อนศร ปรับ 10000 ต้ดแต้ม ทำ 3 ครั้ง พักใบขับขี่ ถ้าพักใบขับขี่มาตรวจเจอ เชิญเข้าเรือนจำ
-
ปรับเริ่มต้น 2000 บาท ส่วนที่เกิน คิดกิโลเมตรละ 200 บาท
เช่น จำกัดไว้ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ขับ 140 ก็จ่าย 2000+ส่วนเกิน 20 กิโลเมตร
จ่าย 6000 บาท
แค่นี้ก็ลดอุบัติเหตุได้เยอะแล้วละครับ
คงไม่มีใครกล้าขับเกิน เดี่ยวไม่มีเงินกินข้าว
-
ปรับไปก็เท่านั้น แหกกฎได้มันเท่ห์ เบ่งได้มันแจ๋ว เพราะมันเป็นนิสัยที่ติดตัวเรามา ปัญหาคือคนไทยนี่แหละ บางคนขับรถดี แต่อย่างอื่น แหก เบ่ง เหมือนกัน
-
มันไม่สำคัญว่าประบกี่บาท แต่มันสำคัญที่ว่าจะจับได้มากแค่ไหน
ที่เยรมัน กล้อง ชุกชุมมากจนไม่มีใครกล้าขับเกินกำหนด
ลองสังเกตเส้นกาญจนาที่มีกล้อง ขับกันร้อยยี่สิบทั้งสาย
ดังนั้นจึงควรติดตั้งกล้องให้ถี่ขึ้นและติดจนครบทุกเส้น
จะให้ดี ติดมันทุกแยกเลย เบื่อมอไซค์ฝ่าไฟแดง
-
ทำไมต้องเจาะจงแค่ขับเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดละครับ ถ้าเกิดจะขึ้นค่าปรับแล้ว ก็ขึ้นมันทุกข้อหาเลย อะไรบ้างละที่น่ารำคาญ จอดรถผิดที่ หยุดทับแยก เปลี่ยนเลนเส้นทึบ กีดขวางการจราจร ขับรถทับไหล่ทาง ยูเทิร์นในที่ห้ามยู ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถ จอดรถทับทางม้าลาย ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ขับจี้ท้าย ไม่เปิดไฟเลี้ยว และที่สำคัญที่สุด พวกขับรถแช่ขวาครับ จริงๆผมว่าเอาแค่พวกขับรถแช่ขวาออกไปได้อันเดียว มันก็ปลอดภัยขึ้นเยอะแล้ว
แต่ที่ผมว่ามันทำให้เกิดอันตรายมากกว่าขับรถแช่ขวาอีก ไม่ผิดกฎหมาย แต่มันผิดธรรมชาติของการขับรถยนต์ทั้งหมดทั้งปวง ผมว่าโรงเรียนสอนขับรถ ควรจะเริ่มสอนวิธีการเข้าแทรกเลนอย่างถูกต้องครับ เห็นมามากแล้ว มันเป็นการขับที่ถูกต้องนะ นานาอารยประเทศเขาทำกันหมด แต่คนไทยไม่ทำ เวลาพวกคุณจะเข้าแทรกเลนใดก็ตาม ไม่ว่าจะขึ้นทางด่วน หรือแม้แต่ออกจากซอย ช่วยกรุณาเร่งเครื่องให้ความเร็วมันเท่ากับรถที่วิ่งมาทางหลักด้วยครับ ไม่ใช่ชะลอหรือออกมาแล้วขับช้าๆ ให้คันหลังต้องเบรก คันเร่งมีให้ใช้ก็ใช้ หันเอี้ยวคอมาดูด้วยว่ามีรถมาไหม มันไม่ชนคันหน้าหรอก ถ้าเกิดเร่งความเร็วให้ไปเท่ากับรถคันที่กำลังมาทางหลักไม่ได้ อย่าออกมา
ผมว่าแก้พฤติกรรมนี้ได้ จะทำให้ถนนเมืองไทยปลอดภัยขึ้นอีกมาก แต่แน่นอนว่าไม่มีใครทำ เพราะทุกๆคนกำลังกลัวกับคำว่า "ความเร็ว"
ผมว่ามันผิดครับ ไม่ใช่หรอก ความเร็วที่สูงไม่ได้เป็นปัญหาเลย อย่างที่ทุกๆคนบอกมา ขับแค่ 60-70 แต่ขับห่วยๆ อันตรายกว่าขับ 140 แต่ขับอย่างมีระเบียบมาก ถนนหลายๆเส้นขับ 80-90 ได้ไม่มีปัญหา ปลอดภัย ถ้าเกิดไม่มีไอ้พวกรถที่ขับแช่ขวาอยู่ 50-60 แล้วไม่ยอมหลบให้รถเร็วแซง จะแซงต้องแซงเลนซ้าย ซึ่งทำให้เกิดจังหวะที่มีจุดบอด มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้า ซึ่งก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุมามากเช่นกัน
มองไปทางไหนก็เจอแต่สิ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ แล้วไม่ใช่เพราะความเร็วมันสูงไปอย่างเดียวด้วย ทำให้ทุกคนขับช้าลง ไม่ช่วยอะไรหรอกครับ สอนมารยาทในการขับรถยนต์ให้ทุกคนใหม่ไปเลย แก้ได้แน่ๆ มารยาทบนท้องถนนน่ะครับ อย่าสอนให้คนขับช้า มันก็อันตรายอยู่ดีถ้าไม่ปรับอย่างอื่น สอนให้คนเราขับด้วยความเร็วที่ถูกต้องดีกว่า ทำหนังสือไปเลย เหมือนสมบัติผู้ดี จะได้มีคนขับรถเด๋อๆบนท้องถนนน้อยลง ถนนประเทศไทยจะได้ปลอดภัยมากขึ้น
อ๋อ ส่วนพวกที่ทำอะไรตามใจตัวเอง ให้พูดไปเดี๋ยวก็โยงเข้าเรื่องที่ไม่อยากพูด มันเป็นปัญหาที่มากกว่าแค่ปัญหาจราจรครับ แล้วแก้ชาตินี้ก็คงจะไม่หาย ขอติเตียนแต่พวกที่ขับรถขาดทักษะอย่างเดียวก่อนละกันนะครับ
ไหนจะมอเตอร์ไซค์ขับอย่างฆ่าตัวตายอีก อย่าลืมนะครับว่าอุบัติเหตุ การเสียชีวิตจำนวนมาก เกิดขึ้นเพราะรถมอเตอร์ไซค์ อันนี้ก็พูดมากไม่ได้เดี๋ยวหาว่าเหยียดอีก แต่มารยาททางท้องถนนของมอเตอร์ไซค์ก็ใช่ว่าจะดีนะครับ มันก็ต้องไปพร้อมกัน
อีกเรื่องที่จะลืมไม่ได้ วันก่อนผมเอารถไปตรวจสภาพมา รู้ไหมครับเขาทดสอบอะไรบ้าง? เขาเอารถผมไปขึ้นแท่นทดสอบเบรก แล้วก็ขับวนรอบนึง แล้วก็ปล่อยออกมาบอกว่าผ่านแล้ว และตามคำบอกเล่าของคนอื่นๆ ไม่ว่าจะรถเก่าขนาดไหน สภาพยังไง มันก็ทดสอบอยู่แค่นี้แหละครับ คิดว่าจะปลอดภัยไหมละ? แน่นอนว่าผมรู้ว่ารถของผมปลอดภัยดี และพวกคุณๆก็ดูแลรถของพวกคุณดี เพราะสำหรับพวกเรารถมันมีความสำคัญ ถูกไหมครับ? พวกเรารู้ดีว่าสภาพรถมันมีผลต่อความปลอดภัยขนาดไหน แต่พวกที่ไม่ดูแลรถละครับ? หนักกว่านั้น พวกที่ไม่ดูแลรถ แล้วก็ขี้งกไม่ยอมจ่ายด้วยละครับ? คิดว่ารถประเภทนี้ที่เราดูก็ยังใหม่ๆ ไม่ถึงสิบปี แต่ไม่ปลอดภัย มีจำนวนมากขนาดไหน?
