Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: devilizm ที่ มกราคม 22, 2017, 23:46:54
-
รบกวนขอความคิดเห็นจากเพื่อนสมาชิก ระหว่าง มาสด้า2 เบนซิน 1.3 กับ ซูซูกิเออติก้า ตามหัวข้อดังนี้ครับ
1.เน้นใช้งานระยะยาว ประมาณ 10 ปี (ความทนทานของเกียร์ และเครื่องยนต์โดยรวม)
2.การบำรุงรักษาหลังจากหมดประกันศูนย์ 3 ปี 1 แสนกิโลไปแล้ว (การหาอะไหล่,ฝีมือของอู่นอก,ความยากง่ายของการซ่อมบำรุงเกียร์และเครื่องยนต์โดยรวม)
3.ปัญหาของตัวรถโดยรวม
ปล.
-รถเดิมใช้มาสด้า 2 ตัวโฉมเก่า ขับรถไม่เร็ว ไม่เกิน 120 กม./ชม.
-ชอบออพชั่นมาสด้า 2 แต่ชอบความกว้างของ เออติก้าครับ
-ต้องขอโทษที่ขอเปรียบเทียบรถคนละเซกเมนต์กันนะครับ หรือ ถ้าเพื่อสมาชิกจะให้คำแนะนำรถรุ่นอื่นๆที่ราคาใกล้เคียงกันก็ยินดีนะครับ
(ขอบายเซียนต้า , อแวนซ่า และ อีโค่คาร์คันอื่นๆนะครับ)
-นอกจากป้ายแดงในรุ่นข้างต้น ผมยังสนใจ D-Segment มือสอง อย่าง Teana j32 minor กับ Camry ACV40 minor ด้วยครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกๆความคิดเห็นครับ
-
มันอยู่ที่ใช้งานยังไงมากกว่า ถ้าเอนกประสงค์ยังไงก็ต้องรถ MPV
มาสด้า 2 ถ้าเน้นนั่งไม่เกิน 3 -4 คนทั้งคัน หรือเน้นขับขี่คนเดียวก็น่าเลือกมาก
ทั้ง 2 ตัวใช้งานระยะยาวได้ไม่มีปัญหา ยกเว้นว่าคุณใช้รถเยอะปีนึง 80,000 โลขึ้นไป 10 ปี 8 แสนโลแบบนี้มองหาอู่ซ่อมเป็นหลักในการเล่นรถ
แต่นี้ผมไม่รู้คุณใช้รถเยอะขนาดนั้นหรือเปล่า ถ้าใช้ไม่เยอะไม่ต่างกันเรื่องซ่อม เพราะเอาจริง ๆ รถมาสด้าไม่ได้ซ่อมถูกนะครับ โดยเฉพาะมาสด้ารุ่นบน ๆ อย่าง Mazda 3 หรือ CX5 พวกนี้ซ่อมแพงทั้งนั้นและอะไหล่แพงมากด้วย จะถูกลงมาหน่อยแบบน่าคบหาก็รุ่น Mazda 2 ที่เคลมให้ค่าซ่อมไม่แพงนักเวลาเข้าศูนย์ ส่วน Suzuki แพงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไม่แพงเท่ากับ MAZDA แต่ไม่ต่างกันมากนักหรอก
เป็นผมถ้าคุณเน้นแค่นั่งไม่กี่คนหารถขับง่าย ขับสนุกอย่าง Mazda 2 ก็พอครับอย่างน้อยขับสนุกทุกวันไม่เบื่อ แล้วเลือกเครื่องดีเซล ถ้าเน้นใช้งานระยาว 10 ปี เก็บส่วนต่างค่าน้ำมันไว้ยังไงก็คุ้มกว่า Suzuki Ertica
-
ถ้ายังไม่มีลูก หรือกำลังจะมี mazda 2 ได้ยาวๆ 10 ปี
แต่ถ้าลูกเริ่มโต หรือเกิน 5 ขวบ ertiga จะตอบโจทย์กว่า
ใช้ 10 ปีอะไหล่มีทั้งคู่ แต่เกินนั้นไปหารถตลาด
-
ซูซูกิไม่ทราบ แต่ที่บ้านมีมาสด้า2 ตัวเก่าเหมือนคุณ อะไหล่หายาก ต้องเบิกศูนย์เป็นส่วนใหญ่ และต้องรออีกอย่างน้อย 1 วัน ราคาอะไหล่แต่ละชิ้นแพงเว่อร์มากๆ ครับ มาสด้าถ้าใช้ระยะยาวผมว่าการบำรุงรักษาจะมีปัญหาเรื่องอะไหล่ และหาซื้อยาก ส่วนซูซูกิไม่ทราบ Ertiga ก็ไม่ได้ประกอบบ้านเรา ระยะยาวผมว่าลองพิจารณารถตลาดดีกว่าครับ เช่น Toyota Honda Mitsu ตอนนี้รอดู Motor Show เดือนมีนา ประกอบการตัดสินใจอีกทีดีกว่าครับ
-
ดูจากยอดขายมาสด้าแล้ว โดยเฉพาะมาสด้า2 เรื่องอะไหล่ไม่น่าเป็นห่วงนะครับ
-
มาสด้า 2 ผมว่าดู รุ่งกว่า ในระยะยาวๆๆๆๆๆๆๆ
-
เชียร์มาสด้าครับ
-
