Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: buttt ที่ มกราคม 28, 2017, 13:10:06
-
ผมขับ crv g4 2.0 ไปเชียงใหม่ เห็น dmax ขาว ตัวเตี้ย แต่งเต็มยศเลย ล้อยื่น แต่งสติกเกอร์ ตามหลังมาติดๆ ผมก็ลองกดคันเร่งหนี 150 160 พี่ท่านก็กดตามผมแบบดูดตูดเลย ผมก็กดคันเร่งจมไปที่ 190 ที่ท่านยังกดตามผมแบบดูดติดอีก ดีที่ติดไฟแดงก่อน ไม่งั้นผมอาจจะโดน dmax สวนเอาได้ ว่าแต่ดีแม็คเค้าแรงเอาเรื่องเลย กระบะเดี๋ยวนี้ ทั้ง ใส่กล่อง ดันราง รีแมพ ยอมจริงๆ แต่ไม่ควรเอาเป็นตัวอย่างนะครับ ผมแค่ลองแป็ปเดี๋ยว เลยรู้เลยว่าเทคโนโลยีดีเซลพัฒนาไปไกลมากจริงๆ
-
สายซิ่งแพนด้า นิยม ดีแม็ก1.9แต่งแล้วแรง
-
พวก d-max แต่งนี่กดไป 200+ สบายๆครับแต่ จากนั้นอยู่ที่ว่าทำเยอะแค่ไหนบางคันทำเยอะ 0-200 30 วิยังทำได้เลย ผมเคยตอน เกือบๆ 200 แต่จะนั่งครั้งเดียวพอและจะนั่งเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตเพราะน่ากลัวมาก หัวใจจะวาย เสียงลมโคตรดังและสั่นด้วย
-
ที่เจอคงเป็นพวกดันรางใบเดียวคับ
ถ้าสเต็บหลังถนนโบใหญ่tf08 supercarเดิมๆก็ไม่กลัวคับ
-
ก่อนอื่นต้องขอเรียนก่อนว่า CRV 2.0 ตัวนี้มันไม่ได้แรงครับ
จุดอ่อนคือแรงบิด ซึ่งมีราวๆ 190 nm กับรถขนาดนี้ สัมภาระขนาดนี้ สำหรับผม น้อยไปจริงๆ
ตัวที่ขายไทย และ บนถนนเมืองไทยผมยังไม่เคยขับนะครับ
แต่เมื่อปลายปีที่แล้วมีโอกาสไปเที่ยว iceland โดยไปแบบ roadtrip รวมระยะทางทั้งทริปก็ราวๆ 2000 กว่า กิโลเมตร
รถที่เช่าเป็น CRV 2.0 เบนซิน 5AT ตัวนี้ประกอบที่โรงงาน Swindon UK (ขอบอกว่าโรงงานโรจนะประกอบเนียนกว่านะครับ) ซึ่ง เครื่องและเกียร์เป็นสเป็กที่เติม E85 หรือ E20 ไม่ได้ น้ำมันที่ใช้เป็น E10 ครับ
สภาพทางของ Iceland เป็นทางขึ้นลงเขายาวๆก็มาก ทางตรงยาวๆก็เยอะ และกว่า 90% ของทริป เป็นถนน 2 เลนสวนกัน (ไป 1 กลับ 1)
ช่วงขึ้นเขา จำเป็นต้องกดคันเร่งสุด คือจมติดพื้นอยู่หลายๆจังหวะ เนื่องจากแรงบิดตามที่มี และมีสัมภาระคือกระเป๋าเดินทางใหญ่ 4 ใบ รวม นน.คนทั้งรถอีก 4 คน แต่ละคนก็หนักราวๆ 50-70kg.