เห้อ วิเคราะห์มากไปก็ปวดใจ หาเหล้ากินดีกว่า อ๋อ เมาแล้วอย่าขับครับ จริงๆแล้วเมาแล้วก็ไม่แนะนำให้เดินนะ อันตรายเหมือนกัน ตกบันได ผมเคยมาแล้ว เอาเป็นว่า อย่าเมาเลยครับ
พอทำทุกอย่างแล้ว บังคับใช้ตรวจจับความเร็วเข้มงวด เดี๋ยวพวกคุณก็จะค้นพบเอง กำหนด 120 พวกก็ขับ 140 เหมือนเดิม เจอกล้องก็ชะลอหน่อย หลังๆรู้ด้วยมีกล้องที่ไหน กล้องเคลื่อนที่ได้ก็ทำเรดาห์เตือนขาย ถูกกฎหมายด้วย ประเทศที่ปรับแพงๆมันก็เป็นแบบนี้กันหมดแหละครับ ผมบอกเลยถ้าโฟกัสแค่เรื่องนี้ยังไงๆก็ไม่มีวันปลอดภัย
-
ปรับตามฐานเงินเดือนมั้ย อิอิ
10 ปซ.เป็นไง
ขั้นต่ำ 1000 บาท
-
เหมาะสมแล้วครับ :o
จริงๆผมว่าจัดการต้นเหตุกีดขวางจราจร "ขับช้าแช่ขวา" ก่อนครับ
แล้วขับเร็วเกินกำหนดจะหายไปส่วนนึง
ผมที่ขับ max ของกฎหมายขีดสุดบ่อยๆ เพราะต้องเผื่อทดเวลากับพวกกีดขวางจราจรนี่หละครับ =="
ลองปรับจริงจังพวกช้าแช่ขวาจนหมดเมื่อไหร่ ปัญหาเร็วเกินจะเบาบางไปเองหละครับ
เพราะคำนวณเวลาได้แน่นอน
-
ที่บอกว่าจำกัดพวกช้าแช่ขวาให้หมดไปแล้วพวกที่ขับเร็วเกินจะหมดไปด้วย นี่มันเกี่ยวกันด้วยเหรอครับ ??
แปลว่าถ้าไม่มีคนขับแช่ขวาเลย ก็จะไม่มีคนขับเกิน 110 บนทางหลวง และจะไม่มีพวกขับเกิน 90 ในเขตเมือง แบบนั้นเลยรึเปล่า??
หรือถ้าจะบอกว่าต้องขับเร็วเพื่อแซงรถช้าแช่ขวา แล้วมันต้องขับเร็วขึ้นไปถึง 150-160 เลยรึเปล่า ?? (รถช้าแช่ขวามันวิ่งเร็วขนาดนั้นเลยรึ)
ที่เห็นมาด่าพวกแช่ขวากันในโลกโซเชียลจะเป็นจะตายกัน...เพราะอยากให้เลนขวาโล่งๆเพื่อตัวเองจะได้วิ่งกันได้เร็วๆมากกว่า
ไม่ใช่ว่าผมจะเข้าข้างพวกขับช้าแช่ขวานะ แต่ผมแค่รู้สึกว่าการเรียกร้องแบบนี้มันเหมือนไม่ได้ทำเพื่อความถูกต้อง
ในต่างประเทศที่ระบบการจราจรพัฒนาแล้ว เขาจะปรับความผิดในแต่ละกรณีไปตามความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ขับแช่เลนขวาก็ความผิดหนึ่งในระดับที่กีดขวางจราจร แบบเดียวกับที่จอดรถขวางถนนโดยไม่มีเหตุอันควร
แต่การขับรถเร็วเกินกำหนดเขาจะปรับไปตามความเร็วที่เกิน ยิ่งเกินมากค่าปรับก็ยิ่งแพงมาก เพราะมันก่อให้เกิดความสูญเสียมากกว่ากรณีอย่างอื่นมาก
ตัวอย่างที่บางท่านยกมาให้ดูก็จะเห็นว่า บางท้องที่ปรับกันเป็นล้านๆบาทเลย
-
1พัน. บางคนยอมจ่ายค่าปรับครับ.
เศษเงินบางคน
-
มันดันมีคำว่า ปรับไม่เกิน หรือจำคุกไม่เกิน นี่สิครับ เจ็บปวดตรงนี้มากกว่า ทำไมไม่ปรับหนักเลย ไม่ต้องกงไม่เกินหรอกครับ
-
ผมอยากรู้ว่า ถนนออโต้บาห์น ในเยอรมัน ที่ไม่จำกัดความเร็ว มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงหรือต่ำกว่าประเทศไทย
ท่านใดพอจะมีข้อมูลบ้างครับ
ขับรถใน กทม. ใครไม่เคยเหยียบเกิน 80 กม./ชม. บ้างครับ
-
สรุปกันได้รึยังครับว่า อุบัติเหตุในไทยที่เกิดขึ้นหลักๆมาจาก อะไร?
