Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: e:smart Hybrid ที่ มกราคม 26, 2017, 19:59:33
-
ผมเห็นยอดขายมา 12 เดือน ดูมาตั้งแต่มกราคม แล้ว
มีข้อสงสัยครับ ว่า รถราคาต่ำกว่า 7.5 แสน ในยุคนี้เราเริ่มมีตัวเลือกมากขึ้น เช่น
กลุ่ม B-MPV ก็มี Mobilio รุ่นกลางและล่าง ราคา ไม่เกิน 7 แสน
Avanza Ertiga ที่นำเข้าจากอินโด
หรือ B-SUV เช่น Ecosport ตัวกลางหรือล่าง
หรือกระบะ cab ยกสูงตัวล่าง กลาง หรือกระบะ 4 ประตูตัวล่าง
แต่ทำไมยอดขายของรถในกลุ่มต่ำกว่า 7.5 แสนก็ยังคงเป็นรถเก๋งครับ
หรือว่าคนในกลุ่มที่ซื้อรถพวกนี้ เขาไม่นิยมรถยกสูง รถอเนกประสงค์ที่สามารถนั่งได้หลายคนครับ
หรือตัวเลือกมันน้อยเกินไปไม่เท่ารถราคา 7 - 1 ล้านกว่าๆ หรือรถอื่นนอกจากเก๋ง ทำได้ไม่น่าใช้พอครับ
อยากให้ทุกท่านช่วยวิเคราะห์ด้วยครับ ว่า กลุ่มรถเก๋งราคาต่ำกว่า 7.5 แสน ทำไมถึงยังขายได้ดีแตกต่างจากรถเก๋งราคา 7.5 - 2 ล้าน ที่ยอดขายรถเก๋งไปกองอยู่กับเจ้าตลาด 2 รายเท่านั้น
-
รถยนต์เป็นสิ่งฟุ้มเฟือย แต่รถระดับนี้คนที่ซื้อส่วนใหญ่จะซื้อเพราะมันเป็นรถคันแรกๆของบ้าน ของคนที่พึ่งทำงานหาเงินด้วยตัวเองครับ ทั้งประหยัดน้ำมัน ประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าดูแลรักษาอีก จริงอยู่ที่ทุกคนต้องการรถคันใหญ่ นั่งสบาย ปลอดภัย แต่กว่าจะซื้อได้มันไม่ง่ายเลย
ส่วนที่ถามว่าทำไมไม่ซื้อรถ mini mpv ที่นั่งได้หลายๆคน ขอตอบว่า พอจะซื้อรถที่นั่งได้หลายๆคนปุ๊บ รถกระบะมันก็ลอยเข้ามาในความคิดก่อนเลย ทั่งนั่งได้เยอะขนของได้แยะ ตลาดนี้จึงไม่เกิด
ถ้าเปลี่ยนวิธีการคิดภาษีรถกะบะเมื่อไหร่ การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นมากกว่านี้แน่นอน แต่มันคงไม่มีวันนั้น เพราะมันถูกบิดเบือนมานานเกินไปแล้ว แก้ยาก
-
B-Seg เป็นรถที่เหมาะกับบ้านเรานะครับ ทั้งขนาด ราคา
คนจำนวนมาก เก็บเงินซื้อรถคันแรก ก็เอา B-Seg นี่แหละครับ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยลงไป Eco car
-
มันไปเยอะตอนโครงการรถ คันแรก แล้วไงคับ
คนส่วนใหญ่ก็มีรถใช้กันแล้ว
คนรุ่นใหม่ที่พึ่งเริ่มทำงาน ก็เงินเดือนพอซื้อ Eco Car
ส่วน C D seg ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่หา รถคันที่ 2 หรือขยับ อัพเกรด จากรถคันที่มีอยู่
และก็ในราคา 1 - 2 ล้านส่วนใหญ่พอมีฐานะขึ้นมา ก็จะข้ามไป รถยุโรป มือ 2 มากกว่า
เพราะใช้แล้วดู ภูมิฐานกว่า รถญี่ปุ่น ไงคับ
ยอดขายก็เป็นไปตามสัดส่วนฐานนะ ของคนในประเทศคับ
-
ตอบแบบภาพรวมของประเทศเรานะครับ
ถ้าให้แบ่งชนชั้นทางรายได้การทางเงิน ก็ต้องบอกว่า คนรายได้น้อยในประเทศเราเยอะมาก รวมไปถึงรายได้ปานกลาง