ซูซูกิไม่ทราบ แต่ที่บ้านมีมาสด้า2 ตัวเก่าเหมือนคุณ อะไหล่หายาก ต้องเบิกศูนย์เป็นส่วนใหญ่ และต้องรออีกอย่างน้อย 1 วัน ราคาอะไหล่แต่ละชิ้นแพงเว่อร์มากๆ ครับ มาสด้าถ้าใช้ระยะยาวผมว่าการบำรุงรักษาจะมีปัญหาเรื่องอะไหล่ และหาซื้อยาก ส่วนซูซูกิไม่ทราบ Ertiga ก็ไม่ได้ประกอบบ้านเรา ระยะยาวผมว่าลองพิจารณารถตลาดดีกว่าครับ เช่น Toyota Honda Mitsu ตอนนี้รอดู Motor Show เดือนมีนา ประกอบการตัดสินใจอีกทีดีกว่าครับ
mazda 2 ตัวเก่ามันขายไม่ค่อยได้ คนใช้รถมีน้อย อะไหล่เลยน้อย หายาก แต่ Mazda2 Skyactiv มันขายดี น้องๆ vios อะไหล่เยอะ ทั้งอู่ ทั้งศูนย์ ตาม อุปสงค์ อุปทาน
-
มันอยู่ที่ใช้งานยังไงมากกว่า ถ้าเอนกประสงค์ยังไงก็ต้องรถ MPV
มาสด้า 2 ถ้าเน้นนั่งไม่เกิน 3 -4 คนทั้งคัน หรือเน้นขับขี่คนเดียวก็น่าเลือกมาก
ทั้ง 2 ตัวใช้งานระยะยาวได้ไม่มีปัญหา ยกเว้นว่าคุณใช้รถเยอะปีนึง 80,000 โลขึ้นไป 10 ปี 8 แสนโลแบบนี้มองหาอู่ซ่อมเป็นหลักในการเล่นรถ
แต่นี้ผมไม่รู้คุณใช้รถเยอะขนาดนั้นหรือเปล่า ถ้าใช้ไม่เยอะไม่ต่างกันเรื่องซ่อม เพราะเอาจริง ๆ รถมาสด้าไม่ได้ซ่อมถูกนะครับ โดยเฉพาะมาสด้ารุ่นบน ๆ อย่าง Mazda 3 หรือ CX5 พวกนี้ซ่อมแพงทั้งนั้นและอะไหล่แพงมากด้วย จะถูกลงมาหน่อยแบบน่าคบหาก็รุ่น Mazda 2 ที่เคลมให้ค่าซ่อมไม่แพงนักเวลาเข้าศูนย์ ส่วน Suzuki แพงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไม่แพงเท่ากับ MAZDA แต่ไม่ต่างกันมากนักหรอก
เป็นผมถ้าคุณเน้นแค่นั่งไม่กี่คนหารถขับง่าย ขับสนุกอย่าง Mazda 2 ก็พอครับอย่างน้อยขับสนุกทุกวันไม่เบื่อ แล้วเลือกเครื่องดีเซล ถ้าเน้นใช้งานระยาว 10 ปี เก็บส่วนต่างค่าน้ำมันไว้ยังไงก็คุ้มกว่า Suzuki Ertica
ขอขอบคุณสำหรับความคิดเห็น และ ต้องขออภัยสำหรับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนนะครับ
ผมใช้งานประมาณไม่เกิน สามหมื่น กม./ปี ไม่เค้นไม่เร่งไม่รีบขับเรื่อยๆเปื่อยๆ ส่วนเรื่องลักษณะการใช้รถว่าใช้อย่างไร เอนกประสงค์หรือไม่ ผมไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ครับ เนื่องจากพอจะมีทางแก้ไขทางด้านอื่นอยู่ แต่ผมไม่แน่ใจว่า ระหว่าง เครื่อง 1.3 +เกียร์6AT สกายแอคทีฟของมาสด้า กับ เครื่อง 1.4 +เกียร์4AT ของซูซูกิ อันไหนมันจะทนกว่ากันในเงื่อนไขใช้งานระยะยาว และความง่ายในการบำรุงรักษาอ่าครับ
ส่วนเรื่องความสนุก ผมก็ชอบขับรถที่ขับสนุกๆ แต่ ผู้โดยสารไม่ค่อยสนุกด้วยเท่าไหร่ เลยตัดเรื่องความสนุกออกไปได้เลยอ่าครับ เลยไม่ได้มองที่ตัว M2ดีเซล
-
ซูซูกิไม่ทราบ แต่ที่บ้านมีมาสด้า2 ตัวเก่าเหมือนคุณ อะไหล่หายาก ต้องเบิกศูนย์เป็นส่วนใหญ่ และต้องรออีกอย่างน้อย 1 วัน ราคาอะไหล่แต่ละชิ้นแพงเว่อร์มากๆ ครับ มาสด้าถ้าใช้ระยะยาวผมว่าการบำรุงรักษาจะมีปัญหาเรื่องอะไหล่ และหาซื้อยาก ส่วนซูซูกิไม่ทราบ Ertiga ก็ไม่ได้ประกอบบ้านเรา ระยะยาวผมว่าลองพิจารณารถตลาดดีกว่าครับ เช่น Toyota Honda Mitsu ตอนนี้รอดู Motor Show เดือนมีนา ประกอบการตัดสินใจอีกทีดีกว่าครับ