ขับรถน่าหวาดเสียว ปาดซ้าย ตบขวา แซงเส้นทึบ แซงทางโค้ง
เมาแล้วขับ
หรือขับด้วยความเร็วเกิน80
สรุปมาให้ผมรู้ทีเถอะครับ
-
ถามจริงเถอะ ในนี้มีใครวิ่งในเขตเมืองเกิน80มั่ง
ทางด่วนมีใครวิ่งเกิน120มั่ง
นอกเขตเมืองมีใครวิ่งเกิน90มั่ง
อยากเห็นคนขับรถแบบตรงตามกฏหมายเป้ะๆมั่งครับ อยากเห็นเป็นบุญตาหน่อย
นี่สิของจริง ดูไว้เป็นตัวอย่าง คนจริงตามกฏหมาย
แล้วที่คาดหวังกันนะ เกิน80จะให้ปรับเท่าไหร่ เพราะเพลอกดเกินไป81โดนปรับแสนแบบที่หลายคนต้องการ มันใช่เหรอ มันคือสิ่งที่หวังกันแน่นะ มันเปิดโอกาสให้ใครหาผลประโยชน์จากจุดนี้รึเปล่า เอาอะไรมาวัดเป็นมาตรฐาน gps ผมหรือของตำรวจ ผมโดนจับวิ่ง 100 นอกเขตเมืองแถวๆชุมพร ป่ายาง ตำรวจบอกผมวิ่ง120 ตกลง จีพีเอสผมผิดหรือของตำรวจผิด จะเอาก็เอาให้มันจริงๆจังๆ เอาใหแน่ เอาให้ชัวร์ 90ก็90 ลองกันสักตั้ง บางคนพิมพ์อย่างสวยหรู อ่านเม้นเก่าๆก็กด120 นอกเขตเมือง
ขับรถประมาทแล้วก่อให้เกิดอุบัติเหตุ แบบนี้ได้ไหม
เมาแล้วขับแล้วก่อให้เกิดอุบัติเหตุ แบบนี้ดีไหม โทษหนักกว่าเมาแล้วขับจะปรับเท่าไหร่ตามใจพี่
แต่ถ้าจะเอาจริงๆผมพร้อมนะ จะเอาจริงเอาจังกันตอนไหนผมก็พร้อม เพราะตอนนี้ผมขับก็ 100-120 ลดความเร็วหน่อย เพื่อความสบายใจของใครหลายๆคนผมก็พร้อม แต่ไม่ใช่พอลดแล้ว มาจับเพราะgps ผมกับตำรวจไม่ตรงกันอีกละ ปรับแสน ไม่อยากเสียแสน จ่ายตรงนั้นตรงนี้ แค่คิดก็สนุกละ
-
ความเร็วที่ใช้กันบนถนนไม่ใช่สาเหตุหลักของอุบัติเหตุครับ
"ใช้ความเร็วไม่เหมาะสมกับถนน" เช่น ขับบนถนนมอเตอร์เวย์ หรือ บนทางด่วน
"ไม่สังเกตุสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ตาจ้องแต่ถนนด้านหน้า" เช่นขับเลนขวา หรือเลนกลาง โดยไม่มองกระจกหลัง-กระจกข้าง ว่ารถคันอื่นเร็วกว่ารถเราไหม
"ขาดความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน" เช่น อยากจะเปลี่ยนเลนก็เปลี่ยนเลย ไม่ดูรถในเลนนั้นเลย กลับรถก็กลับเลยไม่มองความปลอดภัย หรือคำนวนความเร็วผิดไป เป็นต้น
มันมีหลากหลายสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ แต่มาแก้ที่ความเร็วอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่ ตัวอย่างเช่น ถนนมอเตอร์เวย์ไม่มีรถเลย - รถน้อย ซึ่งตอนนั้นมีรถเราเพียงคันเดียว แต่ขับที่ความเร็ว 120 ตามกฏหมายกำหนด
แบบนี้หรือไม่
ความเร็ว 80 หรือ 120 ก็ทำให้เสียชีวิตได้ เช่น กรณีที่รถตู้ข้ามเลนมาชนกระบะที่ชลบุรี
*******************************************************************************************************
ฉะนั้น สิ่งที่ควรที่จะแก้ไขมากที่สุดคือ มนุษย์ หรือ คน นี่แหละครับ จะไปโทษสิ่งรอบข้างได้อย่างไร
รถตู้เกิดอุบัติเหตุ ยกเลิกรถตู้ซะ เอา มินิบัสเข้ามาแทน เป็นต้น
-
ถ้าเทียบต่างประเทศถูกไปครับ แต่เอาจริงๆ มีหลายเรื่องมากที่ต้องแก้ไข เช่น การจับปรับ คนยังมองว่าเป็นการหากินของตำรวจอยู่ ก็มีทั้งคนที่ผิดจริงๆ และพวกจับหากิน ทำให้คนมองตำรวจในแง่ลบ ผมไปฮ่องกงมาทางกว้างมาก โล่งด้วย แต่คนขับรถและเพื่อนร่วมทางเหยียบไม่เกิน 90 เลย แบบเลยมานิดหน่อยแล้วถอนมาวิ่งที่เท่านี้ ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกว่าจะทำตามที่กฎหมายหรือไม่ กฎหมายให้วิ่ง 90 นี่โบราณล้าสมัยไปหรือไม่ ผมว่าก็แล้วแต่ความคิดคนแต่สำหรับบ้านเราแล้ว ผมบอกตรงๆ ว่าคนที่ขับขี่แบบเคร่งครัดตามกฎจราจรน้อยมากๆ ไหล่ทางก็แทรกเข้าไป ขับเร็วกันเยอะ พวกกระบะซิ่งนี่ตัวดีเลย ควันดำเป็นมลภาวะอีก กฎหมายเหมือนมีไว้งั้น ใช้งานไม่ได้ พอเค้าจับจริงปรับจริงก็บ่น พอปล่อยก็ได้ใจ ใบสั่งทำไรไม่ได้เพราะไม่จ่ายอยู่แล้ว ก็หลักๆ อยู่ที่สามัญสำนึกที่ตัวเรามากกว่าครับ
ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยนะครับ เทียบกับต่างประเทศ แม้ค่าปรับจะถูกกว่า แต่ค่าครองชีพบ้านเราก็ต่ำกว่าด้วยครับ พนังงานบางคน เงินเดือนยังไม่ถึง 9000 บาทเลยโดนปรับครั้งละ 4-5 พันให้เท่ากับต่างประเทศ ผมว่ามันโหดไปนะครับ ยิ่งบางคน หาเช้ากินค่ำ ค่าปรับ 1 ครั้งยังมากกว่าทำงานมา 2-3 วันเลยครับ
-
ผมสงสัย หลายคนโพสเฟสบุคว่า
ได้ใบสั่งมาปีนึงเป็นสิบใบ
ก็ไม่ต้องสนใจ ขยำทิ้งหมด
ต่อภาษีรายปีได้ไม่ต้องสนใจอะไร
ยังขับรถต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อันนี้คืออะไร อยากทราบ
มันคือ ความคิดที่เค้าคิดว่าทำถูกต้องกันอะครับ คนรอบข้างผมเกิน 90 % คิดแบบนี้หมดเลย ผมเลยกลายเป็นแกะดำไปโดยปริยาย การจ่ายค่าปรับเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เขาว่างั้นกันมา 5 5 5
ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดนี่ ยังไงก็ไม่เจริญครับ วินัยจราจร สะท้อนวินัยชาติ จริงๆๆ
-
คิดว่าถูกไปครับ ผมอยากให้เป็นเหมือนที่สวิตเซอร์แลนด์ แต่นั่นก็แพงเกินไปอีกเพราะโทษสูงสุดปรับจนต้องขายรถขายบ้านเพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าปรับเลย แต่อยากให้เอา วิธีคำนวณค่าปรับ หรือบทลงโทษ ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาใช้ครับ คือ เอาผลต่าง ระหว่างความเร็วสูงสุดที่กำหนด ณ ถนนสายนั้น กับ ความเร็วที่จับได้ มาคำนวณค่าปรับ
แต่ในไทย อยากให้ใช้กฎเกณฑ์เดียวกัน แต่ค่าปรับตามความเหมาะสม เช่น
ขับเร็วเกินกำหนด 1-10 กม./ชม. ปรับ 1000 บาท
11-20 กม./ชม. 5000
20-40 กม./ชม. 20,000 พร้อมจับกุมประพฤติ
40 กม./ชม. ขึ้นไป 100,000 พร้อมทั้งยึดรถ เพิกถอนใบขับขี่
แล้วมันยังมี กรณีแข่งกันมาอีกครับ เช่นเหตุรถกระบะแข่งกันมา แล้วคันหนึ่งเสียหลักพุ่งชนร้านเสต็ก อีกคันที่แข่งมาด้วยกันหายไปเลย ตรงนี้คิดว่า ถ้ามีหลักฐานว่าแข่งกันมามากกว่า 1 คัน แล้วคันใดคันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุมีการสูญเสีย คันที่แข่งมาด้วยกัน ก็ควรจะต้องรับผิดชอบด้วย
-
ผมขอใช้วิธีอหิงสาครับ ออกกฏมาก็จ่าย แต่ช่วยไปดูด้วยว่าความเร็วที่เหมาะสมเท่าไร แล้วอะไรเป็นเหตุให้ขับเร็ว
-
ไม่ถูกครับ ถ้าความเร็วเกินแล้วโดนจับปรับทั้ง100%
-
ปรับ ความเร็วที่เกิน 10 กม/ชม = 2 เท่าค่าแรงขึ้นต่ำครับ
เช่น จำกัด 120 กม/ชม
ขับ121-130 ปรับ 600 บาท
ขับ131-140 ปรับ 1200 บาท
ขับ141-150 ปรับ 1800 บาท
ขับ201 up ปรับ 5400 บาท
-
ต้องทำให้ระบบมันเชื่อมต่อกันครับ ระหว่างตำรวจกับขนส่ง ไม่งั้นค่าปรับอะไร คนก็ไม่สนใจ
ตำรวจก็เขียนไป ไม่ได้มีผลอะไร ตรวจสอบก็ไม่ได้
-
ผมอยากรู้ว่า ถนนออโต้บาห์น ในเยอรมัน ที่ไม่จำกัดความเร็ว มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงหรือต่ำกว่าประเทศไทย
ท่านใดพอจะมีข้อมูลบ้างครับ
ขับรถใน กทม. ใครไม่เคยเหยียบเกิน 80 กม./ชม. บ้างครับ
การสร้าง ถนนออโต้บาห์น กับ ถนนในเมืองไทย ...
ความพร้อมของถนน ถนนออโต้บาห์น กับ ถนนในเมืองไทย ...
ความพร้อมเมื่อเกิดเหตุ ถนนออโต้บาห์น กับ ถนนในเมืองไทย ...
วินัย คนเยอรมัน กับ คนไทย ...
การบังคับใช้กฎหมาย เยอรมัน กับ ไทย ...
จำนวนการทุจริต เยอรมัน กับ ไทย ...
... ถ้านึกได้อีกจะมาแก้ไขเพิ่มครับ
คือ ถ้าจะเอาแค่สถิติการขับเร็วแล้วเกิดอุบัติเหตุน้อย มาเปรียบเทียบเฉยๆ ไม่น่าจะใช่เท่าไร
อาจจะต้องลองมองหลายๆด้าน มองรอบด้าน คิดรอบด้าน
ส่วนในกรุงเทพฯ เส้นทางและช่วงเวลาที่ผมใช้ นานๆทีถึงจะมีโอกาสเกิน 80 ครับ
เมื่อเทียบกับการสูญเสียและความเสียหาย จากรถที่ตั้งใจขับเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนดพวกนี้
เช่น เคสที่ผ่านมา รถเบนท์ ขับเร็วเกิน 100 km/h แล้วชนรถนักศึกษา ป.6 สองคนตาย
ควรมีการปรับให้หนัก แล้วเข้ากองทุน สำหรับการเยียวยา ผู้เสียหายทันที ไม่ต้องรอฟ้องร้องให้จบคดีเป็น 10 ปี จะดีกว่าไหม
ปรับครั้งละ 1 แสนบาท หากไม่มีจ่าย ก็ให้จำคุกแทนค่าปรับ และยึดทรัพย์ทันที เพื่อเข้ากองทุนสำหรับการเยียวยาผู้เสียหาย จะพอเป็นไปได้ไหม
ทุกวันนี้ก็มีผู้เสียหาย หลายรายที่ ไม่ได้รับการเยียวยาเลย จากพวกที่ขับรถเร็ว มาชน ส่วนใหญ่ก็สู้คดี และก็หนีตายไป พร้อมกับความผิดที่ตัวเองทำ
ถูกไป ประมาณ
ถูกไปครับ โดนสัก 10k-50k กำลังดี
กำลังดี
จับจริง ปรับจริง ตัดแต้มจริง บังคับใช้กฎหมายจริง
มีบทลงโทษ ขั้นตักเตือน และ ขั้นห้ามทำใบขับขี่อีกจริง
บุคคลและหน่วยงานไม่ทุจริตจริง ไม่เลือกปฏิบัติจริง
...นึกอะไรออกจะมาเพิ่มเหมือนกัน ::)
-
ค่าปรับถูกแพงไม่เป็นไร มีไว้ปรามและปรับพวกกที่ยังทำผิดกฏหมาย แต่ค่าปรับควรเข้าหลวง 100% ผมไม่เห็นด้วยที่ต้องมาแบ่งเปอร์เซ้นให้ตำรวจ ที่กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนอยู่แล้ว เป็นหน้าที่อยู่แล้ว ทุกว้นนี้ผมว่าไม่ต้องมีตำรวจจราจรยังได้เลย เพราะตรงไหนติดกล้องแล้วตรงนั้นก็ไม่มีตำรวจจราจร ตอนเช้ารถติดยังไงที่เคยมาทำหน้าที่ก็ไม่มา พอรถหายติดค่อยมาตั้งด่านให้รถติดอีก ส่วนในกรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้ว ผบ.ชน. ก็ไล่ ตร.จร.ในพื้นที่นครบาลให้ออกมาปฏิบัติหน้าที่ไม่ให้เปิดสัญญาณไฟจราจรออโต้มาแล้ว ผมว่าทำควบคู่กันไปในการปรับพฤติกรรมของผู้ใช้รถใช้ถนน กับ เจ้าหน้าที่ ให้มีสำนึกในหน้าที่ร่วมกัน และที่น่าจะปรับให้อยู่ในกฏหมายมากที่สุดคือพวกใช้รถจักรยานยนต์