ก็เป็นที่มาของการซื้อรถนั่นแหละครับ รายได้ประมาณไหน ซื้อได้ประมาณไหน และก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าครับ A-seg และ B-seg เพราะแบรนด์ต่างๆ ต่างก็เริ่มเข้ามาหาผู้บริโภคมากขึ้น รู้ความต้องการ และเจาะกลุ่มคนกลุ่มนี้ และก็แข่งขันเรื่องราคาออปชั่น ความสวยงาม ก็ว่ากันไป จะขายแพงก็ซื้อยาก ทำมาให้ขายได้ แล้วพัฒนาเทคโนโลยีให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
-
คนเริ่มทำงาน ไม่อยากมีหนี้ หรืออยากเก็บเงินไปลงทุน
ก้อเริ่มที่เราผ่อนไหวครับ หรือแค่ความจำเป็นครับ ยอดขายจึงอยุ่ที่รถกระบะ, ecocar ,b segment
คนซื้อกระบะ คงเอาไว้ทำมาหากิน
คนใช้รถเก๋งเล็ก ก็คงเอาไว้ทำมาหากินเช่นกัน ครับ
อีกทั้งคนที่ไม่เคยมีรถมาก่อน ก้อคงเริ่มที่รถคันเล็กหรือกระบะก่อนครับ
-
พิกัด5-6แสนนี่หละ พอผ่อนไหว ในชีวิตจริง
-
ก็แค่เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเงินซื้อรถคันละมากกว่า 600,000 ได้บ่อยๆครับ อีกอย่างคือผู้สูงวัยจำนวนไม่น้อยที่เป็นกลุ่มลูกค้ารถหรูใหญ่เดิม ก็ตัดสินใจที่จะลดขนาดลง ไม่ว่าจะด้วยความสะดวกหรืออะไรก็ตามแต่ อันนี้สังเกตได้ อาจจะไม่ชัดมาก แต่ลองสังเกตดูครับ
อ๋อ แล้วอีกเหตุผลหนึ่งคือ รถ B-Seg กับ Eco Car เดี๋ยวนี้คันมโหฬารมากๆครับ รู้หรือไม่ Toyota Vios อีอ้วน ขนาดตัวถังมันใหญ่กว่า Toyota Corolla ตูดเป็ด Hi-Torque Altis ตัวแรกสุดอีกนะครับ ผู้ใช้งานรถยนต์ในทุกยุคมีขนาดรถที่ตัวเองชอบอยู่ครับ แล้วมันมักจะหยุดนิ่งเสียด้วย ซึ่งในไทยผมมองว่ามันก็ระดับประมาณ B-Seg Vios Almera เนี่ยแหละ ลองสังเกตดู รถที่ขายได้ดี เห็นบ่อยที่สุดมักจะมีขนาดเท่านี้เอง ในเมื่อรถทุกรุ่นมันมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ความชอบของคนมันหยุดนิ่ง คนเราก็ต้องลดลำดับ Segment ไปแทนครับ
หรืออย่าง Toyota Altis เดี๋ยวนี้ก็คันเท่าๆกับ Corona ท้ายโด่งแล้วครับ ทั้งๆที่ท้ายโด่งเป็นรถ D-Segment จริงๆ Altis หน้าแบน มันก็เป็นเหมือนกับ Corona ท้ายโด่งกลับชาติมาเกิดอยู่แล้วครับ รถขนาดเท่ากัน เครื่อง 1.6 4 สูบ ซ่อมง่าย คันใหญ่พอ มันคล้ายกันกว่าที่คิด เมื่อก่อน Corona ท้ายโด่งก็ขายดี ทั้งๆที่เป็น D-Seg แล้วในปัจจุบัน C-Seg ที่ขนาดเท่ากันก็ยังขายดีใช้ได้ แต่ D-Seg Camry ที่มีขนาดใหญ่กว่า ก็ยอดตกลงไป เป็นสัญญาณบอกได้ว่า D-Seg ในปัจจุบันขนาดใหญ่เกินกว่าที่คนไทยจะชอบแล้วครับ ซึ่งผมมองว่า C-Seg ในอนาคตจะตามไปในอีกไม่ไกล เพราะ C-Seg ปัจจุบันมันช่างมโหฬารคันเท่าบ้าน Honda Civic ปัจจุบันฐานล้อเท่ากับ Legend ตัวแรกแล้ว และความยาวเท่าๆกับ Vigor มันอาจจะใกล้ถึงจุดที่เกินความชอบของคนไทยแล้วครับ ไม่นับเรื่องความกว้างนะ ขับรถใหม่ๆมันกว้างมุดยาก พอไปขับรถเก่าๆซัก 20 ปี ต่อให้เป็น D-Seg หรือ E-Seg ก็ตาม มุดง่ายต่างกันเห็นๆครับ
-
คนไทยชอบรถเก๋งครับ เพราะมันดูดี สี่ที่นั่งกำลังดี เอาไปแต่งแล้วดูสวย ก็แค่นั้น
-
คนไทยชอบรถเก๋ง
แต่ รายได้ต่ำ
รถเก๋ง ดดนภาษี 30 % + 7 % จบละ
-
มันพอครับ (สำหรับการใช้งานในเมือง)
