Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Sacrifice ที่ มกราคม 19, 2017, 15:27:38
-
(https://upic.me/i/qt/gd3ww.jpg)
(https://upic.me/i/t2/kkwwa.jpg)
จากกฎหมายเดิม มอเตอร์ 15 กิโลวัตต์ขึ้นไปถึงจะจดทะเบียนได้
ตอนนี้ให้ไม่น้อยกว่า 4 kW และต้องวิ่งรวมบรรทุกได้ 45 km/h เป็นเวลา 30 นาที
แถมยังต้องติดสติ๊กเกอร์ S ตามรูปด้วย ต่อไปไม่รู้จะจำกัด รถไฟฟ้าเล็กห้ามวิ่งเลนขวาแบบมอเตอร์ไซค์หรือเปล่าว
(http://upic.me/i/z5/14646852951464686146l.jpg)
อย่างนี้รถไฟฟ้า fomm ที่อุส่าเอาไปให้นายกขับ ก็อาจจะขายได้ในปีนี้ซะที(จริงๆ จะขายตั่งแต่ 2015แล้วติดกฎหมายมอเตอร์15kW)
ถ้าเอามาขายได้ 3 แสนจริงไม่รู้คนไทยจะตอบรับดีแค่ไหน
ผมว่าเป็นการเปิดตลาดใหม่ที่น่าจับตามอง มันตอบโจทย์หลายๆ คนที่เดินทางในเมืองไม่ไกล ราคาถูก ปลอดภัยกว่ามอเตอร์ไซค์
credit : https://www.facebook.com/groups/645506085519435
-
เอาแล้ว VERA V1 จะได้เกิดแล้ว
-
ผมนี่รอดูเลยครับ
-
ผมว่ารายละเอียดในกฎหมายที่กำหนดขอบเขตว่าเป็นรถเล็กนี้ดูเล็กเกินไปหน่อยไหมครับ
(ขอแก้ไขให้ถูกต้อง)
ที่ว่ารถโดยสารน้ำหนักไม่รวมแบตต้องน้อยกว่า 450 kg และรถยนต์ส่วนบุคคลน้ำหนักไม่รวมแบตต้องน้อยกว่า 600 kg
รถสี่ล้อเล็กรับจ้างและรถยนต์ส่วนบุคคลน้ำหนักรถไม่รวมแบตต้องน้อยกว่า 450 kg และรถบรรทุกส่วนบุคคลน้ำหนักรถไม่รวมแบตต้องน้อยกว่า 600 kg
ลองคิดถึงรถเล็กที่เคยรู้จักกันอย่าง Mira นะที่ถือว่าขนาดเล็กมากๆเหมือนกัน น้ำหนักรถยังอย่างน้อย 700 kg เลยครับ และส่วนตัวและยิ่งถ้าเป็นรถรับจ้างสาธารณะ ยิ่งควรจะมีพื้นที่ดูไม่แออัดเกินไปไหมครับ ดังนั้นส่วนตัวนะผมว่าควรกำหนดน้ำหนักน้อยสุดของตัวรถไม่รวมแบตเตอรี เพิ่มไปอีกสัก 150-250 kg
และรถโดยสารนะบรรจุคนเยอะกว่าด้วยนะอีกมุมหนึ่ง
อีกอย่างก็กำหนดแล้วว่าต้องสามารถทำความเร็วได้ถึงไว้เท่าไรแล้วด้วยนิครับ และถ้าเขาดีๆมีประสิทธิภาพของการทำงาน motor ใช้ไฟฟ้าได้มีประสิทธิภาพ น้ำหนักตัวรถเยอะแต่วิ่งได้ตามที่กำหนด แต่ให้คนนั่งรถนั่งสบายไม่อึดอัดจะดีไหมครับ เพื่ออุปกรณ์ความปลอดภัยหรือสิ่งอำนวยความสะดวกหรือระบบกันสะเทือนด้วย ซึ่งทุกอย่างมีน้ำหนักที้งนั้นนะครับ กำหนดน้ำหนักน้อยมากๆ จะกลายเป็นกล่องอลูมิเนียมห่อคนไหมมีอุบัติเหตุตายเอาง่ายๆอ่ะ
ส่วนตัวนะผมว่าควรไม่ให้โอกาสที่น้ำหนักรถไม่รวมแบตเตอรี่ต้องน้อยกว่า 750 kg สำหรับรถทั้งสองแบบมากกว่านะครับ
มิฉะนั้นโอกาสที่ผู้ผลิตจะผลิตได้ก็จะจำกัดเอามากๆ เป็นโอกาสปิดทางเลือกของผู้บริโภคให้น้อยลงด้วยนะครับ
-