-
ใช่ขับเร็วผิดมากครับ
ถ้าขับช้าเกะกะการจราจร ปรับเท่าไหร่ดีละครับ
-
+1 ครับ
ไม่ใช่ขับเร็วจะผิดเสมอไปครับ ทุกกรณีต้องไปพร้อมๆกัน เจอบ่อยมากพวกขาดทักษะ ขับช้าแช่ขวา ขาดจิตสำนึก ไร้น้ำใจ แถมทำไปโดยไม่รู้ตัวว่าผิดด้วย กรุณาแก้ให้ตรงจุด ทำไมไม่ล็อคความเร็วรถทุกคันก่อนออกจากโรงงานล่ะครับแก้ไขที่ต้นเหตุเลย ก็เพราะตำรวจจะขาดรายได้ไง (คิดเอาเอง) ทีนี้ใครไปแก้ไขที่ล็อคไว้ก็ปรับให้หนัก แต่รถที่ขับ 90-100 กม./ชม.แล้ววิ่งขวายาวๆ จะจัดการยังไงครับ ช่วยคิดที
ทำไมต้องเจาะจงแค่ขับเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดละครับ ถ้าเกิดจะขึ้นค่าปรับแล้ว ก็ขึ้นมันทุกข้อหาเลย อะไรบ้างละที่น่ารำคาญ จอดรถผิดที่ หยุดทับแยก เปลี่ยนเลนเส้นทึบ กีดขวางการจราจร ขับรถทับไหล่ทาง ยูเทิร์นในที่ห้ามยู ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถ จอดรถทับทางม้าลาย ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ขับจี้ท้าย ไม่เปิดไฟเลี้ยว และที่สำคัญที่สุด พวกขับรถแช่ขวาครับ จริงๆผมว่าเอาแค่พวกขับรถแช่ขวาออกไปได้อันเดียว มันก็ปลอดภัยขึ้นเยอะแล้ว
แต่ที่ผมว่ามันทำให้เกิดอันตรายมากกว่าขับรถแช่ขวาอีก ไม่ผิดกฎหมาย แต่มันผิดธรรมชาติของการขับรถยนต์ทั้งหมดทั้งปวง ผมว่าโรงเรียนสอนขับรถ ควรจะเริ่มสอนวิธีการเข้าแทรกเลนอย่างถูกต้องครับ เห็นมามากแล้ว มันเป็นการขับที่ถูกต้องนะ นานาอารยประเทศเขาทำกันหมด แต่คนไทยไม่ทำ เวลาพวกคุณจะเข้าแทรกเลนใดก็ตาม ไม่ว่าจะขึ้นทางด่วน หรือแม้แต่ออกจากซอย ช่วยกรุณาเร่งเครื่องให้ความเร็วมันเท่ากับรถที่วิ่งมาทางหลักด้วยครับ ไม่ใช่ชะลอหรือออกมาแล้วขับช้าๆ ให้คันหลังต้องเบรก คันเร่งมีให้ใช้ก็ใช้ หันเอี้ยวคอมาดูด้วยว่ามีรถมาไหม มันไม่ชนคันหน้าหรอก ถ้าเกิดเร่งความเร็วให้ไปเท่ากับรถคันที่กำลังมาทางหลักไม่ได้ อย่าออกมา
ผมว่าแก้พฤติกรรมนี้ได้ จะทำให้ถนนเมืองไทยปลอดภัยขึ้นอีกมาก แต่แน่นอนว่าไม่มีใครทำ เพราะทุกๆคนกำลังกลัวกับคำว่า "ความเร็ว"
ผมว่ามันผิดครับ ไม่ใช่หรอก ความเร็วที่สูงไม่ได้เป็นปัญหาเลย อย่างที่ทุกๆคนบอกมา ขับแค่ 60-70 แต่ขับห่วยๆ อันตรายกว่าขับ 140 แต่ขับอย่างมีระเบียบมาก ถนนหลายๆเส้นขับ 80-90 ได้ไม่มีปัญหา ปลอดภัย ถ้าเกิดไม่มีไอ้พวกรถที่ขับแช่ขวาอยู่ 50-60 แล้วไม่ยอมหลบให้รถเร็วแซง จะแซงต้องแซงเลนซ้าย ซึ่งทำให้เกิดจังหวะที่มีจุดบอด มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้า ซึ่งก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุมามากเช่นกัน
มองไปทางไหนก็เจอแต่สิ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ แล้วไม่ใช่เพราะความเร็วมันสูงไปอย่างเดียวด้วย ทำให้ทุกคนขับช้าลง ไม่ช่วยอะไรหรอกครับ สอนมารยาทในการขับรถยนต์ให้ทุกคนใหม่ไปเลย แก้ได้แน่ๆ มารยาทบนท้องถนนน่ะครับ อย่าสอนให้คนขับช้า มันก็อันตรายอยู่ดีถ้าไม่ปรับอย่างอื่น สอนให้คนเราขับด้วยความเร็วที่ถูกต้องดีกว่า ทำหนังสือไปเลย เหมือนสมบัติผู้ดี จะได้มีคนขับรถเด๋อๆบนท้องถนนน้อยลง ถนนประเทศไทยจะได้ปลอดภัยมากขึ้น
อ๋อ ส่วนพวกที่ทำอะไรตามใจตัวเอง ให้พูดไปเดี๋ยวก็โยงเข้าเรื่องที่ไม่อยากพูด มันเป็นปัญหาที่มากกว่าแค่ปัญหาจราจรครับ แล้วแก้ชาตินี้ก็คงจะไม่หาย ขอติเตียนแต่พวกที่ขับรถขาดทักษะอย่างเดียวก่อนละกันนะครับ
ไหนจะมอเตอร์ไซค์ขับอย่างฆ่าตัวตายอีก อย่าลืมนะครับว่าอุบัติเหตุ การเสียชีวิตจำนวนมาก เกิดขึ้นเพราะรถมอเตอร์ไซค์ อันนี้ก็พูดมากไม่ได้เดี๋ยวหาว่าเหยียดอีก แต่มารยาททางท้องถนนของมอเตอร์ไซค์ก็ใช่ว่าจะดีนะครับ มันก็ต้องไปพร้อมกัน
อีกเรื่องที่จะลืมไม่ได้ วันก่อนผมเอารถไปตรวจสภาพมา รู้ไหมครับเขาทดสอบอะไรบ้าง? เขาเอารถผมไปขึ้นแท่นทดสอบเบรก แล้วก็ขับวนรอบนึง แล้วก็ปล่อยออกมาบอกว่าผ่านแล้ว และตามคำบอกเล่าของคนอื่นๆ ไม่ว่าจะรถเก่าขนาดไหน สภาพยังไง มันก็ทดสอบอยู่แค่นี้แหละครับ คิดว่าจะปลอดภัยไหมละ? แน่นอนว่าผมรู้ว่ารถของผมปลอดภัยดี และพวกคุณๆก็ดูแลรถของพวกคุณดี เพราะสำหรับพวกเรารถมันมีความสำคัญ ถูกไหมครับ? พวกเรารู้ดีว่าสภาพรถมันมีผลต่อความปลอดภัยขนาดไหน แต่พวกที่ไม่ดูแลรถละครับ? หนักกว่านั้น พวกที่ไม่ดูแลรถ แล้วก็ขี้งกไม่ยอมจ่ายด้วยละครับ? คิดว่ารถประเภทนี้ที่เราดูก็ยังใหม่ๆ ไม่ถึงสิบปี แต่ไม่ปลอดภัย มีจำนวนมากขนาดไหน?