การเร่งแซงรถช้า ถ้าเป็นจังหวะคับขัน แน่นอนครับ กดสุดจมมิดอย่างเดียวเพื่อให้เกียร์ kick down เรียกรอบ แต่ก็ตามนิสัยเครื่องฮอนด้าคือ เกิน 4 พันรอบขึ้นไป lively มาก เสียงหวาน รอบกวาด ดึงหน่อยๆ แต่กินน้ำมันดุเดือดนะ
ช่วงออกตัว ถ้าจะเกาะๆไปกับรถอื่นๆ ก็ต้องกดลึกครับ ลึกจนเรารู้สึกว่ากำลังเค้นรถนั่นแหละ
ยังดีที่คันนี้มีดีที่เกียร์ ผมถือว่าเกียร์ออโต้ 5 speed ของมันค่อนข้างฉลาดทีเดียว รู้จังหวะอยู่จุดไหนควรลงเกียร์อะไร ไม่เหมือนบางรุ่นที่จะขึ้นเกียร์สูงสุดตลอดเวลา
ช่วงความเร็วสูง ในที่นี้คือผมกล้ากดไปที่ปรมาณ 120 km/h เพราะ speed limit ของเขาแรง ไม่อยากเที่ยวแพง แต่เท่าที่จับอาการดู คือ หลังจาก 100 ไปแล้วก็ไม่ได้ขึ้นไวนัก
ทีนี้ถ้าจะเทียบกับกระบะ
พอดีที่ไทยผมขับ Fortuner 2.8 ซึ่งก็เป็นเครื่องยนต์และเกียร์ของกระบะ เรียกว่าลงจาก crv คันนั้นกลับมาปุ๊บก็ขึ้นขับ fortuner ของตัวเองต่อเลย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ fortuner 2.8 ขับแล้วทันใจกว่าครับ เบรกก็หยุดได้ไวกว่า แต่สิ่งที่ fortuner คันนี้ไม่มีทางสู้ crv ได้เลยคือ comfort ครับ นิ่ง นุ่ม เงียบ
ทีนี้ เมื่อรู้ว่าจุดอ่อนมันอยู่ที่เครื่อง ผมว่าถ้า gen ต่อไปมีตัวดีเซลนี่น่าจะตอบโจทย์
หรือถ้าไม่อย่างนั้น ก็ต้องลองตัว2.4 ครับว่าจะต่างมากน้อยแค่ไหน
-
ถ้าเดิมๆ จะอัดก็ตามได้นะครับ แต่เกิน 140 ก็อยากจะบินแล้วครับ ถ้าเบรคแรงๆนี่ท้ายปัดและหมุนแน่นอนครับ
แต่พวกที่ดันชาวบ้านบ่อยๆส่วนใหญ่จะโมมาแล้วนะครับ เจอใครเร็วกว่าก็จะลองของตลอด
บางทีผมแค่รีบไม่ได้อยากแข่ง แค่ผมขับเร็วกว่าเขา ก็โดนดันแล้วครับ
-
เคยไล่กวดพี่แกรอบนึงครับ ใช้ไทรทันตอนเดียวรุ่นเก่า ดีแม็กเครื่อง 2.5 น่าจะทำมาพอขับใช้งาน ขับกวดกันไปถึง 150-160 หนีเค้ามาไกลผมก็ปล่อยครับ กลัวตาย :)
-
กระบะดีเซลไม่ได้แรงอะไรครับ คนขับใจถึง เหยียบมิดคันเร่ง มันก็ไปได้เร็ว
รถเดิมๆ เก๋ง B-Segment หรือ C-Segment ก็ไล่ทัน
เดาว่าคุณอาจจะเจอรถเดิมๆ เพราะ CRV 2.0 อัตราเร่งก็พอๆกับกระบะธรรมดาทั่วๆไป
กระบะเดิมๆสมัยนี้ ถ้าตัวเตี้ย วิ่งไหลๆก็มี 180-190 นะครับ
รถผมกระบะดีเซลเดิมๆ ถ้าปิดกล่อง วิ่งแข่งกับ B-Segment ยังลำบากเลยครับ
แต่ถ้าเปิดกล่องยก ต้อง D-Segment 2.4-2.5 ถึงสูสี
-
สนุกดีคับไล่กันมันๆเป็นสีสันบนท้องถนน
-
เครื่อง 1.9 รีแมฟกล่อง +เปลี่ยนกรองเลสเฮอริเคน ทำแค่นี้ความเร็วปลายก็ 200 แน่ๆแล้วครับ
-
ที่คุณเจอ น่าจะเป็นกระบะที่ข้างนอกแต่งซิ่ง แต่ไส้ในเดิมๆ ครับ หรือไม่ก็ติดกล่องดันรางใบเดียว ถ้าเป็นกระบะทำเต็ม ดัน-ยก คลัตช์ หัวฉีด โบใหญ่ พวกนี้น้องๆ รถสนามครับ 400 แรงม้าขึ้น บอกได้เลยว่า CRV เดิมๆ ไม่มีทางหนีออกหรือไล่ทัน ขนาดซุปเปอร์คาร์แข่งทางตรงด้วยยังเหนื่อยเลย
-
เล่นกับรถกลุ่มนี้ระวังเบรกกระทันหันแล้วหลุดหมุนมาชนเรานะครับ
เห็นคลิปมาเยอะแล้ว ผมเลือกอยู่ห่างกลุ่มนี้ไว้ก่อนดีกว่า
-
ก่อนอื่นต้องขอเรียนก่อนว่า CRV 2.0 ตัวนี้มันไม่ได้แรงครับ
จุดอ่อนคือแรงบิด ซึ่งมีราวๆ 190 nm กับรถขนาดนี้ สัมภาระขนาดนี้ สำหรับผม น้อยไปจริงๆ
ตัวที่ขายไทย และ บนถนนเมืองไทยผมยังไม่เคยขับนะครับ
แต่เมื่อปลายปีที่แล้วมีโอกาสไปเที่ยว iceland โดยไปแบบ roadtrip รวมระยะทางทั้งทริปก็ราวๆ 2000 กว่า กิโลเมตร
รถที่เช่าเป็น CRV 2.0 เบนซิน 5AT ตัวนี้ประกอบที่โรงงาน Swindon UK (ขอบอกว่าโรงงานโรจนะประกอบเนียนกว่านะครับ) ซึ่ง เครื่องและเกียร์เป็นสเป็กที่เติม E85 หรือ E20 ไม่ได้ น้ำมันที่ใช้เป็น E10 ครับ
สภาพทางของ Iceland เป็นทางขึ้นลงเขายาวๆก็มาก ทางตรงยาวๆก็เยอะ และกว่า 90% ของทริป เป็นถนน 2 เลนสวนกัน (ไป 1 กลับ 1)
ช่วงขึ้นเขา จำเป็นต้องกดคันเร่งสุด คือจมติดพื้นอยู่หลายๆจังหวะ เนื่องจากแรงบิดตามที่มี และมีสัมภาระคือกระเป๋าเดินทางใหญ่ 4 ใบ รวม นน.คนทั้งรถอีก 4 คน แต่ละคนก็หนักราวๆ 50-70kg.