ขอบคุณมากๆครับ ผมไม่ทราบเลยว่าจะมี มอเตอร์โชในช่วงเร็วๆนี้ ถ้าเป็นเช่นนี้อาจจะรอเผื่อมีรถรุ่นใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดเพื่อนำมาเปรียบเทียบเพิ่มอีกก็เป็นความคิดที่ดีครับ
-
ถ้าเน้นใช้ระยะยาวๆ โดยไม่ต้องเมนเทนอะไรมาก ขับไม่เกิน120 ตัดD segมือ2ที่คุณว่าไปได้เลยครับ
ของเดิมตัวminorมันก็น่าจะอายุ5-6ปีแล้ว ใช้ต่ออีก10ปีมันมีอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนต้องเสียจุกจิกพอตัวเลย
ถ้าให้เลือก ผมเลือก2 1.3 อย่างน้อย10ปี 2ก็ดูมีอนาคตมากกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า ขับสนุกกว่า
-
ERTIGA ครับเผื่อครอบครัวขยายตัว ;D
-
พิจารณาการใช้งานเป็นหลักครับ
-
ERTIGA ครับเผื่อครอบครัวขยายตัว ;D
ตอนนี้เป็นครอบครัวตัวขยายอยู่ครับ ขยายจนใกล้จะเท่าพี่ๆเจ้าของเว็บแล้ว
วางแผนว่าอีกประมาณ อีกสองปีน่าจะมีลูกคนแรกหน่ะครับ ไม่รู้จะได้รับส่วนลดเหมือนรถคันแรกมั๊ย ล้อเล่นนะครับ แฮะๆ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ
-
ซูซูกิไม่ทราบ แต่ที่บ้านมีมาสด้า2 ตัวเก่าเหมือนคุณ อะไหล่หายาก ต้องเบิกศูนย์เป็นส่วนใหญ่ และต้องรออีกอย่างน้อย 1 วัน ราคาอะไหล่แต่ละชิ้นแพงเว่อร์มากๆ ครับ มาสด้าถ้าใช้ระยะยาวผมว่าการบำรุงรักษาจะมีปัญหาเรื่องอะไหล่ และหาซื้อยาก ส่วนซูซูกิไม่ทราบ Ertiga ก็ไม่ได้ประกอบบ้านเรา ระยะยาวผมว่าลองพิจารณารถตลาดดีกว่าครับ เช่น Toyota Honda Mitsu ตอนนี้รอดู Motor Show เดือนมีนา ประกอบการตัดสินใจอีกทีดีกว่าครับ
mazda 2 ตัวเก่ามันขายไม่ค่อยได้ คนใช้รถมีน้อย อะไหล่เลยน้อย หายาก แต่ Mazda2 Skyactiv มันขายดี น้องๆ vios อะไหล่เยอะ ทั้งอู่ ทั้งศูนย์ ตาม อุปสงค์ อุปทาน
ผมว่าไม่จริง
2 ตัวเก่าอยู่ในยุครถคันแรกด้วยนะครับ ลองไปไล่ยอดขายดูก็ได้ แถมขายนานมาก จำนวนรถที่ปล่อยออกไปไม่น้อยเลยครับ ไม่แพ้ sky ละกัน
vios ตัวถังเดียว เครื่องเดียว ขาย 2.5พันคันทุกเดือน กับ 2 - 2เครื่อง สองตัวถัง ขาย 1.9พันคันต่อเดือน
และที่แน่นอน อะไหล่แพงเหมือนเดิมครับ หม้อพักน้ำ intercool พลาสติก อันละสองพัน....พึ่งโดนมาหนะ
-
ซูซูกิไม่ทราบ แต่ที่บ้านมีมาสด้า2 ตัวเก่าเหมือนคุณ อะไหล่หายาก ต้องเบิกศูนย์เป็นส่วนใหญ่ และต้องรออีกอย่างน้อย 1 วัน ราคาอะไหล่แต่ละชิ้นแพงเว่อร์มากๆ ครับ มาสด้าถ้าใช้ระยะยาวผมว่าการบำรุงรักษาจะมีปัญหาเรื่องอะไหล่ และหาซื้อยาก ส่วนซูซูกิไม่ทราบ Ertiga ก็ไม่ได้ประกอบบ้านเรา ระยะยาวผมว่าลองพิจารณารถตลาดดีกว่าครับ เช่น Toyota Honda Mitsu ตอนนี้รอดู Motor Show เดือนมีนา ประกอบการตัดสินใจอีกทีดีกว่าครับ
mazda 2 ตัวเก่ามันขายไม่ค่อยได้ คนใช้รถมีน้อย อะไหล่เลยน้อย หายาก แต่ Mazda2 Skyactiv มันขายดี น้องๆ vios อะไหล่เยอะ ทั้งอู่ ทั้งศูนย์ ตาม อุปสงค์ อุปทาน
ผมว่าไม่จริง
2 ตัวเก่าอยู่ในยุครถคันแรกด้วยนะครับ ลองไปไล่ยอดขายดูก็ได้ แถมขายนานมาก จำนวนรถที่ปล่อยออกไปไม่น้อยเลยครับ ไม่แพ้ sky ละกัน