เห้อ วิเคราะห์มากไปก็ปวดใจ หาเหล้ากินดีกว่า อ๋อ เมาแล้วอย่าขับครับ จริงๆแล้วเมาแล้วก็ไม่แนะนำให้เดินนะ อันตรายเหมือนกัน ตกบันได ผมเคยมาแล้ว เอาเป็นว่า อย่าเมาเลยครับ
พอทำทุกอย่างแล้ว บังคับใช้ตรวจจับความเร็วเข้มงวด เดี๋ยวพวกคุณก็จะค้นพบเอง กำหนด 120 พวกก็ขับ 140 เหมือนเดิม เจอกล้องก็ชะลอหน่อย หลังๆรู้ด้วยมีกล้องที่ไหน กล้องเคลื่อนที่ได้ก็ทำเรดาห์เตือนขาย ถูกกฎหมายด้วย ประเทศที่ปรับแพงๆมันก็เป็นแบบนี้กันหมดแหละครับ ผมบอกเลยถ้าโฟกัสแค่เรื่องนี้ยังไงๆก็ไม่มีวันปลอดภัย
-
ผมอยากรู้ว่า ถนนออโต้บาห์น ในเยอรมัน ที่ไม่จำกัดความเร็ว มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงหรือต่ำกว่าประเทศไทย
ท่านใดพอจะมีข้อมูลบ้างครับ
ขับรถใน กทม. ใครไม่เคยเหยียบเกิน 80 กม./ชม. บ้างครับ
การสร้าง ถนนออโต้บาห์น กับ ถนนในเมืองไทย ...
ความพร้อมของถนน ถนนออโต้บาห์น กับ ถนนในเมืองไทย ...
ความพร้อมเมื่อเกิดเหตุ ถนนออโต้บาห์น กับ ถนนในเมืองไทย ...
วินัย คนเยอรมัน กับ คนไทย ...
การบังคับใช้กฎหมาย เยอรมัน กับ ไทย ...
จำนวนการทุจริต เยอรมัน กับ ไทย ...
... ถ้านึกได้อีกจะมาแก้ไขเพิ่มครับ
คือ ถ้าจะเอาแค่สถิติการขับเร็วแล้วเกิดอุบัติเหตุน้อย มาเปรียบเทียบเฉยๆ ไม่น่าจะใช่เท่าไร
อาจจะต้องลองมองหลายๆด้าน มองรอบด้าน คิดรอบด้าน
ส่วนในกรุงเทพฯ เส้นทางและช่วงเวลาที่ผมใช้ นานๆทีถึงจะมีโอกาสเกิน 80 ครับ
ครับ ตามที่คุณว่ามานั่นแหละครับ ชัดเจน
แสดงว่าความเร็ว ไม่ใช่สาเหตุหลักและไม่ใช่สาเหตุเดียว ของการเกิดอุบัติเหตุ
แต่มีสาเหตุอื่นๆ ประกอบมากมาย
ถ้าจะแก้กันเพียงด้านเดียว ปัญหาก็คงไม่ลดลง
ขออนุญาตยืมประโยคนี้ครับ "อาจจะต้องลองมองหลายๆด้าน มองรอบด้าน คิดรอบด้าน"
การขับรถระยะทางไกลๆ เช่น กรุงเทพ-หาดใหญ่ ถ้าขับช้า ก็ต้องใช้เวลานานกว่า 12 ชั่วโมง (รวมติดไปแดง แวะกินข้าว เข้าห้องน้ำ เติมน้ำมัน อื่นๆ) ถ้าหลับใน ชนโดยไม่ได้เบรก ความเร็ว 80 กม./ชม. ก็ตายได้ครับ
สรุป ขับให้ปลอดภัยกับตนเองและผู้อื่น สำคัญที่สุดครับ
-
ผมสงสัย หลายคนโพสเฟสบุคว่า
ได้ใบสั่งมาปีนึงเป็นสิบใบ
ก็ไม่ต้องสนใจ ขยำทิ้งหมด
ต่อภาษีรายปีได้ไม่ต้องสนใจอะไร
ยังขับรถต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อันนี้คืออะไร อยากทราบ
เคลียร์กับขนส่งไม่ลงตัวครับ ถ้าประวัติมันลิงค์กันชัดเจน
(และเอาจริงๆ คือ ไม่ควรให้รางวัลส่วนแบ่งตำรวจ)
การปรับผู้กระทำผิดจะดีกว่านี้มาก
แต่ทุกวันนี้ การจับหลายๆ จุด เป็นแบบไร้เหตุผลและไม่เหมาะกับสภาพการขับรถจริงๆ
อาทิ จุดลงเขาหน้าค่ายเพชรรัตน์ มวกเหล็ก ที่ลงเขายาวๆ แล้วมาจับที่ 100
ถ้าจะทำให้ได้ตามนั้น ต้องเสี่ยงกับการที่คันหลังจะดันตรูดหรือสิบล้อเสยเป็นอย่างมาก
ผมอยากให้มันปรับตามพื้นฐานรายรับและรถที่ขับ
เช่น ถ้าเป็นรถสาธารณะที่ควรมีความรับผิดชอบ ต้องปรับในอัตราที่สูง
หรือรถแพงๆ ปรับแพงตามสัดส่วนรายได้ เพราะ 1,000 บาท อาจจะแพงสำหรับผม
แต่หลายคนในนี้หาชั่วโมงเดียวสบายๆ กลายเป็นแค่เศษเงินที่ไม่น่าสนใจ ค่าน้ำมันยังแพงกว่า
เอาจริงๆ ตรรกะที่หลายคนอ้างถึงประจำว่า ขับมาเร็วแค่ไหนมีเร็วกว่าก็ต้องหลบ นี่ก็ไม่ควรใช้
ควรจะยกเว้นให้เฉพาะรถฉุกเฉิน รถพยาบาล รถที่กำลังปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคง และราชวงศ์
ที่ต้องหลบก็พอ กลายเป็นคนสนใจน้อยมากที่จะขับตาม Speed Limit ไป
อีกเรื่องหนึ่งคือ พูดตรงๆ ผมเกลียดพวกขบวนที่เอาตำรวจมานำแบบไร้สาระมาก
ทั้งรถทัวร์ หรือ V.I.P. ที่คิดกันไปเอง พวกนี้ไม่ควรมีอภิสิทธิ์ในการใช้ถนนเหนือกว่าคนทั่วไป
ปล. กล้องที่ดีที่สุดในประเทศนี้ คือกล้องตรวจจับความเร็ว ครับ
-
เอาแบบจีนไหมครับ กล้องถ่ายติดกี่ตัว ปรับตัวล่ะ 1000 พัน
แต่ที่จีน มีกล้องตลอดทาง ทุกแยก
โดนปรับทุก 1 กม หรือ 1 กล้องก็อ้วกแล้วครับ
-
ขับรถเร็วปรับ 1000 บาท ถูกเกินไป
เคยโดนรถเก๋งที่วิ่งเกิน 140 กม./ชม. แซง แล้วโดนจับปรับความเร็ว
แต่คนขับรถคันนั้น ไม่เห็นจะแคร์ ก็ยังขับรถเร็วเหมือนเดิม
ถ้าทำผิดซ้ำซาก ควรจะทั้งจำทั้งปรับ
แต่ถ้าเส้นใหญ่ ก็เห็นเคลียร์ได้ทุกที
-