การเร่งแซงรถช้า ถ้าเป็นจังหวะคับขัน แน่นอนครับ กดสุดจมมิดอย่างเดียวเพื่อให้เกียร์ kick down เรียกรอบ แต่ก็ตามนิสัยเครื่องฮอนด้าคือ เกิน 4 พันรอบขึ้นไป lively มาก เสียงหวาน รอบกวาด ดึงหน่อยๆ แต่กินน้ำมันดุเดือดนะ
ช่วงออกตัว ถ้าจะเกาะๆไปกับรถอื่นๆ ก็ต้องกดลึกครับ ลึกจนเรารู้สึกว่ากำลังเค้นรถนั่นแหละ
ยังดีที่คันนี้มีดีที่เกียร์ ผมถือว่าเกียร์ออโต้ 5 speed ของมันค่อนข้างฉลาดทีเดียว รู้จังหวะอยู่จุดไหนควรลงเกียร์อะไร ไม่เหมือนบางรุ่นที่จะขึ้นเกียร์สูงสุดตลอดเวลา
ช่วงความเร็วสูง ในที่นี้คือผมกล้ากดไปที่ปรมาณ 120 km/h เพราะ speed limit ของเขาแรง ไม่อยากเที่ยวแพง แต่เท่าที่จับอาการดู คือ หลังจาก 100 ไปแล้วก็ไม่ได้ขึ้นไวนัก
ทีนี้ถ้าจะเทียบกับกระบะ
พอดีที่ไทยผมขับ Fortuner 2.8 ซึ่งก็เป็นเครื่องยนต์และเกียร์ของกระบะ เรียกว่าลงจาก crv คันนั้นกลับมาปุ๊บก็ขึ้นขับ fortuner ของตัวเองต่อเลย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ fortuner 2.8 ขับแล้วทันใจกว่าครับ เบรกก็หยุดได้ไวกว่า แต่สิ่งที่ fortuner คันนี้ไม่มีทางสู้ crv ได้เลยคือ comfort ครับ นิ่ง นุ่ม เงียบ
ทีนี้ เมื่อรู้ว่าจุดอ่อนมันอยู่ที่เครื่อง ผมว่าถ้า gen ต่อไปมีตัวดีเซลนี่น่าจะตอบโจทย์
หรือถ้าไม่อย่างนั้น ก็ต้องลองตัว2.4 ครับว่าจะต่างมากน้อยแค่ไหน
เวลาขับเจอถนนที่เป็นน้ำแข็ง ลื่นไหมครับ
ตอนผมไปเช่า Suzuki Grand Craribian 2.4 ก็ขับดีนะครับ ไม่ต้องเค้นรอบเลย แถมรู้สึกแรงเหลือๆ ด้วยนะครับ เพราะเค้าจำกัดแค่ 90 เอง
-
ผมว่าแล้วเลยครับว่า 2.4 ต้องต่างกับ 2.0 อยู่เยอะแน่ๆ เพราะตอนที่ขับ ตลอดทั้งทริป ผมสังเกตชอบมีอยู่ 2-3 รุ่นมาจี้ แล้วก็แซงไป
1.Dacia Duster
2.Ford Escape น่าจะดีเซล เพราะควันดำไหลนิดๆ อิอิ
3.Suzuki Grand Vitara หรือใช้ชื่อว่า Caribbean ไม่แน่ใจครับ
ซึ่ง CRV 2.0 ที่เช่ามานี้อืดกว่าพวกนั้นทั้งหมด T-T
