Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: pjs6306 ที่ มกราคม 29, 2017, 19:00:30
-
ส่วนตัวคิดว่า i active sense ดูดีดูแพง และมีประโยชน์กว่า
-
i active sense แพงกว่าแน่นอนครับ
-
ถ้าเอาเป็นราคาผมว่า ถุงลมแพงกว่า
เพราะผมว่าระบบ i-ACTIVESENSE ใช่กล้องกับเซนเซอร์มาควบคุมระบบ ที่มีอยู่แล้วแค่นั่นเอง
-
ถุงลมแพงกว่าครับ
แค่ต้นทุก แผงหลังคา ก็ต้องทำพาทใหม่
ยิ่งถุงลมข้างเบาะ เสียเวลาทำเยอะมาก
พอก sencer มันมีช่องใส่อยู่แล้วเพิ่มนิดเดียว
และบางอย่างมันมาถังแผงอยุ่แล้วเพียงแต่ไม่ต่อใช้ก็มีครับ
-
ส่วนตัวคิดว่า i active sense ดูดีดูแพง และมีประโยชน์กว่า
ถุงลม 7 ใบ ดูไร้ค่าไร้ประโยชน์ ตราบเท่าที่มันยังอยู่ในช่องเก็บ
แต่ถ้ามันพองออกมาเมื่อไหร่!!!
เราคงได้ยินใครบางคน รำลึกถึงความหลังอยู่ตลอดเวลา .............. ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะเลือกถุงลม 7 ใบ :'(
-
ถุงลมแพงกว่า
แต่ระบบป้องกันอื่นๆก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
ถ้าเลือกได้ขอเลือกรถที่มีทั้งหมด
-
อย่าให้เป็นแบบโฆษณานี้
https://www.youtube.com/watch?v=nP7GR6UhV4k
-
อันนี้ก็ตอบ ยากนะครับ ส่วนตัว เอาทั้งสอง เลยครับ ถุงลมอยากมีเก็บไว้อุ่นใจ แต่ไม่อยากใช้ i Active Sense อยากมีและอยากใช้ :D :D :D
ส่วนเรื่องความจำเป็น ส่วนตัว ยังไงก็ สำคัญทั้งนั่นและครับ
ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน Preventive Safety และ ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง Protective Safety ถ้ามีแบบสมดุลทั้งสอง ได้ยิ่งดี ไม่ใช้ อันหนึ่งแทบไม่มี อีกอัน มีเต็ม
-
ถุงลมแพงกว่าครับ
มีตั้งแต่ลูกละ 7000 - 20000 แล้วแต่ว่าถุงลมประเภทไหน
ถ้าม่านจะแพงสุด
ส่วนอีกอันแค่กล้องกับเซนเซอร์ แล้วเขียนโปรแกรมครอบอีกที
-
ใช่ครับ รถที่มีตัวเลือกถุงลมเยอะน่าสนใจกว่าเสมอ
ตายไม่กลัว กลัวไม่ตายมากกว่า
ถุงลม7ลูกไม่ใช่ของใหม่สำหรับโลก ถุงลม6ลูกก็เหมือนกัน แต่สำหรับเมืองไทยเพิ่งมาบูม
ค่ายรถที่ไม่ให้คงคิดว่าลูกค้าไม่ต้องรอดมาซื้อซ้ำก็ได้มั๊งถ้าเกิดอุบัติเหตุ อาจจะไม่ต้องมาขับรถอีก
ของแพงอยู่ที่จำนวนผลิต ราคา วัสดุ ลิขสิทธ์ความใหม่ของเทคโลโลยี่
เหมือนรถบางค่ายลดต้นทุน ผมละนั่งขำ ขายในไทยเดือนละไม่ถึง100คัน ลดเล็กลดน้อยได้กี่บาท สุดท้ายขายไม่ออกมาลดราคาเป็นแสนก็มี
-
ผมไม่เห็นว่ามันน่าเป็นเรื่องที่ต้องเอามาถกเถียงกันเลย
ถ้าคนตัดสินความดีงามของรถหรือความคุ้มค่าของรถคันนึงจากแค่ 2 จุดนี้
อีกคันที่ไม่ถูกตัดสินให้เลือกซื้อคืออะไรครับ จะพลอยลามไปถึงคนที่ตัดสินใจซื้ออีกคัน