ทุกวันนี้ผมเห็นเส้นที่มีกล้องเยอะๆอย่างวงแหวนรอบนอกกับบูรพาวิถีที่ใช้เป็นประจำ คนขับเร็วก็น้อยลงกว่าแต่ก่อนเยอะครับ บางทีค่าปรับ 1,000 แต่กว่าจะส่งมาถึงบ้านอาจโดนไปหลายใบแล้ว
คหสต คิดว่าค่าปรับเริ่มต้นที่ 1,000 แล้วเพิ่มตามความเร็วน่าจะเหมาะครับ ผมเคยอยู่อเมริกาเวลาขับเร็วเกินใบสั่งก็เพิ่มค่าปรับไปเรื่อยๆตามอัตราความเร็ว ถ้าโดนเกิน 100mph (162กม/ชม.) ก็อาจจะโดนใส่กุญแจมือ ยึดใบขับขี่ได้เพราะถือว่าเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ถนน เพื่อนเคยโดนสรุปเสียหายทั้งหมดไปราวๆสองแสนบาทครับ ส่วนถ้าความเร็วต่ำกว่านั้นโดนทีใบสั่งก็เกือบๆหมื่นบาทแถมต้องเข้าไปอบรม 6ชม. กันครับไม่งั้นเสียแต้มใบขับขี่ ค่าประกันรถก็ขึ้นตามประวัติด้วย มีประวัติขับเร็วอาจเจอเบี้ยเพิ่มสองเท่าหรือบริษัทประกันไม่รับเอาได้
เมืองไทยอาจจะไม่ต้องค่าปรับสูงขนาดนั้นแต่ถ้าโดนแล้วทำให้ยุ่งยากก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาเยอะครับ
-
สำหรับผม ปรับแล้วไม่เข้ากระเป๋าตำรวจสักบาท แต่เข้ารัฐ100% แล้วกำหนดกติกามา เร็วเท่าไหร่ ปรับเท่าไหร่ แล้วปฎิบัติ ไม่จ่ายมีบทลงโทษชัดเจน
ผมเชื่อว่าแบบนี้สังคมน่าอยู่ครับ
แต่ทุกวันนี้มันใช่เหรอ???
+10000000
ยกเลิกรางวัลนำจับสิ ภาษีปรถชาชนจ้างมาทำงานไม่ใช่อู้งานหากินรีดไถ
-
500-1000 นี่แหละดีแล้วสำหรับการเริ่มต้นครับ แต่ถ้าจะเอากันจริงๆนะ สิ่งที่ควรทำคือ
- ความมาตรฐานของกล้อง ตำแหน่งที่จับความเร็ว มีความสัมพันธ์กันไหม
- ปรับให้ได้จริงๆก่อนเถอะครับ ที่มาสิบใบแล้วขยำทิ้งหนะ ไม่ใช่ปัญหาของผู้กระทำผิดนะคับ แต่เป็นปัญหาการบังคับใช้กฎหมายเต็มๆ
- อย่าหวังเรื่องปลูกจิตสำนึก คือจริงๆอาจจะหวังได้แต่ไม่ควรยกมาเป็นหัวข้อหลัก คุณๆก็รู้ปรับพฤติกรรมคนหนะมันยากแค่ไหน
-
อิๆ
-
ผมสงสัย หลายคนโพสเฟสบุคว่า
ได้ใบสั่งมาปีนึงเป็นสิบใบ
ก็ไม่ต้องสนใจ ขยำทิ้งหมด
ต่อภาษีรายปีได้ไม่ต้องสนใจอะไร
ยังขับรถต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อันนี้คืออะไร อยากทราบ
เคลียร์กับขนส่งไม่ลงตัวครับ ถ้าประวัติมันลิงค์กันชัดเจน
(และเอาจริงๆ คือ ไม่ควรให้รางวัลส่วนแบ่งตำรวจ)
การปรับผู้กระทำผิดจะดีกว่านี้มาก
แต่ทุกวันนี้ การจับหลายๆ จุด เป็นแบบไร้เหตุผลและไม่เหมาะกับสภาพการขับรถจริงๆ
อาทิ จุดลงเขาหน้าค่ายเพชรรัตน์ มวกเหล็ก ที่ลงเขายาวๆ แล้วมาจับที่ 100
ถ้าจะทำให้ได้ตามนั้น ต้องเสี่ยงกับการที่คันหลังจะดันตรูดหรือสิบล้อเสยเป็นอย่างมาก
ผมอยากให้มันปรับตามพื้นฐานรายรับและรถที่ขับ
เช่น ถ้าเป็นรถสาธารณะที่ควรมีความรับผิดชอบ ต้องปรับในอัตราที่สูง
หรือรถแพงๆ ปรับแพงตามสัดส่วนรายได้ เพราะ 1,000 บาท อาจจะแพงสำหรับผม
แต่หลายคนในนี้หาชั่วโมงเดียวสบายๆ กลายเป็นแค่เศษเงินที่ไม่น่าสนใจ ค่าน้ำมันยังแพงกว่า
เอาจริงๆ ตรรกะที่หลายคนอ้างถึงประจำว่า ขับมาเร็วแค่ไหนมีเร็วกว่าก็ต้องหลบ นี่ก็ไม่ควรใช้
ควรจะยกเว้นให้เฉพาะรถฉุกเฉิน รถพยาบาล รถที่กำลังปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคง และราชวงศ์
ที่ต้องหลบก็พอ กลายเป็นคนสนใจน้อยมากที่จะขับตาม Speed Limit ไป
อีกเรื่องหนึ่งคือ พูดตรงๆ ผมเกลียดพวกขบวนที่เอาตำรวจมานำแบบไร้สาระมาก
ทั้งรถทัวร์ หรือ V.I.P. ที่คิดกันไปเอง พวกนี้ไม่ควรมีอภิสิทธิ์ในการใช้ถนนเหนือกว่าคนทั่วไป
ปล. กล้องที่ดีที่สุดในประเทศนี้ คือกล้องตรวจจับความเร็ว ครับ
ตำรวจชี้ "ขับช้าแช่ขวา" ผิด 2 กระทง แถมเพิ่มความเสี่ยงอุบัติเหตุ
เถียงกันไม่จบ "ขับช้าแช่ขวา" หรือ "ขับขวาใช้ความเร็วสูง" ฝ่ายไหนถูก ฝ่ายไหนผิด ตำรวจทางหลวงมีคำตอบไขข้อข้องใจ
ตำรวจชี้ "ขับช้าแช่ขวา" ผิด 2 กระทง แถมเพิ่มความเสี่ยงอุบัติเหตุ
จากกระทู้ดราม่าในเว็บไซต์ยอดนิยมที่ดูเหมือนว่าข้อถกเถียงเรื่องการขับรถแช่เลนขวา จะกลายเป็นปัญหาโลกแตกชนิดที่เถียงกันไม่จบไม่สิ้น โดยฝ่ายผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วต่ำในเลนขวา มองว่าการขับขี่ในลักษณะนี้ไม่ผิดกฎจราจร อีกทั้งยังเป็นการใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ทว่าฝ่ายรถที่ใช้ความเร็วและวิ่งตามหลัง ส่วนใหญ่จะยึดว่าเลนขวามีไว้สำหรับแซงเท่านั้น ประเด็นนี้จึงกลายเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือดในโลกออนไลน์