vios ตัวถังเดียว เครื่องเดียว ขาย 2.5พันคันทุกเดือน กับ 2 - 2เครื่อง สองตัวถัง ขาย 1.9พันคันต่อเดือน
และที่แน่นอน อะไหล่แพงเหมือนเดิมครับ หม้อพักน้ำ intercool พลาสติก อันละสองพัน....พึ่งโดนมาหนะ
อะไหล่มาสด้าแพงมาเป็น 10 ปีแล้วตั้งแต่แรกเริ่มลงทุนโรงงานกับ AAT ปัจจุบันก็ยังแ้ก้ปัญหานี้ไม่ได้
ในการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ที่เป็น OEM ส่วนนึงยอมรับคุณภาพของ Mazda มากกว่ารถตลาดยี่ห้อที่ผู้หญิงชอบใช้ อันนั้นอะไหล่ชิ้นส่วนดูก๊องแก๊งมากกว่าเหมือนรถกะป๋อง ยอมรับว่าอะไหล่มาสด้าคุณภาพดีจริงถ้าเทียบโครงสร้างกับคู่แข่งแต่มันก็แลกมาด้วยราคาที่แพงกว่าเช่นกัน และยิ่งเป็นรถนำเข้าอย่าง CX5 CX9 บอกเลยว่าซ่อมแพงมากครับ
ไม่ได้เกี่ยวกับอุปสงค์ อุปทานอะไร สำหรับราคาคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ ถ้ารถขายได้เยอะขึ้นร้านอะไหล่อาจสต๊อคอะไหล่มาสด้ามากขึ้นเท่านั้นเอง
-
มันอยู่ที่ใช้งานยังไงมากกว่า ถ้าเอนกประสงค์ยังไงก็ต้องรถ MPV
มาสด้า 2 ถ้าเน้นนั่งไม่เกิน 3 -4 คนทั้งคัน หรือเน้นขับขี่คนเดียวก็น่าเลือกมาก
ทั้ง 2 ตัวใช้งานระยะยาวได้ไม่มีปัญหา ยกเว้นว่าคุณใช้รถเยอะปีนึง 80,000 โลขึ้นไป 10 ปี 8 แสนโลแบบนี้มองหาอู่ซ่อมเป็นหลักในการเล่นรถ
แต่นี้ผมไม่รู้คุณใช้รถเยอะขนาดนั้นหรือเปล่า ถ้าใช้ไม่เยอะไม่ต่างกันเรื่องซ่อม เพราะเอาจริง ๆ รถมาสด้าไม่ได้ซ่อมถูกนะครับ โดยเฉพาะมาสด้ารุ่นบน ๆ อย่าง Mazda 3 หรือ CX5 พวกนี้ซ่อมแพงทั้งนั้นและอะไหล่แพงมากด้วย จะถูกลงมาหน่อยแบบน่าคบหาก็รุ่น Mazda 2 ที่เคลมให้ค่าซ่อมไม่แพงนักเวลาเข้าศูนย์ ส่วน Suzuki แพงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไม่แพงเท่ากับ MAZDA แต่ไม่ต่างกันมากนักหรอก
เป็นผมถ้าคุณเน้นแค่นั่งไม่กี่คนหารถขับง่าย ขับสนุกอย่าง Mazda 2 ก็พอครับอย่างน้อยขับสนุกทุกวันไม่เบื่อ แล้วเลือกเครื่องดีเซล ถ้าเน้นใช้งานระยาว 10 ปี เก็บส่วนต่างค่าน้ำมันไว้ยังไงก็คุ้มกว่า Suzuki Ertica
ขอขอบคุณสำหรับความคิดเห็น และ ต้องขออภัยสำหรับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนนะครับ
ผมใช้งานประมาณไม่เกิน สามหมื่น กม./ปี ไม่เค้นไม่เร่งไม่รีบขับเรื่อยๆเปื่อยๆ ส่วนเรื่องลักษณะการใช้รถว่าใช้อย่างไร เอนกประสงค์หรือไม่ ผมไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ครับ เนื่องจากพอจะมีทางแก้ไขทางด้านอื่นอยู่ แต่ผมไม่แน่ใจว่า ระหว่าง เครื่อง 1.3 +เกียร์6AT สกายแอคทีฟของมาสด้า กับ เครื่อง 1.4 +เกียร์4AT ของซูซูกิ อันไหนมันจะทนกว่ากันในเงื่อนไขใช้งานระยะยาว และความง่ายในการบำรุงรักษาอ่าครับ
ส่วนเรื่องความสนุก ผมก็ชอบขับรถที่ขับสนุกๆ แต่ ผู้โดยสารไม่ค่อยสนุกด้วยเท่าไหร่ เลยตัดเรื่องความสนุกออกไปได้เลยอ่าครับ เลยไม่ได้มองที่ตัว M2ดีเซล
คือใช้ปีล่ะ 3 หมื่นโล 10 ปีเท่ากับ 3 แสนโล แบบนี้ถ้าเลือก Mazda 2 เครื่องดีเซลได้เปรียบเลยนะครับ เพราะว่ากินน้ำมันประมาณโลล่ะ 1 บาท ในขณะที่ Ertica กินโลล่ะ 2 บาท ส่วนต่าง 1 บาท / กิโล คุณใช้รถ 10 ปี 3 แสนโลประหยััดน้ำมันไปได้ 3 แสนบาทคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ผมเอาเงินส่วนต่างค่าน้ำมันที่ประหยัดไปได้ไปซ่อมรถดีดี ดีกว่า