แปลกครับ เขากำหนดที่ 90 จริงแต่แต่ละคันผมว่ามี 100 กว่าๆขึ้นกันหมด บางทีวิ่งอยู่ 100 ก็เจอ yaris คันจิ๋วแซงหายก็มีครับ วันหลังๆเลยขับตามสบายหน่อย ไม่เกร็งแบบวันแรกๆ
แต่พอเข้าเขตเมือง Reykjavik (เมืองหลวง) อันนี้ไม่ค่อยกล้าซ่าแล้ว เพราะGPS ร้องเตือนตลอด คิดว่าร้องเตือนกล้องครับ
กลับมาได้ราวๆเดือนกว่า ไม่มีใบสั่งหรือ charge เพิ่ม คิดว่ารอดแล้วครับ :)
ตอบคำถาม มีลื่นตอนเปลี่ยนมือไปให้คุณผู้หญิงในทริปขับอยู่ครั้งนึงครับ หิมะลึก อยู่ดีๆเหมือนมันดึงรถขวางลำกลางถนนเลย ผลคือต้องดิ้นออกมาจากหิมะนั้นครับ จังหวะนั้นถ้าเป็นเก๋งคงจะติดแน่ๆ
ส่วนถนนปกติ ตอนแรกผมก็กลัวลื่น เห็นเป็นพื้นสีขาวๆ ไม่กล้าไป แต่พอรถเจ้าถิ่นแซงไปแล้วขับแบบปกติ คือแซงหายไปเลย ผมก็รู้ละโอเค ไม่ลื่น ก็หายเกร็งขับปกติครับ
ที่ลื่นจริงๆคือตามสี่แยกในเมืองที่หิมะมันอัดแน่นแล้วกลายเป็นพื้นน้ำแข็ง ลองนึกภาพที่สภาพมันเหมือนลานไอซ์สเก็ตน่ะครับ ถ้าเจอสภาพนั้นอันนี้ลื่นครับ ถึงจะเป็นยาง snow แล้วก็ตามเวลาจะเบรกต้องเผื่อระยะเลยล่ะ
ก่อนอื่นต้องขอเรียนก่อนว่า CRV 2.0 ตัวนี้มันไม่ได้แรงครับ
จุดอ่อนคือแรงบิด ซึ่งมีราวๆ 190 nm กับรถขนาดนี้ สัมภาระขนาดนี้ สำหรับผม น้อยไปจริงๆ
ตัวที่ขายไทย และ บนถนนเมืองไทยผมยังไม่เคยขับนะครับ
แต่เมื่อปลายปีที่แล้วมีโอกาสไปเที่ยว iceland โดยไปแบบ roadtrip รวมระยะทางทั้งทริปก็ราวๆ 2000 กว่า กิโลเมตร
รถที่เช่าเป็น CRV 2.0 เบนซิน 5AT ตัวนี้ประกอบที่โรงงาน Swindon UK (ขอบอกว่าโรงงานโรจนะประกอบเนียนกว่านะครับ) ซึ่ง เครื่องและเกียร์เป็นสเป็กที่เติม E85 หรือ E20 ไม่ได้ น้ำมันที่ใช้เป็น E10 ครับ
สภาพทางของ Iceland เป็นทางขึ้นลงเขายาวๆก็มาก ทางตรงยาวๆก็เยอะ และกว่า 90% ของทริป เป็นถนน 2 เลนสวนกัน (ไป 1 กลับ 1)
ช่วงขึ้นเขา จำเป็นต้องกดคันเร่งสุด คือจมติดพื้นอยู่หลายๆจังหวะ เนื่องจากแรงบิดตามที่มี และมีสัมภาระคือกระเป๋าเดินทางใหญ่ 4 ใบ รวม นน.คนทั้งรถอีก 4 คน แต่ละคนก็หนักราวๆ 50-70kg.