ถ้าอยากให้มองว่าส่วนใหญ่คนไทยซื้ออะไรจริงๆ
"รถกระบะ" ครับ
สำหรับคนทำงานในเมืองออกต่างจังหวัด "บ้าง" และหรือไม่ไกลจากที่อยู่ตัวเองมากตามความเหมาะสม ก็ B-Segment Eco - Car
3 ตัวเลือกนี้ เป็นตัวเลือกของคนส่วนใหญ่ตามยอดขายครับ
ดูจากยอด C-Segment Vs. Small Crossover SUV กับ D-Segment และ Compact SUV (คือในช่วงราคาที่เท่ากันนะครับ) ก็สามารถบอกได้ทันทีว่า ถ้าจะให้เลือกจริงๆยังไงก็ "รถเก๋ง" ครับ
-
มันเป็นกลุ่มรถที่เข้าถึงง่ายสำหรับเราๆครับ
อีกอย่างขนาดกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป
-
ราคา camry accord Teana ปรับตัวแพงขึ้นมามาก จนเกือบ 2 ล้านบาทแล้วครับ
คนที่มีเงินซื้อรถราคาประมาณนี้ และใช้งานเองคนเดียว หรือไม่ก็แค่มีแฟนนั่งด้วย
ก็มักจะเปลี่ยนใจไปซื้อรถยุโรป ราคาประมาณ 2 ล้านนิดๆ กันเยอะมากๆครับ
:)
-
B seg วันนี้ ขนาดและราคาพอๆกับ c seg สมัยก่อน ซึ่งลูกค้าก็คนกลุ่มเดิม เช่นคนอายุ 30 เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ซื้อ civic ตาโต ปีนี้ซื้อ city ห้องโดยสารและราคาก็พอๆกัน เขาไม่มีความจำเป็นต้องซื้อใหญ่ๆอย่าง new civic
ส่วน D seg 1.8 mb เจอ bm 2 ล้านต้นๆ ก็จบครับ
-
ผมใช้รถวิ่งเยอะ ยังชอบ พวก city vios เลย ครับ
ส่วนใหญ่ วิ่งสยาม สุขุมวิท
คชจ ต่อปี ไม่เยอะ
ตอนขาย ก็ ขาดทุนแบบรับได้
สมมติ ซื้อมา 650,000 ครบ 3ปี ใช้ 80,000 กม
ขายได้ 380,000-400,000 ผมรีบปล่อยเลย
-
ส่วนนึงเพราะ กระบะเดี๋ยวนี้ 4 ประตูมันก็นั่งสบายแถมคันใหญ่ราคาถูก ลองเทียบดูในช่วงราคา 8 แสนถ้าไม่ใช้ในเมือง ผมไปออกกระบะ 4 ประตูดีกว่า
รวมถึง D-sEGMENT คนหันไปใช้ PPV กันเยอะมากเพราะแม้จะนั่งไม่สบายเท่า D แต่มันไม่แย่และต้องห่วงอะไรกับสภาพถนนข้างหน้า ไปเถอะหลุมเท่าร่องน้ำ PPV ก็ฝ่าไปได้
-
พิกัด5-6แสนนี่หละ พอผ่อนไหว ในชีวิตจริง
จริง ๆ ผมว่าแบบนั้นละ คนส่วนใหญ่ตอนนี้มีอำนาจการผ่อนไม่มากนัก งบจะซื้อรถตลาดกลุ่มนี้ไม่เกิน 7 แสนผมว่ามันกว้างที่สุดแล้วทำให้ตลาดกลุ่มนี้คึกคักมาก ถ้าขยับไปราคา 1 ล้านบาทคู่แข่งดุเดือดกว่านี้อีกแต่ตลาดแคบลง แถมกลุ่มคนที่ซื้อรถราคา 1 ล้านน่าจะศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบมาก ต้องเทียบให้คุ้มค่าที่สุด ใครไม่แน่จริงคงอยู่ลำบาก ถ้าโดลงมาเล่นตลาดรถ 1 ล้านกว่าบาท
ตอนผมซื้อฟอร์จูเนอร์ราคา 1.2 ล้านช่วงนั้นเงินเดือนผมก็ยังไม่มาก แต่ตอนนี้เงินเดือนมากกว่าเก่าเยอะ หนี้สินก็จะไม่มีแล้ว แต่พร้อมอายุที่มากขึ้น รถที่จะซื้อแค่ 7 แสนผ่อน 5-6 พันบาทยังไม่กล้าซื้อ บอกตัวเองใช้คันเดิมต่อ ให้ภรรยาใช้วีออสคันเดิมต่อ
-
ตอนแรกจะตอบ พอเห็นบรรรทัดสุดท้ายไม่รู้จะตอบยังไง
-
กำลังซื้อโดยรวมของคนในประเทศจะได้รถประมาณราคานี้ครับ กับอีกกลุ่มใหญ่หน่อยที่มีกำลังซื้อรถCและD segmentก็หันไปซื้อพวกMuX Fortuner FordWTกันครับ