ขณะที่ Ertica เป็นเกียร์ CVT ถ้าวิ่ง 3 แสนโลเหมือนมันปลายอายุเกียร์ CVT แล้ว บางคนก็ดีใจตายล่ะที่รถตัวเองใช้เกียร์ CVT วิ่งได้ 3 แสนโลถือว่าทน แต่บางคนได้แค่ 3 แสนโลถือว่าไม่ทน แต่เป็นผมผมนะ 3 แสนโลผมไม่เอาเงินมาเสียกับค่าซ่อมเกียร์เพราะรถที่ผมใช้งานต้องทนทานประหยัดค่าซ่อมมากกว่านี้ เกิด 10 ปีข้างหน้ายังไม่ไ่ด้เปลี่ยนรถไ่ม่มีเงินเปลี่ยนใช้ไปอีก 2-3 ปีแค่นี้วิ่งเฉียด 4 แสนโลยังไงก็ต้องยกเกียร์ CVT ลงมาซ่อม ยังไงขับมาสด้าได้เปรียบกว่าแน่ ถึงแม้ค่าซ่อมรายทางมาสด้าจะแพงกว่า อีกทั้งธรรมชาติ SUZUKI เป็นรถมักเซทมารอบสูงกว่าในอัตราทดเกียร์เฟืองท้าย เพราะ Suzuki ไม่ทำเครื่องใหญ่เท่าไหร่นักมักลากรอบสูงประจำการสึกหรอและกินน้ำมันจะมากกว่าคู่แข่งเดียวกัน
โจทย์นี้้ผมเห็นต่างคือเลือก Mazda 2 ดีเซลดีกว่าเบนซิน น่าเลือกไปที่ M2 มากกว่าครับ และการใช้งานดูดีกว่า
ยกเว้นว่าคุณต้องการเอนกประสงค์ก็ต้องจำใจเลือก MPV
-
เอาการใช้งานเป็นหลักดีกว่าครับ ขนของ ขนคน มากหรือเปล่า
-
เอาทีละประเด็น ถ้าคุณชอบสบายจริงๆ ไป Camry ACV40 MC เลยดีกว่าจบกว่า สบายจริง
ถ้าไม่งั้นก็เอามาสด้าสองเหมือนเดิม พวกอะไหล่ การซ่อม ความคุ้น ผมว่ามาสด้าไปได้เปรียบซูซูกิอยู่
-
มันอยู่ที่ใช้งานยังไงมากกว่า ถ้าเอนกประสงค์ยังไงก็ต้องรถ MPV
มาสด้า 2 ถ้าเน้นนั่งไม่เกิน 3 -4 คนทั้งคัน หรือเน้นขับขี่คนเดียวก็น่าเลือกมาก
ทั้ง 2 ตัวใช้งานระยะยาวได้ไม่มีปัญหา ยกเว้นว่าคุณใช้รถเยอะปีนึง 80,000 โลขึ้นไป 10 ปี 8 แสนโลแบบนี้มองหาอู่ซ่อมเป็นหลักในการเล่นรถ
แต่นี้ผมไม่รู้คุณใช้รถเยอะขนาดนั้นหรือเปล่า ถ้าใช้ไม่เยอะไม่ต่างกันเรื่องซ่อม เพราะเอาจริง ๆ รถมาสด้าไม่ได้ซ่อมถูกนะครับ โดยเฉพาะมาสด้ารุ่นบน ๆ อย่าง Mazda 3 หรือ CX5 พวกนี้ซ่อมแพงทั้งนั้นและอะไหล่แพงมากด้วย จะถูกลงมาหน่อยแบบน่าคบหาก็รุ่น Mazda 2 ที่เคลมให้ค่าซ่อมไม่แพงนักเวลาเข้าศูนย์ ส่วน Suzuki แพงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไม่แพงเท่ากับ MAZDA แต่ไม่ต่างกันมากนักหรอก
เป็นผมถ้าคุณเน้นแค่นั่งไม่กี่คนหารถขับง่าย ขับสนุกอย่าง Mazda 2 ก็พอครับอย่างน้อยขับสนุกทุกวันไม่เบื่อ แล้วเลือกเครื่องดีเซล ถ้าเน้นใช้งานระยาว 10 ปี เก็บส่วนต่างค่าน้ำมันไว้ยังไงก็คุ้มกว่า Suzuki Ertica
ขอขอบคุณสำหรับความคิดเห็น และ ต้องขออภัยสำหรับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนนะครับ
ผมใช้งานประมาณไม่เกิน สามหมื่น กม./ปี ไม่เค้นไม่เร่งไม่รีบขับเรื่อยๆเปื่อยๆ ส่วนเรื่องลักษณะการใช้รถว่าใช้อย่างไร เอนกประสงค์หรือไม่ ผมไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ครับ เนื่องจากพอจะมีทางแก้ไขทางด้านอื่นอยู่ แต่ผมไม่แน่ใจว่า ระหว่าง เครื่อง 1.3 +เกียร์6AT สกายแอคทีฟของมาสด้า กับ เครื่อง 1.4 +เกียร์4AT ของซูซูกิ อันไหนมันจะทนกว่ากันในเงื่อนไขใช้งานระยะยาว และความง่ายในการบำรุงรักษาอ่าครับ