การเร่งแซงรถช้า ถ้าเป็นจังหวะคับขัน แน่นอนครับ กดสุดจมมิดอย่างเดียวเพื่อให้เกียร์ kick down เรียกรอบ แต่ก็ตามนิสัยเครื่องฮอนด้าคือ เกิน 4 พันรอบขึ้นไป lively มาก เสียงหวาน รอบกวาด ดึงหน่อยๆ แต่กินน้ำมันดุเดือดนะ
ช่วงออกตัว ถ้าจะเกาะๆไปกับรถอื่นๆ ก็ต้องกดลึกครับ ลึกจนเรารู้สึกว่ากำลังเค้นรถนั่นแหละ
ยังดีที่คันนี้มีดีที่เกียร์ ผมถือว่าเกียร์ออโต้ 5 speed ของมันค่อนข้างฉลาดทีเดียว รู้จังหวะอยู่จุดไหนควรลงเกียร์อะไร ไม่เหมือนบางรุ่นที่จะขึ้นเกียร์สูงสุดตลอดเวลา
ช่วงความเร็วสูง ในที่นี้คือผมกล้ากดไปที่ปรมาณ 120 km/h เพราะ speed limit ของเขาแรง ไม่อยากเที่ยวแพง แต่เท่าที่จับอาการดู คือ หลังจาก 100 ไปแล้วก็ไม่ได้ขึ้นไวนัก
ทีนี้ถ้าจะเทียบกับกระบะ
พอดีที่ไทยผมขับ Fortuner 2.8 ซึ่งก็เป็นเครื่องยนต์และเกียร์ของกระบะ เรียกว่าลงจาก crv คันนั้นกลับมาปุ๊บก็ขึ้นขับ fortuner ของตัวเองต่อเลย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ fortuner 2.8 ขับแล้วทันใจกว่าครับ เบรกก็หยุดได้ไวกว่า แต่สิ่งที่ fortuner คันนี้ไม่มีทางสู้ crv ได้เลยคือ comfort ครับ นิ่ง นุ่ม เงียบ
ทีนี้ เมื่อรู้ว่าจุดอ่อนมันอยู่ที่เครื่อง ผมว่าถ้า gen ต่อไปมีตัวดีเซลนี่น่าจะตอบโจทย์
หรือถ้าไม่อย่างนั้น ก็ต้องลองตัว2.4 ครับว่าจะต่างมากน้อยแค่ไหน
เวลาขับเจอถนนที่เป็นน้ำแข็ง ลื่นไหมครับ
ตอนผมไปเช่า Suzuki Grand Craribian 2.4 ก็ขับดีนะครับ ไม่ต้องเค้นรอบเลย แถมรู้สึกแรงเหลือๆ ด้วยนะครับ เพราะเค้าจำกัดแค่ 90 เอง
-
ที่จขกท. ที่เจอกระบะใส่กล่องดัรางใบเดียว หรือ กล่องดันราง+ยกหัวฉีด แต่ช่วงล่าง+เบรคเดิม เล่นโค้งสักหน่อย ไม่กล้าตามแล้ว
ถ้าเจอกระบะแต่งจัดเต็ม ไส้ในเต็ม ลูก+ก้าน+ข้อ เทอร์โบปาก44 หรือ F55 หัวฉีด กล่องดัน+ยก อินเตอร์คูลเลอร์+ท่อ 300แรงม้าอัพ โดนสวนแน่ๆ
Dmax เดิมๆ ทั้ง 2.5-3.0 หรือ 1.9 Blue power ก็180แล้ว ใส่กล่องสักใบ+กรองเปลือย+ท่อไอเสียสักชุด จมไมล์แล้วครับ
-
ผมว่าแล้วเลยครับว่า 2.4 ต้องต่างกับ 2.0 อยู่เยอะแน่ๆ เพราะตอนที่ขับ ตลอดทั้งทริป ผมสังเกตชอบมีอยู่ 2-3 รุ่นมาจี้ แล้วก็แซงไป
1.Dacia Duster
2.Ford Escape น่าจะดีเซล เพราะควันดำไหลนิดๆ อิอิ
3.Suzuki Grand Vitara หรือใช้ชื่อว่า Caribbean ไม่แน่ใจครับ
ซึ่ง CRV 2.0 ที่เช่ามานี้อืดกว่าพวกนั้นทั้งหมด T-T
แปลกครับ เขากำหนดที่ 90 จริงแต่แต่ละคันผมว่ามี 100 กว่าๆขึ้นกันหมด บางทีวิ่งอยู่ 100 ก็เจอ yaris คันจิ๋วแซงหายก็มีครับ วันหลังๆเลยขับตามสบายหน่อย ไม่เกร็งแบบวันแรกๆ
แต่พอเข้าเขตเมือง Reykjavik (เมืองหลวง) อันนี้ไม่ค่อยกล้าซ่าแล้ว เพราะGPS ร้องเตือนตลอด คิดว่าร้องเตือนกล้องครับ
กลับมาได้ราวๆเดือนกว่า ไม่มีใบสั่งหรือ charge เพิ่ม คิดว่ารอดแล้วครับ :)
ตอบคำถาม มีลื่นตอนเปลี่ยนมือไปให้คุณผู้หญิงในทริปขับอยู่ครั้งนึงครับ หิมะลึก อยู่ดีๆเหมือนมันดึงรถขวางลำกลางถนนเลย ผลคือต้องดิ้นออกมาจากหิมะนั้นครับ จังหวะนั้นถ้าเป็นเก๋งคงจะติดแน่ๆ