เค้าคิดอะไร ทำไมถึงซื้อรถที่ใครๆก็บอกว่าไม่ดี ไม่คุ้ม
-
ผมว่าถุงลมน่าจะแพงกว่า เพราะพวกระบบเสริม เห็นบางคันทำมารองรับอยู่แล้ว แต่จะใส่ตัวทำงานหรือเสียบปลั๊กหรือไม่ก็อีกเรื่องนึง
นึกถึงสมัยขับรถในยุคที่ไม่มีระบบช่วยเหลืออะไรเลย มีแค่ถุงลมคู่หน้า ก็รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้ครับ แต่เดี๋ยวนี้เลือกรถก็เอาที่มีครบๆเยอะๆไว้ก่อน
แต่ตามบรรทัดบน สำหรับผมระบบพวกนั้นไม่มีความจำเป็นเลย(แต่มีไว้ก็ดี) ดังนั้นให้ความสำคัญกับถุงลมก่อน เพราะปกป้องเราได้ แม้ขณะที่รถหยุดนิ่งก็ตาม
-
ระบบ i active sense ระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
ถุงลม 7 ใบ ระบบป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิต
ควรมีทั้ง 2 อย่าง ต้นทุนของถุงลมแพงกว่าแน่นอน และถ้าเอาต้นทุนบาดเจ็บมาคิดด้วย ถุงลมมีความจำเป็นมากกว่า แต่มีแล้วขอให้ไม่ต้องใช้ครับ ส่วน i active sense มีแล้วทำให้ระมัดระวังขึ้นในการขับรถได้ ช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้
-
ถ้าต้องเลือก 7 ใบครับ และมันน่าจะแพงกว่า
-
แพงกว่าคงเป็นถุงลม
แต่ถ้าให้ลูกค้าไทยส่วนใหญ่ เลือกคง เลือก ออฟชั่น มากกว่า
-
ถ้า Cost ดุ้นๆก็ ถุงลม แต่ถ้ารวมวิจัยด้วยผมว่า I Active
-
ถุงผมต้นทุนของแพงกว่าครับ
แต่ iActive Sense น่าจะแพงที่ค่าความคิดนะครับ เพราะต้องเขียน Software คำนวญ และทดลองหลายครั้งกว่าจะใช้งานได้ครับ
-
ผมไม่เห็นว่ามันน่าเป็นเรื่องที่ต้องเอามาถกเถียงกันเลย
ถ้าคนตัดสินความดีงามของรถหรือความคุ้มค่าของรถคันนึงจากแค่ 2 จุดนี้
อีกคันที่ไม่ถูกตัดสินให้เลือกซื้อคืออะไรครับ จะพลอยลามไปถึงคนที่ตัดสินใจซื้ออีกคัน
เค้าคิดอะไร ทำไมถึงซื้อรถที่ใครๆก็บอกว่าไม่ดี ไม่คุ้ม
ผมนี่ยืนขึ้นเลย
พบกระทู้ ถุงลม7ใบ มากมาย
เพราะอัลติสแท้ๆๆๆๆๆๆๆๆ 55555
-
ใครแพงกว่ากันไม่รู้ มันขึ้นอยู่กับต้นทุนที่บริษัทได้มาด้วย ถ้าให้ผมเดาถุงลมในอัลติสน่าจะถูกกว่าเพราะ มีในหลายรุ่นย่อย จำนวนขายก็แยอะกว่า นั่นหมายความว่าจำนวนการผลิตหรือสั่งซื้อของโตโยต้าก็จะมีจำนวนมาก ทำให้ได้ราคาถูกลง รวมไปถึงแชร์พาร์ทนี้กับรุ่นอื่นอีกเช่นแคมรี่ ถ้าไปเทียบกับมาสด้าที่มีแต่รุ่นท็อป และจำนวนการขายที่น้อยกว่า ทำให้ราคาตัวนี้ของมาสด้าน่าจะแพงกว่า
คหสต ถ้าพูดถึงแค่ระบบ 2 อย่างนี้แล้วต้องเลือกผมจะเลือกถุงลมมากกว่า ระบบ i active sense ไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับผมเลย การขับรถใช้แค่ 3 อย่างก็ปลอดภัยพอโดยไม่ได้ใช้ระบบช่วยเหลืออะไรทั้งนั้นคือ ฝีมือ สติ สมาธิ