ส่วนเรื่องความสนุก ผมก็ชอบขับรถที่ขับสนุกๆ แต่ ผู้โดยสารไม่ค่อยสนุกด้วยเท่าไหร่ เลยตัดเรื่องความสนุกออกไปได้เลยอ่าครับ เลยไม่ได้มองที่ตัว M2ดีเซล
คือใช้ปีล่ะ 3 หมื่นโล 10 ปีเท่ากับ 3 แสนโล แบบนี้ถ้าเลือก Mazda 2 เครื่องดีเซลได้เปรียบเลยนะครับ เพราะว่ากินน้ำมันประมาณโลล่ะ 1 บาท ในขณะที่ Ertica กินโลล่ะ 2 บาท ส่วนต่าง 1 บาท / กิโล คุณใช้รถ 10 ปี 3 แสนโลประหยััดน้ำมันไปได้ 3 แสนบาทคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ผมเอาเงินส่วนต่างค่าน้ำมันที่ประหยัดไปได้ไปซ่อมรถดีดี ดีกว่า
ขณะที่ Ertica เป็นเกียร์ CVT ถ้าวิ่ง 3 แสนโลเหมือนมันปลายอายุเกียร์ CVT แล้ว บางคนก็ดีใจตายล่ะที่รถตัวเองใช้เกียร์ CVT วิ่งได้ 3 แสนโลถือว่าทน แต่บางคนได้แค่ 3 แสนโลถือว่าไม่ทน แต่เป็นผมผมนะ 3 แสนโลผมไม่เอาเงินมาเสียกับค่าซ่อมเกียร์เพราะรถที่ผมใช้งานต้องทนทานประหยัดค่าซ่อมมากกว่านี้ เกิด 10 ปีข้างหน้ายังไม่ไ่ด้เปลี่ยนรถไ่ม่มีเงินเปลี่ยนใช้ไปอีก 2-3 ปีแค่นี้วิ่งเฉียด 4 แสนโลยังไงก็ต้องยกเกียร์ CVT ลงมาซ่อม ยังไงขับมาสด้าได้เปรียบกว่าแน่ ถึงแม้ค่าซ่อมรายทางมาสด้าจะแพงกว่า อีกทั้งธรรมชาติ SUZUKI เป็นรถมักเซทมารอบสูงกว่าในอัตราทดเกียร์เฟืองท้าย เพราะ Suzuki ไม่ทำเครื่องใหญ่เท่าไหร่นักมักลากรอบสูงประจำการสึกหรอและกินน้ำมันจะมากกว่าคู่แข่งเดียวกัน
โจทย์นี้้ผมเห็นต่างคือเลือก Mazda 2 ดีเซลดีกว่าเบนซิน น่าเลือกไปที่ M2 มากกว่าครับ และการใช้งานดูดีกว่า
ยกเว้นว่าคุณต้องการเอนกประสงค์ก็ต้องจำใจเลือก MPV
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ แจกแจงได้ละเอียดพอสมควรเลยทีเดียว ขอบคุณครับ
-
มันอยู่ที่ใช้งานยังไงมากกว่า ถ้าเอนกประสงค์ยังไงก็ต้องรถ MPV
มาสด้า 2 ถ้าเน้นนั่งไม่เกิน 3 -4 คนทั้งคัน หรือเน้นขับขี่คนเดียวก็น่าเลือกมาก
ทั้ง 2 ตัวใช้งานระยะยาวได้ไม่มีปัญหา ยกเว้นว่าคุณใช้รถเยอะปีนึง 80,000 โลขึ้นไป 10 ปี 8 แสนโลแบบนี้มองหาอู่ซ่อมเป็นหลักในการเล่นรถ
แต่นี้ผมไม่รู้คุณใช้รถเยอะขนาดนั้นหรือเปล่า ถ้าใช้ไม่เยอะไม่ต่างกันเรื่องซ่อม เพราะเอาจริง ๆ รถมาสด้าไม่ได้ซ่อมถูกนะครับ โดยเฉพาะมาสด้ารุ่นบน ๆ อย่าง Mazda 3 หรือ CX5 พวกนี้ซ่อมแพงทั้งนั้นและอะไหล่แพงมากด้วย จะถูกลงมาหน่อยแบบน่าคบหาก็รุ่น Mazda 2 ที่เคลมให้ค่าซ่อมไม่แพงนักเวลาเข้าศูนย์ ส่วน Suzuki แพงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไม่แพงเท่ากับ MAZDA แต่ไม่ต่างกันมากนักหรอก
เป็นผมถ้าคุณเน้นแค่นั่งไม่กี่คนหารถขับง่าย ขับสนุกอย่าง Mazda 2 ก็พอครับอย่างน้อยขับสนุกทุกวันไม่เบื่อ แล้วเลือกเครื่องดีเซล ถ้าเน้นใช้งานระยาว 10 ปี เก็บส่วนต่างค่าน้ำมันไว้ยังไงก็คุ้มกว่า Suzuki Ertica
ขอขอบคุณสำหรับความคิดเห็น และ ต้องขออภัยสำหรับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนนะครับ
ผมใช้งานประมาณไม่เกิน สามหมื่น กม./ปี ไม่เค้นไม่เร่งไม่รีบขับเรื่อยๆเปื่อยๆ ส่วนเรื่องลักษณะการใช้รถว่าใช้อย่างไร เอนกประสงค์หรือไม่ ผมไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ครับ เนื่องจากพอจะมีทางแก้ไขทางด้านอื่นอยู่ แต่ผมไม่แน่ใจว่า ระหว่าง เครื่อง 1.3 +เกียร์6AT สกายแอคทีฟของมาสด้า กับ เครื่อง 1.4 +เกียร์4AT ของซูซูกิ อันไหนมันจะทนกว่ากันในเงื่อนไขใช้งานระยะยาว และความง่ายในการบำรุงรักษาอ่าครับ
ส่วนเรื่องความสนุก ผมก็ชอบขับรถที่ขับสนุกๆ แต่ ผู้โดยสารไม่ค่อยสนุกด้วยเท่าไหร่ เลยตัดเรื่องความสนุกออกไปได้เลยอ่าครับ เลยไม่ได้มองที่ตัว M2ดีเซล
คือใช้ปีล่ะ 3 หมื่นโล 10 ปีเท่ากับ 3 แสนโล แบบนี้ถ้าเลือก Mazda 2 เครื่องดีเซลได้เปรียบเลยนะครับ เพราะว่ากินน้ำมันประมาณโลล่ะ 1 บาท ในขณะที่ Ertica กินโลล่ะ 2 บาท ส่วนต่าง 1 บาท / กิโล คุณใช้รถ 10 ปี 3 แสนโลประหยััดน้ำมันไปได้ 3 แสนบาทคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ผมเอาเงินส่วนต่างค่าน้ำมันที่ประหยัดไปได้ไปซ่อมรถดีดี ดีกว่า
ขณะที่ Ertica เป็นเกียร์ CVT ถ้าวิ่ง 3 แสนโลเหมือนมันปลายอายุเกียร์ CVT แล้ว บางคนก็ดีใจตายล่ะที่รถตัวเองใช้เกียร์ CVT วิ่งได้ 3 แสนโลถือว่าทน แต่บางคนได้แค่ 3 แสนโลถือว่าไม่ทน แต่เป็นผมผมนะ 3 แสนโลผมไม่เอาเงินมาเสียกับค่าซ่อมเกียร์เพราะรถที่ผมใช้งานต้องทนทานประหยัดค่าซ่อมมากกว่านี้ เกิด 10 ปีข้างหน้ายังไม่ไ่ด้เปลี่ยนรถไ่ม่มีเงินเปลี่ยนใช้ไปอีก 2-3 ปีแค่นี้วิ่งเฉียด 4 แสนโลยังไงก็ต้องยกเกียร์ CVT ลงมาซ่อม ยังไงขับมาสด้าได้เปรียบกว่าแน่ ถึงแม้ค่าซ่อมรายทางมาสด้าจะแพงกว่า อีกทั้งธรรมชาติ SUZUKI เป็นรถมักเซทมารอบสูงกว่าในอัตราทดเกียร์เฟืองท้าย เพราะ Suzuki ไม่ทำเครื่องใหญ่เท่าไหร่นักมักลากรอบสูงประจำการสึกหรอและกินน้ำมันจะมากกว่าคู่แข่งเดียวกัน
โจทย์นี้้ผมเห็นต่างคือเลือก Mazda 2 ดีเซลดีกว่าเบนซิน น่าเลือกไปที่ M2 มากกว่าครับ และการใช้งานดูดีกว่า
ยกเว้นว่าคุณต้องการเอนกประสงค์ก็ต้องจำใจเลือก MPV
Ertiga เป็นเกียร์ auto 4 speed ธรรมดาครับ ไม่ใช่ CVT
-
ใช้ertiga2014 กับ city2010 อยู่ครับ ที่บ้านจะเดินทางใกล้หรือไกลจะใช้แต่ertigaครับ ตอนนี้เลขไมล์จะแซงcityแล้ว เพราะความโปร่งโล่งนั่งสบาย ขึ้นลงง่าย แอร์เย็น มีแอร์แถวหลัง เคยขนตู้เย็นแบบ2ประตูมาสองรอบแล้ว อย่างอื่นที่เล็กกว่านี้สบายมาก เรียกได้ว่ามันให้ประโยชน์ใช้สอยครบแบบที่รถเก๋งให้ไม่ได้ ยิ่งถ้าเทียบราคาที่เท่ากันแล้วยิ่งคุ้ม ตอนนี้ผมติดใจรถแบบนี้ไปแล้ว กำลังคิดจะขายcityเพื่อหารถแบบนี้มาใช้อีก ตอนนี้กำลังมองfreedมือสองไว้อยู่ครับ
เรื่องความทนทานถึง 10ปี ได้ทุกคันอยู่แล้ว เรื่องอะหลั่ยรถที่นำเข้าจากอินโดทุกยี่ห้อก็พอๆกันหมด ส่วนมากจะเป็นอะหลั่ยตัวถังที่ต้องใช้เวลานิดนึง เคยสั่งอะหลั่ยทั่วไปก็ไม่เกิน3วัน ถ้าอะหลั่ยสิ้นเปลืองมีของเลย ราคากรองของน้ำมันเครื่องของแท้ 190 บ. ก็ลองเทียบกับยี่ห้ออื่นๆดู การซ่อมบำรุงเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ทำได้ง่าย สะดวกมากกว่าToyota เสียอีก ผมชอบมากเพราะผมทำเอง