ส่วนถนนปกติ ตอนแรกผมก็กลัวลื่น เห็นเป็นพื้นสีขาวๆ ไม่กล้าไป แต่พอรถเจ้าถิ่นแซงไปแล้วขับแบบปกติ คือแซงหายไปเลย ผมก็รู้ละโอเค ไม่ลื่น ก็หายเกร็งขับปกติครับ
ที่ลื่นจริงๆคือตามสี่แยกในเมืองที่หิมะมันอัดแน่นแล้วกลายเป็นพื้นน้ำแข็ง ลองนึกภาพที่สภาพมันเหมือนลานไอซ์สเก็ตน่ะครับ ถ้าเจอสภาพนั้นอันนี้ลื่นครับ ถึงจะเป็นยาง snow แล้วก็ตามเวลาจะเบรกต้องเผื่อระยะเลยล่ะ
ก่อนอื่นต้องขอเรียนก่อนว่า CRV 2.0 ตัวนี้มันไม่ได้แรงครับ
จุดอ่อนคือแรงบิด ซึ่งมีราวๆ 190 nm กับรถขนาดนี้ สัมภาระขนาดนี้ สำหรับผม น้อยไปจริงๆ
ตัวที่ขายไทย และ บนถนนเมืองไทยผมยังไม่เคยขับนะครับ
แต่เมื่อปลายปีที่แล้วมีโอกาสไปเที่ยว iceland โดยไปแบบ roadtrip รวมระยะทางทั้งทริปก็ราวๆ 2000 กว่า กิโลเมตร
รถที่เช่าเป็น CRV 2.0 เบนซิน 5AT ตัวนี้ประกอบที่โรงงาน Swindon UK (ขอบอกว่าโรงงานโรจนะประกอบเนียนกว่านะครับ) ซึ่ง เครื่องและเกียร์เป็นสเป็กที่เติม E85 หรือ E20 ไม่ได้ น้ำมันที่ใช้เป็น E10 ครับ
สภาพทางของ Iceland เป็นทางขึ้นลงเขายาวๆก็มาก ทางตรงยาวๆก็เยอะ และกว่า 90% ของทริป เป็นถนน 2 เลนสวนกัน (ไป 1 กลับ 1)
ช่วงขึ้นเขา จำเป็นต้องกดคันเร่งสุด คือจมติดพื้นอยู่หลายๆจังหวะ เนื่องจากแรงบิดตามที่มี และมีสัมภาระคือกระเป๋าเดินทางใหญ่ 4 ใบ รวม นน.คนทั้งรถอีก 4 คน แต่ละคนก็หนักราวๆ 50-70kg.
การเร่งแซงรถช้า ถ้าเป็นจังหวะคับขัน แน่นอนครับ กดสุดจมมิดอย่างเดียวเพื่อให้เกียร์ kick down เรียกรอบ แต่ก็ตามนิสัยเครื่องฮอนด้าคือ เกิน 4 พันรอบขึ้นไป lively มาก เสียงหวาน รอบกวาด ดึงหน่อยๆ แต่กินน้ำมันดุเดือดนะ
ช่วงออกตัว ถ้าจะเกาะๆไปกับรถอื่นๆ ก็ต้องกดลึกครับ ลึกจนเรารู้สึกว่ากำลังเค้นรถนั่นแหละ
ยังดีที่คันนี้มีดีที่เกียร์ ผมถือว่าเกียร์ออโต้ 5 speed ของมันค่อนข้างฉลาดทีเดียว รู้จังหวะอยู่จุดไหนควรลงเกียร์อะไร ไม่เหมือนบางรุ่นที่จะขึ้นเกียร์สูงสุดตลอดเวลา
ช่วงความเร็วสูง ในที่นี้คือผมกล้ากดไปที่ปรมาณ 120 km/h เพราะ speed limit ของเขาแรง ไม่อยากเที่ยวแพง แต่เท่าที่จับอาการดู คือ หลังจาก 100 ไปแล้วก็ไม่ได้ขึ้นไวนัก
ทีนี้ถ้าจะเทียบกับกระบะ
พอดีที่ไทยผมขับ Fortuner 2.8 ซึ่งก็เป็นเครื่องยนต์และเกียร์ของกระบะ เรียกว่าลงจาก crv คันนั้นกลับมาปุ๊บก็ขึ้นขับ fortuner ของตัวเองต่อเลย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ fortuner 2.8 ขับแล้วทันใจกว่าครับ เบรกก็หยุดได้ไวกว่า แต่สิ่งที่ fortuner คันนี้ไม่มีทางสู้ crv ได้เลยคือ comfort ครับ นิ่ง นุ่ม เงียบ
ทีนี้ เมื่อรู้ว่าจุดอ่อนมันอยู่ที่เครื่อง ผมว่าถ้า gen ต่อไปมีตัวดีเซลนี่น่าจะตอบโจทย์
หรือถ้าไม่อย่างนั้น ก็ต้องลองตัว2.4 ครับว่าจะต่างมากน้อยแค่ไหน
เวลาขับเจอถนนที่เป็นน้ำแข็ง ลื่นไหมครับ
ตอนผมไปเช่า Suzuki Grand Craribian 2.4 ก็ขับดีนะครับ ไม่ต้องเค้นรอบเลย แถมรู้สึกแรงเหลือๆ ด้วยนะครับ เพราะเค้าจำกัดแค่ 90 เอง