ล่าสุด ทีมนิวมีเดีย PPTV ได้มีโอกาสถามถึงประเด็นดังกล่าวกับ ดาบตำรวจวิมล แก้วชู ตำรวจทางหลวงชุมพร ได้รับคำชี้แจงว่าตามกฎหมายเลนขวามีไว้สำหรับแซงเท่านั้น เมื่อเข้าเลนขวาแล้วแซงขึ้นมาจนถึงระยะที่ปลอดภัย ผู้ขับขี่ต้องตีรถกลับเขามาในเลนซ้ายห้ามแช่ขวา เพราะเลนขวาเป็นช่องทางที่รถวิ่งมาด้วยความเร็วสูง การขับรถแช่อยู่เลนขวาจึงไม่เพียงก่อให้เกิดความรำคาญใจแก่ผู้ขับที่ตามมา แต่ยังเพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วย เนื่องจากจังหวะที่รถตามหลังกำลังจะเบี่ยงแซงซ้าย จะเกิดจุดบอดที่คนขับซึ่งอยู่ในตำแหน่งขวามองไม่เห็น จึงมีโอกาสสูงที่จะหักไปเจอรถเลนซ้ายในด้านหน้า ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ความเร็วไม่สูงมากประมาณ 60-80 กม./ชม. ก่อให้เกิดอุบัติเหตุพุ่งชนได้
"ความคิดที่ว่าขับแช่ขวาไม่เป็นอะไรเพราะมองว่าตัวเองใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง ตามกฎหมายจราจรผู้ขับขี่ในลักษณะนี้ถือว่ามีความผิด 2 กระทง คือ 1.มาตรา 34 บัญญัติไว้ว่าถนนที่มีการแบ่งเส้นจราจรมากกว่า 2 เลนขึ้นไป ผู้ขับขี่ต้องขับชิดขอบทางด้านซ้าย หากไม่ปฏิบัติตามอาจโดนโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และ 2.การขับรถกีดขวาทางจราจร โทษปรับตั้งแต่ 400 - 1,000 บาท"
ดาบตำรวจวิมล ย้ำว่าการขับขี่รถให้ปลอดภัยทุกคนต้องร่วมใจปฏิบัติตามกฎจราจร ในกรณีนี้หากผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วต่ำในช่องทางขวา มองเห็นรถที่วิ่งตามมาด้วยความเร็วสูง ก็ควรหลีกทางให้เพราะเลนขวามีไว้สำหรับแซง อย่างไรก็ตามผู้ขับขี่เลนขวาที่ใช้ความเร็วสูง ก็ต้องระวางโทษในข้อหาใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนดด้วย ซึ่งตรงนี้ถือเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการตรวจจับการใช้ความเร็วบนท้องถนน
ที่มา...https://www.pptvthailand.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/31807
-
^
พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522
มาตรา 34 ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียว กันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป หรือที่ได้จัดช่องเดินรถประจำทางไว้ในช่องเดิน รถซ้ายสุด ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องซ้ายสุดหรือใกล้กับช่องเดินรถประจำทาง เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้ ให้เดินทางขวาของทางเดินรถได้
(1) ในช่องเดินรถนั้นมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดการจราจร
(2) ทางเดินรถนั้นเจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว
(3) จะต้องเข้าช่องทางให้ถูกต้องเมื่อเข้าบริเวณใกล้ทางร่วมทางแยก
(4) เมื่อจะแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น
(5) เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ารถในช่องเดินรถด้านซ้าย
มาตรา 35 ได้ถูกปรับเพิ่มเติมใน พรบ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 3 พ.ศ.2529) โดยเนื้อความปัจจุบันคือ
มาตรา 35 รถที่มีความเร็วช้าหรือรถที่มีความเร็วต่ำกว่าความเร็วของรถคันอื่นที่ขับในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่จะกระทำได้
ผู้ขับขี่รถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถจักรยานยนต์ในทางเดินรถ ซึ่งได้แบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดีย วกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป หรือได้จัดช่องเดินรถประจำทางด้านซ้ายไว้โดยเฉพาะ ต้องขับรถในช่องเดินรถด้านซ้ายสุดหรือใกล้เคียงกับช่องเดินรถประจำทางแล้วแต่กรณี
ความในวรรคสองมิให้ใช้บังคับแก่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักไม่เกินหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
ดังนั้นที่อ้างตามมาตรา 34 ไม่น่าจะถูกต้อง ส่วนถ้าช้าเกินไป ผิดกฎหมายว่าด้วยการกีดขวางการจราจรครับ