จะสนับสนุนก็ควรสนับสนุนเต็มที่ จะมากั๊กทำไม งง แต่ถ้าใช้รถเล็กๆในเมืองกันก็ดีอยู่นะ ขออย่าอืดจนเกะกะ
-
รถโดยสารไม่รวมแบตต้องน้อยกว่า 450 kg และรถส่วนบุคลน้ำหนักไม่รวามแบตต้องน้อยกว่า 600 kg
รถรับจ้างและรถยนต์ส่วนบุคคล น้ำหนักไม่รวมแบตไม่น้อยกว่า 450 kg
รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล น้ำหนักไม่รวมแบตไม่น้อยกว่า 600 kg ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าต้องมีมอเตอร์ไม่น้อยกว่า 4 kW
หากน้ำหนักมากกว่านั้นก็ต้อง ใช้มอเตอร์ 15 kW แบบ VERA ที่เปิดตัวในไทยไปอันนั้นก็ มอเตอร์ 15/30 kW อันนั้นจดทะเบียนได้อยู่แล้ว
-
จะสนับสนุนก็ควรสนับสนุนเต็มที่ จะมากั๊กทำไม งง
กลัวมอเตอร์น้อยไป น้ำหนักเยอะ จะวิ่งช้ากีดขวางการจารจรมั้งครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ารถไฟฟ้าเล็กที่ออกมานี่จะโดนตัดสิทธิ
แบบมอเตอร์ไซค์ ที่ไม่ให้วิ่งขวาง ห้ามลงอุโมงค์ ขึ้นสะพานข้ามแยกหรือเปล่าว ก็ต้องรอดูต่อไป
-
จะมีใครลงทุนเองบ้างยังครับนี่
หากไม่นับรถมาขายแต่งหน้าทาปาก
-
ปัจจุบันเทคโนโลยียังไม่ถึงจุดคุ้มทุนครับ ยังเกิดได้ไม่เต็มที่ แต่มันมีอนาคตแน่นอน เพราะถ้ามองเรื่องการใช้พลังงาน
มันใช้ต่ำกว่าเครื่องสันดาปที่สูญเสียพลังงานในรูปความร้อนไปเยอะ
ปล. คอขวดอยู่ที่ขนาดความจุแบตเตอรี่และราคาขาย ถ้าแก้ตรงนี้ได้เมื่ออุตสาหกรรมรถจะเปลี่ยนหน้าโดยทันที
-
ผมมองว่าอย่างไรรถไฟฟ้าก็ต้องมา ซึ่งที่จะขายได้จริงๆจังๆก็ไม่ใช่แบรนด์ของคนไทย
เพียงแต่เหมือนออกกฏหมายมาประวิงเวลา รอให้ SME หรือบริษัทใหญ่ๆของคนไทยหาช่องทางที่จะไปเป็นส่วนหนึ่งกับรถไฟฟ้าได้อย่างไร
เพราะบริษัทที่จะแจ้งเกิดส่วนใหญ่ในตปท.ล้วนใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมมาเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งธุรกิจแบบนี้ในไทยแทบไม่มีเลย
รัฐเองก็ยังหาแนวทางสนับสนุนไม่ถูกเช่นกัน
-
จริงๆ รบ ไทย น่าจะร่วมพัฒนากับผู้ผลิตแบตประเทศไทยนะครับ มีตั้งหลายเจ้าถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถือนวัตกรรมอะไรก็เถอะ ปัญหาของประเทศไทยคือไม่มี Litium ครับอาจจะยังขุดหาไม่เจอหรือว่าอะไรไม่รู้นอกจากนี้ระบบคอมพิวเตอร์ต้องสำคัญด้วย
-
ถามนายทุนไอ้ยุ่นอย่าง โตต้าที่ล้าหลังรถไฟฟ้ายังเนี่ย 8)
-
FOMM ได้แจ้งเกิดแน่ ด้วยขนาดและการออกแบบและราคา เหมาะสมเป็นรถใช้จ่ายตลาดจริงๆ และคันต้นแบบ มันยังสามารถแล่นในน้ำเหมือนรถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกได้อีกด้วย
-
รอดูกันต่อไป แต่ผมว่ายาก ไม่มาเร็วๆๆนี้หรอก