เป็น Vitara ครับ ผมจำผิด
บางช่วงเจอหิมะที่อัดแน่นเป็นน้ำแข็ง ก็ลื่นสไลด์ข้าง ดริฟทางตรงเลยครับ ตอนนั้นปรับขับ 2 ไว้ ตกใจครับ แต่ก็ค่อยลดความเร็วประคอง พวงมาลัย แล้วเปลี่ยนเป็นล็อค 4L ก็ผ่านไปได้สบายครับ ผมเจอ Skoda Octavia Van ตัวขับ 2 ตกข้างทางก็มีครับ
เอาจริงๆ น่าลองตัวขับ Skoda Octavia Van 4WD นะครับ น่าจะขับสนุก
ตลอดทริป ผมขับคนเดียวเลยครับ ไปกันแค่ 2 คน
ปล. บางช่วง ถนนโล่งๆ ปลอดกล้อง อยากลอง ขับ 4H ผมเหยียบไป 120 up up อิอิ แต่ก็ไม่มีค่าปรับมานะครับ
-
ผมว่าแล้วเลยครับว่า 2.4 ต้องต่างกับ 2.0 อยู่เยอะแน่ๆ เพราะตอนที่ขับ ตลอดทั้งทริป ผมสังเกตชอบมีอยู่ 2-3 รุ่นมาจี้ แล้วก็แซงไป
1.Dacia Duster
2.Ford Escape น่าจะดีเซล เพราะควันดำไหลนิดๆ อิอิ
3.Suzuki Grand Vitara หรือใช้ชื่อว่า Caribbean ไม่แน่ใจครับ
ซึ่ง CRV 2.0 ที่เช่ามานี้อืดกว่าพวกนั้นทั้งหมด T-T
แปลกครับ เขากำหนดที่ 90 จริงแต่แต่ละคันผมว่ามี 100 กว่าๆขึ้นกันหมด บางทีวิ่งอยู่ 100 ก็เจอ yaris คันจิ๋วแซงหายก็มีครับ วันหลังๆเลยขับตามสบายหน่อย ไม่เกร็งแบบวันแรกๆ
แต่พอเข้าเขตเมือง Reykjavik (เมืองหลวง) อันนี้ไม่ค่อยกล้าซ่าแล้ว เพราะGPS ร้องเตือนตลอด คิดว่าร้องเตือนกล้องครับ
กลับมาได้ราวๆเดือนกว่า ไม่มีใบสั่งหรือ charge เพิ่ม คิดว่ารอดแล้วครับ :)
ตอบคำถาม มีลื่นตอนเปลี่ยนมือไปให้คุณผู้หญิงในทริปขับอยู่ครั้งนึงครับ หิมะลึก อยู่ดีๆเหมือนมันดึงรถขวางลำกลางถนนเลย ผลคือต้องดิ้นออกมาจากหิมะนั้นครับ จังหวะนั้นถ้าเป็นเก๋งคงจะติดแน่ๆ
ส่วนถนนปกติ ตอนแรกผมก็กลัวลื่น เห็นเป็นพื้นสีขาวๆ ไม่กล้าไป แต่พอรถเจ้าถิ่นแซงไปแล้วขับแบบปกติ คือแซงหายไปเลย ผมก็รู้ละโอเค ไม่ลื่น ก็หายเกร็งขับปกติครับ
ที่ลื่นจริงๆคือตามสี่แยกในเมืองที่หิมะมันอัดแน่นแล้วกลายเป็นพื้นน้ำแข็ง ลองนึกภาพที่สภาพมันเหมือนลานไอซ์สเก็ตน่ะครับ ถ้าเจอสภาพนั้นอันนี้ลื่นครับ ถึงจะเป็นยาง snow แล้วก็ตามเวลาจะเบรกต้องเผื่อระยะเลยล่ะ
ก่อนอื่นต้องขอเรียนก่อนว่า CRV 2.0 ตัวนี้มันไม่ได้แรงครับ
จุดอ่อนคือแรงบิด ซึ่งมีราวๆ 190 nm กับรถขนาดนี้ สัมภาระขนาดนี้ สำหรับผม น้อยไปจริงๆ
ตัวที่ขายไทย และ บนถนนเมืองไทยผมยังไม่เคยขับนะครับ
แต่เมื่อปลายปีที่แล้วมีโอกาสไปเที่ยว iceland โดยไปแบบ roadtrip รวมระยะทางทั้งทริปก็ราวๆ 2000 กว่า กิโลเมตร
รถที่เช่าเป็น CRV 2.0 เบนซิน 5AT ตัวนี้ประกอบที่โรงงาน Swindon UK (ขอบอกว่าโรงงานโรจนะประกอบเนียนกว่านะครับ) ซึ่ง เครื่องและเกียร์เป็นสเป็กที่เติม E85 หรือ E20 ไม่ได้ น้ำมันที่ใช้เป็น E10 ครับ
สภาพทางของ Iceland เป็นทางขึ้นลงเขายาวๆก็มาก ทางตรงยาวๆก็เยอะ และกว่า 90% ของทริป เป็นถนน 2 เลนสวนกัน (ไป 1 กลับ 1)
ช่วงขึ้นเขา จำเป็นต้องกดคันเร่งสุด คือจมติดพื้นอยู่หลายๆจังหวะ เนื่องจากแรงบิดตามที่มี และมีสัมภาระคือกระเป๋าเดินทางใหญ่ 4 ใบ รวม นน.คนทั้งรถอีก 4 คน แต่ละคนก็หนักราวๆ 50-70kg.