แต่ถ้ามองไปถึงตัวรถทั้งคัน ผมกลับเลือกมาสด้า เพราะตัวรถขับดีกว่าอัลติสและผมไม่ได้พิศวาสถุงลมมากขนาดเอามาเป็นตัวชี้ว่าเอาหรือไม่เอาคันนี้ แต่ถ้างบไปถึงมาสด้าตัวท็อปได้ เพิ่มเงินอีกหน่อยก็สามารถไปเอาซีวิคตัวท็อปได้ ถุงลม 6 ใบตัว ภาพรวมรถทั้งคันก็ดีกว่ามาสด้า
-
ระบบความปลอดภัยต้องแยกครับ
1.ระบบป้องกัน ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
2.ระบบปกป้อง หลังอุบัติเหตุ
ซึ่งสำคัญทั้งคู่ แต่พวกระบบป้องกัน ส่วนใหญ่มักราคาแพงเนื่องจากค่าความคิด ค่าการออกแบบ
ส่วนพวกถุงลม เข็มขัด โครงสร้าง มันแพงเพราะอุปกรณ์
ไม่สงสัยหรือทำไมพวก program,PS,LR,solidwork DVD 2 แผ่น ขายเป็นหมื่น
-
i active sense แพงกว่าถุงลมเยอะครับ ถ้าคิดทั้งระบบ
(อย่าให้ราคาถุงลม after market มาหรอกว่ามันแพง เพราะเรายังไม่เคยเคลม active sense ก็เลยไม่ทราบราคา ว่ามันแพงกว่ามากกก
ยิ่งพวกมี radar เบรคเองนี้ยิ่งแพงใหญ๋)
ต้องแยกให้ออกว่า
i active sense มันเป็นระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ
Airbag เป็นระบบป้องกันหลังเกิดเหตุ
ถ้าให้เลือก ผมเลือกระบบที่ป้องกันไม่ให้เราไปเกิดเหตุดีกว่าครับ ไม่เจ็บ รถไม่พัง ดีกว่า
-
ระบบความปลอดภัยต้องแยกครับ
1.ระบบป้องกัน ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
2.ระบบปกป้อง หลังอุบัติเหตุ
ซึ่งสำคัญทั้งคู่ แต่พวกระบบป้องกัน ส่วนใหญ่มักราคาแพงเนื่องจากค่าความคิด ค่าการออกแบบ
ส่วนพวกถุงลม เข็มขัด โครงสร้าง มันแพงเพราะอุปกรณ์
ไม่สงสัยหรือทำไมพวก program,PS,LR,solidwork DVD 2 แผ่น ขายเป็นหมื่น
+1 ครับ
ค่าตัว Software engineer ไม่ได้ถูกนะครับ
-
ระบบความปลอดภัยต้องแยกครับ
1.ระบบป้องกัน ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
2.ระบบปกป้อง หลังอุบัติเหตุ
ซึ่งสำคัญทั้งคู่ แต่พวกระบบป้องกัน ส่วนใหญ่มักราคาแพงเนื่องจากค่าความคิด ค่าการออกแบบ
ส่วนพวกถุงลม เข็มขัด โครงสร้าง มันแพงเพราะอุปกรณ์
ไม่สงสัยหรือทำไมพวก program,PS,LR,solidwork DVD 2 แผ่น ขายเป็นหมื่น
ใช่ครับ หลายคนใช้ของฟรีจนชิน ลืมไปว่าฝีมือและการคิดค้นก็เป็นต้นทุน
-
ถ้ารวมต้นทุนยังไงก็ i active sense อ่ะ
แต่มีทั้งคู่ดีที่สุดแล้ว ถ้าให้เลือกอย่างเดียวก็ถุงลมแหละ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันพลาดกันได้
-
ตัวอุปกรณ์ ถุงลมน่าจะแพงกว่านะครับ
i active sense เป็นระบบ อาจจะเชื่อมต่อหลายอย่าง
-
คิดราคาต่อตัวอุปกรณ์ ถุงลมแพงกว่า แต่ ถ้ารวมวิธีคิดและการออกแบบ i active sens แพงกว่า ครับ
จากใจ Programmer
ปล.ไม่แปลกใจเลย ที่พวกรุ่นพี่ที่ทำงาน พากันไปต่างประเทศหมด