ต้องดูการใช้งานของตัวเองครับ ถ้าประหยัดเชื้อเพลิงก็ไปm2 ถ้าเน้นประโยชน์ใช้สอยหรือแคร์คนนั่งไปertigaครับ อ้อ รถผมทุกคันติดแก็สตั้งแต่ออกจากศูนย์ ertiga วิ่ง 8หมื่นกว่ากิโลแล้ว ยังไม่เจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ครับ ถ้าไม่ได้ติดแก็สก็ยิ่งใช้ได้อย่างสบายใจ ความประหยัดของertigaไม่ต่างจากรถ1500cc. เกียร์เป็น 4AT นะครับ รับรองว่าทนถ้าดูแลดี
-
ผมว่า Ertiga น่าจะจุกจิกน้อยกว่านะครับ เพราะ เครื่องยังเป็นแบบหัวฉีด MPI มี VVT ข้างเดียว แถมรอบเดินเบาใช้ Map sensor อีก ทนแน่ๆ
เกียร์ 4 speed บ้านๆ ถ่ายน้ำมันไม่น่ายาก (เดาว่ามีก้านวัดแน่ๆ)
ส่วน 2 ทุกอย่างใหม่หมด คงดูแลเองลำบากต้องพึ่งศูนย์
คือ ถ้าผมเน้นทน ใช้ยาวๆ ผมคงเลือก suzuki มากกว่า แต่ถ้าอยากประหยัดก็ต้อง 2 คับ
-
ใช้ertiga2014 กับ city2010 อยู่ครับ ที่บ้านจะเดินทางใกล้หรือไกลจะใช้แต่ertigaครับ ตอนนี้เลขไมล์จะแซงcityแล้ว เพราะความโปร่งโล่งนั่งสบาย ขึ้นลงง่าย แอร์เย็น มีแอร์แถวหลัง เคยขนตู้เย็นแบบ2ประตูมาสองรอบแล้ว อย่างอื่นที่เล็กกว่านี้สบายมาก เรียกได้ว่ามันให้ประโยชน์ใช้สอยครบแบบที่รถเก๋งให้ไม่ได้ ยิ่งถ้าเทียบราคาที่เท่ากันแล้วยิ่งคุ้ม ตอนนี้ผมติดใจรถแบบนี้ไปแล้ว กำลังคิดจะขายcityเพื่อหารถแบบนี้มาใช้อีก ตอนนี้กำลังมองfreedมือสองไว้อยู่ครับ
เรื่องความทนทานถึง 10ปี ได้ทุกคันอยู่แล้ว เรื่องอะหลั่ยรถที่นำเข้าจากอินโดทุกยี่ห้อก็พอๆกันหมด ส่วนมากจะเป็นอะหลั่ยตัวถังที่ต้องใช้เวลานิดนึง เคยสั่งอะหลั่ยทั่วไปก็ไม่เกิน3วัน ถ้าอะหลั่ยสิ้นเปลืองมีของเลย ราคากรองของน้ำมันเครื่องของแท้ 190 บ. ก็ลองเทียบกับยี่ห้ออื่นๆดู การซ่อมบำรุงเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ทำได้ง่าย สะดวกมากกว่าToyota เสียอีก ผมชอบมากเพราะผมทำเอง
ต้องดูการใช้งานของตัวเองครับ ถ้าประหยัดเชื้อเพลิงก็ไปm2 ถ้าเน้นประโยชน์ใช้สอยหรือแคร์คนนั่งไปertigaครับ อ้อ รถผมทุกคันติดแก็สตั้งแต่ออกจากศูนย์ ertiga วิ่ง 8หมื่นกว่ากิโลแล้ว ยังไม่เจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ครับ ถ้าไม่ได้ติดแก็สก็ยิ่งใช้ได้อย่างสบายใจ ความประหยัดของertigaไม่ต่างจากรถ1500cc. เกียร์เป็น 4AT นะครับ รับรองว่าทนถ้าดูแลดี
ผมว่า Ertiga น่าจะจุกจิกน้อยกว่านะครับ เพราะ เครื่องยังเป็นแบบหัวฉีด MPI มี VVT ข้างเดียว แถมรอบเดินเบาใช้ Map sensor อีก ทนแน่ๆ
เกียร์ 4 speed บ้านๆ ถ่ายน้ำมันไม่น่ายาก (เดาว่ามีก้านวัดแน่ๆ)
ส่วน 2 ทุกอย่างใหม่หมด คงดูแลเองลำบากต้องพึ่งศูนย์
คือ ถ้าผมเน้นทน ใช้ยาวๆ ผมคงเลือก suzuki มากกว่า แต่ถ้าอยากประหยัดก็ต้อง 2 คับ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ที่บ้านมีรถเก่าอายุ10ปีขึ้นไปหลายคันเลยคับ (mighty-x,civic3dr, sunny neo , caribbian , w203) ถ้าไม่จำเป็นจิงๆ ไม่ค่อยซื้อเพิ่ม เลยอยากได้รถที่ใช้ได้นานๆ