การเร่งแซงรถช้า ถ้าเป็นจังหวะคับขัน แน่นอนครับ กดสุดจมมิดอย่างเดียวเพื่อให้เกียร์ kick down เรียกรอบ แต่ก็ตามนิสัยเครื่องฮอนด้าคือ เกิน 4 พันรอบขึ้นไป lively มาก เสียงหวาน รอบกวาด ดึงหน่อยๆ แต่กินน้ำมันดุเดือดนะ
ช่วงออกตัว ถ้าจะเกาะๆไปกับรถอื่นๆ ก็ต้องกดลึกครับ ลึกจนเรารู้สึกว่ากำลังเค้นรถนั่นแหละ
ยังดีที่คันนี้มีดีที่เกียร์ ผมถือว่าเกียร์ออโต้ 5 speed ของมันค่อนข้างฉลาดทีเดียว รู้จังหวะอยู่จุดไหนควรลงเกียร์อะไร ไม่เหมือนบางรุ่นที่จะขึ้นเกียร์สูงสุดตลอดเวลา
ช่วงความเร็วสูง ในที่นี้คือผมกล้ากดไปที่ปรมาณ 120 km/h เพราะ speed limit ของเขาแรง ไม่อยากเที่ยวแพง แต่เท่าที่จับอาการดู คือ หลังจาก 100 ไปแล้วก็ไม่ได้ขึ้นไวนัก
ทีนี้ถ้าจะเทียบกับกระบะ
พอดีที่ไทยผมขับ Fortuner 2.8 ซึ่งก็เป็นเครื่องยนต์และเกียร์ของกระบะ เรียกว่าลงจาก crv คันนั้นกลับมาปุ๊บก็ขึ้นขับ fortuner ของตัวเองต่อเลย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ fortuner 2.8 ขับแล้วทันใจกว่าครับ เบรกก็หยุดได้ไวกว่า แต่สิ่งที่ fortuner คันนี้ไม่มีทางสู้ crv ได้เลยคือ comfort ครับ นิ่ง นุ่ม เงียบ
ทีนี้ เมื่อรู้ว่าจุดอ่อนมันอยู่ที่เครื่อง ผมว่าถ้า gen ต่อไปมีตัวดีเซลนี่น่าจะตอบโจทย์
หรือถ้าไม่อย่างนั้น ก็ต้องลองตัว2.4 ครับว่าจะต่างมากน้อยแค่ไหน
เวลาขับเจอถนนที่เป็นน้ำแข็ง ลื่นไหมครับ
ตอนผมไปเช่า Suzuki Grand Craribian 2.4 ก็ขับดีนะครับ ไม่ต้องเค้นรอบเลย แถมรู้สึกแรงเหลือๆ ด้วยนะครับ เพราะเค้าจำกัดแค่ 90 เอง
เป็น Vitara ครับ ผมจำผิด
บางช่วงเจอหิมะที่อัดแน่นเป็นน้ำแข็ง ก็ลื่นสไลด์ข้าง ดริฟทางตรงเลยครับ ตอนนั้นปรับขับ 2 ไว้ ตกใจครับ แต่ก็ค่อยลดความเร็วประคอง พวงมาลัย แล้วเปลี่ยนเป็นล็อค 4L ก็ผ่านไปได้สบายครับ ผมเจอ Skoda Octavia Van ตัวขับ 2 ตกข้างทางก็มีครับ
เอาจริงๆ น่าลองตัวขับ Skoda Octavia Van 4WD นะครับ น่าจะขับสนุก
ตลอดทริป ผมขับคนเดียวเลยครับ ไปกันแค่ 2 คน
ปล. บางช่วง ถนนโล่งๆ ปลอดกล้อง อยากลอง ขับ 4H ผมเหยียบไป 120 up up อิอิ แต่ก็ไม่มีค่าปรับมานะครับ
รู้สึกเริ่มพากระทู้ออกทะเลไปแล้ว ตั้งกระทู้ใหม่มั้ยครับ รีวิวขับรถเที่ยว iceland เดี๋ยวช่วยชง 555